ประสบการณ์ปั่นในลาว
ผู้ดูแล: PANTHONG, เสือจง(ขอนแก่น)
กฏการใช้บอร์ด
"ชมรมจักรยานขอนแก่น"
ที่อยู่ 172/23 ถ.ศรีจันทร์ อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000
โทร 0896204739
"ชมรมจักรยานขอนแก่น"
ที่อยู่ 172/23 ถ.ศรีจันทร์ อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000
โทร 0896204739
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 430
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2012, 22:41
- Tel: 0819546321
- team: KK Touring Bikes
- Bike: ไอ้แดง TREK 3900
- ตำแหน่ง: 427/3 ม.20 ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น 40110
- ติดต่อ:
ประสบการณ์ปั่นในลาว
ผมมีโอกาสได้ร่วมทริปกับชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพมหาสารคาม บ้านเกิดผมเอง http://www.mccthailand.com
โดยเฮียต้อม โกสุม เจ้าตำนานทัวริง แห่งบ้านรถถีบ นำทีม จึงเก็บภาพมาฝากพี่น้องที่อาจจะสนใจอยากไปมั่ง
เดินทางวันที่ 16 ก.พ. 56
ถึงเชียงของตอนเช้าวันที่ 17 ก.พ. 56 ข้ามไปฝั่งเมืองห้วยทรายแล้วต่อเรือไปนอนที่เมืองปากแบง
รุ่งเช้าวันที่ 18 ก.พ. 56 ต่อเรือไปจนถึงหลวงพระบาง นอนหลวงพระบาง 3 คืน 18-20 ก.พ. 56
ออกเดินทางกลับด้วยการปั่นจักรยานจากหลวงพระบางมุ่งหน้าสู่เวียงจันทน์ ผมเกิดความบ้าขึ้นมา แยกหนีจากกลุ่ม ยอมรับผิดในความประพฤติแย่ ๆ ครับ
แต่โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยครั้ง เพื่อท้าทายกับความกลัวในจิตใจ ประกอบกับมีกิจธุระต้องเตรียมตัวลงกรุงเทพฯ ต่อไป ภาพการเดินทางสวย ๆ
รอชมได้กับท่าน ผอ.ทวีศักดิ์ และที่เว็บไซต์ http://www.mccthailand.com สำหรับในส่วนของผมเชิญรับชมได้ ดังต่อไปนี้ครับ
ออกเดินทางจากขอนแก่นประมาณบ่ายสามวันที่ ๑๖ ก.พ. ๕๖ โดยรถตู้สองคัน แวะกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารครัวเขาค้อ อาหารอร่อยครับ รับรอง
ถึงเชียงของตอนเช้ามืดวันที่ ๑๗ ก.พ. ๕๖ เข้าไปอาบน้ำที่รีสอร์ทซึ่งเจ้าของเป็นเพื่อนนักปั่นของเฮียต้อม กินข้าวเช้าเสร็จแล้วก็สะสมเสบียงสำหรับกินบนเรือครับ
ดำเนินการทางด้านเอกสารผ่านแดน ประกอบรถเตรียมขนขึ้นเรือ
แยกขึ้นเรือข้ามฟากจำนวนสองลำครับ แต่ตอนไปจอดนี่สิ ดันไม่จอดที่ท่า ก็ต้องขนรถลงจากเรือกันอย่างทุลักทุเล
นี่ครับ เฮียแป๊ะ บ้านรถถีบ อดีตนักกีฬายิงปืน มือกล้องคนสำคัญ
รอขึ้นเรือที่ห้วยทราย กว่าจะได้ออกก็เที่ยงไปแล้วครับ ที่นั่งคับแคบไปหน่อย ฝรั่งเต็มลำเรือ มีคนไทยเพียงพวกเรากลุ่มเดียว ๑๔ คน ส่วนรถจักรยานใส่บนหลังคาประทุนเรือครับ
เด็กฝรั่งฮอลแลนด์ น่ารักครับ ชื่อน้องไมโล ถูกใจอาจารย์เต้ยมาก แยกกันที่ปากแบง
ถึงปากแบงแล้วครับ เป็นเมืองสำหรับแวะพักผ่อนของนักเดินทางจริง ๆ เพราะระยะทางจากห้วยทรายไปหลวงพระบางต้องแวะที่นี่ ไม่สามารถเดินทางกลางคืนได้ครับ อันตราย
นำรถลงจากเรือ บางคนถูกลูกหาบแย่งไป นึกว่าใจดีมาช่วย ที่ไหนได้โดนไปคนละร้อย
บรรยากาศยามเย็นที่ปากแบง สายน้ำของที่อยู่ท่ามกลางหุบเขา
ไว้ค่อยมาต่อกันใหม่ครับ
โดยเฮียต้อม โกสุม เจ้าตำนานทัวริง แห่งบ้านรถถีบ นำทีม จึงเก็บภาพมาฝากพี่น้องที่อาจจะสนใจอยากไปมั่ง
เดินทางวันที่ 16 ก.พ. 56
ถึงเชียงของตอนเช้าวันที่ 17 ก.พ. 56 ข้ามไปฝั่งเมืองห้วยทรายแล้วต่อเรือไปนอนที่เมืองปากแบง
รุ่งเช้าวันที่ 18 ก.พ. 56 ต่อเรือไปจนถึงหลวงพระบาง นอนหลวงพระบาง 3 คืน 18-20 ก.พ. 56
ออกเดินทางกลับด้วยการปั่นจักรยานจากหลวงพระบางมุ่งหน้าสู่เวียงจันทน์ ผมเกิดความบ้าขึ้นมา แยกหนีจากกลุ่ม ยอมรับผิดในความประพฤติแย่ ๆ ครับ
แต่โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยครั้ง เพื่อท้าทายกับความกลัวในจิตใจ ประกอบกับมีกิจธุระต้องเตรียมตัวลงกรุงเทพฯ ต่อไป ภาพการเดินทางสวย ๆ
รอชมได้กับท่าน ผอ.ทวีศักดิ์ และที่เว็บไซต์ http://www.mccthailand.com สำหรับในส่วนของผมเชิญรับชมได้ ดังต่อไปนี้ครับ
ออกเดินทางจากขอนแก่นประมาณบ่ายสามวันที่ ๑๖ ก.พ. ๕๖ โดยรถตู้สองคัน แวะกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารครัวเขาค้อ อาหารอร่อยครับ รับรอง
ถึงเชียงของตอนเช้ามืดวันที่ ๑๗ ก.พ. ๕๖ เข้าไปอาบน้ำที่รีสอร์ทซึ่งเจ้าของเป็นเพื่อนนักปั่นของเฮียต้อม กินข้าวเช้าเสร็จแล้วก็สะสมเสบียงสำหรับกินบนเรือครับ
ดำเนินการทางด้านเอกสารผ่านแดน ประกอบรถเตรียมขนขึ้นเรือ
แยกขึ้นเรือข้ามฟากจำนวนสองลำครับ แต่ตอนไปจอดนี่สิ ดันไม่จอดที่ท่า ก็ต้องขนรถลงจากเรือกันอย่างทุลักทุเล
นี่ครับ เฮียแป๊ะ บ้านรถถีบ อดีตนักกีฬายิงปืน มือกล้องคนสำคัญ
รอขึ้นเรือที่ห้วยทราย กว่าจะได้ออกก็เที่ยงไปแล้วครับ ที่นั่งคับแคบไปหน่อย ฝรั่งเต็มลำเรือ มีคนไทยเพียงพวกเรากลุ่มเดียว ๑๔ คน ส่วนรถจักรยานใส่บนหลังคาประทุนเรือครับ
เด็กฝรั่งฮอลแลนด์ น่ารักครับ ชื่อน้องไมโล ถูกใจอาจารย์เต้ยมาก แยกกันที่ปากแบง
ถึงปากแบงแล้วครับ เป็นเมืองสำหรับแวะพักผ่อนของนักเดินทางจริง ๆ เพราะระยะทางจากห้วยทรายไปหลวงพระบางต้องแวะที่นี่ ไม่สามารถเดินทางกลางคืนได้ครับ อันตราย
นำรถลงจากเรือ บางคนถูกลูกหาบแย่งไป นึกว่าใจดีมาช่วย ที่ไหนได้โดนไปคนละร้อย
บรรยากาศยามเย็นที่ปากแบง สายน้ำของที่อยู่ท่ามกลางหุบเขา
ไว้ค่อยมาต่อกันใหม่ครับ
แก้ไขล่าสุดโดย หนุ่ม สีหราชเดโชไชย เมื่อ 26 ก.พ. 2013, 14:02, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
...ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ไม่มีเครื่องหมาย ใคร ๆ รู้ไม่ได้ ทั้งลำบาก ทั้งน้อย และประกอบด้วยทุกข์.
(สัลลสูตรที่ ๘ ว่าด้วยความธรรมดาของสัตว์โลก)
(สัลลสูตรที่ ๘ ว่าด้วยความธรรมดาของสัตว์โลก)
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 2385
- ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มี.ค. 2009, 10:05
- Tel: 0894180558
- team: ชมรมจักรยานบึงทุ่งสร้างขอนแก่น
- Bike: เทรค8900 commencal n3
- ตำแหน่ง: 192/199 ต.ในเมือง อ.เมือง จว.ขอนแก่น
Re: ประสบการณ์ปั่นในลาว
เห็นพี่เศกโลโซด้วย
มีสติทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก...
มีอคติทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่...
ผมรักพ่อหลวง
มีอคติทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่...
