????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

บอร์ดสำหรับ นักปั่นทัวร์ริ่ง นักปั่นระยะทางไกล พูดคุยเรื่องอุปกรณ์ เทคนิตการปั่น ที่พัก หรือการกินอยู่
กฏการใช้บอร์ด
บอร์ดสำหรับ นักปั่นทัวร์ริ่ง นักปั่นระยะทางไกล พูดคุยเรื่องอุปกรณ์ เทคนิตการปั่น ที่พัก หรือการกินอยู่
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4429
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:o :o อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ ข่าวเศร้าสลดสุด ๆ เรียกว่าเหลือเชื่อครับ เพราะผมเคยทำงานที่ อ.แม่อาย ท่าตอน ตั้งแต่ปี ๒๕๑๒ - ๒๕๑๕ และที่แม่จัน เชียงราย ปี ๒๕๒๘ - ๒๕๓๒ มีสถานการณ์น้ำท่วมแต่ไม่รุนแรงเท่าครั้งนี้ครับ สำหรับผมเองพูดได้เลยว่าตั้งแต่มีชีวิตและอาศัยอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือมาตลอดก็ครั้งนี้ละครับที่สุด ๆ จริง ๆ ขอไว้อาลัยและขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ประสบภัย ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่ไปช่วยเหลือ ทุกท่านทุกคนขอให้ปลอดภัยกันนะครับ :( :(




:( :( แม่อายสะอื้น น้ำท่วมฉับพลัน ดินสไลด์-ท่าขี้เหล็กอ่วมสุดในหลายสิบปี | วันใหม่ไทยพีบีเอส | 11 ก.ย. 67 :( :(

:idea: :idea: :: เรื่องเศร้าของสังคม ::

คนเรานั้น ถ้าจิตใจไม่เป็นขี้ข้าของวัตถุจนเกินไป ชีวิตก็จะมีความสุขขึ้นอีกมากแต่ก็ต้องยอมรับไปตามตรงว่า การไม่เป็นขี้ข้าวัตถุในยุคสมัยนี้ ก็เป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

ในประเทศสหรัฐอเมริกานั่น ประชากรเกือบทั้งหมด ต้องทำงานต่อไปหลังจากอายุ 60 ปี เพื่อหาเงินมาจับจ่าย ตรงนี้คิดว่าประเทศไทยก็ไม่ต่างกัน คนมากมาย ทำงานหาเงินตั้งแต่เป็นหนุ่มเป็นสาวยันแก่ชรา ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าเราจะพูดคำว่า "ต้องทำงานหาเงินไปจนตาย" คำพูดทำนองนี้ มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงอีกต่อไปแล้ว

ทุกวันนี้เราจะหยุดทำงานก็ต่อเมื่อแพทย์ตรวจพบว่า.. เราเป็นมะเร็ง หรือไม่ก็ทำไปจนกว่าจะพิการ ทำไปจนกว่าจะเดินไม่ไหว กระดูกไขข้อเสื่อม เราไม่ได้อยากหยุดทำงาน เราไม่ได้ตั้งใจหยุดหาเงิน แต่ธรรมชาติบังคับเราให้หยุดต่างหาก

ในขณะที่สังคมของเราชอบตั้งคำถามที่ดูโก้หรูเกี่ยวกับคุณค่าชีวิต ที่จริงคุณค่าของชีวิตจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ เรามองเห็นสิ่งอื่นๆ ที่มีค่ามากไปกว่าเงินทอง และอุทิศเวลาให้สิ่งนั้นตามสมควร

เราพบว่า.. คนในยุคปัจจุบันมีการศึกษาที่สูงขึ้น ทว่าการศึกษานั้นไม่ได้ช่วยให้เกิดความเฉลียวฉลาด ในการดำรงชีวิตแต่อย่างใด ยิ่งมีการศึกษาสูง ก็ยิ่งมีความต้องการมากขึ้นเป็นลำดับ

ใครที่สนใจเรื่องหาเงิน จะถูกยกย่องว่าเป็นผู้รักความก้าวหน้า ส่วนใครที่สนใจในเรื่องอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับเงิน มักถูกตั้งคำถามจากสังคมว่า เป็นคนแปลกแยก

นิยามความหมายของคำว่า "ความสามารถ" จึงถูกจำกัด และชี้เป้าไปที่ตัวเงินมากขึ้นทุกที บริบทของสังคมได้สร้างกรอบความคิดผิดๆ

ในตำราสอนว่า คนดีคือคนน่ายกย่อง แต่ในชีวิตจริง เรากลับเกรงใจคนรวยๆ มากกว่าคนดีๆ ด้วยเหตุผลอันใดไม่ทราบได้

ยุคสมัยนี้ จึงเป็นยุคที่เราใช้การศึกษา เพื่อพอกพูนอัตตา มากกว่าที่จะใช้การศึกษา เพื่อทำความรู้จักตนเอง และนำมาซึ่งการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ รู้จักแบ่งปัน เสียสละ และทำเพื่อผู้อื่นอย่างแท้จริง

สถาบันการศึกษาต่างๆ ทุกวันนี้ เร่งผลิตมนุษย์วัตถุนิยมออกเพื่อแข่งกัน สู้กัน และฆ่ากันรถยนต์ โทรศัพท์ กระเป๋า นาฬิกา เครื่องสำอางราคาแพง และคอร์สดูแลรักษาผิวพรรณ กลายเป็นของจำเป็นยิ่งกว่าข้าวปลาอาหาร ปลาทูตัวละสิบบาท แต่ครีมทาหน้ากระปุกละห้าพัน

เราบ่นกันเหมือนโลกจะแตก เมื่อไข่ไก่ขึ้นราคาหนึ่งบาท แต่เราสามารถควักเงินเป็นหมื่นๆเพื่อฉีดโบท็อกโดยไม่คิดอะไร

กล่าวได้ว่า ทุกวันนี้สิ่งไร้สาระได้เปลี่ยนตัวเอง ให้กลายเป็นสิ่งมีสาระไปแล้วในสามัญสำนึกของคนทั้งหลาย

คนที่พอจะรู้ตัวอยู่บ้าง ก็เริ่มอ่อนแรง ต้านกระแสสังคมไม่ไหว จำเป็นต้องไหลตามกระแสอันผิดพลาด ถูกดูดกลืนจิตวิญญาณไปในที่สุด เพราะไม่อยากเป็นคนผิดแปลกจากคนอื่นๆ

เส้นทางที่ถูกต้องดีงาม จึงกลายเป็นเส้นที่อันโดดเดียวที่ต้องเดินไปด้วยความเงียบเหงา ทุกคนเป็นทั้งเหยื่อ และผู้ประโคมความเชื่อแบบผิดๆ

ในเวลาเดียวกัน อุดมคติของชีวิตดีงาม กลายเป็นเพียงสิ่งที่เราใช้พูดกับเมื่อถูกไมโครโฟนจ่อปาก เป็นคำพูดที่ใช้เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ มากกว่าจะใช้ดำเนินชีวิตจริง

ทุกวันนี้เราเริ่มเห็นอาชีพแปลกๆ ที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นในชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ เราเริ่มเห็นอาชีพนักธุรกิจ .. ในคราบคุณครู เห็นพ่อค้าในคราบ .. คุณหมอ เห็นโจรในคราบ .. นักการเมือง เห็นหมอผีในคราบ .. นักบวช เห็นนักเลงในคราบ .. นักเรียน เห็นคนขี้โกหกในคราบนักการตลาด

คำว่า "สันติภาพ" ถูกใช้เพื่อเป็นข้ออ้างในการทำสงคราม ส่วน "พระธรรม" ถูกใช้ในการถกเถียงเชิงปรัชญา มากกว่านำไปปฏิบัติ เพื่อขัดเกลาตนเอง

นานวันเข้าเราหลงคิดว่าสิ่งเหล่านี้ คือ "เรื่องธรรมดา" คือ "ความปกติ" คือ "เรื่องที่ถูกต้อง"
เราเริ่มแยกความจริงกับความจำเป็นออกจากกัน ความจริงไว้ส่วนหนึ่ง และความจำเป็นไว้ส่วนหนึ่ง

เมื่อเราแยกความจริงออกจากชีวิตแล้ว ชีวิตของเราจึงไม่เหลือความจริงไว้เลย เราพ่นคำโกหกหน้าตาเฉย.. แล้วบอกกับใครๆว่า มันคือ "ความจำเป็น" เราทำผิดหน้าตาเฉย แล้วบอกใครๆว่า มันคือ "ความอยู่รอด"มันเกิดอะไรขึ้นกับสังคมของเรา!!!

การกระทำของเรา ย่อมส่งผลโดยตรงต่อสังคมของเราอยากให้สังคมเปลี่ยน เราต้องเปลี่ยนตนเองก่อน

เริ่มต้นวันนี้ หยุด สำรวจ และตั้งคำถามกับตนเองดูสิว่า ...
..ชีวิตที่ถูกต้องดีงาม คือ อะไรกันแน่ ?
..เราเกิดมาเพื่อสิ่งใด และจะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อทำสิ่งใด ?

ชีวิตคือสิ่งมีค่า ถ้าเราใช้ให้มีค่าคนเราเกิดมามีค่าเหมือนกัน แต่คุณค่าต่างกัน

จงตั้งสติ แล้วมองให้เห็นความจริง
อย่ากำหนดเป้าหมายด้วย "ความฉลาด"
แต่จงกำหนดมันด้วย "ปัญญา"

ปัญญา และ ความฉลาด นั้นต่างกัน
..ปัญญา ให้ความจริง
..ความฉลาด ให้สิ่งเสมือนจริง

บางทีอาจถึงเวลาแล้ว ที่เราทั้งหลายจะตื่นจากการหลับใหลใช้ชีวิตอย่างผู้มีปัญญา โดยละทิ้งความฉลาดไว้เบื้องหลัง!!!...

- พศิน อินทรวงค์ -
:idea: :idea:
ไฟล์แนบ
456614546_1047319270439135_7411070862297834964_n.jpg
456614546_1047319270439135_7411070862297834964_n.jpg (58.78 KiB) เข้าดูแล้ว 434 ครั้ง
ขอไว้อาลัยให้กับผู้ใหญ่บ้านที่เสียสละชีวิตเพื่อช่วยเหลือลูกบ้าน ท่านได้สร้างวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ สมเกียรติสมศักดิ์ศรี "ตายในหน้าที่" ขอดวงวิญญาณท่านสู่สรวงสวรรค์ครับ สาธุ สาธุ สาธุ.
ขอไว้อาลัยให้กับผู้ใหญ่บ้านที่เสียสละชีวิตเพื่อช่วยเหลือลูกบ้าน ท่านได้สร้างวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ สมเกียรติสมศักดิ์ศรี "ตายในหน้าที่" ขอดวงวิญญาณท่านสู่สรวงสวรรค์ครับ สาธุ สาธุ สาธุ.
458193789_1037096771424980_1499071342822161362_n.jpg (68.79 KiB) เข้าดูแล้ว 434 ครั้ง
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (422).JPG
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (422).JPG (88.94 KiB) เข้าดูแล้ว 434 ครั้ง
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (424).JPG
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (424).JPG (93.25 KiB) เข้าดูแล้ว 434 ครั้ง
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (426).JPG
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (426).JPG (128.44 KiB) เข้าดูแล้ว 434 ครั้ง
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (427).JPG
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (427).JPG (145.54 KiB) เข้าดูแล้ว 434 ครั้ง
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (428).JPG
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (428).JPG (129.84 KiB) เข้าดูแล้ว 434 ครั้ง
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (429).JPG
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (429).JPG (134.25 KiB) เข้าดูแล้ว 434 ครั้ง
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (430).JPG
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (430).JPG (122.46 KiB) เข้าดูแล้ว 434 ครั้ง
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (431).JPG
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (431).JPG (100.57 KiB) เข้าดูแล้ว 434 ครั้ง
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (432).JPG
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (432).JPG (88.46 KiB) เข้าดูแล้ว 434 ครั้ง
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (433).JPG
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (433).JPG (75.85 KiB) เข้าดูแล้ว 434 ครั้ง
cats๘๐.jpg
cats๘๐.jpg (139.03 KiB) เข้าดูแล้ว 434 ครั้ง
เราพากันปั่นวกไปวนมาหัวเราะชอบใจครับ แพร่เมืองเล็ก ๆ แต่ทำเราหลงสนุกสนานมาก ๆ เรากลับถึง รร.ที่พักเกือบ ๑๑ โมง อาบน้ำชำระร่างกายเตรียมตัวกลับสารภีเชียงใหม่ หมดเวลาแล้ว ช่วงที่เก็บข้าวของต่าง ๆ ก็คิดขึ้นได้ว่ายังมีสถานที่อีกแห่งที่ไม่ควรพลาดคือ ต้องพาหนูน้อยไปชมให้ได้ว่างั้น ๕๕๕<br /><br />เช้าวันที่ ๒๙ ก.ค.๖๗ ที่เราพาหนูน้อยปั่นรอบกำแพงเมืองชมสถานที่ต่าง ๆ ตลอดทั้งไปกราบพระที่วัดสำคัญ ๆ ของเมืองแพร่รวมเป็นระยะทางสิบกว่าโล ชิว ๆ สำหรับความสนุกตื่นเต้นกับสถานที่ใหม่แปลกหูแปลกตา เรียกว่าลืมความเหนื่อยกันทีเดียวครับ
เราพากันปั่นวกไปวนมาหัวเราะชอบใจครับ แพร่เมืองเล็ก ๆ แต่ทำเราหลงสนุกสนานมาก ๆ เรากลับถึง รร.ที่พักเกือบ ๑๑ โมง อาบน้ำชำระร่างกายเตรียมตัวกลับสารภีเชียงใหม่ หมดเวลาแล้ว ช่วงที่เก็บข้าวของต่าง ๆ ก็คิดขึ้นได้ว่ายังมีสถานที่อีกแห่งที่ไม่ควรพลาดคือ ต้องพาหนูน้อยไปชมให้ได้ว่างั้น ๕๕๕

