REVIEW VERVE INFOCRANK ถ้าความแม่นยำคือสิ่งที่คุณต้องการ
ผู้ดูแล: seven@klein, Cycling B®y, tntm, เสือ Spectrum
กฏการใช้บอร์ด
บอร์ดนี้ คุยเรื่องเกี่ยวกับอุปกรณ์วัดความเร็ว ทั้งไมล์ธรรมดา ไร้สาย หรือระบบ GPS
บอร์ดนี้ คุยเรื่องเกี่ยวกับอุปกรณ์วัดความเร็ว ทั้งไมล์ธรรมดา ไร้สาย หรือระบบ GPS
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 3092
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 15:14
- Tel: 0865040751
- team: Team Bike And Body Cycoling
- Bike: Kemo KE-R5, Giant Propel Advance SL, Specialized Alez E5 Revolution
- ตำแหน่ง: ซอยอารีย์ พหลโยธิน กทม.
- ติดต่อ:
REVIEW VERVE INFOCRANK ถ้าความแม่นยำคือสิ่งที่คุณต้องการ
REVIEW VERVE INFOCRANK
ถ้าความแม่นยำคือสิ่งที่คุณต้องการ สืบเนื่องจากบทความเก่า
แกะกลอ่ง Verve InfoCrank http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... ilit=verve
ได้เวลามานั่งวิเคราะห์การใช้งานของพาวเวอร์มิเตอร์ที่มีการยอมรับถึงความแม่นยำระดับสูงที่สุดเทียบเท่ากับเสป็คของโปรในราคาที่ย่อมกว่ากันกว่าเท่าตัว ซึ่งมาพร้อมกับฟังก์ชั่นที่ครบที่สุดตัวหนึ่ง และมีการดูแลและใช้งานที่ไม่ได้ยากซับซ้อนอะไร ถ้าถามว่า เพราะอะไร Verve ถึงมั่นใจในความแม่นยำ? ต้องย้อนกลับไปอธิบายอีกนิดหน่อยครับว่า ถ้าพูดถึง Power Meter ที่ยอมรับกันว่าเป็นที่สุดก็ต้องนึกถึง SRM ที่บรรดาโปรใช้กันมากที่สุด และมีค่าความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุด ส่วน Verve มีความเกี่ยวข้องในเรื่องวัตต์ๆตรงที่ เป็นผู้ผลิตหนึ่งในเครื่องที่เอาไว้สำหรับคาลิเบรทเจ้า SRM นั่นแหละครับ ...พูดง่ายๆคือเค้าทำเครื่องมือสำหรับปรับตั้งความแม่นยำให้ SRM ในระดับอุตสาหกรรมนั่นเอง และด้วยเหตุนี้เมื่อ Verve มีโปรเจ็คสร้างพาวเวอร์มิเตอร์ของตนเอง จึงคิดสร้างระบบและการวัดค่าที่แม่นยำและเสถียรที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ กระบวนการทำงาน
วิธีการทำงานของระบบวัดแรงบิดของ InfoCrank ใช้วิธีการวัดผ่าน Strain Gauge 8 ตัวบนขาทั้ง 2 ข้าง (ข้างละ 4 ตัว) วัดแรงบิดที่เกิดขึ้นเมื่อออกแรงกดบันไดไปหมุนขาจาน โดย Strain Gauge ทั้ง 4 ตัวใช้วิธีวัดกระแสไฟฟ้าที่วิ่งผ่านวัสดุบ่งชี้ซึ่งเป็นโลหะ เมื่อเกิดแรงกระทำที่ขาจาน ก็ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าที่วิ่งผ่านเกิดการเปลี่ยนแปลง และนำมาเป็นต้นกำเนิดว่าเกิดการบิดตัวจากแรงบิดเท่าไหร่ ซึ่งถือว่าละเอียดสูงที่สุดในบรรดาวิธีการวัดทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีระบบการประเมินแนวแรงว่าแรงดังกล่าวเกิดจากการบิดตัวของแรงเฉือนที่กระทำกับขาจาน และไม่ส่งผลต่อการขับเคลื่อนด้วยหรือไม่ เพื่อให้ได้ค่าวัตต์ที่ส่งผลต่อการขับเคลื่อนเท่านั้นมากที่สุด จากแรงบิดดังกล่าว ร่วมกับพื้นฐานฟิสิกส์เบื้องต้นเมื่อ วัตต์ = แรงบิดในหนึ่งช่วงเวลา InfoCrank ก็นำแรงบิดดังกล่าวประเมินผ่านระยะเวลาที่ขาจานหมุนรอบตัวเอง ทั้งจากเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวที่สามารถระบุตำแหน่งของขาจานบนรอบวงได้ ร่วมกับเซ็นเซอร์วัดรอบขาแบบแม่เหล็กแยกซ้ายขวาอิสระ จุดนี้ถือว่าเป็นการย้อนกลับไปหาพื้นฐานย้อนยุคแต่ใช้งานได้จริง เพราะส่งผลให้ได้รอบขาที่แม่นยำที่สุด (เซ็นเซอร์ต่างๆมีโอกาสเพี้ยนได้ทั้งจับการเคลื่อนไหว และจับควมราบเรียบของแรงกดป เมื่อได้แรงบิดที่มั่นใจได้ว่า"แม่น"ที่สุดเท่าที่ทำได้ (เพราะเล่นออกแบบขาจานเอง เลือกวัสดุเอง ควบคุมการผลิตเอง จนกระทั่งทำการปรับตั้งเอง) กับรอบขาและการหมุนของขาจานที่แม่นยำที่สุด InfoCrank จึงมั่นใจว่าได้ค่าวัตต์ที่คลาดเคลื่อนน้อยที่สุด ลองสังเกตุภาพประกอบตัวด้านบนนี้นะครับ Verve ให้ข้อมูลว่าในแรงกระทำบนขาจาน มีแรงกระทำที่ไม่ก่อให้เกิดแรงขับเคลื่อนไปที่ระบบขับเคลื่อนในรูปแบบใดได้บ้าง ซึ่งวิธีการวาง Strain Gauge ของ InfoCrank ร่วมกับการออกแบบทรงขาจาน ทำให้สามารถตรวจจับจำแนกแนวแรงแบบต่างๆได้ชัดเจน ซึ่งทำให้สามารถกรองเอาแรงอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปได้ เหลือเพียงแรงที่ขับเคลื่อนจริงๆเท่านั้นที่จะนำไปใช้บันทึกและแสดงข้อมูล
