????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
กฏการใช้บอร์ด
บอร์ดสำหรับ นักปั่นทัวร์ริ่ง นักปั่นระยะทางไกล พูดคุยเรื่องอุปกรณ์ เทคนิตการปั่น ที่พัก หรือการกินอยู่
บอร์ดสำหรับ นักปั่นทัวร์ริ่ง นักปั่นระยะทางไกล พูดคุยเรื่องอุปกรณ์ เทคนิตการปั่น ที่พัก หรือการกินอยู่
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4439
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ ข่าวเศร้าสลดสุด ๆ เรียกว่าเหลือเชื่อครับ เพราะผมเคยทำงานที่ อ.แม่อาย ท่าตอน ตั้งแต่ปี ๒๕๑๒ - ๒๕๑๕ และที่แม่จัน เชียงราย ปี ๒๕๒๘ - ๒๕๓๒ มีสถานการณ์น้ำท่วมแต่ไม่รุนแรงเท่าครั้งนี้ครับ สำหรับผมเองพูดได้เลยว่าตั้งแต่มีชีวิตและอาศัยอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือมาตลอดก็ครั้งนี้ละครับที่สุด ๆ จริง ๆ ขอไว้อาลัยและขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ประสบภัย ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่ไปช่วยเหลือ ทุกท่านทุกคนขอให้ปลอดภัยกันนะครับ
แม่อายสะอื้น น้ำท่วมฉับพลัน ดินสไลด์-ท่าขี้เหล็กอ่วมสุดในหลายสิบปี | วันใหม่ไทยพีบีเอส | 11 ก.ย. 67
:: เรื่องเศร้าของสังคม ::
คนเรานั้น ถ้าจิตใจไม่เป็นขี้ข้าของวัตถุจนเกินไป ชีวิตก็จะมีความสุขขึ้นอีกมากแต่ก็ต้องยอมรับไปตามตรงว่า การไม่เป็นขี้ข้าวัตถุในยุคสมัยนี้ ก็เป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ในประเทศสหรัฐอเมริกานั่น ประชากรเกือบทั้งหมด ต้องทำงานต่อไปหลังจากอายุ 60 ปี เพื่อหาเงินมาจับจ่าย ตรงนี้คิดว่าประเทศไทยก็ไม่ต่างกัน คนมากมาย ทำงานหาเงินตั้งแต่เป็นหนุ่มเป็นสาวยันแก่ชรา ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าเราจะพูดคำว่า "ต้องทำงานหาเงินไปจนตาย" คำพูดทำนองนี้ มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงอีกต่อไปแล้ว
ทุกวันนี้เราจะหยุดทำงานก็ต่อเมื่อแพทย์ตรวจพบว่า.. เราเป็นมะเร็ง หรือไม่ก็ทำไปจนกว่าจะพิการ ทำไปจนกว่าจะเดินไม่ไหว กระดูกไขข้อเสื่อม เราไม่ได้อยากหยุดทำงาน เราไม่ได้ตั้งใจหยุดหาเงิน แต่ธรรมชาติบังคับเราให้หยุดต่างหาก
ในขณะที่สังคมของเราชอบตั้งคำถามที่ดูโก้หรูเกี่ยวกับคุณค่าชีวิต ที่จริงคุณค่าของชีวิตจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ เรามองเห็นสิ่งอื่นๆ ที่มีค่ามากไปกว่าเงินทอง และอุทิศเวลาให้สิ่งนั้นตามสมควร
เราพบว่า.. คนในยุคปัจจุบันมีการศึกษาที่สูงขึ้น ทว่าการศึกษานั้นไม่ได้ช่วยให้เกิดความเฉลียวฉลาด ในการดำรงชีวิตแต่อย่างใด ยิ่งมีการศึกษาสูง ก็ยิ่งมีความต้องการมากขึ้นเป็นลำดับ
ใครที่สนใจเรื่องหาเงิน จะถูกยกย่องว่าเป็นผู้รักความก้าวหน้า ส่วนใครที่สนใจในเรื่องอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับเงิน มักถูกตั้งคำถามจากสังคมว่า เป็นคนแปลกแยก
นิยามความหมายของคำว่า "ความสามารถ" จึงถูกจำกัด และชี้เป้าไปที่ตัวเงินมากขึ้นทุกที บริบทของสังคมได้สร้างกรอบความคิดผิดๆ
ในตำราสอนว่า คนดีคือคนน่ายกย่อง แต่ในชีวิตจริง เรากลับเกรงใจคนรวยๆ มากกว่าคนดีๆ ด้วยเหตุผลอันใดไม่ทราบได้
ยุคสมัยนี้ จึงเป็นยุคที่เราใช้การศึกษา เพื่อพอกพูนอัตตา มากกว่าที่จะใช้การศึกษา เพื่อทำความรู้จักตนเอง และนำมาซึ่งการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ รู้จักแบ่งปัน เสียสละ และทำเพื่อผู้อื่นอย่างแท้จริง
สถาบันการศึกษาต่างๆ ทุกวันนี้ เร่งผลิตมนุษย์วัตถุนิยมออกเพื่อแข่งกัน สู้กัน และฆ่ากันรถยนต์ โทรศัพท์ กระเป๋า นาฬิกา เครื่องสำอางราคาแพง และคอร์สดูแลรักษาผิวพรรณ กลายเป็นของจำเป็นยิ่งกว่าข้าวปลาอาหาร ปลาทูตัวละสิบบาท แต่ครีมทาหน้ากระปุกละห้าพัน
เราบ่นกันเหมือนโลกจะแตก เมื่อไข่ไก่ขึ้นราคาหนึ่งบาท แต่เราสามารถควักเงินเป็นหมื่นๆเพื่อฉีดโบท็อกโดยไม่คิดอะไร
กล่าวได้ว่า ทุกวันนี้สิ่งไร้สาระได้เปลี่ยนตัวเอง ให้กลายเป็นสิ่งมีสาระไปแล้วในสามัญสำนึกของคนทั้งหลาย
คนที่พอจะรู้ตัวอยู่บ้าง ก็เริ่มอ่อนแรง ต้านกระแสสังคมไม่ไหว จำเป็นต้องไหลตามกระแสอันผิดพลาด ถูกดูดกลืนจิตวิญญาณไปในที่สุด เพราะไม่อยากเป็นคนผิดแปลกจากคนอื่นๆ
เส้นทางที่ถูกต้องดีงาม จึงกลายเป็นเส้นที่อันโดดเดียวที่ต้องเดินไปด้วยความเงียบเหงา ทุกคนเป็นทั้งเหยื่อ และผู้ประโคมความเชื่อแบบผิดๆ
ในเวลาเดียวกัน อุดมคติของชีวิตดีงาม กลายเป็นเพียงสิ่งที่เราใช้พูดกับเมื่อถูกไมโครโฟนจ่อปาก เป็นคำพูดที่ใช้เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ มากกว่าจะใช้ดำเนินชีวิตจริง
ทุกวันนี้เราเริ่มเห็นอาชีพแปลกๆ ที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นในชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ เราเริ่มเห็นอาชีพนักธุรกิจ .. ในคราบคุณครู เห็นพ่อค้าในคราบ .. คุณหมอ เห็นโจรในคราบ .. นักการเมือง เห็นหมอผีในคราบ .. นักบวช เห็นนักเลงในคราบ .. นักเรียน เห็นคนขี้โกหกในคราบนักการตลาด
คำว่า "สันติภาพ" ถูกใช้เพื่อเป็นข้ออ้างในการทำสงคราม ส่วน "พระธรรม" ถูกใช้ในการถกเถียงเชิงปรัชญา มากกว่านำไปปฏิบัติ เพื่อขัดเกลาตนเอง
นานวันเข้าเราหลงคิดว่าสิ่งเหล่านี้ คือ "เรื่องธรรมดา" คือ "ความปกติ" คือ "เรื่องที่ถูกต้อง"
เราเริ่มแยกความจริงกับความจำเป็นออกจากกัน ความจริงไว้ส่วนหนึ่ง และความจำเป็นไว้ส่วนหนึ่ง
เมื่อเราแยกความจริงออกจากชีวิตแล้ว ชีวิตของเราจึงไม่เหลือความจริงไว้เลย เราพ่นคำโกหกหน้าตาเฉย.. แล้วบอกกับใครๆว่า มันคือ "ความจำเป็น" เราทำผิดหน้าตาเฉย แล้วบอกใครๆว่า มันคือ "ความอยู่รอด"มันเกิดอะไรขึ้นกับสังคมของเรา!!!
การกระทำของเรา ย่อมส่งผลโดยตรงต่อสังคมของเราอยากให้สังคมเปลี่ยน เราต้องเปลี่ยนตนเองก่อน
เริ่มต้นวันนี้ หยุด สำรวจ และตั้งคำถามกับตนเองดูสิว่า ...
..ชีวิตที่ถูกต้องดีงาม คือ อะไรกันแน่ ?
..เราเกิดมาเพื่อสิ่งใด และจะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อทำสิ่งใด ?
ชีวิตคือสิ่งมีค่า ถ้าเราใช้ให้มีค่าคนเราเกิดมามีค่าเหมือนกัน แต่คุณค่าต่างกัน
จงตั้งสติ แล้วมองให้เห็นความจริง
อย่ากำหนดเป้าหมายด้วย "ความฉลาด"
แต่จงกำหนดมันด้วย "ปัญญา"
ปัญญา และ ความฉลาด นั้นต่างกัน
..ปัญญา ให้ความจริง
..ความฉลาด ให้สิ่งเสมือนจริง
บางทีอาจถึงเวลาแล้ว ที่เราทั้งหลายจะตื่นจากการหลับใหลใช้ชีวิตอย่างผู้มีปัญญา โดยละทิ้งความฉลาดไว้เบื้องหลัง!!!...
- พศิน อินทรวงค์ -
แม่อายสะอื้น น้ำท่วมฉับพลัน ดินสไลด์-ท่าขี้เหล็กอ่วมสุดในหลายสิบปี | วันใหม่ไทยพีบีเอส | 11 ก.ย. 67
:: เรื่องเศร้าของสังคม ::
คนเรานั้น ถ้าจิตใจไม่เป็นขี้ข้าของวัตถุจนเกินไป ชีวิตก็จะมีความสุขขึ้นอีกมากแต่ก็ต้องยอมรับไปตามตรงว่า การไม่เป็นขี้ข้าวัตถุในยุคสมัยนี้ ก็เป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ในประเทศสหรัฐอเมริกานั่น ประชากรเกือบทั้งหมด ต้องทำงานต่อไปหลังจากอายุ 60 ปี เพื่อหาเงินมาจับจ่าย ตรงนี้คิดว่าประเทศไทยก็ไม่ต่างกัน คนมากมาย ทำงานหาเงินตั้งแต่เป็นหนุ่มเป็นสาวยันแก่ชรา ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าเราจะพูดคำว่า "ต้องทำงานหาเงินไปจนตาย" คำพูดทำนองนี้ มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงอีกต่อไปแล้ว
ทุกวันนี้เราจะหยุดทำงานก็ต่อเมื่อแพทย์ตรวจพบว่า.. เราเป็นมะเร็ง หรือไม่ก็ทำไปจนกว่าจะพิการ ทำไปจนกว่าจะเดินไม่ไหว กระดูกไขข้อเสื่อม เราไม่ได้อยากหยุดทำงาน เราไม่ได้ตั้งใจหยุดหาเงิน แต่ธรรมชาติบังคับเราให้หยุดต่างหาก
ในขณะที่สังคมของเราชอบตั้งคำถามที่ดูโก้หรูเกี่ยวกับคุณค่าชีวิต ที่จริงคุณค่าของชีวิตจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ เรามองเห็นสิ่งอื่นๆ ที่มีค่ามากไปกว่าเงินทอง และอุทิศเวลาให้สิ่งนั้นตามสมควร
เราพบว่า.. คนในยุคปัจจุบันมีการศึกษาที่สูงขึ้น ทว่าการศึกษานั้นไม่ได้ช่วยให้เกิดความเฉลียวฉลาด ในการดำรงชีวิตแต่อย่างใด ยิ่งมีการศึกษาสูง ก็ยิ่งมีความต้องการมากขึ้นเป็นลำดับ
ใครที่สนใจเรื่องหาเงิน จะถูกยกย่องว่าเป็นผู้รักความก้าวหน้า ส่วนใครที่สนใจในเรื่องอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับเงิน มักถูกตั้งคำถามจากสังคมว่า เป็นคนแปลกแยก
นิยามความหมายของคำว่า "ความสามารถ" จึงถูกจำกัด และชี้เป้าไปที่ตัวเงินมากขึ้นทุกที บริบทของสังคมได้สร้างกรอบความคิดผิดๆ
ในตำราสอนว่า คนดีคือคนน่ายกย่อง แต่ในชีวิตจริง เรากลับเกรงใจคนรวยๆ มากกว่าคนดีๆ ด้วยเหตุผลอันใดไม่ทราบได้
ยุคสมัยนี้ จึงเป็นยุคที่เราใช้การศึกษา เพื่อพอกพูนอัตตา มากกว่าที่จะใช้การศึกษา เพื่อทำความรู้จักตนเอง และนำมาซึ่งการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ รู้จักแบ่งปัน เสียสละ และทำเพื่อผู้อื่นอย่างแท้จริง
สถาบันการศึกษาต่างๆ ทุกวันนี้ เร่งผลิตมนุษย์วัตถุนิยมออกเพื่อแข่งกัน สู้กัน และฆ่ากันรถยนต์ โทรศัพท์ กระเป๋า นาฬิกา เครื่องสำอางราคาแพง และคอร์สดูแลรักษาผิวพรรณ กลายเป็นของจำเป็นยิ่งกว่าข้าวปลาอาหาร ปลาทูตัวละสิบบาท แต่ครีมทาหน้ากระปุกละห้าพัน
เราบ่นกันเหมือนโลกจะแตก เมื่อไข่ไก่ขึ้นราคาหนึ่งบาท แต่เราสามารถควักเงินเป็นหมื่นๆเพื่อฉีดโบท็อกโดยไม่คิดอะไร
กล่าวได้ว่า ทุกวันนี้สิ่งไร้สาระได้เปลี่ยนตัวเอง ให้กลายเป็นสิ่งมีสาระไปแล้วในสามัญสำนึกของคนทั้งหลาย
คนที่พอจะรู้ตัวอยู่บ้าง ก็เริ่มอ่อนแรง ต้านกระแสสังคมไม่ไหว จำเป็นต้องไหลตามกระแสอันผิดพลาด ถูกดูดกลืนจิตวิญญาณไปในที่สุด เพราะไม่อยากเป็นคนผิดแปลกจากคนอื่นๆ
เส้นทางที่ถูกต้องดีงาม จึงกลายเป็นเส้นที่อันโดดเดียวที่ต้องเดินไปด้วยความเงียบเหงา ทุกคนเป็นทั้งเหยื่อ และผู้ประโคมความเชื่อแบบผิดๆ
ในเวลาเดียวกัน อุดมคติของชีวิตดีงาม กลายเป็นเพียงสิ่งที่เราใช้พูดกับเมื่อถูกไมโครโฟนจ่อปาก เป็นคำพูดที่ใช้เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ มากกว่าจะใช้ดำเนินชีวิตจริง
ทุกวันนี้เราเริ่มเห็นอาชีพแปลกๆ ที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นในชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ เราเริ่มเห็นอาชีพนักธุรกิจ .. ในคราบคุณครู เห็นพ่อค้าในคราบ .. คุณหมอ เห็นโจรในคราบ .. นักการเมือง เห็นหมอผีในคราบ .. นักบวช เห็นนักเลงในคราบ .. นักเรียน เห็นคนขี้โกหกในคราบนักการตลาด
คำว่า "สันติภาพ" ถูกใช้เพื่อเป็นข้ออ้างในการทำสงคราม ส่วน "พระธรรม" ถูกใช้ในการถกเถียงเชิงปรัชญา มากกว่านำไปปฏิบัติ เพื่อขัดเกลาตนเอง
นานวันเข้าเราหลงคิดว่าสิ่งเหล่านี้ คือ "เรื่องธรรมดา" คือ "ความปกติ" คือ "เรื่องที่ถูกต้อง"
เราเริ่มแยกความจริงกับความจำเป็นออกจากกัน ความจริงไว้ส่วนหนึ่ง และความจำเป็นไว้ส่วนหนึ่ง
เมื่อเราแยกความจริงออกจากชีวิตแล้ว ชีวิตของเราจึงไม่เหลือความจริงไว้เลย เราพ่นคำโกหกหน้าตาเฉย.. แล้วบอกกับใครๆว่า มันคือ "ความจำเป็น" เราทำผิดหน้าตาเฉย แล้วบอกใครๆว่า มันคือ "ความอยู่รอด"มันเกิดอะไรขึ้นกับสังคมของเรา!!!
การกระทำของเรา ย่อมส่งผลโดยตรงต่อสังคมของเราอยากให้สังคมเปลี่ยน เราต้องเปลี่ยนตนเองก่อน
เริ่มต้นวันนี้ หยุด สำรวจ และตั้งคำถามกับตนเองดูสิว่า ...
..ชีวิตที่ถูกต้องดีงาม คือ อะไรกันแน่ ?
..เราเกิดมาเพื่อสิ่งใด และจะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อทำสิ่งใด ?
ชีวิตคือสิ่งมีค่า ถ้าเราใช้ให้มีค่าคนเราเกิดมามีค่าเหมือนกัน แต่คุณค่าต่างกัน
จงตั้งสติ แล้วมองให้เห็นความจริง
อย่ากำหนดเป้าหมายด้วย "ความฉลาด"
แต่จงกำหนดมันด้วย "ปัญญา"
ปัญญา และ ความฉลาด นั้นต่างกัน
..ปัญญา ให้ความจริง
..ความฉลาด ให้สิ่งเสมือนจริง
บางทีอาจถึงเวลาแล้ว ที่เราทั้งหลายจะตื่นจากการหลับใหลใช้ชีวิตอย่างผู้มีปัญญา โดยละทิ้งความฉลาดไว้เบื้องหลัง!!!...
- พศิน อินทรวงค์ -
- ไฟล์แนบ
-
- 456614546_1047319270439135_7411070862297834964_n.jpg (58.78 KiB) เข้าดูแล้ว 1560 ครั้ง
-
- ขอไว้อาลัยให้กับผู้ใหญ่บ้านที่เสียสละชีวิตเพื่อช่วยเหลือลูกบ้าน ท่านได้สร้างวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ สมเกียรติสมศักดิ์ศรี "ตายในหน้าที่" ขอดวงวิญญาณท่านสู่สรวงสวรรค์ครับ สาธุ สาธุ สาธุ.
- 458193789_1037096771424980_1499071342822161362_n.jpg (68.79 KiB) เข้าดูแล้ว 1560 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (422).JPG (88.94 KiB) เข้าดูแล้ว 1560 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (424).JPG (93.25 KiB) เข้าดูแล้ว 1560 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (426).JPG (128.44 KiB) เข้าดูแล้ว 1560 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (427).JPG (145.54 KiB) เข้าดูแล้ว 1560 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (428).JPG (129.84 KiB) เข้าดูแล้ว 1560 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (429).JPG (134.25 KiB) เข้าดูแล้ว 1560 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (430).JPG (122.46 KiB) เข้าดูแล้ว 1560 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (431).JPG (100.57 KiB) เข้าดูแล้ว 1560 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (432).JPG (88.46 KiB) เข้าดูแล้ว 1560 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (433).JPG (75.85 KiB) เข้าดูแล้ว 1560 ครั้ง
-
- cats๘๐.jpg (139.03 KiB) เข้าดูแล้ว 1560 ครั้ง
-
- เราพากันปั่นวกไปวนมาหัวเราะชอบใจครับ แพร่เมืองเล็ก ๆ แต่ทำเราหลงสนุกสนานมาก ๆ เรากลับถึง รร.ที่พักเกือบ ๑๑ โมง อาบน้ำชำระร่างกายเตรียมตัวกลับสารภีเชียงใหม่ หมดเวลาแล้ว ช่วงที่เก็บข้าวของต่าง ๆ ก็คิดขึ้นได้ว่ายังมีสถานที่อีกแห่งที่ไม่ควรพลาดคือ ต้องพาหนูน้อยไปชมให้ได้ว่างั้น ๕๕๕
เช้าวันที่ ๒๙ ก.ค.๖๗ ที่เราพาหนูน้อยปั่นรอบกำแพงเมืองชมสถานที่ต่าง ๆ ตลอดทั้งไปกราบพระที่วัดสำคัญ ๆ ของเมืองแพร่รวมเป็นระยะทางสิบกว่าโล ชิว ๆ สำหรับความสนุกตื่นเต้นกับสถานที่ใหม่แปลกหูแปลกตา เรียกว่าลืมความเหนื่อยกันทีเดียวครับ - cats๘๑.jpg (63.1 KiB) เข้าดูแล้ว 1560 ครั้ง
- เราพากันปั่นวกไปวนมาหัวเราะชอบใจครับ แพร่เมืองเล็ก ๆ แต่ทำเราหลงสนุกสนานมาก ๆ เรากลับถึง รร.ที่พักเกือบ ๑๑ โมง อาบน้ำชำระร่างกายเตรียมตัวกลับสารภีเชียงใหม่ หมดเวลาแล้ว ช่วงที่เก็บข้าวของต่าง ๆ ก็คิดขึ้นได้ว่ายังมีสถานที่อีกแห่งที่ไม่ควรพลาดคือ ต้องพาหนูน้อยไปชมให้ได้ว่างั้น ๕๕๕
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (434).JPG (108.9 KiB) เข้าดูแล้ว 1560 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (435).JPG (129.28 KiB) เข้าดูแล้ว 1560 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (436).JPG (124.55 KiB) เข้าดูแล้ว 1560 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (437).JPG (80.8 KiB) เข้าดูแล้ว 1560 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (438).JPG (125.67 KiB) เข้าดูแล้ว 1560 ครั้ง
-
- ก่อนเดินทางกลับบ้านเราพาไปเยี่ยมชม จวนผู้ว่า คุ้มโบราณพิพิธภัณฑ์เมืองแพร่ห้ามพลาดนะครับสำหรับการมาเมืองแพร่ มีสิ่งน่าชมเยอะแยะให้ได้ศึกษาครับ
สำหรับ จวนผู้ว่าราชการจังหวัด เดิมเรียกว่า"คุ้มเจ้าหลวง"ตั้งอยู่บนถ.คุ้มเดิม อ.เมืองแพร่ จ.แพร่
คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่เป็นบ้านพักอาศัยที่เจ้าพิริยะเทพวงศ์ฯ เจ้าหลวงเมืองแพร่คนสุดท้ายสร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ.2435 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คุ้มนี้ตั้งอยู่บนถนนคุ้มเดิมตรงกันข้ามกับโรงเรียนนารีรัตน์จังหวัดแพร่และอยู่ใกล้กับศาลากลางจังหวัด
คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่มีความโอ่อ่าสวยงามด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมยุโรป ฝีมือการก่อสร้างของช่างชาวจีน ฐานล่างใช้ไม้ซุงเป็นท่อนขนาดใหญ่รองรับฐานเสาทั้งหมด ตัวอาคารสร้างด้วยอิฐถือปูนมี 2 ชั้น มีประตูหน้าต่างนับรวมได้ 72 บาน ลักษณะหลังคาเป็นแบบเรือนปั้นหยาไม่มีหน้าจั่ว มุงด้วยไม้แผ่นขนาดเล็กที่เรียกว่าไม้แป้นเกล็ด เชิงชายและป้านลมที่อยู่รอบชายคาประดับด้วยไม้ฉลุลดลายสวยงาม ด้านหน้าของตัวอาคารเป็นมุขสี่เหลี่ยมและมีหลังคามุขเป็นรูปสามเหลี่ยม บันไดคุ้มมีทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
หลังจากเหตุการณ์กบฏเงี้ยวเมืองแพร่สิ้นสุดลง เจ้าพิริยะเทพวงศ์ฯ ออกจากเมืองแพร่ไปพำนักยังหลวงพระบางและถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง เจ้าเมือง คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ถูกทางราชการนำไปเป็นบ้านพักประจำตำแหน่งของผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่จนถึงปัจจุบัน และได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบางอย่างหลายครั้งแต่ยังคงรูปทรงเดิม
พ.ศ.2535 จังหวัดแพร่ได้เสนอต่อสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ให้คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่เป็นอาคารอนุรักษ์ดีเด่นระดับประเทศ และชนะการคัดเลือกได้รับรางวัลพระราชทานในปี พ.ศ.2536 และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ.2541
ข้อมูลจาก...
culturalenvi.onep.go.th - หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (439).JPG (140.29 KiB) เข้าดูแล้ว 1560 ครั้ง
- ก่อนเดินทางกลับบ้านเราพาไปเยี่ยมชม จวนผู้ว่า คุ้มโบราณพิพิธภัณฑ์เมืองแพร่ห้ามพลาดนะครับสำหรับการมาเมืองแพร่ มีสิ่งน่าชมเยอะแยะให้ได้ศึกษาครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Deang-sarapee เมื่อ 15 ก.ย. 2024, 04:09, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4439
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
ช่วงที่เข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ ผมนั้นไม่ได้ติดตามเข้าไปด้วย มีภารกิจแทรกซ้อนรูปภาพจึงไม่ปะติดปะต่อ ภาพที่นำเสนอเป็นภาพที่คุณนายเก็บจากมือถือ และช่วงที่เดินทางกลับก็มุ่งหน้ากลับ สองคนผู้โดยสารคุณนายและคุณหนู หลับปุ๋ย (เหนื่อยละซิ ๕๕) ก็เลยไม่มีภาพสวย ๆ ข้างทางตามสไตล์ของผม ทริปวันหยุดยาวครั้งที่ ๑ เที่ยวสุโขทัย - แพร่ ของ ด.ช.ปุรณพัฒน์ ฯ จบลงที่จวนผู้ว่าเมืองแพร่ เดินทางกลับถึงบ้านสารภีเชียงใหม่เกือบ ๕ โมงเย็น ทริปวันหยุดครั้งต่อไปจะเป็นที่ใด อย่าลืมติดตามเป็นกำลังใจกันต่อไปนะครับ
- ไฟล์แนบ
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (440).JPG (95.55 KiB) เข้าดูแล้ว 1556 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (441).JPG (130.86 KiB) เข้าดูแล้ว 1556 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (442).JPG (101.25 KiB) เข้าดูแล้ว 1556 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (443).JPG (83.76 KiB) เข้าดูแล้ว 1556 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (444).JPG (109.71 KiB) เข้าดูแล้ว 1556 ครั้ง
-
- ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (24).jpg (85.17 KiB) เข้าดูแล้ว 1556 ครั้ง
-
- ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (26).jpg (79.11 KiB) เข้าดูแล้ว 1556 ครั้ง
-
- ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (131).jpg (89.24 KiB) เข้าดูแล้ว 1556 ครั้ง
-
- ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (150).jpg (123.35 KiB) เข้าดูแล้ว 1556 ครั้ง
-
- ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (175).jpg (111.34 KiB) เข้าดูแล้ว 1556 ครั้ง
-
- ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (212).jpg (32.81 KiB) เข้าดูแล้ว 1556 ครั้ง
-
- ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (257).jpg (73.6 KiB) เข้าดูแล้ว 1556 ครั้ง
-
- ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (274).jpg (37.09 KiB) เข้าดูแล้ว 1556 ครั้ง
-
- ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (291).jpg (133.27 KiB) เข้าดูแล้ว 1556 ครั้ง
-
- ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (327).jpg (132.28 KiB) เข้าดูแล้ว 1556 ครั้ง
-
- ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (337).jpg (112.21 KiB) เข้าดูแล้ว 1556 ครั้ง
-
- ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (339).jpg (36.11 KiB) เข้าดูแล้ว 1556 ครั้ง
-
- ถึงบ้านด้วยความปลอดภัย ทริปต่อไปในวันหยุดยาวคือ ๑๒ สิงหา ๖๗ ก็ตามพันธสัญญาที่ต้องพาเด็กน้อยไปปั่นจะเป็นที่แห่งหนตำบลใด โปรดติดตามจะนำมารายงานเป็นความรู้และเผยแพร่สถานที่ท่องเที่ยวของบ้านเมืองเราให้ได้รับทราบรับชม สำหรับทริปนี้ก็ขอได้รับความขอบคุณจากใจ ที่เป็นกำลังใจติดตามเรามา ผิดพลาดประการใดก็ขอได้รับการอภัยจากทุก ๆ ท่าน ขอความสุขสวัสดีจงมีอก่ญาติธรรมและ fc.ทุกท่านทุกคน สวัสดีครับ.
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (445).JPG (75.3 KiB) เข้าดูแล้ว 1556 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4439
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
เฝ้าดู วัตถุ ลอยละล่อง ตามครรลองลำน้ำเลื่อนไหล
ธรรมชาติสำเร็จเหตุปัจจัย สักว่าเห็น เป็นไป ตามเป็นจริง
ไม่รักหลง ชอบชัง ชิงแข่งขัน
ถือเดิมพัน แพ้ชนะ โลภเข้าสิง
อยากได้ อยากมี อยากยอดยิ่ง
ดูทุกสิ่ง ล่องลอย ธรรมดา
ได้ดวงตา เห็นธรรม ตามเป็นจริง
รู้รอบยิ่ง รู้แจ้ง ตลอดสาย
รู้ทั่วเหตุ รู้ผล ต้นถึงปลาย
รู้ความหมาย นัยสาระ สัจจธรรม.
