*.."ลุงเนตรคุย" - "เชิญ..คุยกับลุงเนตร".."..(บันทึกเพื่อความทรงจำ).."..*
- ลุงเนตร
- ขาประจำ
- โพสต์: 19861
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
- Tel: 0898133936
- team: อิสระ
- Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
- ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
- ติดต่อ:
Re: *.."ลุงเนตรคุย" - "เชิญ..คุยกับลุงเนตร".."..(บันทึกเพื่อความทรงจำ).."..*
"..โอกาสนี้ นำทริปปั่นจักรยานฉลองอายุ ๘๐ ปี (กิจกรรมที่ ๓) ก๊อปจาก FB มาเก็บไว้ที่นี้ด้วย เพื่อสะดวกในการค้นหา..ขอขอบคุณท่านเวบมาสเตอร์เป็นอย่างมาก ที่จัดให้มี WWW.thaimtb.com ไว้ให้เก็บข้อมูล และนำสิ่งดีๆให้เป็นวิทยาทานด้วยครับ.."
เนตร สงวนสัตย์
15 ธันวาคม 2023 ·
แชร์กับ สาธารณะ
"..กิจกรรมที่ 3 ปั่น จกย.ฉลองอายุผ่าน 80.7 ปี ชื่อ "ปั่นทะลุบุญ สร้างเสริมเพิ่มเติมบุญให้กับตัวเองและผู้อื่น"
..สวัสดีครับ วาระนี้ขออนุญาตบอกกล่าวเล่าสิบให้ทราบอย่างเปิดเผยโดยละเอียด ไม่ให้มีข้อสงสัยใคร่รู้ใดๆว่า ผมผ่านวัย 80 ปี เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 ขณะนี้ผ่านมา 7 เดือน พินิจพิจารณาร่างกายและจิตใจแล้วยังคงเป็นปกติดี จึงเกิดความคิดทำชีวิตให้มีค่า ด้วยการดูแลตัวเองออกกำลังกายสร้างเสริมสุขภาพและช่วยเหลือผู้อื่นอีกครั้ง (แจกแผ่นพับ "ของฝากจากลุงเนตร" เชิญชวนให้ออกกำลังกาย) เป็นครั้งที่ 3 ชื่อกิจกรรม "ปั่นทะลุบุญ สร้างเสริมเพิ่มเติมบุญให้กับตัวเองและผู้อื่น" กับกลุ่มจักรยานผ้าป่าทางไกล จันทบุรี - รพ.สต.ทุ่งจังหัน ต.ทุ่งจังหัน อ.โนนสุวรรณ บุรีรัมย์ ระหว่าง 19 - 30 ธค.66
(รายละเอียดการเดินทางแนบท้ายนี้)
.. การปั่นจักรยานทำกิจกรรม "ปั่นทะลุบุญฯ" ครั้งนี้ เพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ทาน คือ.-
1. ได้ปั่นจักรยานออกกำลังกายระยะทางไกลเป็นเวลานานทำให้ร่างกายแข็งแรงสุขภาพดี
2. ได้ท่องเที่ยวแบบ slow Life พบเห็นสิ่งต่างๆอย่างชัดเจนผ่านไปอย่างช้าๆ
3. ได้พบเพื่อนเก่าที่เขาสะดวกให้พบ คือไม่นัดแนะ ไม่ผูกมัด ผ่านไปใกล้เพื่อนที่ไหน ถ้าตัวเองสะดวกโทรถามเพื่อน ถ้าเขาสะดวกก็ไปพบ ไม่สะดวกก็ผ่านไป ตั้งใจไม่รบกวนเพื่อน ถ้าเพื่อนเสนอยินดีให้รบกวนก็รับไว้ด้วยความขอบคุณยิ่ง
4. ได้เพื่อนใหม่คือผู้ที่สนใจเข้ามาไต่ถามพูดคุย ถือว่าเราเคยมีความสัมพันธ์กันมาก่อน ยินดีพูดคุยและให้แผ่นพับ "ของฝากจากลุงเนตร" ในแผ่นพับมีรายละเอียดเกี่ยวกับตัวผม, เบอร์โทรศัพท์, facebook, การออกกำลังกายดีอย่างไร, การปั่นจักรยานได้อะไร ถ้าเห็นด้วยปฏิบัติก็จักเกิดประโยชน์กับตนเองและครอบครัว
6. เป็นบันไดบุญให้ผู้อื่นมีโอกาสได้ทำบุญ
..*การดำเนินชีวิตที่ได้ดูแลตัวเองและช่วยเหลือผู้อื่นนั้น นับเป็นการดำเนินชีวิตที่มีค่า
..*กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ สุขภาพดีและความภูมิใจไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง
..*ทุกวัยชีวิตต่างดำเนินไปสู่จุดจบ แม้กระทั่งนั่งๆนอนๆอยู่กับบ้าน ไม่ไปไหน ชีวิตก็เดินทางไปสู่จุดจบ ไม่ช้าก็เร็ว ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่ ที่ไหน อย่างไร
..*หลายปีมาแล้ว เยื้องๆบ้านผม ชายวัย 50 ร่างกายล่ำสันบึกบึน เช้าขึ้นนอนนิ่งเรียกไม่ลุก ปลุกไม่ตื่น ฟื้นไม่มี ทุกคนในครอบครัวผมรู้ ผมบอกเขาว่า คนเราระหว่างดำเนินชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน ที่แน่นอนคือต้องเจ็บ ป่วย และถึงจุดจบ ไม่ว่าจะอยู่บ้านหรือว่าอยู่ที่ไหนๆ ต่างมีโอกาส เจ็บ ป่วย สิ้นชีวิต.มีชีวิตอยู่ก็ดี มีโอกาสสร้างเสริมบุญกุศล(ต้องมีสุขภาพดีด้วยนะ) สิ้นชีวิตก็ดี พ้นทุกข์ พ้นโศรก พ้นโรค พ้นภัย พ้นเสนียดจัญไรใดๆประดามี พ้นความสุขจอมปลอมที่ใฝ่หา.
..*อยู่อย่างไรให้เป็นสุขในวัยสูงอายุ https://www.rama.mahidol.ac.th/.../gene ... 62014-1444
**วัตถุประสงค์ของการปั่นจักรยานผ้าป่าทางไกลครั้งนี้เพื่อ รพ.สต.ทุ่งจังหัน ต.ทุ่งจังหัน อ.โนนสุวรรณ บุรีรัมย์ จัดหาเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์และสร้างโดมกลางแจ้ง
-เส้นทางปั่นเริ่มจากจันทบุรี - ระยอง - พัทยา - ชลบุรี - ฉะเชิงเทรา - กรุงเทพฯ - ปทุมธานี - สระบุรี - นครราชสีมา - บุรีรัมย์
วันที่ 19-30 ธันวาคม 2566 รายละเอียดการเดินทาง 10 จังหวัด (12 วันปั่น) รวมระยะทาง 675 กิโลเมตร
: วันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม.66 เช้าปั่น จกย.จากบ้านบางนาไปขึ้นรถโดยสารที่สถานีรถโดยสารเอกมัย ไปลงสถานี บขส.จันทบุรี แล้วปั่นไปรวมตัวนักปั่นฯ เตรียมความพร้อมร่างกาย, จักรยาน และอุปกรณ์ติดพุ่มผ้าป่ากับจักรยาน ร่วมรับประทานอาหารเย็น พักค้างแรม ณ.วัดจันทนาราม จ.จันทบุรี
: วันอังคารที่ 19 ธันวาคม 66 รับทานอาหารเช้าพร้อมปล่อยชุดนักปั่นจากวัดจันทนาราม อ.ท่าใหม่ อ.นายาม ไปผ่าน อ.แกลง พักที่วัดสารนาถธรรมมาราม จ.ระยอง ระยะทาง 63 กม.
: วันพุทธที่ 20 ธันวาคม 66 วัดสารนาถธรรมมาราม หาดสวนสน ตลาดบ้านเพ ตลาดร้อยเสา ผ่านหาดแม่รำพึง พักวัดลุ่มมหาชัยชุมพล จ.ระยอง ระยะทาง 48 กม.
: วันพฤหัสบดีที่ 21 ธันวาคม 66 วัดลุ่มมหาชัยชุมพล ตลาดเช้าหน้าวัด ตลาดสตาร์ระยอง ตลาด กม.10 ตลาดแยกเจ ตลาดบางเสร่ พักสำนักสงฆ์หนองอ้อ(พัทยากลาง) จ.ชลบุรี ระยะทาง 63 กม.
: วันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม 66 สำนักสงฆ์หนองอ้อ(พัทยากลาง) หาดพัทยา ถนนคนเดินพัทยา หาดจอมเทียน ตลาดหนองมน พักวัดแจ้งเจริญดอน จ.ชลบุรี ระยะทาง 42 กม.
: วันเสาร์ที่ 23 ธันวาคม 66 วัดแจ้งเจริญดอน(ชลบุรี) ตลาดหนองมน หาดวอนนภา หาดบางแสน ตลาดอ่างศิลา ตลาดชลบุรี ถ.บางนา-ตราด ถ.สุขุมวิท พักวัดประตูน้ำท่าไข่ จ.ฉะเชิงเทรา ระยะทาง 62 กม.
: วันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม 66 วัดประตูน้ำท่าไข่(ฉะเชิงเทรา) ตลาดบ่อบัว (ติดสถานีรถไฟแปดริ้ว) ตลาดเทศบาล(อยู่อีกด้านของตลาดบ่อบัว)เส้นทาง สุวินทวงค์ รามอินทรา พักวัดโพสพผลเจริญ กทม. ระยะทาง 67 กม.
: วันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม 66 วัดโพสพผลเจริญ(กทม.) ตลาดรังสิต ตลาดไท ตลาดไอยรา ศูนย์อาหารเค๊กบ้านสวน พักที่วัดหนองปลากระดี่ อ.หนองแค สระบุรี ระยะทาง 65 กม.
: วันอังคารที่ 26 ธันวาคม 66 วัดหนองปลากระดี่ อ.หนองแค ตลาดสดหนองปลาหมอ 100 ปี ตลาดนอก(สระบุรี) ตลาดลงขายส่งผักผลไม้(บขส.สระบุรี) พักที่วัดราษฎร์พัฒนา อ.แก่งคอย สระบุรี ระยะทาง 34 กม.
: วันพุธที่ 27 ธันวาคม 66 วัดราษฎร์พัฒนา อ.แก่งคอย ตลาดริมทางถนนมิตรภาพทั้งเส้น พักที่วัดคีรีวันต์ อ.ปากช่อง นครราชสีมา ระยะทาง 53 กม.
: วันพฤหัสบดีที่ 28 ธันวาคม 66 วัดคีรีวันต์ อ.ปากช่อง ตลาดเทศบาลตำบลปากช่อง(หน้าวัด) ตลาดสดมิตรภาพปากช่อง พักที่วัดใหญ่สีคิ้ว อ.สี่คิ้ว นครราชสีมา ระยะทาง 47 กม.
: วันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม 66 วัดใหญ่สีคิ้ว อ.สีคิ้ว ตลาดสุขาภิบาล 2 และตลาดสด ตลาดเช้าอ.สูงเนิน ตลาดเทิดไท-เทศบาลเมืองนครราชสีมา>> จอดรับบุญ ณ ลานย่าโม พักที่วัดป่าศรัทธารวม(หัวทะเล)ระยะทาง 49 กม.