เช้าวันที่ ๒๙ ก.ค.๖๗ ที่เราพาหนูน้อยปั่นรอบกำแพงเมืองชมสถานที่ต่าง ๆ ตลอดทั้งไปกราบพระที่วัดสำคัญ ๆ ของเมืองแพร่รวมเป็นระยะทางสิบกว่าโล ชิว ๆ สำหรับความสนุกตื่นเต้นกับสถานที่ใหม่แปลกหูแปลกตา เรียกว่าลืมความเหนื่อยกันทีเดียวครับ
cats๘๑.jpg (63.1 KiB) เข้าดูแล้ว 434 ครั้ง
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (434).JPG
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (434).JPG (108.9 KiB) เข้าดูแล้ว 434 ครั้ง
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (435).JPG
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (435).JPG (129.28 KiB) เข้าดูแล้ว 434 ครั้ง
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (436).JPG
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (436).JPG (124.55 KiB) เข้าดูแล้ว 434 ครั้ง
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (437).JPG
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (437).JPG (80.8 KiB) เข้าดูแล้ว 434 ครั้ง
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (438).JPG
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (438).JPG (125.67 KiB) เข้าดูแล้ว 434 ครั้ง
ก่อนเดินทางกลับบ้านเราพาไปเยี่ยมชม จวนผู้ว่า คุ้มโบราณพิพิธภัณฑ์เมืองแพร่ห้ามพลาดนะครับสำหรับการมาเมืองแพร่ มีสิ่งน่าชมเยอะแยะให้ได้ศึกษาครับ<br /><br />สำหรับ จวนผู้ว่าราชการจังหวัด เดิมเรียกว่า&quot;คุ้มเจ้าหลวง&quot;ตั้งอยู่บนถ.คุ้มเดิม อ.เมืองแพร่ จ.แพร่<br /><br />       คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่เป็นบ้านพักอาศัยที่เจ้าพิริยะเทพวงศ์ฯ เจ้าหลวงเมืองแพร่คนสุดท้ายสร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ.2435 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คุ้มนี้ตั้งอยู่บนถนนคุ้มเดิมตรงกันข้ามกับโรงเรียนนารีรัตน์จังหวัดแพร่และอยู่ใกล้กับศาลากลางจังหวัด<br /><br />       คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่มีความโอ่อ่าสวยงามด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมยุโรป ฝีมือการก่อสร้างของช่างชาวจีน ฐานล่างใช้ไม้ซุงเป็นท่อนขนาดใหญ่รองรับฐานเสาทั้งหมด ตัวอาคารสร้างด้วยอิฐถือปูนมี 2 ชั้น มีประตูหน้าต่างนับรวมได้ 72 บาน ลักษณะหลังคาเป็นแบบเรือนปั้นหยาไม่มีหน้าจั่ว มุงด้วยไม้แผ่นขนาดเล็กที่เรียกว่าไม้แป้นเกล็ด เชิงชายและป้านลมที่อยู่รอบชายคาประดับด้วยไม้ฉลุลดลายสวยงาม ด้านหน้าของตัวอาคารเป็นมุขสี่เหลี่ยมและมีหลังคามุขเป็นรูปสามเหลี่ยม บันไดคุ้มมีทั้งด้านหน้าและด้านหลัง<br /><br />       หลังจากเหตุการณ์กบฏเงี้ยวเมืองแพร่สิ้นสุดลง เจ้าพิริยะเทพวงศ์ฯ ออกจากเมืองแพร่ไปพำนักยังหลวงพระบางและถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง    เจ้าเมือง คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ถูกทางราชการนำไปเป็นบ้านพักประจำตำแหน่งของผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่จนถึงปัจจุบัน และได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบางอย่างหลายครั้งแต่ยังคงรูปทรงเดิม<br /><br />       พ.ศ.2535 จังหวัดแพร่ได้เสนอต่อสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ให้คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่เป็นอาคารอนุรักษ์ดีเด่นระดับประเทศ และชนะการคัดเลือกได้รับรางวัลพระราชทานในปี พ.ศ.2536 และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ.2541<br /><br /> ข้อมูลจาก...<br />culturalenvi.onep.go.th
ก่อนเดินทางกลับบ้านเราพาไปเยี่ยมชม จวนผู้ว่า คุ้มโบราณพิพิธภัณฑ์เมืองแพร่ห้ามพลาดนะครับสำหรับการมาเมืองแพร่ มีสิ่งน่าชมเยอะแยะให้ได้ศึกษาครับ

สำหรับ จวนผู้ว่าราชการจังหวัด เดิมเรียกว่า"คุ้มเจ้าหลวง"ตั้งอยู่บนถ.คุ้มเดิม อ.เมืองแพร่ จ.แพร่

คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่เป็นบ้านพักอาศัยที่เจ้าพิริยะเทพวงศ์ฯ เจ้าหลวงเมืองแพร่คนสุดท้ายสร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ.2435 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คุ้มนี้ตั้งอยู่บนถนนคุ้มเดิมตรงกันข้ามกับโรงเรียนนารีรัตน์จังหวัดแพร่และอยู่ใกล้กับศาลากลางจังหวัด

คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่มีความโอ่อ่าสวยงามด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมยุโรป ฝีมือการก่อสร้างของช่างชาวจีน ฐานล่างใช้ไม้ซุงเป็นท่อนขนาดใหญ่รองรับฐานเสาทั้งหมด ตัวอาคารสร้างด้วยอิฐถือปูนมี 2 ชั้น มีประตูหน้าต่างนับรวมได้ 72 บาน ลักษณะหลังคาเป็นแบบเรือนปั้นหยาไม่มีหน้าจั่ว มุงด้วยไม้แผ่นขนาดเล็กที่เรียกว่าไม้แป้นเกล็ด เชิงชายและป้านลมที่อยู่รอบชายคาประดับด้วยไม้ฉลุลดลายสวยงาม ด้านหน้าของตัวอาคารเป็นมุขสี่เหลี่ยมและมีหลังคามุขเป็นรูปสามเหลี่ยม บันไดคุ้มมีทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

หลังจากเหตุการณ์กบฏเงี้ยวเมืองแพร่สิ้นสุดลง เจ้าพิริยะเทพวงศ์ฯ ออกจากเมืองแพร่ไปพำนักยังหลวงพระบางและถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง เจ้าเมือง คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ถูกทางราชการนำไปเป็นบ้านพักประจำตำแหน่งของผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่จนถึงปัจจุบัน และได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบางอย่างหลายครั้งแต่ยังคงรูปทรงเดิม

พ.ศ.2535 จังหวัดแพร่ได้เสนอต่อสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ให้คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่เป็นอาคารอนุรักษ์ดีเด่นระดับประเทศ และชนะการคัดเลือกได้รับรางวัลพระราชทานในปี พ.ศ.2536 และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ.2541

ข้อมูลจาก...
culturalenvi.onep.go.th
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (439).JPG (140.29 KiB) เข้าดูแล้ว 434 ครั้ง
แก้ไขล่าสุดโดย Deang-sarapee เมื่อ 15 ก.ย. 2024, 04:09, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4429
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :Dช่วงที่เข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ ผมนั้นไม่ได้ติดตามเข้าไปด้วย มีภารกิจแทรกซ้อนรูปภาพจึงไม่ปะติดปะต่อ ภาพที่นำเสนอเป็นภาพที่คุณนายเก็บจากมือถือ และช่วงที่เดินทางกลับก็มุ่งหน้ากลับ สองคนผู้โดยสารคุณนายและคุณหนู หลับปุ๋ย (เหนื่อยละซิ ๕๕) ก็เลยไม่มีภาพสวย ๆ ข้างทางตามสไตล์ของผม ทริปวันหยุดยาวครั้งที่ ๑ เที่ยวสุโขทัย - แพร่ ของ ด.ช.ปุรณพัฒน์ ฯ จบลงที่จวนผู้ว่าเมืองแพร่ เดินทางกลับถึงบ้านสารภีเชียงใหม่เกือบ ๕ โมงเย็น ทริปวันหยุดครั้งต่อไปจะเป็นที่ใด อย่าลืมติดตามเป็นกำลังใจกันต่อไปนะครับ :) :D
ไฟล์แนบ
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (440).JPG
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (440).JPG (95.55 KiB) เข้าดูแล้ว 430 ครั้ง
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (441).JPG
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (441).JPG (130.86 KiB) เข้าดูแล้ว 430 ครั้ง
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (442).JPG
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (442).JPG (101.25 KiB) เข้าดูแล้ว 430 ครั้ง
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (443).JPG
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (443).JPG (83.76 KiB) เข้าดูแล้ว 430 ครั้ง
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (444).JPG
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (444).JPG (109.71 KiB) เข้าดูแล้ว 430 ครั้ง
ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (24).jpg
ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (24).jpg (85.17 KiB) เข้าดูแล้ว 430 ครั้ง
ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (26).jpg
ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (26).jpg (79.11 KiB) เข้าดูแล้ว 430 ครั้ง
ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (131).jpg
ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (131).jpg (89.24 KiB) เข้าดูแล้ว 430 ครั้ง
ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (150).jpg
ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (150).jpg (123.35 KiB) เข้าดูแล้ว 430 ครั้ง
ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (175).jpg
ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (175).jpg (111.34 KiB) เข้าดูแล้ว 430 ครั้ง
ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (212).jpg
ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (212).jpg (32.81 KiB) เข้าดูแล้ว 430 ครั้ง
ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (257).jpg
ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (257).jpg (73.6 KiB) เข้าดูแล้ว 430 ครั้ง
ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (274).jpg
ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (274).jpg (37.09 KiB) เข้าดูแล้ว 430 ครั้ง
ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (291).jpg
ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (291).jpg (133.27 KiB) เข้าดูแล้ว 430 ครั้ง
ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (327).jpg
ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (327).jpg (132.28 KiB) เข้าดูแล้ว 430 ครั้ง
ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (337).jpg
ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (337).jpg (112.21 KiB) เข้าดูแล้ว 430 ครั้ง
ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (339).jpg
ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (339).jpg (36.11 KiB) เข้าดูแล้ว 430 ครั้ง
ถึงบ้านด้วยความปลอดภัย ทริปต่อไปในวันหยุดยาวคือ ๑๒ สิงหา ๖๗ ก็ตามพันธสัญญาที่ต้องพาเด็กน้อยไปปั่นจะเป็นที่แห่งหนตำบลใด โปรดติดตามจะนำมารายงานเป็นความรู้และเผยแพร่สถานที่ท่องเที่ยวของบ้านเมืองเราให้ได้รับทราบรับชม สำหรับทริปนี้ก็ขอได้รับความขอบคุณจากใจ ที่เป็นกำลังใจติดตามเรามา ผิดพลาดประการใดก็ขอได้รับการอภัยจากทุก ๆ ท่าน ขอความสุขสวัสดีจงมีอก่ญาติธรรมและ fc.ทุกท่านทุกคน สวัสดีครับ.
ถึงบ้านด้วยความปลอดภัย ทริปต่อไปในวันหยุดยาวคือ ๑๒ สิงหา ๖๗ ก็ตามพันธสัญญาที่ต้องพาเด็กน้อยไปปั่นจะเป็นที่แห่งหนตำบลใด โปรดติดตามจะนำมารายงานเป็นความรู้และเผยแพร่สถานที่ท่องเที่ยวของบ้านเมืองเราให้ได้รับทราบรับชม สำหรับทริปนี้ก็ขอได้รับความขอบคุณจากใจ ที่เป็นกำลังใจติดตามเรามา ผิดพลาดประการใดก็ขอได้รับการอภัยจากทุก ๆ ท่าน ขอความสุขสวัสดีจงมีอก่ญาติธรรมและ fc.ทุกท่านทุกคน สวัสดีครับ.
หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (445).JPG (75.3 KiB) เข้าดูแล้ว 430 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4429
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »


:idea: :idea: เฝ้าดู วัตถุ ลอยละล่อง ตามครรลองลำน้ำเลื่อนไหล
ธรรมชาติสำเร็จเหตุปัจจัย สักว่าเห็น เป็นไป ตามเป็นจริง
ไม่รักหลง ชอบชัง ชิงแข่งขัน
ถือเดิมพัน แพ้ชนะ โลภเข้าสิง

อยากได้ อยากมี อยากยอดยิ่ง
ดูทุกสิ่ง ล่องลอย ธรรมดา
ได้ดวงตา เห็นธรรม ตามเป็นจริง
รู้รอบยิ่ง รู้แจ้ง ตลอดสาย
รู้ทั่วเหตุ รู้ผล ต้นถึงปลาย
รู้ความหมาย นัยสาระ สัจจธรรม.
:) :D

:) :D อรุณสวัสดิ์ครับท่านผู้มีเกียรติที่เคารพและญาติธรรมที่รักทุกท่าน ทริปท่องเที่ยววันหยุดยาวครั้งที่ ๑ (๒๗ - ๒๙ ก.ค.๖๗ วันเฉลิมพระชนมพรรษาในหลวง) ของหลานรักจบไปแล้ว ส่วนในเดือนสิงหาคม ๖๗ มีวันหยุดยาว ๑๐ - ๑๒ ส.ค.๖๗ คือวันแม่แห่งชาติ ตามพันธสัญญาเราต้องพาไปท่องเที่ยว ก็มานั่งคิดกันว่าควรจะไปแห่งหนตำบลใดกันดี

เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ปัญหาที่สำคัญคือ "ฝน" ครับ การท่องเที่ยวของเราพ่วงไปด้วยการปั่นจักรยาน(ฝนคืออุปสรรค) เพื่อฝึกให้หนูน้อยได้ออกกำลังกายพร้อมกับฝึกปั่นจักรยานท่องเที่ยวไปด้วย แนวความคิดหลักของเรา การท่องเที่ยวควรที่จะได้แสวงบุญไปพร้อมกัน (เข้าวัด-เรียกว่าสองอย่างบาท ๕๕) เพื่อสอนให้เด็กน้อยได้ซึมซับในพระพุทธศาสนา ไว้ให้เป็นคนดีของสังคมต่อไป

