เพื่อนชวนเพื่อนปั่น(2) ... 1-5 พค. 52 มีโอกาสปั่นเดี่ยวยาวๆ อีกครั้ง เพื่อหาคำตอบให้กับตัวเองว่า..."จริงๆ แล้วตัวตนเราอยู่ตรงไหน?" ก็ได้คำตอบตั้งแต่ 2 วันแรกแล้วว่า"เราจะวางแนวทางตัวเองอย่างไร..." บางทีเราสับสนกับ"คำคน" จนทำให้เราลังเลที่จะทำอย่างที่ใจต้องการ ... ดังวลี "อันนินทา กาเร เหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำ เหมือนเอามีด มากรีดหิน ... แม้องค์พระ ปฏิมา ยังราคิน คนเดินดิน หรือจะสิ้น คนนินทา" การรู้ตัวตนเรากลับมาอีกครั้งก่อนที่เสียมิตรภาพบางสิ่ง บางอย่างไปแทรค GPS ตลอดเส้นทาง 5 วันใน Evertrail >> http://www.everytrail.com/view_trip.php?trip_id=215832
ขออนุญาตทบทวนกันหน่อยกับตอนก่อนๆ กับเรื่องราว 6 ตอนที่ผ่านมา...
- เพื่อนชวนเพื่อนปั่น (1) มาเล่าสู่กันฟัง... ปลายทางที่ชุมพร
- เพื่อนชวนเพื่อนปั่น (2) ตอน หาดใหญ่-สตูล-เกาะลันตา-ตรัง-หาดใหญ่
- เพื่อนชวนเพื่อนปั่น (3) ตอน อ.วงศ์ ชวนปั่นไปไหว้พระธาตุแก้บน
- เพื่อนชวนเพื่อนปั่น (4) ตอน ชวนเพื่อนเก่าไปชมเมืองเก่า-อโยธยา
- เพื่อนชวนเพื่อนปั่น (5) ตอน อะเมซิ่งริมโขง เชียงคาน-โขงเจียม
- เพื่อนชวนเพื่อนปั่น (6) ตอน ย้อนรอย"ชุมพร-ระนอง...หาดใหญ่
"คน 1 คน, คำพูดไม่กี่คำ เกือบเสียเพื่อนนับ 10 คน ... ช่างไม่คุ้มกันเลย" ... ผมพึมพำในใจ ก่อนหลับตา และนอนหลับพักผ่อนในคืนที่ 2 ของการเดินทาง ... อย่าเพิ่ง ง. งู 2 ตัว อิอิอิ จบจาก"เพื่อนชวนเพื่อนปั่น(1) มาเล่าสู่กันฟัง...ปลายทางที่ชุมพร" http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=56&t=55670 ผมได้พูดคุยกับเพื่อนเราไม่กี่คน ... มีเพื่อนบางคนก็ไปได้ยินได้ฟังมาจากคำพุดผมบางช่วงบางตอนในการเตรียมตัวก่อนเดินทาง... ซึ่งใจความที่พูดนั้นจะเกี่ยวพันธ์กับบุคคลท่านหนึ่งที่คร่ำหวอดในวงการจักรยาน แม้ไม่ใช่นักแข่ง เอ่ยชื่อมาคิดว่าหลายคนในที่นี้รู้จักดี ..."