ฝึกปั่นขึ้นภูเขา
- nthanach
- สมาชิก
- โพสต์: 39
- ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2008, 08:45
- Bike: Tarmac Expert
ฝึกปั่นขึ้นภูเขา
ควรทำอย่างไรบ้างครับ แล้วมีที่ไหนบ้างที่น่าไปขี่ใกล้ๆกรุงเทพ
- รตอ.ละม่อม
- ขาประจำ
- โพสต์: 534
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 11:04
- Tel: 0917687182
- team: ไม่มี
- Bike: เสือภูเขามั่ง เสือหมอบมั่ง เบื่อๆก็ขี่ฟีโน่
- ตำแหน่ง: กุงเตป
Re: ฝึกปั่นขึ้นภูเขา
อยู่กรุงเทพแบบเราๆ หาที่ซ้อมอยาก แนะนำให้ซื้อเทรนเนอร์แบบ จับยาง มาใช้ครับ เพราะสามารถปรับความหนืด และหาแท่นวางมาหนุนตั้งองศาของรถได้ ส่วนวิธีการซ้อมแบบไหน คงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญมาตอบ ผมมันพวก งูๆปลาๆ เอาแค่เห็นหลังพรรคพวกได้ก็พอแล้วครับ
ส่วนสถานที่แนะนำถ้าเอาแค่ดันเนินไม่ถึงกับภูเขา ก็เส้นสวนผึง ราชบุรีครับ รถน้อยเส้นทางน่าปั่นมาก จอดรถที่ว่าการอำเภอ แล้วปั่นขึ้นไปน้ำตกเก้าโจน ขากลับแวะแช่น้ำแร่ สุดยอดจริงๆ
ส่วนสถานที่แนะนำถ้าเอาแค่ดันเนินไม่ถึงกับภูเขา ก็เส้นสวนผึง ราชบุรีครับ รถน้อยเส้นทางน่าปั่นมาก จอดรถที่ว่าการอำเภอ แล้วปั่นขึ้นไปน้ำตกเก้าโจน ขากลับแวะแช่น้ำแร่ สุดยอดจริงๆ
เบื่อๆอยากๆ
- ลุงแม นราธิวาส
- ขาประจำ
- โพสต์: 2975
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 09:31
- Tel: 08-5900-0059
- team: Power Bike Narathiwat / Mad Max Gang
- Bike: Moots YBB / lynsky
- ตำแหน่ง: 118 หมู่ที่ 3 ตำบลผดุงมาตร อ.จะแนะ จ.นราธิวาส 96220
Re: ฝึกปั่นขึ้นภูเขา
จากประสบการณ์ของผมครับ การปั่นขึ้นเขานั้นก็เป็นสิ่งที่นักปั่นทุกคนไม่ค่อยชอบนัก แต่ก็เป็นสิ่งที่ท้าทายนักปั่นอย่างมากเช่นกัน เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ผมใช้อยู่นะครับ
***เราควรเฉลี่ยเนินเขาที่อยู่ข้างหน้าเรา และแบ่งออกเป็น 3 ส่วนเก็บไว้ในใจซะก่อน***
1.เมื่อเรามาด้วยความเร็วจากเส้นทางปกติ เมื่อเห็นเนินเขาอยู่ข้างหน้าก็อย่าไปสนใจมัน มุ่งมั่นปั่นต่อไปด้วยความเร็วเดิมและใช้เกียร์เดิมครับ (อย่ารวนรีบเปลี่ยนเกียร์)
2.จากที่เราเฉลี่ยเนินเขาเมื่อสักครู่ ในส่วนที่หนึ่งใช้คำว่า (ส่ง) หมายถึงเราจะปั่นส่งด้วยความเร็วที่เรามาจากเดิม
3.เมื่อรถเริ่มสัมผัสกับเนินเขา เราจะรู้สึกถึงความหนืด (รอบขาเริ่มจะตก) คือส่วนที่ 2 ก็เริ่มเปลี่ยนจากเกียร์เดิมลงไปใช้เกียร์ต่ำนิดหนึ่ง โดยเริ่มเปลี่ยนจากเฟืองหลังก่อนครับ (สิ่งที่สำคัญที่สุดคือรักษารอบขาให้ได้) ช่วงนี้เราจะปั่นโดยรักษารอบขาให้สม่ำเสมอจนมาถึงช่วงในส่วนที่ 3 คือใกล้ถึงยอดเขา