มีสถานที่ ๆ ควรไปมากมาย แต่มาตกผลึกที่ ๓ ครูบา อ.ลี้ จว.ลำพูน ซึ่งเราสองคน ปู่-ย่า ได้ปั่นไปกราบสักการะและนอนค้างคืนแสวงบุญ มาแล้วเมื่อ ๖ - ๗ ปีที่ผ่านมา ผมพยายามค้นหาจำได้ว่า เคยนำเสนอในกระทู้ของไทยเอ็มทีบี ค้นอยู่หลายวันก็ไปเจอ ขอนำมาฝากท่านเพราะมีเรื่องราวดี ๆ และข้อคิดต่าง ๆ ในวันนั้นเผื่อว่าจะเกิดประโยชน์ต่อชีวิตและการปฏิบัติธรรมครับ เรียนเชิญทุกท่านคลิกเข้าไปได้ตามลิงค์ที่ผมแนบมาข้างล่างนี้ครับ

viewtopic.php?p=13490371#p13490371


:( :( ก่อนที่เราจะเริ่มเดินทางย้อนรอยการปั่นท่องเที่ยว ครั้งที่ ๒ ของ ด.ช.ปุรณพัฒน์ ฯ มีกลอนสะท้อนใจให้ สยิว มาฝากเรียกว่าเป็นภัยใกล้ตัวคนไทยมาก ๆ บ้านเมืองของเรา จนท.ของรัฐ(ข้าราชการ) ปัจจุบันนี้ทำงานกันอย่างไรไม่ว่าหน่วยไหนมีแต่เรื่องราวไม่ดี ๆ ติดตามข่าวสารแล้วอยากร้องไห้ เรียนเชิญครับ

อีกไม่นานคนไทยจะไร้สิ้น
ทั่วแผ่นดินต่างด้าวครองต้องโศกศัลย์
ลูกต่างด้าวเกิดในไทยได้สิทธิ์พลัน
โดยได้สัญชาติไทยไปสมบูรณ์

เมื่อได้เป็นคนไทยก็ได้สิทธิ์
ใช่เบือนบิดไทยแท้นั้นพลันสิ้นสูญ
ไทยเกิดน้อยแถมด้อยค่าน่าอาดูร
ดังกองกูณฑ์เผาไหม้สลายไป

ลูกหลานเรารักสบายขวนขวายน้อย
ถูกสปอยล์ทำตัวมั่วเหลวไหล
บ้างเสพติดอบายมุขแสนสุขใจ
การเรียนไซร้ต่ำสุดกู่ครูต้องดัน

มรดกนาไร่ได้มาขาย
หวังสบายใช้เงินเพลินสุขสันต์
สิ้นนาไร่สิ้นแผ่นดินสิ้นไทยพลัน
ลูกหลานนั้นจะหมดสิ้นแผ่นดินไทย

ชาวต่างชาติทุนมากยากแข่งขัน
ก็กีดกันการค้าหมดสิ้นสดใส
ร้านโชห่วยน้อยนั้นพลันสิ้นไป
เกิดแผงใหม่ของต่างด้าวเข้ามาแทน

ข้าวจะยากหมากจะแพงหมดแรงสู้
ความเป็นอยู่ลำบากยากเหลือแสน
เคยสมบูรณ์ก็อนาถมาขาดแคลน
เสียดินแดนเพราะคนไทยใจอารี

ชนชาติจีนจะรุกบุกทั่วย่าน
ยากจะต้านทุนหนักยากจักหนี
ศิลปะของไทยสิ่งไหนดี
ถูกจีนนี้ครอบครองเป็นของตน

ลูกหลานจีนขยันและขันแข็ง
ฝึกจนแกร่งแต่เยาว์วัยซึ่งได้ผล
เช่นมวยไทยฝึกทุกวันกันทุกคน
ด้วยอดทนจริงจังไม่รั้งรอ

อีกไม่นานแชมป์มวยไทยไม่ไกลฝัน
ชาติจีนนั้นได้ครองแน่จริงแท้หนอ
ส่วนเด็กไทยเล่นเกมติดชิดหน้าจอ
ลงโทษก็ฟ้องร้องครูหดหู่ใจ

ศาสนาเคยรุ่งเรืองเป็นเมืองพุทธ
จะโทรมทรุดตกต่ำน่าช้ำไหม
พวกแฝงบวชทำตัวชั่วจัญไร
มาอาศัยศาสนาเพื่อหากิน

ศาสนาพุทธนั้นพลันผุดผาด
ที่ต่างชาติห่างไกลให้ถวิล
ไปเจริญงดงามข้ามแผ่นดิน
พุทธจะสิ้นรุ่งเรืองในเมืองไทย

พวกหนวดเคราโพกหัวนั้นตัวร้าย
จะขยายอิทธิพลจนหวั่นไหว
ทั้งดินแดนศาสนาเดินหน้าไป
โดยอาศัยการเมืองช่วยเฟื่องฟู

คนไทยแท้จะลดจนหมดสิ้น
ทั่วทุกถิ่นยากพิจารณาหน้าตาหู
จะไม่เหลือชนชาติไทยให้เชิดชู
จะเหลืออยู่ "มนุษยชาติ" ประกาศนาม

รศ.วิศิษฐ์ศักดิ์ แป้นสัมฤทธิ์ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๗
:( :(
ไฟล์แนบ
81306.jpg
81306.jpg (85.02 KiB) เข้าดูแล้ว 320 ครั้ง
cats1.jpg
เสาร์เช้าวันที่ ๑๐ ส.ค.๖๗ หนูน้อยตื่นเต้นดีใจที่จะได้ไปปั่นเที่ยวเหมือนครั้งที่แล้ว รีบตื่นแต่เช้าช่วยคุณปู่ - คุณย่า ตระเตรียมสัมภาระต่าง ๆ และช่วยขนสิ่งของบรรทุกใส่ท้ายรถกระบะ หลังจากที่ทานมื้อเช้าเรียบร้อยเราก็ออกเดินทาง สังเกตนะครับหนูน้อยร่าเริงเบิกบานใจ ปู่ - ย่า เห็นหลานมีความสุขก็พลอยดีใจ สุขใจ ผมคิดนะครับ &quot;นี่ละ แขนงแรงกว่ากิ่ง&quot; ๕๕๕
เสาร์เช้าวันที่ ๑๐ ส.ค.๖๗ หนูน้อยตื่นเต้นดีใจที่จะได้ไปปั่นเที่ยวเหมือนครั้งที่แล้ว รีบตื่นแต่เช้าช่วยคุณปู่ - คุณย่า ตระเตรียมสัมภาระต่าง ๆ และช่วยขนสิ่งของบรรทุกใส่ท้ายรถกระบะ หลังจากที่ทานมื้อเช้าเรียบร้อยเราก็ออกเดินทาง สังเกตนะครับหนูน้อยร่าเริงเบิกบานใจ ปู่ - ย่า เห็นหลานมีความสุขก็พลอยดีใจ สุขใจ ผมคิดนะครับ "นี่ละ แขนงแรงกว่ากิ่ง" ๕๕๕
cats2.1.jpg (65.64 KiB) เข้าดูแล้ว 320 ครั้ง
สถานที่ ๆ เราวางแผนไปคือไปกราบ ๓ ครูบา ได้แก่ ครูบาศรีวิชัย ครูบาขาวปี และครูบาวงค์ เส้นทางที่เรามุ่งหน้าไปต้องผ่านวัดบ้านปาง ซึ่งเป็นวัดของครูบาศรีวิชัย คุณนายให้แนวคิดว่าควรจะแวะพาหนูน้อยไปกราบสักการะก่อนเลยเพื่อไม่ต้องเสียเวลา ได้ทำบุญเอาฤกษ์เอาชัยก่อน ตกลงกันตามนั้น (ความจริงในใจผมอยากจะมุ่งไปให้ถึง อ.ลี้หาที่พักนอนก่อนให้เรียบร้อยค่อยวางแผนปั่น..จำไว้..อย่า..ขัดใจ..เมีย ๕๕)
สถานที่ ๆ เราวางแผนไปคือไปกราบ ๓ ครูบา ได้แก่ ครูบาศรีวิชัย ครูบาขาวปี และครูบาวงค์ เส้นทางที่เรามุ่งหน้าไปต้องผ่านวัดบ้านปาง ซึ่งเป็นวัดของครูบาศรีวิชัย คุณนายให้แนวคิดว่าควรจะแวะพาหนูน้อยไปกราบสักการะก่อนเลยเพื่อไม่ต้องเสียเวลา ได้ทำบุญเอาฤกษ์เอาชัยก่อน ตกลงกันตามนั้น (ความจริงในใจผมอยากจะมุ่งไปให้ถึง อ.ลี้หาที่พักนอนก่อนให้เรียบร้อยค่อยวางแผนปั่น..จำไว้..อย่า..ขัดใจ..เมีย ๕๕)
cats3.jpg
cats3.jpg (140.63 KiB) เข้าดูแล้ว 320 ครั้ง
cats4.jpg
cats4.jpg (105.17 KiB) เข้าดูแล้ว 320 ครั้ง
cats5.jpg
cats6.jpg
cats6.jpg (106.51 KiB) เข้าดูแล้ว 320 ครั้ง
cats7.jpg
cats8.jpg
cats9.jpg
cats9.jpg (85.46 KiB) เข้าดูแล้ว 320 ครั้ง
cats10.jpg
cats11.jpg
cats11.jpg (113.41 KiB) เข้าดูแล้ว 320 ครั้ง
cats12.jpg
cats12.jpg (132.31 KiB) เข้าดูแล้ว 320 ครั้ง
DSC_1766.JPG
DSC_1766.JPG (127.36 KiB) เข้าดูแล้ว 320 ครั้ง
DSC_1767.JPG
DSC_1767.JPG (87.18 KiB) เข้าดูแล้ว 320 ครั้ง
DSC_1776.JPG
DSC_1783.JPG
DSC_1783.JPG (107.21 KiB) เข้าดูแล้ว 320 ครั้ง
ประวัติวัดบ้านปาง ตำบลศรีวิชัย  อำเภอลี้  จังหวัดลำพูน<br /><br />วัดบ้านปาง  ตั้งอยู่ในเขตตำบลศรีวิชัย(เดิมเป็นตำบลแม่ตืน) ตั้งอยู่ในหมู่บ้านที่เรียกว่า บ้านปาง ห่างจากที่ว่าการอำเภอลี้ประมาณ ๔๐ กิโลเมตร ซึ่งเป็นตำบลที่อยู่ด้านทิศเหนือของอำเภอลี้ มีเขตติดต่อกับอำเภอบ้านโฮ่ง<br /><br />บนถนนสายลำพูนที่จะมุ่งหน้าไปอำเภอลี้ เมื่อผ่านอำเภอบ้านโฮ่งไปไม่ไกลนักก็จะถึงบ้านปาง หมู่บ้านซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของนักบุญแห่งล้านนา &quot;ครูบาศรีวิชัย&quot;วัดบ้านปางตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ย ๆ ลูกหนึ่ง บริเวณด้านหน้าของวัดมีบันไดนาคขึ้นไปสู่วัด วัดแห่งนี้ยังเป็นวัดที่ครูบาศรีวิชัยได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้น ภายในวัดจะร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ทั้งไม้พุ่ม ไม้ดอกหลากหลายชนิด ที่สำคัญในบริเวณวัดยังมีโบราณสถานอันเก่าแก่เมื่อครั้งสมัยที่ครูบาศรีวิชัยยังมีชีวิตอยู่ก็คือพระวิหารหลวง สร้างขึ้นตามรูปแบบของสถาปัตยกรรมล้านนามีลักษณะอ่อนช้อยสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง นอกจากพระวิหารหลวงแล้วยังมีปราสาทหินอ่อนซึ่งสร้างขึ้นตรงสถานที่ครูบาศรีวิชัยมรณภาพ ใกล้ ๆ กันยังมีพิพิธภัณฑ์บริขารครูบาเจ้าศรีวิชัย เก็บรวมรวบรูปภาพเก่าและข้าวของเครื่องใช้ที่ครูบาศรีวิชัยเคยใช้ เมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่<br />             <br /><br />วัดบ้านปางเป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งในจังหวัดลำพูน สร้างขึ้นมาเมื่อประมาณร้อยปีก่อน คือเริ่มสร้างวัดเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2444 จนเมื่อครูบาศรีวิชัยอายุได้ 24 ปี ท่านได้นำพระเณรและศรัทธาชาวบ้านร่วมกันสร้างวัดขึ้นโดยได้ขอให้นายควาย โยมบิดาเป็นผู้แผ้วถางเป็นปฐมฤกษ์ให้เกิดความเป็นสิริมงคล ต่อจากนั้นพระเณรและศรัทธาชาวบ้านได้ร่วมแรงร่วมใจกันปรับสถานที่บนเนินเขาให้เป็นที่ราบ ในการสร้างและบูรณะวัดบ้านปางในสมัยนั้นเป็นไปอย่างล่าช้า ยากลำบากเพราะขาดเครื่องมือที่จำเป็น<br />             <br /> รองเจ้าอาวาสวัดบ้านปาง กล่าวว่า เมื่อก่อนนั้นวัดบ้านปางจะตั้งอยู่ในบริเวณหมู่บ้าน ซึ่งท่านครูบาศรีวิชัยเล็งเห็นว่าเมื่อหมู่บ้านเริ่มเจริญมากขึ้นอาจทำให้วัดเกิดความไม่สงบ เนื่องจากถูกบ้านเรือนตั้งอยู่ล้อมรอบ ดังนั้นท่านครูบาจึงได้ไปสร้างวัดใหม่อยู่บนยอดเขาใกล้ ๆ หมู่บ้าน โดยเมื่อท่านมาถึงได้สร้างเขตกำแพงหินของวัดก่อนเป็นอันดับแรก โดยมีชาวบ้าน ชาวลัวะ ชาวกะเหรี่ยงร่วมกับคนเมืองท้องถิ่นได้ช่วยกันนำหินคนละก้อน สองก้อนมาก่อเรียงเป็นกำแพงหิน รอบพื้นที่วัด ประมาณความยาวได้กว่า 2 กิโลเมตร<br />           <br />  รองเจ้าอาวาสยังบอกว่า &quot;กำแพงหินนี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งก่อสร้างตั้งแต่สมัยครูบาศรีวิชัยขึ้นมาสร้างวัด ซึ่งหลงเหลือมาจนปัจจุบัน อันเป็นความร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านที่มีความศรัทธาต่อตัวครูบาเจ้าศรีวิชัย ซึ่งบางคนก็หอบลูกสะพายหลานไว้ข้างหลังมาช่วยกันขนหิน ชาวลัวะที่มีช้างก็นำช้างมาช่วยกันลากหินปรับพื้นที่ บางคนที่ไปช่วยกันขนหินในห้วยแม่ลอง ถือเป็นแรงศรัทธาอันยิ่งใหญ่&quot;<br />           <br /> หลังจากนั้นครูบาศรีวิชัยและศรัทธาญาติโยมทั้งหลาย จึงได้ช่วยกันก่อสร้างวิหาร กุฏิ พระเจดีย์ โดยเฉพาะพระเจดีย์วัดบ้านปางนั้น รองเจ้าอาวาสกล่าวว่า ครูบาศรีวิชัยได้ไปเห็นพระธาตุหลวงลำพูน ก็คือ พระธาตุหริภุญชัย แล้วอาศัยจำแบบมาก่อสร้างเจดีย์วัดบ้านปาง นอกจากนั้นเมื่อท่านได้จาริกไปบูรณะวัดต่าง ๆ ในภาคเหนือครูบาศรีวิชัยก็ได้ไปสร้างเจดีย์วัดต่าง ๆ ตามแบบของพระธาตุหริภุญชัย ซึ่งอาจเป็นคติในเชิงความหมายว่า ท่านต้องการให้พระธาตุหริภุญชัยเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่พุทธศาสนาออกไปทั่วภาคเหนือ อีกความหมายหนึ่งก็อาจเป็นการประกาศให้รู้ว่าตัวครูบาเจ้าศรีวิชัยนั้นเป็นพระจากเมืองลำพูน<br />                     <br /> <br />กระทั่งเมื่อสร้างวัดเสร็จแล้วพระเณรบางส่วนจึงได้ย้ายขึ้นไปอยู่บนวัดใหม่แห่งนี้ ซึ่งมีชื่อเรียกว่า &quot;วัดจ๋อมศะหรีทรายมูลบุญเรือง&quot; แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่จะเรียกว่า &quot;วัดบ้านปาง&quot; ซึ่งวัดนี้มีอาณาบริเวณพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 160 ไร่ ในบริเวณเขตพุทธาวาสจะมีกำแพงก่อด้วยหินล้อมรอบถึง 4 ชั้น ซึ่งเป็นความคิดของครูบาศรีวิชัยที่พยายามจะจัดให้วัดนี้เป็นอรัญวาสี (วัดป่า) โดยครูบาศรีวิชัยได้แนวคิดมาจากที่ได้เห็นพระฤาษีก่อกำแพงหินล้อมรอบอาศรม ซึ่งปัจจุบันคือ ม่อนฤาษี ซึ่งอยู่ได้ห่างจากวัดบ้านปาง และที่สำคัญท่านไม่ต้องการที่จะทำลายธรรมชาติ จึงได้ให้ชาวบ้านนำหินมาตั้งเรียงซ้อนกันจนเป็นแนวกำแพง<br />             <br /><br />นอกจากในบริเวณวัดจะมีศาสนสถานที่สำคัญต่าง ๆ แล้ว สิ่งที่ดึงดูดให้ผู้ศรัทธาเดินทางมาเที่ยวยังวัดบ้านปางก็คือ &quot;พิพิธภัณฑ์เครื่องอัฐบริขารของครูบาศรีวิชัย&quot; พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างขึ้นเป็นอาคารคอนกรีตสองชั้นปูด้วยกระเบื้องหินอ่อน ชั้นบนมีรูปปั้นเหมือนจริงของครูบาศรีวิชัยทำจากขี้ผึ้งทั้งองค์ในลักษณะท่านั่ง นอกจากนั้นยังมีภาพเก่าของครูบาศรีวิชัยเมื่อครั้งที่ท่านจาริกไปในสถานที่ต่าง ๆ รวมทั้งถ้วยชามของเก่าของท่านที่เคยใช้มาก่อน ในชั้นนี้ยังมีปราสาทห้ายอดที่เคยบรรจุโลงศพและโกศบรรจุอัฐิของท่านนำมาจัดแสดงให้ผู้สนใจได้ชม ซึ่งทุกวันจะมีศรัทธาประชาชนเดินทางมากราบไหว้ของพรจากรูปปั้นครูบา<br />            <br /><br />ในบริเวณชั้นล่างของอาคาร จัดแสดงเครื่องใช้ถ้วยชามและของใช้สมัยเก่าที่หาดูหาชมได้ยาก อาทิ รถยนต์คันแรกที่ท่านเคยนั่งขึ้นไปยังวัดพระธาตุดอยสุเทพฯ เมื่อตอนที่สร้างทางขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพฯแล้วเสร็จใหม่ นอกจากนั้นยังมีรถสามล้อถีบของหลวงอนุสารสุนทรที่ใช้ใส่อาหารเพื่อถวายครูบาศรีวิชัยเมื่อครั้งที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดพระสิงห์ แต่ที่หาดูได้ยากได้แก่ เตียงนอนของครูบาศรีวิชัยและเสลี่ยงหาม พาหนะสำหรับเดินทางจาริกไปในวัดต่าง ๆ ทั่วภาคเหนือ<br />           <br /><br />นับได้ว่าพิพิธภัณฑ์เครื่องอัฐบริขารครูบาศรีวิชัย ที่วัดบ้านปาง อำเภอลี้ นั้น เป็นสิ่งที่หาชมได้ยากมาก เพราะของใช้ต่าง ๆ ของท่านครูบาจะถูกนำมาจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้แห่งเดียวเท่านั้น ทุกวันนี้วัดบ้านปางจึงเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของครูบาศรีวิชัย เพราะนอกจากจะเป็นวัดที่ท่านและชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างขึ้นแล้ว ที่หมู่บ้านปางยังเป็นภูมิลำเนาและสถานที่เกิดของท่านอีกด้วย<br /><br />ดังนั้นหากใครที่มาเยือนวัดแห่งนี้ ก็เปรียบเสมือนการได้เข้ามาเยือนมาสักการะครูบาศรีวิชัยด้วยเหมือนกัน.<br /><br />ข้อมูลจาก..สภาวัฒนธรรมอำเภอลี้
ประวัติวัดบ้านปาง ตำบลศรีวิชัย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน

วัดบ้านปาง ตั้งอยู่ในเขตตำบลศรีวิชัย(เดิมเป็นตำบลแม่ตืน) ตั้งอยู่ในหมู่บ้านที่เรียกว่า บ้านปาง ห่างจากที่ว่าการอำเภอลี้ประมาณ ๔๐ กิโลเมตร ซึ่งเป็นตำบลที่อยู่ด้านทิศเหนือของอำเภอลี้ มีเขตติดต่อกับอำเภอบ้านโฮ่ง

บนถนนสายลำพูนที่จะมุ่งหน้าไปอำเภอลี้ เมื่อผ่านอำเภอบ้านโฮ่งไปไม่ไกลนักก็จะถึงบ้านปาง หมู่บ้านซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของนักบุญแห่งล้านนา "ครูบาศรีวิชัย"วัดบ้านปางตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ย ๆ ลูกหนึ่ง บริเวณด้านหน้าของวัดมีบันไดนาคขึ้นไปสู่วัด วัดแห่งนี้ยังเป็นวัดที่ครูบาศรีวิชัยได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้น ภายในวัดจะร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ทั้งไม้พุ่ม ไม้ดอกหลากหลายชนิด ที่สำคัญในบริเวณวัดยังมีโบราณสถานอันเก่าแก่เมื่อครั้งสมัยที่ครูบาศรีวิชัยยังมีชีวิตอยู่ก็คือพระวิหารหลวง สร้างขึ้นตามรูปแบบของสถาปัตยกรรมล้านนามีลักษณะอ่อนช้อยสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง นอกจากพระวิหารหลวงแล้วยังมีปราสาทหินอ่อนซึ่งสร้างขึ้นตรงสถานที่ครูบาศรีวิชัยมรณภาพ ใกล้ ๆ กันยังมีพิพิธภัณฑ์บริขารครูบาเจ้าศรีวิชัย เก็บรวมรวบรูปภาพเก่าและข้าวของเครื่องใช้ที่ครูบาศรีวิชัยเคยใช้ เมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่


วัดบ้านปางเป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งในจังหวัดลำพูน สร้างขึ้นมาเมื่อประมาณร้อยปีก่อน คือเริ่มสร้างวัดเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2444 จนเมื่อครูบาศรีวิชัยอายุได้ 24 ปี ท่านได้นำพระเณรและศรัทธาชาวบ้านร่วมกันสร้างวัดขึ้นโดยได้ขอให้นายควาย โยมบิดาเป็นผู้แผ้วถางเป็นปฐมฤกษ์ให้เกิดความเป็นสิริมงคล ต่อจากนั้นพระเณรและศรัทธาชาวบ้านได้ร่วมแรงร่วมใจกันปรับสถานที่บนเนินเขาให้เป็นที่ราบ ในการสร้างและบูรณะวัดบ้านปางในสมัยนั้นเป็นไปอย่างล่าช้า ยากลำบากเพราะขาดเครื่องมือที่จำเป็น

รองเจ้าอาวาสวัดบ้านปาง กล่าวว่า เมื่อก่อนนั้นวัดบ้านปางจะตั้งอยู่ในบริเวณหมู่บ้าน ซึ่งท่านครูบาศรีวิชัยเล็งเห็นว่าเมื่อหมู่บ้านเริ่มเจริญมากขึ้นอาจทำให้วัดเกิดความไม่สงบ เนื่องจากถูกบ้านเรือนตั้งอยู่ล้อมรอบ ดังนั้นท่านครูบาจึงได้ไปสร้างวัดใหม่อยู่บนยอดเขาใกล้ ๆ หมู่บ้าน โดยเมื่อท่านมาถึงได้สร้างเขตกำแพงหินของวัดก่อนเป็นอันดับแรก โดยมีชาวบ้าน ชาวลัวะ ชาวกะเหรี่ยงร่วมกับคนเมืองท้องถิ่นได้ช่วยกันนำหินคนละก้อน สองก้อนมาก่อเรียงเป็นกำแพงหิน รอบพื้นที่วัด ประมาณความยาวได้กว่า 2 กิโลเมตร

รองเจ้าอาวาสยังบอกว่า "กำแพงหินนี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งก่อสร้างตั้งแต่สมัยครูบาศรีวิชัยขึ้นมาสร้างวัด ซึ่งหลงเหลือมาจนปัจจุบัน อันเป็นความร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านที่มีความศรัทธาต่อตัวครูบาเจ้าศรีวิชัย ซึ่งบางคนก็หอบลูกสะพายหลานไว้ข้างหลังมาช่วยกันขนหิน ชาวลัวะที่มีช้างก็นำช้างมาช่วยกันลากหินปรับพื้นที่ บางคนที่ไปช่วยกันขนหินในห้วยแม่ลอง ถือเป็นแรงศรัทธาอันยิ่งใหญ่"

หลังจากนั้นครูบาศรีวิชัยและศรัทธาญาติโยมทั้งหลาย จึงได้ช่วยกันก่อสร้างวิหาร กุฏิ พระเจดีย์ โดยเฉพาะพระเจดีย์วัดบ้านปางนั้น รองเจ้าอาวาสกล่าวว่า ครูบาศรีวิชัยได้ไปเห็นพระธาตุหลวงลำพูน ก็คือ พระธาตุหริภุญชัย แล้วอาศัยจำแบบมาก่อสร้างเจดีย์วัดบ้านปาง นอกจากนั้นเมื่อท่านได้จาริกไปบูรณะวัดต่าง ๆ ในภาคเหนือครูบาศรีวิชัยก็ได้ไปสร้างเจดีย์วัดต่าง ๆ ตามแบบของพระธาตุหริภุญชัย ซึ่งอาจเป็นคติในเชิงความหมายว่า ท่านต้องการให้พระธาตุหริภุญชัยเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่พุทธศาสนาออกไปทั่วภาคเหนือ อีกความหมายหนึ่งก็อาจเป็นการประกาศให้รู้ว่าตัวครูบาเจ้าศรีวิชัยนั้นเป็นพระจากเมืองลำพูน


กระทั่งเมื่อสร้างวัดเสร็จแล้วพระเณรบางส่วนจึงได้ย้ายขึ้นไปอยู่บนวัดใหม่แห่งนี้ ซึ่งมีชื่อเรียกว่า "วัดจ๋อมศะหรีทรายมูลบุญเรือง" แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่จะเรียกว่า "วัดบ้านปาง" ซึ่งวัดนี้มีอาณาบริเวณพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 160 ไร่ ในบริเวณเขตพุทธาวาสจะมีกำแพงก่อด้วยหินล้อมรอบถึง 4 ชั้น ซึ่งเป็นความคิดของครูบาศรีวิชัยที่พยายามจะจัดให้วัดนี้เป็นอรัญวาสี (วัดป่า) โดยครูบาศรีวิชัยได้แนวคิดมาจากที่ได้เห็นพระฤาษีก่อกำแพงหินล้อมรอบอาศรม ซึ่งปัจจุบันคือ ม่อนฤาษี ซึ่งอยู่ได้ห่างจากวัดบ้านปาง และที่สำคัญท่านไม่ต้องการที่จะทำลายธรรมชาติ จึงได้ให้ชาวบ้านนำหินมาตั้งเรียงซ้อนกันจนเป็นแนวกำแพง


นอกจากในบริเวณวัดจะมีศาสนสถานที่สำคัญต่าง ๆ แล้ว สิ่งที่ดึงดูดให้ผู้ศรัทธาเดินทางมาเที่ยวยังวัดบ้านปางก็คือ "พิพิธภัณฑ์เครื่องอัฐบริขารของครูบาศรีวิชัย" พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างขึ้นเป็นอาคารคอนกรีตสองชั้นปูด้วยกระเบื้องหินอ่อน ชั้นบนมีรูปปั้นเหมือนจริงของครูบาศรีวิชัยทำจากขี้ผึ้งทั้งองค์ในลักษณะท่านั่ง นอกจากนั้นยังมีภาพเก่าของครูบาศรีวิชัยเมื่อครั้งที่ท่านจาริกไปในสถานที่ต่าง ๆ รวมทั้งถ้วยชามของเก่าของท่านที่เคยใช้มาก่อน ในชั้นนี้ยังมีปราสาทห้ายอดที่เคยบรรจุโลงศพและโกศบรรจุอัฐิของท่านนำมาจัดแสดงให้ผู้สนใจได้ชม ซึ่งทุกวันจะมีศรัทธาประชาชนเดินทางมากราบไหว้ของพรจากรูปปั้นครูบา


ในบริเวณชั้นล่างของอาคาร จัดแสดงเครื่องใช้ถ้วยชามและของใช้สมัยเก่าที่หาดูหาชมได้ยาก อาทิ รถยนต์คันแรกที่ท่านเคยนั่งขึ้นไปยังวัดพระธาตุดอยสุเทพฯ เมื่อตอนที่สร้างทางขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพฯแล้วเสร็จใหม่ นอกจากนั้นยังมีรถสามล้อถีบของหลวงอนุสารสุนทรที่ใช้ใส่อาหารเพื่อถวายครูบาศรีวิชัยเมื่อครั้งที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดพระสิงห์ แต่ที่หาดูได้ยากได้แก่ เตียงนอนของครูบาศรีวิชัยและเสลี่ยงหาม พาหนะสำหรับเดินทางจาริกไปในวัดต่าง ๆ ทั่วภาคเหนือ


นับได้ว่าพิพิธภัณฑ์เครื่องอัฐบริขารครูบาศรีวิชัย ที่วัดบ้านปาง อำเภอลี้ นั้น เป็นสิ่งที่หาชมได้ยากมาก เพราะของใช้ต่าง ๆ ของท่านครูบาจะถูกนำมาจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้แห่งเดียวเท่านั้น ทุกวันนี้วัดบ้านปางจึงเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของครูบาศรีวิชัย เพราะนอกจากจะเป็นวัดที่ท่านและชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างขึ้นแล้ว ที่หมู่บ้านปางยังเป็นภูมิลำเนาและสถานที่เกิดของท่านอีกด้วย

ดังนั้นหากใครที่มาเยือนวัดแห่งนี้ ก็เปรียบเสมือนการได้เข้ามาเยือนมาสักการะครูบาศรีวิชัยด้วยเหมือนกัน.