ผมรักพ่อหลวง
- jhonadison
- ขาประจำ
- โพสต์: 798
- ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ย. 2012, 20:20
- Tel: 089-6222750
- team: บึงแก่นนคร
- Bike: TREK 4700 Giant TCR COMPOSITE 0
- ตำแหน่ง: วราสิริ มิ่งเมือง
- leeyongpeaw
- ขาประจำ
- โพสต์: 1012
- ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มิ.ย. 2012, 01:26
- team: ไปใด้ทุกทีม ิิิิ กำ
- Bike: bmx
Re: ประสบการณ์ปั่นในลาว
อยากไปนำแต่บ่มีเวลาสวยมากคับพี่หนุ่ม
รถไม่แพงแต่แรงกูมี (มีนิสเดียว)ิิิิกำ
https://www.facebook.com/leeyongpeawza?ref=tn_tnmn
https://www.facebook.com/leeyongpeawza?ref=tn_tnmn
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 430
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2012, 22:41
- Tel: 0819546321
- team: KK Touring Bikes
- Bike: ไอ้แดง TREK 3900
- ตำแหน่ง: 427/3 ม.20 ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น 40110
- ติดต่อ:
Re: ประสบการณ์ปั่นในลาว
ต่อครับ
เช้าวันที่ ๑๘ ก.พ. ๕๖ ผมกับ ผอ.ทวีศักดิ์ ไปเดินตลาดเช้าเมืองปากแบง ส่วนอีกหลายท่านทดลองปั่นปีนเขาเล่นกัน ภาพสวย ๆ จะอยู่กับ ผอ.ทวีศักดิ์ นะครับ รอชม ส่วนภาพนี้ ถ่ายจากที่พักมองลงไปที่เรือซึ่งจอดรอพวกเราอยู่ เตรียมออกตอนสองโมงเช้า สังเกตว่า มีฝรั่งมากางเตนท์อยู่ข้างเรือ และผมจินตนาการไปว่า หินก้อนข้าง ๆ เรือเล็กนั่นเป็นจระเข้ตัวเขื่องกำลังหันหัวลงไปในน้ำ ดูสิครับ ใช่หรือเปล่า
มองไปทิศใต้ ทางที่เราจะเดินทางต่อไปยังหลวงพระบาง ท้องฟ้าวันนี้สดใส
อาหารเช้าวันนี้ ผอ.ทวีศักดิ์ ทดลองกิน "หมกไค" หรือสาหร่ายน้ำจืดที่พบได้มากในลำน้ำแถวนี้ รสชาติดี แต่ออกจะเลี่ยน ๆ นิดนึง
ผอ.ทวีศักดิ์ กินยาลดความหล่อ ส่วนเฮียต้อมก็แต่งภาพสวย ๆ ด้วย Application ในมือถือ พร้อมกับเล่าประสบการณ์ปั่นทัวริงนับสิบปี ใครเคยดูรายการ "คนค้นคน" เฮียต้อมคนนี้ล่ะครับเป็นพระเอกในตอน "มิตรภาพบนหลังเสือ" หาดูได้ใน Youtube ครับ
ทะยอยขนของลงเรือกันแล้วครับ
วันนี้พวกเราจับจองที่นั่งแถวหน้า เอกสิทธิ์เฉพาะคนไทยกลุ่มนี้ หันหน้าเข้าหากัน ความบันเทิงจึงเกิดขึ้น ว่ากันด้วยเรื่องตัวเลข บางคนก็บาดเจ็บกันไป
อ.ตู่ แอบงีบเอาแรง
ส่วนผมกับ ผอ.ทวีศักดิ์ ก็แอบมาพึ่งแม่ย่านาง ยึดหัวเรือ ชมวิวสองฝั่งโขง
ถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ผมทำหน้าที่เป็นเด็กเรือลงไปช่วยผู้โดยสารขนของ ได้สัมผัสผืนทรายริมน้ำโขง สบายเท้าดีครับ
นี่ก็เด็ก ๆ อีกกลุ่มหนึ่งที่ใช้โขดหินเป็นท่าเรือ การเดินทางทางเรือสะดวกที่สุดแล้วครับ สำหรับชีวิตริมน้ำ
มาเจอฝรั่งสองคนนี้ สุด ๆ จริง ๆ ทราบว่าฝรั่งที่มาแบบนี้มักจะซื้อเรือล่องไปเรื่อย ผจญภัยแบบหลุดโลก ถึงที่หมายก็ขายเรือ ได้รสชาติชีวิตกว่านั่งโดยสาร
เอ้อ ยังมีคนบ้าระห่ำแบบนี้อีกมากในโลกใบนี้
ผ่านถ้ำติ่งผมลืมถ่ายรูปไว้ แต่กับคนอื่นคงจะมี ใกล้จะถึงหลวงพระบางแล้วครับ พระอาทิตย์คงอายแอบไปหลบอยู่หลังม่านเมฆ
ถึงท่าเรือเมล์หลวงพระบางแล้ว มองเห็นเสือเด่นนั่งละเลียดเบียร์ลาวอยู่ข้างบนโน่น สบายอารมณ์ดีนะท่านพี่
ช่วยกันขนรถถีบลงจากเรือพร้อมด้วยสัมภาระ
รถส้มก็มาดักรอให้ความอร่อย เห็นแล้วก็เปรี้ยวปาก
ลองกำลังกันด้วยการปั่นขึ้นจากท่าเรือมาที่ถนนซึ่งชันมาก ๆ หอบแฮก ๆ
ผมปั่นตามหลังเฮียต้อมไป รู้สึกกระชุ่มกระชวยเมื่อถึงถิ่นหลวงพระบาง รู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่อย่างบอกไม่ถูก
หลังจากเก็บของไว้ที่เฮือนพัก ทั้งคณะก็พากันมาเดินตลาดมืดซึ่งอลังการไปด้วยงานหัตถกรรมและของกิน
บางท่านมาติดใจเจ้าเสื้อเรืองแสง ไว้ใส่ปั่นตอนกลางคืนออกแนว ๆ
เช้าวันที่ ๑๘ ก.พ. ๕๖ ผมกับ ผอ.ทวีศักดิ์ ไปเดินตลาดเช้าเมืองปากแบง ส่วนอีกหลายท่านทดลองปั่นปีนเขาเล่นกัน ภาพสวย ๆ จะอยู่กับ ผอ.ทวีศักดิ์ นะครับ รอชม ส่วนภาพนี้ ถ่ายจากที่พักมองลงไปที่เรือซึ่งจอดรอพวกเราอยู่ เตรียมออกตอนสองโมงเช้า สังเกตว่า มีฝรั่งมากางเตนท์อยู่ข้างเรือ และผมจินตนาการไปว่า หินก้อนข้าง ๆ เรือเล็กนั่นเป็นจระเข้ตัวเขื่องกำลังหันหัวลงไปในน้ำ ดูสิครับ ใช่หรือเปล่า
มองไปทิศใต้ ทางที่เราจะเดินทางต่อไปยังหลวงพระบาง ท้องฟ้าวันนี้สดใส
อาหารเช้าวันนี้ ผอ.ทวีศักดิ์ ทดลองกิน "หมกไค" หรือสาหร่ายน้ำจืดที่พบได้มากในลำน้ำแถวนี้ รสชาติดี แต่ออกจะเลี่ยน ๆ นิดนึง
ผอ.ทวีศักดิ์ กินยาลดความหล่อ ส่วนเฮียต้อมก็แต่งภาพสวย ๆ ด้วย Application ในมือถือ พร้อมกับเล่าประสบการณ์ปั่นทัวริงนับสิบปี ใครเคยดูรายการ "คนค้นคน" เฮียต้อมคนนี้ล่ะครับเป็นพระเอกในตอน "มิตรภาพบนหลังเสือ" หาดูได้ใน Youtube ครับ
ทะยอยขนของลงเรือกันแล้วครับ
วันนี้พวกเราจับจองที่นั่งแถวหน้า เอกสิทธิ์เฉพาะคนไทยกลุ่มนี้ หันหน้าเข้าหากัน ความบันเทิงจึงเกิดขึ้น ว่ากันด้วยเรื่องตัวเลข บางคนก็บาดเจ็บกันไป
อ.ตู่ แอบงีบเอาแรง
ส่วนผมกับ ผอ.ทวีศักดิ์ ก็แอบมาพึ่งแม่ย่านาง ยึดหัวเรือ ชมวิวสองฝั่งโขง
ถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ผมทำหน้าที่เป็นเด็กเรือลงไปช่วยผู้โดยสารขนของ ได้สัมผัสผืนทรายริมน้ำโขง สบายเท้าดีครับ
นี่ก็เด็ก ๆ อีกกลุ่มหนึ่งที่ใช้โขดหินเป็นท่าเรือ การเดินทางทางเรือสะดวกที่สุดแล้วครับ สำหรับชีวิตริมน้ำ
มาเจอฝรั่งสองคนนี้ สุด ๆ จริง ๆ ทราบว่าฝรั่งที่มาแบบนี้มักจะซื้อเรือล่องไปเรื่อย ผจญภัยแบบหลุดโลก ถึงที่หมายก็ขายเรือ ได้รสชาติชีวิตกว่านั่งโดยสาร
เอ้อ ยังมีคนบ้าระห่ำแบบนี้อีกมากในโลกใบนี้
ผ่านถ้ำติ่งผมลืมถ่ายรูปไว้ แต่กับคนอื่นคงจะมี ใกล้จะถึงหลวงพระบางแล้วครับ พระอาทิตย์คงอายแอบไปหลบอยู่หลังม่านเมฆ
ถึงท่าเรือเมล์หลวงพระบางแล้ว มองเห็นเสือเด่นนั่งละเลียดเบียร์ลาวอยู่ข้างบนโน่น สบายอารมณ์ดีนะท่านพี่
ช่วยกันขนรถถีบลงจากเรือพร้อมด้วยสัมภาระ
รถส้มก็มาดักรอให้ความอร่อย เห็นแล้วก็เปรี้ยวปาก
ลองกำลังกันด้วยการปั่นขึ้นจากท่าเรือมาที่ถนนซึ่งชันมาก ๆ หอบแฮก ๆ
ผมปั่นตามหลังเฮียต้อมไป รู้สึกกระชุ่มกระชวยเมื่อถึงถิ่นหลวงพระบาง รู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่อย่างบอกไม่ถูก
หลังจากเก็บของไว้ที่เฮือนพัก ทั้งคณะก็พากันมาเดินตลาดมืดซึ่งอลังการไปด้วยงานหัตถกรรมและของกิน
บางท่านมาติดใจเจ้าเสื้อเรืองแสง ไว้ใส่ปั่นตอนกลางคืนออกแนว ๆ
...ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ไม่มีเครื่องหมาย ใคร ๆ รู้ไม่ได้ ทั้งลำบาก ทั้งน้อย และประกอบด้วยทุกข์.