: วันเสาร์ที่ 30 ธันวาคม 66 วัดป่าศรัทธารวม ตลาดเช้าในเทศบาลเมือง(ชุมทางจิระ,หัวรถไฟ,ตลาดสดประปา) โชคชัย-ด่านเกวียน โชคชัย-เดชอุดม รพสต.ทุ่งจันหัน ระยะทาง 82กม.
*** ทำพิธีทอดผ้าป่า พระสงฆ์อนุโมทนารับผ้าป่าแล้ว มอบปัจจัยบุญทั้งหมดให้ ผอ. รพ.สต.ทุ่งจันหัน รับไปดำเนินการซื้อเครื่องมือแพทย์และสร้างโดมกลางแจ้ง พักที่ ร.ร.ทุ่งจันหัน
****การทอดผ้าป่าคืออะไร
https://www.xn--l3c3aflq4bb0a.com/%E0%B ... %8D%E0.../
: วันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม 66 ร่วมรับประทานอาหารเช้า ส่งนักปั่นกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ
"..สำเร็จเสร็จสิ้นเรียบร้อย ได้ปัจจัยบุญ ๖ แสน.."
เนตร สงวนสัตย์
15 ธันวาคม 2023 ·
แชร์กับ สาธารณะ
"..กิจกรรมที่ 3 ปั่น จกย.ฉลองอายุผ่าน 80.7 ปี ชื่อ "ปั่นทะลุบุญ สร้างเสริมเพิ่มเติมบุญให้กับตัวเองและผู้อื่น"
..สวัสดีครับ วาระนี้ขออนุญาตบอกกล่าวเล่าสิบให้ทราบอย่างเปิดเผยโดยละเอียด ไม่ให้มีข้อสงสัยใคร่รู้ใดๆว่า ผมผ่านวัย 80 ปี เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 ขณะนี้ผ่านมา 7 เดือน พินิจพิจารณาร่างกายและจิตใจแล้วยังคงเป็นปกติดี จึงเกิดความคิดทำชีวิตให้มีค่า ด้วยการดูแลตัวเองออกกำลังกายสร้างเสริมสุขภาพและช่วยเหลือผู้อื่นอีกครั้ง (แจกแผ่นพับ "ของฝากจากลุงเนตร" เชิญชวนให้ออกกำลังกาย) เป็นครั้งที่ 3 ชื่อกิจกรรม "ปั่นทะลุบุญ สร้างเสริมเพิ่มเติมบุญให้กับตัวเองและผู้อื่น" กับกลุ่มจักรยานผ้าป่าทางไกล จันทบุรี - รพ.สต.ทุ่งจังหัน ต.ทุ่งจังหัน อ.โนนสุวรรณ บุรีรัมย์ ระหว่าง 19 - 30 ธค.66
(รายละเอียดการเดินทางแนบท้ายนี้)
.. การปั่นจักรยานทำกิจกรรม "ปั่นทะลุบุญฯ" ครั้งนี้ เพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ทาน คือ.-
1. ได้ปั่นจักรยานออกกำลังกายระยะทางไกลเป็นเวลานานทำให้ร่างกายแข็งแรงสุขภาพดี
2. ได้ท่องเที่ยวแบบ slow Life พบเห็นสิ่งต่างๆอย่างชัดเจนผ่านไปอย่างช้าๆ
3. ได้พบเพื่อนเก่าที่เขาสะดวกให้พบ คือไม่นัดแนะ ไม่ผูกมัด ผ่านไปใกล้เพื่อนที่ไหน ถ้าตัวเองสะดวกโทรถามเพื่อน ถ้าเขาสะดวกก็ไปพบ ไม่สะดวกก็ผ่านไป ตั้งใจไม่รบกวนเพื่อน ถ้าเพื่อนเสนอยินดีให้รบกวนก็รับไว้ด้วยความขอบคุณยิ่ง
4. ได้เพื่อนใหม่คือผู้ที่สนใจเข้ามาไต่ถามพูดคุย ถือว่าเราเคยมีความสัมพันธ์กันมาก่อน ยินดีพูดคุยและให้แผ่นพับ "ของฝากจากลุงเนตร" ในแผ่นพับมีรายละเอียดเกี่ยวกับตัวผม, เบอร์โทรศัพท์, facebook, การออกกำลังกายดีอย่างไร, การปั่นจักรยานได้อะไร ถ้าเห็นด้วยปฏิบัติก็จักเกิดประโยชน์กับตนเองและครอบครัว
6. เป็นบันไดบุญให้ผู้อื่นมีโอกาสได้ทำบุญ
..*การดำเนินชีวิตที่ได้ดูแลตัวเองและช่วยเหลือผู้อื่นนั้น นับเป็นการดำเนินชีวิตที่มีค่า
..*กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ สุขภาพดีและความภูมิใจไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง
..*ทุกวัยชีวิตต่างดำเนินไปสู่จุดจบ แม้กระทั่งนั่งๆนอนๆอยู่กับบ้าน ไม่ไปไหน ชีวิตก็เดินทางไปสู่จุดจบ ไม่ช้าก็เร็ว ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่ ที่ไหน อย่างไร
..*หลายปีมาแล้ว เยื้องๆบ้านผม ชายวัย 50 ร่างกายล่ำสันบึกบึน เช้าขึ้นนอนนิ่งเรียกไม่ลุก ปลุกไม่ตื่น ฟื้นไม่มี ทุกคนในครอบครัวผมรู้ ผมบอกเขาว่า คนเราระหว่างดำเนินชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน ที่แน่นอนคือต้องเจ็บ ป่วย และถึงจุดจบ ไม่ว่าจะอยู่บ้านหรือว่าอยู่ที่ไหนๆ ต่างมีโอกาส เจ็บ ป่วย สิ้นชีวิต.มีชีวิตอยู่ก็ดี มีโอกาสสร้างเสริมบุญกุศล(ต้องมีสุขภาพดีด้วยนะ) สิ้นชีวิตก็ดี พ้นทุกข์ พ้นโศรก พ้นโรค พ้นภัย พ้นเสนียดจัญไรใดๆประดามี พ้นความสุขจอมปลอมที่ใฝ่หา.
..*อยู่อย่างไรให้เป็นสุขในวัยสูงอายุ https://www.rama.mahidol.ac.th/.../gene ... 62014-1444
**วัตถุประสงค์ของการปั่นจักรยานผ้าป่าทางไกลครั้งนี้เพื่อ รพ.สต.ทุ่งจังหัน ต.ทุ่งจังหัน อ.โนนสุวรรณ บุรีรัมย์ จัดหาเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์และสร้างโดมกลางแจ้ง
-เส้นทางปั่นเริ่มจากจันทบุรี - ระยอง - พัทยา - ชลบุรี - ฉะเชิงเทรา - กรุงเทพฯ - ปทุมธานี - สระบุรี - นครราชสีมา - บุรีรัมย์
วันที่ 19-30 ธันวาคม 2566 รายละเอียดการเดินทาง 10 จังหวัด (12 วันปั่น) รวมระยะทาง 675 กิโลเมตร
: วันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม.66 เช้าปั่น จกย.จากบ้านบางนาไปขึ้นรถโดยสารที่สถานีรถโดยสารเอกมัย ไปลงสถานี บขส.จันทบุรี แล้วปั่นไปรวมตัวนักปั่นฯ เตรียมความพร้อมร่างกาย, จักรยาน และอุปกรณ์ติดพุ่มผ้าป่ากับจักรยาน ร่วมรับประทานอาหารเย็น พักค้างแรม ณ.วัดจันทนาราม จ.จันทบุรี
: วันอังคารที่ 19 ธันวาคม 66 รับทานอาหารเช้าพร้อมปล่อยชุดนักปั่นจากวัดจันทนาราม อ.ท่าใหม่ อ.นายาม ไปผ่าน อ.แกลง พักที่วัดสารนาถธรรมมาราม จ.ระยอง ระยะทาง 63 กม.
: วันพุทธที่ 20 ธันวาคม 66 วัดสารนาถธรรมมาราม หาดสวนสน ตลาดบ้านเพ ตลาดร้อยเสา ผ่านหาดแม่รำพึง พักวัดลุ่มมหาชัยชุมพล จ.ระยอง ระยะทาง 48 กม.
: วันพฤหัสบดีที่ 21 ธันวาคม 66 วัดลุ่มมหาชัยชุมพล ตลาดเช้าหน้าวัด ตลาดสตาร์ระยอง ตลาด กม.10 ตลาดแยกเจ ตลาดบางเสร่ พักสำนักสงฆ์หนองอ้อ(พัทยากลาง) จ.ชลบุรี ระยะทาง 63 กม.
: วันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม 66 สำนักสงฆ์หนองอ้อ(พัทยากลาง) หาดพัทยา ถนนคนเดินพัทยา หาดจอมเทียน ตลาดหนองมน พักวัดแจ้งเจริญดอน จ.ชลบุรี ระยะทาง 42 กม.
: วันเสาร์ที่ 23 ธันวาคม 66 วัดแจ้งเจริญดอน(ชลบุรี) ตลาดหนองมน หาดวอนนภา หาดบางแสน ตลาดอ่างศิลา ตลาดชลบุรี ถ.บางนา-ตราด ถ.สุขุมวิท พักวัดประตูน้ำท่าไข่ จ.ฉะเชิงเทรา ระยะทาง 62 กม.
: วันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม 66 วัดประตูน้ำท่าไข่(ฉะเชิงเทรา) ตลาดบ่อบัว (ติดสถานีรถไฟแปดริ้ว) ตลาดเทศบาล(อยู่อีกด้านของตลาดบ่อบัว)เส้นทาง สุวินทวงค์ รามอินทรา พักวัดโพสพผลเจริญ กทม. ระยะทาง 67 กม.
: วันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม 66 วัดโพสพผลเจริญ(กทม.) ตลาดรังสิต ตลาดไท ตลาดไอยรา ศูนย์อาหารเค๊กบ้านสวน พักที่วัดหนองปลากระดี่ อ.หนองแค สระบุรี ระยะทาง 65 กม.
: วันอังคารที่ 26 ธันวาคม 66 วัดหนองปลากระดี่ อ.หนองแค ตลาดสดหนองปลาหมอ 100 ปี ตลาดนอก(สระบุรี) ตลาดลงขายส่งผักผลไม้(บขส.สระบุรี) พักที่วัดราษฎร์พัฒนา อ.แก่งคอย สระบุรี ระยะทาง 34 กม.
: วันพุธที่ 27 ธันวาคม 66 วัดราษฎร์พัฒนา อ.แก่งคอย ตลาดริมทางถนนมิตรภาพทั้งเส้น พักที่วัดคีรีวันต์ อ.ปากช่อง นครราชสีมา ระยะทาง 53 กม.
: วันพฤหัสบดีที่ 28 ธันวาคม 66 วัดคีรีวันต์ อ.ปากช่อง ตลาดเทศบาลตำบลปากช่อง(หน้าวัด) ตลาดสดมิตรภาพปากช่อง พักที่วัดใหญ่สีคิ้ว อ.สี่คิ้ว นครราชสีมา ระยะทาง 47 กม.
: วันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม 66 วัดใหญ่สีคิ้ว อ.สีคิ้ว ตลาดสุขาภิบาล 2 และตลาดสด ตลาดเช้าอ.สูงเนิน ตลาดเทิดไท-เทศบาลเมืองนครราชสีมา>> จอดรับบุญ ณ ลานย่าโม พักที่วัดป่าศรัทธารวม(หัวทะเล)ระยะทาง 49 กม.
: วันเสาร์ที่ 30 ธันวาคม 66 วัดป่าศรัทธารวม ตลาดเช้าในเทศบาลเมือง(ชุมทางจิระ,หัวรถไฟ,ตลาดสดประปา) โชคชัย-ด่านเกวียน โชคชัย-เดชอุดม รพสต.ทุ่งจันหัน ระยะทาง 82กม.
*** ทำพิธีทอดผ้าป่า พระสงฆ์อนุโมทนารับผ้าป่าแล้ว มอบปัจจัยบุญทั้งหมดให้ ผอ. รพ.สต.ทุ่งจันหัน รับไปดำเนินการซื้อเครื่องมือแพทย์และสร้างโดมกลางแจ้ง พักที่ ร.ร.ทุ่งจันหัน
****การทอดผ้าป่าคืออะไร
https://www.xn--l3c3aflq4bb0a.com/%E0%B ... %8D%E0.../
: วันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม 66 ร่วมรับประทานอาหารเช้า ส่งนักปั่นกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ
"..สำเร็จเสร็จสิ้นเรียบร้อย ได้ปัจจัยบุญ ๖ แสน.."
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4429
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: *.."ลุงเนตรคุย" - "เชิญ..คุยกับลุงเนตร".."..(บันทึกเพื่อความทรงจำ).."..*
สวัสดีครับ..ท่านพี่ที่เคารพ ขอร่วมอนุโมทนาบุญในครั้งนี้กับท่านพี่ด้วย ขอให้บุญที่ท่านพี่ได้กระทำมา จงบังเกิดเป็นพลวปัจจัยให้ "ท่านพี่มีอายุยืนเกิน ๑๐๐ ปี" อยู่เพื่อเป็นแบบอย่างให้คนรุ่นหลังได้เห็นว่า สิ่งที่ท่านพี่กระทำทั้ง การออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยาน พร้อมไปกับการสร้างกุศลผลบุญไปในคราวเดียวกัน ได้ทำให้ท่านพี่มีร่างกายที่แข็งแรง จิตใจที่แข็งแกร่งดีงาม พร้อมที่เสนอสิ่งดี ๆ มีคุณค่าให้กับสังคม ชนิดไม่มีหยุดยั้ง (หายากนะครับ)
ส่วนผมนั้นกำลังรับวิบากกรรมจากกรรมในอดีต ที่เลวร้ายทำให้ร่างกายทรุดโทรม (ต้องพักนานครับ) ทุกวันนี้ก็พยายาม เคลื่อนไหวร่างกาย และทำสมาธิภาวนา สร้างกรรมดีหนีกรรมเลวที่ได้ทำมา หวังใจว่าไม่นานผมคงได้ออกโลดแล่นเหมือนท่านพี่ (แอบอิจฉา) กราบสวัสดีมีโชคชัยครับท่านพี่ที่รัก
ส่วนผมนั้นกำลังรับวิบากกรรมจากกรรมในอดีต ที่เลวร้ายทำให้ร่างกายทรุดโทรม (ต้องพักนานครับ) ทุกวันนี้ก็พยายาม เคลื่อนไหวร่างกาย และทำสมาธิภาวนา สร้างกรรมดีหนีกรรมเลวที่ได้ทำมา หวังใจว่าไม่นานผมคงได้ออกโลดแล่นเหมือนท่านพี่ (แอบอิจฉา) กราบสวัสดีมีโชคชัยครับท่านพี่ที่รัก
- ไฟล์แนบ
-
- FB_IMG_1594177888327.jpg (68.33 KiB) เข้าดูแล้ว 967 ครั้ง
-
- FB_IMG_1593870390263.jpg (95.44 KiB) เข้าดูแล้ว 967 ครั้ง
-
- FB_IMG_1598531104217.jpg (84.98 KiB) เข้าดูแล้ว 967 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4429
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: *.."ลุงเนตรคุย" - "เชิญ..คุยกับลุงเนตร".."..(บันทึกเพื่อความทรงจำ).."..*
อรุณสวัสดิ์ครับ fc.ลุงเนตร ผมเจอของดีท่านพี่ใน facebook จึงถือวิสาสะแอบนำมาฝาก เผื่อจะได้หายคิดถึง ท่านพี่คงไม่ว่าอะไรนะครับ
"..12-13-14/4/67..อะไรเอ่ย?....ปั่นไป 38.14 กม., นั่งไป+กลับ 187+187=374 กม., ปั่นกลับ 44.97 กม. ..
..<12 เม.ย 67 ปั่นจากบ้านไปหนองแขม ผ่าน คลองเตย พระราม 4 หัวลำโพง เยาวราช ข้ามสะพานพระปกเกล้า วงเวียนใหญ่ เพชรเกษม บางแค หมู่บ้านเศรษฐกิจ เข้าซอย สุขุมวิท 69 ถึง *ศูนย์เรียนรู้งานกระจกอลูมิเนียมวีกลาส* พบหลานวีโนโน (อิทธิพล บารมีเกรียงไกร) ผู้จัดการศูนย์ฯ ไม่ได้พบกันนาน ต่างคิดถึงกันมากกก
..ผมตั้งใจไปจากบ้านว่า เมื่อไปถึงจะขอให้เขาช่วยถ่ายทำคลิปวีดีโอ สัมภาษณ์ชายไทยวัยอีกสิบกว่าวัน 81 ปี เพื่อนำประสบการณ์ดำเนินชีวิตบางช่วงบางตอน ลง Youtube ไว้เป็นสมบัติของโลก เป็นอุทาหรณ์สอนใจให้กับผู้ชม อาจได้รับประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย
*ชีวิตที่ไม่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น คือชีวิตที่ไม่มีค่า เครดิต แม่ชีเทเรซ่า*
..ผมแต่งชุดปั่นฯประจำตัวชื่อว่า *ชุดซุปเปอร์ลุงเนตร* ไปจากบ้าน พอไปถึงปรากฏว่าเขาก็ตั้งใจไว้ว่าจะสัมภาษณ์ผมอยู่แล้วเหมือนกัน โดยเตรียมเก้าอี้และโลเคชั่นพร้อม อุปกรณ์สำหรับสัมภาษณ์ไว้แล้ว จึงได้ดำเนินการสัมภาษณ์กัน ณ ที่หน้าบ้านในทันทีนั้นเลย โอ! ช่างประจวบเหมาะกันจริงๆ
..สัมภาษณ์เสร็จประมาณเที่ยง หลานวีโนโน มีภารกิจต้องไปดูบ้านหลังที่สองที่ จังหวัดกาญจนบุรี ตำบลศรีมงคล อำเภอไทรโยค เขาชวนนั่งรถไปเที่ยวด้วย พอดีไม่ได้ไปนานแล้ว จึงขึ้นรถไปกับเขา ถึงประมาณ 5 โมงเย็น (187 กม.) คุยกันยาว นอนหนาวเหงื่อท่วม ต้องเอาผ้าขาวม้าชุบน้ำ บิดหมาดปูนอนจึงหลับ
..ประมาณเก้าโมงเช้าของวันที่ 13 เมย.67 เดินทางกลับถึงบ้านหนองแขมประมาณเที่ยง (187 กม.) นั่งหลับพักผ่อนหน้าบ้านลมพัดเย็นตลอดจนถึงเย็นหลานวีฯ ขับรถพาหลานโบว์และผมไปกินอาหารที่ร้าน *นายแอร์ หมูจุ่ม สาขา 2* ถนนบางบอน 3 อิ่มแล้วกลับบ้านผมเลือกกางเต้นท์นอนหน้าบ้านลมพัดเย็นทั้งคืน หลับสบายดีจังงง
..วันนี้ 14/4/67 เจ็ดโมงเช้า เก็บสัมภาระเสร็จแล้ว ลาหลาน Veenono พร้อมให้พร "จงอยู่ดีมีสุขทั้งครอบครัว สุขภาพกายดีด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ สุขภาพจิตดีด้วยแก่นธรรมของศาสนาที่นับถือ ธุรกิจเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นตลอดไป"
..โบกมือลาพร้อมปั่นจักรยานเดินทางกลับบ้านอีกทางหนึ่งไม่ซ้ำทางขาไป ผ่านถนนบางบอน 4, ถนนเอกชัย ขึ้นสะพานสูงข้ามถนนวงแหวนรอบนอกใต้ ถึงสามแยกบางบอน เลี้ยวขวาตรงไปผ่านสถานีรถไฟบางบอน (รถไฟสายวงเวียนใหญ่-มหาชัย) ขึ้นสะพานสู้งสูง+ย้าวยาวข้ามถนนพระราม 2 ตรงไปตามถนนเทียนทะเล เลี้ยวซ้ายไปตามถนนเลียบถนนวงแหวนรอบนอกใต้ 10 กม.ถนนดี้ดี เรี้ยบเรียบ สองช่องทาง รถน๊อยน้อย มีไหล่ทางกว้าง มีดอกไม้สวย มี 7-11 และปั้มหลายแห่ง สุดถนนเลี้ยวซ้ายไปตามถนนสุขสวัสดิ์ ผ่านตลาดพระประแดง ผ่านสวนสุขภาพลัดโพธิ์ ผ่านตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ลงเรือข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่ท่า วัดบางน้ำผึ้งนอก ขึ้นท่าวัดบางนานอก ถึงบ้านเที่ยง อาบน้ำ กินข้าว กินขนม เปิดแอร์เย็นฉ่ำ พักผ่อนนอนหลับ ตื่น 15:00 น. ดำเนินการทำโพสต์นี้ อิอิ อิ.."
ขออนุญาตุแปะ Link ของผมฝากท่านพี่ด้วย ปีใหม่นี้ขอให้ท่านพี่และแฟนคลับจงอยู่ดี มีสุข คิดอะไรสมหวัง ร่ำรวย ๆ ทุกท่านทุกคน สาธุ สาธุ สาธุ
viewtopic.php?t=1772820&start=975
ไปให้กำลังใจกันนะครับ โชคดีครับ
"..12-13-14/4/67..อะไรเอ่ย?....ปั่นไป 38.14 กม., นั่งไป+กลับ 187+187=374 กม., ปั่นกลับ 44.97 กม. ..