4.ส่วนที่ 3 ตอนนี้เราจะใช้เกียร์เกือบหมดแล้วทั้งหน้าและหลัง และรถก็ใกล้จะถึงยอดเขาแล้วนะครับ เป็นช่วงสุดท้ายคือ ส่วนที่ 3 มาถึงตอนนี้เราเพิ่มเกียร์ให้หนักนิดหนึ่งแล้วก็ลุกขึ้นโยกเจ้าเสือน้อยของเราส่งให้ถึงยอดเขาเลยนะครับ ถ้าทำได้รับรองว่าถ้วยรางวัลรอคุณอยู่ข้างหน้าแน่นอนครับ
***การฝึกขั้นตอนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดต้องฝึกการหายใจด้วยนะครับ***
***เราควรเฉลี่ยเนินเขาที่อยู่ข้างหน้าเรา และแบ่งออกเป็น 3 ส่วนเก็บไว้ในใจซะก่อน***
1.เมื่อเรามาด้วยความเร็วจากเส้นทางปกติ เมื่อเห็นเนินเขาอยู่ข้างหน้าก็อย่าไปสนใจมัน มุ่งมั่นปั่นต่อไปด้วยความเร็วเดิมและใช้เกียร์เดิมครับ (อย่ารวนรีบเปลี่ยนเกียร์)
2.จากที่เราเฉลี่ยเนินเขาเมื่อสักครู่ ในส่วนที่หนึ่งใช้คำว่า (ส่ง) หมายถึงเราจะปั่นส่งด้วยความเร็วที่เรามาจากเดิม
3.เมื่อรถเริ่มสัมผัสกับเนินเขา เราจะรู้สึกถึงความหนืด (รอบขาเริ่มจะตก) คือส่วนที่ 2 ก็เริ่มเปลี่ยนจากเกียร์เดิมลงไปใช้เกียร์ต่ำนิดหนึ่ง โดยเริ่มเปลี่ยนจากเฟืองหลังก่อนครับ (สิ่งที่สำคัญที่สุดคือรักษารอบขาให้ได้) ช่วงนี้เราจะปั่นโดยรักษารอบขาให้สม่ำเสมอจนมาถึงช่วงในส่วนที่ 3 คือใกล้ถึงยอดเขา
4.ส่วนที่ 3 ตอนนี้เราจะใช้เกียร์เกือบหมดแล้วทั้งหน้าและหลัง และรถก็ใกล้จะถึงยอดเขาแล้วนะครับ เป็นช่วงสุดท้ายคือ ส่วนที่ 3 มาถึงตอนนี้เราเพิ่มเกียร์ให้หนักนิดหนึ่งแล้วก็ลุกขึ้นโยกเจ้าเสือน้อยของเราส่งให้ถึงยอดเขาเลยนะครับ ถ้าทำได้รับรองว่าถ้วยรางวัลรอคุณอยู่ข้างหน้าแน่นอนครับ
***การฝึกขั้นตอนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดต้องฝึกการหายใจด้วยนะครับ***
- รตอ.ละม่อม
- ขาประจำ
- โพสต์: 534
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 11:04
- Tel: 0917687182
- team: ไม่มี
- Bike: เสือภูเขามั่ง เสือหมอบมั่ง เบื่อๆก็ขี่ฟีโน่
- ตำแหน่ง: กุงเตป
Re: ฝึกปั่นขึ้นภูเขา
ขอบคุณครับลุงแม สำหรับเทคนิคการลุกขึ้นโยกที่ปลายเนิน จะลองเอาไปฝึกดูครับ
เบื่อๆอยากๆ
- nthanach
- สมาชิก
- โพสต์: 39
- ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2008, 08:45
- Bike: Tarmac Expert
Re: ฝึกปั่นขึ้นภูเขา
ขอบคุณมากนะครับ
- yong_251
- ขาประจำ
- โพสต์: 850
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 12:48
- Tel: 081-936-5499
- team: TOUR BIKE
- Bike: JIANT XTC , Surly LHT, cannondale ALPINE
Re: ฝึกปั่นขึ้นภูเขา
ขอบคุณลุงแม เช่นกันครับ ได้แวะเข้ามาอ่าน เทคนิคนี้ผมยังไม่รู้ แล้วจะนำไปปฎิบัติครับ
คำขวัญจังหวัดนนทบุรี