อรุณสวัสดิ์ครับท่านผู้มีเกียรติที่เคารพและญาติธรรมที่รักทุกท่าน ทริปท่องเที่ยววันหยุดยาวครั้งที่ ๑ (๒๗ - ๒๙ ก.ค.๖๗ วันเฉลิมพระชนมพรรษาในหลวง) ของหลานรักจบไปแล้ว ส่วนในเดือนสิงหาคม ๖๗ มีวันหยุดยาว ๑๐ - ๑๒ ส.ค.๖๗ คือวันแม่แห่งชาติ ตามพันธสัญญาเราต้องพาไปท่องเที่ยว ก็มานั่งคิดกันว่าควรจะไปแห่งหนตำบลใดกันดี
เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ปัญหาที่สำคัญคือ "ฝน" ครับ การท่องเที่ยวของเราพ่วงไปด้วยการปั่นจักรยาน(ฝนคืออุปสรรค) เพื่อฝึกให้หนูน้อยได้ออกกำลังกายพร้อมกับฝึกปั่นจักรยานท่องเที่ยวไปด้วย แนวความคิดหลักของเรา การท่องเที่ยวควรที่จะได้แสวงบุญไปพร้อมกัน (เข้าวัด-เรียกว่าสองอย่างบาท ๕๕) เพื่อสอนให้เด็กน้อยได้ซึมซับในพระพุทธศาสนา ไว้ให้เป็นคนดีของสังคมต่อไป
มีสถานที่ ๆ ควรไปมากมาย แต่มาตกผลึกที่ ๓ ครูบา อ.ลี้ จว.ลำพูน ซึ่งเราสองคน ปู่-ย่า ได้ปั่นไปกราบสักการะและนอนค้างคืนแสวงบุญ มาแล้วเมื่อ ๖ - ๗ ปีที่ผ่านมา ผมพยายามค้นหาจำได้ว่า เคยนำเสนอในกระทู้ของไทยเอ็มทีบี ค้นอยู่หลายวันก็ไปเจอ ขอนำมาฝากท่านเพราะมีเรื่องราวดี ๆ และข้อคิดต่าง ๆ ในวันนั้นเผื่อว่าจะเกิดประโยชน์ต่อชีวิตและการปฏิบัติธรรมครับ เรียนเชิญทุกท่านคลิกเข้าไปได้ตามลิงค์ที่ผมแนบมาข้างล่างนี้ครับ
viewtopic.php?p=13490371#p13490371
ก่อนที่เราจะเริ่มเดินทางย้อนรอยการปั่นท่องเที่ยว ครั้งที่ ๒ ของ ด.ช.ปุรณพัฒน์ ฯ มีกลอนสะท้อนใจให้ สยิว มาฝากเรียกว่าเป็นภัยใกล้ตัวคนไทยมาก ๆ บ้านเมืองของเรา จนท.ของรัฐ(ข้าราชการ) ปัจจุบันนี้ทำงานกันอย่างไรไม่ว่าหน่วยไหนมีแต่เรื่องราวไม่ดี ๆ ติดตามข่าวสารแล้วอยากร้องไห้ เรียนเชิญครับ
อีกไม่นานคนไทยจะไร้สิ้น
ทั่วแผ่นดินต่างด้าวครองต้องโศกศัลย์
ลูกต่างด้าวเกิดในไทยได้สิทธิ์พลัน
โดยได้สัญชาติไทยไปสมบูรณ์
เมื่อได้เป็นคนไทยก็ได้สิทธิ์
ใช่เบือนบิดไทยแท้นั้นพลันสิ้นสูญ
ไทยเกิดน้อยแถมด้อยค่าน่าอาดูร
ดังกองกูณฑ์เผาไหม้สลายไป
ลูกหลานเรารักสบายขวนขวายน้อย
ถูกสปอยล์ทำตัวมั่วเหลวไหล
บ้างเสพติดอบายมุขแสนสุขใจ
การเรียนไซร้ต่ำสุดกู่ครูต้องดัน
มรดกนาไร่ได้มาขาย
หวังสบายใช้เงินเพลินสุขสันต์
สิ้นนาไร่สิ้นแผ่นดินสิ้นไทยพลัน
ลูกหลานนั้นจะหมดสิ้นแผ่นดินไทย
ชาวต่างชาติทุนมากยากแข่งขัน
ก็กีดกันการค้าหมดสิ้นสดใส
ร้านโชห่วยน้อยนั้นพลันสิ้นไป
เกิดแผงใหม่ของต่างด้าวเข้ามาแทน
ข้าวจะยากหมากจะแพงหมดแรงสู้
ความเป็นอยู่ลำบากยากเหลือแสน
เคยสมบูรณ์ก็อนาถมาขาดแคลน
เสียดินแดนเพราะคนไทยใจอารี
ชนชาติจีนจะรุกบุกทั่วย่าน
ยากจะต้านทุนหนักยากจักหนี
ศิลปะของไทยสิ่งไหนดี
ถูกจีนนี้ครอบครองเป็นของตน
ลูกหลานจีนขยันและขันแข็ง
ฝึกจนแกร่งแต่เยาว์วัยซึ่งได้ผล
เช่นมวยไทยฝึกทุกวันกันทุกคน
ด้วยอดทนจริงจังไม่รั้งรอ
อีกไม่นานแชมป์มวยไทยไม่ไกลฝัน
ชาติจีนนั้นได้ครองแน่จริงแท้หนอ
ส่วนเด็กไทยเล่นเกมติดชิดหน้าจอ
ลงโทษก็ฟ้องร้องครูหดหู่ใจ
ศาสนาเคยรุ่งเรืองเป็นเมืองพุทธ
จะโทรมทรุดตกต่ำน่าช้ำไหม
พวกแฝงบวชทำตัวชั่วจัญไร
มาอาศัยศาสนาเพื่อหากิน
ศาสนาพุทธนั้นพลันผุดผาด
ที่ต่างชาติห่างไกลให้ถวิล
ไปเจริญงดงามข้ามแผ่นดิน
พุทธจะสิ้นรุ่งเรืองในเมืองไทย
พวกหนวดเคราโพกหัวนั้นตัวร้าย
จะขยายอิทธิพลจนหวั่นไหว
ทั้งดินแดนศาสนาเดินหน้าไป
โดยอาศัยการเมืองช่วยเฟื่องฟู
คนไทยแท้จะลดจนหมดสิ้น
ทั่วทุกถิ่นยากพิจารณาหน้าตาหู
จะไม่เหลือชนชาติไทยให้เชิดชู
จะเหลืออยู่ "มนุษยชาติ" ประกาศนาม
รศ.วิศิษฐ์ศักดิ์ แป้นสัมฤทธิ์ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๗
- ไฟล์แนบ
-
- 81306.jpg (85.02 KiB) เข้าดูแล้ว 1446 ครั้ง
-
- เสาร์เช้าวันที่ ๑๐ ส.ค.๖๗ หนูน้อยตื่นเต้นดีใจที่จะได้ไปปั่นเที่ยวเหมือนครั้งที่แล้ว รีบตื่นแต่เช้าช่วยคุณปู่ - คุณย่า ตระเตรียมสัมภาระต่าง ๆ และช่วยขนสิ่งของบรรทุกใส่ท้ายรถกระบะ หลังจากที่ทานมื้อเช้าเรียบร้อยเราก็ออกเดินทาง สังเกตนะครับหนูน้อยร่าเริงเบิกบานใจ ปู่ - ย่า เห็นหลานมีความสุขก็พลอยดีใจ สุขใจ ผมคิดนะครับ "นี่ละ แขนงแรงกว่ากิ่ง" ๕๕๕
- cats2.1.jpg (65.64 KiB) เข้าดูแล้ว 1446 ครั้ง
-
- สถานที่ ๆ เราวางแผนไปคือไปกราบ ๓ ครูบา ได้แก่ ครูบาศรีวิชัย ครูบาขาวปี และครูบาวงค์ เส้นทางที่เรามุ่งหน้าไปต้องผ่านวัดบ้านปาง ซึ่งเป็นวัดของครูบาศรีวิชัย คุณนายให้แนวคิดว่าควรจะแวะพาหนูน้อยไปกราบสักการะก่อนเลยเพื่อไม่ต้องเสียเวลา ได้ทำบุญเอาฤกษ์เอาชัยก่อน ตกลงกันตามนั้น (ความจริงในใจผมอยากจะมุ่งไปให้ถึง อ.ลี้หาที่พักนอนก่อนให้เรียบร้อยค่อยวางแผนปั่น..จำไว้..อย่า..ขัดใจ..เมีย ๕๕)
-
- cats3.jpg (140.63 KiB) เข้าดูแล้ว 1446 ครั้ง
-
- cats4.jpg (105.17 KiB) เข้าดูแล้ว 1446 ครั้ง
-
- cats6.jpg (106.51 KiB) เข้าดูแล้ว 1446 ครั้ง
-
- cats9.jpg (85.46 KiB) เข้าดูแล้ว 1446 ครั้ง
-
- cats11.jpg (113.41 KiB) เข้าดูแล้ว 1446 ครั้ง
-
- cats12.jpg (132.31 KiB) เข้าดูแล้ว 1446 ครั้ง
-
- DSC_1766.JPG (127.36 KiB) เข้าดูแล้ว 1446 ครั้ง
-
- DSC_1767.JPG (87.18 KiB) เข้าดูแล้ว 1446 ครั้ง
-
- DSC_1783.JPG (107.21 KiB) เข้าดูแล้ว 1446 ครั้ง
-
- ประวัติวัดบ้านปาง ตำบลศรีวิชัย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
วัดบ้านปาง ตั้งอยู่ในเขตตำบลศรีวิชัย(เดิมเป็นตำบลแม่ตืน) ตั้งอยู่ในหมู่บ้านที่เรียกว่า บ้านปาง ห่างจากที่ว่าการอำเภอลี้ประมาณ ๔๐ กิโลเมตร ซึ่งเป็นตำบลที่อยู่ด้านทิศเหนือของอำเภอลี้ มีเขตติดต่อกับอำเภอบ้านโฮ่ง
บนถนนสายลำพูนที่จะมุ่งหน้าไปอำเภอลี้ เมื่อผ่านอำเภอบ้านโฮ่งไปไม่ไกลนักก็จะถึงบ้านปาง หมู่บ้านซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของนักบุญแห่งล้านนา "ครูบาศรีวิชัย"วัดบ้านปางตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ย ๆ ลูกหนึ่ง บริเวณด้านหน้าของวัดมีบันไดนาคขึ้นไปสู่วัด วัดแห่งนี้ยังเป็นวัดที่ครูบาศรีวิชัยได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้น ภายในวัดจะร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ทั้งไม้พุ่ม ไม้ดอกหลากหลายชนิด ที่สำคัญในบริเวณวัดยังมีโบราณสถานอันเก่าแก่เมื่อครั้งสมัยที่ครูบาศรีวิชัยยังมีชีวิตอยู่ก็คือพระวิหารหลวง สร้างขึ้นตามรูปแบบของสถาปัตยกรรมล้านนามีลักษณะอ่อนช้อยสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง นอกจากพระวิหารหลวงแล้วยังมีปราสาทหินอ่อนซึ่งสร้างขึ้นตรงสถานที่ครูบาศรีวิชัยมรณภาพ ใกล้ ๆ กันยังมีพิพิธภัณฑ์บริขารครูบาเจ้าศรีวิชัย เก็บรวมรวบรูปภาพเก่าและข้าวของเครื่องใช้ที่ครูบาศรีวิชัยเคยใช้ เมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่
วัดบ้านปางเป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งในจังหวัดลำพูน สร้างขึ้นมาเมื่อประมาณร้อยปีก่อน คือเริ่มสร้างวัดเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2444 จนเมื่อครูบาศรีวิชัยอายุได้ 24 ปี ท่านได้นำพระเณรและศรัทธาชาวบ้านร่วมกันสร้างวัดขึ้นโดยได้ขอให้นายควาย โยมบิดาเป็นผู้แผ้วถางเป็นปฐมฤกษ์ให้เกิดความเป็นสิริมงคล ต่อจากนั้นพระเณรและศรัทธาชาวบ้านได้ร่วมแรงร่วมใจกันปรับสถานที่บนเนินเขาให้เป็นที่ราบ ในการสร้างและบูรณะวัดบ้านปางในสมัยนั้นเป็นไปอย่างล่าช้า ยากลำบากเพราะขาดเครื่องมือที่จำเป็น
รองเจ้าอาวาสวัดบ้านปาง กล่าวว่า เมื่อก่อนนั้นวัดบ้านปางจะตั้งอยู่ในบริเวณหมู่บ้าน ซึ่งท่านครูบาศรีวิชัยเล็งเห็นว่าเมื่อหมู่บ้านเริ่มเจริญมากขึ้นอาจทำให้วัดเกิดความไม่สงบ เนื่องจากถูกบ้านเรือนตั้งอยู่ล้อมรอบ ดังนั้นท่านครูบาจึงได้ไปสร้างวัดใหม่อยู่บนยอดเขาใกล้ ๆ หมู่บ้าน โดยเมื่อท่านมาถึงได้สร้างเขตกำแพงหินของวัดก่อนเป็นอันดับแรก โดยมีชาวบ้าน ชาวลัวะ ชาวกะเหรี่ยงร่วมกับคนเมืองท้องถิ่นได้ช่วยกันนำหินคนละก้อน สองก้อนมาก่อเรียงเป็นกำแพงหิน รอบพื้นที่วัด ประมาณความยาวได้กว่า 2 กิโลเมตร
รองเจ้าอาวาสยังบอกว่า "กำแพงหินนี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งก่อสร้างตั้งแต่สมัยครูบาศรีวิชัยขึ้นมาสร้างวัด ซึ่งหลงเหลือมาจนปัจจุบัน อันเป็นความร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านที่มีความศรัทธาต่อตัวครูบาเจ้าศรีวิชัย ซึ่งบางคนก็หอบลูกสะพายหลานไว้ข้างหลังมาช่วยกันขนหิน ชาวลัวะที่มีช้างก็นำช้างมาช่วยกันลากหินปรับพื้นที่ บางคนที่ไปช่วยกันขนหินในห้วยแม่ลอง ถือเป็นแรงศรัทธาอันยิ่งใหญ่"
หลังจากนั้นครูบาศรีวิชัยและศรัทธาญาติโยมทั้งหลาย จึงได้ช่วยกันก่อสร้างวิหาร กุฏิ พระเจดีย์ โดยเฉพาะพระเจดีย์วัดบ้านปางนั้น รองเจ้าอาวาสกล่าวว่า ครูบาศรีวิชัยได้ไปเห็นพระธาตุหลวงลำพูน ก็คือ พระธาตุหริภุญชัย แล้วอาศัยจำแบบมาก่อสร้างเจดีย์วัดบ้านปาง นอกจากนั้นเมื่อท่านได้จาริกไปบูรณะวัดต่าง ๆ ในภาคเหนือครูบาศรีวิชัยก็ได้ไปสร้างเจดีย์วัดต่าง ๆ ตามแบบของพระธาตุหริภุญชัย ซึ่งอาจเป็นคติในเชิงความหมายว่า ท่านต้องการให้พระธาตุหริภุญชัยเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่พุทธศาสนาออกไปทั่วภาคเหนือ อีกความหมายหนึ่งก็อาจเป็นการประกาศให้รู้ว่าตัวครูบาเจ้าศรีวิชัยนั้นเป็นพระจากเมืองลำพูน
กระทั่งเมื่อสร้างวัดเสร็จแล้วพระเณรบางส่วนจึงได้ย้ายขึ้นไปอยู่บนวัดใหม่แห่งนี้ ซึ่งมีชื่อเรียกว่า "วัดจ๋อมศะหรีทรายมูลบุญเรือง" แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่จะเรียกว่า "วัดบ้านปาง" ซึ่งวัดนี้มีอาณาบริเวณพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 160 ไร่ ในบริเวณเขตพุทธาวาสจะมีกำแพงก่อด้วยหินล้อมรอบถึง 4 ชั้น ซึ่งเป็นความคิดของครูบาศรีวิชัยที่พยายามจะจัดให้วัดนี้เป็นอรัญวาสี (วัดป่า) โดยครูบาศรีวิชัยได้แนวคิดมาจากที่ได้เห็นพระฤาษีก่อกำแพงหินล้อมรอบอาศรม ซึ่งปัจจุบันคือ ม่อนฤาษี ซึ่งอยู่ได้ห่างจากวัดบ้านปาง และที่สำคัญท่านไม่ต้องการที่จะทำลายธรรมชาติ จึงได้ให้ชาวบ้านนำหินมาตั้งเรียงซ้อนกันจนเป็นแนวกำแพง
นอกจากในบริเวณวัดจะมีศาสนสถานที่สำคัญต่าง ๆ แล้ว สิ่งที่ดึงดูดให้ผู้ศรัทธาเดินทางมาเที่ยวยังวัดบ้านปางก็คือ "พิพิธภัณฑ์เครื่องอัฐบริขารของครูบาศรีวิชัย" พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างขึ้นเป็นอาคารคอนกรีตสองชั้นปูด้วยกระเบื้องหินอ่อน ชั้นบนมีรูปปั้นเหมือนจริงของครูบาศรีวิชัยทำจากขี้ผึ้งทั้งองค์ในลักษณะท่านั่ง นอกจากนั้นยังมีภาพเก่าของครูบาศรีวิชัยเมื่อครั้งที่ท่านจาริกไปในสถานที่ต่าง ๆ รวมทั้งถ้วยชามของเก่าของท่านที่เคยใช้มาก่อน ในชั้นนี้ยังมีปราสาทห้ายอดที่เคยบรรจุโลงศพและโกศบรรจุอัฐิของท่านนำมาจัดแสดงให้ผู้สนใจได้ชม ซึ่งทุกวันจะมีศรัทธาประชาชนเดินทางมากราบไหว้ของพรจากรูปปั้นครูบา
ในบริเวณชั้นล่างของอาคาร จัดแสดงเครื่องใช้ถ้วยชามและของใช้สมัยเก่าที่หาดูหาชมได้ยาก อาทิ รถยนต์คันแรกที่ท่านเคยนั่งขึ้นไปยังวัดพระธาตุดอยสุเทพฯ เมื่อตอนที่สร้างทางขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพฯแล้วเสร็จใหม่ นอกจากนั้นยังมีรถสามล้อถีบของหลวงอนุสารสุนทรที่ใช้ใส่อาหารเพื่อถวายครูบาศรีวิชัยเมื่อครั้งที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดพระสิงห์ แต่ที่หาดูได้ยากได้แก่ เตียงนอนของครูบาศรีวิชัยและเสลี่ยงหาม พาหนะสำหรับเดินทางจาริกไปในวัดต่าง ๆ ทั่วภาคเหนือ
นับได้ว่าพิพิธภัณฑ์เครื่องอัฐบริขารครูบาศรีวิชัย ที่วัดบ้านปาง อำเภอลี้ นั้น เป็นสิ่งที่หาชมได้ยากมาก เพราะของใช้ต่าง ๆ ของท่านครูบาจะถูกนำมาจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้แห่งเดียวเท่านั้น ทุกวันนี้วัดบ้านปางจึงเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของครูบาศรีวิชัย เพราะนอกจากจะเป็นวัดที่ท่านและชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างขึ้นแล้ว ที่หมู่บ้านปางยังเป็นภูมิลำเนาและสถานที่เกิดของท่านอีกด้วย
ดังนั้นหากใครที่มาเยือนวัดแห่งนี้ ก็เปรียบเสมือนการได้เข้ามาเยือนมาสักการะครูบาศรีวิชัยด้วยเหมือนกัน.
ข้อมูลจาก..สภาวัฒนธรรมอำเภอลี้ - DSC_1787.JPG (138.46 KiB) เข้าดูแล้ว 1446 ครั้ง
- ประวัติวัดบ้านปาง ตำบลศรีวิชัย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4439
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
สำรวจ "วัดบ้านปาง" จังหวัดลำพูน กับตำนาน "ครูบาศรีวิชัย" | เปิดตำนานกับเผ่าทอง
- ไฟล์แนบ
-
- DSC_1769.JPG (90.71 KiB) เข้าดูแล้ว 1432 ครั้ง
-
- DSC_1770.JPG (87.17 KiB) เข้าดูแล้ว 1432 ครั้ง
-
- DSC_1771.JPG (95.18 KiB) เข้าดูแล้ว 1432 ครั้ง
-
- DSC_1789.JPG (92.65 KiB) เข้าดูแล้ว 1432 ครั้ง
-
- DSC_1790.JPG (79.03 KiB) เข้าดูแล้ว 1432 ครั้ง
-
- DSC_1791.JPG (90.75 KiB) เข้าดูแล้ว 1432 ครั้ง
-
- DSC_1792.JPG (73.98 KiB) เข้าดูแล้ว 1432 ครั้ง
-
- DSC_1793.JPG (109.97 KiB) เข้าดูแล้ว 1432 ครั้ง
-
- DSC_1794.JPG (110.86 KiB) เข้าดูแล้ว 1432 ครั้ง
-
- DSC_1795.JPG (78.31 KiB) เข้าดูแล้ว 1432 ครั้ง
-
- DSC_1796.JPG (96.03 KiB) เข้าดูแล้ว 1432 ครั้ง
-
- DSC_1797.JPG (140.35 KiB) เข้าดูแล้ว 1432 ครั้ง
-
- DSC_1798.JPG (84.71 KiB) เข้าดูแล้ว 1432 ครั้ง
-
- 454694497_10229788236641774_2478925637035249409_n.jpg (69.79 KiB) เข้าดูแล้ว 1432 ครั้ง
-
- DSC_1800.JPG (106.45 KiB) เข้าดูแล้ว 1432 ครั้ง
-
- พาหนูน้อยกราบสักการะและชื่นชมบารมีของหลวงปู่ครูบาศรีวิชัยจนพอใจ เราก็พากันกราบลาเดินทางเข้า อ.ลี้ เพื่อหาที่พักในคืนแรก (คุณนายไม่ได้จองที่พัก) พร้อมเตรียมตัวที่จะผจญภัยตามแผนที่วางไว้ต่อไป ติดตามเป็นกำลังใจนะครับ สาธุ สาธุ.
บ่อยครั้งที่เรามักจะพากันมาทำบุญที่วัด และมี ๒ ครั้งที่เราได้ปั่นมานอนที่นี่ มีครั้งหนึ่งประมาณตี ๒ ผมตื่นมาทำสมาธิภาวนา ปรากฏการณ์ที่สุดประทับใจจำติดใจไม่ลืม วันนั้นผมได้เห็น(ในสมาธิ)ฟ้าร้องสนั่นครั่นครื้นตกอกตกใจ ดังมาก ๆ (ควบคุมสติ) สักพักได้ยินเสียงฝนตกซู่ ๆ แล้วเห็นฟ้ามืดคลึ้มดำทะมึนเป็นเมฆก้อนใหญ่ สายฝนโปรยปรายเบาลง ๆ ผมค่อย ๆ ลืมตา ปรากฏเป็นฝนตกครับแต่ไม่แรงเหมือนที่เห็นในสมาธิ
รุ่งเช้าเราไปถวายอาหารเช้า ท่านเจ้าอาวาสเมตตาให้หนังสือประวัติครูบาศรีวิชัยคนละเล่ม ผมได้อ่านประวัติจึงได้ทราบว่าท่านครูบาตอนเกิด มีฟ้าร้องสนั่นครั่นครื้น ท่านได้รับฉายาว่า "อ้ายฟ้าฮ้อง" ผมก็ถึงบางอ้อ นี่คือมหัศจรรย์ สำหรับผมครับ เหตุการณ์ครั้งนั้นยิ่งทำให้กำลังใจในการปฏิบัติภาวนามีมากยิ่งขึ้น และการภาวนาก็เจริญขึ้น ๆ จนปัจจุบัน มิได้ถดถอยลงเลย. - DSC_1801.JPG (129.45 KiB) เข้าดูแล้ว 1432 ครั้ง
- พาหนูน้อยกราบสักการะและชื่นชมบารมีของหลวงปู่ครูบาศรีวิชัยจนพอใจ เราก็พากันกราบลาเดินทางเข้า อ.ลี้ เพื่อหาที่พักในคืนแรก (คุณนายไม่ได้จองที่พัก) พร้อมเตรียมตัวที่จะผจญภัยตามแผนที่วางไว้ต่อไป ติดตามเป็นกำลังใจนะครับ สาธุ สาธุ.