..<12 เม.ย 67 ปั่นจากบ้านไปหนองแขม ผ่าน คลองเตย พระราม 4 หัวลำโพง เยาวราช ข้ามสะพานพระปกเกล้า วงเวียนใหญ่ เพชรเกษม บางแค หมู่บ้านเศรษฐกิจ เข้าซอย สุขุมวิท 69 ถึง *ศูนย์เรียนรู้งานกระจกอลูมิเนียมวีกลาส* พบหลานวีโนโน (อิทธิพล บารมีเกรียงไกร) ผู้จัดการศูนย์ฯ ไม่ได้พบกันนาน ต่างคิดถึงกันมากกก
..ผมตั้งใจไปจากบ้านว่า เมื่อไปถึงจะขอให้เขาช่วยถ่ายทำคลิปวีดีโอ สัมภาษณ์ชายไทยวัยอีกสิบกว่าวัน 81 ปี เพื่อนำประสบการณ์ดำเนินชีวิตบางช่วงบางตอน ลง Youtube ไว้เป็นสมบัติของโลก เป็นอุทาหรณ์สอนใจให้กับผู้ชม อาจได้รับประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย
*ชีวิตที่ไม่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น คือชีวิตที่ไม่มีค่า เครดิต แม่ชีเทเรซ่า*
..ผมแต่งชุดปั่นฯประจำตัวชื่อว่า *ชุดซุปเปอร์ลุงเนตร* ไปจากบ้าน พอไปถึงปรากฏว่าเขาก็ตั้งใจไว้ว่าจะสัมภาษณ์ผมอยู่แล้วเหมือนกัน โดยเตรียมเก้าอี้และโลเคชั่นพร้อม อุปกรณ์สำหรับสัมภาษณ์ไว้แล้ว จึงได้ดำเนินการสัมภาษณ์กัน ณ ที่หน้าบ้านในทันทีนั้นเลย โอ! ช่างประจวบเหมาะกันจริงๆ
..สัมภาษณ์เสร็จประมาณเที่ยง หลานวีโนโน มีภารกิจต้องไปดูบ้านหลังที่สองที่ จังหวัดกาญจนบุรี ตำบลศรีมงคล อำเภอไทรโยค เขาชวนนั่งรถไปเที่ยวด้วย พอดีไม่ได้ไปนานแล้ว จึงขึ้นรถไปกับเขา ถึงประมาณ 5 โมงเย็น (187 กม.) คุยกันยาว นอนหนาวเหงื่อท่วม ต้องเอาผ้าขาวม้าชุบน้ำ บิดหมาดปูนอนจึงหลับ
..ประมาณเก้าโมงเช้าของวันที่ 13 เมย.67 เดินทางกลับถึงบ้านหนองแขมประมาณเที่ยง (187 กม.) นั่งหลับพักผ่อนหน้าบ้านลมพัดเย็นตลอดจนถึงเย็นหลานวีฯ ขับรถพาหลานโบว์และผมไปกินอาหารที่ร้าน *นายแอร์ หมูจุ่ม สาขา 2* ถนนบางบอน 3 อิ่มแล้วกลับบ้านผมเลือกกางเต้นท์นอนหน้าบ้านลมพัดเย็นทั้งคืน หลับสบายดีจังงง
..วันนี้ 14/4/67 เจ็ดโมงเช้า เก็บสัมภาระเสร็จแล้ว ลาหลาน Veenono พร้อมให้พร "จงอยู่ดีมีสุขทั้งครอบครัว สุขภาพกายดีด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ สุขภาพจิตดีด้วยแก่นธรรมของศาสนาที่นับถือ ธุรกิจเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นตลอดไป"
..โบกมือลาพร้อมปั่นจักรยานเดินทางกลับบ้านอีกทางหนึ่งไม่ซ้ำทางขาไป ผ่านถนนบางบอน 4, ถนนเอกชัย ขึ้นสะพานสูงข้ามถนนวงแหวนรอบนอกใต้ ถึงสามแยกบางบอน เลี้ยวขวาตรงไปผ่านสถานีรถไฟบางบอน (รถไฟสายวงเวียนใหญ่-มหาชัย) ขึ้นสะพานสู้งสูง+ย้าวยาวข้ามถนนพระราม 2 ตรงไปตามถนนเทียนทะเล เลี้ยวซ้ายไปตามถนนเลียบถนนวงแหวนรอบนอกใต้ 10 กม.ถนนดี้ดี เรี้ยบเรียบ สองช่องทาง รถน๊อยน้อย มีไหล่ทางกว้าง มีดอกไม้สวย มี 7-11 และปั้มหลายแห่ง สุดถนนเลี้ยวซ้ายไปตามถนนสุขสวัสดิ์ ผ่านตลาดพระประแดง ผ่านสวนสุขภาพลัดโพธิ์ ผ่านตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ลงเรือข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่ท่า วัดบางน้ำผึ้งนอก ขึ้นท่าวัดบางนานอก ถึงบ้านเที่ยง อาบน้ำ กินข้าว กินขนม เปิดแอร์เย็นฉ่ำ พักผ่อนนอนหลับ ตื่น 15:00 น. ดำเนินการทำโพสต์นี้ อิอิ อิ.."
ขออนุญาตุแปะ Link ของผมฝากท่านพี่ด้วย ปีใหม่นี้ขอให้ท่านพี่และแฟนคลับจงอยู่ดี มีสุข คิดอะไรสมหวัง ร่ำรวย ๆ ทุกท่านทุกคน สาธุ สาธุ สาธุ
viewtopic.php?t=1772820&start=975
ไปให้กำลังใจกันนะครับ โชคดีครับ
- ไฟล์แนบ
-
- 433910440_1932437793826072_8869222894467082716_n (1).jpg (75.46 KiB) เข้าดูแล้ว 933 ครั้ง
-
- 433910440_1932437793826072_8869222894467082716_n.jpg (87.97 KiB) เข้าดูแล้ว 933 ครั้ง
-
- 433920407_781297913892090_5833212102868204903_n.jpg (143.85 KiB) เข้าดูแล้ว 933 ครั้ง
-
- 433927371_2372748426264031_2494884509471627475_n.jpg (71.17 KiB) เข้าดูแล้ว 933 ครั้ง
-
- 433930213_386732707653151_465314528177938113_n (1).jpg (89.42 KiB) เข้าดูแล้ว 933 ครั้ง
-
- 433938283_278666805284570_2802104393776530270_n.jpg (146.04 KiB) เข้าดูแล้ว 933 ครั้ง
-
- 433946068_1119968522536535_2704782672076531329_n.jpg (102.43 KiB) เข้าดูแล้ว 933 ครั้ง
-
- 433949679_932742344967301_1647343651060526308_n.jpg (102.01 KiB) เข้าดูแล้ว 933 ครั้ง
-
- 433952928_2623344834505349_7756628531128554355_n.jpg (138.12 KiB) เข้าดูแล้ว 933 ครั้ง
-
- 433958579_1125035978639685_490090251804292606_n.jpg (115.33 KiB) เข้าดูแล้ว 933 ครั้ง
-
- 433958583_736766291979790_1494128820915313719_n.jpg (71.07 KiB) เข้าดูแล้ว 933 ครั้ง
-
- 433964547_8322544304429448_8450236636056163610_n (1).jpg (115.46 KiB) เข้าดูแล้ว 933 ครั้ง
-
- 433964547_8322544304429448_8450236636056163610_n.jpg (43.68 KiB) เข้าดูแล้ว 933 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- pun7711
- ขาประจำ
- โพสต์: 4060
- ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.พ. 2011, 21:11
- team: หนองโพ
- Bike: หมอบ&ภูเขา
- ตำแหน่ง: หนองโพ โพธาราม ราชบุรี
- ลุงเนตร
- ขาประจำ
- โพสต์: 19861
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
- Tel: 0898133936
- team: อิสระ
- Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
- ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
- ติดต่อ:
Re: *.."ลุงเนตรคุย" - "เชิญ..คุยกับลุงเนตร".."..(บันทึกเพื่อความทรงจำ).."..*
"..ขอบคุณมากครับ.."
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
- ลุงเนตร
- ขาประจำ
- โพสต์: 19861
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
- Tel: 0898133936
- team: อิสระ
- Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
- ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
- ติดต่อ:
Re: *.."ลุงเนตรคุย" - "เชิญ..คุยกับลุงเนตร".."..(บันทึกเพื่อความทรงจำ).."..*
Deang-sarapee เขียน: ↑16 เม.ย. 2024, 04:49 อรุณสวัสดิ์ครับ fc.ลุงเนตร ผมเจอของดีท่านพี่ใน facebook จึงถือวิสาสะแอบนำมาฝาก เผื่อจะได้หายคิดถึง ท่านพี่คงไม่ว่าอะไรนะครับ
"..12-13-14/4/67..อะไรเอ่ย?....ปั่นไป 38.14 กม., นั่งไป+กลับ 187+187=374 กม., ปั่นกลับ 44.97 กม. ..
..<12 เม.ย 67 ปั่นจากบ้านไปหนองแขม ผ่าน คลองเตย พระราม 4 หัวลำโพง เยาวราช ข้ามสะพานพระปกเกล้า วงเวียนใหญ่ เพชรเกษม บางแค หมู่บ้านเศรษฐกิจ เข้าซอย สุขุมวิท 69 ถึง *ศูนย์เรียนรู้งานกระจกอลูมิเนียมวีกลาส* พบหลานวีโนโน (อิทธิพล บารมีเกรียงไกร) ผู้จัดการศูนย์ฯ ไม่ได้พบกันนาน ต่างคิดถึงกันมากกก
..ผมตั้งใจไปจากบ้านว่า เมื่อไปถึงจะขอให้เขาช่วยถ่ายทำคลิปวีดีโอ สัมภาษณ์ชายไทยวัยอีกสิบกว่าวัน 81 ปี เพื่อนำประสบการณ์ดำเนินชีวิตบางช่วงบางตอน ลง Youtube ไว้เป็นสมบัติของโลก เป็นอุทาหรณ์สอนใจให้กับผู้ชม อาจได้รับประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย
*ชีวิตที่ไม่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น คือชีวิตที่ไม่มีค่า เครดิต แม่ชีเทเรซ่า*
..ผมแต่งชุดปั่นฯประจำตัวชื่อว่า *ชุดซุปเปอร์ลุงเนตร* ไปจากบ้าน พอไปถึงปรากฏว่าเขาก็ตั้งใจไว้ว่าจะสัมภาษณ์ผมอยู่แล้วเหมือนกัน โดยเตรียมเก้าอี้และโลเคชั่นพร้อม อุปกรณ์สำหรับสัมภาษณ์ไว้แล้ว จึงได้ดำเนินการสัมภาษณ์กัน ณ ที่หน้าบ้านในทันทีนั้นเลย โอ! ช่างประจวบเหมาะกันจริงๆ
..สัมภาษณ์เสร็จประมาณเที่ยง หลานวีโนโน มีภารกิจต้องไปดูบ้านหลังที่สองที่ จังหวัดกาญจนบุรี ตำบลศรีมงคล อำเภอไทรโยค เขาชวนนั่งรถไปเที่ยวด้วย พอดีไม่ได้ไปนานแล้ว จึงขึ้นรถไปกับเขา ถึงประมาณ 5 โมงเย็น (187 กม.) คุยกันยาว นอนหนาวเหงื่อท่วม ต้องเอาผ้าขาวม้าชุบน้ำ บิดหมาดปูนอนจึงหลับ
..ประมาณเก้าโมงเช้าของวันที่ 13 เมย.67 เดินทางกลับถึงบ้านหนองแขมประมาณเที่ยง (187 กม.) นั่งหลับพักผ่อนหน้าบ้านลมพัดเย็นตลอดจนถึงเย็นหลานวีฯ ขับรถพาหลานโบว์และผมไปกินอาหารที่ร้าน *นายแอร์ หมูจุ่ม สาขา 2* ถนนบางบอน 3 อิ่มแล้วกลับบ้านผมเลือกกางเต้นท์นอนหน้าบ้านลมพัดเย็นทั้งคืน หลับสบายดีจังงง
..วันนี้ 14/4/67 เจ็ดโมงเช้า เก็บสัมภาระเสร็จแล้ว ลาหลาน Veenono พร้อมให้พร "จงอยู่ดีมีสุขทั้งครอบครัว สุขภาพกายดีด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ สุขภาพจิตดีด้วยแก่นธรรมของศาสนาที่นับถือ ธุรกิจเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นตลอดไป"
..โบกมือลาพร้อมปั่นจักรยานเดินทางกลับบ้านอีกทางหนึ่งไม่ซ้ำทางขาไป ผ่านถนนบางบอน 4, ถนนเอกชัย ขึ้นสะพานสูงข้ามถนนวงแหวนรอบนอกใต้ ถึงสามแยกบางบอน เลี้ยวขวาตรงไปผ่านสถานีรถไฟบางบอน (รถไฟสายวงเวียนใหญ่-มหาชัย) ขึ้นสะพานสู้งสูง+ย้าวยาวข้ามถนนพระราม 2 ตรงไปตามถนนเทียนทะเล เลี้ยวซ้ายไปตามถนนเลียบถนนวงแหวนรอบนอกใต้ 10 กม.ถนนดี้ดี เรี้ยบเรียบ สองช่องทาง รถน๊อยน้อย มีไหล่ทางกว้าง มีดอกไม้สวย มี 7-11 และปั้มหลายแห่ง สุดถนนเลี้ยวซ้ายไปตามถนนสุขสวัสดิ์ ผ่านตลาดพระประแดง ผ่านสวนสุขภาพลัดโพธิ์ ผ่านตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ลงเรือข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่ท่า วัดบางน้ำผึ้งนอก ขึ้นท่าวัดบางนานอก ถึงบ้านเที่ยง อาบน้ำ กินข้าว กินขนม เปิดแอร์เย็นฉ่ำ พักผ่อนนอนหลับ ตื่น 15:00 น. ดำเนินการทำโพสต์นี้ อิอิ อิ.."