การใช้งาน InfoCrank ใช้พลังงานจากถ่านกระดุมขนาดเล็ก SR44 ข้างละ 2 ก้อน (แต่ทดสอบลองใช้ถ่านเบอร์ใกล้เคียงก็ใช้งานได้ แต่ในระยะยาวๆน่าจะมีอายุสั้นกว่า) มีระบบไฟ LED แสดงสถานะใส่ถ่านเห็นได้ชัดเจน ที่สำคัญ ต้งติดตั้งแม่เหล็กวัดรอบขาใต้กระโหลกหรือใต้ Chain Stay ด้วยถึงจะทำงานได้นะครับ ไม่งั้นจะไม่ยอมอ่านค่าวัตต์ให้ การติดตั้งไม่ได้ซับซ้อนอะไร เมื่อแม่เหล็กอยู๋ในระยะพอดีแล้วหมุนขาจานผ่าน ก็จะมีไฟแสดงกระพริบบอกว่าใช้งานได้แล้ว จากนั้นก็จับคู่กับไมล์ต่างๆได้ไม่ซับซ้อนอะไร InfoCrank แสดงค่าวัตต์ได้แม่นยำแค่ไหน?? ข้อนี้ต้องยอมแพ้ต่อการทดสอบครับ เพราะจนด้วยใจจะหาห้องทดลอง มีการประเมินแรงบิด วัด ถ่วง ดูว่าแรงบิดที่ได้เป็นกี่ทอร์ค เพี้ยนหรือตรงแค่ไหน ดังนั้นมันจะสมคำร่ำลือ 0.5% หรือเปล่า อันนี้ผมคงต้องทิ้งเอาไว้เป็นปริศนาธรรม แต่อยากให้ลองตั้งสมมุติฐานเอาไว้ว่า "ถึงไม่แม่นก็เกือบแม่น" ด้วยสรรพคุการทำงานของมันที่สมเหตุสมผลในการได้มาซึ่งค่าวัตต์ที่มีหลายๆอย่างมีชั้นเชิงเหนือระบบอื่นๆของหลายๆยี่ห้อ แต่สิ่งที่น่าทดสอบซึ่งเป็นการปราบเซียนของพาวเวอร์มิเตอร์คือ "อุณหภูมิ" เพราะอุณหภูมิส่งผลกับการขยายตัวและหดตัวของโลหะ ซึ่งส่งผลอย่างยิ่งกับกระแสไฟฟ้าที่ผ่าน Strain Gauge ที่เปลี่ยนแปลงไปน้อยนิดก็ส่งผลกับแรงบิดที่ต่างๆปได้แล้ว แล้วเป็นอุปสรรคให้วัดวัตต์หลายๆตัวตกม้าตายเอาได้ง่ายๆ ว่าแล้วผมก็ลองเล่นแบบซนๆ ลองปั่นไปเท่าเดิม เกรียร์เดิม รอบขาเดิม แล้ว ... เอาไดร์เป่าผมเป่าขาจานมันซะเลย ผลที่ได้คือ ไม่มีอาการเพี้ยนไปกว่าค่าปกติ ถือว่าผ่านไปได้ด้วยดี และหมดข้อกังวลเรื่องนี้ ก็ลองมาเปรียบเทียบค่าที่ได้กับวัตต์ตัวอื่นดูกันต่อได้เลย ลองเปรียบเทียบการใช้งานระวห่าง InfoCrank กับพาวเวอร์มิเตอร์ตัวอื่นที่หามาลองได้ และคงไม่มีตัวไหนเหมาะไปกว่า PowerTap G3 ที่มีความแม่นยำสุงที่สุดตัวหนึ่ง และอยู๋ที่ดุมหลัง สามารถนำมาติดตั้งบนจัรกยานคันเดียวกันได้ค่าจากแรงเดียวกันเพื่อมาลองดูว่าค่าที่ได้แตกต่างกันมากแค่ไหน ก่อนอื่นผมต้องอธิบายนะครับ ค่าที่ได้จากพาวเวอร์มิเตอร์จะได้เท่าไหร่ไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญเพราะการใช้งานใช้ในเชิงเปรียยบเทียบกับค่าอ้างอิงของตัวมันเอง พูดง่ายๆคือพาวเวอร์มิเตอร์แต่ละตัวจะวัดค่าที่ได้ตรงกันหรือไม่นั้นไม่ได้ถือว่ามันดีหรือแย่กว่ากัน แต่สิ่งสำคัญคือ"แนวโน้มของแรง" หรือ trend ของกราฟที่วัดมีการตอบสนองต่อแรงในลักษณะเดียวกันหรือไม่ อ่อนไหวต่อแรงกระทำและตอบสนองได้ดีแค่ไหนมากกว่า ที่อาจจะบ่งชี้ให้เห็นว่าในขั้นการใช้่งานเชิงลึก ตัวไหนมีความลึกของการวัดที่ชัดเจนกว่ากัน ดังนั้นในกระบวนการลองเปรียบเทียบพาวเวอร์มิเตอร์สองตัวนี้ จะติดตั้งและใฃ้งานในสภาวะทั่วไปแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะได้แก่
-การใช้งานบนเทรนเนอร์ในร่ม เพื่อควบคุมปัจจัยแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นให้มีน้อยที่สุด
-การใช้งานบนถนนทั่วไป ในการใช้งานจริง มีฝน ร้อน แดด และสัญญาณรบกวนจาก ANT+ หรือคลื่นอื่นๆ
ในการใช้งานทั้ง 2 กรณีจะมีทั้ง steady pace หรือการขี่ให้ได้แรงวัตต์ที่เรียบคงที่มากที่สุด และการเน้นสร้าง matches หรือพีคของวัตต์ระเบิดระยะสั้นๆ เพื่อดูการตอบสนองต่อแรงว่าทำได้เหมือนกันแค่ไหน ผลจากตัวอย่างการทดลองใช้งาน จากการทดลองขี่ด้วยกำลังที่ค่อนข้างคงที่ มีรอยต่กของวัตต์ในแต่ละช่วงจากการเปลี่ยนเกียร์และปรับรอบขาให้ได้วัตต์เท่าเดิมเพื่อสังเกตุการตอบสนองของการวัดแรงบิดที่สัมพันธ์กับรอบขา พบว่าโดยรวมแล้วในกลุ่มพาวเวอร์มิเตอร์ที่มีความคาดเคลื่อน 0.5-1.5% อย่างตัวอย่างสองตัวนี้ แทบไม่มีค่าวัตต์แตกต่างกันเลย ค่าวัตต์ที่ได้เป็นตัวเลขที่แตกต่างกันประมาณ 4.0-5.0% ซึ่งถือเป็นค่าปกติของความแตกต่างระหว่างการวัดที่ระบบส่งกำลังและวัดที่ดุมล้อหลัง ถ้าไม่นำค่ามาเทียบ(เทียบไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา) ก็ย่อมไม่มีความจำเป็นต้องมามองว่าความต่างเท่านี้มีผลกับการใช้ซ้อมหรือไม่ แต่เมื่อแยกกราฟของทั้งสองตัวออกจากกัน จะเห็นว่ามีบางจุดที่พาวเวอร์มิเตอร์ทั้งสองตัว บันทึกค่าที่ได้แตกต่างกัน บางจุดตัวหนึ่งไม่มีค่าเปลี่ยน แต่อีกตัวกลับมีค่าเปลี่ยนไปแตกต่างอย่างเป็นประเด็น อะไรคือปัจจัยของจุดเหล่านั้น?
ลองสังเกตุผลที่ได้จากกราฟของการขี่อีกหนึ่งครั้ง ที่มีการสร้าง matches ของการระเบิดวัตต์ระยะสั้นๆเป็นพักๆ ถ้าสังเกตุในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของวัตต์อย่างรวดเร็ว จะเริ่มเห็นได้ว่าพาวเวอร์มิเตอร์ทั้งสองตัว มีการตอบสนองของแรงบิดเริ่มไม่เหมือนกัน และมีบางจุดที่แรงที่ได้ต่างกัน ซึ่งผลของการวัดดังกล่าวก็ยังส่งผลถึงค่าวัตต์ในแต่ละช่วงระยะเวลาให้มีความคลาดเคลื่อนแตกต่างกันออกไปดังตารางต่อไปนี้ ความต่างของค่าวัตต์ที่บันทึกได้ที่แต่ละช่วงของการวัดมีผลลัพธ์ที่ได้แตกต่างกันจนน่าตกใจที่ระยะเฉลี่ย 60 นาที ซึ่งควรจะเป็นค่าที่ได้ผลใกล้เคียงค่าเฉลี่ยทั่วไปมากที่สุด แต่กลับแตกต่างกันมากกว่า 9% ในขณะที่ช่วงอื่นๆแสดงค่าได้ใกล้เคียงกันน่าพอใจ และมีอัตราความคาดเคลื่อนจากกันเฉลี่ยอยู่ที่ 4.06% ซึ่งก็ถือว่าเป็นเกณฑ์ที่เป็นปกติของทั้งสองตัวนี้
มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าค่าพีคที่แตกต่างในแต่ละครั้งอาจต่างกันไม่มากแต่ส่งผลให้ได้ค่ารวมๆต่างกัน?