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4439
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
อรุณสวัสดิ์ครับ หลาย ๆ วันมานี้เราต้องเจอกับอุทกภัยชนิดรุนแรงสุด ๆ บอกได้คำเดียวว่า "ตลอดชีวิตที่เกิดมาผมยังไม่เจอสภาพสาหัสแบบนี้มาเลย" ท่าตอน แม่อายที่ทำงานสมัยหนุ่ม ๆ ก็แค่ท่วมวันนี้ทะลักบ้านพี่น้องเพื่อนฝูงไปหมด ที่เชียงราย แม่สายผมอยู่และทำงานมานับสิบปีก็แค่ท่วม ปีนี้เรียกว่าอ่วมจริง ๆ โดยเฉพาะแม่สายไม่มีนะครับแบบนี้
อะไรคือสาเหตุ ? น่าคิดมากนะ ในอดีตเนิ่นนานพอควรผมเดินดอยไปตามหมู่บ้านชายแดน ชาวเขา สิ่งที่พบเห็นคือการตัดไม้ทำลายป่า เพื่อทำมาหาเลี้ยงชีวิต อีกไม่นานต่อมาก็เจอสภาพนายทุน ไปบุกรุกทำลายธรรมชาตินำมาทำรีสอร์ท ปลูกพืชเชิงเดี่ยว มีการให้คนทั้งบนดอยแลพื้นราบขึ้นไป บุกรุกทำลายป่าพินาศหมด มิใยที่ทางการจะออกมาเตือน มาปกป้องกันแต่ก็ทำได้แค่ระดับหนึ่ง (สู้ไม่ไหวทั้งคนของรัฐเองก็ทุจริตคอรัปชั่นเรียกว่า ร่วมด้วยช่วยกัน)
ผมเจอคลิปที่นำเสนอเรื่องราวคล้าย ๆ ที่ผมกำลังพูดถึง จึงจัดนำมาเสนอให้ได้รับทราบว่า "นี่ก็คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมในตรั้งนี้" เรียกว่า "ธรรมชาติเขามาเอาคืนแล้ว" ยังนะครับนี่เรียกว่า เบาะ ๆ ยังจะมีอีกหลาย ๆ ระรอก น่าเป็นห่วง ก็พูดได้คำเดียว "ระวังกันไว้" แค่นี้ครับ ขอให้ทุกคนปลอดภัยและโชคดีนะครับ
ธรรมชาติลงโทษ
อะไรคือสาเหตุ ? น่าคิดมากนะ ในอดีตเนิ่นนานพอควรผมเดินดอยไปตามหมู่บ้านชายแดน ชาวเขา สิ่งที่พบเห็นคือการตัดไม้ทำลายป่า เพื่อทำมาหาเลี้ยงชีวิต อีกไม่นานต่อมาก็เจอสภาพนายทุน ไปบุกรุกทำลายธรรมชาตินำมาทำรีสอร์ท ปลูกพืชเชิงเดี่ยว มีการให้คนทั้งบนดอยแลพื้นราบขึ้นไป บุกรุกทำลายป่าพินาศหมด มิใยที่ทางการจะออกมาเตือน มาปกป้องกันแต่ก็ทำได้แค่ระดับหนึ่ง (สู้ไม่ไหวทั้งคนของรัฐเองก็ทุจริตคอรัปชั่นเรียกว่า ร่วมด้วยช่วยกัน)
ผมเจอคลิปที่นำเสนอเรื่องราวคล้าย ๆ ที่ผมกำลังพูดถึง จึงจัดนำมาเสนอให้ได้รับทราบว่า "นี่ก็คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมในตรั้งนี้" เรียกว่า "ธรรมชาติเขามาเอาคืนแล้ว" ยังนะครับนี่เรียกว่า เบาะ ๆ ยังจะมีอีกหลาย ๆ ระรอก น่าเป็นห่วง ก็พูดได้คำเดียว "ระวังกันไว้" แค่นี้ครับ ขอให้ทุกคนปลอดภัยและโชคดีนะครับ
ธรรมชาติลงโทษ
- ไฟล์แนบ
-
- 459473372_1069571371419495_5890969815312279037_n.jpg (71.32 KiB) เข้าดูแล้ว 1324 ครั้ง
-
- 459572078_513930681371666_781005041825132430_n.jpg (142.26 KiB) เข้าดูแล้ว 1324 ครั้ง
-
- 460509165_1428365964450111_725865133194168112_n.jpg (124.2 KiB) เข้าดูแล้ว 1324 ครั้ง
-
- 458512607_1096844705131079_5342252023636310026_n.jpg (126.38 KiB) เข้าดูแล้ว 1324 ครั้ง
-
- 459152515_1081297963650720_3850671015280499799_n (1).jpg (65.76 KiB) เข้าดูแล้ว 1324 ครั้ง
-
- 459473372_1232251391427824_2113556734252205421_n.jpg (173.42 KiB) เข้าดูแล้ว 1324 ครั้ง
-
- วันที่เพื่อน ๆ เดือดร้อนเราก็ไม่นิ่งดูดายออกไปให้กำลังใจและช่วยเหลือตามกำลังความสามารถ ที่บ้านปากกอง สารภี ก็เรียกว่าสาหัสสมควรโดนกันทุกหมู่บ้านเรียกว่า โดนกันหมดไม่เว้น แต่บ้านผมโชคดีที่ครั้งนี้ไม่เจออะไร ขอบคุณสวรรค์นะ
- 459555820_364318503425621_1228952822575111173_n.jpg (123.42 KiB) เข้าดูแล้ว 1324 ครั้ง
-
- cats14.jpg (137.83 KiB) เข้าดูแล้ว 1324 ครั้ง
-
- 461012043_433303582633603_5107129867499307862_n.jpg (106.15 KiB) เข้าดูแล้ว 1324 ครั้ง
-
- เป็นความโชคดีที่พักทีเราหาและตัดสินเข้าพัก ดีจริง ๆ มีอาหารเช้าด้วยราคาก็พอสมควรไม่แพงเวอร์ ที่สำคัญเจ้าของใจดีมาก ๆ เอื้ออาทรต่อแขกผู้มาพัก มิน่าผมเห็นรถเต็ม แอบเดินดูห้องพักเต็มหมดครับ
- cats17.jpg (113.9 KiB) เข้าดูแล้ว 1324 ครั้ง
-
- cats19.JPG (104.84 KiB) เข้าดูแล้ว 1324 ครั้ง
-
- cats20.JPG (87.46 KiB) เข้าดูแล้ว 1324 ครั้ง
-
- cats22.JPG (111.96 KiB) เข้าดูแล้ว 1324 ครั้ง
-
- เข้าที่พักจัดสิ่งของสัมภาระเรียบร้อย ไม่รอช้าเรารีบพาจักรยานออกปั่นเข้า อ.ลี้ ชมสถานที่ต่าง ๆ และดูความเป็นอยู่ของชาวบ้าน เรียกว่าสนุกสนาน หนูน้อยก็ให้ความสนใจ บรรยากาศเป็นใจแดดไม่ร้อนเพราะตะวันคล้อยเข้าเวลาสายันห์แล้ว
อำเภอลี้ เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาเก่าแก่ โดยได้ก่อตั้งเมืองมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย ก่อนปี พ.ศ. 1800 มีพระนางจามะรี เป็นราชธิดาของเจ้าเมืองหลวงพระบาง เป็นหัวหน้าในการอพยพผู้คนหลบหนีลี้ภัยข้าศึกและโรคระบาดจากเมืองหลวงพระบางลงมายังทางทิศใต้สู่แคว้นล้านนา ได้สร้างเมือง ณ บริเวณวัดพระธาตุดวงเดียว เนื่องจากมีลักษณะภูมิประเทศเหมาะสม มีสายน้ำ 3 สายมาบรรจบกัน ปัจจุบันเรียกว่า "แม่ลี้" "แม่แต๊ะ" และ "แม่ไป" จึงตั้งชื่อเมืองว่า เมืองลี้
เมืองลี้เจริญรุ่งเรืองตลอดมา จวบจนทางกรุงสุโขทัยได้ยกทัพมาตี โดยกวาดต้อนผู้คนและทรัพย์สินไปยังกรุงสุโขทัย เมืองลี้จึงกลายเป็นเมืองร้าง
ต่อมามีผู้คนอพยพมาจากเมืองเชียงใหม่ ลำพูน เถิน และตาก เข้ามาตั้งหลักแหล่งอยู่อาศัยจนถึงกลางสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าเมืองลำพูนหรือนครหริภุญไชยได้แต่งตั้งเจ้าเมืองมาปกครองและตั้งเป็นเมืองลี้ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และในปี พ.ศ. 2454 ได้เปลี่ยนแปลงฐานะเป็น อำเภอเมืองลี้ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2460 จึงเปลี่ยนชื่อเป็น อำเภอลี้ โดยตั้งแต่ได้รับการยกฐานะเป็นอำเภอจนถึงปัจจุบันรวมเป็นเวลาเกือบร้อยปีแล้ว - cats24.1.JPG (102.95 KiB) เข้าดูแล้ว 1324 ครั้ง
- เข้าที่พักจัดสิ่งของสัมภาระเรียบร้อย ไม่รอช้าเรารีบพาจักรยานออกปั่นเข้า อ.ลี้ ชมสถานที่ต่าง ๆ และดูความเป็นอยู่ของชาวบ้าน เรียกว่าสนุกสนาน หนูน้อยก็ให้ความสนใจ บรรยากาศเป็นใจแดดไม่ร้อนเพราะตะวันคล้อยเข้าเวลาสายันห์แล้ว
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4439
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
เสียงแม่เรียก ปลุกตอนเช้า ก่อนฟ้าสาง
รีบลุกล้าง หน้าตา พร้อมหวีผม
พูดกับแม่ ได้ไปเที่ยว แสนรื่นรมย์
แม่จัดเตรียม น้ำและนม ขนมชอบ
ถึงโรงเรียน รถคันใหญ่ จอดต่อหน้า
บอกแม่จ้า รถสวยมาก แม่เห็นไหม
ก้าวขึ้นรถ พร้อมโบกมือ ยิ้มทักทาย
รีบเร่งไป ถึงที่นั่ง ชะโงกดู
เวลาสาย ถึงยาม จะได้กลับ
แม่รอรับ ตั้งตา มาตอนไหน
ได้ยินข่าว แม่ล้มทรุด แทบขาดใจ
พญาเพลิง เผาไหม้ ไร้วิญญาณ
โอ้ลูกจ้า ทำไมฟ้า ถึงกลั่นแกล้ง
มายื้อแย่ง พลัดพราก จากอกฉัน
เป็นนางฟ้า เทวดา บนเทวัญ
ฝากดวงจันทร์ ส่งทาง ฟากฟ้าไกล....
...ผมเขียนไป น้ำตาไหลไป....
บทความ ประภาส ศรีระวงค์ ขอน้อมจิตส่งดวงวิญญาณ เด็กๆและครูทุกท่านไปสู่ภพภูมิที่ดีด้วยเถิด....
สวัสดียามเย็นๆ ที่แสนเศร้ากับเรื่องราวต้อนรับงบประมาณใหม่ ๒๕๖๘ ทำไมเราจึงต้องมาพบกับเรื่องราวแบบนี้ ขอทีนะสวรรค์จะทำอะไร ๆ ก็ทำกับคนใหญ่คนโตเถอะ หญ้าแพรกอย่างพวกเราอย่าเลย ยอมรับมัน sensitive กับคนที่มีลูกมีหลานเล็ก ๆ ขนาดนายกท่านยังกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เพราะท่านก็มีลูกเล็ก ๆ ด้วย
สืบเนื่องจากภัยพิบัติน้ำท่วมแม่สาย แม่อาย แพร่ ฯ ลามมาถึงเขตปากกองสารภีบ้านผมขณะที่นั่งเขียนเรื่องราวน้ำยังขังในหลาย ๆ พื้นที่ ผมไปเจอบทความพิจารณาแล้ว มันน่าจะมีประโยชน์ ขอนำมาเผยแพร่เป็นวิทยาทานเพื่อเตรียมรับมือ ในโอกาสต่อไป ดังนี้
ผมเพิ่งรู้...( 27 กันยายน 2567)
ชาวเวียดนามรักษาทรัพย์สินจากน้ำท่วมได้ยังไง ไปดูกัน
ผมและคณะยังติดน้ำท่วมอยู่ที่เมืองเว้ รถตู้กลับออกไปไม่ได้แต่คิดว่าประมาณ 2-3 วันน้ำลดคงกลับเมืองไทยได้
ผมได้คุยกับพนักงานของโรงแรมซึ่งเขาเคยไปทำงานอยู่ที่ประเทศไทยพูดไทยได้ชัด เขาดูข่าวทางทีวีเห็นที่แม่สายเจ้าของร้านและชาวบ้านร้องไห้กันเพราะข้าวของเครื่องใช้สินค้าที่วางขายจมน้ำหมดเปรอะเปื้อนโคลนเสียหายมากมายเอาออกมาเร่ขายราคาถูกมากเพียงชิ้นละ 20 บาทเท่านั้น
เขาบอกผมว่าถ้าเป็นที่เวียดนามจะไม่มีอะไรเสียหายเลย เวียดนามผจญกับพายุไต้ฝุ่นทุกปีแตข้าวของสินค้าของเขาไม่เสียหายทั้งที่จมน้ำหมด เขาบอกผมว่าดูที่ร้านขายสินค้าเห็นมีแต่ถุงดำกองเต็มร้าน เขาบอกว่านั่นไม่ใช่ถุงขยะเป็นสินค้าที่เขาขายเมื่อเกิดน้ำท่วมเขาจะซื้อถุงขยะสีดำชนิดหนาใบใหญ่ๆเอาซ้อนกัน 2 ใบแล้วเอาสินค้าเสื้อผ้าของใช้ใส่ในถุงมัดด้วยเชือกจนแน่นเอากองไว้ที่เดิมเมื่อน้ำท่วมสินค้าพวกนี้จะไม่เปียกไม่เสียหายไม่ต้องขนย้ายไปไหนให้เหนื่อยพอน้ำลดเปิดถุงออกมาสินค้าก็ยังเป็นปกติไม่เสียหายเลย
เขาบอกผมว่าเขาเสียดายมากทำไมพวกเราไม่เอาสินค้าเสื้อผ้าหมวกกระเป๋าเครื่องไฟฟ้าใส่ถุงขยะซ้อนกัน 2 ชั้นมัดปากให้แน่นแล้วเอากองไว้ที่เดิมไม่ต้องขนย้ายไปไหนพอน้ำลดเปิดออกมาจะไม่มีอะไรเสียหายเลยครับ
ผมว่าพวกเราโชคดีที่ได้ติดน้ำกลับเมืองไทยไม่ได้อยู่ที่เว้ ได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาเขาผ่านภัยพิบัติซึ่งเกิดขึ้นทุกปีร้ายแรงกว่าบ้านเราอีกแต่ก็เสียหายไม่มากเพราะเขารู้วิธีที่จะดำรงชีวิตอยู่กับภัยธรรมชาตินานนับร้อยปี
ผมจึงได้ความคิดนี้มาบอกพวกเราทุกคนว่าถ้าเรารู้ว่าน้ำจะต้องท่วมบ้านเราแน่ ให้ซื้อถุงขยะสีดำอย่างหนาใบใหญ่ๆเอาซ้อนกัน 2 ชั้นเอาของใช้ถ้วยจานชามเสื้อผ้าแพ็คใส่ถุงมัดปากให้แน่นวางไว้ที่เดิมไม่ต้องขนย้ายไปไหนเพราะบางทีบางบ้านมีแค่ชั้นเดียวขนย้ายขึ้นไปข้างบนไม่ได้ก็เอาไว้ที่เดิมมัดปากให้แน่นถ้ายังอยู่ได้ก็อยู่อยู่ไม่ได้ก็ย้ายออกไปหาที่อยู่ที่ปลอดภัยก่อนปิดบ้านไว้เมื่อกลับมาเปิดถุงของใช้ไม่เสียหายเลยครับ
ดังนั้นจึงขอให้ทุกท่านที่คิดว่าบ้านจมน้ำข้าวของจะเสียหายรีบไปหาซื้อถุงดำถุงขยะชนิดหนาใบใหญ่ๆเอามาซ้อนกัน 2 ใบแล้วก็เอาของที่ไม่ได้ใช้แล้วจะเสียหายเอาใส่ถุงดำมัดปากให้แน่นตั้งวางไว้ที่เดิมไม่ต้องเคลื่อนย้ายไปไหนอยู่จนกว่าจะอยู่ไม่ได้ ถ้าน้ำมาเราอยู่บ้านไม่ได้ออกไปหาที่อยู่ใหม่ปิดบ้านไว้กลับมาเข้าของไม่เสียหายเลยครับ
ทำทันทีนะครับรีบออกไปซื้อถุงดำใบใหญ่ถุงขยะมาเตรียมแพ็คของไว้เลยครับสาธุขอให้ทุกท่านปลอดภัยนะครับ
ผมคงลำบากนิดหน่อยเพราะมาม่าเจที่เตรียมมาอยู่ได้วันนี้อีกวันเดียวกำลังให้คนออกไปซื้อคงต้องอยู่ที่นี่อีก 2-3 วันจึงจะกลับเมืองไทยได้ครับ
ผมเป็นห่วงเมืองไทยมากอยากจะรีบกลับไปเพื่อช่วยกันแก้ปัญหาภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งนี้
โชคดีที่ต้องติดน้ำอยู่ที่เว้จึงได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่การเอาตัวรอดของพวกเขา จะได้เป็นแนวทางการศึกษาการมีชีวิตอยู่กับภัยพิบัติและการอยู่รอดปลอดภัยโดยข้าวของเสียหายน้อยที่สุด
เราได้ศึกษาการเอาชีวิตรอดจากภัยพิบัติจากคนที่อยู่กับภัยพิบัติมาตลอดนับร้อยปีรีบไปซื้อถุงดำขยะชนิดหนาใบใหญ่พร้อมเชือกมาเตรียมไว้เลยนะครับทุกท่าน.
รีบลุกล้าง หน้าตา พร้อมหวีผม
พูดกับแม่ ได้ไปเที่ยว แสนรื่นรมย์
แม่จัดเตรียม น้ำและนม ขนมชอบ
ถึงโรงเรียน รถคันใหญ่ จอดต่อหน้า
บอกแม่จ้า รถสวยมาก แม่เห็นไหม
ก้าวขึ้นรถ พร้อมโบกมือ ยิ้มทักทาย
รีบเร่งไป ถึงที่นั่ง ชะโงกดู
เวลาสาย ถึงยาม จะได้กลับ
แม่รอรับ ตั้งตา มาตอนไหน
ได้ยินข่าว แม่ล้มทรุด แทบขาดใจ
พญาเพลิง เผาไหม้ ไร้วิญญาณ
โอ้ลูกจ้า ทำไมฟ้า ถึงกลั่นแกล้ง
มายื้อแย่ง พลัดพราก จากอกฉัน
เป็นนางฟ้า เทวดา บนเทวัญ
ฝากดวงจันทร์ ส่งทาง ฟากฟ้าไกล....
...ผมเขียนไป น้ำตาไหลไป....
บทความ ประภาส ศรีระวงค์ ขอน้อมจิตส่งดวงวิญญาณ เด็กๆและครูทุกท่านไปสู่ภพภูมิที่ดีด้วยเถิด....
สวัสดียามเย็นๆ ที่แสนเศร้ากับเรื่องราวต้อนรับงบประมาณใหม่ ๒๕๖๘ ทำไมเราจึงต้องมาพบกับเรื่องราวแบบนี้ ขอทีนะสวรรค์จะทำอะไร ๆ ก็ทำกับคนใหญ่คนโตเถอะ หญ้าแพรกอย่างพวกเราอย่าเลย ยอมรับมัน sensitive กับคนที่มีลูกมีหลานเล็ก ๆ ขนาดนายกท่านยังกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เพราะท่านก็มีลูกเล็ก ๆ ด้วย
สืบเนื่องจากภัยพิบัติน้ำท่วมแม่สาย แม่อาย แพร่ ฯ ลามมาถึงเขตปากกองสารภีบ้านผมขณะที่นั่งเขียนเรื่องราวน้ำยังขังในหลาย ๆ พื้นที่ ผมไปเจอบทความพิจารณาแล้ว มันน่าจะมีประโยชน์ ขอนำมาเผยแพร่เป็นวิทยาทานเพื่อเตรียมรับมือ ในโอกาสต่อไป ดังนี้
ผมเพิ่งรู้...( 27 กันยายน 2567)
ชาวเวียดนามรักษาทรัพย์สินจากน้ำท่วมได้ยังไง ไปดูกัน
ผมและคณะยังติดน้ำท่วมอยู่ที่เมืองเว้ รถตู้กลับออกไปไม่ได้แต่คิดว่าประมาณ 2-3 วันน้ำลดคงกลับเมืองไทยได้
ผมได้คุยกับพนักงานของโรงแรมซึ่งเขาเคยไปทำงานอยู่ที่ประเทศไทยพูดไทยได้ชัด เขาดูข่าวทางทีวีเห็นที่แม่สายเจ้าของร้านและชาวบ้านร้องไห้กันเพราะข้าวของเครื่องใช้สินค้าที่วางขายจมน้ำหมดเปรอะเปื้อนโคลนเสียหายมากมายเอาออกมาเร่ขายราคาถูกมากเพียงชิ้นละ 20 บาทเท่านั้น
เขาบอกผมว่าถ้าเป็นที่เวียดนามจะไม่มีอะไรเสียหายเลย เวียดนามผจญกับพายุไต้ฝุ่นทุกปีแตข้าวของสินค้าของเขาไม่เสียหายทั้งที่จมน้ำหมด เขาบอกผมว่าดูที่ร้านขายสินค้าเห็นมีแต่ถุงดำกองเต็มร้าน เขาบอกว่านั่นไม่ใช่ถุงขยะเป็นสินค้าที่เขาขายเมื่อเกิดน้ำท่วมเขาจะซื้อถุงขยะสีดำชนิดหนาใบใหญ่ๆเอาซ้อนกัน 2 ใบแล้วเอาสินค้าเสื้อผ้าของใช้ใส่ในถุงมัดด้วยเชือกจนแน่นเอากองไว้ที่เดิมเมื่อน้ำท่วมสินค้าพวกนี้จะไม่เปียกไม่เสียหายไม่ต้องขนย้ายไปไหนให้เหนื่อยพอน้ำลดเปิดถุงออกมาสินค้าก็ยังเป็นปกติไม่เสียหายเลย
เขาบอกผมว่าเขาเสียดายมากทำไมพวกเราไม่เอาสินค้าเสื้อผ้าหมวกกระเป๋าเครื่องไฟฟ้าใส่ถุงขยะซ้อนกัน 2 ชั้นมัดปากให้แน่นแล้วเอากองไว้ที่เดิมไม่ต้องขนย้ายไปไหนพอน้ำลดเปิดออกมาจะไม่มีอะไรเสียหายเลยครับ
ผมว่าพวกเราโชคดีที่ได้ติดน้ำกลับเมืองไทยไม่ได้อยู่ที่เว้ ได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาเขาผ่านภัยพิบัติซึ่งเกิดขึ้นทุกปีร้ายแรงกว่าบ้านเราอีกแต่ก็เสียหายไม่มากเพราะเขารู้วิธีที่จะดำรงชีวิตอยู่กับภัยธรรมชาตินานนับร้อยปี
ผมจึงได้ความคิดนี้มาบอกพวกเราทุกคนว่าถ้าเรารู้ว่าน้ำจะต้องท่วมบ้านเราแน่ ให้ซื้อถุงขยะสีดำอย่างหนาใบใหญ่ๆเอาซ้อนกัน 2 ชั้นเอาของใช้ถ้วยจานชามเสื้อผ้าแพ็คใส่ถุงมัดปากให้แน่นวางไว้ที่เดิมไม่ต้องขนย้ายไปไหนเพราะบางทีบางบ้านมีแค่ชั้นเดียวขนย้ายขึ้นไปข้างบนไม่ได้ก็เอาไว้ที่เดิมมัดปากให้แน่นถ้ายังอยู่ได้ก็อยู่อยู่ไม่ได้ก็ย้ายออกไปหาที่อยู่ที่ปลอดภัยก่อนปิดบ้านไว้เมื่อกลับมาเปิดถุงของใช้ไม่เสียหายเลยครับ
ดังนั้นจึงขอให้ทุกท่านที่คิดว่าบ้านจมน้ำข้าวของจะเสียหายรีบไปหาซื้อถุงดำถุงขยะชนิดหนาใบใหญ่ๆเอามาซ้อนกัน 2 ใบแล้วก็เอาของที่ไม่ได้ใช้แล้วจะเสียหายเอาใส่ถุงดำมัดปากให้แน่นตั้งวางไว้ที่เดิมไม่ต้องเคลื่อนย้ายไปไหนอยู่จนกว่าจะอยู่ไม่ได้ ถ้าน้ำมาเราอยู่บ้านไม่ได้ออกไปหาที่อยู่ใหม่ปิดบ้านไว้กลับมาเข้าของไม่เสียหายเลยครับ
ทำทันทีนะครับรีบออกไปซื้อถุงดำใบใหญ่ถุงขยะมาเตรียมแพ็คของไว้เลยครับสาธุขอให้ทุกท่านปลอดภัยนะครับ
ผมคงลำบากนิดหน่อยเพราะมาม่าเจที่เตรียมมาอยู่ได้วันนี้อีกวันเดียวกำลังให้คนออกไปซื้อคงต้องอยู่ที่นี่อีก 2-3 วันจึงจะกลับเมืองไทยได้ครับ
ผมเป็นห่วงเมืองไทยมากอยากจะรีบกลับไปเพื่อช่วยกันแก้ปัญหาภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งนี้
โชคดีที่ต้องติดน้ำอยู่ที่เว้จึงได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่การเอาตัวรอดของพวกเขา จะได้เป็นแนวทางการศึกษาการมีชีวิตอยู่กับภัยพิบัติและการอยู่รอดปลอดภัยโดยข้าวของเสียหายน้อยที่สุด
เราได้ศึกษาการเอาชีวิตรอดจากภัยพิบัติจากคนที่อยู่กับภัยพิบัติมาตลอดนับร้อยปีรีบไปซื้อถุงดำขยะชนิดหนาใบใหญ่พร้อมเชือกมาเตรียมไว้เลยนะครับทุกท่าน.
- ไฟล์แนบ
-
- 461011016_396505300165919_6532502467370840043_n.jpg (90.77 KiB) เข้าดูแล้ว 1219 ครั้ง
-
- ขอร่วมไว้อาลัยกับครอบครัวผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ และขอให้ทุกดวงวิญญาณจงสถิตสู่สรวงสวรรค์ อย่าได้มีอะไรติดข้องในใจไปด้วยดี ด้วยเทอญ
- 461014264_410251675440389_1901238739710848608_n.jpg (84.06 KiB) เข้าดูแล้ว 1219 ครั้ง
แก้ไขล่าสุดโดย Deang-sarapee เมื่อ 03 ต.ค. 2024, 12:28, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4439
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
สวัสดียามสายๆ ครับ ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพและญาติธรรมที่รักทุกท่าน ใน fb.ได้ขึ้นความจำในอดีตเมื่อวันที่ ๑ ต.ค.๖๔ เป็นวันวิปโยคสำหรับครอบครัวเราที่ถูกต้นยางต้นที่ ๕๘ ล้มทับความเสียหายมากมาย โชคดี(หรือร้าย?)ที่เราไม่เสียชีวิตอีกเพียงเสี้ยวนาที ! บุญเราคงมีที่จะต้องอยู่เพื่อสร้างบารมีให้มากยิ่ง ๆ ขึ้น ก็ขอบคุณสวรรค์ในวันนั้นครับ และขออนุญาติพื้นที่รำลึกความหลังกับตุลาอาถรรพ์ไม่คิดจริง ๆ ว่าเราจะมามีส่วนร่วมกับเดือนตุลาคมกับเขาด้วยเช่นกัน!!!
เรียกร้องแก้ปัญหาต้นยางนาถนนสาย ชม.-ลพ.
เรียกร้องแก้ปัญหาต้นยางนาถนนสาย ชม.-ลพ.
- ไฟล์แนบ
-
- หรือนี่คือ...ตุลาอาถรรพ์ ? แปลกนะ..เราทำไมถึงต้องมามีอาถรรพ์กับเขาในเดือนนี้ด้วย ๕๕๕.
- 461068937_549228510901517_7795804480052473931_n.jpg (47.68 KiB) เข้าดูแล้ว 1184 ครั้ง
-
- เป็นความโชคดีที่ต้นยางไม่ล้มทับตรง ๆ แต่เขาเบี่ยงต้นล้มลงตามช่องว่างของบ้าน ทำให้เราไม่ถึงกับไร้ที่อยู่อาศัยหลับนอน ยังมีบ้านปูนที่ไม่ได้รับความเสียหาย ส่วนบ้านไม้สมัย ๖๐ กว่าปีที่แม่ใหญ่สร้างไว้และเรามาปรับปรุงให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นไม่เหลือ ครับ(เสียดาย) แต่รถยนต์ ๓ คันพังเสียหายต้องรีบดำเนินการซ่อมเพื่อให้มีใช้ ต้องขอบคุณบริษัทโตโยต้า ลพ.ที่เข้ามาเร่งรีบจัดการให้โดยด่วนเป็นกรณีพิเศษ ขอบคุณจริง ๆ
-
- ขอบคุณน้ำใจไมตรีจากเพื่อน ๆ และส่วนราชการทุกหน่วยงานที่เข้ามาดูแลเป็นกำลังใจ และขอบคุณทาง อบจ.ที่ช่วยค่าซ่อมแซมอย่างเต็มที่แม้จะได้ ๑/๔ ก็ยังดี คิดเสียว่าเคราะห์กรรมของเรา ชดใช้วิบากกรรมให้หมดให้สิ้นไม่ต้องมาติดขัด ข้อง ไปในภพชาติต่อ ๆ ไป จบกันแค่นี้นะ !!
- 461313401_1240889927064450_3336824826373105735_n.jpg (169.79 KiB) เข้าดูแล้ว 1184 ครั้ง
-
- cats27.jpg (120.53 KiB) เข้าดูแล้ว 1184 ครั้ง
-
- cats28.jpg (144.5 KiB) เข้าดูแล้ว 1184 ครั้ง
-
- DSC_1833.JPG (108.05 KiB) เข้าดูแล้ว 1184 ครั้ง
-
- cats30.jpg (131.38 KiB) เข้าดูแล้ว 1184 ครั้ง
-
- ลี้ (ไทยถิ่นเหนือ: ) เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดลำพูน มีเนื้อที่เกือบครึ่งหนึ่งของจังหวัด เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และยังมีโบราณสถานหลายแห่งน่าเที่ยวชม เป็นอำเภอที่มีความเจริญอันดับที่ 2 รองจาก อำเภอเมืองลำพูน และพื้นที่ 1 ใน 3 เป็นพื้นที่เดิมของอำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก (ตำบลก้อ เนื้อที่ 531.9 ตารางกิโลเมตร)
อำเภอลี้ คำขวัญ น้ำตกเย็นใส น้ำใจคนดี มีเหมืองถ่านหิน เป็นถิ่นนักบุญ
ที่อยู่ที่ว่าการอำเภอ เลขที่ 29 หมู่ 4 ถนนพหลโยธิน ต.ลี้ อ.ลี้ จ.ลำพูน
หมายเลขโทรศัพท์ 053-979773
หมายเลขโทรสาร 053-979773
เว็บไซต์ http://www.amphoeli.go.th - DSC_1826.JPG (142.75 KiB) เข้าดูแล้ว 1184 ครั้ง
- ลี้ (ไทยถิ่นเหนือ: ) เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดลำพูน มีเนื้อที่เกือบครึ่งหนึ่งของจังหวัด เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และยังมีโบราณสถานหลายแห่งน่าเที่ยวชม เป็นอำเภอที่มีความเจริญอันดับที่ 2 รองจาก อำเภอเมืองลำพูน และพื้นที่ 1 ใน 3 เป็นพื้นที่เดิมของอำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก (ตำบลก้อ เนื้อที่ 531.9 ตารางกิโลเมตร)
-
- DSC_1843.JPG (56.9 KiB) เข้าดูแล้ว 1184 ครั้ง
-
- วันนั้นเรียกว่าพาปั่นซะเหนื่อยสุด ๆ ก่อนอาบน้ำอาบท่า ขออนุญาตุพักผ่อนตากแอร์ดูทีวี สบาย ๆ และหลังจากทานมื้อเย็น ณ ห้องพัก(ซื้อติดมาด้วย) ก็พักผ่อนเตรียมตัวผจญภัยใยวันต่อไป ซึ่งคุณย่าได้เตรียมการไว้ให้แล้ว ก่อนที่จะนอนต้อง สวดมนต์ นั่งภาวนา เอาบุญซะก่อนเป็นประจำ ซึ่งหนูน้อยก็ไม่อิดออดเต็มใจสวด เต็มใจทำสมาธิ ก็ขอให้บุญกุศลรักษาหนูให้เป็นเด็กดีของบ้านเมืองเจริญ ๆ ยิ่งขึ้นนะ สาธุ สาธุ สาธุ.