(สัลลสูตรที่ ๘ ว่าด้วยความธรรมดาของสัตว์โลก)
(สัลลสูตรที่ ๘ ว่าด้วยความธรรมดาของสัตว์โลก)
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 430
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2012, 22:41
- Tel: 0819546321
- team: KK Touring Bikes
- Bike: ไอ้แดง TREK 3900
- ตำแหน่ง: 427/3 ม.20 ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น 40110
- ติดต่อ:
Re: ประสบการณ์ปั่นในลาว
วันที่ ๑๙ ก.พ. ๕๖
เป้าหมายของการท่องเที่ยวหลวงพระบางวันนี้คือ น้ำตกตาดกวางสี อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ ๓๐ ก.ม.
วันนี้แพ็คของไปไม่มากครับ มีแค่ชุดเตรียมเล่นน้ำเท่านั้น
ไปใส่บาตรกันครับ แต่ผมไม่มีภาพตอนใส่บาตร เสียดายครับ แต่รอชมกับท่าน ผอ.ทวีศักดิ์ ดีกว่าครับ สวย ๆ
ภาพนี้ แม่ค้าที่นำของมาขายให้คนใส่บาตร เป็นอาชีพที่เลี้ยงชาวหลวงพระบางได้อย่างดี
ถนนแทบทุกสายเป็นสายการบินทบาตครับ
มาเพิ่มพลังกันก่อนที่ร้านกาแฟ "ประชานิยม" (อยู่สามวันก็กินกันทั้งสามวัน) ผมรู้สึกเหมือนว่า ใช่เขาใส่ชูรสด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้
มาชมตลาดเช้า ดูวิถีชีวิตผู้คนยามเช้ากันครับ
ทีนี้มาแวะแลกเงินกัน บางท่านก็ซื้อซิมลาวไว้โทร.ทางไกล และเล่นเน็ต ซึ่งรวมถึงผมด้วย
แม่ค้าคนนี้ตื๊อจริง ๆ ครับ ด้วยความสงสาร จนสายป่านนี้แล้วก็ยังขายไม่หมด ก็เลยช่วยซื้อไปนิดหน่อย
แล้วพวกเราก็มุ่งหน้าสู่ตาดกวางสีครับ ผมทดลองดันเนินแรกด้วยวิธีการที่ซ้อมมาจากหินช้างสี ใช้เกียร์หนักค่อย ๆ กด มันก็ไปได้เร็วดีครับ และไม่เหนื่อย
ส่วนโน่น พี่ พ.ต.เกษม ตามผมมาทันเป็นคนแรก
ผอ.ทวีศักดิ์ ถามผมว่า "ได้ผลมั้ย" ผมตอบ "ได้ผลครับ" ไม่เหนื่อยและมาได้รอดได้
คนเสื้อขาวนี้คือ ดร.สมชาย แก้ววังชัย อาจารย์ มมส. ครับ ถามกันไปมาเป็นคนเกิดปีเดียวกัน ปีหน้าขอผูกเสี่ยวด้วยเลย เพิ่งปั่นได้ไม่นานเหมือนกันครับ
ปั่นผ่านโรงเรียนแห่งหนึ่ง จักรยานจอดเต็มเลยครับ เป็นพาหนะหลักของนักเรียนที่นี่
อ.ตู่ สัมภาษณ์คุณครูที่นี่ บอกว่า เป็นนโยบายของโรงเรียนและของรัฐ ห้ามนำรถจัก (รถมอเตอร์ไซค์) มาโรงเรียนเด็ดขาด
ถึงทางเข้าน้ำตกแล้วครับ เส้นทางที่ขึ้นน้ำตกสูงชันมาก แต่แค่นี้ทุกคนสบายครับ นี่ยังไม่ได้แบกสัมภาระนะครับ
ทุกคนต่างสนใจดูหมีกัน เห็นหมีแล้วก็พอใจ
น้ำตกมีหลายชั้น สีเขียวสวยงาม และมีบางชั้นที่อนุญาตให้ลงเล่นได้ คณะลงเล่นกันสนุกครื้นเครงกันใหญ่ เพราะมีสาว ๆ ชาวต่างชาติมาช่วยสร้างสีสัน
ผมถ่ายมานิดเดียว ส่วนภาพเด็ด ๆ ขอให้ติดตามได้ที่ http://www.mccthailand.com นะครับ รับรอง เด็ดจริง ๆ
เล่นน้ำกันเหนื่อยแล้วก็มากินข้าวเที่ยงกันที่ร้านตรงทางเข้า บอกตรง ๆ ว่า รสชาติอาหารที่นี่ไม่ค่อยประทับใจครับ สู้อาหารบ้านเราไม่ได้จริง ๆ
แล้วก็ได้เวลากลับ ไอ้แดงคันนี้ ให้เท่าไรก็ไม่ขายครับ
รถ พ.ต.เกษม ยางรั่วครับ เลยได้เรียนวิชาตาบยางกัน
กลับถึงหลวงพระบางก็เหนื่อยกันต่อด้วยการปีนไปชมพระอาทิตย์ตกที่วัดพระธาตุพูสี สูงด้วยบันไดหลายขั้น
เป้าหมายของการท่องเที่ยวหลวงพระบางวันนี้คือ น้ำตกตาดกวางสี อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ ๓๐ ก.ม.
วันนี้แพ็คของไปไม่มากครับ มีแค่ชุดเตรียมเล่นน้ำเท่านั้น
ไปใส่บาตรกันครับ แต่ผมไม่มีภาพตอนใส่บาตร เสียดายครับ แต่รอชมกับท่าน ผอ.ทวีศักดิ์ ดีกว่าครับ สวย ๆ
ภาพนี้ แม่ค้าที่นำของมาขายให้คนใส่บาตร เป็นอาชีพที่เลี้ยงชาวหลวงพระบางได้อย่างดี
ถนนแทบทุกสายเป็นสายการบินทบาตครับ
มาเพิ่มพลังกันก่อนที่ร้านกาแฟ "ประชานิยม" (อยู่สามวันก็กินกันทั้งสามวัน) ผมรู้สึกเหมือนว่า ใช่เขาใส่ชูรสด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้
มาชมตลาดเช้า ดูวิถีชีวิตผู้คนยามเช้ากันครับ
ทีนี้มาแวะแลกเงินกัน บางท่านก็ซื้อซิมลาวไว้โทร.ทางไกล และเล่นเน็ต ซึ่งรวมถึงผมด้วย
แม่ค้าคนนี้ตื๊อจริง ๆ ครับ ด้วยความสงสาร จนสายป่านนี้แล้วก็ยังขายไม่หมด ก็เลยช่วยซื้อไปนิดหน่อย
แล้วพวกเราก็มุ่งหน้าสู่ตาดกวางสีครับ ผมทดลองดันเนินแรกด้วยวิธีการที่ซ้อมมาจากหินช้างสี ใช้เกียร์หนักค่อย ๆ กด มันก็ไปได้เร็วดีครับ และไม่เหนื่อย
ส่วนโน่น พี่ พ.ต.เกษม ตามผมมาทันเป็นคนแรก
ผอ.ทวีศักดิ์ ถามผมว่า "ได้ผลมั้ย" ผมตอบ "ได้ผลครับ" ไม่เหนื่อยและมาได้รอดได้
คนเสื้อขาวนี้คือ ดร.สมชาย แก้ววังชัย อาจารย์ มมส. ครับ ถามกันไปมาเป็นคนเกิดปีเดียวกัน ปีหน้าขอผูกเสี่ยวด้วยเลย เพิ่งปั่นได้ไม่นานเหมือนกันครับ
ปั่นผ่านโรงเรียนแห่งหนึ่ง จักรยานจอดเต็มเลยครับ เป็นพาหนะหลักของนักเรียนที่นี่
อ.ตู่ สัมภาษณ์คุณครูที่นี่ บอกว่า เป็นนโยบายของโรงเรียนและของรัฐ ห้ามนำรถจัก (รถมอเตอร์ไซค์) มาโรงเรียนเด็ดขาด
ถึงทางเข้าน้ำตกแล้วครับ เส้นทางที่ขึ้นน้ำตกสูงชันมาก แต่แค่นี้ทุกคนสบายครับ นี่ยังไม่ได้แบกสัมภาระนะครับ
ทุกคนต่างสนใจดูหมีกัน เห็นหมีแล้วก็พอใจ
น้ำตกมีหลายชั้น สีเขียวสวยงาม และมีบางชั้นที่อนุญาตให้ลงเล่นได้ คณะลงเล่นกันสนุกครื้นเครงกันใหญ่ เพราะมีสาว ๆ ชาวต่างชาติมาช่วยสร้างสีสัน
ผมถ่ายมานิดเดียว ส่วนภาพเด็ด ๆ ขอให้ติดตามได้ที่ http://www.mccthailand.com นะครับ รับรอง เด็ดจริง ๆ
เล่นน้ำกันเหนื่อยแล้วก็มากินข้าวเที่ยงกันที่ร้านตรงทางเข้า บอกตรง ๆ ว่า รสชาติอาหารที่นี่ไม่ค่อยประทับใจครับ สู้อาหารบ้านเราไม่ได้จริง ๆ
แล้วก็ได้เวลากลับ ไอ้แดงคันนี้ ให้เท่าไรก็ไม่ขายครับ
รถ พ.ต.เกษม ยางรั่วครับ เลยได้เรียนวิชาตาบยางกัน
กลับถึงหลวงพระบางก็เหนื่อยกันต่อด้วยการปีนไปชมพระอาทิตย์ตกที่วัดพระธาตุพูสี สูงด้วยบันไดหลายขั้น
...ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ไม่มีเครื่องหมาย ใคร ๆ รู้ไม่ได้ ทั้งลำบาก ทั้งน้อย และประกอบด้วยทุกข์.