ขออนุญาตุแปะ Link ของผมฝากท่านพี่ด้วย ปีใหม่นี้ขอให้ท่านพี่และแฟนคลับจงอยู่ดี มีสุข คิดอะไรสมหวัง ร่ำรวย ๆ ทุกท่านทุกคน สาธุ สาธุ สาธุ
viewtopic.php?t=1772820&start=975
ไปให้กำลังใจกันนะครับ โชคดีครับ
"..ขอบคุณมากครับ ท่านน้องแดง สารภี เพิ่งเข้ามาเห็น คิดพิจาณาดูอยู่นานกว่าจะรู้ว่าท่านเป็นผู้นำจาก เฟส มาไว้ให้ที่นี่ (ดูทีแรกคิดว่าตัวทำเอง).." ท่านและครอบครัวทุกคน จงอยู่ดีมีสุข สุขภาพกายดีด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ สุขภาพจิตดีด้วยแก่นธรรมของศาสนาทีนับถือ
- ไฟล์แนบ
-
- 110977-4.jpg (19.01 KiB) เข้าดูแล้ว 617 ครั้ง
-
- 110977-6.jpg (24.29 KiB) เข้าดูแล้ว 617 ครั้ง
-
- 110977-8.jpg (23.24 KiB) เข้าดูแล้ว 617 ครั้ง
-
- 110977-12.jpg (25.18 KiB) เข้าดูแล้ว 617 ครั้ง
-
- 110977-70.jpg (39.68 KiB) เข้าดูแล้ว 617 ครั้ง
-
- 110977-85.jpg (31.51 KiB) เข้าดูแล้ว 617 ครั้ง
-
- PICT0002.JPG (78.87 KiB) เข้าดูแล้ว 617 ครั้ง
-
- PICT0023.JPG (85.48 KiB) เข้าดูแล้ว 617 ครั้ง
-
- PICT0040 (Small).JPG (21.29 KiB) เข้าดูแล้ว 617 ครั้ง
-
- PICT0083.JPG (81.43 KiB) เข้าดูแล้ว 617 ครั้ง
-
- PICT0084.JPG (70.91 KiB) เข้าดูแล้ว 617 ครั้ง
-
- PICT0088.JPG (78.61 KiB) เข้าดูแล้ว 617 ครั้ง
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
- ลุงเนตร
- ขาประจำ
- โพสต์: 19861
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
- Tel: 0898133936
- team: อิสระ
- Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
- ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
- ติดต่อ:
Re: *.."ลุงเนตรคุย" - "เชิญ..คุยกับลุงเนตร".."..(บันทึกเพื่อความทรงจำ).."..*
"..สวัสดีครับ วันนี้ โอกาสนี้ ได้เข้าเวบฯนี้.-
"..ขออนุญาตให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับเวบไซด์นี้ ปัจจุบันเข้าง่ายเหมือนเดิม จากที่ผมไม่ได้เข้ามาแรมปี เปิดเข้ามายังเข้ากระทู้ดูและโพสท์ได้ทันที ไม่ต้องใส่โค๊ตอะไร ขอชื่นชมและขอบคุณ ท่านเจ้าของเวบไซด์ ที่จัดทำไว้ให้ใช้งานได้โดยสะดวก ท่านและครอบครัวทุกคน จงอยู่ดีมีสุข สุขภาพกายดีด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ สุขภาพจิตดีด้วยแก่นธรรมของศาสนาที่นับถือ หน้าที่การงาน การธุระกิจต่างๆ จงเจริญยิ่งๆด้วยครับ.."
"..ขออนุญาตให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับเวบไซด์นี้ ปัจจุบันเข้าง่ายเหมือนเดิม จากที่ผมไม่ได้เข้ามาแรมปี เปิดเข้ามายังเข้ากระทู้ดูและโพสท์ได้ทันที ไม่ต้องใส่โค๊ตอะไร ขอชื่นชมและขอบคุณ ท่านเจ้าของเวบไซด์ ที่จัดทำไว้ให้ใช้งานได้โดยสะดวก ท่านและครอบครัวทุกคน จงอยู่ดีมีสุข สุขภาพกายดีด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ สุขภาพจิตดีด้วยแก่นธรรมของศาสนาที่นับถือ หน้าที่การงาน การธุระกิจต่างๆ จงเจริญยิ่งๆด้วยครับ.."
- ไฟล์แนบ
-
- 110977-85.jpg (31.51 KiB) เข้าดูแล้ว 614 ครั้ง
-
- 536777_426389644080438_509556838_n.jpg (51.64 KiB) เข้าดูแล้ว 614 ครั้ง
-
- P1120142.JPG (76.11 KiB) เข้าดูแล้ว 614 ครั้ง
-
- P1120309.JPG (58.33 KiB) เข้าดูแล้ว 614 ครั้ง
-
- PICT0002.JPG (78.87 KiB) เข้าดูแล้ว 614 ครั้ง
-
- PICT0023.JPG (85.48 KiB) เข้าดูแล้ว 614 ครั้ง
-
- PICT0040.JPG (60.08 KiB) เข้าดูแล้ว 614 ครั้ง
-
- QYkQo7.jpg (56.59 KiB) เข้าดูแล้ว 614 ครั้ง
-
- tEViuW.jpg (61.06 KiB) เข้าดูแล้ว 614 ครั้ง
-
- WtvhJ.jpg (69.83 KiB) เข้าดูแล้ว 614 ครั้ง
-
- X1UC8j.jpg (72.29 KiB) เข้าดูแล้ว 614 ครั้ง
-
- xyiOlC.jpg (90.78 KiB) เข้าดูแล้ว 614 ครั้ง
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
- ลุงเนตร
- ขาประจำ
- โพสต์: 19861
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
- Tel: 0898133936
- team: อิสระ
- Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
- ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
- ติดต่อ:
Re: *.."ลุงเนตรคุย" - "เชิญ..คุยกับลุงเนตร".."..(บันทึกเพื่อความทรงจำ).."..*
"..สวัสดีครับ ท่านเวบมาสเตอร์และสมาชิกทั้งหมด 199825 ท่าน คิดว่าคงสบายดีกันเป็นส่วนมาก ท่านที่ไม่สบาย เป็นส่วนน้อย ถ้าป่วยก็ให้หมอรักษา หายก็อยู่ต่อไปอย่างไม่แข็งแรง วนเวียนอยู่กับบ้านและโรงพยาบาล ถ้าไม่ต้องการป่วยต้องออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันๆละ ๑ ช.ม. ทุกปัญหาควรแก้ที่ต้นเหตุครับ.
..วันนี้โอกาสดี ได้เข้ามากระทู้นี้ ขอบอกถึงความดีของ www.thaimtb.com ว่า เข้าใช้งานง่าย, ข้อมูลต่างๆเก็บไว้ได้นาน, ค้นหาง่าย, มีโฆษณาที่ไม่บังคับให้ต้องดู, ไม่เสียค่าใช้จ่าย ผมยังรักเวบไซดืนี้ กระทู้นี้ แต่ก็ตามกระแสร์ไปที่ FB อยู่ นานๆก็เข้ามากระทู้นี้ที เพราะถ้าเข้าทั้งสองทางเป็นการซ้ำซ้อนและไม่มีเวลา
..ขณะนี้เวลาก็หมดอีกแล้ว ขอติดไว้ก่อนสิ่งที่คิดต้องการนำมาบันทึกไว้ที่นี่ด้วย (กิจกรรมปั่นจักรยานฉลองอายุ ๘๑ ปี) ขอบคุณครับ...
..วันนี้โอกาสดี ได้เข้ามากระทู้นี้ ขอบอกถึงความดีของ www.thaimtb.com ว่า เข้าใช้งานง่าย, ข้อมูลต่างๆเก็บไว้ได้นาน, ค้นหาง่าย, มีโฆษณาที่ไม่บังคับให้ต้องดู, ไม่เสียค่าใช้จ่าย ผมยังรักเวบไซดืนี้ กระทู้นี้ แต่ก็ตามกระแสร์ไปที่ FB อยู่ นานๆก็เข้ามากระทู้นี้ที เพราะถ้าเข้าทั้งสองทางเป็นการซ้ำซ้อนและไม่มีเวลา
..ขณะนี้เวลาก็หมดอีกแล้ว ขอติดไว้ก่อนสิ่งที่คิดต้องการนำมาบันทึกไว้ที่นี่ด้วย (กิจกรรมปั่นจักรยานฉลองอายุ ๘๑ ปี) ขอบคุณครับ...
- ไฟล์แนบ
-
- PICT0106.JPG (85.64 KiB) เข้าดูแล้ว 614 ครั้ง
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4429
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: *.."ลุงเนตรคุย" - "เชิญ..คุยกับลุงเนตร".."..(บันทึกเพื่อความทรงจำ).."..*
ลุงเนตร เขียน: ↑01 ส.ค. 2024, 08:41
"..สวัสดีครับ ท่านเวบมาสเตอร์และสมาชิกทั้งหมด 199825 ท่าน คิดว่าคงสบายดีกันเป็นส่วนมาก ท่านที่ไม่สบาย เป็นส่วนน้อย ถ้าป่วยก็ให้หมอรักษา หายก็อยู่ต่อไปอย่างไม่แข็งแรง วนเวียนอยู่กับบ้านและโรงพยาบาล ถ้าไม่ต้องการป่วยต้องออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันๆละ ๑ ช.ม. ทุกปัญหาควรแก้ที่ต้นเหตุครับ.