- 461435576_1069684494653558_2128080636772020942_n.jpg (16.21 KiB) เข้าดูแล้ว 1174 ครั้ง
-
- เช้าของวันที่ ๑๑ ส.ค.๖๗ ตื่นกันตามปกติค่อนจะสายนิดนึง ๕๕ (๐๗๐๐น.) อาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อยพากันไปทานมื้อเช้าที่ทาง รร.จัดเตรียมไว้ให้
- DSC_1845.JPG (132.15 KiB) เข้าดูแล้ว 1174 ครั้ง
-
- DSC_1848.JPG (120.22 KiB) เข้าดูแล้ว 1174 ครั้ง
-
- DSC_1852.JPG (87.54 KiB) เข้าดูแล้ว 1174 ครั้ง
-
- ต้องขอบคุณทาง รร.ที่ทราบว่าเราทานมังสวิรัติ ได้จัดเตรียมผัดผักแสนอร่อยไว้ให้เรา(เสริมจากอาหารเช้าแบบฝรั่ง) เราเลยเลือกฉลองศรัทธาทานผัดผักกับข้าวสวยอิ่มแปร้ ใครไป อ.ลี้ อย่าลืมไปพักที่ ต้นปาล์ม รีสอร์ท คุณจะไม่ผิดหวังครับ ราคาจับต้องได้ น้ำใจล้นเหลือ ให้คำปรึกษาดี
ในขณะที่เราทานมื้อเช้า คุณนายก็โทรติดต่ออุทยานแม่ปิง เพื่อที่จะจองห้องพักสำหรับคืนที่ ๑๑ ส.ค.นี้ ปรากฏว่าได้รับคำแนะนำจากทางอุทยานว่า "ช่วงนี้ทางอุทยานไม่น่าเที่ยว เพราะน้ำแห้ง" ไม่มีอะไรน่าชม แนะนำไม่ควรเข้าไป และยังแนะนำให้เราไปเที่ยวที่อื่นแทน - DSC_1849.JPG (97.61 KiB) เข้าดูแล้ว 1174 ครั้ง
- ต้องขอบคุณทาง รร.ที่ทราบว่าเราทานมังสวิรัติ ได้จัดเตรียมผัดผักแสนอร่อยไว้ให้เรา(เสริมจากอาหารเช้าแบบฝรั่ง) เราเลยเลือกฉลองศรัทธาทานผัดผักกับข้าวสวยอิ่มแปร้ ใครไป อ.ลี้ อย่าลืมไปพักที่ ต้นปาล์ม รีสอร์ท คุณจะไม่ผิดหวังครับ ราคาจับต้องได้ น้ำใจล้นเหลือ ให้คำปรึกษาดี
-
- อุทยานแห่งชาติแม่ปิง เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 32 ของประเทศ มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน และอำเภอสามเงา จังหวัดตาก มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่อุดมไปด้วย ทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้และสัตว์ป่า นอกจากนี้ยังมีทิวเขาทอดยาวสลับซับซ้อนทำให้เกิดลำห้วยน้อยใหญ่มากกว่าสิบสาขาไหลลงสู่แม่น้ำปิง จนเกิดเป็นทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม โดยเฉพาะพื้นที่ป่าตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายของลำน้ำปิงตอนเหนือของอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล โดยภายในเขตอุทยานแห่งชาติแม่ปิงมีพื้นที่บางส่วนเป็นลำน้ำปิง มีความยาวประมาณ 140 กิโลเมตร และสองฝั่งแม่น้ำเป็นเกาะแก่ง หน้าผา หินงอก และหินย้อย
สำหรับพื้นน้ำส่วนที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่ปิง เริ่มจากอำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ ไหลลัดเลาะตามหุบเขา โตรกผา ลงมาทางทิศใต้จนถึงตอนบนของอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนภูมิพล อำเภอสามเงา จังหวัดตาก มีความยาวประมาณ 100 กิโลเมตร ความกว้างโดยเฉลี่ยของลำน้ำแม่ปิงประมาณ 500 เมตร ความลึกโดยเฉลี่ยประมาณ 30 เมตร ส่วนที่กว้างที่สุดของลำน้ำแม่ปิงในเขตอุทยานแห่งชาติ อยู่ทางตอนใต้บริเวณเหนืออ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล เขตอำเภอสามเงา จังหวัดตาก มีความกว้างประมาณ 6 กิโลเมตร โดยทั่วไปชาวบ้านเรียกว่า “บ่อลม” และ “พระบาทห้วยห้าง”
สถานที่ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติแม่ปิง
จุดชมวิวผาแดงหลวง เป็นจุดชมวิวแม่น้ำปิงที่ไหลลัดเลาะเลียบผ่านขุนเขาน้อยใหญ่เรื่อยไปจนถึงอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก ด้วยความที่ตั้งอยู่บนความสูงที่ระดับ 1,000 เมตร ทำให้สามารถชมทัศนียภาพได้กว้างไกลสุดสายตา อีกทั้งยังชมพระอาทิตย์ขึ้นที่เรียกได้ว่าสวยอันซีนแห่งหนึ่งของไทยก็ว่าได้ โดยช่วงเดือนที่เหมาะสมในการท่องเที่ยวอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม การเดินทางด้วยรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ
แหล่งท่อง้ที่ยวอุทยานแห่งชาติแม่ปิง
ทุ่งกิ๊ก ทุ่งหญ้าธรรมชาติกว้างใหญ่ มีพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณ จึงเป็นแหล่งอาศัยหากินของสัตว์ป่า ในช่วงฤดูแล้ง (เดือนมีนาคม-พฤษภาคม) ดอกไม้ป่าหลายชนิดจะพากันบานเต็มทุ่งงดงามมาก ส่วนในช่วงฤดูหนาวจะมีอากาศเย็น และมีหมอกปกคลุมในตอนเช้า เหมาะแก่การตั้งแคมปิ้งเพลิน ๆ รวมถึงมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ดูนก และเป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้เหลืองแม่ปิงอีกด้วย
น้ำตกก้อหลวง น้ำตกที่มีความสวยงามมาก เกิดจากลำห้วยแม่ก้อไหลผ่านเทือกเขาหินปูนลดหลั่นลงมา 7 ชั้น สู่แอ่งน้ำขนาดใหญ่เบื้องล่าง บริเวณหน้าผาริมน้ำตกยังเกิดหินงอกหินย้อยสวยงาม มีน้ำไหลตลอดปี ตัวน้ำตกอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1087 ประมาณ 26 กิโลเมตร ผ่านบ้านก้อแล้วเลี้ยวซ้ายไปหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่มป.1 (น้ำตกก้อหลวง) จากนั้นเดินต่อไปอีก 500 เมตร ก็จะถึง อุทยานแห่งชาติแม่ปิง
น้ำตกตาดสะดอ น้ำตกที่อยู่ในเส้นทางเดียวกับน้ำตกก้อหลวง ที่ไหลขนานมากับทางเดินเท้า และไหลตกลงมาจากผาหิน สูงประมาณ 15 เมตร ลงมายังแอ่งน้ำสีมรกต บริเวณหน้าผาซึ่งเป็นหินปูนอ่อนสีน้ำตาล สายน้ำได้ชะเอาหินปูนมาสะสมทำให้เกิดลานหินงอกออกมาคล้ายหินย้อยดูแปลกตา
น้ำตกก้อน้อย น้ำตกที่ตั้งอยู่กลางป่า ร่มรื่นและมีความเป็นธรรมชาติมาก จากบริเวณทุ่งกิ๊กเข้าไปอีก 9 กิโลเมตร น้ำใสสะอาด ใกล้ ๆ กันเป็นที่ตั้งของจุดชมวิวก้อน้อยที่มองเห็นทิวเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อน สามารถชมทะเลหมอกที่สวยงามได้
แก่งก้อ ทะเลสาบที่เป็นส่วนหนึ่งของอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดลำพูน ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่ปิง ประมาณ 24 กิโลเมตร แต่เดิมที่นี่เป็นจุดที่ห้วยแม่ก้อไหลลงสู่แม่น้ำปิง แต่ภายหลังการสร้างเขื่อนภูมิพลระดับน้ำได้สูงท่วมพื้นที่จนกลายเป็นทะเลสาบที่มีทัศนียภาพอันงดงาม นักท่องเที่ยวนิยมพักเรือนแพและนั่งเรือชมความงามของหน้าผาหินปูนและธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยและป่าเบญจพรรณริมฝั่งน้ำ
อีกทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินทางไปเยือนสถานที่อื่น ๆ เช่น โรงเรียนเรือนแพ หรือห้องเรียนสาขาของโรงเรียนบ้านก้อจัดสรร ที่เปิดการเรียนการสอนให้กับลูกหลานชาวแพประมงที่อาศัยอยู่แม่น้ำปิง บริเวณอุ้มปาด ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่ปิง ประมาณ 34 กิโมตรเมตร, ถ้ำช้างร้อง, วัดพระธาตุแก่งสร้อย, พระธาตุผาไข่อินแขวน และเขื่อนภูมิพล เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก K@KapookTRAVEL
เป็นอันว่าความฝันของเด็กน้อยที่จะได้ชมธรรมชาติ ต้องพังทลาย บอกหนูว่าไม่เป็นไรไว้หนาวหน้าจะพามาอีกครั้ง ครั้งนี้เราตั้งใจมากราบ ๓ ครูบา สวรรค์คงให้เรามาทำบุญจริง ๆ ไม่ต้องเสียใจนะครับ - 373000707_952487492483849_8173748984650649807_n.jpg (51.28 KiB) เข้าดูแล้ว 1174 ครั้ง
- อุทยานแห่งชาติแม่ปิง เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 32 ของประเทศ มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน และอำเภอสามเงา จังหวัดตาก มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่อุดมไปด้วย ทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้และสัตว์ป่า นอกจากนี้ยังมีทิวเขาทอดยาวสลับซับซ้อนทำให้เกิดลำห้วยน้อยใหญ่มากกว่าสิบสาขาไหลลงสู่แม่น้ำปิง จนเกิดเป็นทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม โดยเฉพาะพื้นที่ป่าตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายของลำน้ำปิงตอนเหนือของอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล โดยภายในเขตอุทยานแห่งชาติแม่ปิงมีพื้นที่บางส่วนเป็นลำน้ำปิง มีความยาวประมาณ 140 กิโลเมตร และสองฝั่งแม่น้ำเป็นเกาะแก่ง หน้าผา หินงอก และหินย้อย
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4439
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
สวัสดีครับท่านผู้มีเกียรติที่เคารพและญาติธรรมที่รักทุกท่าน ๕-๖ วันมานี้ผมยุ่งและวุ่นวายอยู่กับการเฝ้าระวังมวลน้ำที่ทะลักมาจากทางเหนือ(ฝนที่ตกหนัก) เชื่อและมั่นใจว่า สารภี ปากกอง ไม่รอดแน่ ๆ ทางใดที่จะทำให้ความเสียหายน้อยที่สุด ต้องทำ..
ผมสงสารคุณนายผมครับ "กังวล วิตก ลึก ๆ เหมือนจิตตก" ก็ไม่ซ้ำเติมค่อย ๆ ดูแลถนอมจิตใจกันไป ส่วนผมผ่านเรื่องราวร้าย ๆ มามาก(กว่านี้ก็ยังมี) จึงไม่สักเท่าไหร่ สิ่งที่ทำได้(สำหรับผม)คือผมจะอยู่ในสมาธิภาวนาตลอดทั้งลืมตาและหลับตาครับ(ทุกอิริยาบท)
ถ้าเป็นพระเมื่อเอ่ยคำใด ๆ ที่เป็นอภินิหารเหลือเชื่อ ฯ จะถูกนินทาว่ากล่าวและในวินัยของพระถือเป็น"อาบัติ"(พระพุทธเจ้าทรงห้ามขาด)ในส่วนของฆราวาสไม่มีเอ่ยถึง แต่ถ้าเคร่งครัดจริงถือว่าจำเป็น
สมัยที่ผมไปปฏิบัติธรรมอยู่กับแม่รุ้ง (พระภิกษุณี นันทญาณี รุ้งเดือน สุวรรณ) ท่านเมตตาและบอกกับผมว่า "ชีวิตเลวร้ายที่ผ่านมาของผม มันควรบันทึกไว้เพื่อเด็ก ๆ รุ่นหลังจะได้นำไปเป็นข้อคิด แบบอย่าง อย่าอาย อย่าเก็บไว้..ความเลวร้ายของเรา เล่าไปเลย..เป็นการสร้างบุญบารมีและสอนใจตนเองไปด้วย"
จากนั้นเวลาไปบรรยาย..ไปปั่นท่องเที่ยว..มีโอกาส(พบปะผู้คน)ไม่ลืมที่จะเล่าเรื่องราวทั้ง ดี เลว ตามแต่สถานการณ์จะพาไป เพื่อสร้างบุญบารมีให้กับตัวเอง ตามที่พระอาจารย์บอกสอน วันนี้ขออนุญาตุบอกกล่าวเรื่องราวเหลือเชื่อ "เชิงอวดอุตริฯ (แต่มันเรื่องจริง) ให้ฟังเพื่อเป็นแรงบันดาลใจครับ"
๑ ต.ค.๖๗ เรื่องราวเก่าใน fb.ได้ย้อนรำลึก(ต้นยางล้มทับบ้าน)ให้เห็นความสูญเสียเมื่อ ๑ ต.ค.๖๔ เป็นเรื่องเศร้ามาก ๆ แต่เราก็ผ่านมาได้
เหตุการณ์สะเทือนใจน้ำท่วมแม่สาย เชียงราย แม่อาย ท่าตอน ฝาง ซึ่งเป็นถิ่นที่ผมทำงานมานานหลายสิบปี และสุดท้าย เชียงใหม่ สารภี ปากกอง ซึ่งเป็นที่อยู่ปัจจุบันต้องมาเจอเคราะห์กรรมไม่แตกต่าง จนกระทั่งขณะที่นั่งจิ้มแป้นเล่าเรื่องราว สถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย หลาย ๆ แห่งน้ำเริ่มส่งกลิ่นแล้ว
ปกติผมจะเจริญภาวนาเพื่อทำจิตให้สงบ ร่มเย็น (ในห้องหนังสือ) โดยตื่นแต่ตี ๓ เป็นประจำ เมื่อเช้าของวันที่ ๖ ต.ค.ตื่นเข้าสมาธิภาวนาตามปกติ ในสมาธิเมื่อจิตรวมตัวสู่ภาวะสงบเต็มที่(อัปปนาสมาธิ) ปรากฏเห็นมวลน้ำสีขุ่นคลั่กขนาดมหึมา ถาโถมมาทางทิศตะวันตกเฉียงเหมือมาทางบ้าน
ก่อนถึงบ้านสักประมาณ ๒ กม.น้ำทุ่มตัวเสียงดังมาก(ตกใจครับ..) คุมสติ เพ่งมองมวลน้ำขนาดใหญ่บิดตัวพุ่งตรงไปทางขวามือออกทางซุปเปอร์ไฮเวย์ มวลน้ำที่เหลือไม่มากพุ่งมาทางบ้านผม ผมรีบออกสมาธิเดินออกจากห้องหนังสือไปหลังบ้าน ไปตรวจดูระดับน้ำในลำเหมืองขึ้นมานิดนึง
เวลาขณะนั้นน่าจะตี ๔ กว่า ๆ อุทัยสามีแม่หลวง(ผู้ใหญ่บ้าน)ขี่มอเตอร์ไซด์มาหลังบ้าน พร้อมถุงทราย คุณนายแกก็ตื่นจากภาวนาในห้องเช่นกัน ลงมาสมทบก็ทราบว่าขณะนี้มวลน้ำทะลักมาถึงบ้านแล้ว ฝั่งขวาโดยเฉพาะบ้านแม่หลวงน้ำเริ่มเจิ่งนอง(บ้านอุทัยแม่หลวงห่างบ้านเราไปแค่ซอยเดียว) แค่นั้นละได้เรื่อง "คุณนายสั่งการ ให้ผมรีบนำรถยนต์ ๓ คันขึ้นไปจอดบนถนนเดี๋ยวนี้..."
ผมอิดออด ๆ ไม่คิดจะทำอะไร เฉย ๆ เพราะรู้อยู่แล้วว่า "บ้านเราไม่โดนแน่ปลอดภัย มวลน้ำใหญ่ไปทางขวาออกไฮเวย์ไปแล้ว ที่มาแค่หางน้ำนิดหน่อย" นอกจากจะให้นำรถไปไว้ จากนั้นก็มายกเครื่องซักผ้า ฯ เตรียมหนีน้ำ ผมก็บอก "รับประกันน้ำไม่เข้าบ้านเรานะ" ก็โดนเอ็ด..หาว่าประมาท..(โห..)
เพื่อถนอมน้ำใจและไม่ชวนทะเลาะ ก็ทำเท่าที่ใจอยากทำ ส่วนคุณนายแกพร้อมจริง ๆ ทำโน่น นี่ นั่น ตามความคิด เพื่อให้รอดจากน้ำ เห็นแล้ว "สงสารในใจ..แกคงเหนื่อย" แต่ก็ข่มใจไม่ทะเลาะกัน ต่างคนต่างทำ ผมก็พยายามห่าง ๆ คุณนายไว้ ๕๕๕
ตลอดทั้งวันของวันที่ ๖ ต.ค.ผมเฝ้าระวังน้ำ ส่วนคุณนายสาย ๆ ก็ออกไปตระเวนดูตามที่ต่าง ๆ ใกล้ ๆ ระแวกบ้านและช่วยกับชาวบ้านขยายลำเหมืองหลังบ้าน ให้น้ำไหลคล่องตัวขึ้นและใกล้เที่ยงกลับมาทำอาหารไปแจกจ่ายกับจิตอาสาที่หิวข้าว ผมก็ช่วยทำอาหารให้ สรุปตลอดทั้งวันที่ ๖ น้ำขึ้นปริ่ม ๆ ลำเหมืองแต่ไม่ล้น ทุก ๆ ชม.ผมจะไปตรวจวัดระดับน้ำหลังบ้าน(ไม่ประมาทครับ)
ขณะนี้ ๗๑๑๐๐ ต.ค.๖๗ น้ำยังทรงตัวมีแนวโน้มลดลง ๆ บ้านผมน้ำไม่ท่วมครับ แต่รอบ ๆ บ้านโดนกันทุกหลัง ขอบคุณสวรรค์ครับ
ยาย 71 ปี จมน้ำระหว่างกู้ภัยช่วยออกจากบ้าน..ไทยพีบีเอส | 7 ต.ค. 67
สุดทึ่ง! 'โรงแรมแชงกรีลา' เตรียมพร้อมดี รอดน้ำท่วมเชียงใหม่
ขณะนี้อินเทอร์เน็ตน่าจะมีปัญหาพยายามลงภาพ ภาพไม่ขึ้นเลยครับ เอาแค่นี้ ติดไว้เมื่อเน็ตพร้อมจะกลับมานำภาพให้ได้ชมนะครับ.....ช่วงเย็นอินเทอร์เน็ตดีได้เข้ามาเพิ่มเติมภาพแต่ก็ไม่จุใจ ๕๕๕ ตามสถานการณ์ครับ
ผมสงสารคุณนายผมครับ "กังวล วิตก ลึก ๆ เหมือนจิตตก" ก็ไม่ซ้ำเติมค่อย ๆ ดูแลถนอมจิตใจกันไป ส่วนผมผ่านเรื่องราวร้าย ๆ มามาก(กว่านี้ก็ยังมี) จึงไม่สักเท่าไหร่ สิ่งที่ทำได้(สำหรับผม)คือผมจะอยู่ในสมาธิภาวนาตลอดทั้งลืมตาและหลับตาครับ(ทุกอิริยาบท)
ถ้าเป็นพระเมื่อเอ่ยคำใด ๆ ที่เป็นอภินิหารเหลือเชื่อ ฯ จะถูกนินทาว่ากล่าวและในวินัยของพระถือเป็น"อาบัติ"(พระพุทธเจ้าทรงห้ามขาด)ในส่วนของฆราวาสไม่มีเอ่ยถึง แต่ถ้าเคร่งครัดจริงถือว่าจำเป็น
สมัยที่ผมไปปฏิบัติธรรมอยู่กับแม่รุ้ง (พระภิกษุณี นันทญาณี รุ้งเดือน สุวรรณ) ท่านเมตตาและบอกกับผมว่า "ชีวิตเลวร้ายที่ผ่านมาของผม มันควรบันทึกไว้เพื่อเด็ก ๆ รุ่นหลังจะได้นำไปเป็นข้อคิด แบบอย่าง อย่าอาย อย่าเก็บไว้..ความเลวร้ายของเรา เล่าไปเลย..เป็นการสร้างบุญบารมีและสอนใจตนเองไปด้วย"
จากนั้นเวลาไปบรรยาย..ไปปั่นท่องเที่ยว..มีโอกาส(พบปะผู้คน)ไม่ลืมที่จะเล่าเรื่องราวทั้ง ดี เลว ตามแต่สถานการณ์จะพาไป เพื่อสร้างบุญบารมีให้กับตัวเอง ตามที่พระอาจารย์บอกสอน วันนี้ขออนุญาตุบอกกล่าวเรื่องราวเหลือเชื่อ "เชิงอวดอุตริฯ (แต่มันเรื่องจริง) ให้ฟังเพื่อเป็นแรงบันดาลใจครับ"
๑ ต.ค.๖๗ เรื่องราวเก่าใน fb.ได้ย้อนรำลึก(ต้นยางล้มทับบ้าน)ให้เห็นความสูญเสียเมื่อ ๑ ต.ค.๖๔ เป็นเรื่องเศร้ามาก ๆ แต่เราก็ผ่านมาได้
เหตุการณ์สะเทือนใจน้ำท่วมแม่สาย เชียงราย แม่อาย ท่าตอน ฝาง ซึ่งเป็นถิ่นที่ผมทำงานมานานหลายสิบปี และสุดท้าย เชียงใหม่ สารภี ปากกอง ซึ่งเป็นที่อยู่ปัจจุบันต้องมาเจอเคราะห์กรรมไม่แตกต่าง จนกระทั่งขณะที่นั่งจิ้มแป้นเล่าเรื่องราว สถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย หลาย ๆ แห่งน้ำเริ่มส่งกลิ่นแล้ว
ปกติผมจะเจริญภาวนาเพื่อทำจิตให้สงบ ร่มเย็น (ในห้องหนังสือ) โดยตื่นแต่ตี ๓ เป็นประจำ เมื่อเช้าของวันที่ ๖ ต.ค.ตื่นเข้าสมาธิภาวนาตามปกติ ในสมาธิเมื่อจิตรวมตัวสู่ภาวะสงบเต็มที่(อัปปนาสมาธิ) ปรากฏเห็นมวลน้ำสีขุ่นคลั่กขนาดมหึมา ถาโถมมาทางทิศตะวันตกเฉียงเหมือมาทางบ้าน
ก่อนถึงบ้านสักประมาณ ๒ กม.น้ำทุ่มตัวเสียงดังมาก(ตกใจครับ..) คุมสติ เพ่งมองมวลน้ำขนาดใหญ่บิดตัวพุ่งตรงไปทางขวามือออกทางซุปเปอร์ไฮเวย์ มวลน้ำที่เหลือไม่มากพุ่งมาทางบ้านผม ผมรีบออกสมาธิเดินออกจากห้องหนังสือไปหลังบ้าน ไปตรวจดูระดับน้ำในลำเหมืองขึ้นมานิดนึง
เวลาขณะนั้นน่าจะตี ๔ กว่า ๆ อุทัยสามีแม่หลวง(ผู้ใหญ่บ้าน)ขี่มอเตอร์ไซด์มาหลังบ้าน พร้อมถุงทราย คุณนายแกก็ตื่นจากภาวนาในห้องเช่นกัน ลงมาสมทบก็ทราบว่าขณะนี้มวลน้ำทะลักมาถึงบ้านแล้ว ฝั่งขวาโดยเฉพาะบ้านแม่หลวงน้ำเริ่มเจิ่งนอง(บ้านอุทัยแม่หลวงห่างบ้านเราไปแค่ซอยเดียว) แค่นั้นละได้เรื่อง "คุณนายสั่งการ ให้ผมรีบนำรถยนต์ ๓ คันขึ้นไปจอดบนถนนเดี๋ยวนี้..."
ผมอิดออด ๆ ไม่คิดจะทำอะไร เฉย ๆ เพราะรู้อยู่แล้วว่า "บ้านเราไม่โดนแน่ปลอดภัย มวลน้ำใหญ่ไปทางขวาออกไฮเวย์ไปแล้ว ที่มาแค่หางน้ำนิดหน่อย" นอกจากจะให้นำรถไปไว้ จากนั้นก็มายกเครื่องซักผ้า ฯ เตรียมหนีน้ำ ผมก็บอก "รับประกันน้ำไม่เข้าบ้านเรานะ" ก็โดนเอ็ด..หาว่าประมาท..(โห..)