(สัลลสูตรที่ ๘ ว่าด้วยความธรรมดาของสัตว์โลก)
(สัลลสูตรที่ ๘ ว่าด้วยความธรรมดาของสัตว์โลก)
- leeyongpeaw
- ขาประจำ
- โพสต์: 1012
- ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มิ.ย. 2012, 01:26
- team: ไปใด้ทุกทีม ิิิิ กำ
- Bike: bmx
Re: ประสบการณ์ปั่นในลาว
แล้วก็ได้เวลากลับ ไอ้แดงคันนี้ ให้เท่าไรก็ไม่ขายครับ
จริงหรอพี่ผมให้1ล้าน
จริงหรอพี่ผมให้1ล้าน
รถไม่แพงแต่แรงกูมี (มีนิสเดียว)ิิิิกำ
https://www.facebook.com/leeyongpeawza?ref=tn_tnmn
https://www.facebook.com/leeyongpeawza?ref=tn_tnmn
-
- สมาชิก
- โพสต์: 60
- ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ธ.ค. 2012, 13:35
- Tel: 0803111733
- team: ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพมหาสารคาม, Green Bike MSU, MSU staff cycling club, love strong
- Bike: surly: troll, Bianchi: infinito cv
- ตำแหน่ง: ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ต.ขามเรียง อ. กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม 44150
- ติดต่อ:
Re: ประสบการณ์ปั่นในลาว
เสียดายที่เสือหนุ่ม รีบไปก่อน เลยได้ทำความรู้จักกันได้ไม่มาก ทริปหน้าชวนกันด้วยนะครับ
ฝากรูปปิดทริปให้ครับ
อย่าลืมเสี่ยวคนนี้ด้วยแระกัน
คันนี้ของผมให้เท่าไหร่ก็ไม่ขายเช่นกัน
ฝากรูปปิดทริปให้ครับ
อย่าลืมเสี่ยวคนนี้ด้วยแระกัน
คันนี้ของผมให้เท่าไหร่ก็ไม่ขายเช่นกัน
สมชาย แก้ววังชัย
ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ต.ขามเรียง
อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม 44150
ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ต.ขามเรียง
อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม 44150
- tommasi
- สมาชิก
- โพสต์: 80
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2012, 16:15
- Tel: 081-7396280
- team: -
- Bike: Dahon Dream
- ตำแหน่ง: เลขที่ 44 หมู่ 14 ถ. ศรีจันทร์ ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000
- ติดต่อ:
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 430
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2012, 22:41
- Tel: 0819546321
- team: KK Touring Bikes
- Bike: ไอ้แดง TREK 3900
- ตำแหน่ง: 427/3 ม.20 ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น 40110
- ติดต่อ:
Re: ประสบการณ์ปั่นในลาว
เสือเพียวครับ ผมคิดว่าคงไม่มีใครอยากได้ เพราะไอ้แดงผมมันราคาถูกมาก ๆ แต่ที่ผมไม่ขายเพราะมันคือเพื่อนยากของผมจริง ๆleeyongpeaw เขียน:แล้วก็ได้เวลากลับ ไอ้แดงคันนี้ ให้เท่าไรก็ไม่ขายครับ
จริงหรอพี่ผมให้1ล้าน
...ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ไม่มีเครื่องหมาย ใคร ๆ รู้ไม่ได้ ทั้งลำบาก ทั้งน้อย และประกอบด้วยทุกข์.
(สัลลสูตรที่ ๘ ว่าด้วยความธรรมดาของสัตว์โลก)
(สัลลสูตรที่ ๘ ว่าด้วยความธรรมดาของสัตว์โลก)
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 430
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2012, 22:41
- Tel: 0819546321
- team: KK Touring Bikes
- Bike: ไอ้แดง TREK 3900
- ตำแหน่ง: 427/3 ม.20 ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น 40110
- ติดต่อ:
Re: ประสบการณ์ปั่นในลาว
ภาพสวยมากครับ ดร. ไว้ทริปหน้าจัดไปด้วยกันอีก ผมสนใจนำเสนอเข้าทางท่าแขกแล้วเลยไปเวียตนามครับ คราวหน้าผมสัญญาไม่แอบหนีเพื่อน ๆ ไปไหนอีกครับ
...ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ไม่มีเครื่องหมาย ใคร ๆ รู้ไม่ได้ ทั้งลำบาก ทั้งน้อย และประกอบด้วยทุกข์.
(สัลลสูตรที่ ๘ ว่าด้วยความธรรมดาของสัตว์โลก)
(สัลลสูตรที่ ๘ ว่าด้วยความธรรมดาของสัตว์โลก)
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 430
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2012, 22:41
- Tel: 0819546321
- team: KK Touring Bikes
- Bike: ไอ้แดง TREK 3900
- ตำแหน่ง: 427/3 ม.20 ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น 40110
- ติดต่อ:
Re: ประสบการณ์ปั่นในลาว
วันที่ ๒๐ ก.พ. ๕๖ เป็นการปั่นเที่ยวทั่วเมืองหลวงพระบางครับ
เริ่มต้นจากตลาดโพสี ตลาดเช้า บรรยากาศย้อนยุค แต่ป๋าต้อยบ่นอุบ เพราะกลิ่นตลาดแรงไปหน่อย
ผมกับ ผอ.ทวีศักดิ์ ได้ลิ้มลองข้าวเกรียบปากหม้อ รสชาติดีครับ แต่บรรยากาศรอบข้างค่อนข้างอบอวลไปด้วยกลิ่นตลาด
ลองนึกภาพสมัยเมื่อยี่สิบปีก่อนที่บ้านเรา อย่างไรก็อย่างนั้นครับ
ผมนับถือพี่สาวสองเสือสาวนี้จริง ๆ ครับ อยากให้ที่รักผมมามั่ง จะได้ไม่ต้องห่วงกัน
ตอนนี้เป็นช่วงที่ป๋าต้อยกำลังบ่นเรื่องตลาดโพสี ถ้ารู้ว่าจะมาประชานิยมอีกคงไม่ต้องหาของกินแถวนั้น รับกลิ่นไม่ไหว
ส่วนภาพต่อไปนี้ พี่เสือเด่นกรุณากดชัตเตอร์ให้เห็นบรรยากาศการละเลียดกาแฟเช้า ร้านประชานิยม
จากนั้น พวกเราก็ได้เดินทางไปที่บ้าน "ผานม" ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องหัตถกรรมพื้นบ้านจำพวก ผ้าทอมือและเครื่องเงิน
ดร.สมชาย ได้ของไปฝากคนทางบ้านเยอะเลย ส่วนเสือต้นก็ติดใจผ้าขาวม้า ซื้อแล้ว...ซื้ออีก
ภาพนี้ถ่ายที่หน้าร้านช่างตีเงินครับ ผมชอบร้านนี้ตรงคนขายน่ารักดีครับ สวยซึ้ง นัยน์ตาเศร้า (อ้าว...หลุดอีกแล้ว) ไม่ได้ภาพมา ไปดูกันเอาเองครับ
ภาพนี้ผมพบติดอยู่ผนังของร้าน ถามยายเจ้าของร้านบอกว่าเป็นภาพเจ้ามหาชีวิตลาว ถ่ายกับในหลวง ตอนไหนก็ไม่รู้
มันทำให้รู้สึกเหมือนกับว่า ไทยกับลาว เราคือเชื้อสายเดียวกัน
จากนั้นคณะได้พากันมาเที่ยวชมพระธาตุมะโม
มีคำสอนภาษาลาวติดอยู่ตามต้นไม้ ภาพนี้ใครอ่านไม่ออกผมจะแปลให้ "คติเตือนใจ จำดีกว่าจด จำไม่หมดจดไว้ดีกว่าจำ"
ได้เวลาสร้างภาพกันอีก อย่าลืมติดตามได้ที่ http://www.mccthailand.com นะครับ
ชอบทัวริงแล้วล่ะครับ
แวะมาดูสะพานไม้ไผ่ข้ามแม่น้ำคาน ได้ความรู้สึกดี ๆ น่าจะดีกว่าถ้าเรามาตอนเช้า ๆ
มาวัดเชียงทอง ผมไม่ได้เข้าครับ เป็นความชอบส่วนบุคคล รอดูภาพอีกเช่นกันนะครับ
มาพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ซึ่งเดิมเคยเป็นวังมาก่อน ผมไม่ได้เข้าดูข้างในอีกเช่นกัน
ขอปลีกตัวออกมาปั่นเที่ยวให้รอบเมืองหลวงพระบางอีกครั้ง ยังไม่ทั่วเลยครับ
ไปทางค่ายทหารและสนามบินแล้วแวะไปดูสถานีขนส่งสายเหนือ
ชอบสะพานตรงนี้มากครับ ปั่นไปปั่นมาตั้งสามรอบ มันทำให้รู้สึกว่า จักรยานเราใหญ่คับถนนเลย เพราะมอเตอร์ไซค์ที่ตามหลังมาต้องตามเราต้อย ๆ แซงไม่ได้
งานเลี้ยงส่งท้าย คืนสุดท้ายก่อนอำลาหลวงพระบาง อาหารก็ยังคงรสชาติไม่ผ่านอีกเช่นเคย
เริ่มต้นจากตลาดโพสี ตลาดเช้า บรรยากาศย้อนยุค แต่ป๋าต้อยบ่นอุบ เพราะกลิ่นตลาดแรงไปหน่อย