..วันนี้โอกาสดี ได้เข้ามากระทู้นี้ ขอบอกถึงความดีของ www.thaimtb.com ว่า เข้าใช้งานง่าย, ข้อมูลต่างๆเก็บไว้ได้นาน, ค้นหาง่าย, มีโฆษณาที่ไม่บังคับให้ต้องดู, ไม่เสียค่าใช้จ่าย ผมยังรักเวบไซดืนี้ กระทู้นี้ แต่ก็ตามกระแสร์ไปที่ FB อยู่ นานๆก็เข้ามากระทู้นี้ที เพราะถ้าเข้าทั้งสองทางเป็นการซ้ำซ้อนและไม่มีเวลา
..ขณะนี้เวลาก็หมดอีกแล้ว ขอติดไว้ก่อนสิ่งที่คิดต้องการนำมาบันทึกไว้ที่นี่ด้วย (กิจกรรมปั่นจักรยานฉลองอายุ ๘๑ ปี) ขอบคุณครับ...
สวัสดีครับท่านพี่ที่เคารพ และ fc.ของท่านพี่ทุกท่าน ดีใจที่ท่านพี่กลับมาบ้านเหมือนเดิม แถมนำภาพเก่า ๆ มาให้ได้ชม ติดตามภาพแล้วมีคิดนะครับ..โอ..ไม่ธรรมดาชีวิตคือการเดินทางจริง ๆ ใน fb.สด ๆ ร้อน ๆ เรื่องหวยชอบใจจังโดยเฉพาะเลขเรียงเป็นระเบียบเรียบร้อย(โอกาสถูกไม่มีเลย แต่ได้ใจครับ ๕๕) ขอวิสาสะนำมาฝากแฟนคลับทางห้องนี้นะครับ
เนตร สงวนสัตย์ 22 ชม. ·
"..วันนี้หวยออก..
..แม่บ้านเสี่ยงโชคเป็นประจำทุกงวด ผมก็เสียงโฃคทุกงวดเหมือนกัน ไม่ถูกมาหลายปีแล้ว
..ปีนี้ พ.ศ.๒๕๖๗ เมื่อไม่นานมานี้ เดือนอะไร งวดไหน จำไม่ได้แล้ว ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล เลขท้าย ๓ ตัว ชุด ๕ ใบ ได้เงินส่วนแบ่งคนละ ๔,๐๐๐.- บาท แวบคิดได้เกี่ยวกับความมหัศจรรย์ของโชค จากการถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลดังกล่าวข้างต้น คนมีโชคย่อมได้โชค อย่างไม่คิดไม่ฝัน ดังจะให้ทราบต่อไปนี้
..สี่คน อยู่ต่างที่ต่างทาง (กทม., หาดใหญ่, สะเดา ๒ คนๆละตำบล)
รวมตัวกันไปปั่นจักรยานท่องเที่ยวจากสุราษฎร์ธานี ไป อ.ตะกั่วป่า ระหว่างเที่ยววันหนึ่ง แวะร้านขายของชำข้างทางซื้อทุเรียนกินกัน ๔ คน ณ เพลานั้น ชายหนุ่มขายสลากกินแบ่งรัฐบาลขี่รถเครื่องมาแวะขายที่เรานั่งกินทุเรียนกันอยู่ ในแผงมีสลากกินแบ่งฯ ชุด ๕ ใบ อยู่ ๓ - ๔ ชุด เราทั้งหมดรับทราบแล้วเฉยๆ
..หญิงสูงวัยที่ร้านพูดขึ้นว่า ซื้อซิ ขอแบ่งดวยใบหนั่ง เรา ๔ คน กับหญิงสูงวัย รวมเป็น ๕ คน พอดีกับสลากกินแบ่งฯ ๕ ใบ เขาขาย ๗๐๐.- บาท เราตกลงซื้อ โดยคนหนึ่งเป็นคนเลือกเลขท้าย เขาเกิดความคิดนิมิตรว่า มีชุดหนึ่งตรงกับเลขทะเบียนรถยนต์ของลูกสาว ก็หยิบเอาชุดนั้น แล้วเฉลี่ยจ่ายคนละ ๑๔๐.- บาท ๕ คน เป็น ๗๐๐.- บาท ให้คนขายไป เราก็แบ่งสลากเก็บไว้คนละใบ
..หลังจากกองสลากทำการออกเลขสลากกินแบ่งงวดนั้นเสร็จแล้ว ปรากฏว่าเลขท้าย ๓ ตัว ของสลากฯที่ซื้อ ตรงกับเลขท้ายสามตัวที่กองสลากทำการออกเลขรางวัลงวดนั้น ๕ ใบๆละ ๔,๐๐๐.- บาท เรา ๕ คน ได้คนละ ๔,๐๐๐.- บาท
..สิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าวนั้น ผมนับเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งเกี่ยวกับ "โชคลาภ" เมื่อใดที่มีโฃคลาภ เมื่อนั้นต้องได้ โดยวิธีใด วิธีหนึ่ง แน่นอน
..เอวังก็มีประการฉะนี้แล.."
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- ลุงเนตร
- ขาประจำ
- โพสต์: 19861
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
- Tel: 0898133936
- team: อิสระ
- Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
- ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
- ติดต่อ:
Re: *.."ลุงเนตรคุย" - "เชิญ..คุยกับลุงเนตร".."..(บันทึกเพื่อความทรงจำ).."..*
"..โอ เพิ่งเข้ามาเห็น ขอบคุณมากครับ ท่านน้อง Dang Sarapee ที่นำเรื่่องสลากกินแบ่งรัฐบาลมาให้ไว้ที่เวบไซด์นี้.."
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
- ลุงเนตร
- ขาประจำ
- โพสต์: 19861
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
- Tel: 0898133936
- team: อิสระ
- Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
- ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
- ติดต่อ:
Re: *.."ลุงเนตรคุย" - "เชิญ..คุยกับลุงเนตร".."..(บันทึกเพื่อความทรงจำ).."..*
"..สวัสดีครับ มื้อนี้เข้ามาเพื่อนำสรุปทริปไปเที่ยวประเทศจีน (เซี่ยงไฮ้-จางเจี่ยเจี้ย-กุ้ยหลิน-คุณหมิง)..มาไว้ที่นี่..เพื่อกันลืมและอาจมีประโยชน์กับท่านหนึ่งใดได้บ้าง ดังต่อไปนี้ (ก๊อปมาจากไดร์ในคอมฯตั้งโต๊ะ ไม่ทราบว่าจะก๊อปมาได้หรือไม่นิ)
ปล. อีกประการหนึ่ง อาจนำมาไว้ในเวบไซด์นี้หลังจากกลับใหม่ๆแล้วก็เป็นได้ แต่วันนี้พบอีกทีจึงนำมาไว้ให้เป็นปัจจุบัน ไม่ต้องค้นหาของเก่า (บินไปเมื่่อ ๖ ก.ย.๕๙) ๖ - ๗ ปี มาแล้วแล.
..เขาว่า กันว่า “โลก” และทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไปตามธรรมชาติ ไม่มีผู้ใดพิสูจน์ทราบได้ว่า “ธรรมชาติ” เกิดขึ้นได้อย่างใด ในโลกนี้มี “คน” อยู่ในประเทศต่าง ๆ 195 ประเทศ และเขตการปกครองอยู่ในประเทศอื่น ๆ อีกด้วย มีประชากรโลกรวมประมาณ หลายพันล้านคน ตามสถิติ จากกูเกิร์ล วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ในเหล่ามวลคนทั้งหมดที่เกิดมาตามธรรมชาตินั้น ต่างเกิดมาเพราะความรัก และความใคร่ที่มีอยู่ประจำกายของทุกคนตามธรรมชาติ (ตามความคิดเห็นส่วนตัวของผมที่เคยเขียนไว้ที่นี้ http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... #p13037819 ) ซึ่งมีร่างกายและจิตใจควบคู่กันอยู่ทุกคน ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ตั้งอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วดับไป ระหว่างนั้นในส่วนของร่างกายเจริญเติบโตได้ด้วยการกินอาหาร ขับถ่ายของเสีย ออกกำลังกาย เจ็บป่วยหาหมอรักษา ส่วนจิตใจนั้นมักมีหน้าที่นำกายให้กระทำสิ่งต่าง ๆ ตามจิตใจคิดและปรารถนาอยู่ทุกเรื่องราว ทุกวันเวลา อาทิ การไปเที่ยวประเทศจีน ครั้งล่าสุดของผมครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความคิดกลายเป็นความฝัน แล้วพยายามคงความฝันนั้นไว้ขณะเดียวกันก็พยายามสานฝันให้เป็นจริง ซึ่งฝันจะเป็นจริงได้ต้องประกอบด้วย เงินเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เวลาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด สุขภาพร่างกายที่ดีก็สำคัญที่สุด ดังนั้น การจะได้ไปเที่ยวนั้นทุกคนจะต้องมี ๓ สิ่งสำคัญนั้น ถ้าไม่มีความคิดความฝัน ย่อมไม่มีการพยายามสานฝัน ไม่มีการไปถึงปลายทางฝัน คือการได้ “ไปเที่ยว” นั่นแล
ฝันค้างอยู่นานหลายปี (รอเงิน “บำเหน็จดำรงชีพ” ที่มีแววว่าจะได้จากเทวดาใน รฟท.) เดือน พ.ย.๒๕๕๙ เทวดาใน รฟท. จ่ายเงินให้ก้อนหนึ่ง (บำเหน็จดำรงชีพ http://www.drborworn.com/articledetail.asp?id=15548) ตามสิทธิ์ที่กฎหมายกำหนดให้ได้รับ ที่ต้องรอหลายปี เพราะ รฟท. ไม่มีเงินจ่าย เมื่อได้เงินก็เริ่มสานฝันอย่างจริงจังในการจะไปปั่นจักรยานเที่ยวต่างประเทศ ท้ายที่สุดตกลงใจจะไปปั่นจักรยานเที่ยวในประเทศจีน หาข้อมูลที่จำเป็นในการเดินทางต่าง ๆ อย่างขมักขะเม้น ค่อนข้างพร้อมแล้วลงหาเพื่อนร่วมเดินทางในเวบไซด์จักรยาน www.thaimtb.com นานประมาณเกือบเดือน ไม่มีใครเสนอตัวเข้ามาเป็นเพื่อนร่วมเดินทาง ... จึงเปลี่ยนใจ คิดหาวิธีการใหม่ เป็นเดินทางปั่นจักรยานท่องเที่ยวในประเทศจีนคนเดียว ก็หาข้อมูลที่จำเป็นในการเดินทางเพิ่มเติม เช่น เปิดแปลภาษาไทย – จีน ในกูเกิร์ล พบคำที่คิดว่าจำเป็นต้องใช้ทำการก๊อปปี้ไว้ในแกลอรี่, เปิดแผนที่กูเกิร์ล จากเมืองหนึ่ง-ไปอีกเมืองหนึ่ง แล้วก๊อปเส้นทางและระยะทางไว้ในแกลอรี่ เป็นต้น จนค่อนข้างจะพร้อมสรรพ จนท้ายที่สุดมาจนตรอกตรงที่ป้ายบอกทางตรงสามแยกหรือสี่แยกหรือห้าแยก ป้ายมีแต่ภาษาจีน อ่านไม่ออก ในชนบทไม่มีคนให้ถาม (วิธีถามชาวจีน ก็ด้วยการนำภาพที่ภาษาไทย-จีน ที่ก๊อปจากกูเกิร์ลไว้ในแกลอรี่ให้เขาอ่าน เช่น ไปทางไหน =展望Zhǎnwàng )
ย่อมไปต่อไม่ถูกทางที่ต้องการจะไปเป็นแน่ ... ไม่ได้การวิธีนี้ไม่ work ซะแล้ว ... ท้ายที่สุดได้ไปเพราะเปลี่ยนความคิดเป็น ชวนเพื่อนเก่าแก่ที่พูดภาษาจีนกลางได้พาไป ท่านผู้นั้นคือ เฮียชัยพรฯ อายุ ๗๔ ปี มากกว่าผม ๑ ปี ร่างกายไม่ค่อยสมบูรณ์แข็งแรงมากนัก เป็นโรคหัวใจเรื้อรังมานานนับสิบปี เขารับคำชวนพาไป เพราะเป็นเพื่อนกันมานาน ในอดีตเขาเคยขอให้ผมเป็นผู้พาไปเมืองกวางเจา ประเทศจีน เพื่อเยี่ยมญาติมาแล้วด้วย ครั้งนั้นเขาออกค่าใช้จ่ายให้ผมทั้งหมดเนื่องจากผมไม่มี เขามี ส่วนครั้งนี้เขาออกค่าใช้จ่ายเอง เนื่องจากเขาพอมี ผมไม่มี ผมบอกเฮียชัยพรฯ ว่า เราไปแบบแบ๊คแพ๊คกันนะ เขาบอกว่าเขาเดินไม่ค่อยไหว ขอเอาจักรยานพับได้ไปด้วย เพื่อช่วยการเดิน ผมก็เลยต้องเอาจักรยานไปด้วย แต่เป็นจักรยานเสือภูเขา ที่พับไม่ได้ ถอดแฮนและตะแกรงท้ายกับขาตั้งออก ใส่ลงถุงผ้าที่ทำขึ้นเอง รูดซีปปิดเรียบร้อย มีหูคล้องไหล่สะพายเดินไปได้ ในน้ำหนัก ๑๔ ก.ก.