ลองสังเกตุกราฟที่เจาะเฉพาะช่วงที่วัตต์แปรเปลี่ยนมากต่อไปนี้ จากกราฟด้านบนเป็นข้อมูลที่บันทึกได้จาก InfoCrank และด้านล่างจาก PowerTap ซึ่งทั้ง 2 ตัวตั้งให้ไมล์ทำการบันทึกค่าละเอียดที่สุด(ทุก 1 วินาที) โดยไม่มีการบีบอัดข้อมูล(smart recording) และตั้งให้แสดงค่าในซอฟท์แวร์แบบไม่มีการกรองข้อมูลใดๆ จะเห็นได้ทันทีว่า InfoCrank มีการตอบสนองกับวัตต์ต่างๆเร็วและจับค่าได้อ่อนไหวกว่ามากๆ หากมีการเร่งก็จะตอบสนองได้ทันที เมื่อลดแรงลงก็สามารถแสดงค่าวัตต์ที่ละเอียดได้มากกว่า ซึ่งนี่คือผลที่ได้จากการออกแบบวิธีการวัดที่ Strain Gauge ถึงข้างละ 4 ตัว ร่วมกับการตอบสนองกับรอบขาที่วัดได้จริงผสมกับเซ็นเซอร์จับความเคลือ่นไหว เมื่อตั้ง filter ให้กรองข้อมูลขนาดเล็กที่ไม่สำคัญ ข้อมูลปลีกย่อยที่สั้นกว่า 3 วินาทีออกไปก็ยังเห็นความต่างของแนวการตอบสนองของกราฟได้อยู่บ้าง
จุดที่น่าสังเกตุคือจุดที่วัตต์ตกลงอย่างทันที ซึ่งเกิดจากรอยต่อของการเปลี่ยนเกียร์ที่เฟืองหลังซึ่งนอกจากตอบสนองออกมาเป็นวัตต์ที่ลดลงในจังหวะราขา ยังมีวัตต์ที่สุงขึ้นจากการออกแรงหมุนขาจานเพื่อรักษารอบขาเอาไว้ ซึ่งแสดงได้ชัดเจนบน InfoCrank แต่แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงในอีกตัวเลย แปลว่าอย่างไร?
แน่นอนว่าสำหรับการใช้งานทั่วไป เพื่อนำมาเป็นเครื่องมือในการฝึกซ้อมหรือบอกระดับความหนักในการขี่จักรยาน เทียบเป็นสัดส่วนกับค่าวัตต์อ้างอิงใช้งาน(FTP)ของตนเอง พาวเวอร์มิเตอร์ทั้งสองตัวผและอื่นๆในกลุ่มที่มีค่าความคลาดเคลื่อนใกล้เคียงกัน)ทำงานได้ดีไม่แตกต่างกัน สิ่งที่ต่างคือการตอบสนองต่อแรงที่กระทำจริงๆในระดับวินาที เท่านั้นที่อาจส่งผลกับการนำมาวิเคราะห์การใช้งานได้ ยิ่งในปัจจุบัน พาวเวอร์มิเตอร์มีความสามารถในการแสกนค่าต่างๆเช่นความราบเรียบของการออกแรง, ความสามารถในการควงบันได ร่วมกับซอฟท์แวร์ต่างๆได้ผลแสดงที่ชัดเจน ที่ระดับค่าวัตต์เหล่านั้น ความละเอียดมากๆมีผลต่อการประเมินทั้งสิ้น
แถมท้ายอีกหนึ่งอย่างที่กราฟอาจแสดงออกมาไม่ได้ชัดเจนคือช่วงท้ายที่สุดของการปั่นบนเทรนเนอร์ผมได้ทดลองออกแรงชนิด"แผ่วเบา" เบาขนาดที่แทบไม่มีแรงหมุนล้อเลยแม้แต่นิดเดียว ตัวหนึ่งวัดค่าได้อยู่ในระดับ 2-4 วัตต์บนหน้าจอ อีกตัวหนึ่งแสดงค่าได้ 0 วัตต์ พอเพิ่มแรงนิดหน่อย ตัวหนึ่งแสดงค่าได้ 7-8 วัตต์ อีกตัวแสดงค่าได้ 5-6 วัตต์ นั่นแปลว่าความอ่อนไหวต่อแรงกระทำระดับละเอียดมากๆของพาวเวอร์มิเตอร์แต่ละตัวมีไม่เท่ากันเห็นผลได้ชัดเจน
อีกประการที่น่าตลกสำหรับกรณีนี้ แต่น่าจะเป็นที่ PowerTap ตัวเดียว ถ้าปล่อยรถไหลลงจากเนินยาวๆแล้วทำการ"กึ่งฟรีขา" หรือหมุนขาตามไปด้วยแบบเกือบๆจะออกแรงส่งแต่มีเสียงดุมฟรีตลอดแน่นอน ผลที่ได้คือ เจ้า InfoCrank แสดงค่าได้ 0 วัตต์ แต่ PowerTap ขึ้นวัตต์ที่มากกว่า 0 .... อันนนี้เป็นจุดอ่อนของ PowerTap ครับ เพราะ Power2Max อีกตัวก็ไม่เป็น เป็นเช่นนี้เพราะระบบขับเคลื่อนมันไปหมุนดุมหลัง และไปเกิดแรงบิดใน Strain Gauge ของดุมเข้านิดๆหน่อยๆเลยเกิดเป็นค่าวัตต์ผีหลอกขึ้นมานั่นเอง (แต่อย่าคิดว่า TP กระจอกนะครับ เพราะผลการทดสอบหลายสำนัก มันแม่นกว่าพวกวัดที่จานบางตัวเสียอีก)
ได้เวลาสรุปกันแล้วว่า InfoCrank ผลรวมการใช้งานเป็นอย่างไร
ข้อดี
1.แม่น ... ข้อนี้ผมขอรวมไปถึงเสถียร ไว แสดงค่าได้ละเอียดและวางใจได้กับทุกรายละเอียดที่นำมาวิเคราะห์ต่อ คงเป็นการยากที่จะนำมาเทียบกับอีกหลายๆตัวเช่น Rotor, Power2Max ว่าการตอบสนองเป็นอย่างไร แต่ถ้าพูดถึงแรงสั้นๆ ไม่กี่วินาที แม้แต่การแสดงบนหน้าจอไมล์ InfoCrank ก็ยังคงแสดงค่าได้สัมพันธ์กับแรงกระทำจริงๆมากกว่า
2.รองรับฟังก์ชั่นหลายๆอย่าง... การที่วัดแยกสองข้างอย่างสิ้นเชิง และสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหว ระบุตำแหน่งของตัวเองบนขาจานได้แปลว่าสามารถวิเคราะห์วงรอบการปั่นได้ พร้อมกับสามารถวิเคราะห์แรงที่"ได้งาน" กับ "เสียเปล่า" ของคนปั่นได้อีกด้วย ซึ่งต้องใช้งานร่วมกับซอฟท์แวร์อื่น
3.ราคา .. หลายๆคนอาจมองว่าแพงสำหรับค่าตัวเกินครึ่งแสนมานิดหน่อย แต่ถ้าเทียบกับ SRM หรือ Quarq คงต้องบอกว่าอย่างไรเสีย InfoCrank ก็ยังมีค่าตัวที่ถูกกว่า และมีราคาที่ไม่ได้ทิ้งไปจาก Power2Max เลยด้วยซ้ำ เพราะค่าตัวนี้รวมทั้งขาจาน ใจานและมาครบในตัว
4.ใช้งานได้สะดวก... การเปลี่ยนถ่าน และปรับตั้ง การติดตั้ง ทำได้ง่ายด้วยตนเอง สามารถเปลี่ยนใบจานได้โดยไม่มีผลต่อความแม่นยำ ในขณะที่วัตต์บางตัวเปลี่ยนถ่านเองไม่ได้ต้องส่งไปโรงงาน และบางตัวห้ามเปลี่ยนใบจานเพราะส่งผลกับความแม่นยำทันที ข้อสเีย
1.หน้าตา .... ผมเป็นคนไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องนี้มากนักเพราะเชื่อว่าแล้วแต่รสนิยมของแต่ละคน แต่ InfoCrank ทำให้ผมเชื่อได้ว่า ของบางอย่างมันมีแนวโน้มจะถูกมองว่าหน้าตาไม่ดี เพราะเกือบทุกคนมองตรงกันว่ามันไม่สวยเอาเสียเลย เป็นสุดยอดแห่งวิศวกรรมที่ไม่เสริมแต่งอะไรทั้งสิ้น Less Is More ยังยอมแพ้ โดยเฉพาะโมเดลที่เป็นสีเงิน .. บอกตามตรงว่าเหมือนกับจานเสือหมอบรุ่นล่างมากๆครับ
2.ถ่านราคาแพง ... อาจจะฟังดูไม่มีตรรกะว่าพาวเวอร์มิเตอร์ราคาครึ่งแสนกลับมาบ่นถ่านราคาไม่กี่ร้อย เจ้าถ่านที่ระบุให้ใช้เป็นถ่านแบบที่หาไม่ง่าย แถมราคาไม่ถูก ครบชุด 4 ก้อนก็สนนค่าตัวไม่ใช่เล่นๆ ในขณะที่แนวโน้มการใช้งานวัตต์ยุคใหม่ๆนอกจากใช้ถ่านกระดุมทั่วไปได้ ยังลามไปยังถ่าน AA,AAA ใส่ได้เลย สะดวก สบาย หาง่าย
3.ที่วัดรอบขาน่ากลัวหลุดง่าย .... ที่วัดรอบขาใต้กระโหลก ติดด้วยกาวแปะเอาไว้ ผมค่อนข้างกังวลว่าล้างรถบ่อยๆ ขี่บ่อยๆ ฝุ่น ทรายจะทำให้วันดีคืนร้ายกลับบ้านมารอบขาติดข้างเดียว เลยทำการดามด้วยแผ่นพลาสติคทับไว้ไขกับน็อตยึดถ่าน Di2 กันหล่นหายอีกตัว
InfoCrank เหมาะกับใคร?