เพื่อถนอมน้ำใจและไม่ชวนทะเลาะ ก็ทำเท่าที่ใจอยากทำ ส่วนคุณนายแกพร้อมจริง ๆ ทำโน่น นี่ นั่น ตามความคิด เพื่อให้รอดจากน้ำ เห็นแล้ว "สงสารในใจ..แกคงเหนื่อย" แต่ก็ข่มใจไม่ทะเลาะกัน ต่างคนต่างทำ ผมก็พยายามห่าง ๆ คุณนายไว้ ๕๕๕
ตลอดทั้งวันของวันที่ ๖ ต.ค.ผมเฝ้าระวังน้ำ ส่วนคุณนายสาย ๆ ก็ออกไปตระเวนดูตามที่ต่าง ๆ ใกล้ ๆ ระแวกบ้านและช่วยกับชาวบ้านขยายลำเหมืองหลังบ้าน ให้น้ำไหลคล่องตัวขึ้นและใกล้เที่ยงกลับมาทำอาหารไปแจกจ่ายกับจิตอาสาที่หิวข้าว ผมก็ช่วยทำอาหารให้ สรุปตลอดทั้งวันที่ ๖ น้ำขึ้นปริ่ม ๆ ลำเหมืองแต่ไม่ล้น ทุก ๆ ชม.ผมจะไปตรวจวัดระดับน้ำหลังบ้าน(ไม่ประมาทครับ)
ขณะนี้ ๗๑๑๐๐ ต.ค.๖๗ น้ำยังทรงตัวมีแนวโน้มลดลง ๆ บ้านผมน้ำไม่ท่วมครับ แต่รอบ ๆ บ้านโดนกันทุกหลัง ขอบคุณสวรรค์ครับ
ยาย 71 ปี จมน้ำระหว่างกู้ภัยช่วยออกจากบ้าน..ไทยพีบีเอส | 7 ต.ค. 67
สุดทึ่ง! 'โรงแรมแชงกรีลา' เตรียมพร้อมดี รอดน้ำท่วมเชียงใหม่
ขณะนี้อินเทอร์เน็ตน่าจะมีปัญหาพยายามลงภาพ ภาพไม่ขึ้นเลยครับ เอาแค่นี้ ติดไว้เมื่อเน็ตพร้อมจะกลับมานำภาพให้ได้ชมนะครับ.....ช่วงเย็นอินเทอร์เน็ตดีได้เข้ามาเพิ่มเติมภาพแต่ก็ไม่จุใจ ๕๕๕ ตามสถานการณ์ครับ
- ไฟล์แนบ
-
- cats1.1.jpg (122.51 KiB) เข้าดูแล้ว 1003 ครั้ง
-
- cats1.2.jpg (113.19 KiB) เข้าดูแล้ว 1003 ครั้ง
-
- cats1.4.jpg (127.29 KiB) เข้าดูแล้ว 1003 ครั้ง
-
- 461484537_518588644470723_5617226442346710474_n.jpg (134.1 KiB) เข้าดูแล้ว 1003 ครั้ง
-
- ผมเฝ้าบ้านรอตรวจระดับน้ำ คุณนายออกไปช่วยเพื่อนบ้านแนะนำลอกลำเหมือง มีเหล่าจิตอาสามาช่วย ประมาณบ่ายโมงคุณนายกลับมาทำอาหารมื้อเที่ยงไปเลี้ยงจิตอาสาที่ยังไม่ได้ทานอะไรเลย ประทับใจครับช่วยเหลือกันดีมาก ไม่นิ่งดูดาย คนไทยยามคับขันช่วยกันจิรง ๆ น่าชื่นใจ
- 461488154_1246652170021732_8693173764802545896_n.jpg (65.97 KiB) เข้าดูแล้ว 1003 ครั้ง
-
- 461437714_1044646163632744_5582107100640476765_n.jpg (112.21 KiB) เข้าดูแล้ว 1003 ครั้ง
-
- 461996382_792783992862699_8202071807032597755_n.jpg (94.06 KiB) เข้าดูแล้ว 1003 ครั้ง
-
- 462065196_1597361457796818_5428543883561653911_n.jpg (123.17 KiB) เข้าดูแล้ว 1003 ครั้ง
-
- 462220302_3459242784380877_5161323005603405966_n.jpg (81.34 KiB) เข้าดูแล้ว 1003 ครั้ง
-
- วันนี้ ๗ ต.ค.๖๗ ตั้งแต่เช้าคุณนายไปช่วยชุมชนทำอาหารเพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ประสพภัย ตามบ้านต่าง ๆ เป็นการบรรเทาความเดือดร้อน และเป็นกำลังใจให้กับชุมชนครับ
- 461989941_1286406892523249_3632197067163588036_n.jpg (154.98 KiB) เข้าดูแล้ว 1003 ครั้ง
-
- 461433755_544441718076725_5923318194360721083_n.jpg (124.59 KiB) เข้าดูแล้ว 1003 ครั้ง
-
- cats1.3.jpg (111.24 KiB) เข้าดูแล้ว 1003 ครั้ง
-
- วันนี้ ๗ ต.ค.๖๗ สถานการณ์น้ำเริ่มดีขึ้น ๆ หลาย ๆ ที่น้ำลดลง ๆ แต่ที่สารภีน้ำยังทรง ๆ อยู่ ลำเหมืองหลังบ้านน้ำยังคงไหลแรงและลดลงบ้างนิดหน่อย ใจชื้นขึ้นครับ หากฝนไม่ตกลงมาอีกคงปลอดภัย รถนำกลับบ้านเรียบร้อย แต่การเฝ้าระวังยังคงต้องกระทำต่อไป ฟ้า ดิน แค่นี้พอละนะ สาธุ สาธุ สาธุ
- 461441146_1059235529323771_5042368816960133423_n.jpg (94.25 KiB) เข้าดูแล้ว 1002 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4439
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
6 ตุลาคม 2567
“บันทึกวิชาการ...มหาอุทกภัยเชียงใหม่ 2567… 500-year Return Flood”
น้ำท่วมเชียงใหม่ครั้งนี้ 2567 นับว่าหนักมาก ผู้สูงอายุมากหลายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยพบ ไม่เคยเจอ
ผมเองอยู่เชียงใหม่มาเกือบ 80 ปี พานพบน้ำท่วมมาก็หลายครั้ง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ท่วมหนัก ท่วมเป็นวงกว้างมากถึงขนาดนี้ เมื่อวานผมได้รายงานว่าน้ำท่วมถนนท่าแพกินเข้าไปเกือบถึงประตูท่าแพ
ซึ่งคนรุ่นปัจจุบันที่อายุเกือบ 100 ปี ไม่เคยพบเห็นมาก่อน กระแสน้ำที่มาเร็วและแรงเช่นนี้ ในใจตอนแรกผมก็คิดว่าจะรายงานว่ามหาอุทกภัยครั้งนี้น่าจะถือเป็นน้ำท่วมครั้งใหญ่ในรอบ 100 ปี แต่ว่าท้ายสุดก็ได้หลักฐานสนับสนุนว่าน่าจะเป็นในรอบ 500 ปีมากกว่า
ในทางวิชาการนิยามคำว่า “500-year Return Flood หรือ น้ำท่วมคาบ 500 ปี” หมายความว่า เป็นน้ำท่วมที่มีโอกาสเกิด 1% ทุก ๆ 500 ปี ไม่ใช่เป็นน้ำท่วมธรรมดา ๆ ยากที่จะเกิด แต่มีโอกาสเกิด
หลัง ๆ มีการศึกษามากขึ้น พบว่าจริง ๆ มีโอกาสเกิดมากถึง 38 % ไม่ใช่แค่ 1 % กรณีเชียงใหม่หมายความว่า มหาอุทกภัยระดับนี้จะมีโอกาสเกิด 1 - 38 % ในทุก ๆ 500 ปี ที่เสนอว่าน้ำท่วมครั้งนี้เป็น 500-year Return Flood ก็เพราะว่ามีหลักฐานว่าน้ำท่วมใหญ่ขนาดนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อ 500 ปีก่อน
ได้มีการบันทึกไว้ว่าน้ำได้ท่วมเข้ามาเกือบถึงประตูท่าแพ (ชื่อเดิมประตูเชียงเรือก) ครั้งนั้นมีเด็กถึงกับ “ดิกน้ำ” ตายไปหลายศพ (“ดิกน้ำ” เป็นคำเมืองหมายความรวมว่าเกิดอาการสำลักน้ำ ทุรนทุราย แล้วก็จมน้ำตาย) ตรงกับที่ผมได้ไปเห็นและรายงานระดับน้ำท่วมที่กินลึกเข้ามาเกือบถึงประตูท่าแพ
ขัอมูลระดับน้ำท่วมในพื้นที่ต่าง ๆ นักวิชาการจะทำการบันทึกลงไว้บนแผนที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ประโยชน์ในการวางแผนการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ว่าพื้นที่ใดมีโอกาสที่จะเกิดน้ำท่วมถึงบริเวณไหนอย่างไร อันนี้หมายรวมถึงข้อมูลของน้ำท่วมในคาบ 50, 10, 200 ปีและอื่น ๆ ด้วย
มาถึงตรงนี้ผมต้องขอบคุณพญามังรายที่ได้สร้างตัวเมืองนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ (หมายถึงพื้นที่ในเขตกำแพงเมืองเชียงใหม่) ที่ปลอดจากน้ำท่วมในคาบ 700 กว่าปีมานี้ ประสบการณ์จากน้ำท่วมเวียงกุมกามอย่างหนักทุก ๆ ปี คงทำให้พระองค์ไม่พลาดในการกำหนดตำแหน่งเมืองเชียงใหม่
ขอเอาใจช่วยและให้กำลังใจกับคนเชียงใหม่ที่กำลังประสบภัยครั้งนี้ เราจะผ่านมหาอุทกภัยครั้งนี้ไปด้วยกัน เราได้ร่วมกันบันทึกประวัติศาสตร์มหาอุกภัยเชียงใหม่ 2567
ทวีศักดิ์ ระมิงค์วงศ์
6 ตุลาคม 2567
(ข้อมูลวิชาการ...
"..ปีกาบสัน สก 886 ตัว น้ำคานน้ำถ้วมเชียงเรือก คนมาเข้ากาดยังข่วงสรีภูมิ คนดิกน้ำตายมากนัก.."
อุทกภัยใหญ่ ก่อนสิ้นรัชกาลพระเมืองแก้ว 1 ปี ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ระบุว่าน้ำปิงเอ่อท่วมขึ้นมาถึงเชียงเรือกคือย่านท่าแพปัจจุบัน จนต้องย้ายตลาดไปยังข่วงศรีภูมิบริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเป็นการชั่วคราว
ครั้งนั้นมี "คนดิกน้ำตาย" คือคนจมน้ำตายเป็นอันมาก เพราะกาดเชียงเรือกเป็นพื้นที่เศรษฐกิจต่อเนื่องจากกาดหลวงกลางเวียง (ลีเชียง) ที่ลากยาวจากหน้าวัดพระสิงห์ลงไปประตูเชียงเรือก(ประตูท่าแพชั้นในหรือประตูท่าแพปัจจุบัน) ถึงประตูท่าแพ (ชั้นนอก) จรดท่ามหาสถานหรือท่าเรือหลวง มีคนทั่วสารทิศทั้งในและนอกอาณาจักรมาเข้ากาดตรงนี้
ถือเป็นน้ำท่วมเชียงใหม่ครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งที่อาลักษณ์ถึงกับต้องบันทึกแทรกไว้ระหว่างเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองช่วงปลายยุคทองของล้านนาสมัยราชวงศ์มังราย น่าสังเกตว่า ปีกาบสัน จ.ศ. 886 (พ.ศ. 2067) ถึงปัจจุบัน คือ ปีกาบสี จ.ศ. 1386 (พ.ศ. 2567) ครบรอบ 500 ปี พอดี...
อ้างอิง อรุณรัตน์ วิเชียรเขียว, เดวิด เค. วัยอาจ. (2547). ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่. เชียงใหม่: ซิลค์เวอร์มบุคส์., หน้า 110.
จาก facebook ของ Wichaya Makaew, 6 ตุลาคม 2567)
สาเหตุของน้ำท่วม
ร่วมแรงร่วมใจช่วยผุ้ประสบภัยเขต บ.ปากกอง
“บันทึกวิชาการ...มหาอุทกภัยเชียงใหม่ 2567… 500-year Return Flood”
น้ำท่วมเชียงใหม่ครั้งนี้ 2567 นับว่าหนักมาก ผู้สูงอายุมากหลายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยพบ ไม่เคยเจอ
ผมเองอยู่เชียงใหม่มาเกือบ 80 ปี พานพบน้ำท่วมมาก็หลายครั้ง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ท่วมหนัก ท่วมเป็นวงกว้างมากถึงขนาดนี้ เมื่อวานผมได้รายงานว่าน้ำท่วมถนนท่าแพกินเข้าไปเกือบถึงประตูท่าแพ
ซึ่งคนรุ่นปัจจุบันที่อายุเกือบ 100 ปี ไม่เคยพบเห็นมาก่อน กระแสน้ำที่มาเร็วและแรงเช่นนี้ ในใจตอนแรกผมก็คิดว่าจะรายงานว่ามหาอุทกภัยครั้งนี้น่าจะถือเป็นน้ำท่วมครั้งใหญ่ในรอบ 100 ปี แต่ว่าท้ายสุดก็ได้หลักฐานสนับสนุนว่าน่าจะเป็นในรอบ 500 ปีมากกว่า
ในทางวิชาการนิยามคำว่า “500-year Return Flood หรือ น้ำท่วมคาบ 500 ปี” หมายความว่า เป็นน้ำท่วมที่มีโอกาสเกิด 1% ทุก ๆ 500 ปี ไม่ใช่เป็นน้ำท่วมธรรมดา ๆ ยากที่จะเกิด แต่มีโอกาสเกิด
หลัง ๆ มีการศึกษามากขึ้น พบว่าจริง ๆ มีโอกาสเกิดมากถึง 38 % ไม่ใช่แค่ 1 % กรณีเชียงใหม่หมายความว่า มหาอุทกภัยระดับนี้จะมีโอกาสเกิด 1 - 38 % ในทุก ๆ 500 ปี ที่เสนอว่าน้ำท่วมครั้งนี้เป็น 500-year Return Flood ก็เพราะว่ามีหลักฐานว่าน้ำท่วมใหญ่ขนาดนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อ 500 ปีก่อน
ได้มีการบันทึกไว้ว่าน้ำได้ท่วมเข้ามาเกือบถึงประตูท่าแพ (ชื่อเดิมประตูเชียงเรือก) ครั้งนั้นมีเด็กถึงกับ “ดิกน้ำ” ตายไปหลายศพ (“ดิกน้ำ” เป็นคำเมืองหมายความรวมว่าเกิดอาการสำลักน้ำ ทุรนทุราย แล้วก็จมน้ำตาย) ตรงกับที่ผมได้ไปเห็นและรายงานระดับน้ำท่วมที่กินลึกเข้ามาเกือบถึงประตูท่าแพ
ขัอมูลระดับน้ำท่วมในพื้นที่ต่าง ๆ นักวิชาการจะทำการบันทึกลงไว้บนแผนที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ประโยชน์ในการวางแผนการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ว่าพื้นที่ใดมีโอกาสที่จะเกิดน้ำท่วมถึงบริเวณไหนอย่างไร อันนี้หมายรวมถึงข้อมูลของน้ำท่วมในคาบ 50, 10, 200 ปีและอื่น ๆ ด้วย
มาถึงตรงนี้ผมต้องขอบคุณพญามังรายที่ได้สร้างตัวเมืองนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ (หมายถึงพื้นที่ในเขตกำแพงเมืองเชียงใหม่) ที่ปลอดจากน้ำท่วมในคาบ 700 กว่าปีมานี้ ประสบการณ์จากน้ำท่วมเวียงกุมกามอย่างหนักทุก ๆ ปี คงทำให้พระองค์ไม่พลาดในการกำหนดตำแหน่งเมืองเชียงใหม่
ขอเอาใจช่วยและให้กำลังใจกับคนเชียงใหม่ที่กำลังประสบภัยครั้งนี้ เราจะผ่านมหาอุทกภัยครั้งนี้ไปด้วยกัน เราได้ร่วมกันบันทึกประวัติศาสตร์มหาอุกภัยเชียงใหม่ 2567
ทวีศักดิ์ ระมิงค์วงศ์
6 ตุลาคม 2567
(ข้อมูลวิชาการ...
"..ปีกาบสัน สก 886 ตัว น้ำคานน้ำถ้วมเชียงเรือก คนมาเข้ากาดยังข่วงสรีภูมิ คนดิกน้ำตายมากนัก.."
อุทกภัยใหญ่ ก่อนสิ้นรัชกาลพระเมืองแก้ว 1 ปี ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ระบุว่าน้ำปิงเอ่อท่วมขึ้นมาถึงเชียงเรือกคือย่านท่าแพปัจจุบัน จนต้องย้ายตลาดไปยังข่วงศรีภูมิบริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเป็นการชั่วคราว
ครั้งนั้นมี "คนดิกน้ำตาย" คือคนจมน้ำตายเป็นอันมาก เพราะกาดเชียงเรือกเป็นพื้นที่เศรษฐกิจต่อเนื่องจากกาดหลวงกลางเวียง (ลีเชียง) ที่ลากยาวจากหน้าวัดพระสิงห์ลงไปประตูเชียงเรือก(ประตูท่าแพชั้นในหรือประตูท่าแพปัจจุบัน) ถึงประตูท่าแพ (ชั้นนอก) จรดท่ามหาสถานหรือท่าเรือหลวง มีคนทั่วสารทิศทั้งในและนอกอาณาจักรมาเข้ากาดตรงนี้
ถือเป็นน้ำท่วมเชียงใหม่ครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งที่อาลักษณ์ถึงกับต้องบันทึกแทรกไว้ระหว่างเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองช่วงปลายยุคทองของล้านนาสมัยราชวงศ์มังราย น่าสังเกตว่า ปีกาบสัน จ.ศ. 886 (พ.ศ. 2067) ถึงปัจจุบัน คือ ปีกาบสี จ.ศ. 1386 (พ.ศ. 2567) ครบรอบ 500 ปี พอดี...
อ้างอิง อรุณรัตน์ วิเชียรเขียว, เดวิด เค. วัยอาจ. (2547). ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่. เชียงใหม่: ซิลค์เวอร์มบุคส์., หน้า 110.
จาก facebook ของ Wichaya Makaew, 6 ตุลาคม 2567)
สาเหตุของน้ำท่วม
ร่วมแรงร่วมใจช่วยผุ้ประสบภัยเขต บ.ปากกอง
- ไฟล์แนบ
-
- เรามาเดินทางท่องเที่ยวกันต่อ หลังจากที่คุณนายติดต่อทางอุทยานแห่งชาติแม่ปิง และได้รับแจ้งว่า เนื่องจากต้องผันน้ำไปช่วยชาวนาชาวสวน สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่เป็นเกาะแก่งไม่น่าชมแล้ว และที่พักต่าง ๆ ก็ไม่ได้ตระเตรียมแต่อย่างใด เวลานั้นเป็นเวลาแจ้งปิดอุทยานด้วย จนท.จึงได้แนะนำให้ไปเที่ยวที่อื่น แล้วค่อยกลับมาเมื่อน้ำเต็มจะสวยงามกว่า
เข้าทางวัตถุประสงค์เดิมที่จะได้ไปกราบ ๓ ครูบา ได้ไปที่ครูบาศรีวิชัยแล้ว ยังเหลืออีก ๒ ครูบาคือ ครูบาขาวปีและครูบาวงค์ ช่วงที่เดินทางต่อไป ๒ ครูบาที่เหลือ เราแวะเยี่ยมวัดพระธาตุดวงเดียว กับพระธาตุ ๕ ดวงด้วย
-
- cats33.JPG (97.64 KiB) เข้าดูแล้ว 864 ครั้ง
-
- ประวัติ : วัดพระธาตุดวงเดียว (กลางเวียง) ตามตำนานกล่าวไว้ว่า ในสมัยของพระนางจามรี ที่ได้หนีภัยสงครามจากหลวงพระบาง มาสร้างเมือง ที่อำเภอลี้แห่งนี้ แล้วตั้งสัจจะอธิษฐานว่า ถ้าจะได้สร้างเมืองที่นี่ จริงๆ เพื่อเป็นที่ลี้ภัย ก็ขออำนาจเทพยาดลจิต นำพญาช้างคู่บุญไปแสวงหาที่ตั้งบ้านเมืองด้วยเถิด เทพเทวาได้ดลใจให้พญาช้าง ขึ้นไปตามห้วยแม่แต๊ะที่มีแสงแดดสาดส่อง และได้พบกับลูกแก้วลอยออกจากจอมปลวกใหญ่ มีแสงสว่างทั่วบริเวณนั้น ลอยออกไปและกลับมาอยู่ถึงห้าครั้งในค่ำคืนนั้น ระหว่างบริเวณวัดพระธาตุดวงเดียวและวัดพระธาตุห้าดวงในปัจจุบัน พระนางจามรีจึงเอานิมิตหมายอันดีนี้ สร้างให้เป็นเมืองและวัดขึ้นในสมัยนั้น
ส่วนในปัจจุบันยังคงมีร่องรอยคันภูเวียงให้เห็นอยู่บ้างตามริมถนน ส่วนสิ่งปลูกสร้างภายในวัด รวมทั้งองค์พระธาตุดวงเดียวล้วนสร้างขึ้นมาภายหลัง โดยครูบาศรีวิชัย ได้พาลูกศิษย์พร้อมทั้งพระ เณร สร้างวัดและวิหาร ให้เป็นศูนย์รวมใจทางพระพุทธศาสนาของชาวบ้าน โดยการสร้างนี้ได้วางตำแหน่งตามเมืองโบราณเดิม
ที่ตั้ง : บ้านสันดอยเวียง ตำบลลี้ อ.ลี้ จังหวัดลำพูน - cats36.JPG (106.84 KiB) เข้าดูแล้ว 864 ครั้ง
- ประวัติ : วัดพระธาตุดวงเดียว (กลางเวียง) ตามตำนานกล่าวไว้ว่า ในสมัยของพระนางจามรี ที่ได้หนีภัยสงครามจากหลวงพระบาง มาสร้างเมือง ที่อำเภอลี้แห่งนี้ แล้วตั้งสัจจะอธิษฐานว่า ถ้าจะได้สร้างเมืองที่นี่ จริงๆ เพื่อเป็นที่ลี้ภัย ก็ขออำนาจเทพยาดลจิต นำพญาช้างคู่บุญไปแสวงหาที่ตั้งบ้านเมืองด้วยเถิด เทพเทวาได้ดลใจให้พญาช้าง ขึ้นไปตามห้วยแม่แต๊ะที่มีแสงแดดสาดส่อง และได้พบกับลูกแก้วลอยออกจากจอมปลวกใหญ่ มีแสงสว่างทั่วบริเวณนั้น ลอยออกไปและกลับมาอยู่ถึงห้าครั้งในค่ำคืนนั้น ระหว่างบริเวณวัดพระธาตุดวงเดียวและวัดพระธาตุห้าดวงในปัจจุบัน พระนางจามรีจึงเอานิมิตหมายอันดีนี้ สร้างให้เป็นเมืองและวัดขึ้นในสมัยนั้น
-
- ประวัติ : วัดพระธาตุห้าดวง หรือเวียงเจดีย์ 5 หลัง โดยตามตำนานกล่าวว่า พระนางจามเทวีกษัตริย์ผู้ครองเมืองนครหริภุญชัย ทรงได้ยินข่าวจากราษฎรเมืองลี้ว่า มีดวงแก้ว 5 ดวง ปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง จึงได้เสด็จเดินทางมาดูด้วยพระองค์เอง
ในเวลากลางคืนและได้ทอดพระเนตรเห็นแสงสว่างจากดวงแก้ว ทั้งห้าดวงลอยอยู่บนกองดิน 5 กอง จึงได้สอบถามความเป็นมาและทราบว่าคือพระเมโตธาตุ (น้ำไคลมือ) ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เคยล้างพระหัตถ์ และน้ำไหลผ่านปลายนิ้วทั้ง 5 ลงพื้นดิน
พระนางจึงเกิดความศรัทธาและได้สร้างพระธาตุเจดีย์ครอบกองดินทั้ง 5 กองไว้ และมีการบูรณปฏิสังขรณ์ให้เจริญรุ่งเรือง เพื่อเป็นสัญลักษณ์สำคัญทางศาสนา โดยทุกวันที่ 20 ของเดือนเมษายนทุกปี จะมีประเพณีสรงน้ำพระธาตุห้าดวง เพื่อแสดงถึงว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ ที่องค์พระประทีปแก้วได้เคยเสด็จมาส่องแสงจรัสจ้าเป็นประทีปส่องนำปัญญาแก่ชาวบ้านผู้ที่พบเห็น
ที่ตั้ง : บ้านพระธาตุห้าดวง ตำบลลี้ อ.ลี้ จังหวัดลำพูน - DSC_1903.JPG (103.32 KiB) เข้าดูแล้ว 864 ครั้ง
- ประวัติ : วัดพระธาตุห้าดวง หรือเวียงเจดีย์ 5 หลัง โดยตามตำนานกล่าวว่า พระนางจามเทวีกษัตริย์ผู้ครองเมืองนครหริภุญชัย ทรงได้ยินข่าวจากราษฎรเมืองลี้ว่า มีดวงแก้ว 5 ดวง ปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง จึงได้เสด็จเดินทางมาดูด้วยพระองค์เอง
-
- 462541578_544115497993361_6195931936428555320_n.jpg (67.23 KiB) เข้าดูแล้ว 864 ครั้ง
-
- ณ วัดพระธาตุดวงเดียวและพระธาตุห้าดวง เราเคยปั่นมาเที่ยวมานอนและปฏิบัติธรรมหลายปีมาแล้ว มีเรื่องอัศจรรย์ที่อยากกจะเล่าให้ฟังครับ
ที่พระธาตุดวงเดียวมีเรื่องที่พวกเราฝังใจ และประทับใจมาก ๆ มีอยู่ว่า "ในครั้งนั้นเราไปกัน ๕ คนโดยปั่นจากบ้านปากกองสารภี ไปจนถึงวัดพระธาตุดวงเดียว เป็นเวลาพลบค่ำ ประกอบกับพวกเราอิดโรยกันมาก จึงพากันแวะเข้าไปขอพักนอน ท่านเจ้าอาวาสก็เมตตาพวกเรามาก ให้เข้าไปกางเต้นท์นอน บริเวณศาลาในขอบเขตพระเจดีย์ ช่วงเย็นเราก็ประกอบอาหารกินกัน ก่อนนอนเราก็พากันสวดมนต์ แยกย้ายกันไปภาวนาเต้นท์ใครเต้นท์มัน
ช่วงประมาณใกล้ ๆ ตี ๓ สำหรับผม ได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังกวาดลานวัดประมาณนั้น นอนฟังจนแน่ชัด (ใครวะ) ผมจึงเปิดเต้นท์เอาหน้าโผล่มองไปทางเสียง ปรากฏว่าอีก ๔ เต้นท์ ต่างก็โผล่หน้าออกมาเช่นกัน เราต่างพิศวงเป็นอันมาก สอบถามกันว่า ได้เสียงอะไรไหม ? ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังกวาดลานวัด"
จากนั้นเราก็พากันออกมาสวดมนต์ แผ่เมตตาให้กับเสียงที่มากวาดลานวัด แล้วแยกย้ายกันไปนอนต่อ ส่วนผมนั่งภาวนาเผื่อว่าจะได้เห็นอะไร ๆ ที่แปลก ๆ อีก หึ...ไม่เห็นอะไรเลย..การภาวนาถ้าจิตมีความอยากจะไม่เห็นอะไร แต่ถ้าปล่อยธรรมชาติ ดูเพียงลมหายใจเข้า - ออก ไม่แน่อาจจะได้เจอของดี...สมัยนั้นวิชายังไม่แก่กล้าครับ ๕๕๕. - 462543321_1725323854935935_1913039757797450790_n.jpg (64.62 KiB) เข้าดูแล้ว 864 ครั้ง
- ณ วัดพระธาตุดวงเดียวและพระธาตุห้าดวง เราเคยปั่นมาเที่ยวมานอนและปฏิบัติธรรมหลายปีมาแล้ว มีเรื่องอัศจรรย์ที่อยากกจะเล่าให้ฟังครับ
-
- 461502603_1457109981629731_7013203384767780354_n.jpg (114.14 KiB) เข้าดูแล้ว 864 ครั้ง
-
- เป็นเดือนแห่งความเศร้าจริง ๆ สำหรับผม เนื่องด้วยในวันที่ ๗ ต.ค.๖๗ เพื่อนรัก เกษม ฯ ได้เวลาอำลาโลกนี้ไปโดยไปเสียชีวิตที่ จ.กาญจนบุรี และได้นำร่างมาฌาปนกิจที่ บ.ท่าข้าม อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย
เกษม ฯ พวกเราเรียกแกว่า "ไอ่เพ๊อะ" เป็นนักรบที่พอตัว มีความกล้าหาญ บ้าบิ่น ประเภทไม่กลัวตาย ศึกเหนือเสือใต้ "ลุย" ลูกเดียว ข้าศึกหรือคู่อริหลายชีวิตที่ถูก..ไอ่เพ๊อะ..ล่อซะป่าราบ วีรกรรมของไอ่เพ๊อะมีมากมายเล่า ๓ วัน ๓ คืนไม่จบ แต่ไอ่เพ๊อะก็เป็นที่รักของชาวบ้าน เรียกว่า ใจถึงพึ่งได้
คนเชียงใหม่ไม่ได้ไปร่วมงานมอบหมายให้เพื่อนเชียงรายเป็นตัวแทน โดยได้ฝากปัจจัยถึงครอบครัวเพื่อร่วมอาลัยแล้ว ขอดวงวิญญาณเพื่อนจงสู่สุคติภพ เป็นไปได้ก็ขอให้ไปสู่สรวงสวรรค์ ไปรอพวกเดียวกันเพื่อจะได้สนุกสนานกันเหมือนที่เราได้อยู่ร่วมกันมานาน ๕๐ กว่าปี "รักและอาลัยเพื่อนนะ" - 462575166_1033397598563178_7509196754499534961_n.jpg (111.94 KiB) เข้าดูแล้ว 864 ครั้ง
- เป็นเดือนแห่งความเศร้าจริง ๆ สำหรับผม เนื่องด้วยในวันที่ ๗ ต.ค.๖๗ เพื่อนรัก เกษม ฯ ได้เวลาอำลาโลกนี้ไปโดยไปเสียชีวิตที่ จ.กาญจนบุรี และได้นำร่างมาฌาปนกิจที่ บ.ท่าข้าม อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย
-
- 462547602_415287721338685_6469602888051647501_n.jpg (119.71 KiB) เข้าดูแล้ว 864 ครั้ง
-
- 462547653_799047435536353_8506989197131726757_n.jpg (129.34 KiB) เข้าดูแล้ว 864 ครั้ง
-
- งานหนักหลังน้ำลด ผมขับรถออกไปเยี่ยมเพื่อน ๆ ที่โดนอุทกภัย จากต้นเดือน ต.ค.จนมาถึงวันนี้ ทุกหลังคาเรือนต่างก็เร่งทำความสะอาดบ้านเรือนของตน ในขณะขับรถผ่านไปบ้านแต่ละหลัง "มันเศร้าสุด ๆ " แต่ละหลังแทบไม่เหลืออะไรเลย น้ำปีนี้หฤโหดจริง ๆ เป็นคร้้งแรกในชีวิตของพวกเราครับ
บ้านที่พอมีอันจะกินก็ไม่เท่าไร..แต่บ้านคนหาเช้ากินค่ำนี่สิครับ...เรียกว่าหมดเนื้อหมดตัว ผมเห็นแล้วบอกตามตรง กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ขอให้ทุกคนเข้มแข็งนะครับ วัน เวลา จะเยียวยา อย่าท้อแท้ สิ้นหวัง - 462563848_897749101788479_4015831208895469837_n.jpg (118.93 KiB) เข้าดูแล้ว 864 ครั้ง
- งานหนักหลังน้ำลด ผมขับรถออกไปเยี่ยมเพื่อน ๆ ที่โดนอุทกภัย จากต้นเดือน ต.ค.จนมาถึงวันนี้ ทุกหลังคาเรือนต่างก็เร่งทำความสะอาดบ้านเรือนของตน ในขณะขับรถผ่านไปบ้านแต่ละหลัง "มันเศร้าสุด ๆ " แต่ละหลังแทบไม่เหลืออะไรเลย น้ำปีนี้หฤโหดจริง ๆ เป็นคร้้งแรกในชีวิตของพวกเราครับ
-
- 462638790_1568747417184566_6891864833820008523_n.jpg (26.15 KiB) เข้าดูแล้ว 864 ครั้ง
-
- 462636456_1028469819059479_6646832366162831787_n.jpg (96.01 KiB) เข้าดูแล้ว 864 ครั้ง
-
- 461479137_565481199385131_9043737596836391696_n.jpg (86.28 KiB) เข้าดูแล้ว 852 ครั้ง
-
- 461987401_1889232601480220_3573064918537133362_n.jpg (117.27 KiB) เข้าดูแล้ว 852 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4439
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
ร่มโพธิ์ทองของแผ่นดิน - เสรี รุ่งสว่าง
ประมวลภาพพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในหลวง รัชกาลที่ 9 (26 ต.ค. 60)
หนึ่งเดียวในโลก MV ประมวลภาพพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานความรักอันยิ่งใหญ่แก่อาณาประชาราษฎร์ พระราชภารกิจอันหนักเพื่อประโยชน์สุขของอาณาประชาราษฎร์ ปรากฏเป็นที่ประจักษ์เทิดทูนพระเกียรติคุณทั้งในหมู่ชาวไทยและชาวโลก จึงทรงได้รับการสดุดีและการทูลเกล้าฯ ถวายปริญญากิตติมศักดิ์เป็นจำนวนมากทุกสาขาวิชาการ
ทั้งยังมีพระอัจฉริยภาพด้านดนตรีอย่างสูงส่ง ทรงพระราชนิพนธ์เพลงอันไพเราะนับแต่พระเยาว์จนถึงปัจจุบันรวม 47 เพลง ซึ่งนักดนตรีทั้งไทย และต่างประเทศนำไปบรรเลงอย่างแพร่หลาย เป็นที่ประจักษ์ในพระอัจฉริยภาพจนสถาบันดนตรีในออสเตรเลียได้ทูลเกล้าฯ ถวายสมาชิกภาพกิตติมศักดิ์แด่พระองค์
นอกจากนั้นยังทรงเป็นนักกีฬาชนะเลิศรางวัลเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ทรงได้รับยกย่องเป็น “อัครศิลปิน” ของชาตินอกจากทรงพระปรีชาสามารถด้านดนตรีแล้วยังทรงสร้างสรรค์งานจิตรกรรมและวรรณกรรมอันทรงคุณค่าไว้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของชาติ เช่น
ทรงพระราชนิพนธ์ แปลเรื่อง ติโตนายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระและพระราชนิพนธ์เรื่องชาดกพระมหาชนก พระราชทานคติธรรมในการดำรงชีวิตด้วยความวิริยะอุตสาหะอดทนจนพบความสำเร็จแก่พสกนิกรทั้งปวง
ปวงชนชาวไทยต่างมีความจงรักภักดีเป็นที่ยิ่งดังปรากฏว่าในวาระสำคัญ เช่น
ศุภวาระเถลิงถวัลยราชครบ 25 ปี พระราชพิธีรัชดาภิเษก
9 มิถุนายน 2514 พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ
5 ธันวาคม 2530 พระราชพิธีรัชมังคลาภิเษกทรงดำรงสิริราชสมบัติยาวนานกว่าพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์
2 กรกฎาคม 2531 มหามงคลสมัยฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี
9 มิถุนายน 2539 และในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ
5 ธันวาคม 2542 รัฐบาลและประชาชนชาวไทยได้พร้อมใจกันจัดงานเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคลด้วยความกตัญญูกตเวที สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมอย่างสมพระเกียรติทุกวาระ
ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก เว็บไซต์เครือข่ายกาญจนาภิเษก
- ไฟล์แนบ
-
- สำหรับผมแล้วขอถวายชีวิตแต่พระองค์ท่านและขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป...เมื่อปี ๒๕๑๔ ณ บ้านเมืองงาม อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ สมัยนั้นเป็นพลตำรวจ ทำหน้าที่เป็นครูชาวเขา ประจำ รร.โชติคุณเกษม ๒ (เผ่าปาเกอญอ)