พระตำหนักสง่างาม ลือนามสวนสมเด็จ
เกาะเกล็ดแหล่งดินเผา วัดเกาะนามระบือ
เลื่องลือทุเรียนนท์ งามน่ายลศูนย์ราชการ
ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น
พระตำหนักสง่างาม ลือนามสวนสมเด็จ
เกาะเกล็ดแหล่งดินเผา วัดเกาะนามระบือ
เลื่องลือทุเรียนนท์ งามน่ายลศูนย์ราชการ
ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น
-
- สมาชิก
- โพสต์: 3
- ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ส.ค. 2008, 13:35
- Tel: 054532541
- team: jogkingphrae
- Bike: take4400
Re: ฝึกปั่นขึ้นภูเขา
รบกวนถามลุงแมอีกหน่อยแบบว่ามือใหม่นะครับ
เห็นแนะนำให้เล่นแต่จานหลัง ขอช่วยให้ความกระจ่างกับการใช้จานหน้าในการปั่นขึ้นเขาครับ
ที่บ้านผมเขาสูงมากครับ (ผมอยู่แพร่ครับ)
ถ้าผู้รู้อื่นจะเสริมยินดีรับฟังครับ ขอบคุณจาดหลายเด้อกับเทคนิคใหม่ๆๆๆๆ
เห็นแนะนำให้เล่นแต่จานหลัง ขอช่วยให้ความกระจ่างกับการใช้จานหน้าในการปั่นขึ้นเขาครับ
ที่บ้านผมเขาสูงมากครับ (ผมอยู่แพร่ครับ)
ถ้าผู้รู้อื่นจะเสริมยินดีรับฟังครับ ขอบคุณจาดหลายเด้อกับเทคนิคใหม่ๆๆๆๆ
- ลุงแม นราธิวาส
- ขาประจำ
- โพสต์: 2975
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 09:31
- Tel: 08-5900-0059
- team: Power Bike Narathiwat / Mad Max Gang
- Bike: Moots YBB / lynsky
- ตำแหน่ง: 118 หมู่ที่ 3 ตำบลผดุงมาตร อ.จะแนะ จ.นราธิวาส 96220
Re: ฝึกปั่นขึ้นภูเขา
ขอบคุณทุก ๆ คนเช่นกันนะครับ
ขอตอบคุณ Wat นะครับ ที่ผมบอกว่าให้เปลี่ยนเฉพาะจานหลังนั้น การปฏิบัติจะเป็นดังนี้ครับ
1.เมื่อเรามาด้วยความเร็วเดิม ๆ เอาเป็นคเร็วปกติจะอยู่ประมาณ 35-38 กม./ชม ที่จานหน้า 3 และจานหลังอาจจะ 8 หรือ 9
2.เมื่อเราเริ่มสัมผัสเนินเขา หากเราเปลี่ยนจานหน้าทันที จากจาน 3 ลงมาเป็นจาน 2 จะทำให้การเปลี่ยนแปลงรอบขามากไป จะทำให้เราสูญเสียเกียร์อีกหลายเกียร์ และสูญเสียความเร็วอย่างรวดเร็วด้วย
3.ผมจึงแนะนำว่าให้เราเริ่มเปลี่ยนจากหลังก่อนเพื่อรักษารอบขา และจะไม่สูญเสียความเร็ว
4.เมื่อเราเปลี่ยนจานหลังมาถึงประมาณ กลาง ๆ หรือประมาณจานที่ 5 หรือ 6 ช่วงนี้โซ่จะเริ่มเอียง และรอบขาเริ่มจะตกไปบ้าง
5.เราเริ่มเปลี่ยนจานหน้าลงมาเป็นจานที่ 2 ในช่วงนี้หากเรายังมีกำลังขาดี เราอาจจะคืนเกียร์โดนเปลี่ยนจานหลังลงไปให้หนักขึ้นได้อีก 1 เกียร์ ทำหใรได้กำไร ในการมีเกียร์สำรองไว้ใช้จนกว่าจะถึงยอดเขา และเราจะใช้เกียร์โดยใช้จานหน้า 2 และเปลี่ยนจานหลังไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงจานที่ 3 หรือ 2 แต่ในช่วงนี้คิดว่าเราใกล้ถึงยอดเขาแล้วนะครับ แต่หากเรายังไม่ถึง เราก็ยังมีเกียร์สำรองให้ใช้อีกประมาณ 4 ถึง 5 เกียร์ โดยที่เรา