ลุงเนตร หรือ นายเนตร สงวนสัตย์" อายุ 60 ปลายๆ "อ้ายยิ้ม มันไปก็อปรูปแบบลุงเนตร มันนับถือลุงเนตรเป็น idol ..." ไม่ว่าผมจะคิดหรือไม่คิด จริงหรือไม่จริง ไม่ใช่สาระที่จะพูดกัน ... แต่ที่ต้องเก็บมาคิดคือว่า "เขาไม่มีสิทธิมาวิพากษ์วิจารณ์ผมอย่างนั้น" ผมทราบดีว่าคนเราไม่เคยมีแต่ด้านดีด้านเดียว สรรพสิ่งมี 2 ด้านเป็นอย่างน้อยเสมอ... ก่อนนี้ผมเคยได้รับคำแนะนำจาก "เสือสามคัน" ด้วยคำพูดสั้นๆ ว่า ..." ลองทบทวนดูตอนที่เราจะมีอายุเท่าแก(ลุงเนตร)ตอนนี้ ถึงเวลานั้นเราจะทำได้อย่างแกฯ ไหม? " ... ลองคิดกันดู
ด้วยเหตุที่กล่าวมา ผมคิดว่าลองออกปั่นโดยลำพัง ไม่รบกวนใคร ... พอทำเข้าจริงก็มีคำพูดอีก... "อ้ายยิ้ม มันเก่ง มันบินสูงแล้ว ไปใหนมาใหนไม่ต้องบอกใคร?" ... ว่าเข้าไปนั้น ไม่อยากสรุป ไม่อยากไปเค้นหาคำตอบอีกแล้ว "อิสรภาพบนหลังอาน ค้นหาได้ใกล้ๆ ตัว" ผมเขียนมันเอง แต่ดันมาลืมเมื่อเจอลมปากคนที่ไร้เหตุผล ไร้ซึ่งจุดยืน ... กลับมาเป็นตัวตนของเราดีกว่า แต่ก็นั่นแหละวิบากกรรมของมนุษย์มนาอย่างเราที่ต้องผจญ ก็ต้องว่ากันต่อไป ผมเคยหยุด เคยหลบ เคยเลี่ยง และเคยหนีพันธนาการด้านคำพูด ครั้งแล้วครั้งเล่า มันก็วนเวียนมาให้ขุ่นมัวอยู่ร่ำไป ... จนผมคิดว่าไม่รู้จะหลบ จะเลี่ยงไปทำไม ยิ่งหลบ ยิ่งเจอ ... สู้เข้าเกียร์เดินหน้าเผชิญกับมันอย่างทรนง
ขออภัยท่านที่ไม่เกี่ยวข้อง อ่านแล้วพาลจะเครียด...ก็ข้ามๆ มันไปซะ มาเข้าเรื่องของการปั่นฯ กันดีกว่า ... เนื่องจากวันที่ 1 พ.ค. ของทุกปีเป็นวันแรงงาน ผมเองก็อยู่ในฐานะลูกจ้างผู้ใช้แรงงานก็ได้มีโอกาสหยุดกะเขาด้วย 1 วัน ... วันที่ 5 พ.ค. ก็วันฉัตรมงคล หยุดอีก 1 วัน เหลือวันจันทร์ที่ 4 พ.ค. เหลือไว้ทำไม "ลาซิครับ ไม่ลาซิโง่"
ลาโง่ / ไม่ลา...สิโง่
ลาโง่ตัวหนึ่งกินหญ้าอยู่ที่ชายป่าได้ยินเสียงจิ้งหรีดร้องเพลงเพราะ ลาอยากร้องเพลงเพราะอย่างจิ้งหรีดบ้าง จึงถามจิ้งหรีดว่า...
ลา : กินอะไรจึงร้องเพลงเพราะ?
จิ้งหรีด : กินน้ำค้างเสียงจึงเพราะ
ลาจึงเลิกกินหญ้าและกินแต่น้ำค้าง ไม่ช้าลาโง่ก็ตาย ... เพราะลาเป็นสัตว์กินหญ้า เมื่อเลิกกินหญ้าไม่ช้าก็ ตาย
...........