ข้อมูลจาก..สภาวัฒนธรรมอำเภอลี้
DSC_1787.JPG (138.46 KiB) เข้าดูแล้ว 320 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4429
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »


:) :D สำรวจ "วัดบ้านปาง" จังหวัดลำพูน กับตำนาน "ครูบาศรีวิชัย" | เปิดตำนานกับเผ่าทอง :idea: :idea:
ไฟล์แนบ
DSC_1769.JPG
DSC_1769.JPG (90.71 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
DSC_1770.JPG
DSC_1770.JPG (87.17 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
DSC_1771.JPG
DSC_1771.JPG (95.18 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
DSC_1789.JPG
DSC_1789.JPG (92.65 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
DSC_1790.JPG
DSC_1790.JPG (79.03 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
DSC_1791.JPG
DSC_1791.JPG (90.75 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
DSC_1792.JPG
DSC_1792.JPG (73.98 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
DSC_1793.JPG
DSC_1793.JPG (109.97 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
DSC_1794.JPG
DSC_1794.JPG (110.86 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
DSC_1795.JPG
DSC_1795.JPG (78.31 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
DSC_1796.JPG
DSC_1796.JPG (96.03 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
DSC_1797.JPG
DSC_1797.JPG (140.35 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
DSC_1798.JPG
DSC_1798.JPG (84.71 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
454694497_10229788236641774_2478925637035249409_n.jpg
454694497_10229788236641774_2478925637035249409_n.jpg (69.79 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
DSC_1800.JPG
DSC_1800.JPG (106.45 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
พาหนูน้อยกราบสักการะและชื่นชมบารมีของหลวงปู่ครูบาศรีวิชัยจนพอใจ เราก็พากันกราบลาเดินทางเข้า อ.ลี้ เพื่อหาที่พักในคืนแรก (คุณนายไม่ได้จองที่พัก) พร้อมเตรียมตัวที่จะผจญภัยตามแผนที่วางไว้ต่อไป ติดตามเป็นกำลังใจนะครับ สาธุ สาธุ.<br /><br />บ่อยครั้งที่เรามักจะพากันมาทำบุญที่วัด และมี ๒ ครั้งที่เราได้ปั่นมานอนที่นี่ มีครั้งหนึ่งประมาณตี ๒ ผมตื่นมาทำสมาธิภาวนา ปรากฏการณ์ที่สุดประทับใจจำติดใจไม่ลืม วันนั้นผมได้เห็น(ในสมาธิ)ฟ้าร้องสนั่นครั่นครื้นตกอกตกใจ ดังมาก ๆ (ควบคุมสติ) สักพักได้ยินเสียงฝนตกซู่ ๆ แล้วเห็นฟ้ามืดคลึ้มดำทะมึนเป็นเมฆก้อนใหญ่ สายฝนโปรยปรายเบาลง ๆ ผมค่อย ๆ ลืมตา ปรากฏเป็นฝนตกครับแต่ไม่แรงเหมือนที่เห็นในสมาธิ <br /><br />รุ่งเช้าเราไปถวายอาหารเช้า ท่านเจ้าอาวาสเมตตาให้หนังสือประวัติครูบาศรีวิชัยคนละเล่ม ผมได้อ่านประวัติจึงได้ทราบว่าท่านครูบาตอนเกิด มีฟ้าร้องสนั่นครั่นครื้น ท่านได้รับฉายาว่า &quot;อ้ายฟ้าฮ้อง&quot; ผมก็ถึงบางอ้อ นี่คือมหัศจรรย์ สำหรับผมครับ เหตุการณ์ครั้งนั้นยิ่งทำให้กำลังใจในการปฏิบัติภาวนามีมากยิ่งขึ้น และการภาวนาก็เจริญขึ้น ๆ จนปัจจุบัน มิได้ถดถอยลงเลย.
พาหนูน้อยกราบสักการะและชื่นชมบารมีของหลวงปู่ครูบาศรีวิชัยจนพอใจ เราก็พากันกราบลาเดินทางเข้า อ.ลี้ เพื่อหาที่พักในคืนแรก (คุณนายไม่ได้จองที่พัก) พร้อมเตรียมตัวที่จะผจญภัยตามแผนที่วางไว้ต่อไป ติดตามเป็นกำลังใจนะครับ สาธุ สาธุ.

บ่อยครั้งที่เรามักจะพากันมาทำบุญที่วัด และมี ๒ ครั้งที่เราได้ปั่นมานอนที่นี่ มีครั้งหนึ่งประมาณตี ๒ ผมตื่นมาทำสมาธิภาวนา ปรากฏการณ์ที่สุดประทับใจจำติดใจไม่ลืม วันนั้นผมได้เห็น(ในสมาธิ)ฟ้าร้องสนั่นครั่นครื้นตกอกตกใจ ดังมาก ๆ (ควบคุมสติ) สักพักได้ยินเสียงฝนตกซู่ ๆ แล้วเห็นฟ้ามืดคลึ้มดำทะมึนเป็นเมฆก้อนใหญ่ สายฝนโปรยปรายเบาลง ๆ ผมค่อย ๆ ลืมตา ปรากฏเป็นฝนตกครับแต่ไม่แรงเหมือนที่เห็นในสมาธิ

รุ่งเช้าเราไปถวายอาหารเช้า ท่านเจ้าอาวาสเมตตาให้หนังสือประวัติครูบาศรีวิชัยคนละเล่ม ผมได้อ่านประวัติจึงได้ทราบว่าท่านครูบาตอนเกิด มีฟ้าร้องสนั่นครั่นครื้น ท่านได้รับฉายาว่า "อ้ายฟ้าฮ้อง" ผมก็ถึงบางอ้อ นี่คือมหัศจรรย์ สำหรับผมครับ เหตุการณ์ครั้งนั้นยิ่งทำให้กำลังใจในการปฏิบัติภาวนามีมากยิ่งขึ้น และการภาวนาก็เจริญขึ้น ๆ จนปัจจุบัน มิได้ถดถอยลงเลย.
DSC_1801.JPG (129.45 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4429
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D อรุณสวัสดิ์ครับ หลาย ๆ วันมานี้เราต้องเจอกับอุทกภัยชนิดรุนแรงสุด ๆ บอกได้คำเดียวว่า "ตลอดชีวิตที่เกิดมาผมยังไม่เจอสภาพสาหัสแบบนี้มาเลย" ท่าตอน แม่อายที่ทำงานสมัยหนุ่ม ๆ ก็แค่ท่วมวันนี้ทะลักบ้านพี่น้องเพื่อนฝูงไปหมด ที่เชียงราย แม่สายผมอยู่และทำงานมานับสิบปีก็แค่ท่วม ปีนี้เรียกว่าอ่วมจริง ๆ โดยเฉพาะแม่สายไม่มีนะครับแบบนี้

อะไรคือสาเหตุ ? น่าคิดมากนะ ในอดีตเนิ่นนานพอควรผมเดินดอยไปตามหมู่บ้านชายแดน ชาวเขา สิ่งที่พบเห็นคือการตัดไม้ทำลายป่า เพื่อทำมาหาเลี้ยงชีวิต อีกไม่นานต่อมาก็เจอสภาพนายทุน ไปบุกรุกทำลายธรรมชาตินำมาทำรีสอร์ท ปลูกพืชเชิงเดี่ยว มีการให้คนทั้งบนดอยแลพื้นราบขึ้นไป บุกรุกทำลายป่าพินาศหมด มิใยที่ทางการจะออกมาเตือน มาปกป้องกันแต่ก็ทำได้แค่ระดับหนึ่ง (สู้ไม่ไหวทั้งคนของรัฐเองก็ทุจริตคอรัปชั่นเรียกว่า ร่วมด้วยช่วยกัน)

ผมเจอคลิปที่นำเสนอเรื่องราวคล้าย ๆ ที่ผมกำลังพูดถึง จึงจัดนำมาเสนอให้ได้รับทราบว่า "นี่ก็คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมในตรั้งนี้" เรียกว่า "ธรรมชาติเขามาเอาคืนแล้ว" ยังนะครับนี่เรียกว่า เบาะ ๆ ยังจะมีอีกหลาย ๆ ระรอก น่าเป็นห่วง ก็พูดได้คำเดียว "ระวังกันไว้" แค่นี้ครับ ขอให้ทุกคนปลอดภัยและโชคดีนะครับ
:( :(



:( :( ธรรมชาติลงโทษ :( :(
ไฟล์แนบ
459473372_1069571371419495_5890969815312279037_n.jpg
459473372_1069571371419495_5890969815312279037_n.jpg (71.32 KiB) เข้าดูแล้ว 198 ครั้ง
459572078_513930681371666_781005041825132430_n.jpg
459572078_513930681371666_781005041825132430_n.jpg (142.26 KiB) เข้าดูแล้ว 198 ครั้ง
460509165_1428365964450111_725865133194168112_n.jpg
460509165_1428365964450111_725865133194168112_n.jpg (124.2 KiB) เข้าดูแล้ว 198 ครั้ง
458512607_1096844705131079_5342252023636310026_n.jpg
458512607_1096844705131079_5342252023636310026_n.jpg (126.38 KiB) เข้าดูแล้ว 198 ครั้ง
459152515_1081297963650720_3850671015280499799_n (1).jpg
459152515_1081297963650720_3850671015280499799_n (1).jpg (65.76 KiB) เข้าดูแล้ว 198 ครั้ง
459473372_1232251391427824_2113556734252205421_n.jpg
459473372_1232251391427824_2113556734252205421_n.jpg (173.42 KiB) เข้าดูแล้ว 198 ครั้ง
วันที่เพื่อน ๆ เดือดร้อนเราก็ไม่นิ่งดูดายออกไปให้กำลังใจและช่วยเหลือตามกำลังความสามารถ ที่บ้านปากกอง สารภี ก็เรียกว่าสาหัสสมควรโดนกันทุกหมู่บ้านเรียกว่า โดนกันหมดไม่เว้น แต่บ้านผมโชคดีที่ครั้งนี้ไม่เจออะไร ขอบคุณสวรรค์นะ
วันที่เพื่อน ๆ เดือดร้อนเราก็ไม่นิ่งดูดายออกไปให้กำลังใจและช่วยเหลือตามกำลังความสามารถ ที่บ้านปากกอง สารภี ก็เรียกว่าสาหัสสมควรโดนกันทุกหมู่บ้านเรียกว่า โดนกันหมดไม่เว้น แต่บ้านผมโชคดีที่ครั้งนี้ไม่เจออะไร ขอบคุณสวรรค์นะ
459555820_364318503425621_1228952822575111173_n.jpg (123.42 KiB) เข้าดูแล้ว 198 ครั้ง
cats13.jpg
cats14.jpg
cats14.jpg (137.83 KiB) เข้าดูแล้ว 198 ครั้ง
เดินทางท่องเที่ยวกันต่อนะ....ออกจากวัดครูบาศรีวิชัย เป้าหมายของผมคือตรงดิ่งไปยัง อ.ลี้ เพื่อไปหาไปเตรียมที่พัก(คุณนายไม่ได้จับจอง) เข้าถึงตัว อ.ลี้ เราแวะที่ ๗-๑๑ ไปแวะร้าน Amezon หาเครื่องดื่มเย็น ๆ เพิ่มเติมพลัง และเพื่อพักรถพร้อมกับค้นหาที่พักอาศัยผู้รู้ Google ไงครับ
เดินทางท่องเที่ยวกันต่อนะ....ออกจากวัดครูบาศรีวิชัย เป้าหมายของผมคือตรงดิ่งไปยัง อ.ลี้ เพื่อไปหาไปเตรียมที่พัก(คุณนายไม่ได้จับจอง) เข้าถึงตัว อ.ลี้ เราแวะที่ ๗-๑๑ ไปแวะร้าน Amezon หาเครื่องดื่มเย็น ๆ เพิ่มเติมพลัง และเพื่อพักรถพร้อมกับค้นหาที่พักอาศัยผู้รู้ Google ไงครับ
461012043_433303582633603_5107129867499307862_n.jpg
461012043_433303582633603_5107129867499307862_n.jpg (106.15 KiB) เข้าดูแล้ว 198 ครั้ง
cats16.jpg
เป็นความโชคดีที่พักทีเราหาและตัดสินเข้าพัก ดีจริง ๆ มีอาหารเช้าด้วยราคาก็พอสมควรไม่แพงเวอร์ ที่สำคัญเจ้าของใจดีมาก ๆ เอื้ออาทรต่อแขกผู้มาพัก มิน่าผมเห็นรถเต็ม แอบเดินดูห้องพักเต็มหมดครับ
เป็นความโชคดีที่พักทีเราหาและตัดสินเข้าพัก ดีจริง ๆ มีอาหารเช้าด้วยราคาก็พอสมควรไม่แพงเวอร์ ที่สำคัญเจ้าของใจดีมาก ๆ เอื้ออาทรต่อแขกผู้มาพัก มิน่าผมเห็นรถเต็ม แอบเดินดูห้องพักเต็มหมดครับ
cats17.jpg (113.9 KiB) เข้าดูแล้ว 198 ครั้ง
cats18.jpg
cats19.JPG
cats19.JPG (104.84 KiB) เข้าดูแล้ว 198 ครั้ง
cats20.JPG
cats20.JPG (87.46 KiB) เข้าดูแล้ว 198 ครั้ง
cats21.jpg
cats22.JPG
cats22.JPG (111.96 KiB) เข้าดูแล้ว 198 ครั้ง
cats23.JPG
เข้าที่พักจัดสิ่งของสัมภาระเรียบร้อย ไม่รอช้าเรารีบพาจักรยานออกปั่นเข้า อ.ลี้ ชมสถานที่ต่าง ๆ และดูความเป็นอยู่ของชาวบ้าน เรียกว่าสนุกสนาน หนูน้อยก็ให้ความสนใจ บรรยากาศเป็นใจแดดไม่ร้อนเพราะตะวันคล้อยเข้าเวลาสายันห์แล้ว <br /><br />อำเภอลี้ เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาเก่าแก่ โดยได้ก่อตั้งเมืองมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย ก่อนปี พ.ศ. 1800 มีพระนางจามะรี เป็นราชธิดาของเจ้าเมืองหลวงพระบาง เป็นหัวหน้าในการอพยพผู้คนหลบหนีลี้ภัยข้าศึกและโรคระบาดจากเมืองหลวงพระบางลงมายังทางทิศใต้สู่แคว้นล้านนา ได้สร้างเมือง ณ บริเวณวัดพระธาตุดวงเดียว เนื่องจากมีลักษณะภูมิประเทศเหมาะสม มีสายน้ำ 3 สายมาบรรจบกัน ปัจจุบันเรียกว่า &quot;แม่ลี้&quot; &quot;แม่แต๊ะ&quot; และ &quot;แม่ไป&quot; จึงตั้งชื่อเมืองว่า เมืองลี้ <br /><br />เมืองลี้เจริญรุ่งเรืองตลอดมา จวบจนทางกรุงสุโขทัยได้ยกทัพมาตี โดยกวาดต้อนผู้คนและทรัพย์สินไปยังกรุงสุโขทัย เมืองลี้จึงกลายเป็นเมืองร้าง<br /><br />ต่อมามีผู้คนอพยพมาจากเมืองเชียงใหม่ ลำพูน เถิน และตาก เข้ามาตั้งหลักแหล่งอยู่อาศัยจนถึงกลางสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าเมืองลำพูนหรือนครหริภุญไชยได้แต่งตั้งเจ้าเมืองมาปกครองและตั้งเป็นเมืองลี้ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และในปี พ.ศ. 2454 ได้เปลี่ยนแปลงฐานะเป็น อำเภอเมืองลี้ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2460 จึงเปลี่ยนชื่อเป็น อำเภอลี้ โดยตั้งแต่ได้รับการยกฐานะเป็นอำเภอจนถึงปัจจุบันรวมเป็นเวลาเกือบร้อยปีแล้ว
เข้าที่พักจัดสิ่งของสัมภาระเรียบร้อย ไม่รอช้าเรารีบพาจักรยานออกปั่นเข้า อ.ลี้ ชมสถานที่ต่าง ๆ และดูความเป็นอยู่ของชาวบ้าน เรียกว่าสนุกสนาน หนูน้อยก็ให้ความสนใจ บรรยากาศเป็นใจแดดไม่ร้อนเพราะตะวันคล้อยเข้าเวลาสายันห์แล้ว