ผมกับ ผอ.ทวีศักดิ์ ได้ลิ้มลองข้าวเกรียบปากหม้อ รสชาติดีครับ แต่บรรยากาศรอบข้างค่อนข้างอบอวลไปด้วยกลิ่นตลาด
ลองนึกภาพสมัยเมื่อยี่สิบปีก่อนที่บ้านเรา อย่างไรก็อย่างนั้นครับ
ผมนับถือพี่สาวสองเสือสาวนี้จริง ๆ ครับ อยากให้ที่รักผมมามั่ง จะได้ไม่ต้องห่วงกัน
ตอนนี้เป็นช่วงที่ป๋าต้อยกำลังบ่นเรื่องตลาดโพสี ถ้ารู้ว่าจะมาประชานิยมอีกคงไม่ต้องหาของกินแถวนั้น รับกลิ่นไม่ไหว
ส่วนภาพต่อไปนี้ พี่เสือเด่นกรุณากดชัตเตอร์ให้เห็นบรรยากาศการละเลียดกาแฟเช้า ร้านประชานิยม
จากนั้น พวกเราก็ได้เดินทางไปที่บ้าน "ผานม" ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องหัตถกรรมพื้นบ้านจำพวก ผ้าทอมือและเครื่องเงิน
ดร.สมชาย ได้ของไปฝากคนทางบ้านเยอะเลย ส่วนเสือต้นก็ติดใจผ้าขาวม้า ซื้อแล้ว...ซื้ออีก
ภาพนี้ถ่ายที่หน้าร้านช่างตีเงินครับ ผมชอบร้านนี้ตรงคนขายน่ารักดีครับ สวยซึ้ง นัยน์ตาเศร้า (อ้าว...หลุดอีกแล้ว) ไม่ได้ภาพมา ไปดูกันเอาเองครับ
ภาพนี้ผมพบติดอยู่ผนังของร้าน ถามยายเจ้าของร้านบอกว่าเป็นภาพเจ้ามหาชีวิตลาว ถ่ายกับในหลวง ตอนไหนก็ไม่รู้
มันทำให้รู้สึกเหมือนกับว่า ไทยกับลาว เราคือเชื้อสายเดียวกัน
จากนั้นคณะได้พากันมาเที่ยวชมพระธาตุมะโม
มีคำสอนภาษาลาวติดอยู่ตามต้นไม้ ภาพนี้ใครอ่านไม่ออกผมจะแปลให้ "คติเตือนใจ จำดีกว่าจด จำไม่หมดจดไว้ดีกว่าจำ"
ได้เวลาสร้างภาพกันอีก อย่าลืมติดตามได้ที่ http://www.mccthailand.com นะครับ
ชอบทัวริงแล้วล่ะครับ
แวะมาดูสะพานไม้ไผ่ข้ามแม่น้ำคาน ได้ความรู้สึกดี ๆ น่าจะดีกว่าถ้าเรามาตอนเช้า ๆ
มาวัดเชียงทอง ผมไม่ได้เข้าครับ เป็นความชอบส่วนบุคคล รอดูภาพอีกเช่นกันนะครับ
มาพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ซึ่งเดิมเคยเป็นวังมาก่อน ผมไม่ได้เข้าดูข้างในอีกเช่นกัน
ขอปลีกตัวออกมาปั่นเที่ยวให้รอบเมืองหลวงพระบางอีกครั้ง ยังไม่ทั่วเลยครับ
ไปทางค่ายทหารและสนามบินแล้วแวะไปดูสถานีขนส่งสายเหนือ
ชอบสะพานตรงนี้มากครับ ปั่นไปปั่นมาตั้งสามรอบ มันทำให้รู้สึกว่า จักรยานเราใหญ่คับถนนเลย เพราะมอเตอร์ไซค์ที่ตามหลังมาต้องตามเราต้อย ๆ แซงไม่ได้
งานเลี้ยงส่งท้าย คืนสุดท้ายก่อนอำลาหลวงพระบาง อาหารก็ยังคงรสชาติไม่ผ่านอีกเช่นเคย
...ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ไม่มีเครื่องหมาย ใคร ๆ รู้ไม่ได้ ทั้งลำบาก ทั้งน้อย และประกอบด้วยทุกข์.
(สัลลสูตรที่ ๘ ว่าด้วยความธรรมดาของสัตว์โลก)
(สัลลสูตรที่ ๘ ว่าด้วยความธรรมดาของสัตว์โลก)
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 430
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2012, 22:41
- Tel: 0819546321
- team: KK Touring Bikes
- Bike: ไอ้แดง TREK 3900
- ตำแหน่ง: 427/3 ม.20 ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น 40110
- ติดต่อ:
Re: ประสบการณ์ปั่นในลาว
วันที่ ๒๑ ก.พ. ๕๖
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา ต้องจำใจจรจากหลวงพระบางทั้งที่ยังอาลัย ผมรู้สึกเหมือนได้สัมผัสกับ "ความสุขแห่งอดีตกาล"
มีความคุ้นเคยกับวิถีชีวิต บรรยากาศ ผู้คน ราวกับว่าครั้งหนึ่งเราเคยอยู่ที่นี่ (อะไรจะขนาดนั้น)
และพลาดไม่ได้กับ ร้านประชานิยม ร้านกาแฟ-ขนมคู่ (ปาท่องโก๋) ซึ่งน่าจะเป็นแห่งเดียวในเมืองนี้
แวะมาทำธุระที่เฮือนพัก ได้มาพบภาพนี้ ภาพที่หาดูได้ที่นี่ที่เดียวในโลก
เสร็จธุระ ตระเตรียมข้าวของแล้ว พวกเราก็มุ่งหน้าสู่ทางหลวงหมายเลข ๑๓
ผมปั่นโดยใช้เกียร์หนักมาเรื่อย ๆ แต่ไม่ได้ออกแรงกดจนเมื่อยนะครับ ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป แต่ดูเหมือนมันจะมางุด ๆ ยังไงก็ไม่รู้
มันจำเป็นครับเพราะไม่สามารถใช้รอบขาจัด ๆ ได้ ถ้าทำก็จะปวดหัวเข่าขึ้นมาอีก จนมาพบสองตายายกำลังเดินไปสวน ผมก็ปั่นไปด้วยคุยกับแกไปด้วย
ดูเหมือนเขาจะน้อยใจว่าบ้านเขามีแต่ภูเขาสูง ๆ ทำนาก็ไม่ค่อยได้ ไม่เหมือนเมืองไทย "เมืองลาวนี่ดินบ่เพียงคือเมืองไทยดอกมีแต่เขา"
ทางกลับมีแต่ขึ้นกับขึ้น ไม่มีจุดลงให้ได้พักแรงบ้างเลย ต้องปั่นไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงยอด หรือไม่ถ้าอยากพักก็ต้องลงจอด
ปั่นมาถึงยอดเขาตรงนี้เป็นจุดชมวิว ผมแวะคุยกับคนขับรถตู้ซึ่งพาฝรั่งมาเที่ยว สักพัก รุ่นพี่สัสดีของผมคือ พ.ต.เกษม ก็ตามมาทัน
พี่เกษมเพิ่งปั่นได้ไม่นานเช่นกัน แต่ดูท่านมีความสุขกับการปั่นมาก
คุยกับพี่เกษมสักพัก ผมก็ต้องไปต่อ พักนานไม่ได้เดี๋ยวความขี้เกียจจะถามหา ก็มาพบคู่รักคู่นี้ มาจากประจวบ แต่ผู้หญิงบอกว่าเคยเรียนที่กัลยาณวัตร
พวกเขาปั่นมาจากเวียงจันทน์แล้วรอบนึง แล้วนี่ก็จะปั่นกลับ โอ้...สุดยอด ยอมรับในความมุ่งมั่น และชื่นชมในความสัมพันธ์ที่พวกเขามีต่อกัน
มาด้วยใจ มาด้วยจักรยาน
หลังจากคุยกับคู่รักนักปั่นแล้ว ผมก็ปั่นมาอีกเรื่อย ๆ หันกลับไปข้างหลัง มองลงจากยอดเขาไปเบื้องล่าง ไม่เห็นวี่แววของคณะเราเลย ความคิดบ้า ๆ มันก็เกิดขึ้น
"เสือเด่นแกก็มาคนเดียว หลาย ๆ คนก็ชอบปั่นคนเดียว ดูเวลาแล้วถ้าเราปั่นตามโปรแกรมนี่มันห้าวัน ไปเตรียมตัวเดินทางลงกรุงเทพฯ ต่อ คงจะขลุกขลักเป็นแน่"
เลยตัดสินใจขอไปคนเดียว ดูทีรึว่ามันจะไปได้ไหม ถ้าปั่นตามที่วางแผนไว้คืนก่อนที่ขอดูแผนที่กับ ผอ.ทวีศักดิ์ น่าจะใช้เวลาสักสามวันถึงหนองคาย เอาล่ะ
เป็นไงเป็นกัน ลุยเลย
มาถึงตรงนี้จำได้ว่าคือ บ้านกิ่วมะนาว มีสะพานยาว ๆ เลยฝากจดหมายน้อยไว้กับแม่ค้าขายเฝอคนสวย
มาแวะกินข้าวเที่ยงที่นี่ นอนพักสักประมาณครึ่งชั่วโมง เสือต้นตามมาทัน แม๊...สุดยอดจริง ๆ น้องคนนี้ พร้อมกับบอกว่าได้รับจดหมายน้อยของผมจากแม่ค้าคนสวยแล้ว
ก็สบายใจแล้วครับว่า คณะรู้แน่แล้วว่าผมขอล่วงหน้าไปก่อน เลยกล่าวลาเสือต้น โอกาสหน้าพบกันใหม่
มาพบเด็ก ๆ อยู่ตามหมู่บ้าน ตามเส้นทางเด็กเล็กเยอะมากครับ ร้องทักเรา "สบายดี" ตลอดเลยครับ เหมือนกับเขาสอนกันไว้หรือเปล่า
แต่ทันทีที่เด็ก ๆ เห็นเราก็จะแสดงอาการดีใจ บางคนก็แบมือขออะไรก็ไม่รู้ บางคนก็ทักเรา "เฮลโล" เราก็บอกว่า "สบายดี" เราเป็นคนไทยเด้อ
มีขนมที่ซื้อมาจากแม่ค้าเฝอคนสวย เลยแบ่งให้เด็ก ๆ ไปครับ
ช่วงหลวงพระบางมาพูคูนนี่ ทางโหดจริง ๆ ครับ ขึ้นสุดลงสุด คือเวลาขึ้นเขามันจะขึ้นแบบต่อเนื่องไม่มีแวบลงมาบ้างเลย เวลาเจอโค้งผมก็จะมองตามแนวสายไฟว่า
มันจะเบนขึ้นหรือเบนลง เพื่อเดาว่า ข้างหน้ามันน่าจะลง แต่ที่ไหนได้ พอสุดโค้งแล้วมันก็ยังขึ้นต่อไป ต้องมองยอดเขาครับ ถ้าตราบใดเรามองไปข้างหน้าไม่มีเขาที่สูงกว่า
แสดงว่าเราอยู่จุดสูงสุดแล้วครับ
คณะคงจะพักที่กิ่วกะจำ ซึ่งผมไปถึงเมื่อประมาณบ่ายสองโมงครึ่ง แต่ผมไม่แวะ พอมาถึงหมู่บ้านนี้หกโมงแล้ว กำลังมืด แต่พูคูนยังอยู่อีกตั้งกว่า ๒๐ ก.ม.