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จที่เมืองงาม เพื่อเยี่ยมชาวเขาเผ่ากระเหรี่ยงหมู่บ้านเมืองงาม ผมนำนักเรียนไปถวายการต้อนรับ และนำเสด็จพระองค์ท่านไปเยี่ยมชมวัดที่พวกเรา(ครูและชาวบ้านเมืองงามร่วมกันก่อสร้าง)
พระองค์ท่านเมตตาให้เงินจำนวน ๓๐๐๐ บาทไว้ใช้สอย (ผมสัญญากับตัวเองจะเก็บรักษาไว้เป็นขวัญถุงอย่างดี แต่ด้วยความ..ระยำ รักการดื่ม สุดท้ายก็นำออกมาใช้หมด คิดถึงวันนี้..อยากร้องไห้ แบงค์ร้อยปึกใหญ่ ควรจะเหลืออย่างน้อย ๒ - ๓ ใบเป็นขวัญถุง ไม่เหลือเลย นี่ละฤทธิ์แอลกอฮอร์ไอ่ตัวชั่วร้าย) และทรงตรัสว่า "เธอดูแลชาวบ้านและนักเรียนให้ดีนะ"
เมื่อเป็นนายตำรวจก็ได้ทำหน้าที่เป็นผู้บังคับกองร้อยถวายความปลอดภัย พระองค์ท่าน ทุกครั้งที่เสด็จเชียงใหม่ หลังจากที่ลาออกราชการแล้ว ผมได้ปั่นจักรยานเทอดพระเกียรติพระองค์่ท่านจาก ชม.-ท้องสนามหลวง ปี ๒๕๕๑ ถือเป็นสร้างความฝันให้เป็นจริงตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก อยากปั่นจักรยานเข้า กทม.แต่ไม่สำเร็จ เรียกว่า ทำฝันให้เป็นจริง(ฝันให้ไกลไปให้ถึง)
อีกครั้งหนึ่งเข้าร่วมปั่นกับคณะผู้จัดจาก กทม.โดยปั่นจาก หนองคาย - กทม.(รพ.ศิริราช) ถวายพระเกียรติและแสดงความจงรักภักดีและเป็นกำลังใจแด่พระองค์ท่าน
อีกครั้งหนึ่ง ผมและทีมรักรถรักธรรมปั่นไปร่วมถวายพระพรที่ กทม.พร้อมจัดทำสมุดให้ประชาชน ร่วมลงนามนำขึ้นทูลเกล้าถวายแด่พระองค์ท่าน
"ผมรักในหลวง ร.๙ เท่าชีวิตครับ" - 462541612_1249924559564834_3605325663059264081_n.jpg (74.61 KiB) เข้าดูแล้ว 741 ครั้ง
- สำหรับผมแล้วขอถวายชีวิตแต่พระองค์ท่านและขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป...เมื่อปี ๒๕๑๔ ณ บ้านเมืองงาม อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ สมัยนั้นเป็นพลตำรวจ ทำหน้าที่เป็นครูชาวเขา ประจำ รร.โชติคุณเกษม ๒ (เผ่าปาเกอญอ)
-
- เมื่อใดที่คุณเผชิญกับกองทุกข์ท่วมหัว
ทางตันอยู่ฝั่งซ้าย ทางออกอยู่ฝั่งขวา
เสมือนประหนึ่งว่า "ความหวังและความสิ้นหวังต่างก็ดำรงอยู่ในขณะเดียวกัน"
เพราะคุณมัวแต่จดจ่อกับคำว่าสิ้นหวัง ความหวังจึงริบหรี่
แต่หากคุณเชื่อว่ายังมีหวัง ทางตันก็อาจมีทางออกซ่อนอยู่
ฝึกไม่ตีตนไปก่อนไข้ ความหวังย่อมอยู่ใกล้ ไม่ไกลจากทางตัน
※ ※ ※
ก่อนที่ชาวประมงจะออกเรือ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปลาอยู่ที่ไหน? แต่พวกเขาก็เลือกที่จะออกเรือ! นั่นเป็นเพราะเขาเชื่อว่าจะได้ปลากลับเข้าฝั่งเต็มลำ
ชีวิตคนเราก็เหมือนกัน
เพราะเลือก โอกาสจึงเกิดขึ้น
เพราะเชื่อ ความเป็นไปได้จึงตามมา
โลกใบนี้มีพลังชนิดหนึ่งที่ยิ่งใหญ่มาก พลังชนิดนั้นมีชื่อเรียกว่า "ความเชื่อ"
※ ※ ※
หากคุณอยู่ในกลุ่มของคนที่มีสติปัญญา 5 คน คุณอาจกลายเป็นคนมีสติปัญญาคนที่ 6
หากคุณอยู่ในกลุ่มของเศรษฐี 5 คน คุณอาจกลายเป็นเศรษฐีคนที่ 6
หากคุณอยู่ในกลุ่มของคนที่มีทัศนะด้านลบ 5 คน คุณอาจกลายเป็นคนมีทัศนะด้านลบคนที่ 6
ขณะนี้ 5 คนที่คุณอยู่ด้วยเป็นคนประเภทไหน? มันกำหนดความเป็นคุณได้ทันทีในขณะนี้ เพราะทัศนะคติของเขา มุมมองชีวิตของเขา จะส่งผลต่อนิสัยและทัศนะคติของคุณโดยอัตโนมัติ
เรียนรู้จากความสำเร็จของคนอื่น สักวัน ความสำเร็จนั้นจะกลายเป็นของคุณ
※ ※ ※
#นุสนธิ์บุคส์ - 462547615_1200980234343793_2997492039974210596_n.jpg (23.51 KiB) เข้าดูแล้ว 741 ครั้ง
- เมื่อใดที่คุณเผชิญกับกองทุกข์ท่วมหัว
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4439
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
สวัสดีครับท่านที่เคารพ พันธสัญญาเกี่ยวกับ การเดินทางท่องเที่ยวพร้อมกับการฝึกปั่นจักรยาน ของ ด.ช.ปุรณพัฒน์ ฯ ในช่วงวันหยุดยาว ๑๐-๑๒ ส.ค.๖๗ ได้ดำเนินมาตามลำดับเหลืออีกเพียง ๓ รายการก็จะจบสำหรับทริปวันหยุดเดือน ส.ค.(วันแม่แล้ว) ก่อนที่จะพาท่านไปเที่ยวต่อ ผมมีเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อหลวงของเรา(ร.๙) ที่ไม่นำเสนอไม่ได้แล้ว ขอคั่นรายการอีกสักครั้งครับ ท่านใดที่ไม่มีเวลาจะฟังเก็บไว้ฟังวันหลังก็ได้ ผมมีภาพและคำกลอนแนบมาส่วนหนึ่งแล้ว(ย่นเวลา) ขอบคุณนะครับ
"ฟังกี่ครั้งก็ยังซาบซึ้ง บทกลอนจาก สุภาพ คลี่ขจาย"
"ฟังกี่ครั้งก็ยังซาบซึ้ง บทกลอนจาก สุภาพ คลี่ขจาย"
- ไฟล์แนบ
-
- 461502607_332496286591641_5744389491400849942_n.jpg (105 KiB) เข้าดูแล้ว 616 ครั้ง
-
- 462637646_7970336276405961_606025359047964582_n.jpg (133.32 KiB) เข้าดูแล้ว 616 ครั้ง
-
- 462639468_3838099393144522_9072329306476447142_n.jpg (37.02 KiB) เข้าดูแล้ว 616 ครั้ง
-
- 462065194_930420265785623_5101484615864087744_n.jpg (40.47 KiB) เข้าดูแล้ว 616 ครั้ง
-
- 462552495_864748992392483_4954247417492350346_n.jpg (49.41 KiB) เข้าดูแล้ว 616 ครั้ง
-
- 462639468_3838099393144522_9072329306476447142_n.jpg (37.02 KiB) เข้าดูแล้ว 616 ครั้ง
-
- 462559346_2380727398948995_5468315340146778413_n.jpg (57.17 KiB) เข้าดูแล้ว 616 ครั้ง
-
- 462011833_1057688455580969_3086826146389457090_n.jpg (50.96 KiB) เข้าดูแล้ว 616 ครั้ง
-
- 462637905_887902493407361_4578243219795695001_n.jpg (52.88 KiB) เข้าดูแล้ว 616 ครั้ง
-
- 462637692_1528046097830497_6418667672215079336_n.jpg (58.38 KiB) เข้าดูแล้ว 616 ครั้ง
-
- 461496030_1213077956640930_824273630361461540_n.jpg (50.65 KiB) เข้าดูแล้ว 616 ครั้ง
-
- 462563523_1245096503480348_1249168503441871024_n.jpg (54.47 KiB) เข้าดูแล้ว 616 ครั้ง
-
- 462552486_475984592098451_574148812026658951_n.jpg (59.17 KiB) เข้าดูแล้ว 616 ครั้ง
-
- 462551843_477508425244098_6980240361703989919_n.jpg (58.12 KiB) เข้าดูแล้ว 616 ครั้ง
-
- 462541618_865103488703240_396993070590164653_n.jpg (52.28 KiB) เข้าดูแล้ว 616 ครั้ง
-
- 462555626_1186312872470339_4809649564289242757_n.jpg (59.68 KiB) เข้าดูแล้ว 616 ครั้ง
-
- 462637632_899871775416235_1631604502902482033_n.jpg (48.79 KiB) เข้าดูแล้ว 616 ครั้ง
-
- 462446714_1068849574749577_6879391125514525318_n.jpg (50.66 KiB) เข้าดูแล้ว 616 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4439
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
หลังจากที่คุณนายติดต่อไปยังอุทยานแห่งชาติแม่ปิง เพื่อจองทีพักสำหรับคืนวันที่ ๑๑ ส.ค.๖๗ ปรากฏได้รับการแนะนำไม่ให้เดินทางเข้าไป เนื่องจากน้ำแห้งไม่มีอะไรสวยงามน่าชม อุทยานก็ปิดด้วยที่พักจึงไม่มี พร้อมแนะนำที่เที่ยวใน อ.ลี้ ก็คือ ๓ ครูบาที่เราตั้งใจไว้ ตอนนี้ไปมาแล้วหนึ่งครูบาคือ ครูบาศรีวิชัย คงเหลืออีก ๒ ครูบา ไปกันครับ
วัดแรก คือ วัดครูบาวงค์(วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม)
ประวัติ : วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ซึ่งเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอลี้และยังเป็นวัดประจำหมู่บ้านของชาวปาเกอะญออีกด้วย บริเวณทางเข้าวัดจะมีอนุสาวรีย์พระครูบาชัยวงศาตั้งอยู่ วัดพระพุทธบาทห้วยต้มมีบริเวณที่กว้างขวาง เป็นศาสนสถานที่สำคัญ ศูนย์รวมจิตใจของคนในชุมชนห้วยต้ม ภายในมีเอกลักษณ์ที่สวยงามด้วยเอกลักษณ์ล้านนา ทำจากศิลาแลงที่ขุดได้จากบ่อศิลาแลง ด้านหลังของวัด สถานที่สำคัญได้แก่ วิหารพระเมืองแก้ว ที่องค์พระธาตุได้รับการตกแต่งอย่างงดงาม เป็นสถานที่บรรจุสรีระทิพย์ของหลวงปู่ครูบาชัยวงศาพัฒนา
ที่ตั้ง : ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
วัดแรก คือ วัดครูบาวงค์(วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม)
ประวัติ : วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ซึ่งเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอลี้และยังเป็นวัดประจำหมู่บ้านของชาวปาเกอะญออีกด้วย บริเวณทางเข้าวัดจะมีอนุสาวรีย์พระครูบาชัยวงศาตั้งอยู่ วัดพระพุทธบาทห้วยต้มมีบริเวณที่กว้างขวาง เป็นศาสนสถานที่สำคัญ ศูนย์รวมจิตใจของคนในชุมชนห้วยต้ม ภายในมีเอกลักษณ์ที่สวยงามด้วยเอกลักษณ์ล้านนา ทำจากศิลาแลงที่ขุดได้จากบ่อศิลาแลง ด้านหลังของวัด สถานที่สำคัญได้แก่ วิหารพระเมืองแก้ว ที่องค์พระธาตุได้รับการตกแต่งอย่างงดงาม เป็นสถานที่บรรจุสรีระทิพย์ของหลวงปู่ครูบาชัยวงศาพัฒนา
ที่ตั้ง : ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
- ไฟล์แนบ
-
- cats39.JPG (89.66 KiB) เข้าดูแล้ว 608 ครั้ง
-
- cats40.JPG (124.15 KiB) เข้าดูแล้ว 608 ครั้ง
-
- cats43.JPG (121.48 KiB) เข้าดูแล้ว 608 ครั้ง
-
- cats44.1.JPG (103.06 KiB) เข้าดูแล้ว 608 ครั้ง
-
- บรรยากาศ - ณ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ซึ่งเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอลี้และยังเป็นวัดประจำหมู่บ้านของชาวปาเกอะญอกลุ่มใหญ่ ที่เป็นมังสวิรัติอย่างแท้จริง
บริเวณทางเข้าวัดจะมีอนุสาวรีย์พระครูบาชัยวงศาตั้งอยู่ภายในวิหารเมืองแก้ว อุโบสถสีขาวทอง วัดพระพุทธบาทห้วยต้มมีบริเวณที่กว้างขวาง เป็นศาสนสถานที่สำคัญ ศูนย์รวมจิตใจของคนในชุมชนห้วยต้ม
ไฮไลท์ - ภายในมีเอกลักษณ์ที่สวยงามด้วยเอกลักษณ์ล้านนา ทำจากศิลาแลงที่ขุดได้จากบ่อศิลาแลง ด้านหลังของวัด สถานที่สำคัญได้แก่ วิหารพระเมืองแก้ว ที่องค์พระธาตุได้รับการตกแต่งอย่างงดงาม เป็นสถานที่บรรจุสรีระทิพย์ของหลวงปู่ครูบาชัยวงศาพัฒนา
ชุมชนชาวปกาเกอะญอขนาดใหญ่ ที่อาศัยอยู่ ณ “บ้านห้วยต้ม” อ.ลี้ จ.ลำพูน นับว่าเป็นชุมชนที่มีวิถีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก ที่เห็นอย่างเด่นชัดมากๆ ก็คือความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ที่ยังคงสืบทอดความเชื่อและการปฏิบัติมาจนถึงทุกวันนี้
อีกอย่างคือการเป็นชุมชนมังสวิรัติ ที่แม้วันนี้ชาวบ้านจะเป็นมังสวิรัติลดลงเหลือราวๆ ร้อยละ 80 แต่ก็ยังถือว่ามีจำนวนมาก และเป็นการสืบสานคำสอนของ “หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา” พระเกจิที่เป็นดังศูนย์รวมจิตใจของชาวปกาเกอะญอที่บ้านห้วยต้ม
ผู้ที่มาแวะเยี่ยมชมจะได้สัมผัสบรรยากาศ วัฒนธรรมความเชื่อและรักศรัทธาของชนเผ่าปกาเกอะญอที่สวยงาม น่าหลงใหล ซึ่งควรค่าแก่การอนุรักษ์สืบสานเป็นอย่างมากเลย
ข้อมูลจาก Trip.com
-
- ประวัติหลวงปู่ครูบาวงค์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม
พระครูพัฒนกิจจานุรักษ์ หรือ ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา หรือ ครูบาวงศ์ ฉายา จนฺทวํโส เป็นภิกษุนักพัฒนา ชาวจังหวัดลำพูน อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทห้วยต้มศิษย์ครูบาศรีวิชัย
ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา มีนามเดิม ชัยวงศ์ ต๊ะแหนม เกิดวันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2456 เวลา 24:15 น. ปีฉลู เป็นบุตรนายน้อยจันต๊ะกับนางบัวแก้ว ครอบครัวเป็นเกษตรกรยากจนแต่มีศรัทธาในพุทธศาสนา เมื่ออายุ 12 ปีท่านเริ่มถือมังสวิรัติ แล้วบรรพชาเป็นสามเณรโดยมีครูบาชัยลังกาเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายาว่า ชัยลังกา ตามฉายาของพระอุปัชฌาย์
ขณะเป็นสามเณร แม้จะถูกเพื่อนกลั่นแกล้งทำร้ายร่างกายเสมอ แต่ท่านอดทนและให้อภัยตลอด ท่านยังได้ติดตามครูบาชัยลังกาออกจาริกไปที่ต่าง ๆ จนเข้าอุปสมบทที่วัดพระพุทธบาทตากผ้า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2475 (นับแบบปัจจุบันเป็น พ.ศ. 2476) ปีวอก โดยมีครูบาพรหมจักรเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายาว่า ชัยยะวงศา แล้วออกจาริกต่อจนได้พบชาวปกาเกอะญอ ต่อมาพวกเขาเลื่อมใสท่านมากจนหันมานับถือพุทธศาสนา ย้ายมาตั้งถิ่นฐานรอบวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม รักษาศีล 5 และถือมังสวิรัติเช่นเดียวกับท่าน]
เมื่ออายุ 22 ปี ท่านทราบข่าวว่าครูบาศรีวิชัยนำประชาชนสร้างถนนขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพ ท่านจึงพาชาวกะเหรี่ยงส่วนหนึ่งมาร่วมช่วยเหลือด้วยจนแล้วเสร็จจึงกลับไปจำพรรษาที่วัดจอมหมอก อำเภออมก๋อย
ขณะนั้นฝ่ายต่อต้านครูบาศรีวิชัยซึ่งกลั่นแกล้งขัดขวางงานของครูบามาตลอด ได้ตั้งอธิกรณ์กับลูกศิษย์ครูบาแล้วบังคับให้ลาสิกขาบท รวมทั้งพระชัยยะวงศาก็ถูกเจ้าคณะตำบลจับสึกเช่นกัน ท่านจึงเปลี่ยนมาครองผ้าขาว แต่ยังรักษาข้อวัตรภิกษุอย่างเคร่งครัดเช่นเดิม แล้วไปช่วยครูบาศรีวิชัยบูรณะวัดบ้านปางเสร็จแล้วจึงออกจาริกต่อไป จนอายุ 28 ปี
ครูบาศรีวิชัยมรณภาพ ท่านช่วยงานศพแล้วมาอยู่วัดป่าพลู ได้อุปสมบทอีกครั้ง โดยครูบาบุญมา วัดบ้านโฮ่ง เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายาว่า จนฺทวํโส
ท่านจาริกไปบูรณะวัดต่าง ๆ จนอายุ 34 ปี จึงรับนิมนต์มาบูรณะวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม แล้วจำพรรษาที่นี่ตลอดมา
ครูบาวงศ์อาพาธด้วยโรคหัวใจ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ จนมรณภาพเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2543 สิริอายุได้ 87 ปี 25 วัน พรรษา 69
ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
-
- cats47.JPG (110.69 KiB) เข้าดูแล้ว 608 ครั้ง
-
- cats48.jpg (126.33 KiB) เข้าดูแล้ว 608 ครั้ง
-
- cats50.jpg (132.34 KiB) เข้าดูแล้ว 608 ครั้ง
-
- รอบ ๆ องค์พระเจดีย์จะมีรูปหล่อพระเกจิอาจารย์ดังต่าง ๆ รอบองค์พระ เยอะมากครับ เสียดายภายในพระเจดีย์เราเข้าไปไม่ได้ เมื่อหลายปีมาแล้วผมและคุณนายได้นำพระพุทธรูปขนาดหน้าตัก ๕ " มาร่วมบรรจุไว้ภายในพระเจดีย์องค์นี้ด้วย
- cats51.1.jpg (143.47 KiB) เข้าดูแล้ว 608 ครั้ง
-
- ประวัติ : วัดมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย ตามตำนานเล่ากันว่า ก่อนเกิดการสร้างพระมหาเจดีย์ศรีเวียงชัยที่วัดแห่งนี้ หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา ได้พบมูลโคขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในสมัยที่ทรงมาใช้ชาติเป็นโคพระโพธิสัตว์ และมูลโคนี้ได้กลายสภาพเป็นพระบรมธาตุ หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา จึงมีความตั้งใจที่จะสร้างพระมหาเจดีย์ครอบทับไว้ ณ สถานที่แห่งนี้ ด้วยเกรงว่าต่อไปในภายภาคหน้า หากไม่ทำอะไรสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้จะมีชาวบ้านมาสร้างบ้านเรือนเพื่ออาศัยอยู่ด้วยความไม่รู้ จึงเกิดเป็นวัดแห่งนี้ขึ้น
วัดมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย ภายในโดดเด่นสง่างามด้วย พระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัยสีทอง ตั้งเด่นตระหง่าน จนสามารถเห็นได้แต่ไกลทางหน้าทางเข้าวัด พระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัยนี้ มีรูปทรงคล้ายชเวดากองจำลอง ถือเป็นสถาปัตยกรรมทางพระพุทธศาสนาศิลปะล้านนาที่สร้างด้วยศิลาแลงมีขนาดฐานกว้าง เท่ากับ 1 ไร่ และมีความสูง 64.39 เมตร โดยหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนาเป็นผู้ริเริ่มให้มีการออกแบบและสร้างเพื่อเป็นพุทธเจดีย์ของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ อันจะเป็นพุทธเจดีย์ของภัทรกัป ให้ลูกหลานคนไทยได้กราบไหว้เป็นแห่งแรกของประเทศไทยและเป็นแห่งที่ 2 ของโลก
ที่ตั้ง : ตำบลนาทราย อ.ลี้ จังหวัดลำพูน
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4439
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
วันนี้ ๑๗ ต.ค.๖๗ เป็นวันออกพรรษาพาหนูน้อยไปวัด มาร่วมอนุโมทนาบุญกับ ด.ช.ปุรณพัฒน์ ฯ ด้วยกันนะครับ สาธุ สา ธุ สาธุ
สวัสดียามบ่ายครับ เหลืออีกหนึ่งครูบาคือครูบาขาวปี วัดผาหนามซึ่งวัดนี้ เด็กน้อยบอกประทับใจมาก ๆ มีความคิดอยากจะมานอนสักคืนสองคืน ป๊าดทีโถ๊ะ...คุณย่าเอะใจ..ถามย้ำ จริง..เหรอ? เด็กน้อยยืนยัน เอาละซี..เป็นปัญหาของคุณย่าละครับ
วัดพระพุทธบาทผาหนาม
เป็นปูชนียสถานที่สำคัญอีกแห่งของอำเภอลี้ ภายในวัดมีสองจุดให้ได้ชมคือ ตัววัดที่ตั้งอยู่ด้านล่างจะมีรูปปั้นขนาดใหญ่ของครูบาอภิชัยขาวปีเป็นจุดเด่น ซึ่งภายในวัดได้เก็บร่างที่ไม่เน่าเปื่อยของท่านไว้ในโลงแก้ว หอปราสาทรักษาศพ ณ วัดพระพุทธบาทผาหนามแห่งนี้ และในทุกวันที่ 3 มีนาคมของทุกปี จะมีประเพณีเปลี่ยนผ้าห่อสรีระซึ่งมีผู้คนมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ส่วนอีกจุดคือองค์พระธาตุที่ตั้งอยู่บนยอดดอย 2 องค์ (พระธาตุทอง พระธาตุขาว)
โดยมีสะพานไว้สำหรับเดินเชื่อมถึงกันนอกจากจะได้กราบไหว้พระธาตุแล้ว หากใครที่เดินทางขึ้นไปบนพระธาตุช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเช้า จะได้เห็นกับทะเลหมอกและสามารถชมวิวทิวทัศน์ของอำเภอลี้ได้แบบ 360 องศาอีกด้วย
ที่ตั้ง : บ้านผาหนาม ตำบลป่าไผ่ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
- ไฟล์แนบ
-
- cats52.JPG (115.42 KiB) เข้าดูแล้ว 495 ครั้ง
-
- cats53.JPG (101.15 KiB) เข้าดูแล้ว 495 ครั้ง
-
- cats54.jpg (135.85 KiB) เข้าดูแล้ว 495 ครั้ง
-
- cats55.jpg (137.02 KiB) เข้าดูแล้ว 495 ครั้ง
-
- cats56.jpg (108.84 KiB) เข้าดูแล้ว 495 ครั้ง
-
- cats57.JPG (101.55 KiB) เข้าดูแล้ว 495 ครั้ง
-
- cats58.JPG (112.16 KiB) เข้าดูแล้ว 495 ครั้ง
-
- 462544737_460254816403836_1602368924289639372_n.jpg (125.86 KiB) เข้าดูแล้ว 495 ครั้ง
-
- 462550709_525998770159162_5088905608362264798_n.jpg (112.59 KiB) เข้าดูแล้ว 495 ครั้ง
-
- 462551499_860971596192818_8621702195670423875_n.jpg (126.39 KiB) เข้าดูแล้ว 495 ครั้ง
-
- 462555858_943433644272648_8376351820513444313_n.jpg (127.38 KiB) เข้าดูแล้ว 495 ครั้ง
-
- 462560290_1071941491096899_3519397456184323726_n.jpg (117.84 KiB) เข้าดูแล้ว 495 ครั้ง
-
- 462563822_904266057805445_5572533495874753633_n.jpg (92.88 KiB) เข้าดูแล้ว 495 ครั้ง
-
- 462568521_3805446613064786_6245916910980941562_n.jpg (76.95 KiB) เข้าดูแล้ว 495 ครั้ง
-
- 462570701_532840742827862_2467014387849278414_n.jpg (117.18 KiB) เข้าดูแล้ว 495 ครั้ง
-
- 462572966_502114675982205_2293482420491766383_n.jpg (101.4 KiB) เข้าดูแล้ว 495 ครั้ง
-
- 462583092_565713939302732_5648876016059141881_n.jpg (126.23 KiB) เข้าดูแล้ว 495 ครั้ง
-
- 462636536_1619375668793683_5501199696429892392_n.jpg (119.05 KiB) เข้าดูแล้ว 495 ครั้ง
-
- ประวัติ ครูบาขาวปี
ครูบาอภิชัย นามเดิม จำปี เป็นพระภิกษุสัทธิวิหาริกของครูบาศรีวิชัย ภายหลังถูกบังคับให้ลาสิกขาบท จึงเปลี่ยนมาครองจีวรสีขาว ประชาชนจึงเรียกว่า ครูบาขาวปี
ครูบาเจ้าอภิชัยขาวปี เดิมชื่อ "จำปี" เกิดเมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2432 เป็นบุตรของพ่อเม่า และแม่จันตา ท่านกำพร้าบิดาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ต่อมาเมื่ออายุได้ 16 ปี มารดาได้นำไปฝากให้เป็นศิษย์ของครูบาศรีวิชัย ณ วัดบ้านปาง ท่านจึงได้เริ่มเรียนหนังสือ โดยท่านเป็นผู้มีนิสัยขยัน เล่าเรียนอย่างจริงจัง อ่อนโยน ว่านอนสอนง่าย นอบน้อม ครูบาเจ้าศรีวิชัยจึงมักใช้เวลาที่ท่านรับใช้ใกล้ชิดอบรมกล่อมเกลา ถ่ายทอดความรู้ให้ด้วยความเมตตา จนท่านครูบาอภิชัยมีความรู้เป็นลำดับ สามารถอ่านออกเขียนได้ และมีทักษะในการสวดมนต์ได้ดี
นอกจากนี้ในงานก่อสร้าง ท่านก็มิได้นิ่งดูดาย ได้หมั่นสังเกตพิจารณาในการช่างและเข้าไปช่วยทำงานนั้นๆ อย่างตั้งอกตั้งใจ จนมีความรู้ ความชำนาญในการช่าง
เมื่อถึงเวลาอันสมควร ท่านจึงได้บรรพชาเป็นสามเณร และได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่ออายุได้ 22 ปี ได้รับฉายาว่า "อภิชโย"
ต้องอธิกรณ์
เมื่อถึงพรรษาที่ 13 ท่านถูกกลั่นแกล้ง และถูกจับดำเนินคดีในข้อหาหลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร จนต้องถูกบังคับให้สึกและครองผ้าขาวเป็นครั้งแรก ในขณะที่ท่านติดคุกท่านได้ริเริ่มสร้างโรงพยาบาลลำพูนจนแล้วเสร็จ เมื่อออกจากคุกแล้ว ครูบาเจ้าศรีวิชัยได้ทำการอุปสมบทให้แก่ท่านเป็นครั้งที่สอง เมื่อบวชแล้วท่านได้กราบลาพระอุปัชฌาย์ไปบูรณะวัดวาอารามต่าง ๆ ต่อมาท่านได้ถูกกลั่นแกล้งกล่าวหาว่าเรี่ยไรเงินสร้างโบสถ์ จนถูกจับสึกนุ่งผ้าขาวอีกเป็นครั้งที่สอง
ช่วยครูบาเจ้าศรีวิชัยสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพ
เมื่อครูบาเจ้าศรีวิชัยได้สร้างถนนขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ท่านได้พาชาวกะเหรี่ยง 500 คน ไปช่วยทำถนนจนแล้วเสร็จ และได้กลับมาพำนักกับครูบาเจ้าศรีวิชัย ณ วัดพระสิงห์ ต่อมาได้มีผู้ขอร้องให้ครูบาเจ้าศรีวิชัยทำการอุปสมบทให้แก่ท่านเพื่อเป็นภิกษุอีกครั้งหนึ่ง
ครูบาเจ้าศรีวิชัยจึงยินยอมอุปสมบทให้ ณ วัดศรีโสดา ซึ่งในการอุปสมบทครั้งนี้เป็นเหตุให้ครูบาเจ้าศรีวิชัยต้องอธิกรณ์อีกครั้ง ครูบาเจ้าอภิชัยจึงต้องสึกนุ่งผ้าขาวอีกครั้ง และได้กลับไปที่วัดพระพุทธบาทตะเมาะ ถึงแม้ครูบาเจ้าอภิชัยจะนุ่งผ้าขาว แต่ท่านก็มีวัตรปฏิบัติและถือศีลเหมือนพระภิกษุทุกประการ วัตรปฏิบัติอันเคร่งครัดของท่านทำให้มีศรัทธาสาธุชนเลื่อมใส
เมื่อครูบาเจ้าศรีวิชัยมรณภาพแล้ว ท่านจึงเปรียบเสมือนทายาทธรรมที่มีผู้มาขอความเมตตาไปเป็นประธานในการบูรณะวัดวาอารามต่าง ๆ
ต่อมาครูบาเจ้าอภิชัยได้ไปบูรณะวัดพระพุทธบาทผาหนาม อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน และได้จำพรรษาอยู่ที่นั่นมาโดยตลอด ขณะเดียวกันท่านก็ได้เป็นประธานในการบูรณะวัดวาอารามสร้างโรงเรียน และโรงพยาบาล อีกหลายแห่ง อาทิเช่น โรงเรียนบ้านสามหลัง(อภิชัยบูรณะ) อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่
มรณภาพ
ในปี พ.ศ. 2514 คณะศรัทธาวัดสันทุ่งแฮ่ม จังหวัดลำปาง ได้มานิมนต์ท่านไปนั่งเป็นประธานในการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ ต่อมาคณะศรัทธาวัดต้นธงชัย จังหวัดสุโขทัย มานิมนต์ท่านเพื่อขอความเมตตาไปเป็นประธานในการสร้างพระวิหาร ท่านเดินทางไปเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2520 และเมื่อไปถึงวัดท่าต้นธงชัยได้เพียงวันเดียว ท่านก็ได้มรณภาพในวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2520 โดยอาการสงบ
ข้อมูล จาก สารานุกรมเสรี วิกิพีเดีย - 462636896_1658649358013175_8875175576132591189_n.jpg (99.62 KiB) เข้าดูแล้ว 495 ครั้ง
- ประวัติ ครูบาขาวปี
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4439
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
ไหว้สาครูบาขาวปี วัดผาหนาม
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ประเทศไทยในยามนี้
อันที่จริงประเทศไทยไร้ไทยแท้
แผ่นดินแม่รื่นรมย์ประสมผสาน
รวมจีนขอมมอญละว้ามาช้านาน
เกิดลูกหลานเรียกว่าไทยใต้พระบารมี
รวมใจกันยกกษัตริย์ขึ้นปกเกศ
จึงได้เกิดเป็นประเทศวิเศษศรี
เมื่อรุ่งเรืองเพียงพอก็อวดดี
ประชาชีขึ้นปกครองประชาชน
อยากเชิดหน้าว่าข้าประชาธิปไตย
ผู้เป็นใหญ่ผลัดเปลี่ยนหน้าพาสับสน
คนกร่างแกร่งเข้าแข่งขันประชันตน
เหล่าคนจนงอมือเท้าคร่าวเศษเงิน
ชั้นปกครองคอยจ้องหาผลประโยชน์
ยอมชั่วโฉดเลอะเทอะไม่เคอะเขิน
มุ่งมอมเมาเยาวชนจนโง่เกิน
เพื่อกอบโกยเพลิดเพลินจำเริญใจ
จนบัดนี้พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก
พม่าแขกอเมริกาเข้าอาศัย
คอยเบียนบ่อนให้เสียหายจากภายใน
ความเป็นไทยจะอยู่ดีอีกกี่น้ำ
หวังว่าไทยใจไทยจะไหวทัน
ใช่ไหวหวั่นใจเต้นไม่เป็นส่่ำ
เทิดกษัตริย์ยืนหยัดคุณธรรม
ชาติอย่าให้ใครย่่ำเข้าทำลาย
เป็นแม่พ่อก็คอยบ่มอบรมลูก
ให้รู้ผิดรู้ถูกอย่ามักง่าย
เป็นครูทำงานหนักอย่ารักสบาย
สอนทั้งกายสอนทั้งใจให้เด็กดี
ผืนดินมีแผ้วถางสร้างประโยชน์
อย่ามัวโทษว่าใครอื่นมาแย่งที่
เมื่อไม่ทำแล้วจะได้อย่างไรมี
เราได้ดีได้ร้ายเพราะกายเรา
จะคงครองท้องถิ่นแผ่นดินเกิด
จะล้ำเลิศหรือย่อยยับอยู่อับเฉา
ยังอยากเป็นเจ้าของต้องทำเอา
ถ้าไม่ทำก็ให้เขาเอาไปครอง
....ธรรมชาติยุติธรรมเสมอ.....