ถ้าคุณมองว่าพาวเวอร์มิเตอร์ตัวละ 3 หมื่นแพง ไม่ว่าจะมีหรือไม่ใช้ก็ตาม คุณไม่เหมาะกับเจ้านี่ครับ ถ้าคุณมองว่าพาวเวอร์มิเตอร์แท้ที่จริงแล้วมีราคาตั้งแต่สามหมื่น ไปจนแสนกว่า และมีกลุ่มที่มีราคาปลายๆหลักหมื่นไปเกือบแสนอยู่อีกหลายตัว เทียบกับสิ่งที่มันทำได้ จะมองว่าราคานี้ถือว่ามีเหตุมีผลเป็นไปได้ ที่สำคัญ ถ้าคุณมองหาการซ้อมแบบซีเรียสมากๆ อยากวิเคราะห์ทุกๆอย่างที่ทำให้ปั่นได้ดีขึ้น อยากซ้อมจนถึงขั้นการนำค่าละเอียดระดับวินาทีมาดูเป็นแนวทางการพัฒนา ราคานี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
มีซอฟท์แวร์หลายๆตัวที่สามารถเชื่อมต่อผ่าน ANT+ เพื่อดูลีลาการปั่น ขาสองข้าง การออกแรงกลมหรือไม่ การดูว่าพีคแต่ละครั้งขาซ้ายและขวา ออกแรงต่างกันได้เท่าไหร่ ที่กี่องศา ของเหล่านี้เป็นรายละเอียดปลีกย่อยเพียงไม่กี่วินาที ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำไมโปรทั้งหลายถึงมุ่งไปที่ SRM เพราะใช้ค่าที่ละเอียดขนาดนี้ในการฝึกซ้อมนั่นเอง
ข้อมูลปลีกย่อยเพิ่มเติม
-ขณะนี้รุ่น InfoCrank Classic (รุ่นล่าสุด) มีเฉพาะ 130BCD แบบ 5 แฉกเท่านั้น ในอนาคตจะออกรุ่น 110BCD ออกมาแต่ยังไม่มีข่าวว่าจะออกแบบ 4 แฉก(มาตรฐาน Shimano)
-InfoCrank Classic มาในเสป็คแกน 24 มม. มีรุ่นก่อนหน้าที่มาในเสป็คแกน 30 มม. ซึ่งทำได้ทุกอย่างเหมือนกันหมด มีความละเอียดเหมือนกัน แต่แกนใหญ่กว่าสำหรับเฟรม BB30[homeimg=300,250]http://www.thaimtb.com/forum/picture_mt ... 252045.jpg[/homeimg]
ถ้าความแม่นยำคือสิ่งที่คุณต้องการ สืบเนื่องจากบทความเก่า
แกะกลอ่ง Verve InfoCrank http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... ilit=verve
ได้เวลามานั่งวิเคราะห์การใช้งานของพาวเวอร์มิเตอร์ที่มีการยอมรับถึงความแม่นยำระดับสูงที่สุดเทียบเท่ากับเสป็คของโปรในราคาที่ย่อมกว่ากันกว่าเท่าตัว ซึ่งมาพร้อมกับฟังก์ชั่นที่ครบที่สุดตัวหนึ่ง และมีการดูแลและใช้งานที่ไม่ได้ยากซับซ้อนอะไร ถ้าถามว่า เพราะอะไร Verve ถึงมั่นใจในความแม่นยำ? ต้องย้อนกลับไปอธิบายอีกนิดหน่อยครับว่า ถ้าพูดถึง Power Meter ที่ยอมรับกันว่าเป็นที่สุดก็ต้องนึกถึง SRM ที่บรรดาโปรใช้กันมากที่สุด และมีค่าความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุด ส่วน Verve มีความเกี่ยวข้องในเรื่องวัตต์ๆตรงที่ เป็นผู้ผลิตหนึ่งในเครื่องที่เอาไว้สำหรับคาลิเบรทเจ้า SRM นั่นแหละครับ ...พูดง่ายๆคือเค้าทำเครื่องมือสำหรับปรับตั้งความแม่นยำให้ SRM ในระดับอุตสาหกรรมนั่นเอง และด้วยเหตุนี้เมื่อ Verve มีโปรเจ็คสร้างพาวเวอร์มิเตอร์ของตนเอง จึงคิดสร้างระบบและการวัดค่าที่แม่นยำและเสถียรที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ กระบวนการทำงาน
วิธีการทำงานของระบบวัดแรงบิดของ InfoCrank ใช้วิธีการวัดผ่าน Strain Gauge 8 ตัวบนขาทั้ง 2 ข้าง (ข้างละ 4 ตัว) วัดแรงบิดที่เกิดขึ้นเมื่อออกแรงกดบันไดไปหมุนขาจาน โดย Strain Gauge ทั้ง 4 ตัวใช้วิธีวัดกระแสไฟฟ้าที่วิ่งผ่านวัสดุบ่งชี้ซึ่งเป็นโลหะ เมื่อเกิดแรงกระทำที่ขาจาน ก็ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าที่วิ่งผ่านเกิดการเปลี่ยนแปลง และนำมาเป็นต้นกำเนิดว่าเกิดการบิดตัวจากแรงบิดเท่าไหร่ ซึ่งถือว่าละเอียดสูงที่สุดในบรรดาวิธีการวัดทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีระบบการประเมินแนวแรงว่าแรงดังกล่าวเกิดจากการบิดตัวของแรงเฉือนที่กระทำกับขาจาน และไม่ส่งผลต่อการขับเคลื่อนด้วยหรือไม่ เพื่อให้ได้ค่าวัตต์ที่ส่งผลต่อการขับเคลื่อนเท่านั้นมากที่สุด จากแรงบิดดังกล่าว ร่วมกับพื้นฐานฟิสิกส์เบื้องต้นเมื่อ วัตต์ = แรงบิดในหนึ่งช่วงเวลา InfoCrank ก็นำแรงบิดดังกล่าวประเมินผ่านระยะเวลาที่ขาจานหมุนรอบตัวเอง ทั้งจากเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวที่สามารถระบุตำแหน่งของขาจานบนรอบวงได้ ร่วมกับเซ็นเซอร์วัดรอบขาแบบแม่เหล็กแยกซ้ายขวาอิสระ จุดนี้ถือว่าเป็นการย้อนกลับไปหาพื้นฐานย้อนยุคแต่ใช้งานได้จริง เพราะส่งผลให้ได้รอบขาที่แม่นยำที่สุด (เซ็นเซอร์ต่างๆมีโอกาสเพี้ยนได้ทั้งจับการเคลื่อนไหว และจับควมราบเรียบของแรงกดป เมื่อได้แรงบิดที่มั่นใจได้ว่า"แม่น"ที่สุดเท่าที่ทำได้ (เพราะเล่นออกแบบขาจานเอง เลือกวัสดุเอง ควบคุมการผลิตเอง จนกระทั่งทำการปรับตั้งเอง) กับรอบขาและการหมุนของขาจานที่แม่นยำที่สุด InfoCrank จึงมั่นใจว่าได้ค่าวัตต์ที่คลาดเคลื่อนน้อยที่สุด ลองสังเกตุภาพประกอบตัวด้านบนนี้นะครับ Verve ให้ข้อมูลว่าในแรงกระทำบนขาจาน มีแรงกระทำที่ไม่ก่อให้เกิดแรงขับเคลื่อนไปที่ระบบขับเคลื่อนในรูปแบบใดได้บ้าง ซึ่งวิธีการวาง Strain Gauge ของ InfoCrank ร่วมกับการออกแบบทรงขาจาน ทำให้สามารถตรวจจับจำแนกแนวแรงแบบต่างๆได้ชัดเจน ซึ่งทำให้สามารถกรองเอาแรงอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปได้ เหลือเพียงแรงที่ขับเคลื่อนจริงๆเท่านั้นที่จะนำไปใช้บันทึกและแสดงข้อมูล