ผมให้ลูกชายซื้อตั๋วเครื่องบิน Air Asia ค่าตั่วโปรฯตอนนั้น จากดอนเมือง – เซียงไฮ้ ประมาณ ๓,๖๐๐.- บาท/เที่ยว ต้องซื้อน้ำหนักสำหรับกระเป๋าเสื้อผ้า ๒๐ ก.ก. (๒ คน ๔ กระเป๋า ๑๘ ก.ก.) และน้ำหนักสำหรับจักรยาน ๓๐ ก.ก.(จักรยาน ๒ คัน ๒๘ ก.ก.) เบ็ดเสร็จประมาณคนละ ๕,๐๐๐.- บาท และซื้อเที่ยวกลับจากเมืองคุนหมิง-ดอนเมือง ไว้ด้วย ในราคาประมาณเท่า ๆ กับเที่ยวไป
เมื่อเงินพร้อม เวลาพร้อม กายพร้อม พาสปอร์ท+วีซ่า อนุญาตให้เข้าประเทศจีนพร้อม เพื่อนร่วมเดินทางพร้อม ตั๋วเครื่องบินพร้อม เช้าวันที่ ๖ ก.ย.๕๙ เวลา ๐๐.๑๕ น. ขึ้นเครื่องบินจากสนามบินดอนเมือง ปรื๋อ ปร๋อ ปรี๊ด เป็นเวลา ๓ ช.ม. ถลาร่อนลงสู่สนามบินเมืองเซียงไฮ้ ของประเทศจีน เมื่อเวลา ๐๖.๐๙ น.
เดินออกจากเครื่องบิน แบบผู้เฒ่า เข้างอาคารผู้โดยสาร พบบูธขายซิมการ์ดโทรศัพท์และอินเตอร์เนท แวะซื้อซิมการ์ดเฉพาะโทรศัพท์ สำหรับโทรหากันในประเทศจีน หรือโทร.ไปที่สถานฑูตหากมีเหตุจำเป็น ใช้ได้ ๓๐ วัน ซิมการ์ดละ ๑๕๐ หยวน ๗๕๐.- บาท ผู้ขายจดหมายเลขพาสปอร์ทของเราทั้งสองไว้ด้วย แล้วเดินมุ่งไปผ่านเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจีน ตรวจสอบวีซ่า ถูกต้องแล้วประทับตราวันที่เข้าในพาสปอร์ท อนุญาตให้ผ่านเข้าประเทศได้ ต่อจากนั้นเดินไปรับกระเป๋าสัมภาระและจักรยานจากสายพาน ยกขึ้นรถเข็น เดินออกไปหน้าอาคารผู้โดยสารสนามบิน ตรงจุดจอดรถเมล์เข้าเมืองเซียงไฮ้ เราประกอบรถจักรยานที่ถอดใส่ถุงมาจากประเทศไทย ขึ้นเป็นคันครบเรียบร้อย รถพับของเฮียชัยพรฯ ไม่เสียเวลามาก แต่รถเสือภูเขาของผมที่ถอดแฮนและตะแกรงท้ายกับขาตั้งเสียเวลามากกว่าจะเสร็จ แล้วนำกระเป๋าสัมภาระบรรทุกท้ายจักรยานเรียบร้อยเมื่อเวลาประมาณ ๐๘.๐๐ น. เราตกลงกันปั่นมุ่งเข้าเมือง ในระยะทางที่ดูจากแผนที่กูเกิร์ล ๔๒ ก.ม. ตั้งใจว่าจะแวะเที่ยวชมหอไข่มุกก่อน แล้วจึงจะปั่นไปเข้าพักโรงแรมที่จองไว้จาก www.Booking.com เราปั่นไปตามทิศทางที่ถามชาวจีนขณะประกอบรถแล้วเขามายืนดู จนเวลา ๐๙.๐๐ น. เริ่มหิวพอดีพบร้านอาหาร จอดรถตรงข้ามร้อนเข้าไปดูพบกับข้าวน่าทาน ชี้ ๆ มาสองสามอย่าง ทานกันอิ่มอร่อย ฉลองมื้อแรกในประเทศจีนด้วยเบียร์จีน ๑ ขวดด้วยนิ มื้อแรกที่เมืองจีน ๒ คน ๗๐ หยวน ๓๕๐.- บาท
อร่อย อิ่ม แล้วปั่นเดินทางต่อ (เสมือนจากสนามบินสุวรรณภูมิ ปั่นเข้าไปเยาวราช) ปั่นไปเรื่อย ๆ รถวิ่งทางด้านขวาของถนน ด้านขวาสุดมีช่องทางสำหรับรถเครื่องและรถจักรยานวิ่งไป-มาสวนทางกันได้ ทุกคันต่างวิ่งไปเรื่อย ๆ ไม่เร็วปรู๊ดปร๊าด คันใดเห็นมีการกีดขวางทางก็บีบแตร ผู้ที่ขวางทางก็รีบหลบ พบทางร่วม ทางแยก หยุดถามทาง โดยเฮียชัยพร ผู้รู้ภาษาจีน ฟังรู้(บางครั้งรู้ไม่หมด) อ่านออก เขียนได้ ยิ่งเข้าไปมากเท่าไร ทางร่วม ทางแยกก็มากเท่านั้น เห็นผู้มีหน้าที่ถามทางแล้วเหนื่อยแทน เกือบบ่ายสามก็ยังไม่ถึงหอไข่มุก ของเมืองเซียงไฮ้สักที เห็นท่าไม่ดี ทิ้งโรงแรมที่จองไว้ แล้วมองหาโรงแรมใหม่ ไม่มีแผนที่ ไปทางไหน อยากรู้อะไร ก็ต้องถามลูกเดียว จึงค่อนข้างยากมาก บ่ายสี่โมงกว่าจึงได้โรงแรม โดยเฮียชัยพร เข้าไปถามที่โรงแรมหนึ่ง โรงแรมนั้นไม่ห้อง พนักงานโรงแรมช่วยถามหาให้ ซึ่งอยู่ในอีกทิศทางหนึ่ง ต้องถามผู้ที่ผ่านไปมา แล้วมองหา จนพบเข้าไปติดต่อเข้าพักคืนละ ๑,๕๐๐.- บาท
เราพักที่เมืองเซียงไฮ้ ๓ คืน คือ คืนวันที่ ๖ ก.ย.๕๙ วันแรกที่ไปถึงแล้วปั่นจักรยานเข้าไปพัก รุ่งขึ้นวันที่ ๗ ก.ย.มื้อเช้าฝากท้องกับร้านสะดวกซื้อเฟรสมาช ใกล้โรงแรมที่พัก สายเดินไปประมาณ ๑.๕ ก.ม. ลงไปใต้ดิน ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน เฮียชัยพร ฯ เป็นคนนำทาง ถามทางและอ่านชื่อสถานีที่จะลง พาไปขึ้นสู่พื้นเบื้องบนใกล้กับอาคารสถานกงศุลใหญ่ไทย ณ เมืองเซียงไฮ้ ซึ่งใกล้แล้วก็ยังต้องเดินอีกประมาณ ๑.๕ ก.ม. ที่ดั้นด้นมาที่สถานกงศุลใหญ่ไทย ณ เมืองเซียงไฮ้ โดยต้องนั่งเครื่องบินไปลงที่เมืองเซ๊ยงไฮ้นั้นก็เนื่องมาจากมีความตั้งใจจะไปเยี่ยมลูกพี่เก่าสมัยทำงานอยู่ที่โรงงานมักกะสัน การรถไฟฯ ซึงติดตามลูกสาวที่ทำงานอยู่ที่สถานกงสุลใหญ่ไทย ณ เมืองเซียงไฮ้ ในตำแหน่งกงศุล (ฝ่ายการเงิน) เมื่อไปถึงแจ้งความประสงค์ขอพบกงศุล (ฝ่ายการเงิน) เจ้าหน้าที่บอกว่า ไม่อยู่ ไปราชการนอกสถานที่ บอกขอที่อยู่ของลูกพี่เก่าก็ไม่ให้ บอกเป็นสถานที่หวงห้าม ไม่ให้คนภายนอกเข้า เมื่อทราบดังนั้น จึงเดินออกจากสถานกงสุลไทย ย้อนกลับทางเดิมไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินไปลงสถานีหอไข่มุก ลงจากรถไฟฟ้าใต้ดินเดินขึ้นไปข้างบน แล้วเดินไปอีกประมาณ ๑๐๐ เมตร ก็ถึงหอไข่มุกตั้งตระหง่ายสูงเสียดฟ้าอยู่ตรงหน้า ปรากฏว่าฟ้าฝนไม่เป็นใจมืดครื้ม ฝนตกเป็นละอองฟองฝอย ถ่ายภาพห่าง ๆ แล้วเดินไปที่ฐานหอ ถามราคาค่าขึ้นหอไปชมวิวแล้วราคาสูงพอสมควร ระดับแรกร้อยกว่าหยวน ระดับสูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่งราคาแพงกว่าเป็นสองร้อยกว่าหยวน คิดคำนวนจากสภาพอากาศแล้ว ขึ้นไปเสียเงินแล้วก็มองไม่เห็นวิวทิวทัศน์เพราะท้องฟ้าหลัวมัวซัวเช่นนั้น จึงไม่ขึ้น นั่งพักอยู่ที่พักนักท่องเที่ยวอยู่พักหนึ่ง แล้วเดินทางกลับโรงแรมที่พักด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน พักผ่อน ก็หมดวัน ค่ารถไฟฟ้าใต้ดินไม่แพง ภายในโบกี้โดยสารกว้าง ขบวนยาว วิ่งเร็ว (ฮ่า ฮ้า ดีใจเหมือนได้แก้ว วันนี้ได้เห็นและถ่ายภาพกับหอไขมุก ณ เมืองเซียงไฮ้)
(ภาพหอไข่มุก)