พนักงานของบริษัทท่องเที่ยวแห่งหนึ่งทำงานด้านเอกสารมา 5 ปี มีความใฝ่ฝันที่อยากจะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นพนักงานระดับหัวหน้างานหรือเป็นมัคคุเทศก์ ด้วยความที่ได้รับการอบรมมาว่าคนเราต้องขยันอดทน ตั้งใจทำงานไม่ลางานเลยได้ยิ่งดี ก็จะได้ดีในหน้าที่การงาน ตั้งแต่เริ่มทำงานวันแรก พนักงานคนนั้นก็ตั้งใจทำงานมาตลอดห้าปี ไม่เคยลากิจ ลาป่วย หรือลาพักร้อนแม้แต่วันเดียว มีอยู่บ้างเหมือนกันที่พนักงาน
คนนี้ตั้งใจจะลาพักร้อนไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ บ้างในช่วงปีแรก ๆ แต่ว่ามักจะได้รับการตอบปฏิเสธจากหัวหน้างานซึ่งให้เหตุผลว่าช่วงวันหยุดนี้งานเยอะมากเลยนะ คุณอยู่ช่วยหน่อยเถอะนะเก็บเงินโอทีไปเที่ยวทีหลังก็ได้ ถ้าคุณขยันอย่างนี้นะปีหน้าอาจจะได้เลื่อนตำแหน่ง ได้โบนัสพิเศษห้าปีมาแล้วที่พนักงานคนนี้ขยันทำงานมาตลอด ไม่เคยลาพักร้อนไปเที่ยวไหนเลย
แล้วความฝันก็เป็นจริงขึ้นมาปีนี้ทางบริษัทต้องการมัคคุเทศก์ผู่ช่วยเพิ่มอีก 3-4 คน โดยจะเลือกจากพนักงานภายในที่มีศักยภาพ คำถามในการสัมภาษณ์เพื่อคัดเลือก ก็คือ คุณเคยไปเทียวที่ไหนมาบ้าง ? คุณเคยมีประสบการณ์ที่น่าตตื่นเต้นในการท่องเทียวบ้างหรือเปล่า ?
( เงียบ) ......... ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก อิอิอิ
ดูเหมือนลา และพนักงานคนนี้มีอะไรคล้ายกันอยู่ในบางมุม คุณว่ามั้ย.....คุณอาจจะเป็นคนขยันทำงาน ซึ่งจะด้วยเหตุผลใดก็ตามมันก็เป็นสิ่งดี แต่อย่าลืมว่าชีวิตไม่ได้มีด้านเดียว และชีวิตไม่ได้มีเวลานานสักเท่าใด ชีวิตที่ขาดประสบการณ์ด้านอื่น ๆ เป็นชีวิตที่ไม่สมบูรณ์หรอก คุณอาจจะเก็บเงินไปเที่ยวตอนแก่แล้วคุณจะแน่ใจได้หรือว่าคุณจะไม่เป็นอะไรไปก่อนแก่ และจงระลึกไว้ว่า ใช่ว่าคุณไม่อยู่ ที่บริษัทจะอยู่ไม่ได้ เพราะคนอื่นก็สามารถทำงานแทนคุณได้เหมือนกัน.....
ลาพักร้อนบ้างเถอะ จะใช้ลากิจ ลาป่วยบ้างก็ไม่ว่ากัน ( ใครจะรู้) ปีหนึ่งสักสองสามครั้ง ไปไหนก็ได้ ไปในที่ๆ คุณยังไม่เคยไป
- ไม่ต้องรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเมื่อคุณต้องเขียนใบลาบ่อยๆ
- ไม่ต้องกลัวว่าเจ้านายจะไม่พอใจ หรือไม่อนุมัติ เพราะคุณมีสิทธิ์
- ไม่ต้องรู้สึกผิด ถ้าในเวลางานคุณได้ทำเต็มร้อยแล้ว
- ไม่ต้องห่วงว่าการหยุดของคุณจะมีผลต่อการประเมิน ผลงานต่างหากที่เป็นตัววัด
จงห่วงแค่ว่า คุณมีชีวิตแล้ว คุณมีชีวาหรือยัง จงใช้ชีวิตที่มีให้คุ้มค่า ดูอย่างเจ้าลาโง่ อย่างน้อยมันยังได้เดินเที่ยวในป่ากว้างก่อนตาย
แล้วคุณจะจับเจ่าอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมทั้งปีทั้งชาติหรือ
ไม่ลา...สิโง่ คุณว่ามั้ย