การใช้งาน InfoCrank ใช้พลังงานจากถ่านกระดุมขนาดเล็ก SR44 ข้างละ 2 ก้อน (แต่ทดสอบลองใช้ถ่านเบอร์ใกล้เคียงก็ใช้งานได้ แต่ในระยะยาวๆน่าจะมีอายุสั้นกว่า) มีระบบไฟ LED แสดงสถานะใส่ถ่านเห็นได้ชัดเจน ที่สำคัญ ต้งติดตั้งแม่เหล็กวัดรอบขาใต้กระโหลกหรือใต้ Chain Stay ด้วยถึงจะทำงานได้นะครับ ไม่งั้นจะไม่ยอมอ่านค่าวัตต์ให้ การติดตั้งไม่ได้ซับซ้อนอะไร เมื่อแม่เหล็กอยู๋ในระยะพอดีแล้วหมุนขาจานผ่าน ก็จะมีไฟแสดงกระพริบบอกว่าใช้งานได้แล้ว จากนั้นก็จับคู่กับไมล์ต่างๆได้ไม่ซับซ้อนอะไร InfoCrank แสดงค่าวัตต์ได้แม่นยำแค่ไหน?? ข้อนี้ต้องยอมแพ้ต่อการทดสอบครับ เพราะจนด้วยใจจะหาห้องทดลอง มีการประเมินแรงบิด วัด ถ่วง ดูว่าแรงบิดที่ได้เป็นกี่ทอร์ค เพี้ยนหรือตรงแค่ไหน ดังนั้นมันจะสมคำร่ำลือ 0.5% หรือเปล่า อันนี้ผมคงต้องทิ้งเอาไว้เป็นปริศนาธรรม แต่อยากให้ลองตั้งสมมุติฐานเอาไว้ว่า "ถึงไม่แม่นก็เกือบแม่น" ด้วยสรรพคุการทำงานของมันที่สมเหตุสมผลในการได้มาซึ่งค่าวัตต์ที่มีหลายๆอย่างมีชั้นเชิงเหนือระบบอื่นๆของหลายๆยี่ห้อ แต่สิ่งที่น่าทดสอบซึ่งเป็นการปราบเซียนของพาวเวอร์มิเตอร์คือ "อุณหภูมิ" เพราะอุณหภูมิส่งผลกับการขยายตัวและหดตัวของโลหะ ซึ่งส่งผลอย่างยิ่งกับกระแสไฟฟ้าที่ผ่าน Strain Gauge ที่เปลี่ยนแปลงไปน้อยนิดก็ส่งผลกับแรงบิดที่ต่างๆปได้แล้ว แล้วเป็นอุปสรรคให้วัดวัตต์หลายๆตัวตกม้าตายเอาได้ง่ายๆ ว่าแล้วผมก็ลองเล่นแบบซนๆ ลองปั่นไปเท่าเดิม เกรียร์เดิม รอบขาเดิม แล้ว ... เอาไดร์เป่าผมเป่าขาจานมันซะเลย ผลที่ได้คือ ไม่มีอาการเพี้ยนไปกว่าค่าปกติ ถือว่าผ่านไปได้ด้วยดี และหมดข้อกังวลเรื่องนี้ ก็ลองมาเปรียบเทียบค่าที่ได้กับวัตต์ตัวอื่นดูกันต่อได้เลย ลองเปรียบเทียบการใช้งานระวห่าง InfoCrank กับพาวเวอร์มิเตอร์ตัวอื่นที่หามาลองได้ และคงไม่มีตัวไหนเหมาะไปกว่า PowerTap G3 ที่มีความแม่นยำสุงที่สุดตัวหนึ่ง และอยู๋ที่ดุมหลัง สามารถนำมาติดตั้งบนจัรกยานคันเดียวกันได้ค่าจากแรงเดียวกันเพื่อมาลองดูว่าค่าที่ได้แตกต่างกันมากแค่ไหน ก่อนอื่นผมต้องอธิบายนะครับ ค่าที่ได้จากพาวเวอร์มิเตอร์จะได้เท่าไหร่ไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญเพราะการใช้งานใช้ในเชิงเปรียยบเทียบกับค่าอ้างอิงของตัวมันเอง พูดง่ายๆคือพาวเวอร์มิเตอร์แต่ละตัวจะวัดค่าที่ได้ตรงกันหรือไม่นั้นไม่ได้ถือว่ามันดีหรือแย่กว่ากัน แต่สิ่งสำคัญคือ"แนวโน้มของแรง" หรือ trend ของกราฟที่วัดมีการตอบสนองต่อแรงในลักษณะเดียวกันหรือไม่ อ่อนไหวต่อแรงกระทำและตอบสนองได้ดีแค่ไหนมากกว่า ที่อาจจะบ่งชี้ให้เห็นว่าในขั้นการใช้่งานเชิงลึก ตัวไหนมีความลึกของการวัดที่ชัดเจนกว่ากัน ดังนั้นในกระบวนการลองเปรียบเทียบพาวเวอร์มิเตอร์สองตัวนี้ จะติดตั้งและใฃ้งานในสภาวะทั่วไปแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะได้แก่
-การใช้งานบนเทรนเนอร์ในร่ม เพื่อควบคุมปัจจัยแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นให้มีน้อยที่สุด
-การใช้งานบนถนนทั่วไป ในการใช้งานจริง มีฝน ร้อน แดด และสัญญาณรบกวนจาก ANT+ หรือคลื่นอื่นๆ
ในการใช้งานทั้ง 2 กรณีจะมีทั้ง steady pace หรือการขี่ให้ได้แรงวัตต์ที่เรียบคงที่มากที่สุด และการเน้นสร้าง matches หรือพีคของวัตต์ระเบิดระยะสั้นๆ เพื่อดูการตอบสนองต่อแรงว่าทำได้เหมือนกันแค่ไหน ผลจากตัวอย่างการทดลองใช้งาน จากการทดลองขี่ด้วยกำลังที่ค่อนข้างคงที่ มีรอยต่กของวัตต์ในแต่ละช่วงจากการเปลี่ยนเกียร์และปรับรอบขาให้ได้วัตต์เท่าเดิมเพื่อสังเกตุการตอบสนองของการวัดแรงบิดที่สัมพันธ์กับรอบขา พบว่าโดยรวมแล้วในกลุ่มพาวเวอร์มิเตอร์ที่มีความคาดเคลื่อน 0.5-1.5% อย่างตัวอย่างสองตัวนี้ แทบไม่มีค่าวัตต์แตกต่างกันเลย ค่าวัตต์ที่ได้เป็นตัวเลขที่แตกต่างกันประมาณ 4.0-5.0% ซึ่งถือเป็นค่าปกติของความแตกต่างระหว่างการวัดที่ระบบส่งกำลังและวัดที่ดุมล้อหลัง ถ้าไม่นำค่ามาเทียบ(เทียบไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา) ก็ย่อมไม่มีความจำเป็นต้องมามองว่าความต่างเท่านี้มีผลกับการใช้ซ้อมหรือไม่ แต่เมื่อแยกกราฟของทั้งสองตัวออกจากกัน จะเห็นว่ามีบางจุดที่พาวเวอร์มิเตอร์ทั้งสองตัว บันทึกค่าที่ได้แตกต่างกัน บางจุดตัวหนึ่งไม่มีค่าเปลี่ยน แต่อีกตัวกลับมีค่าเปลี่ยนไปแตกต่างอย่างเป็นประเด็น อะไรคือปัจจัยของจุดเหล่านั้น?