จอดพักเหนื่อย เด็ก ๆ มามุงดูผม บางคนก็ขู่ว่า ระวังโจรจี้เด้อ แต่งตัวแปลก ๆ อ้าว...เล่นเราซะแล้ว ยิ่งเสียว ๆ อยู่ด้วย เอาล่ะวะ ตายเป็นตาย
ติดไฟเปลี่ยนแบตแล้วก็ลุยต่อจนถึงพูคูนมืดสนิท ถึงประมาณทุ่มครึ่ง กินข้าวแทบไม่ลง มีสาวฝรั่งเศสคนสวย อัธยาศัยดี เข้ามาคุยด้วยพักนึงด้วยความสนใจ
ทำไมนะ ผมจึงลืมถ่ายรูปเธอเอาไว้ หรือมัวแต่ตะลึงความสวย คืนนี้พักพูคูน ได้ระยะทาง ๑๓๕ ก.ม. มีเสียงคอนเสิร์ตหนวกดู แต่ก็หลับลงได้
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา ต้องจำใจจรจากหลวงพระบางทั้งที่ยังอาลัย ผมรู้สึกเหมือนได้สัมผัสกับ "ความสุขแห่งอดีตกาล"
มีความคุ้นเคยกับวิถีชีวิต บรรยากาศ ผู้คน ราวกับว่าครั้งหนึ่งเราเคยอยู่ที่นี่ (อะไรจะขนาดนั้น)
และพลาดไม่ได้กับ ร้านประชานิยม ร้านกาแฟ-ขนมคู่ (ปาท่องโก๋) ซึ่งน่าจะเป็นแห่งเดียวในเมืองนี้
แวะมาทำธุระที่เฮือนพัก ได้มาพบภาพนี้ ภาพที่หาดูได้ที่นี่ที่เดียวในโลก
เสร็จธุระ ตระเตรียมข้าวของแล้ว พวกเราก็มุ่งหน้าสู่ทางหลวงหมายเลข ๑๓
ผมปั่นโดยใช้เกียร์หนักมาเรื่อย ๆ แต่ไม่ได้ออกแรงกดจนเมื่อยนะครับ ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป แต่ดูเหมือนมันจะมางุด ๆ ยังไงก็ไม่รู้
มันจำเป็นครับเพราะไม่สามารถใช้รอบขาจัด ๆ ได้ ถ้าทำก็จะปวดหัวเข่าขึ้นมาอีก จนมาพบสองตายายกำลังเดินไปสวน ผมก็ปั่นไปด้วยคุยกับแกไปด้วย
ดูเหมือนเขาจะน้อยใจว่าบ้านเขามีแต่ภูเขาสูง ๆ ทำนาก็ไม่ค่อยได้ ไม่เหมือนเมืองไทย "เมืองลาวนี่ดินบ่เพียงคือเมืองไทยดอกมีแต่เขา"
ทางกลับมีแต่ขึ้นกับขึ้น ไม่มีจุดลงให้ได้พักแรงบ้างเลย ต้องปั่นไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงยอด หรือไม่ถ้าอยากพักก็ต้องลงจอด
ปั่นมาถึงยอดเขาตรงนี้เป็นจุดชมวิว ผมแวะคุยกับคนขับรถตู้ซึ่งพาฝรั่งมาเที่ยว สักพัก รุ่นพี่สัสดีของผมคือ พ.ต.เกษม ก็ตามมาทัน
พี่เกษมเพิ่งปั่นได้ไม่นานเช่นกัน แต่ดูท่านมีความสุขกับการปั่นมาก
คุยกับพี่เกษมสักพัก ผมก็ต้องไปต่อ พักนานไม่ได้เดี๋ยวความขี้เกียจจะถามหา ก็มาพบคู่รักคู่นี้ มาจากประจวบ แต่ผู้หญิงบอกว่าเคยเรียนที่กัลยาณวัตร
พวกเขาปั่นมาจากเวียงจันทน์แล้วรอบนึง แล้วนี่ก็จะปั่นกลับ โอ้...สุดยอด ยอมรับในความมุ่งมั่น และชื่นชมในความสัมพันธ์ที่พวกเขามีต่อกัน
มาด้วยใจ มาด้วยจักรยาน
หลังจากคุยกับคู่รักนักปั่นแล้ว ผมก็ปั่นมาอีกเรื่อย ๆ หันกลับไปข้างหลัง มองลงจากยอดเขาไปเบื้องล่าง ไม่เห็นวี่แววของคณะเราเลย ความคิดบ้า ๆ มันก็เกิดขึ้น
"เสือเด่นแกก็มาคนเดียว หลาย ๆ คนก็ชอบปั่นคนเดียว ดูเวลาแล้วถ้าเราปั่นตามโปรแกรมนี่มันห้าวัน ไปเตรียมตัวเดินทางลงกรุงเทพฯ ต่อ คงจะขลุกขลักเป็นแน่"
เลยตัดสินใจขอไปคนเดียว ดูทีรึว่ามันจะไปได้ไหม ถ้าปั่นตามที่วางแผนไว้คืนก่อนที่ขอดูแผนที่กับ ผอ.ทวีศักดิ์ น่าจะใช้เวลาสักสามวันถึงหนองคาย เอาล่ะ
เป็นไงเป็นกัน ลุยเลย
มาถึงตรงนี้จำได้ว่าคือ บ้านกิ่วมะนาว มีสะพานยาว ๆ เลยฝากจดหมายน้อยไว้กับแม่ค้าขายเฝอคนสวย
มาแวะกินข้าวเที่ยงที่นี่ นอนพักสักประมาณครึ่งชั่วโมง เสือต้นตามมาทัน แม๊...สุดยอดจริง ๆ น้องคนนี้ พร้อมกับบอกว่าได้รับจดหมายน้อยของผมจากแม่ค้าคนสวยแล้ว
ก็สบายใจแล้วครับว่า คณะรู้แน่แล้วว่าผมขอล่วงหน้าไปก่อน เลยกล่าวลาเสือต้น โอกาสหน้าพบกันใหม่
มาพบเด็ก ๆ อยู่ตามหมู่บ้าน ตามเส้นทางเด็กเล็กเยอะมากครับ ร้องทักเรา "สบายดี" ตลอดเลยครับ เหมือนกับเขาสอนกันไว้หรือเปล่า
แต่ทันทีที่เด็ก ๆ เห็นเราก็จะแสดงอาการดีใจ บางคนก็แบมือขออะไรก็ไม่รู้ บางคนก็ทักเรา "เฮลโล" เราก็บอกว่า "สบายดี" เราเป็นคนไทยเด้อ
มีขนมที่ซื้อมาจากแม่ค้าเฝอคนสวย เลยแบ่งให้เด็ก ๆ ไปครับ
ช่วงหลวงพระบางมาพูคูนนี่ ทางโหดจริง ๆ ครับ ขึ้นสุดลงสุด คือเวลาขึ้นเขามันจะขึ้นแบบต่อเนื่องไม่มีแวบลงมาบ้างเลย เวลาเจอโค้งผมก็จะมองตามแนวสายไฟว่า
มันจะเบนขึ้นหรือเบนลง เพื่อเดาว่า ข้างหน้ามันน่าจะลง แต่ที่ไหนได้ พอสุดโค้งแล้วมันก็ยังขึ้นต่อไป ต้องมองยอดเขาครับ ถ้าตราบใดเรามองไปข้างหน้าไม่มีเขาที่สูงกว่า
แสดงว่าเราอยู่จุดสูงสุดแล้วครับ
คณะคงจะพักที่กิ่วกะจำ ซึ่งผมไปถึงเมื่อประมาณบ่ายสองโมงครึ่ง แต่ผมไม่แวะ พอมาถึงหมู่บ้านนี้หกโมงแล้ว กำลังมืด แต่พูคูนยังอยู่อีกตั้งกว่า ๒๐ ก.ม.
จอดพักเหนื่อย เด็ก ๆ มามุงดูผม บางคนก็ขู่ว่า ระวังโจรจี้เด้อ แต่งตัวแปลก ๆ อ้าว...เล่นเราซะแล้ว ยิ่งเสียว ๆ อยู่ด้วย เอาล่ะวะ ตายเป็นตาย
ติดไฟเปลี่ยนแบตแล้วก็ลุยต่อจนถึงพูคูนมืดสนิท ถึงประมาณทุ่มครึ่ง กินข้าวแทบไม่ลง มีสาวฝรั่งเศสคนสวย อัธยาศัยดี เข้ามาคุยด้วยพักนึงด้วยความสนใจ
ทำไมนะ ผมจึงลืมถ่ายรูปเธอเอาไว้ หรือมัวแต่ตะลึงความสวย คืนนี้พักพูคูน ได้ระยะทาง ๑๓๕ ก.ม. มีเสียงคอนเสิร์ตหนวกดู แต่ก็หลับลงได้
...ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ไม่มีเครื่องหมาย ใคร ๆ รู้ไม่ได้ ทั้งลำบาก ทั้งน้อย และประกอบด้วยทุกข์.