6.เปลี่ยนจานหน้าเป็นจาน 1 คราวนี้ขาเริ่มหมุนเบาหวิว เราก็คืนจานหลังลงไปได้อีก 1 หรือ 2 เกียร์ คราวนี้เร็อุ่นใจแล้วเพราะยังมีเกียร์ไว้สำรองใช้อีก ถึง 4 หรือ 5 เกียร์
7.ช่วงสุดท้ายก่อนถึงยอดเขาเราก็ยังสามารถใช้รอบขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
***หากเราเริ่มเปลี่ยนจากหน้าตั้งเริ่มต้นการขึ้นเขา เราจะใช้เกียร์หมดไปซะก่อนที่เราจะไต่ถึงยอดเขา คราวนี้ก็มีเกียร์เดียวที่ต้องนำมาใช้หรือ ลงเข็ญสถานเดียว และอย่ามองข้ามว่าการเข็ญจักรยานขึ้นเขานั้น เราจะสูญเสียพลังงานและกำลังมากกาว่าการขี่โดยควบคุมรอบขาอย่างสม่ำเสมอตลอดเส้นทางนะครับ***
***ประการสำคัญที่ผมอยากจะให้ฝึกฝนมากที่สุดคือ ระบบการหายใจนะครับ หากเราควบคุมระบบการหายใจได้ดี นั้นย่อมหมายความว่าเราจะสามารถพิชิตยอดเขาได้อย่างไม่ยากเย็น และเราจะสนุกกับการปั่นไต่เขามากกว่าขี่ในเส้นทางที่ราบเรียบเป็นหลาย ๆ เท่าครับ***
ขอตอบคุณ Wat นะครับ ที่ผมบอกว่าให้เปลี่ยนเฉพาะจานหลังนั้น การปฏิบัติจะเป็นดังนี้ครับ
1.เมื่อเรามาด้วยความเร็วเดิม ๆ เอาเป็นคเร็วปกติจะอยู่ประมาณ 35-38 กม./ชม ที่จานหน้า 3 และจานหลังอาจจะ 8 หรือ 9
2.เมื่อเราเริ่มสัมผัสเนินเขา หากเราเปลี่ยนจานหน้าทันที จากจาน 3 ลงมาเป็นจาน 2 จะทำให้การเปลี่ยนแปลงรอบขามากไป จะทำให้เราสูญเสียเกียร์อีกหลายเกียร์ และสูญเสียความเร็วอย่างรวดเร็วด้วย
3.ผมจึงแนะนำว่าให้เราเริ่มเปลี่ยนจากหลังก่อนเพื่อรักษารอบขา และจะไม่สูญเสียความเร็ว
4.เมื่อเราเปลี่ยนจานหลังมาถึงประมาณ กลาง ๆ หรือประมาณจานที่ 5 หรือ 6 ช่วงนี้โซ่จะเริ่มเอียง และรอบขาเริ่มจะตกไปบ้าง
5.เราเริ่มเปลี่ยนจานหน้าลงมาเป็นจานที่ 2 ในช่วงนี้หากเรายังมีกำลังขาดี เราอาจจะคืนเกียร์โดนเปลี่ยนจานหลังลงไปให้หนักขึ้นได้อีก 1 เกียร์ ทำหใรได้กำไร ในการมีเกียร์สำรองไว้ใช้จนกว่าจะถึงยอดเขา และเราจะใช้เกียร์โดยใช้จานหน้า 2 และเปลี่ยนจานหลังไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงจานที่ 3 หรือ 2 แต่ในช่วงนี้คิดว่าเราใกล้ถึงยอดเขาแล้วนะครับ แต่หากเรายังไม่ถึง เราก็ยังมีเกียร์สำรองให้ใช้อีกประมาณ 4 ถึง 5 เกียร์ โดยที่เรา
6.เปลี่ยนจานหน้าเป็นจาน 1 คราวนี้ขาเริ่มหมุนเบาหวิว เราก็คืนจานหลังลงไปได้อีก 1 หรือ 2 เกียร์ คราวนี้เร็อุ่นใจแล้วเพราะยังมีเกียร์ไว้สำรองใช้อีก ถึง 4 หรือ 5 เกียร์
7.ช่วงสุดท้ายก่อนถึงยอดเขาเราก็ยังสามารถใช้รอบขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