จาก กวีเกะกะ ๒๐ ตุลย์ ๒๕๖๗ ขอขอบคุณมาก ๆ ครับ
- ไฟล์แนบ
-
- จุดประทับใจของ ด.ช.ปุรณพัฒน์ ฯ คือจุดชมวิวที่ร้านขายเครื่องดื่มมีวิวทิวทัศน์ให้ชม ๑๘๐ องศา และมีเรื่องราวตลอดจนที่เดินไป - มา ให้เด็กน้อยได้สนุกสนาน แต่เราก็นั่งชมวิวและจิบเครื่องดื่มได้ไม่เกินชั่วโมง ก็ต้องรีบกลับกัน เกรงฝนฟ้าจะเทกระหน่ำขากลับ หนูน้อยสนใจที่จะมานอนกางเต้นท์ที่นี่ ก็รับปากไว้หมดฝนเมื่อไหร่แล้วเราค่อยมากันครับ
- 462562067_602093252340261_7516275971294554641_n.jpg (37.28 KiB) เข้าดูแล้ว 376 ครั้ง
-
- ถึงบ้านเกือบห้าโมงเย็น พักผ่อนหลับนอนเป็นตาย ตื่นเช้าหนูน้อยทวงสัญญาว่าวันนี้ก็เป็นวันหยุดชดเชยตามสัญญาเราน่าจะไปไหนกันดี ตามแผนแล้วเราต้องนอนที่อุทยานแห่งชาติ แม่ปิง และปั่นชมธรรมชาติที่นั่น แล้วค่อยกลับวันนี้..ถูกต้อง?
คุณย่าก็เลยแนะนำและชักชวนไปทำบุญ(เนื่องในวันแม่)ที่สำนักพระภิกษุณีสุทธจิตต์ แล้วเลยไปปั่นที่ห้วยฮ่องไคร้ ถ้ามีเวลาขากลับเราก็แวะชม สกายวอร์คดอยสะเก็ด โอเค? หนูน้อยตกลงทันที..ตามนั้นคร๊า...บ - cat.jpg (133.08 KiB) เข้าดูแล้ว 376 ครั้ง
- ถึงบ้านเกือบห้าโมงเย็น พักผ่อนหลับนอนเป็นตาย ตื่นเช้าหนูน้อยทวงสัญญาว่าวันนี้ก็เป็นวันหยุดชดเชยตามสัญญาเราน่าจะไปไหนกันดี ตามแผนแล้วเราต้องนอนที่อุทยานแห่งชาติ แม่ปิง และปั่นชมธรรมชาติที่นั่น แล้วค่อยกลับวันนี้..ถูกต้อง?
-
- พ.ศ. ๒๕๔๖ ศ.เกียรติคุณ ดร.ไมตรี สุทธจิตต์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้บริจาคที่ดินบริเวณทางเข้าเขื่อนแม่กวง อ.ดอยสะเก็ด จำนวน ๑๖ ไร่ แก่มูลนิธินิโรธาราม เพื่อใช้ประโยชน์เป็นพุทธสถาน จึงได้มีการก่อตั้ง สำนักปฏิบัติธรรมสุทธจิตต์ (นิโรธาราม สาขา ๒) ขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนทั่วไปได้มีโอกาสเข้ามาปฏิบัติธรรม ประกอบกิจกรรมการกุศลต่างๆ ให้เกิดความสงบและสติปัญญาทางจิตใจ รวมถึง เพื่อรองรับการขยายตัวของนักบวชสตรีนิโรธาราม
ปัจจุบัน สำนักปฏิบัติธรรมนิโรธาราม อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ และสำนักปฏิบัติธรรมสุทธจิตต์ (นิโรธาราม ๒) อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ อยู่ภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธินิโรธาราม โดยมีท่านภิกษุณีนันทญาณี เป็นประธานมูลนิธิ และเป็นผู้อบรมสั่งสอนปกครองนักบวชทั้ง ๒ สำนัก
-
- cat1.jpg (144.53 KiB) เข้าดูแล้ว 376 ครั้ง
-
- cat2.1.jpg (82.22 KiB) เข้าดูแล้ว 376 ครั้ง
-
- cat2.jpg (48.46 KiB) เข้าดูแล้ว 376 ครั้ง
-
- ทำบุญถวายทานแด่สำนักพระภิกษุณีสุทธจิตต์ ได้เจอญาติธรรมและคนเก่าคนแก่(แม่แอ๊ด)ได้พูดคุยสนทนากันสนุกสนาน สำนักเจริญเติบโตผิดหูผิดตา และตั้งแต่ท่านพระอาจารย์ภิกษุณี นันทญาณี (รุ้งเดือน สุวรรณ) ท่านได้มรณภาพจากพวกเราไปก็มีพระภิกษุณีเดินตามวัตรปฏิบัติที่พระอาจารย์วางไว้ อย่างเข้มงวดกิจการจึงเจริญก้าวหน้าแบบไม่ต้องเป็นห่วง
เราอำลาจากวัดเดินทางเข้าห้วยฮ่องไคร้ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันแค่ประมาณ ๒๐ กว่ากิโลก็ถึงมองฟ้าฝนทำท่าจะตกก็ภาวนาขออย่าให้เป็นอุปสรรคการปั่นเลยนะ..๕๕๕
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ แห่งนี้ พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำริ เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2525 ให้พิจารณาตั้งขึ้นบริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่าขุนแม่กวง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ขอบเขตพื้นที่ โครงการประมาณ 8,500 ไร่
โดยมีพระราชประสงค์ที่ให้เป็นศูนย์กลางในการศึกษาทดลอง วิจัย เพื่อหารูปแบบการพัฒนาต่างๆ ในบริเวณต้นน้ำเหมาะสมและเผยแพร่ให้ราษฎรนำไปปฏิบัติต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาพื้นที่ต้นน้ำลำธาร
ซึ่งศูนย์ศึกษาพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จะทำการศึกษา การพัฒนาป่าไม้พื้นที่ต้นน้ำลำธารให้ได้ผลอย่างสมบูรณ์เป็นหลัก
ต้นทางเป็นการศึกษาพัฒนาด้านป่าไม้ ปลายทางเป็นการศึกษาพัฒนาด้านการประมงตามอ่างเก็บน้ำต่างๆ ผสมกับการศึกษา ด้านการเกษตรกรรม ด้านปศุสัตว์และโคนม และด้านเกษตรอุตสาหกรรม เพื่อเป็นศูนย์ ที่สมบูรณ์แบบที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อราษฎรที่จะเข้ามาศึกษากิจกรรมต่างๆ ภายในศูนย์แล้วนำไปปฏิบัติอย่างได้ผลต่อไป
ดังมีพระราชดำริให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ ทำหน้าที่เสมือน “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต” หรืออีกนัยหนึ่ง “สรุปผลและการพัฒนา” ที่ประชาชนจะเข้าไปเรียนรู้และนำไปปฏิบัติได้ - 462544724_1062837258641428_6755315737709191816_n.jpg (46.87 KiB) เข้าดูแล้ว 376 ครั้ง
- ทำบุญถวายทานแด่สำนักพระภิกษุณีสุทธจิตต์ ได้เจอญาติธรรมและคนเก่าคนแก่(แม่แอ๊ด)ได้พูดคุยสนทนากันสนุกสนาน สำนักเจริญเติบโตผิดหูผิดตา และตั้งแต่ท่านพระอาจารย์ภิกษุณี นันทญาณี (รุ้งเดือน สุวรรณ) ท่านได้มรณภาพจากพวกเราไปก็มีพระภิกษุณีเดินตามวัตรปฏิบัติที่พระอาจารย์วางไว้ อย่างเข้มงวดกิจการจึงเจริญก้าวหน้าแบบไม่ต้องเป็นห่วง
-
- cat4.jpg (148.97 KiB) เข้าดูแล้ว 376 ครั้ง
-
- cat5.jpg (132.58 KiB) เข้าดูแล้ว 376 ครั้ง
-
- 462577840_1050433853495115_3921232310440624331_n.jpg (44.96 KiB) เข้าดูแล้ว 376 ครั้ง
-
- 462581055_462720322857215_1108131223632835241_n (1).jpg (55.37 KiB) เข้าดูแล้ว 376 ครั้ง
-
- cat6.2.jpg (23.18 KiB) เข้าดูแล้ว 376 ครั้ง
-
- 462547659_869780605266087_4395741295054091933_n (1).jpg (100.87 KiB) เข้าดูแล้ว 376 ครั้ง
-
- 462548455_2009334876161873_6617512884594307497_n.jpg (109.15 KiB) เข้าดูแล้ว 376 ครั้ง
-
- สนุกสนานกับธรรมชาติภายในศูนย์ ปั่นชิว ๆ มีความสุขแต่ปั่นได้แค่เหงื่่อกำลังซึม และแรงกำลังเริ่มดี(ติดลม ๕๕ ) ฝนไม่ปราณีเริ่มโปรยก่อนที่จะถึงหนองน้ำ เป้าหมายอยากจะให้ไปชมกิจการที่ห้องจัดนิทรรศการ แต่จำใจต้องรีบย้อนกลับเพื่อป้องกันไม่ให้กรำฝน รร.เปิดพรุ่งนี้เกิดป่วยซะก่อน...จะทำให้หนูน้อยคิดขยาดก็อาจเป็นได้ เอาแค่ซอฟ ๆ พอให้ติดใจ(มันเขี้ยว) บอกหนูน้อยถ้าติดใจ ไม่เป็นไรเที่ยวหน้าเราปั่นใหม่ได้ โอเค ?
- 462555159_993388039227626_8259116125551182577_n.jpg (104.21 KiB) เข้าดูแล้ว 376 ครั้ง
-
- กลับมาถึงรถอัศจรรย์ฝนซาเม็ดและช่วงที่เราเก็บสัมภาระ(แพ็ครถขึ้นปิ๊คอัพ) ฝนหยุดครับ...คิด ๆ ยังเสียดายครั้นจะนำรถลงปั่นอีกเกิดฝนตกคงจะเสียเวลา คุณนายให้โอกาสหนูน้อยตัดสินใจจะเอาอย่างไร โดยมีตัวเลือกว่า ขากลับเรามีแผนที่จะแวะพระธาตุดอยสะเก็ดเพื่อไปชม Sky walk ซึ่งกำลังเปิดให้เข้าชมสด ๆ ร้อน ๆ
หนูน้อยรีบตัดสินใจ...ไปสกายวอร์ค(แบบไม่รั้งรอ) เพราะยังติดใจเมื่อครั้งไปชมสกายวอร์คที่ จ.เลยครับ ติดตามชมสกายวอร์ค อ.ดอยสะเก็ดนะครับ โชคดีครับ - 462575159_1298286818001538_5405236467864158971_n (1).jpg (117.43 KiB) เข้าดูแล้ว 371 ครั้ง
- กลับมาถึงรถอัศจรรย์ฝนซาเม็ดและช่วงที่เราเก็บสัมภาระ(แพ็ครถขึ้นปิ๊คอัพ) ฝนหยุดครับ...คิด ๆ ยังเสียดายครั้นจะนำรถลงปั่นอีกเกิดฝนตกคงจะเสียเวลา คุณนายให้โอกาสหนูน้อยตัดสินใจจะเอาอย่างไร โดยมีตัวเลือกว่า ขากลับเรามีแผนที่จะแวะพระธาตุดอยสะเก็ดเพื่อไปชม Sky walk ซึ่งกำลังเปิดให้เข้าชมสด ๆ ร้อน ๆ
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4439
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
วันนี้ ๒๓ ตุลาคม เป็นวัน "ปิยมหาราช"
"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" รัชกาลที่ ๕ เสด็จสวรรคต เมื่อ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๕๓ คือเมื่อ ๑๑๔ ปีล่วงแล้ว พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่รักยิ่งของพสกนิกร เมื่อสวรรคต จึงพร้อมใจกันถวายพระราชสมัญญาว่า "พระปิยมหาราช"
รัชกาลที่ ๕ ทรงนำสังคมประเทศก้าวข้ามยุค "ไพร่ทาสเจ้าขุนมูลนาย" ไปสู่มิติ "ไทย-อารยสากล"! ก้าวนั้น เป็น "ก้าวนำไทย" ทุกด้านสู่ตราบปัจจุบัน พระราชวิสัยทัศน์ "อัจฉริยภาพ" แห่งพระปิยมหาราช อันเด่นชัด พระองค์ทรงวางแนวทางเป็นรากแก้ว "ไทย-สู่อารยสากล" ..........ไว้ที่ "การศึกษา" ให้คนได้มีการศึกษา แล้วคนที่ได้รับการศึกษา ก็จะมา "สร้างชาติ-พัฒนาเมือง" ให้ก้าวคู่ไปกับเข็มนาฬิกาสังคมโลก
"จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" เป็นหนึ่งกายภาพ "สร้างคนทางการศึกษาให้ออกไปสร้างชาติ-พัฒนาเมือง" ณ ครั้งปฏิวัติสังคมประเทศ พระองค์ทรงส่ง "พระราชโอรส" ๔ พระองค์ ไปศึกษาต่างประเทศ คือ -"พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์" ("กรมพระจันทบุรีนฤนาถ" ต้นราชสกุล "กิติยากร") เมื่้อสำเร็จการศึกษา เสด็จกลับมาทรงเป็นเสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติและกระทรวงพาณิชย์
-"พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์" ("กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์" ต้นราชสกุล "รพีพัฒน") นำความรู้สาขาที่ทรงศึกษากลับมาพัฒนาสังคมชาติในตำแหน่งเสนาบดี "กระทรวงยุติธรรม" และเสนาบดี "กระทรวงเกษตราธิการ"
-"พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าประวิตรวัฒโนดม" ("กรมหลวงปราจิณกิติบดี" ต้นราชสกุล "ประวิตร") กลับมาทรงปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง "ราชเลขาธิการ" ใน "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว"
-"พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าจิรประวัติวรเดช" ("กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช" ต้นราชสกุล "จิรประวัติ") ก็ทรงนำความรู้ที่ได้ศึกษาร่ำเรียนจากตะวันตก มาวางรากฐานทางการทหาร ทรงดำรงตำแหน่ง "ผู้บัญชาการทหารบก" และเสนาบดี "กระทรวงกลาโหม"
นับว่าเด่นชัด การปฏิรูปสังคมประเทศ รากที่ยั่งยืน ต้องมาจาก "การศึกษา" ศึกษาในเป้าหมาย เรียนเพื่อนำที่รู้ไปพัฒนาชาติ แต่ถ้านำที่รู้ไปล้มล้างชาติ นั่นไม่ใช่ศึกษา แต่เรียกว่าศิษย์-อาจารย์ "ซ่องสุม" ในสถานศึกษา!
จดหมายฉบับหนึ่ง มีบันทึกไว้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ชาติยุคเปลี่ยนผ่าน มีผู้นำมากล่าวถึงกันอยู่บ้าง คือจดหมายที่ "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" ทรงพระราชนิพนธ์พระราชทานแก่บรรดา "พระราชโอรส" ที่เสด็จไปทรงเรียนหนังสือในยุโรป เมื่อ พ.ศ.๒๔๒๘ ดังนี้
พระบรมราโชวาท ในรัชกาลที่ ๕
ขอจดหมายคำสั่งตามความประสงค์ให้แก่ลูกบรรดาซึ่งจะให้ออกไปเรียนหนังสือในประเทศยุโรป จงประพฤติตามโอวาทที่จะกล่าวต่อไปนี้…
๑.
“การซึ่งจะให้ออกไปเรียนครั้งนี้ มีความประสงค์มุ่งหมายแต่จะให้ได้วิชาความรู้อย่างเดียว ไม่มั่นหมายจะให้เป็นเกียรติยศชื่อเสียงอย่างหนึ่งอย่างใดในชั้น ซึ่งยังเป็นผู้เรียนวิชาอยู่นี้เลย
เพราะฉะนั้น ที่จะไปครั้งนี้ อย่าให้ไว้ยศว่าเป็นเจ้า ให้ถือเอาบรรดาศักดิ์เสมอลูกผู้มีตระกูลในกรุงสยาม
"…ความประสงค์ข้อนี้ ใช่ว่าจะเกิดขึ้นเพราะไม่มีความเมตตากรุณาหรือจะปิดบังซ่อนเร้นไม่ให้รู้ว่าเป็นลูกอย่างนั้นเลย
พ่อคงรับว่าเป็นลูกและมีความเมตตากรุณาตามธรรมดาที่บิดาจะกรุณาต่อบุตร
แต่เห็นว่า ซึ่งจะเป็นยศเจ้าไปนั้น ไม่เป็นประโยชน์อันใดแก่ตัวนัก"
"…และถ้าเป็นเจ้านายแล้ว ต้องรักษายศศักดิ์ในกิจการทั้งปวง ที่จะทำทุกอย่างเป็นเครื่องล่อตา ล่อหูคนทั้งปวง ที่จะให้พอใจดู พอใจฟัง จะทำอันใด ก็ต้องระวังตัวไปทุกอย่าง ที่สุด จนจะซื้อจ่ายอันใดก็แพงกว่าคนสามัญ เพราะเขาถือว่ามั่งมี เป็นการเปลืองทรัพย์ในที่ไม่ควรจะเปลือง
เพราะเหตุว่า ถึงจะเป็นเจ้าก็ดี เป็นไพร่ก็ดี เมื่ออยู่ในประเทศไม่ใช่บ้านเมืองของตัว ก็ไม่มีอำนาจที่จะทำฤทธิ์เดชอันใดผิดไปกับคนสามัญได้
เพราะฉะนั้น จึงขอห้ามเสียว่า อย่าได้ไปอวดอ้างเอง หรืออย่าให้คนใช้สอยอวดอ้างว่าเป็นเจ้านายอันใด จงประพฤติให้ถูกตามคำสั่งนี้”
๒.
“…การซึ่งให้มีโอกาสและให้ทุนทรัพย์ซึ่งจะได้เล่าเรียนวิชานี้ เป็นหลักทรัพย์มรดกอันประเสริฐ ดีกว่าทรัพย์สินเงินทองอื่นๆ ด้วยเป็นของติดตัวอยู่ได้ไม่มีอันตรายที่จะเสื่อมสูญ ลูกคนใดที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดก็ดี หรือไม่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดก็ดี ก็ต้องส่งไปเรียนวิชาทุกคน ตลอดโอกาสที่จะเป็นไปได้ เหมือนหนึ่งได้แบ่งทรัพย์มรดกให้แก่ลูกเสมอๆ กันทุกคน…”
๓.
“…เจ้านายจะเป็นผู้ได้ทำราชการ มีชื่อเสียงดี ก็อาศัยได้แต่สติปัญญาความรู้และความเพียรของตัว
เพราะฉะนั้น จงอุตสาหะเล่าเรียนโดยความเพียรอย่างยิ่ง เพื่อได้มีโอกาสที่จะทำการให้เป็นคุณแก่บ้านเมืองของตนและโลกที่ตัวได้มาเกิด"
“ถ้าจะถือว่าเกิดมาเป็นเจ้านายแล้ว นิ่งๆ อยู่จนตลอดชีวิตก็เป็นสบาย ดังนั้น จะไม่ผิดอันใดกับสัตว์ดิรัจฉาน
อย่างเลวนัก สัตว์ดิรัจฉานมันเกิดมากินๆ นอนๆ แล้วก็ตาย แต่สัตว์บางอย่าง
ยังมีหนัง มีเขา มีกระดูก เป็นประโยชน์ได้บ้าง
แต่ถ้าคนประพฤติอย่างเช่นสัตว์ดิรัจฉานแล้ว จะไม่มีประโยชน์อันใดยิ่งกว่าสัตว์ดิรัจฉานบางพวกไปอีก"
“เพราะฉะนั้น จงอุตสาหะที่จะเรียนวิชาเข้ามาเป็นกำลังที่จะทำตัวให้ดีกว่าสัตว์ดิรัจฉานให้จงได้ จึงจะนับว่าเป็นการได้สนองคุณพ่อ ซึ่งได้คิดทำนุบำรุงเพื่อจะให้ดีตั้งแต่เกิดมา”
๔.
“อย่าได้ถือตัวว่าเป็นลูกเจ้าแผ่นดิน พ่อมีอำนาจยิ่งใหญ่อยู่ในบ้านเมือง ถึงจะเกะกะไม่กลัวเกรง คุมเหงผู้ใดเขาก็จะมีความเกรงใจพ่อ ไม่ต่อสู้ หรือไม่อาจฟ้องร้องว่ากล่าว
การซึ่งเชื่อใจดังนั้น เป็นการผิดแท้ทีเดียว
เพราะความปรารถนาของพ่อ ไม่อยากจะให้ลูกมีอำนาจที่จะเกะกะอย่างนั้นเลย"
“…อีกประการหนึ่งชีวิตสังขารมนุษย์ไม่ยั่งยืนยืดยาวเหมือนเหล็กเหมือนศิลา ถึงโดยว่าจะมีพ่ออยู่ในขณะหนึ่ง ก็คงจะมีเวลาที่ไม่มีได้ขณะหนึ่งเป็นแน่แท้
ถ้าประพฤติความชั่วเสียแต่ในเวลามีพ่ออยู่แล้ว โดยจะปิดบังซ่อนเร้นอยู่ได้ด้วยอย่างหนึ่งอย่างใด
เวลาไม่มีพ่อ ความชั่วนั้น คงจะปรากฏเป็นโทษติดตัวเหมือนเงาตามหลังอยู่ไม่ขาด"
“เพราะฉะนั้น จงเป็นคนอ่อนน้อม ว่าง่าย สอนง่าย อย่าให้เป็นทิฐิมานะไปในทางที่ผิด จงประพฤติตัวหันมาทางที่ชอบ ที่ถูก อยู่เสมอเป็นนิจเถิด
จะละเว้นทางที่ชั่วซึ่งรู้ได้เองแก่ตัว หรือมีผู้ตักเตือนแนะนำให้รู้แล้ว อย่าให้ล่วงให้เป็นไปได้เลยเป็นอันขาด”
๕.