(สัลลสูตรที่ ๘ ว่าด้วยความธรรมดาของสัตว์โลก)
(สัลลสูตรที่ ๘ ว่าด้วยความธรรมดาของสัตว์โลก)
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 430
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2012, 22:41
- Tel: 0819546321
- team: KK Touring Bikes
- Bike: ไอ้แดง TREK 3900
- ตำแหน่ง: 427/3 ม.20 ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น 40110
- ติดต่อ:
Re: ประสบการณ์ปั่นในลาว
วันที่ ๒๒ ก.พ. ๕๖
เมื่อคืนผมพักที่บ้านหลังนี้ครับ เจ้าของน่าจะเป็นคนจีน แต่จีนเผ่าไหนก็ไม่แน่ใจครับ ไม่เหมือนคนจีนในบ้านเรา พูดลาวก็ไม่ค่อยชัด
ข้างบนบ้านเขาแบ่งเป็นห้องเช่า มีฝรั่งนักปั่นจักรยานมาพักด้วยหลายคน แต่ผมตื่นตั้งแต่ตีห้า มาเตรียมข้าวของแล้วก็ขนลงมาไว้หน้าร้าน
ปรากฏว่าเจ้าของร้านยังไม่ตื่น รอจนหกโมงครึ่งถึงตื่นมาเปิดร้าน ผมจึงเอาไอ้แดงออกมาได้
สามแยกพูคูน จากจุดนี้ ทางซ้ายไปหลวงพระบาง แต่ถ้าเลี้ยวขวาไปเชียงขวาง หรือทางไปทุ่งไหหินครับ โอกาสหน้าต้องมาให้ได้ "ทุ่งไหหิน"
ปั่นออกจากพูคูนมาแล้วพักหนึ่ง มันก็ยังต้องไต่เขาอีกแล้วครับ ไต่มันไปเรื่อย ๆ จนเห็นก้อนเมฆลอยขวางทางอยู่ข้างหน้า บ๊ะ..นี่ เราอยู่สูงเทียมเมฆเลยรึ
มาพบร้านอาหารแห่งหนึ่งชื่อ "พูคูนเพียงฟ้า" สมชื่อจริง ๆ เลยแวะเติมพลังก่อน
ดูสภาพตัวเองซิ อืมมม โทรมจริงไรจริง
ไม่น่าเชื่อว่ากล้องมือถือ SAMSUNG Candy ของผมจะเก็บภาพนี้มาได้
มื้อนี้ อาหารสิ้นคิด ข้าวราดกะเพราหมูไข่ดาว ราคา ๒๗,๐๐๐ กีบ หรือประมาณ ๑๐๘ บาท
หลังจากเนินเขา พูคูนเพียงฟ้า แล้ว ลงเนินตลอดครับ มองจากร้านอาหารลงไปทางไปเมืองกาสี เป็นเส้นทางที่คนปั่นมาจากทางด้านนู้นคงต้องน้ำตาซึม
ส่วนภาพนี้ ผ่านเนินนั้นมานานแล้ว ผมเห็นกระท่อมหลังนึงอยู่ข้างลำธาร มันช่างเป็นบรรยากาศที่น่าอิจฉานัก
ใกล้ถึงเมืองกาสี มีบ่อน้ำร้อนอยู่แห่งหนึ่ง
มาเจอเขาลูกนี้ข้างทางครับ ไม่ได้อยู่ขวางข้างหน้า ถ้าอยู่ขวางล่ะเศร้าเลยครับ มันสูงมาก แล้วก็ชันมากด้วย มองไปนี่ขนาดสายแล้วพระอาทิตย์ยังอยู่แค่ยอดเขา
มันดูสวยแต่ก็น่ากลัว พาให้จินตนาการไปว่า ข้างบนนั้นเป็นที่อยู่ของเทวดาหรือเปล่านะ
ถึงเมืองกาสีแล้วครับ แวะตลาดหาซื้อมีดสักเล่มไว้ป้องกันตัว แต่ไม่ถูกใจเลย ตลาดก็เล็ก ๆ ครับ ข้าวของดูเยอะจนรกและวุ่นวาย
พวกเจ้าหน้าที่ลาวน่าจะเป็นทหารก็มองผมแล้วก็จ้องเหมือนจะกินตับ ก็ไม่อยากอยู่นาน เลยไปดีฝ่า
นาน ๆ มาเจอสะพานสักที ตรงนี้ฉากสวย ด้านหน้าสะพาน ไกลออกไปนู่นเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน เสียดายไม่มีกล้องคุณภาพ
ผ่านไปเจอโรงเรียนบางแห่งก็ปล่อยเด็กกลับบ้านแล้วทั้งที่ยังไม่เที่ยงเลย เด็ก ๆ ร้องทัก "สบายดี" แทบทุกคนที่ผมผ่านไป
อีกประมาณ ๒๐ ก.ม. จะถึงวังเวียง ผมแวะกินข้าวเที่ยงที่นี่ กับซื้อส้มกินให้ชุ่มคอ แต่ราคาแพงนะครับ โลละ ๒๐,๐๐๐ กีบ เลยซื้อแค่ครึ่งโล รสดีอยู่นะ
จะถึงวังเวียงแล้วครับ ตรงนี้ปั่นได้ครบ ๑๐๐ ก.ม. พอดี เลยแวะเติมน้ำ พูดคุยกับยายเจ้าของร้านอยู่ตั้งครึ่งชั่วโมง มาชั่งใจว่า จะพักที่นี่ดีหรือเปล่า หรือจะไปต่อ
ถ้าพักก็จะกลับช้าไปอีกหนึ่งวันแน่
ปั่นเข้าไปในตลาดวังเวียง หาซื้อมีดพกได้เล่มหนึ่ง และซื้อยาไว้นวดตอนกลางคืน
ดูทิวทัศน์เมืองวังเวียงก็สวยงามดีครับ น่าพักผ่อน ฝรั่ง (ชาวต่างชาติ) เยอะครับ ส่วนสาววังเวียงไม่ค่อยนุ่งผ้าซิ่นผ้าถุงเหมือนสาวหลวงพระบาง
ไว้โอกาสหน้าผมจะมาอีก คราวหน้าต้องเที่ยวที่นี่ให้เต็มที่
แวะดูตลาดแลง ตรงทางออกประตูเมืองครับ
แบบนี้ไม่น่ากินมันเลย น่าสงสารออก อย่างอื่นก็มีให้กินทำไมไม่กิน
ซื้อเมี่ยงไว้กินระหว่างทางดีกว่า
ออกมาได้พักนึงเจอแม่ค้าขายหวย แต่ไม่ได้สนใจหวยครับ ผมสนใจกล้วยสองหวีนั้นมากกว่า เลยซื้อมาหวีนึงตั้งหกพันกีบ
มาถึงเมืองหรือหมู่บ้านอะไรจำไม่ได้ เด็ก ๆ กำลังเลิกเรียน เด็กเยอะมาก รถหลีกกันแทบไม่ได้ ไปได้หน่อยนึง ผมก็เลยท้าแข่งกับเด็กวัยรุ่นที่กำลังปั่นกลับบ้าน
ฮ่า ฮ่า แพ้ผมราบคาบ
อ้าว...งานเข้าครับ ก่อนถึงบ้านท่าเรือ ตรงทางแยกไปเขื่อนน้ำงึม ๒ เขากำลังราดยางมะตอยใหม่ ๆ เลย ถ้าปั่นไปล่ะก็ กระเป๋าผมเละแน่ เลยแบกมันซะเลยครับ
บางช่วงพอเหลือไหล่ทางบ้างก็ปั่นเลียบ ๆ ไป
ถึงบ้านท่าเรือ บริเวณจุดขายของฝาก อาหารประเภทปลาแห้งเยอะมากครับ และแมลงวันก็เยอะด้วย แวะเติมน้ำ แม่ค้าชวนให้พักที่น้ำงึม ไว้พรุ่งนี้ค่อยไปต่อ
มันจะค่ำแล้วนะ ผมมันคนหัวดื้อ ขอไปต่อละกัน
ถึงตรงนี้ก็โพล้เพล้แล้ว เหลือขนมอยู่สองชิ้น เลยให้เด็กสองคนนี้ไป
มาถึงตรงนี้ประมาณหกโมงครึ่งครับ มืดแล้วด้วย แต่แสงยังพอมีทำให้ภาพออกมาสว่าง แต่ที่จริงน่ะมืดจนต้องติดไฟแล้วครับ
แวะกินเฝอและตำบักหุ่ง แม่ค้าแถมข้าวเหนียวให้ไม่คิดเงิน เฝออร่อยมาก ๆ ชื่อบ้านอะไรก็จำไม่ได้ครับ อยู่ก่อนถึงเมืองหินเหิบประมาณ ๕ ก.ม.
แม่ค้าบอกว่ามันมืดแล้วอยู่ในหมู่บ้านก็มีเฮือนพัก แต่คนมันหัวดื้อ คืนนี้ต้องไปนอนโพนโฮงให้ได้
ถึงโพนโฮงแล้วครับ เวลาประมาณสองทุ่มครึ่ง มืดตื้อ ระหว่างทางไม่กล้าแวะไหนครับ เพราะจากหมู่บ้านที่ผมแวะลงมาจะมีสะพานยาว ๆ ข้ามแม่น้ำ
ถ้ามาตอนกลางวันคงสวยดี แต่ถัดจากนั้นมารู้สึกจะเป็นป่าช้า มันเสียวสันหลัง วูบ ๆ วาบ ๆ บอกไม่ถูก ตั้งหน้าตั้งตาปั่นอย่างเดียว รวดเดียวเลยครับ
โชคดีที่เป็นช่วงลงเขา ไม่งั้นอาจมีคนมาช่วยเข็น บรื๋อ....