ลองสังเกตุผลที่ได้จากกราฟของการขี่อีกหนึ่งครั้ง ที่มีการสร้าง matches ของการระเบิดวัตต์ระยะสั้นๆเป็นพักๆ ถ้าสังเกตุในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของวัตต์อย่างรวดเร็ว จะเริ่มเห็นได้ว่าพาวเวอร์มิเตอร์ทั้งสองตัว มีการตอบสนองของแรงบิดเริ่มไม่เหมือนกัน และมีบางจุดที่แรงที่ได้ต่างกัน ซึ่งผลของการวัดดังกล่าวก็ยังส่งผลถึงค่าวัตต์ในแต่ละช่วงระยะเวลาให้มีความคลาดเคลื่อนแตกต่างกันออกไปดังตารางต่อไปนี้ ความต่างของค่าวัตต์ที่บันทึกได้ที่แต่ละช่วงของการวัดมีผลลัพธ์ที่ได้แตกต่างกันจนน่าตกใจที่ระยะเฉลี่ย 60 นาที ซึ่งควรจะเป็นค่าที่ได้ผลใกล้เคียงค่าเฉลี่ยทั่วไปมากที่สุด แต่กลับแตกต่างกันมากกว่า 9% ในขณะที่ช่วงอื่นๆแสดงค่าได้ใกล้เคียงกันน่าพอใจ และมีอัตราความคาดเคลื่อนจากกันเฉลี่ยอยู่ที่ 4.06% ซึ่งก็ถือว่าเป็นเกณฑ์ที่เป็นปกติของทั้งสองตัวนี้
มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าค่าพีคที่แตกต่างในแต่ละครั้งอาจต่างกันไม่มากแต่ส่งผลให้ได้ค่ารวมๆต่างกัน?
ลองสังเกตุกราฟที่เจาะเฉพาะช่วงที่วัตต์แปรเปลี่ยนมากต่อไปนี้ จากกราฟด้านบนเป็นข้อมูลที่บันทึกได้จาก InfoCrank และด้านล่างจาก PowerTap ซึ่งทั้ง 2 ตัวตั้งให้ไมล์ทำการบันทึกค่าละเอียดที่สุด(ทุก 1 วินาที) โดยไม่มีการบีบอัดข้อมูล(smart recording) และตั้งให้แสดงค่าในซอฟท์แวร์แบบไม่มีการกรองข้อมูลใดๆ จะเห็นได้ทันทีว่า InfoCrank มีการตอบสนองกับวัตต์ต่างๆเร็วและจับค่าได้อ่อนไหวกว่ามากๆ หากมีการเร่งก็จะตอบสนองได้ทันที เมื่อลดแรงลงก็สามารถแสดงค่าวัตต์ที่ละเอียดได้มากกว่า ซึ่งนี่คือผลที่ได้จากการออกแบบวิธีการวัดที่ Strain Gauge ถึงข้างละ 4 ตัว ร่วมกับการตอบสนองกับรอบขาที่วัดได้จริงผสมกับเซ็นเซอร์จับความเคลือ่นไหว เมื่อตั้ง filter ให้กรองข้อมูลขนาดเล็กที่ไม่สำคัญ ข้อมูลปลีกย่อยที่สั้นกว่า 3 วินาทีออกไปก็ยังเห็นความต่างของแนวการตอบสนองของกราฟได้อยู่บ้าง
จุดที่น่าสังเกตุคือจุดที่วัตต์ตกลงอย่างทันที ซึ่งเกิดจากรอยต่อของการเปลี่ยนเกียร์ที่เฟืองหลังซึ่งนอกจากตอบสนองออกมาเป็นวัตต์ที่ลดลงในจังหวะราขา ยังมีวัตต์ที่สุงขึ้นจากการออกแรงหมุนขาจานเพื่อรักษารอบขาเอาไว้ ซึ่งแสดงได้ชัดเจนบน InfoCrank แต่แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงในอีกตัวเลย แปลว่าอย่างไร?
แน่นอนว่าสำหรับการใช้งานทั่วไป เพื่อนำมาเป็นเครื่องมือในการฝึกซ้อมหรือบอกระดับความหนักในการขี่จักรยาน เทียบเป็นสัดส่วนกับค่าวัตต์อ้างอิงใช้งาน(FTP)ของตนเอง พาวเวอร์มิเตอร์ทั้งสองตัวผและอื่นๆในกลุ่มที่มีค่าความคลาดเคลื่อนใกล้เคียงกัน)ทำงานได้ดีไม่แตกต่างกัน สิ่งที่ต่างคือการตอบสนองต่อแรงที่กระทำจริงๆในระดับวินาที เท่านั้นที่อาจส่งผลกับการนำมาวิเคราะห์การใช้งานได้ ยิ่งในปัจจุบัน พาวเวอร์มิเตอร์มีความสามารถในการแสกนค่าต่างๆเช่นความราบเรียบของการออกแรง, ความสามารถในการควงบันได ร่วมกับซอฟท์แวร์ต่างๆได้ผลแสดงที่ชัดเจน ที่ระดับค่าวัตต์เหล่านั้น ความละเอียดมากๆมีผลต่อการประเมินทั้งสิ้น
แถมท้ายอีกหนึ่งอย่างที่กราฟอาจแสดงออกมาไม่ได้ชัดเจนคือช่วงท้ายที่สุดของการปั่นบนเทรนเนอร์ผมได้ทดลองออกแรงชนิด"แผ่วเบา" เบาขนาดที่แทบไม่มีแรงหมุนล้อเลยแม้แต่นิดเดียว ตัวหนึ่งวัดค่าได้อยู่ในระดับ 2-4 วัตต์บนหน้าจอ อีกตัวหนึ่งแสดงค่าได้ 0 วัตต์ พอเพิ่มแรงนิดหน่อย ตัวหนึ่งแสดงค่าได้ 7-8 วัตต์ อีกตัวแสดงค่าได้ 5-6 วัตต์ นั่นแปลว่าความอ่อนไหวต่อแรงกระทำระดับละเอียดมากๆของพาวเวอร์มิเตอร์แต่ละตัวมีไม่เท่ากันเห็นผลได้ชัดเจน
อีกประการที่น่าตลกสำหรับกรณีนี้ แต่น่าจะเป็นที่ PowerTap ตัวเดียว ถ้าปล่อยรถไหลลงจากเนินยาวๆแล้วทำการ"กึ่งฟรีขา" หรือหมุนขาตามไปด้วยแบบเกือบๆจะออกแรงส่งแต่มีเสียงดุมฟรีตลอดแน่นอน ผลที่ได้คือ เจ้า InfoCrank แสดงค่าได้ 0 วัตต์ แต่ PowerTap ขึ้นวัตต์ที่มากกว่า 0 .... อันนนี้เป็นจุดอ่อนของ PowerTap ครับ เพราะ Power2Max อีกตัวก็ไม่เป็น เป็นเช่นนี้เพราะระบบขับเคลื่อนมันไปหมุนดุมหลัง และไปเกิดแรงบิดใน Strain Gauge ของดุมเข้านิดๆหน่อยๆเลยเกิดเป็นค่าวัตต์ผีหลอกขึ้นมานั่นเอง (แต่อย่าคิดว่า TP กระจอกนะครับ เพราะผลการทดสอบหลายสำนัก มันแม่นกว่าพวกวัดที่จานบางตัวเสียอีก)
ได้เวลาสรุปกันแล้วว่า InfoCrank ผลรวมการใช้งานเป็นอย่างไร
ข้อดี
1.แม่น ... ข้อนี้ผมขอรวมไปถึงเสถียร ไว แสดงค่าได้ละเอียดและวางใจได้กับทุกรายละเอียดที่นำมาวิเคราะห์ต่อ คงเป็นการยากที่จะนำมาเทียบกับอีกหลายๆตัวเช่น Rotor, Power2Max ว่าการตอบสนองเป็นอย่างไร แต่ถ้าพูดถึงแรงสั้นๆ ไม่กี่วินาที แม้แต่การแสดงบนหน้าจอไมล์ InfoCrank ก็ยังคงแสดงค่าได้สัมพันธ์กับแรงกระทำจริงๆมากกว่า