อำเภอลี้ เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาเก่าแก่ โดยได้ก่อตั้งเมืองมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย ก่อนปี พ.ศ. 1800 มีพระนางจามะรี เป็นราชธิดาของเจ้าเมืองหลวงพระบาง เป็นหัวหน้าในการอพยพผู้คนหลบหนีลี้ภัยข้าศึกและโรคระบาดจากเมืองหลวงพระบางลงมายังทางทิศใต้สู่แคว้นล้านนา ได้สร้างเมือง ณ บริเวณวัดพระธาตุดวงเดียว เนื่องจากมีลักษณะภูมิประเทศเหมาะสม มีสายน้ำ 3 สายมาบรรจบกัน ปัจจุบันเรียกว่า "แม่ลี้" "แม่แต๊ะ" และ "แม่ไป" จึงตั้งชื่อเมืองว่า เมืองลี้

เมืองลี้เจริญรุ่งเรืองตลอดมา จวบจนทางกรุงสุโขทัยได้ยกทัพมาตี โดยกวาดต้อนผู้คนและทรัพย์สินไปยังกรุงสุโขทัย เมืองลี้จึงกลายเป็นเมืองร้าง

ต่อมามีผู้คนอพยพมาจากเมืองเชียงใหม่ ลำพูน เถิน และตาก เข้ามาตั้งหลักแหล่งอยู่อาศัยจนถึงกลางสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าเมืองลำพูนหรือนครหริภุญไชยได้แต่งตั้งเจ้าเมืองมาปกครองและตั้งเป็นเมืองลี้ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และในปี พ.ศ. 2454 ได้เปลี่ยนแปลงฐานะเป็น อำเภอเมืองลี้ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2460 จึงเปลี่ยนชื่อเป็น อำเภอลี้ โดยตั้งแต่ได้รับการยกฐานะเป็นอำเภอจนถึงปัจจุบันรวมเป็นเวลาเกือบร้อยปีแล้ว
cats24.1.JPG (102.95 KiB) เข้าดูแล้ว 198 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4429
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:( :( เสียงแม่เรียก ปลุกตอนเช้า ก่อนฟ้าสาง
รีบลุกล้าง หน้าตา พร้อมหวีผม
พูดกับแม่ ได้ไปเที่ยว แสนรื่นรมย์
แม่จัดเตรียม น้ำและนม ขนมชอบ

ถึงโรงเรียน รถคันใหญ่ จอดต่อหน้า
บอกแม่จ้า รถสวยมาก แม่เห็นไหม
ก้าวขึ้นรถ พร้อมโบกมือ ยิ้มทักทาย
รีบเร่งไป ถึงที่นั่ง ชะโงกดู

เวลาสาย ถึงยาม จะได้กลับ
แม่รอรับ ตั้งตา มาตอนไหน
ได้ยินข่าว แม่ล้มทรุด แทบขาดใจ
พญาเพลิง เผาไหม้ ไร้วิญญาณ

โอ้ลูกจ้า ทำไมฟ้า ถึงกลั่นแกล้ง
มายื้อแย่ง พลัดพราก จากอกฉัน
เป็นนางฟ้า เทวดา บนเทวัญ
ฝากดวงจันทร์ ส่งทาง ฟากฟ้าไกล....

...ผมเขียนไป น้ำตาไหลไป....

บทความ ประภาส ศรีระวงค์ ขอน้อมจิตส่งดวงวิญญาณ เด็กๆและครูทุกท่านไปสู่ภพภูมิที่ดีด้วยเถิด....
:( :(

:o :o สวัสดียามเย็นๆ ที่แสนเศร้ากับเรื่องราวต้อนรับงบประมาณใหม่ ๒๕๖๘ ทำไมเราจึงต้องมาพบกับเรื่องราวแบบนี้ ขอทีนะสวรรค์จะทำอะไร ๆ ก็ทำกับคนใหญ่คนโตเถอะ หญ้าแพรกอย่างพวกเราอย่าเลย ยอมรับมัน sensitive กับคนที่มีลูกมีหลานเล็ก ๆ ขนาดนายกท่านยังกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เพราะท่านก็มีลูกเล็ก ๆ ด้วย

สืบเนื่องจากภัยพิบัติน้ำท่วมแม่สาย แม่อาย แพร่ ฯ ลามมาถึงเขตปากกองสารภีบ้านผมขณะที่นั่งเขียนเรื่องราวน้ำยังขังในหลาย ๆ พื้นที่ ผมไปเจอบทความพิจารณาแล้ว มันน่าจะมีประโยชน์ ขอนำมาเผยแพร่เป็นวิทยาทานเพื่อเตรียมรับมือ ในโอกาสต่อไป ดังนี้


:idea: :idea: ผมเพิ่งรู้...( 27 กันยายน 2567)

ชาวเวียดนามรักษาทรัพย์สินจากน้ำท่วมได้ยังไง ไปดูกัน

ผมและคณะยังติดน้ำท่วมอยู่ที่เมืองเว้ รถตู้กลับออกไปไม่ได้แต่คิดว่าประมาณ 2-3 วันน้ำลดคงกลับเมืองไทยได้

ผมได้คุยกับพนักงานของโรงแรมซึ่งเขาเคยไปทำงานอยู่ที่ประเทศไทยพูดไทยได้ชัด เขาดูข่าวทางทีวีเห็นที่แม่สายเจ้าของร้านและชาวบ้านร้องไห้กันเพราะข้าวของเครื่องใช้สินค้าที่วางขายจมน้ำหมดเปรอะเปื้อนโคลนเสียหายมากมายเอาออกมาเร่ขายราคาถูกมากเพียงชิ้นละ 20 บาทเท่านั้น

เขาบอกผมว่าถ้าเป็นที่เวียดนามจะไม่มีอะไรเสียหายเลย เวียดนามผจญกับพายุไต้ฝุ่นทุกปีแตข้าวของสินค้าของเขาไม่เสียหายทั้งที่จมน้ำหมด เขาบอกผมว่าดูที่ร้านขายสินค้าเห็นมีแต่ถุงดำกองเต็มร้าน เขาบอกว่านั่นไม่ใช่ถุงขยะเป็นสินค้าที่เขาขายเมื่อเกิดน้ำท่วมเขาจะซื้อถุงขยะสีดำชนิดหนาใบใหญ่ๆเอาซ้อนกัน 2 ใบแล้วเอาสินค้าเสื้อผ้าของใช้ใส่ในถุงมัดด้วยเชือกจนแน่นเอากองไว้ที่เดิมเมื่อน้ำท่วมสินค้าพวกนี้จะไม่เปียกไม่เสียหายไม่ต้องขนย้ายไปไหนให้เหนื่อยพอน้ำลดเปิดถุงออกมาสินค้าก็ยังเป็นปกติไม่เสียหายเลย

เขาบอกผมว่าเขาเสียดายมากทำไมพวกเราไม่เอาสินค้าเสื้อผ้าหมวกกระเป๋าเครื่องไฟฟ้าใส่ถุงขยะซ้อนกัน 2 ชั้นมัดปากให้แน่นแล้วเอากองไว้ที่เดิมไม่ต้องขนย้ายไปไหนพอน้ำลดเปิดออกมาจะไม่มีอะไรเสียหายเลยครับ

ผมว่าพวกเราโชคดีที่ได้ติดน้ำกลับเมืองไทยไม่ได้อยู่ที่เว้ ได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาเขาผ่านภัยพิบัติซึ่งเกิดขึ้นทุกปีร้ายแรงกว่าบ้านเราอีกแต่ก็เสียหายไม่มากเพราะเขารู้วิธีที่จะดำรงชีวิตอยู่กับภัยธรรมชาตินานนับร้อยปี

ผมจึงได้ความคิดนี้มาบอกพวกเราทุกคนว่าถ้าเรารู้ว่าน้ำจะต้องท่วมบ้านเราแน่ ให้ซื้อถุงขยะสีดำอย่างหนาใบใหญ่ๆเอาซ้อนกัน 2 ชั้นเอาของใช้ถ้วยจานชามเสื้อผ้าแพ็คใส่ถุงมัดปากให้แน่นวางไว้ที่เดิมไม่ต้องขนย้ายไปไหนเพราะบางทีบางบ้านมีแค่ชั้นเดียวขนย้ายขึ้นไปข้างบนไม่ได้ก็เอาไว้ที่เดิมมัดปากให้แน่นถ้ายังอยู่ได้ก็อยู่อยู่ไม่ได้ก็ย้ายออกไปหาที่อยู่ที่ปลอดภัยก่อนปิดบ้านไว้เมื่อกลับมาเปิดถุงของใช้ไม่เสียหายเลยครับ

ดังนั้นจึงขอให้ทุกท่านที่คิดว่าบ้านจมน้ำข้าวของจะเสียหายรีบไปหาซื้อถุงดำถุงขยะชนิดหนาใบใหญ่ๆเอามาซ้อนกัน 2 ใบแล้วก็เอาของที่ไม่ได้ใช้แล้วจะเสียหายเอาใส่ถุงดำมัดปากให้แน่นตั้งวางไว้ที่เดิมไม่ต้องเคลื่อนย้ายไปไหนอยู่จนกว่าจะอยู่ไม่ได้ ถ้าน้ำมาเราอยู่บ้านไม่ได้ออกไปหาที่อยู่ใหม่ปิดบ้านไว้กลับมาเข้าของไม่เสียหายเลยครับ

ทำทันทีนะครับรีบออกไปซื้อถุงดำใบใหญ่ถุงขยะมาเตรียมแพ็คของไว้เลยครับสาธุขอให้ทุกท่านปลอดภัยนะครับ

ผมคงลำบากนิดหน่อยเพราะมาม่าเจที่เตรียมมาอยู่ได้วันนี้อีกวันเดียวกำลังให้คนออกไปซื้อคงต้องอยู่ที่นี่อีก 2-3 วันจึงจะกลับเมืองไทยได้ครับ

ผมเป็นห่วงเมืองไทยมากอยากจะรีบกลับไปเพื่อช่วยกันแก้ปัญหาภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งนี้
โชคดีที่ต้องติดน้ำอยู่ที่เว้จึงได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่การเอาตัวรอดของพวกเขา จะได้เป็นแนวทางการศึกษาการมีชีวิตอยู่กับภัยพิบัติและการอยู่รอดปลอดภัยโดยข้าวของเสียหายน้อยที่สุด