“…จงจำไว้ ตั้งใจอยู่ให้เสมอว่า ตัวเป็นคนจน มีเงินใช้เฉพาะแต่ที่รักษาความสุขของตัวพอสมควรเท่านั้น ไม่มั่งมีเหมือนใครๆ อื่น
และไม่เหมือนกับผู้ดีฝรั่งเลย ผู้ดีฝรั่งเขามั่งมีสืบตระกูลกันมาด้วยได้ดอกเบี้ยค่าเช่าต่างๆ
ตัวเองเป็นผู้ได้เงินจากราษฎรเลี้ยงพอสมควรที่จะเลี้ยงชีวิตและรักษาเกียรติยศเท่านั้น อย่าไปอวดมั่งอวดมีทำเทียบเทียมเขาให้ฟุ้งซ่านไปเป็นอันขาด…”
๖.
“วิชาที่จะออกไปเรียนนั้น ก็คงต้องไปเรียนภาษาและหนังสือในสามภาษา คือ อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน ให้ได้แม่นยำ ชัดเจน คล่องแคล่ว จนถึงแต่งหนังสือได้สองภาษาเป็นอย่างน้อย
เป็นวิชาหนังสืออย่างหนึ่ง กับวิชาเลขให้เรียนรู้คิดใช้ได้ในการต่างๆ อีกอย่างหนึ่ง เป็นต้น วิชาสองอย่างที่จำเป็นจะต้องเรียนให้รู้ให้ได้จริงๆ เป็นชั้นต้น
แต่วิชาอื่นๆ ที่จะเรียนต่อไป ให้เป็นวิชาชำนาญวิเศษในกิจการข้างวิชานั้น จะตัดสินเป็นแน่นอนว่า ให้เรียนสิ่งใดในเวลานี้ ก็ยังไม่ควรจะต้องเป็นคำสั่งต่อภายหลัง…”
๗.
“…......อย่าตื่นตัวเองว่าได้ไปร่ำเรียนภาษาฝรั่งแล้วลืมภาษาไทย กลับเห็นเป็นการเก๋การกี๋อย่างเช่นนักเรียนบางคนมักจะเห็นผิดไปดังนั้น"
“…เพราะเหตุฉะนั้น ในเวลาที่ออกไปเรียนวิชาอยู่ ขอบังคับว่า ให้เขียนหนังสือถึงพ่อทุกคน อย่างน้อยเดือนละฉบับ
เมื่อเวลายังเขียนหนังสืออังกฤษไม่ได้ ก็เขียนมาเป็นหนังสือไทย ถ้าเขียนหนังสืออังกฤษหรือภาษาหนึ่งภาษาใดได้ ให้เขียนภาษาอื่นนั้นมาฉบับหนึ่ง
ให้เขียนคำแปลเป็นหนังสือไทยอีกฉบับหนึ่ง ติดกันมาอย่าให้ขาด เพราะเหตุที่ลูกยังเป็นเด็ก ไม่ได้เรียนภาษาไทยแน่นอนมั่นคง ก็ให้อาศัยไต่ถามครูไทยที่ออกไปอยู่ด้วย
หรือค้นดูตามหนังสือภาษาไทย ซึ่งได้จัดออกไปให้ด้วย คงจะพอหาถ้อยคำที่จะใช้แปลออกเป็นภาษาไทยได้
แต่หนังสือไทยที่จะเป็นกำลังช่วยอย่างนี้ยังมีน้อยจริง เมื่อเขียนเข้ามาคำใดผิดจะติเตียนออกไป แล้วจงจำไว้ใช้ให้ถูกต่อไปภายหน้า"
“อย่าให้มีความกลัวความกระดากว่าผิด ให้ทำตามที่เต็มอุตสาหะความแน่ใจว่าเป็นถูกแล้ว เมื่อผิดก็แก้ไปไม่เสียหายอันใด”
๘.
“…เมื่ออยู่ในโรงเรียนแห่งใด จงประพฤติการให้เรียบร้อยตามแบบอย่าง ซึ่งเขาตั้งลงไว้ อย่าเกะกะวุ่นวายเชื่อตัวเชื่อฤทธิ์ไปต่างๆ
จงอุตส่าห์พากเพียรเรียนวิชา ให้รู้มาได้ช่วยกำลังพ่อเป็นที่ชื่นชมยินดีสมกับที่มีความรักนั้นเถิดฯ”
.....................................
พสกนิกรทั้งแผ่นดินคือลูกของพระมหากษัตริย์ ทั้ง ๘ ข้อนี้ จึงพูดได้ว่า "ดั่งมรดกพ่อมีให้แก่ลูก"
ทุกสถาบันศึกษา
ควรยิ่ง ที่จะนำไปจารึกเป็น "บัญญัติ ๘ ประการ" ให้ท่อง-ให้จำ-ให้น้อมนำประยุกต์ปฏิบัติ เพราะ....
พระบรมราโชวาทนี้ "ค่าควรเมือง" แท้จริง.
-เปลว สีเงิน ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๗ คนปลายซอย
สวัสดียามเที่ยง ๆ ของวันดี ๆ เรามาพร้อมใจกันรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณขององค์บุรพกษัตริยาธราช โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ร.๕ ผู้นำพาประเทศชาติสู่ความรุ่งโรจน์ ขอพวกเราชาวไทยจงรักและสามัคคีกันอย่าทำร้ายทำลายกันเลย...ขอความสุขสวัสดีจงกลับมาโดยเร็วพลันครับ
เรายังเหลือจุดท่องเที่ยวอีกหนึ่งแห่งคือ สกายวอร์ค อ.ดอยสะเก็ด ไปชมกันเลยครับ
สกายวอร์คดอยสะเก็ด
"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" รัชกาลที่ ๕ เสด็จสวรรคต เมื่อ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๕๓ คือเมื่อ ๑๑๔ ปีล่วงแล้ว พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่รักยิ่งของพสกนิกร เมื่อสวรรคต จึงพร้อมใจกันถวายพระราชสมัญญาว่า "พระปิยมหาราช"
รัชกาลที่ ๕ ทรงนำสังคมประเทศก้าวข้ามยุค "ไพร่ทาสเจ้าขุนมูลนาย" ไปสู่มิติ "ไทย-อารยสากล"! ก้าวนั้น เป็น "ก้าวนำไทย" ทุกด้านสู่ตราบปัจจุบัน พระราชวิสัยทัศน์ "อัจฉริยภาพ" แห่งพระปิยมหาราช อันเด่นชัด พระองค์ทรงวางแนวทางเป็นรากแก้ว "ไทย-สู่อารยสากล" ..........ไว้ที่ "การศึกษา" ให้คนได้มีการศึกษา แล้วคนที่ได้รับการศึกษา ก็จะมา "สร้างชาติ-พัฒนาเมือง" ให้ก้าวคู่ไปกับเข็มนาฬิกาสังคมโลก
"จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" เป็นหนึ่งกายภาพ "สร้างคนทางการศึกษาให้ออกไปสร้างชาติ-พัฒนาเมือง" ณ ครั้งปฏิวัติสังคมประเทศ พระองค์ทรงส่ง "พระราชโอรส" ๔ พระองค์ ไปศึกษาต่างประเทศ คือ -"พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์" ("กรมพระจันทบุรีนฤนาถ" ต้นราชสกุล "กิติยากร") เมื่้อสำเร็จการศึกษา เสด็จกลับมาทรงเป็นเสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติและกระทรวงพาณิชย์
-"พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์" ("กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์" ต้นราชสกุล "รพีพัฒน") นำความรู้สาขาที่ทรงศึกษากลับมาพัฒนาสังคมชาติในตำแหน่งเสนาบดี "กระทรวงยุติธรรม" และเสนาบดี "กระทรวงเกษตราธิการ"
-"พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าประวิตรวัฒโนดม" ("กรมหลวงปราจิณกิติบดี" ต้นราชสกุล "ประวิตร") กลับมาทรงปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง "ราชเลขาธิการ" ใน "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว"
-"พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าจิรประวัติวรเดช" ("กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช" ต้นราชสกุล "จิรประวัติ") ก็ทรงนำความรู้ที่ได้ศึกษาร่ำเรียนจากตะวันตก มาวางรากฐานทางการทหาร ทรงดำรงตำแหน่ง "ผู้บัญชาการทหารบก" และเสนาบดี "กระทรวงกลาโหม"
นับว่าเด่นชัด การปฏิรูปสังคมประเทศ รากที่ยั่งยืน ต้องมาจาก "การศึกษา" ศึกษาในเป้าหมาย เรียนเพื่อนำที่รู้ไปพัฒนาชาติ แต่ถ้านำที่รู้ไปล้มล้างชาติ นั่นไม่ใช่ศึกษา แต่เรียกว่าศิษย์-อาจารย์ "ซ่องสุม" ในสถานศึกษา!
จดหมายฉบับหนึ่ง มีบันทึกไว้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ชาติยุคเปลี่ยนผ่าน มีผู้นำมากล่าวถึงกันอยู่บ้าง คือจดหมายที่ "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" ทรงพระราชนิพนธ์พระราชทานแก่บรรดา "พระราชโอรส" ที่เสด็จไปทรงเรียนหนังสือในยุโรป เมื่อ พ.ศ.๒๔๒๘ ดังนี้
พระบรมราโชวาท ในรัชกาลที่ ๕
ขอจดหมายคำสั่งตามความประสงค์ให้แก่ลูกบรรดาซึ่งจะให้ออกไปเรียนหนังสือในประเทศยุโรป จงประพฤติตามโอวาทที่จะกล่าวต่อไปนี้…
๑.
“การซึ่งจะให้ออกไปเรียนครั้งนี้ มีความประสงค์มุ่งหมายแต่จะให้ได้วิชาความรู้อย่างเดียว ไม่มั่นหมายจะให้เป็นเกียรติยศชื่อเสียงอย่างหนึ่งอย่างใดในชั้น ซึ่งยังเป็นผู้เรียนวิชาอยู่นี้เลย
เพราะฉะนั้น ที่จะไปครั้งนี้ อย่าให้ไว้ยศว่าเป็นเจ้า ให้ถือเอาบรรดาศักดิ์เสมอลูกผู้มีตระกูลในกรุงสยาม
"…ความประสงค์ข้อนี้ ใช่ว่าจะเกิดขึ้นเพราะไม่มีความเมตตากรุณาหรือจะปิดบังซ่อนเร้นไม่ให้รู้ว่าเป็นลูกอย่างนั้นเลย
พ่อคงรับว่าเป็นลูกและมีความเมตตากรุณาตามธรรมดาที่บิดาจะกรุณาต่อบุตร
แต่เห็นว่า ซึ่งจะเป็นยศเจ้าไปนั้น ไม่เป็นประโยชน์อันใดแก่ตัวนัก"
"…และถ้าเป็นเจ้านายแล้ว ต้องรักษายศศักดิ์ในกิจการทั้งปวง ที่จะทำทุกอย่างเป็นเครื่องล่อตา ล่อหูคนทั้งปวง ที่จะให้พอใจดู พอใจฟัง จะทำอันใด ก็ต้องระวังตัวไปทุกอย่าง ที่สุด จนจะซื้อจ่ายอันใดก็แพงกว่าคนสามัญ เพราะเขาถือว่ามั่งมี เป็นการเปลืองทรัพย์ในที่ไม่ควรจะเปลือง
เพราะเหตุว่า ถึงจะเป็นเจ้าก็ดี เป็นไพร่ก็ดี เมื่ออยู่ในประเทศไม่ใช่บ้านเมืองของตัว ก็ไม่มีอำนาจที่จะทำฤทธิ์เดชอันใดผิดไปกับคนสามัญได้
เพราะฉะนั้น จึงขอห้ามเสียว่า อย่าได้ไปอวดอ้างเอง หรืออย่าให้คนใช้สอยอวดอ้างว่าเป็นเจ้านายอันใด จงประพฤติให้ถูกตามคำสั่งนี้”
๒.
“…การซึ่งให้มีโอกาสและให้ทุนทรัพย์ซึ่งจะได้เล่าเรียนวิชานี้ เป็นหลักทรัพย์มรดกอันประเสริฐ ดีกว่าทรัพย์สินเงินทองอื่นๆ ด้วยเป็นของติดตัวอยู่ได้ไม่มีอันตรายที่จะเสื่อมสูญ ลูกคนใดที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดก็ดี หรือไม่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดก็ดี ก็ต้องส่งไปเรียนวิชาทุกคน ตลอดโอกาสที่จะเป็นไปได้ เหมือนหนึ่งได้แบ่งทรัพย์มรดกให้แก่ลูกเสมอๆ กันทุกคน…”
๓.
“…เจ้านายจะเป็นผู้ได้ทำราชการ มีชื่อเสียงดี ก็อาศัยได้แต่สติปัญญาความรู้และความเพียรของตัว
เพราะฉะนั้น จงอุตสาหะเล่าเรียนโดยความเพียรอย่างยิ่ง เพื่อได้มีโอกาสที่จะทำการให้เป็นคุณแก่บ้านเมืองของตนและโลกที่ตัวได้มาเกิด"
“ถ้าจะถือว่าเกิดมาเป็นเจ้านายแล้ว นิ่งๆ อยู่จนตลอดชีวิตก็เป็นสบาย ดังนั้น จะไม่ผิดอันใดกับสัตว์ดิรัจฉาน
อย่างเลวนัก สัตว์ดิรัจฉานมันเกิดมากินๆ นอนๆ แล้วก็ตาย แต่สัตว์บางอย่าง
ยังมีหนัง มีเขา มีกระดูก เป็นประโยชน์ได้บ้าง
แต่ถ้าคนประพฤติอย่างเช่นสัตว์ดิรัจฉานแล้ว จะไม่มีประโยชน์อันใดยิ่งกว่าสัตว์ดิรัจฉานบางพวกไปอีก"
“เพราะฉะนั้น จงอุตสาหะที่จะเรียนวิชาเข้ามาเป็นกำลังที่จะทำตัวให้ดีกว่าสัตว์ดิรัจฉานให้จงได้ จึงจะนับว่าเป็นการได้สนองคุณพ่อ ซึ่งได้คิดทำนุบำรุงเพื่อจะให้ดีตั้งแต่เกิดมา”
๔.
“อย่าได้ถือตัวว่าเป็นลูกเจ้าแผ่นดิน พ่อมีอำนาจยิ่งใหญ่อยู่ในบ้านเมือง ถึงจะเกะกะไม่กลัวเกรง คุมเหงผู้ใดเขาก็จะมีความเกรงใจพ่อ ไม่ต่อสู้ หรือไม่อาจฟ้องร้องว่ากล่าว
การซึ่งเชื่อใจดังนั้น เป็นการผิดแท้ทีเดียว
เพราะความปรารถนาของพ่อ ไม่อยากจะให้ลูกมีอำนาจที่จะเกะกะอย่างนั้นเลย"
“…อีกประการหนึ่งชีวิตสังขารมนุษย์ไม่ยั่งยืนยืดยาวเหมือนเหล็กเหมือนศิลา ถึงโดยว่าจะมีพ่ออยู่ในขณะหนึ่ง ก็คงจะมีเวลาที่ไม่มีได้ขณะหนึ่งเป็นแน่แท้
ถ้าประพฤติความชั่วเสียแต่ในเวลามีพ่ออยู่แล้ว โดยจะปิดบังซ่อนเร้นอยู่ได้ด้วยอย่างหนึ่งอย่างใด
เวลาไม่มีพ่อ ความชั่วนั้น คงจะปรากฏเป็นโทษติดตัวเหมือนเงาตามหลังอยู่ไม่ขาด"
“เพราะฉะนั้น จงเป็นคนอ่อนน้อม ว่าง่าย สอนง่าย อย่าให้เป็นทิฐิมานะไปในทางที่ผิด จงประพฤติตัวหันมาทางที่ชอบ ที่ถูก อยู่เสมอเป็นนิจเถิด
จะละเว้นทางที่ชั่วซึ่งรู้ได้เองแก่ตัว หรือมีผู้ตักเตือนแนะนำให้รู้แล้ว อย่าให้ล่วงให้เป็นไปได้เลยเป็นอันขาด”
๕.
“…จงจำไว้ ตั้งใจอยู่ให้เสมอว่า ตัวเป็นคนจน มีเงินใช้เฉพาะแต่ที่รักษาความสุขของตัวพอสมควรเท่านั้น ไม่มั่งมีเหมือนใครๆ อื่น
และไม่เหมือนกับผู้ดีฝรั่งเลย ผู้ดีฝรั่งเขามั่งมีสืบตระกูลกันมาด้วยได้ดอกเบี้ยค่าเช่าต่างๆ
ตัวเองเป็นผู้ได้เงินจากราษฎรเลี้ยงพอสมควรที่จะเลี้ยงชีวิตและรักษาเกียรติยศเท่านั้น อย่าไปอวดมั่งอวดมีทำเทียบเทียมเขาให้ฟุ้งซ่านไปเป็นอันขาด…”
๖.
“วิชาที่จะออกไปเรียนนั้น ก็คงต้องไปเรียนภาษาและหนังสือในสามภาษา คือ อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน ให้ได้แม่นยำ ชัดเจน คล่องแคล่ว จนถึงแต่งหนังสือได้สองภาษาเป็นอย่างน้อย
เป็นวิชาหนังสืออย่างหนึ่ง กับวิชาเลขให้เรียนรู้คิดใช้ได้ในการต่างๆ อีกอย่างหนึ่ง เป็นต้น วิชาสองอย่างที่จำเป็นจะต้องเรียนให้รู้ให้ได้จริงๆ เป็นชั้นต้น
แต่วิชาอื่นๆ ที่จะเรียนต่อไป ให้เป็นวิชาชำนาญวิเศษในกิจการข้างวิชานั้น จะตัดสินเป็นแน่นอนว่า ให้เรียนสิ่งใดในเวลานี้ ก็ยังไม่ควรจะต้องเป็นคำสั่งต่อภายหลัง…”
๗.
“…......อย่าตื่นตัวเองว่าได้ไปร่ำเรียนภาษาฝรั่งแล้วลืมภาษาไทย กลับเห็นเป็นการเก๋การกี๋อย่างเช่นนักเรียนบางคนมักจะเห็นผิดไปดังนั้น"
“…เพราะเหตุฉะนั้น ในเวลาที่ออกไปเรียนวิชาอยู่ ขอบังคับว่า ให้เขียนหนังสือถึงพ่อทุกคน อย่างน้อยเดือนละฉบับ
เมื่อเวลายังเขียนหนังสืออังกฤษไม่ได้ ก็เขียนมาเป็นหนังสือไทย ถ้าเขียนหนังสืออังกฤษหรือภาษาหนึ่งภาษาใดได้ ให้เขียนภาษาอื่นนั้นมาฉบับหนึ่ง
ให้เขียนคำแปลเป็นหนังสือไทยอีกฉบับหนึ่ง ติดกันมาอย่าให้ขาด เพราะเหตุที่ลูกยังเป็นเด็ก ไม่ได้เรียนภาษาไทยแน่นอนมั่นคง ก็ให้อาศัยไต่ถามครูไทยที่ออกไปอยู่ด้วย
หรือค้นดูตามหนังสือภาษาไทย ซึ่งได้จัดออกไปให้ด้วย คงจะพอหาถ้อยคำที่จะใช้แปลออกเป็นภาษาไทยได้
แต่หนังสือไทยที่จะเป็นกำลังช่วยอย่างนี้ยังมีน้อยจริง เมื่อเขียนเข้ามาคำใดผิดจะติเตียนออกไป แล้วจงจำไว้ใช้ให้ถูกต่อไปภายหน้า"
“อย่าให้มีความกลัวความกระดากว่าผิด ให้ทำตามที่เต็มอุตสาหะความแน่ใจว่าเป็นถูกแล้ว เมื่อผิดก็แก้ไปไม่เสียหายอันใด”
๘.
“…เมื่ออยู่ในโรงเรียนแห่งใด จงประพฤติการให้เรียบร้อยตามแบบอย่าง ซึ่งเขาตั้งลงไว้ อย่าเกะกะวุ่นวายเชื่อตัวเชื่อฤทธิ์ไปต่างๆ
จงอุตส่าห์พากเพียรเรียนวิชา ให้รู้มาได้ช่วยกำลังพ่อเป็นที่ชื่นชมยินดีสมกับที่มีความรักนั้นเถิดฯ”
.....................................
พสกนิกรทั้งแผ่นดินคือลูกของพระมหากษัตริย์ ทั้ง ๘ ข้อนี้ จึงพูดได้ว่า "ดั่งมรดกพ่อมีให้แก่ลูก"
ทุกสถาบันศึกษา
ควรยิ่ง ที่จะนำไปจารึกเป็น "บัญญัติ ๘ ประการ" ให้ท่อง-ให้จำ-ให้น้อมนำประยุกต์ปฏิบัติ เพราะ....
พระบรมราโชวาทนี้ "ค่าควรเมือง" แท้จริง.
-เปลว สีเงิน ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๗ คนปลายซอย
สวัสดียามเที่ยง ๆ ของวันดี ๆ เรามาพร้อมใจกันรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณขององค์บุรพกษัตริยาธราช โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ร.๕ ผู้นำพาประเทศชาติสู่ความรุ่งโรจน์ ขอพวกเราชาวไทยจงรักและสามัคคีกันอย่าทำร้ายทำลายกันเลย...ขอความสุขสวัสดีจงกลับมาโดยเร็วพลันครับ
เรายังเหลือจุดท่องเที่ยวอีกหนึ่งแห่งคือ สกายวอร์ค อ.ดอยสะเก็ด ไปชมกันเลยครับ
สกายวอร์คดอยสะเก็ด
- ไฟล์แนบ
-
- หลบฝนออกจากห้วยฮ่องไคร้ มุ่งวัดพระธาตุดอยสะเก็ด(สกายวอร์ค)ซึ่งไม่ไกลกันมากนักและเป็นทางกลับบ้านเราด้วย โชคดีออกจากห้วยฮ่องไคร้ฝนซาเม็ดถึงวัดฝนหายแดดอ่อน ๆ ลมเย็น ๆ โชยมาเรียกว่ามีความสุขมาก
- cat7.jpg (137.39 KiB) เข้าดูแล้ว 253 ครั้ง
-
- cat8.jpg (44.46 KiB) เข้าดูแล้ว 253 ครั้ง
-
- cat9.jpg (96.31 KiB) เข้าดูแล้ว 253 ครั้ง
-
- cat10.jpg (94.64 KiB) เข้าดูแล้ว 253 ครั้ง
-
- cat12.jpg (76.44 KiB) เข้าดูแล้ว 253 ครั้ง
-
- 462551865_909309233979334_2600730522626452344_n (1).jpg (41.4 KiB) เข้าดูแล้ว 253 ครั้ง
-
- 462555779_894587225569692_5081866749023784997_n (1).jpg (87.2 KiB) เข้าดูแล้ว 253 ครั้ง
-
- 462556524_1100236035044385_2918123903794672842_n.jpg (74.95 KiB) เข้าดูแล้ว 253 ครั้ง
-
- 462566871_3824340631156378_2990746620229166927_n (2).jpg (87.07 KiB) เข้าดูแล้ว 253 ครั้ง
-
- 462640416_462044403548360_4558972453211713318_n.jpg (74.32 KiB) เข้าดูแล้ว 253 ครั้ง
-
- 462641069_919011280120269_6778572184794423546_n (1).jpg (33.66 KiB) เข้าดูแล้ว 253 ครั้ง
-
- cat 12.jpg (108.33 KiB) เข้าดูแล้ว 253 ครั้ง
-
- 462426055_8623488291099051_8756741018339899539_n.jpg (63.01 KiB) เข้าดูแล้ว 253 ครั้ง
-
- cat13.jpg (96.23 KiB) เข้าดูแล้ว 253 ครั้ง
-
- เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อ ๒ ก.พ.๒๕๖๗ นี้ จุดเช็กอิน! “สกายวอล์ก” วัดพระธาตุดอยสะเก็ด...อีกแห่งของ จ.เชียงใหม่ นักท่องเที่ยวแห่เที่ยวชม เก็บค่าเข้า 40 บาท
ใช้งบประมาณก่อสร้างประมาณ 10 ล้านกว่าบาท ถือว่าเป็น“สกายวอล์ก” อีกแห่งของ จ.เชียงใหม่ สามารถมองทิวทัศน์ที่สวยงามได้ไกลสุดตา มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมกันอย่างไม่ขาดสายถึงแม้ไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์ก็ตาม. - cat14.jpg (97.76 KiB) เข้าดูแล้ว 253 ครั้ง
- เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อ ๒ ก.พ.๒๕๖๗ นี้ จุดเช็กอิน! “สกายวอล์ก” วัดพระธาตุดอยสะเก็ด...อีกแห่งของ จ.เชียงใหม่ นักท่องเที่ยวแห่เที่ยวชม เก็บค่าเข้า 40 บาท
-
- เดินวนชมความสวยงามของธรรมชาติ ๑๘๐ องศา ตื่นตาตื่นใจ และสำหรับหนูน้อยแล้ว ชอบตรงที่เจ้าหนูไม่กลัวความสูงครับ
ได้เวลาพระอาทิตย์ทอแสงสู่ยามเย็น เราก็พากันอำลาสกายวอร์ค กลับนิวาสสถานก่อนเข้าบ้าน เพื่อความสดวกสบายเราก็แวะ Big C ดอนจั่น ทานมื้อเย็นก่อน ถึงบ้านจะได้ชำระร่างกายพักผ่อนกันเลย ไม่ต้องมาเสียเวลากับการปรุงอาหาร(ลดภาระคุณนายครับ ๕๕) - cat15.jpg (142.77 KiB) เข้าดูแล้ว 253 ครั้ง
- เดินวนชมความสวยงามของธรรมชาติ ๑๘๐ องศา ตื่นตาตื่นใจ และสำหรับหนูน้อยแล้ว ชอบตรงที่เจ้าหนูไม่กลัวความสูงครับ
-
- ประเทศไทยในยามนี้
อันที่จริงประเทศไทยไร้ไทยแท้
แผ่นดินแม่รื่นรมย์ประสมผสาน
รวมจีนขอมมอญละว้ามาช้านาน
เกิดลูกหลานเรียกว่าไทยใต้พระบารมี
รวมใจกันยกกษัตริย์ขึ้นปกเกศ
จึงได้เกิดเป็นประเทศวิเศษวิถี
ผู้พ่อหลวงห่วงใยประชาชี
ปานประหนึ่งชีวีขององค์เอง
ธ ทรงเป็นจอมทัพขับข้าศึก
มิให้ฮึกเหิมกล้ามาข่มเหง
ณ ขวานทองได้ร้องรำได้ทำเพลง
สุขครื้นเครงโดยกษัตริย์สวัสดี
สุโขทัยจวบรัตนโกสินทร์
ลือระบิลเรืองรุ่งอย่างกรุงศรีฯ
เมื่อเจริญเกินพอก็อวดดี
ประชาชีขึ้นปกครองประชาชน
อยากเชิดหน้าว่าข้าประชาธิปไตย
ผู้เป็นใหญ่ผลัดเปลี่ยนหน้าพาสับสน
ที่กร่างแกร่งเข้าแข่งขันประชันตน
ที่ยากจนงอมือเท้าคร่าวเศษเงิน
ชั้นปกครองคอยจ้องหาผลประโยชน์
ยอมชั่วโฉดเลอะเทอะไม่เคอะเขิน
มุ่งมอมเมาเยาวชนจนโง่เกิน
เพื่อกอบโกยเพลิดเพลินจำเริญใจ
จนบัดนี้พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก
พม่าแขกอเมริกาเข้าอาศัย
หมายเบียนบ่อนให้เสียหายจากภายใน
ความเป็นไทยจะอยู่ดีอีกกี่น้ำ
หวังว่าไทยใจไทยจะไหวทัน
ใช่ไหวหวั่นใจเต้นไม่เป็นส่่ำ
เทิดกษัตริย์ยืนหยัดคุณธรรม
ชาติอย่าให้ใครย่่ำเข้าทำลาย
เป็นแม่พ่อก็คอยบ่มอบรมลูก
ให้รู้ผิดรู้ถูกอย่ามักง่าย
เป็นครูต้องงานหนักอย่ารักสบาย
สอนทั้งกายสอนทั้งใจให้เด็กดี
ผืนดินมีแผ้วถางสร้างประโยชน์
อย่ามัวโทษว่าใครมาแย่งที่
เมื่อไม่ทำแล้วจะได้อย่างไรมี
เราได้ดีได้ร้ายเพราะกายเรา
จะคงครองท้องถิ่นแผ่นดินเกิด
จะล้ำเลิศหรือย่อยยับอยู่อับเฉา
ยังอยากเป็นเจ้าของต้องทำเอา
ถ้าไม่ทำก็ให้เขาเอาไปครอง
กวีเกะกะ
๒๐ ตุลย์ ๒๕๖๗ - 462058264_1585658968705837_1285597553138344208_n.jpg (15.95 KiB) เข้าดูแล้ว 253 ครั้ง
- ประเทศไทยในยามนี้
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024