2.รองรับฟังก์ชั่นหลายๆอย่าง... การที่วัดแยกสองข้างอย่างสิ้นเชิง และสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหว ระบุตำแหน่งของตัวเองบนขาจานได้แปลว่าสามารถวิเคราะห์วงรอบการปั่นได้ พร้อมกับสามารถวิเคราะห์แรงที่"ได้งาน" กับ "เสียเปล่า" ของคนปั่นได้อีกด้วย ซึ่งต้องใช้งานร่วมกับซอฟท์แวร์อื่น
3.ราคา .. หลายๆคนอาจมองว่าแพงสำหรับค่าตัวเกินครึ่งแสนมานิดหน่อย แต่ถ้าเทียบกับ SRM หรือ Quarq คงต้องบอกว่าอย่างไรเสีย InfoCrank ก็ยังมีค่าตัวที่ถูกกว่า และมีราคาที่ไม่ได้ทิ้งไปจาก Power2Max เลยด้วยซ้ำ เพราะค่าตัวนี้รวมทั้งขาจาน ใจานและมาครบในตัว
4.ใช้งานได้สะดวก... การเปลี่ยนถ่าน และปรับตั้ง การติดตั้ง ทำได้ง่ายด้วยตนเอง สามารถเปลี่ยนใบจานได้โดยไม่มีผลต่อความแม่นยำ ในขณะที่วัตต์บางตัวเปลี่ยนถ่านเองไม่ได้ต้องส่งไปโรงงาน และบางตัวห้ามเปลี่ยนใบจานเพราะส่งผลกับความแม่นยำทันที ข้อสเีย
1.หน้าตา .... ผมเป็นคนไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องนี้มากนักเพราะเชื่อว่าแล้วแต่รสนิยมของแต่ละคน แต่ InfoCrank ทำให้ผมเชื่อได้ว่า ของบางอย่างมันมีแนวโน้มจะถูกมองว่าหน้าตาไม่ดี เพราะเกือบทุกคนมองตรงกันว่ามันไม่สวยเอาเสียเลย เป็นสุดยอดแห่งวิศวกรรมที่ไม่เสริมแต่งอะไรทั้งสิ้น Less Is More ยังยอมแพ้ โดยเฉพาะโมเดลที่เป็นสีเงิน .. บอกตามตรงว่าเหมือนกับจานเสือหมอบรุ่นล่างมากๆครับ
2.ถ่านราคาแพง ... อาจจะฟังดูไม่มีตรรกะว่าพาวเวอร์มิเตอร์ราคาครึ่งแสนกลับมาบ่นถ่านราคาไม่กี่ร้อย เจ้าถ่านที่ระบุให้ใช้เป็นถ่านแบบที่หาไม่ง่าย แถมราคาไม่ถูก ครบชุด 4 ก้อนก็สนนค่าตัวไม่ใช่เล่นๆ ในขณะที่แนวโน้มการใช้งานวัตต์ยุคใหม่ๆนอกจากใช้ถ่านกระดุมทั่วไปได้ ยังลามไปยังถ่าน AA,AAA ใส่ได้เลย สะดวก สบาย หาง่าย
3.ที่วัดรอบขาน่ากลัวหลุดง่าย .... ที่วัดรอบขาใต้กระโหลก ติดด้วยกาวแปะเอาไว้ ผมค่อนข้างกังวลว่าล้างรถบ่อยๆ ขี่บ่อยๆ ฝุ่น ทรายจะทำให้วันดีคืนร้ายกลับบ้านมารอบขาติดข้างเดียว เลยทำการดามด้วยแผ่นพลาสติคทับไว้ไขกับน็อตยึดถ่าน Di2 กันหล่นหายอีกตัว
InfoCrank เหมาะกับใคร?
ถ้าคุณมองว่าพาวเวอร์มิเตอร์ตัวละ 3 หมื่นแพง ไม่ว่าจะมีหรือไม่ใช้ก็ตาม คุณไม่เหมาะกับเจ้านี่ครับ ถ้าคุณมองว่าพาวเวอร์มิเตอร์แท้ที่จริงแล้วมีราคาตั้งแต่สามหมื่น ไปจนแสนกว่า และมีกลุ่มที่มีราคาปลายๆหลักหมื่นไปเกือบแสนอยู่อีกหลายตัว เทียบกับสิ่งที่มันทำได้ จะมองว่าราคานี้ถือว่ามีเหตุมีผลเป็นไปได้ ที่สำคัญ ถ้าคุณมองหาการซ้อมแบบซีเรียสมากๆ อยากวิเคราะห์ทุกๆอย่างที่ทำให้ปั่นได้ดีขึ้น อยากซ้อมจนถึงขั้นการนำค่าละเอียดระดับวินาทีมาดูเป็นแนวทางการพัฒนา ราคานี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
มีซอฟท์แวร์หลายๆตัวที่สามารถเชื่อมต่อผ่าน ANT+ เพื่อดูลีลาการปั่น ขาสองข้าง การออกแรงกลมหรือไม่ การดูว่าพีคแต่ละครั้งขาซ้ายและขวา ออกแรงต่างกันได้เท่าไหร่ ที่กี่องศา ของเหล่านี้เป็นรายละเอียดปลีกย่อยเพียงไม่กี่วินาที ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำไมโปรทั้งหลายถึงมุ่งไปที่ SRM เพราะใช้ค่าที่ละเอียดขนาดนี้ในการฝึกซ้อมนั่นเอง
ข้อมูลปลีกย่อยเพิ่มเติม
-ขณะนี้รุ่น InfoCrank Classic (รุ่นล่าสุด) มีเฉพาะ 130BCD แบบ 5 แฉกเท่านั้น ในอนาคตจะออกรุ่น 110BCD ออกมาแต่ยังไม่มีข่าวว่าจะออกแบบ 4 แฉก(มาตรฐาน Shimano)
-InfoCrank Classic มาในเสป็คแกน 24 มม. มีรุ่นก่อนหน้าที่มาในเสป็คแกน 30 มม. ซึ่งทำได้ทุกอย่างเหมือนกันหมด มีความละเอียดเหมือนกัน แต่แกนใหญ่กว่าสำหรับเฟรม BB30[homeimg=300,250]http://www.thaimtb.com/forum/picture_mt ... 252045.jpg[/homeimg]
ฟังสาระจักรยาน Podcast
https://open.spotify.com/show/76iDUCWXgqqixg1CmoSDIp
ข่าวสารจัรกยาน
https://www.facebook.com/cyclinghubthailand/
https://open.spotify.com/show/76iDUCWXgqqixg1CmoSDIp
ข่าวสารจัรกยาน
https://www.facebook.com/cyclinghubthailand/
- AstroKAney
- ขาประจำ
- โพสต์: 104
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ส.ค. 2013, 14:54
- team: Mania Cycling Club (MCC)
- Bike: BMC ALR01 (2015), Bianchi Kuma 5300 (2012)
Re: REVIEW VERVE INFOCRANK ถ้าความแม่นยำคือสิ่งที่คุณต้องการ
ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะครับ
----------------------------------
The Show Must Go On
----------------------------------
The Show Must Go On
----------------------------------
-
- สมาชิก
- โพสต์: 14
- ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2014, 10:42
- Bike: Trek
Re: REVIEW VERVE INFOCRANK ถ้าความแม่นยำคือสิ่งที่คุณต้องการ