เราได้ศึกษาการเอาชีวิตรอดจากภัยพิบัติจากคนที่อยู่กับภัยพิบัติมาตลอดนับร้อยปีรีบไปซื้อถุงดำขยะชนิดหนาใบใหญ่พร้อมเชือกมาเตรียมไว้เลยนะครับทุกท่าน.
:idea: :idea:
ไฟล์แนบ
461011016_396505300165919_6532502467370840043_n.jpg
461011016_396505300165919_6532502467370840043_n.jpg (90.77 KiB) เข้าดูแล้ว 93 ครั้ง
ขอร่วมไว้อาลัยกับครอบครัวผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ และขอให้ทุกดวงวิญญาณจงสถิตสู่สรวงสวรรค์ อย่าได้มีอะไรติดข้องในใจไปด้วยดี ด้วยเทอญ
ขอร่วมไว้อาลัยกับครอบครัวผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ และขอให้ทุกดวงวิญญาณจงสถิตสู่สรวงสวรรค์ อย่าได้มีอะไรติดข้องในใจไปด้วยดี ด้วยเทอญ
461014264_410251675440389_1901238739710848608_n.jpg (84.06 KiB) เข้าดูแล้ว 93 ครั้ง
แก้ไขล่าสุดโดย Deang-sarapee เมื่อ 03 ต.ค. 2024, 12:28, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4429
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D สวัสดียามสายๆ ครับ ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพและญาติธรรมที่รักทุกท่าน ใน fb.ได้ขึ้นความจำในอดีตเมื่อวันที่ ๑ ต.ค.๖๔ เป็นวันวิปโยคสำหรับครอบครัวเราที่ถูกต้นยางต้นที่ ๕๘ ล้มทับความเสียหายมากมาย โชคดี(หรือร้าย?)ที่เราไม่เสียชีวิตอีกเพียงเสี้ยวนาที ! บุญเราคงมีที่จะต้องอยู่เพื่อสร้างบารมีให้มากยิ่ง ๆ ขึ้น ก็ขอบคุณสวรรค์ในวันนั้นครับ และขออนุญาติพื้นที่รำลึกความหลังกับตุลาอาถรรพ์ไม่คิดจริง ๆ ว่าเราจะมามีส่วนร่วมกับเดือนตุลาคมกับเขาด้วยเช่นกัน!!! :) :D


:( :( เรียกร้องแก้ปัญหาต้นยางนาถนนสาย ชม.-ลพ. :( :(
ไฟล์แนบ
หรือนี่คือ...ตุลาอาถรรพ์ ? แปลกนะ..เราทำไมถึงต้องมามีอาถรรพ์กับเขาในเดือนนี้ด้วย ๕๕๕.
หรือนี่คือ...ตุลาอาถรรพ์ ? แปลกนะ..เราทำไมถึงต้องมามีอาถรรพ์กับเขาในเดือนนี้ด้วย ๕๕๕.
461068937_549228510901517_7795804480052473931_n.jpg (47.68 KiB) เข้าดูแล้ว 58 ครั้ง
เป็นความโชคดีที่ต้นยางไม่ล้มทับตรง ๆ แต่เขาเบี่ยงต้นล้มลงตามช่องว่างของบ้าน ทำให้เราไม่ถึงกับไร้ที่อยู่อาศัยหลับนอน ยังมีบ้านปูนที่ไม่ได้รับความเสียหาย ส่วนบ้านไม้สมัย ๖๐ กว่าปีที่แม่ใหญ่สร้างไว้และเรามาปรับปรุงให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นไม่เหลือ ครับ(เสียดาย) แต่รถยนต์ ๓ คันพังเสียหายต้องรีบดำเนินการซ่อมเพื่อให้มีใช้ ต้องขอบคุณบริษัทโตโยต้า ลพ.ที่เข้ามาเร่งรีบจัดการให้โดยด่วนเป็นกรณีพิเศษ ขอบคุณจริง ๆ
เป็นความโชคดีที่ต้นยางไม่ล้มทับตรง ๆ แต่เขาเบี่ยงต้นล้มลงตามช่องว่างของบ้าน ทำให้เราไม่ถึงกับไร้ที่อยู่อาศัยหลับนอน ยังมีบ้านปูนที่ไม่ได้รับความเสียหาย ส่วนบ้านไม้สมัย ๖๐ กว่าปีที่แม่ใหญ่สร้างไว้และเรามาปรับปรุงให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นไม่เหลือ ครับ(เสียดาย) แต่รถยนต์ ๓ คันพังเสียหายต้องรีบดำเนินการซ่อมเพื่อให้มีใช้ ต้องขอบคุณบริษัทโตโยต้า ลพ.ที่เข้ามาเร่งรีบจัดการให้โดยด่วนเป็นกรณีพิเศษ ขอบคุณจริง ๆ
ขอบคุณน้ำใจไมตรีจากเพื่อน ๆ และส่วนราชการทุกหน่วยงานที่เข้ามาดูแลเป็นกำลังใจ และขอบคุณทาง อบจ.ที่ช่วยค่าซ่อมแซมอย่างเต็มที่แม้จะได้ ๑/๔ ก็ยังดี คิดเสียว่าเคราะห์กรรมของเรา ชดใช้วิบากกรรมให้หมดให้สิ้นไม่ต้องมาติดขัด ข้อง ไปในภพชาติต่อ ๆ ไป จบกันแค่นี้นะ !!
ขอบคุณน้ำใจไมตรีจากเพื่อน ๆ และส่วนราชการทุกหน่วยงานที่เข้ามาดูแลเป็นกำลังใจ และขอบคุณทาง อบจ.ที่ช่วยค่าซ่อมแซมอย่างเต็มที่แม้จะได้ ๑/๔ ก็ยังดี คิดเสียว่าเคราะห์กรรมของเรา ชดใช้วิบากกรรมให้หมดให้สิ้นไม่ต้องมาติดขัด ข้อง ไปในภพชาติต่อ ๆ ไป จบกันแค่นี้นะ !!
461313401_1240889927064450_3336824826373105735_n.jpg (169.79 KiB) เข้าดูแล้ว 58 ครั้ง
เราไปเที่ยวกันต่อนะครับ ปั่นชมธรรมชาติตามหมู่บ้านเรือกสวน ไร่นา ผ่านที่ว่าอำเภอ ฯ จนมาทะลุออกถนนใหญ่
เราไปเที่ยวกันต่อนะครับ ปั่นชมธรรมชาติตามหมู่บ้านเรือกสวน ไร่นา ผ่านที่ว่าอำเภอ ฯ จนมาทะลุออกถนนใหญ่
cats27.jpg
cats27.jpg (120.53 KiB) เข้าดูแล้ว 58 ครั้ง
cats28.jpg
cats28.jpg (144.5 KiB) เข้าดูแล้ว 58 ครั้ง
cats29.jpg
DSC_1833.JPG
DSC_1833.JPG (108.05 KiB) เข้าดูแล้ว 58 ครั้ง
cats30.jpg
cats30.jpg (131.38 KiB) เข้าดูแล้ว 58 ครั้ง
cats31.jpg
ลี้ (ไทยถิ่นเหนือ: ) เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดลำพูน มีเนื้อที่เกือบครึ่งหนึ่งของจังหวัด เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และยังมีโบราณสถานหลายแห่งน่าเที่ยวชม เป็นอำเภอที่มีความเจริญอันดับที่ 2 รองจาก อำเภอเมืองลำพูน และพื้นที่ 1 ใน 3 เป็นพื้นที่เดิมของอำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก (ตำบลก้อ เนื้อที่ 531.9 ตารางกิโลเมตร)<br /><br /><br />อำเภอลี้ คำขวัญ	น้ำตกเย็นใส น้ำใจคนดี มีเหมืองถ่านหิน เป็นถิ่นนักบุญ<br /><br />ที่อยู่ที่ว่าการอำเภอ	เลขที่ 29 หมู่ 4 ถนนพหลโยธิน ต.ลี้ อ.ลี้ จ.ลำพูน<br />หมายเลขโทรศัพท์	053-979773<br />หมายเลขโทรสาร	053-979773<br />เว็บไซต์ http://www.amphoeli.go.th
ลี้ (ไทยถิ่นเหนือ: ) เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดลำพูน มีเนื้อที่เกือบครึ่งหนึ่งของจังหวัด เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และยังมีโบราณสถานหลายแห่งน่าเที่ยวชม เป็นอำเภอที่มีความเจริญอันดับที่ 2 รองจาก อำเภอเมืองลำพูน และพื้นที่ 1 ใน 3 เป็นพื้นที่เดิมของอำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก (ตำบลก้อ เนื้อที่ 531.9 ตารางกิโลเมตร)


อำเภอลี้ คำขวัญ น้ำตกเย็นใส น้ำใจคนดี มีเหมืองถ่านหิน เป็นถิ่นนักบุญ

ที่อยู่ที่ว่าการอำเภอ เลขที่ 29 หมู่ 4 ถนนพหลโยธิน ต.ลี้ อ.ลี้ จ.ลำพูน
หมายเลขโทรศัพท์ 053-979773
หมายเลขโทรสาร 053-979773
เว็บไซต์ http://www.amphoeli.go.th
DSC_1826.JPG (142.75 KiB) เข้าดูแล้ว 58 ครั้ง
DSC_1843.JPG
DSC_1843.JPG (56.9 KiB) เข้าดูแล้ว 58 ครั้ง
วันนั้นเรียกว่าพาปั่นซะเหนื่อยสุด ๆ ก่อนอาบน้ำอาบท่า ขออนุญาตุพักผ่อนตากแอร์ดูทีวี สบาย ๆ และหลังจากทานมื้อเย็น ณ ห้องพัก(ซื้อติดมาด้วย) ก็พักผ่อนเตรียมตัวผจญภัยใยวันต่อไป ซึ่งคุณย่าได้เตรียมการไว้ให้แล้ว ก่อนที่จะนอนต้อง สวดมนต์ นั่งภาวนา เอาบุญซะก่อนเป็นประจำ ซึ่งหนูน้อยก็ไม่อิดออดเต็มใจสวด เต็มใจทำสมาธิ ก็ขอให้บุญกุศลรักษาหนูให้เป็นเด็กดีของบ้านเมืองเจริญ ๆ ยิ่งขึ้นนะ สาธุ สาธุ สาธุ.
วันนั้นเรียกว่าพาปั่นซะเหนื่อยสุด ๆ ก่อนอาบน้ำอาบท่า ขออนุญาตุพักผ่อนตากแอร์ดูทีวี สบาย ๆ และหลังจากทานมื้อเย็น ณ ห้องพัก(ซื้อติดมาด้วย) ก็พักผ่อนเตรียมตัวผจญภัยใยวันต่อไป ซึ่งคุณย่าได้เตรียมการไว้ให้แล้ว ก่อนที่จะนอนต้อง สวดมนต์ นั่งภาวนา เอาบุญซะก่อนเป็นประจำ ซึ่งหนูน้อยก็ไม่อิดออดเต็มใจสวด เต็มใจทำสมาธิ ก็ขอให้บุญกุศลรักษาหนูให้เป็นเด็กดีของบ้านเมืองเจริญ ๆ ยิ่งขึ้นนะ สาธุ สาธุ สาธุ.
461435576_1069684494653558_2128080636772020942_n.jpg (16.21 KiB) เข้าดูแล้ว 48 ครั้ง
เช้าของวันที่ ๑๑ ส.ค.๖๗ ตื่นกันตามปกติค่อนจะสายนิดนึง ๕๕ (๐๗๐๐น.) อาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อยพากันไปทานมื้อเช้าที่ทาง รร.จัดเตรียมไว้ให้
เช้าของวันที่ ๑๑ ส.ค.๖๗ ตื่นกันตามปกติค่อนจะสายนิดนึง ๕๕ (๐๗๐๐น.) อาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อยพากันไปทานมื้อเช้าที่ทาง รร.จัดเตรียมไว้ให้
DSC_1845.JPG (132.15 KiB) เข้าดูแล้ว 48 ครั้ง
DSC_1848.JPG
DSC_1848.JPG (120.22 KiB) เข้าดูแล้ว 48 ครั้ง
DSC_1852.JPG
DSC_1852.JPG (87.54 KiB) เข้าดูแล้ว 48 ครั้ง
ต้องขอบคุณทาง รร.ที่ทราบว่าเราทานมังสวิรัติ ได้จัดเตรียมผัดผักแสนอร่อยไว้ให้เรา(เสริมจากอาหารเช้าแบบฝรั่ง) เราเลยเลือกฉลองศรัทธาทานผัดผักกับข้าวสวยอิ่มแปร้ ใครไป อ.ลี้ อย่าลืมไปพักที่ ต้นปาล์ม รีสอร์ท คุณจะไม่ผิดหวังครับ ราคาจับต้องได้ น้ำใจล้นเหลือ ให้คำปรึกษาดี<br /><br />ในขณะที่เราทานมื้อเช้า คุณนายก็โทรติดต่ออุทยานแม่ปิง เพื่อที่จะจองห้องพักสำหรับคืนที่ ๑๑ ส.ค.นี้ ปรากฏว่าได้รับคำแนะนำจากทางอุทยานว่า &quot;ช่วงนี้ทางอุทยานไม่น่าเที่ยว เพราะน้ำแห้ง&quot; ไม่มีอะไรน่าชม แนะนำไม่ควรเข้าไป และยังแนะนำให้เราไปเที่ยวที่อื่นแทน
ต้องขอบคุณทาง รร.ที่ทราบว่าเราทานมังสวิรัติ ได้จัดเตรียมผัดผักแสนอร่อยไว้ให้เรา(เสริมจากอาหารเช้าแบบฝรั่ง) เราเลยเลือกฉลองศรัทธาทานผัดผักกับข้าวสวยอิ่มแปร้ ใครไป อ.ลี้ อย่าลืมไปพักที่ ต้นปาล์ม รีสอร์ท คุณจะไม่ผิดหวังครับ ราคาจับต้องได้ น้ำใจล้นเหลือ ให้คำปรึกษาดี