***หากเราเริ่มเปลี่ยนจากหน้าตั้งเริ่มต้นการขึ้นเขา เราจะใช้เกียร์หมดไปซะก่อนที่เราจะไต่ถึงยอดเขา คราวนี้ก็มีเกียร์เดียวที่ต้องนำมาใช้หรือ ลงเข็ญสถานเดียว และอย่ามองข้ามว่าการเข็ญจักรยานขึ้นเขานั้น เราจะสูญเสียพลังงานและกำลังมากกาว่าการขี่โดยควบคุมรอบขาอย่างสม่ำเสมอตลอดเส้นทางนะครับ***
***ประการสำคัญที่ผมอยากจะให้ฝึกฝนมากที่สุดคือ ระบบการหายใจนะครับ หากเราควบคุมระบบการหายใจได้ดี นั้นย่อมหมายความว่าเราจะสามารถพิชิตยอดเขาได้อย่างไม่ยากเย็น และเราจะสนุกกับการปั่นไต่เขามากกว่าขี่ในเส้นทางที่ราบเรียบเป็นหลาย ๆ เท่าครับ***
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 270
- ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ส.ค. 2008, 16:21
- team: WKK HUAHIN team
- Bike: merida สีขาว อวบ เอวเว้า
- ติดต่อ:
Re: ฝึกปั่นขึ้นภูเขา
ลุงแมนี่สุดยอดจริง ๆ ครับ ติดตามอยู่นะครับ
เพื่อนแท้ย่อมเข้าใจในสิ่งที่เพื่อนเป็น
เปลี่ยนตัวเองเพื่อเอาใจใคร เหนื่อยเกินไปหรือเปล่า
เปลี่ยนตัวเองเพื่อเอาใจใคร เหนื่อยเกินไปหรือเปล่า
- sapONE
- สมาชิก
- โพสต์: 79
- ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ส.ค. 2008, 13:33
- Tel: 0909898539
- team: KRS
- Bike: Specialized
Re: ฝึกปั่นขึ้นภูเขา
ขอบคุณครับลุงแม
หากได้ปีนเขาเมื่อไหร่จะนำเทคนิคของลุงแมไปใช้นะครับ
หากได้ปีนเขาเมื่อไหร่จะนำเทคนิคของลุงแมไปใช้นะครับ
- ชินโนะสุเกะ
- ขาประจำ
- โพสต์: 111
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 14:37
- Bike: GT 2.0 / GIANT xtc
- ตำแหน่ง: Chanthaburi
Re: ฝึกปั่นขึ้นภูเขา
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับลุงแม
พรุ่งนี้ถ้าฝนไม่ตกคงได้ลองวิชา
พรุ่งนี้ถ้าฝนไม่ตกคงได้ลองวิชา
ชินโนะสุเกะ
Green Family Adventure Group
Green Family Adventure Group
-
- สมาชิก
- โพสต์: 80
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 01:53
- team: Arnon Ubon
- Bike: Trek 8900
- ตำแหน่ง: Ubonratchathani
- ติดต่อ:
Re: ฝึกปั่นขึ้นภูเขา
สำหรับที่ที่ภูมิประเทศไม่มีภูเขา ไม่มีเทรนเนอร์ ลองใช้วิธีชาวบ้าน อาจไม่ถูตามหลักเสียที่เดียว คือ ลองยืนปั่นเหมือนเรายืนโยกขึ้นเขา โดยใช้จายหน้า 3 (ใบใหญ่) เฟืองหลัง 6-7-8 ลองยืนขี่แบบนี้นานๆเริ่มจากเท่าที่ขาทนได้ แล้วก็เพิ่มระยะเป็นกิโลสองกิโล เพิ่อให้กล้ามเนื้อขาคุ้นเคยกับความล้า และแขนหรือช่วงบนที่ต้องรับน้ำหนัก แต่ระวังนิดนึงถ้าถนนที่ปั่นมีรถมาก เพราะคุณอาจโยกแล้วส่ายไปมา ลองนึกภาพ Lance Dance ของอาร์สตรองที่กำลังลุกยืนโยกขึ้นเขาไปก็ได้ครับ...