มันเยี่ยมเลยครับ แต่ราคาก็นะ
- gorath
- สมาชิก
- โพสต์: 69
- ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ส.ค. 2014, 16:58
- Bike: Merida Crossway 100 ปี 2015
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 722
- ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ม.ค. 2013, 18:48
- Bike: Super Six EVO Hi-Mod
- ตำแหน่ง: 111/11 ถนนรัษฎา ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง 92000
- ติดต่อ:
- ride in box
- สมาชิก
- โพสต์: 90
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ค. 2009, 14:35
- Tel: 0866928696
- team: Rock in bike
- Bike: Redline
Re: REVIEW VERVE INFOCRANK ถ้าความแม่นยำคือสิ่งที่คุณต้องการ
เข้าใจเลยครับ
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
Rหน้า2
จะยอมให้ใครมาทำร้ายเธอเป็นไปได้ไง แม้ตายก็ต้องยอม(พิสุทธิ์ ทรัพย์วิจิตร)
A littel brid told me
Rหน้า2
จะยอมให้ใครมาทำร้ายเธอเป็นไปได้ไง แม้ตายก็ต้องยอม(พิสุทธิ์ ทรัพย์วิจิตร)
A littel brid told me
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 349
- ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มิ.ย. 2012, 16:49
- Tel: 083-0311474
Re: REVIEW VERVE INFOCRANK ถ้าความแม่นยำคือสิ่งที่คุณต้องการ
อ่านแล้วไปปัดฝุ่นหาล้อ PowerTap G3 ที่ทิ้งไว้จะสองปีละ
มาลองใช้อีกที่ซิแบตน่าจะหมดแล้ว
ของแบบนี้ไม่มีก็อยากมี มีแล้วใช้แปบๆก็หายยากละ
มาลองใช้อีกที่ซิแบตน่าจะหมดแล้ว
ของแบบนี้ไม่มีก็อยากมี มีแล้วใช้แปบๆก็หายยากละ
- Jrr
- สมาชิก
- โพสต์: 87
- ลงทะเบียนเมื่อ: 29 มิ.ย. 2014, 02:23
- Bike: Reacto 4000
Re: REVIEW VERVE INFOCRANK ถ้าความแม่นยำคือสิ่งที่คุณต้องการ
ขอถามนอกเรท่องครับ ความสติฟของขาจานเป็นอย่างไรบ้างครับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 3092
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 15:14
- Tel: 0865040751
- team: Team Bike And Body Cycoling
- Bike: Kemo KE-R5, Giant Propel Advance SL, Specialized Alez E5 Revolution
- ตำแหน่ง: ซอยอารีย์ พหลโยธิน กทม.
- ติดต่อ:
Re: REVIEW VERVE INFOCRANK ถ้าความแม่นยำคือสิ่งที่คุณต้องการ
ผมหนักแค่ 56-57 กก. ปกติวัตต์กดก็ไม่ได้มากมายอะไร กระทืบสุดๆก็ได้แค่ 700-900 วัตต์ (ทีเดียวด้วย ถ้าเอาติดๆกันหลายๆดอกต้องแค่ 600 วัตต์) ดังนั้นบอกตามตรงว่ามีจานไม่กี่ตัวเท่านั้นที่ผมรู็สึกว่ามัน "ย้วย" (แต่มี ยี่ห้ออะไรไม่ขอบอกครับ ต่ยี่ห้อนั้น ยุคนั้นเป็นที่รู็กันดีของเว็บฝรั่งว่ามันย้วยเอาเรื่อง)Jrr เขียน:ขอถามนอกเรท่องครับ ความสติฟของขาจานเป็นอย่างไรบ้างครับ
สำหรับ InfoCrank ซึ่งขาเป็นอลูฯขึ้นรูปมาแบบไร้รอยต่อ โอเคครับว่าน้ำหนักมันอาจจะไม่ได้เบาเทพๆแบบขาอลูฯเบาๆ แต่จัดว่าไม่ได้หนัก และท่สำคัญ มันก็จัดได้ว่า"แข็ง"สู้เท้าน้อยๆของผมได้เทียบแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันย้วยอะไร
สำหรับผมขาเหล่านี้ให้ความรู้สึกเดียวกันกับ InfoCrank
Shimano 105, Shimano Ultegra 6800, Shimano Dura-Ace 7900, Shimano Dura-Ace Di2 9000
Sram Force 110BCD 52/36, Sram Red
FSA Gossamer 110BCD 52/36
Rotor 3D+, Rotor 3D
ซึ่งสำหรับคนที่แรงกระทืบแน่นๆบางท่านสามารถแยกความต่างของ Ultegra 6800 และ Dura-Ace 7900 ได้ (ซึ่งผมแยกไม่ออก)
ส่วนขาจานที่ผมยอมรับว่ามันรู็สึกการส่งแรงต่างจากกลุ่มเบื้องต้นคือ
Campagnolo Chorus 53/39, ControllTech 110BCD 53/39, FSA Energy 130BCD 56/39
ซึ่งมัน*อาจจะ* มีอาการ flex ได้จากปัจจัยหลายๆจุดซึ่งไม่ได้แปลว่ามาจาก"ขาจาน" โดยตรงนะครับ ทั้งทรงของใบจานและ BCD กับขนาดใบจานก็มีผลในเรื่องนี้เช่นกัน
และหากมองให้ลึก ใบจานเองก็มีผลสำคัญมากๆ อย่าง FSA Energy ผมใส่ใบแอโร่ของ Vision ซึ่งเป็นอลูมินั่มใบใหญ่กว่าปกติ ตัวใบไม่ได้เหมาะกับการกระทืบ หากนำไปกระทืบโยกขึ้นก็จะรู้สึกว่ามันไม่ได้แน่นส่งแรงเหมือนตัวอื่นๆ อันนี้เป็นการใช้ของไม่ถูกประเภทเองครับ ส่วน ControlTech มันเป็นจุดอ่อนของการใช้ BCD110 ร่วมกับใบ 53 และตัวใบเองก็เป็นใบ oem ที่ผมสั่งมาใส่เองด้วย น่าจะเป็นปัญหาของโครงสร้างใบมากกว่า
ผมจึงไม่ค่อยใส่ความเห็นด้านนี้ครับ แรงหน่อมๆแบบนี้ ไม่ขอฟันธงว่าจานหรือขาจานอะไร stiff มากน้อยแบบไหน ถ้าไม่ได้ต่างจริงๆ บอกตามตรงว่าแยกไม่ออกครับ
ฟังสาระจักรยาน Podcast
https://open.spotify.com/show/76iDUCWXgqqixg1CmoSDIp
ข่าวสารจัรกยาน
https://www.facebook.com/cyclinghubthailand/
https://open.spotify.com/show/76iDUCWXgqqixg1CmoSDIp
ข่าวสารจัรกยาน
https://www.facebook.com/cyclinghubthailand/