ส่องดูไมล์ โอ้โห..วันนี้เราปั่นมาถึง ๑๙๖ ก.ม. เป็นสถิติการปั่นต่อวันที่ไกลที่สุดเท่าที่เคยทำได้เลย บ้าไปแล้ว
เข้าพักที่เฮือนพัก "มนีวง" โชคดี ห้องสะอาด แอร์เย็นสบาย หลับสบายดีครับ
เมื่อคืนผมพักที่บ้านหลังนี้ครับ เจ้าของน่าจะเป็นคนจีน แต่จีนเผ่าไหนก็ไม่แน่ใจครับ ไม่เหมือนคนจีนในบ้านเรา พูดลาวก็ไม่ค่อยชัด
ข้างบนบ้านเขาแบ่งเป็นห้องเช่า มีฝรั่งนักปั่นจักรยานมาพักด้วยหลายคน แต่ผมตื่นตั้งแต่ตีห้า มาเตรียมข้าวของแล้วก็ขนลงมาไว้หน้าร้าน
ปรากฏว่าเจ้าของร้านยังไม่ตื่น รอจนหกโมงครึ่งถึงตื่นมาเปิดร้าน ผมจึงเอาไอ้แดงออกมาได้
สามแยกพูคูน จากจุดนี้ ทางซ้ายไปหลวงพระบาง แต่ถ้าเลี้ยวขวาไปเชียงขวาง หรือทางไปทุ่งไหหินครับ โอกาสหน้าต้องมาให้ได้ "ทุ่งไหหิน"
ปั่นออกจากพูคูนมาแล้วพักหนึ่ง มันก็ยังต้องไต่เขาอีกแล้วครับ ไต่มันไปเรื่อย ๆ จนเห็นก้อนเมฆลอยขวางทางอยู่ข้างหน้า บ๊ะ..นี่ เราอยู่สูงเทียมเมฆเลยรึ
มาพบร้านอาหารแห่งหนึ่งชื่อ "พูคูนเพียงฟ้า" สมชื่อจริง ๆ เลยแวะเติมพลังก่อน
ดูสภาพตัวเองซิ อืมมม โทรมจริงไรจริง
ไม่น่าเชื่อว่ากล้องมือถือ SAMSUNG Candy ของผมจะเก็บภาพนี้มาได้
มื้อนี้ อาหารสิ้นคิด ข้าวราดกะเพราหมูไข่ดาว ราคา ๒๗,๐๐๐ กีบ หรือประมาณ ๑๐๘ บาท
หลังจากเนินเขา พูคูนเพียงฟ้า แล้ว ลงเนินตลอดครับ มองจากร้านอาหารลงไปทางไปเมืองกาสี เป็นเส้นทางที่คนปั่นมาจากทางด้านนู้นคงต้องน้ำตาซึม
ส่วนภาพนี้ ผ่านเนินนั้นมานานแล้ว ผมเห็นกระท่อมหลังนึงอยู่ข้างลำธาร มันช่างเป็นบรรยากาศที่น่าอิจฉานัก
ใกล้ถึงเมืองกาสี มีบ่อน้ำร้อนอยู่แห่งหนึ่ง
มาเจอเขาลูกนี้ข้างทางครับ ไม่ได้อยู่ขวางข้างหน้า ถ้าอยู่ขวางล่ะเศร้าเลยครับ มันสูงมาก แล้วก็ชันมากด้วย มองไปนี่ขนาดสายแล้วพระอาทิตย์ยังอยู่แค่ยอดเขา
มันดูสวยแต่ก็น่ากลัว พาให้จินตนาการไปว่า ข้างบนนั้นเป็นที่อยู่ของเทวดาหรือเปล่านะ
ถึงเมืองกาสีแล้วครับ แวะตลาดหาซื้อมีดสักเล่มไว้ป้องกันตัว แต่ไม่ถูกใจเลย ตลาดก็เล็ก ๆ ครับ ข้าวของดูเยอะจนรกและวุ่นวาย
พวกเจ้าหน้าที่ลาวน่าจะเป็นทหารก็มองผมแล้วก็จ้องเหมือนจะกินตับ ก็ไม่อยากอยู่นาน เลยไปดีฝ่า
นาน ๆ มาเจอสะพานสักที ตรงนี้ฉากสวย ด้านหน้าสะพาน ไกลออกไปนู่นเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน เสียดายไม่มีกล้องคุณภาพ
ผ่านไปเจอโรงเรียนบางแห่งก็ปล่อยเด็กกลับบ้านแล้วทั้งที่ยังไม่เที่ยงเลย เด็ก ๆ ร้องทัก "สบายดี" แทบทุกคนที่ผมผ่านไป
อีกประมาณ ๒๐ ก.ม. จะถึงวังเวียง ผมแวะกินข้าวเที่ยงที่นี่ กับซื้อส้มกินให้ชุ่มคอ แต่ราคาแพงนะครับ โลละ ๒๐,๐๐๐ กีบ เลยซื้อแค่ครึ่งโล รสดีอยู่นะ
จะถึงวังเวียงแล้วครับ ตรงนี้ปั่นได้ครบ ๑๐๐ ก.ม. พอดี เลยแวะเติมน้ำ พูดคุยกับยายเจ้าของร้านอยู่ตั้งครึ่งชั่วโมง มาชั่งใจว่า จะพักที่นี่ดีหรือเปล่า หรือจะไปต่อ
ถ้าพักก็จะกลับช้าไปอีกหนึ่งวันแน่
ปั่นเข้าไปในตลาดวังเวียง หาซื้อมีดพกได้เล่มหนึ่ง และซื้อยาไว้นวดตอนกลางคืน
ดูทิวทัศน์เมืองวังเวียงก็สวยงามดีครับ น่าพักผ่อน ฝรั่ง (ชาวต่างชาติ) เยอะครับ ส่วนสาววังเวียงไม่ค่อยนุ่งผ้าซิ่นผ้าถุงเหมือนสาวหลวงพระบาง
ไว้โอกาสหน้าผมจะมาอีก คราวหน้าต้องเที่ยวที่นี่ให้เต็มที่
แวะดูตลาดแลง ตรงทางออกประตูเมืองครับ
แบบนี้ไม่น่ากินมันเลย น่าสงสารออก อย่างอื่นก็มีให้กินทำไมไม่กิน
ซื้อเมี่ยงไว้กินระหว่างทางดีกว่า
ออกมาได้พักนึงเจอแม่ค้าขายหวย แต่ไม่ได้สนใจหวยครับ ผมสนใจกล้วยสองหวีนั้นมากกว่า เลยซื้อมาหวีนึงตั้งหกพันกีบ
มาถึงเมืองหรือหมู่บ้านอะไรจำไม่ได้ เด็ก ๆ กำลังเลิกเรียน เด็กเยอะมาก รถหลีกกันแทบไม่ได้ ไปได้หน่อยนึง ผมก็เลยท้าแข่งกับเด็กวัยรุ่นที่กำลังปั่นกลับบ้าน
ฮ่า ฮ่า แพ้ผมราบคาบ
อ้าว...งานเข้าครับ ก่อนถึงบ้านท่าเรือ ตรงทางแยกไปเขื่อนน้ำงึม ๒ เขากำลังราดยางมะตอยใหม่ ๆ เลย ถ้าปั่นไปล่ะก็ กระเป๋าผมเละแน่ เลยแบกมันซะเลยครับ
บางช่วงพอเหลือไหล่ทางบ้างก็ปั่นเลียบ ๆ ไป
ถึงบ้านท่าเรือ บริเวณจุดขายของฝาก อาหารประเภทปลาแห้งเยอะมากครับ และแมลงวันก็เยอะด้วย แวะเติมน้ำ แม่ค้าชวนให้พักที่น้ำงึม ไว้พรุ่งนี้ค่อยไปต่อ
มันจะค่ำแล้วนะ ผมมันคนหัวดื้อ ขอไปต่อละกัน
ถึงตรงนี้ก็โพล้เพล้แล้ว เหลือขนมอยู่สองชิ้น เลยให้เด็กสองคนนี้ไป
มาถึงตรงนี้ประมาณหกโมงครึ่งครับ มืดแล้วด้วย แต่แสงยังพอมีทำให้ภาพออกมาสว่าง แต่ที่จริงน่ะมืดจนต้องติดไฟแล้วครับ
แวะกินเฝอและตำบักหุ่ง แม่ค้าแถมข้าวเหนียวให้ไม่คิดเงิน เฝออร่อยมาก ๆ ชื่อบ้านอะไรก็จำไม่ได้ครับ อยู่ก่อนถึงเมืองหินเหิบประมาณ ๕ ก.ม.
แม่ค้าบอกว่ามันมืดแล้วอยู่ในหมู่บ้านก็มีเฮือนพัก แต่คนมันหัวดื้อ คืนนี้ต้องไปนอนโพนโฮงให้ได้
ถึงโพนโฮงแล้วครับ เวลาประมาณสองทุ่มครึ่ง มืดตื้อ ระหว่างทางไม่กล้าแวะไหนครับ เพราะจากหมู่บ้านที่ผมแวะลงมาจะมีสะพานยาว ๆ ข้ามแม่น้ำ
ถ้ามาตอนกลางวันคงสวยดี แต่ถัดจากนั้นมารู้สึกจะเป็นป่าช้า มันเสียวสันหลัง วูบ ๆ วาบ ๆ บอกไม่ถูก ตั้งหน้าตั้งตาปั่นอย่างเดียว รวดเดียวเลยครับ
โชคดีที่เป็นช่วงลงเขา ไม่งั้นอาจมีคนมาช่วยเข็น บรื๋อ....
ส่องดูไมล์ โอ้โห..วันนี้เราปั่นมาถึง ๑๙๖ ก.ม. เป็นสถิติการปั่นต่อวันที่ไกลที่สุดเท่าที่เคยทำได้เลย บ้าไปแล้ว
เข้าพักที่เฮือนพัก "มนีวง" โชคดี ห้องสะอาด แอร์เย็นสบาย หลับสบายดีครับ
...ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ไม่มีเครื่องหมาย ใคร ๆ รู้ไม่ได้ ทั้งลำบาก ทั้งน้อย และประกอบด้วยทุกข์.
(สัลลสูตรที่ ๘ ว่าด้วยความธรรมดาของสัตว์โลก)
(สัลลสูตรที่ ๘ ว่าด้วยความธรรมดาของสัตว์โลก)
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 430
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2012, 22:41
- Tel: 0819546321
- team: KK Touring Bikes
- Bike: ไอ้แดง TREK 3900
- ตำแหน่ง: 427/3 ม.20 ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น 40110
- ติดต่อ:
Re: ประสบการณ์ปั่นในลาว
วันนี้ขอไปเตรียมตัวเดินทางก่อน ไว้กลับจากกรุงเทพจะมาโพสต์ใหม่นะครับ
...ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ไม่มีเครื่องหมาย ใคร ๆ รู้ไม่ได้ ทั้งลำบาก ทั้งน้อย และประกอบด้วยทุกข์.
(สัลลสูตรที่ ๘ ว่าด้วยความธรรมดาของสัตว์โลก)
(สัลลสูตรที่ ๘ ว่าด้วยความธรรมดาของสัตว์โลก)