-
- สมาชิก
- โพสต์: 33
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 08:57
- team: H^er Club
- Bike: H^er Bike
Re: ฝึกปั่นขึ้นภูเขา
สูตรของคุณ ^O^wen เหมือนกับของผมเลยครับ เพียงแต่ผมจะเอา HRM มาใช้ด้วย และโยกขึ้นเขา 12 กม. ที่ระดับ Zone 3 จากนั้นก็นั่งปั่นที่ Zone 2 สลับ Zone 4
ถ้าไม่ได้ขึ้นเขาผมก็ หมอผี Dance เหมือนอีตา Lance
ถ้าไม่ได้ขึ้นเขาผมก็ หมอผี Dance เหมือนอีตา Lance
H^er Club
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 108
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 07:37
- Tel: 0862048253
- team: เสือกะเทินพิษณุโลก
- Bike: ชาเรนเจ้อ
- ติดต่อ:
Re: ฝึกปั่นขึ้นภูเขา
ผมเป็นคนบ้านนอกมีภูเขาอยู่ใกล้ ๆ ห่างจากบ้านประมาณ ๑๕ กม. ผมจะปั่นขึ้นภูเขาที่
ชันมาก ๆ ประเภทแหงนคอตั้งบ่า โดยการปั่นเหมือนการเดินขึ้น ไปเรื่อย ๆ ไม่เร่งความ
เร็ว รักษารอบขาให้คงที่ไว้ โดยปรับเกียร์และจานหน้าให้พอเหมาะกับความชัน เมื่อมี
ทางลงเล็กน้อยหรือชันน้อยลงก็รีบเร่งความเร็วในช่วงนั้น เพื่อเป็นแรงส่งในช่วงขึ้นสูง
ถัดไป เพื่อให้น้ำหนักในการปั่นคงที่ ด้วยวิธีนี้จะทำให้การปั่นขึ้นเขาคล้ายกับการปั่นทาง
ราบ ผมมักจะปั่นไปวัดที่ผมบริจาคที่ดินและกำลังทรัพย์สร้างขึ้น ซึ่งอยู่บนภูเขาใกล้ ๆ
น้ำตก ห่างจากบ้านผมไป ๔๔ กม. เป็นประจำครับผม
ชันมาก ๆ ประเภทแหงนคอตั้งบ่า โดยการปั่นเหมือนการเดินขึ้น ไปเรื่อย ๆ ไม่เร่งความ
เร็ว รักษารอบขาให้คงที่ไว้ โดยปรับเกียร์และจานหน้าให้พอเหมาะกับความชัน เมื่อมี
ทางลงเล็กน้อยหรือชันน้อยลงก็รีบเร่งความเร็วในช่วงนั้น เพื่อเป็นแรงส่งในช่วงขึ้นสูง
ถัดไป เพื่อให้น้ำหนักในการปั่นคงที่ ด้วยวิธีนี้จะทำให้การปั่นขึ้นเขาคล้ายกับการปั่นทาง
ราบ ผมมักจะปั่นไปวัดที่ผมบริจาคที่ดินและกำลังทรัพย์สร้างขึ้น ซึ่งอยู่บนภูเขาใกล้ ๆ
น้ำตก ห่างจากบ้านผมไป ๔๔ กม. เป็นประจำครับผม
- น้อย สระแก้ว
- ขาประจำ
- โพสต์: 1092
- ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 10:00
- Tel: 081-8654211
- team: ชมรมจักรยานสระแก้ว
- Bike: จามิส
Re: ฝึกปั่นขึ้นภูเขา
ขอขอบคุณอีกคนครับ ผมจะลองนำคำแนะนำไปใช้ เพราะผมก็สงสัยและหาแนวทางอยู่ว่า ปั่นขึ้นภูเขาทำไงกันหนอ แม้จะขึ้นมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังจับหลักของตัวเองไม่ได้ซักที