ในขณะที่เราทานมื้อเช้า คุณนายก็โทรติดต่ออุทยานแม่ปิง เพื่อที่จะจองห้องพักสำหรับคืนที่ ๑๑ ส.ค.นี้ ปรากฏว่าได้รับคำแนะนำจากทางอุทยานว่า "ช่วงนี้ทางอุทยานไม่น่าเที่ยว เพราะน้ำแห้ง" ไม่มีอะไรน่าชม แนะนำไม่ควรเข้าไป และยังแนะนำให้เราไปเที่ยวที่อื่นแทน
DSC_1849.JPG (97.61 KiB) เข้าดูแล้ว 48 ครั้ง
อุทยานแห่งชาติแม่ปิง เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 32 ของประเทศ มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน และอำเภอสามเงา จังหวัดตาก  มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่อุดมไปด้วย ทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้และสัตว์ป่า นอกจากนี้ยังมีทิวเขาทอดยาวสลับซับซ้อนทำให้เกิดลำห้วยน้อยใหญ่มากกว่าสิบสาขาไหลลงสู่แม่น้ำปิง จนเกิดเป็นทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม โดยเฉพาะพื้นที่ป่าตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายของลำน้ำปิงตอนเหนือของอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล โดยภายในเขตอุทยานแห่งชาติแม่ปิงมีพื้นที่บางส่วนเป็นลำน้ำปิง มีความยาวประมาณ 140 กิโลเมตร และสองฝั่งแม่น้ำเป็นเกาะแก่ง หน้าผา หินงอก และหินย้อย<br /><br /> สำหรับพื้นน้ำส่วนที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่ปิง เริ่มจากอำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ ไหลลัดเลาะตามหุบเขา โตรกผา ลงมาทางทิศใต้จนถึงตอนบนของอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนภูมิพล อำเภอสามเงา จังหวัดตาก มีความยาวประมาณ 100 กิโลเมตร ความกว้างโดยเฉลี่ยของลำน้ำแม่ปิงประมาณ 500 เมตร ความลึกโดยเฉลี่ยประมาณ 30 เมตร ส่วนที่กว้างที่สุดของลำน้ำแม่ปิงในเขตอุทยานแห่งชาติ อยู่ทางตอนใต้บริเวณเหนืออ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล เขตอำเภอสามเงา จังหวัดตาก มีความกว้างประมาณ 6 กิโลเมตร โดยทั่วไปชาวบ้านเรียกว่า “บ่อลม” และ “พระบาทห้วยห้าง”<br /><br />สถานที่ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติแม่ปิง<br />จุดชมวิวผาแดงหลวง เป็นจุดชมวิวแม่น้ำปิงที่ไหลลัดเลาะเลียบผ่านขุนเขาน้อยใหญ่เรื่อยไปจนถึงอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก ด้วยความที่ตั้งอยู่บนความสูงที่ระดับ 1,000 เมตร ทำให้สามารถชมทัศนียภาพได้กว้างไกลสุดสายตา อีกทั้งยังชมพระอาทิตย์ขึ้นที่เรียกได้ว่าสวยอันซีนแห่งหนึ่งของไทยก็ว่าได้ โดยช่วงเดือนที่เหมาะสมในการท่องเที่ยวอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม การเดินทางด้วยรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ<br /><br />แหล่งท่อง้ที่ยวอุทยานแห่งชาติแม่ปิง<br /><br />ทุ่งกิ๊ก ทุ่งหญ้าธรรมชาติกว้างใหญ่ มีพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณ จึงเป็นแหล่งอาศัยหากินของสัตว์ป่า ในช่วงฤดูแล้ง (เดือนมีนาคม-พฤษภาคม) ดอกไม้ป่าหลายชนิดจะพากันบานเต็มทุ่งงดงามมาก ส่วนในช่วงฤดูหนาวจะมีอากาศเย็น และมีหมอกปกคลุมในตอนเช้า เหมาะแก่การตั้งแคมปิ้งเพลิน ๆ รวมถึงมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ดูนก และเป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้เหลืองแม่ปิงอีกด้วย<br /><br />น้ำตกก้อหลวง น้ำตกที่มีความสวยงามมาก เกิดจากลำห้วยแม่ก้อไหลผ่านเทือกเขาหินปูนลดหลั่นลงมา 7 ชั้น สู่แอ่งน้ำขนาดใหญ่เบื้องล่าง บริเวณหน้าผาริมน้ำตกยังเกิดหินงอกหินย้อยสวยงาม มีน้ำไหลตลอดปี ตัวน้ำตกอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1087 ประมาณ 26 กิโลเมตร ผ่านบ้านก้อแล้วเลี้ยวซ้ายไปหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่มป.1 (น้ำตกก้อหลวง) จากนั้นเดินต่อไปอีก 500 เมตร ก็จะถึง อุทยานแห่งชาติแม่ปิง<br /><br />น้ำตกตาดสะดอ น้ำตกที่อยู่ในเส้นทางเดียวกับน้ำตกก้อหลวง ที่ไหลขนานมากับทางเดินเท้า และไหลตกลงมาจากผาหิน สูงประมาณ 15 เมตร ลงมายังแอ่งน้ำสีมรกต บริเวณหน้าผาซึ่งเป็นหินปูนอ่อนสีน้ำตาล สายน้ำได้ชะเอาหินปูนมาสะสมทำให้เกิดลานหินงอกออกมาคล้ายหินย้อยดูแปลกตา<br /><br />น้ำตกก้อน้อย น้ำตกที่ตั้งอยู่กลางป่า ร่มรื่นและมีความเป็นธรรมชาติมาก จากบริเวณทุ่งกิ๊กเข้าไปอีก 9 กิโลเมตร น้ำใสสะอาด ใกล้ ๆ กันเป็นที่ตั้งของจุดชมวิวก้อน้อยที่มองเห็นทิวเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อน สามารถชมทะเลหมอกที่สวยงามได้<br /> <br />แก่งก้อ ทะเลสาบที่เป็นส่วนหนึ่งของอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดลำพูน ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่ปิง ประมาณ 24 กิโลเมตร แต่เดิมที่นี่เป็นจุดที่ห้วยแม่ก้อไหลลงสู่แม่น้ำปิง แต่ภายหลังการสร้างเขื่อนภูมิพลระดับน้ำได้สูงท่วมพื้นที่จนกลายเป็นทะเลสาบที่มีทัศนียภาพอันงดงาม นักท่องเที่ยวนิยมพักเรือนแพและนั่งเรือชมความงามของหน้าผาหินปูนและธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยและป่าเบญจพรรณริมฝั่งน้ำ<br /><br />อีกทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินทางไปเยือนสถานที่อื่น ๆ เช่น โรงเรียนเรือนแพ หรือห้องเรียนสาขาของโรงเรียนบ้านก้อจัดสรร ที่เปิดการเรียนการสอนให้กับลูกหลานชาวแพประมงที่อาศัยอยู่แม่น้ำปิง บริเวณอุ้มปาด ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่ปิง ประมาณ 34 กิโมตรเมตร, ถ้ำช้างร้อง, วัดพระธาตุแก่งสร้อย, พระธาตุผาไข่อินแขวน และเขื่อนภูมิพล เป็นต้น<br /><br />ขอบคุณข้อมูลจาก K@KapookTRAVEL<br /><br />เป็นอันว่าความฝันของเด็กน้อยที่จะได้ชมธรรมชาติ ต้องพังทลาย บอกหนูว่าไม่เป็นไรไว้หนาวหน้าจะพามาอีกครั้ง ครั้งนี้เราตั้งใจมากราบ ๓ ครูบา สวรรค์คงให้เรามาทำบุญจริง ๆ ไม่ต้องเสียใจนะครับ
อุทยานแห่งชาติแม่ปิง เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 32 ของประเทศ มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน และอำเภอสามเงา จังหวัดตาก มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่อุดมไปด้วย ทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้และสัตว์ป่า นอกจากนี้ยังมีทิวเขาทอดยาวสลับซับซ้อนทำให้เกิดลำห้วยน้อยใหญ่มากกว่าสิบสาขาไหลลงสู่แม่น้ำปิง จนเกิดเป็นทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม โดยเฉพาะพื้นที่ป่าตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายของลำน้ำปิงตอนเหนือของอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล โดยภายในเขตอุทยานแห่งชาติแม่ปิงมีพื้นที่บางส่วนเป็นลำน้ำปิง มีความยาวประมาณ 140 กิโลเมตร และสองฝั่งแม่น้ำเป็นเกาะแก่ง หน้าผา หินงอก และหินย้อย

สำหรับพื้นน้ำส่วนที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่ปิง เริ่มจากอำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ ไหลลัดเลาะตามหุบเขา โตรกผา ลงมาทางทิศใต้จนถึงตอนบนของอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนภูมิพล อำเภอสามเงา จังหวัดตาก มีความยาวประมาณ 100 กิโลเมตร ความกว้างโดยเฉลี่ยของลำน้ำแม่ปิงประมาณ 500 เมตร ความลึกโดยเฉลี่ยประมาณ 30 เมตร ส่วนที่กว้างที่สุดของลำน้ำแม่ปิงในเขตอุทยานแห่งชาติ อยู่ทางตอนใต้บริเวณเหนืออ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล เขตอำเภอสามเงา จังหวัดตาก มีความกว้างประมาณ 6 กิโลเมตร โดยทั่วไปชาวบ้านเรียกว่า “บ่อลม” และ “พระบาทห้วยห้าง”

สถานที่ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติแม่ปิง
จุดชมวิวผาแดงหลวง เป็นจุดชมวิวแม่น้ำปิงที่ไหลลัดเลาะเลียบผ่านขุนเขาน้อยใหญ่เรื่อยไปจนถึงอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก ด้วยความที่ตั้งอยู่บนความสูงที่ระดับ 1,000 เมตร ทำให้สามารถชมทัศนียภาพได้กว้างไกลสุดสายตา อีกทั้งยังชมพระอาทิตย์ขึ้นที่เรียกได้ว่าสวยอันซีนแห่งหนึ่งของไทยก็ว่าได้ โดยช่วงเดือนที่เหมาะสมในการท่องเที่ยวอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม การเดินทางด้วยรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ

แหล่งท่อง้ที่ยวอุทยานแห่งชาติแม่ปิง

ทุ่งกิ๊ก ทุ่งหญ้าธรรมชาติกว้างใหญ่ มีพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณ จึงเป็นแหล่งอาศัยหากินของสัตว์ป่า ในช่วงฤดูแล้ง (เดือนมีนาคม-พฤษภาคม) ดอกไม้ป่าหลายชนิดจะพากันบานเต็มทุ่งงดงามมาก ส่วนในช่วงฤดูหนาวจะมีอากาศเย็น และมีหมอกปกคลุมในตอนเช้า เหมาะแก่การตั้งแคมปิ้งเพลิน ๆ รวมถึงมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ดูนก และเป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้เหลืองแม่ปิงอีกด้วย

น้ำตกก้อหลวง น้ำตกที่มีความสวยงามมาก เกิดจากลำห้วยแม่ก้อไหลผ่านเทือกเขาหินปูนลดหลั่นลงมา 7 ชั้น สู่แอ่งน้ำขนาดใหญ่เบื้องล่าง บริเวณหน้าผาริมน้ำตกยังเกิดหินงอกหินย้อยสวยงาม มีน้ำไหลตลอดปี ตัวน้ำตกอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1087 ประมาณ 26 กิโลเมตร ผ่านบ้านก้อแล้วเลี้ยวซ้ายไปหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่มป.1 (น้ำตกก้อหลวง) จากนั้นเดินต่อไปอีก 500 เมตร ก็จะถึง อุทยานแห่งชาติแม่ปิง

น้ำตกตาดสะดอ น้ำตกที่อยู่ในเส้นทางเดียวกับน้ำตกก้อหลวง ที่ไหลขนานมากับทางเดินเท้า และไหลตกลงมาจากผาหิน สูงประมาณ 15 เมตร ลงมายังแอ่งน้ำสีมรกต บริเวณหน้าผาซึ่งเป็นหินปูนอ่อนสีน้ำตาล สายน้ำได้ชะเอาหินปูนมาสะสมทำให้เกิดลานหินงอกออกมาคล้ายหินย้อยดูแปลกตา

น้ำตกก้อน้อย น้ำตกที่ตั้งอยู่กลางป่า ร่มรื่นและมีความเป็นธรรมชาติมาก จากบริเวณทุ่งกิ๊กเข้าไปอีก 9 กิโลเมตร น้ำใสสะอาด ใกล้ ๆ กันเป็นที่ตั้งของจุดชมวิวก้อน้อยที่มองเห็นทิวเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อน สามารถชมทะเลหมอกที่สวยงามได้

แก่งก้อ ทะเลสาบที่เป็นส่วนหนึ่งของอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดลำพูน ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่ปิง ประมาณ 24 กิโลเมตร แต่เดิมที่นี่เป็นจุดที่ห้วยแม่ก้อไหลลงสู่แม่น้ำปิง แต่ภายหลังการสร้างเขื่อนภูมิพลระดับน้ำได้สูงท่วมพื้นที่จนกลายเป็นทะเลสาบที่มีทัศนียภาพอันงดงาม นักท่องเที่ยวนิยมพักเรือนแพและนั่งเรือชมความงามของหน้าผาหินปูนและธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยและป่าเบญจพรรณริมฝั่งน้ำ

อีกทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินทางไปเยือนสถานที่อื่น ๆ เช่น โรงเรียนเรือนแพ หรือห้องเรียนสาขาของโรงเรียนบ้านก้อจัดสรร ที่เปิดการเรียนการสอนให้กับลูกหลานชาวแพประมงที่อาศัยอยู่แม่น้ำปิง บริเวณอุ้มปาด ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่ปิง ประมาณ 34 กิโมตรเมตร, ถ้ำช้างร้อง, วัดพระธาตุแก่งสร้อย, พระธาตุผาไข่อินแขวน และเขื่อนภูมิพล เป็นต้น

ขอบคุณข้อมูลจาก K@KapookTRAVEL

เป็นอันว่าความฝันของเด็กน้อยที่จะได้ชมธรรมชาติ ต้องพังทลาย บอกหนูว่าไม่เป็นไรไว้หนาวหน้าจะพามาอีกครั้ง ครั้งนี้เราตั้งใจมากราบ ๓ ครูบา สวรรค์คงให้เรามาทำบุญจริง ๆ ไม่ต้องเสียใจนะครับ
373000707_952487492483849_8173748984650649807_n.jpg (51.28 KiB) เข้าดูแล้ว 48 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
ตอบกลับ

กลับไปยัง “ทัวร์ริ่ง (Touring)”