วันที่ ๘ ก.ย.๕๙ มื้อเช้าฝากท้องกับร้านสะดวกซื้อ สายหน่อยเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีเดิม (สถานีสนามกีฬา Sport ๆ น่ะแหละ เพราะอยู่ใกล้สนามกีฬา ที่เราต้องเดินผ่าน) ไปซื้อตั๋วและไปดูสภาพสถานีรถไฟ ที่เราจะต้องเดินทางจากเมืองเซียงไฮ้ ไปเมืองจางเจียเจีย ในวันรุ่งขึ้นที่ ๙ ก.ย.๕๙ โดยเราไปที่สถานีรถไฟ Changhai Station ก่อน เข้าไปซื้อตั๋วไปเมืองจางเจียเจี้ย ในราคาคนละ ๑๙๐ หยวน (หยานละ ๕.- บาท) ได้ทราบจากเจ้าหน้าที่ขายตั๋วว่าต้องไปขึ้นรถไฟไปจางเจียเจี้ย ที่อีกสถานีหนึ่ง ชื่อ Changhai South Railway Station เมื่อซื้อตั๋วได้แล้ว เราพากันขึ้นรถไฟฟ้าไปดูสถานีที่จะนั่งแท๊กซี่จากโรงแรมไปขึ้นรถไฟไปเมืองจางเจียเจี้ยในวันรุ่งขึ้น (๙ ก.ย.๕๙) จนทราบแน่ชัดเรียบร้อยแล้วจึงเดินทางกลับที่พักด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินนั่นแล
วันที่ ๙ ก.ย.๕๙ เช้าไปทานอาหารที่ร้านสะดวกซื้อเฟรชมาร์ท บะหมี่ถ้วยกระดาษ ถ้วยละ ๕ หยวน ๒๕ บาท อิ่มแล้วยืนดูประชาชนชาวจีนสัญจรไปมาด้วยพาหนะต่าง ๆ แถวนั้นไม่หนาแน่นนักทั้งผู้คนและยวดยาน จนเวลา ๑๑.๐๐ น. เช็คเอ้าท์ ออกจากโรงแรม ขนสัมภาระถุงจักรยานและกระเป๋าท้ายจักรยาน ๒ ลูก เป้สะพายหลังอีก ๑ ใบ ออกไปริมถนน ๑๒.๑๒ น. ขึ้นแท็กซี่ออกจากหน้าโรงแรม ๑๒.๔๕ น. นั่งแท็กซี่ประมาณ ๓๐ นาที เปิดมิเตอร์ ๖๔ หยวน (มิเตอร์เริ่มที่ ๙ หยวนๆละ ๕.- บาท) ถึงสถานีรถไฟ Shanghai South Railway Station ลงจากแท็กซี่ที่หน้าอาหารสถานีชั้นบน มีชาวจีนน่าจะเป็นพนักงานสถานีรถไฟทำหน้าที่ควบคุมรถดูดฝุ่น ช่วยโทรเรียกพนักงานเข็นรถรับส่งสัมภาระมาให้ ๑ คัน บรรทุกสัมภาระของเราอันมีรถจักรยาน ๒ คัน กระเป๋า ๔ ใบ เข้าไปนั่งรอข้างในอาคารที่พักผู้โดยสาร โดยให้จ่ายเงินค่าบริหาร ๑๐๐ หยวน เป็นเงินไทย ๕๐๐ บาท แล้วบอกว่าใกล้ ๆ เวลารถออกจะมารับของแล้วพาไปส่งที่โบกี้โดยสารของขบวนที่เราจะไปเมืองจางเจียเจี้ย (ตอนจ่ายเงิน ก่อนที่เขาบอกว่าจะมารับไปส่งฯ เราคิดว่าแพงนะเข็นแค่นี้ แต่ที่จริงแล้วเข็นแค่นั้น เราก็หนักเหนื่อยแย่ ยิ่งเมื่อเขาบอกจะมารับของไปส่งที่ขบวนรถอีก เราจึงคิดว่า ไม่แพง เพราะกว่าจะถึงขบวนรถไกลพอสมควร เรานั่งรอจน ๑๖.๐๐ น. พนักงานเข็นรถก็นำรถมาขนสัมภาระทั้งหมดของเราเดินนำไปเข้าลี๊ฟ ลงไปที่ชานชลาที่ขบวนรถจอดอยู่ เข็นต่อไปส่งที่โบกี้โดยสารตามตั๋วที่เราได้ที่นั่ง รถไฟจีน รางกว้าง ๑.๒๐ เมตร โบกี้โดยสารกว้าง ตั้งเก้าอี้นั่งได้สองด้าน ด้านหนึ่งมี ๒ ที่นั่ง ตรงกลางทางเดิน ด้านขวาที่นั่ง ๓ ที่นั่ง โบกี้ติดแอร์ ที่นั่งแคบกว่าที่นั่งชั้น ๒ แอร์ ของเรา นั่งไม่สบายเท่าที่ควร ใกล้รถไฟออกเจ้าหน้าที่ประจำโบกี้มาบอกให้เรานำถุงรถจักรยานขึ้นไปวางตรงหัวต่อขบวน เราถูกมัดยึดตรึงแน่นเรียบร้อยเข้าไปนั่งประจำที่ของตัวเอง เวลา ๑๖.๔๙ น. รถไฟเคลื่อนขบวนออกจากสถานี อย่างนิ่มนวล ไม่กระตุกกระชาก ภายในโบกี้โดยสารเต็มอยู่ด้วยประชาชนคนจีน คุยกันอยู่ทั่วไป ช่วงยังไม่มืดดูวิวเพลิน พอมืดชักไม่เพลิน พอดึกชักง่วง ไม่ได้หลับเต็มที่ ก็ทนนั่ง ๆ ไปเรื่อย ๆ รถหยุดครั้งละนาน ๆ ทั้งรอหลีก เนื่องจากทางบางช่วงเป็นทางรางเดี่ยว และบางครั้งก็หยุดรอให้รถที่มาจากด้านหลังวิ่งไปก่อน นั่งอยู่อย่างนั้น
จนเช้า วันที่ ๑๐ ก.ย. จนสาย จนบ่าย จนเย็น ๑๗.๐๐ น. รวมเวลา ๒๔ ชั่วโมง น่าจะพันกว่ากิโลเมตร จึงถึงสถานีจางเจียเจี้ย ขนสัมภาระลงจากรถ เฮียประกอบรถเสร็จภายในเวลาไม่กี่นาที บรรทุกกระเป๋า ๔ ใบ สะพายเป้ เข็นออกไปริมถนนหน้าสถานี (ผมสะพายเป้ด้านหลัง ไหล่สะพายถุงจักรยาน ๑๔ ก.ก.) เดินตามเฮียชัยพรฯ หนักพอสมควร) เรียกรถแท็กซี่เปิดมิเตอร์ไปส่งโรงแรมที่จองไว้จาก www.Booking.com ชื่อ Qixi Hostel ๑๒ หยวน ขอเป็น ๑๕ หยวน ๗๕.- บาท นับว่าถูก สมราคากับระยะทางที่วิ่งประมาณ ๑๐ นาที เช็คอินเข้าพัก ๓ คืน (๑๐-๑๒/๙/๕๙) ๒๘๐ หยวน หาร ๒ คนละ ๑๔๐ หยวน ๗๐๐.- บาท ตกคืนละ ๒๓๓.- บาท จักรยานเก็บในห้องเก็บของหลังเคาเตอร์ล๊อปบี้ ห้องพักอยู่ชั้นสอง ห้องแอร์ สบายพอสมควรกับราคา มีข้าวและเบียร์กับน้ำอัดลมขายให้ทานดื่มด้วย หนุ่ม ๆ สาว ๆ เป็นเจ้าของและพนักงานบริการดีมาก ถ้าไปก็จะไปพักอีก เดินทางสะดวก มีรถเมล์ประจำทาง จากหน้าสถานี วิ่งเป็นวงกลม หมดระยะที่ในซอยใกล้ ๆ โรงแรมที่พักด้วย ในราคาตลอดสาย ๒ หยวน ใกล้ ๆ มีร้านอาหารหลายร้าน รวมถึงร้านข้าวบุ๊ฟเฟ่ย์ มื้อละ ๑๐ หยวน ๕๐ บาท หยิบชาม ตักข้าว ตักกับ ทานจนอิ่มได้เต็มที่ ค่อยจ่าย ๑๐ หยวน มีเบียร์ขายด้วยขวดละ ๕ หยวน ชอบมากร้านนี้ ได้ไปทาน ๒ มื้อ เย็นกับเช้า (แสดงภาพถ่าย)
วันที่ ๑๑ ก.ย.๕๙ เช้าทานก๊วยเตี๋ยว ร้านแผงลอยใกล้โรงแรม ๘ หยวน ๔๐ บาท ในชามประกอบด้วยเส้นกลม ๆ น้ำปรุงรส และเครื่องปรุง ไม่มีเนื้อหมูหมากาไก่ไรหรอก พอถึงเวลา ๐๘.๐๐ น. พนักงานสาวของโรงแรมพาเราไปขึ้นรถเมล์ประจำทาง วันนี้ผมมีแผนเดินทางไปเที่ยว จางเจียเจี้ย ปาร์ค คนเดียว เฮียชัยพรฯ ขึ้นรถเมล์ไปส่งถึงสุดสายรถเมล์สายแรก ที่เสียค่าโดยสารคนละ ๑๒ หยวน แล้วกลับโรงแรม ระหว่างนั่งอยู่บนรถเมล์ พบเด็กหนุ่มชาวจีน ๒ คน คนหนึ่งอยู่ฮ่องกง อีกคนหนึ่งอยู่กวางเจา มาเที่ยวด้วยกัน เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย เฮียชัยพรฯ คุยและฝากให้ผมไปเที่ยวกับเขา เรา ๓ คน พูดภาษาอังกฤษกันพอได้ ผมบอกเขาว่าขอไปเที่ยวด้วยตลอดวัน ไปไหน ไปด้วย ตลอดวันจนถึงป้ายลงจากรถเพื่อเดินกลับโรงแรม เขาดูแลอย่างดี ดุจญาติผู้ใหญ่ ขอบพระคุณพระเจ้าทุกพระองค์ของศาสนาพุทธที่ข้าฯนับถือ กรุณาส่งเทวดาสององค์มาพาข้าเที่ยวอย่างสะดวก ไม้งั้นคงเงอะงะไปไหนไม่ถูกแน่ ลงจากรถเมล์สายแรก ๑๒ หยวนที่หมู่บ้านแล้ว ต้องต่อรถเมล์อีกสายหนึ่ง ๒ หยวน จากหมู่บ้าน ไปหน้าประตูทางเข้า National forest park ซื้อบัตรผ่านเข้าเที่ยว คนละ ๒๔๖ หยวน แล้วเดินไปขึ้นรถบัสไปลงที่ขึ้นกระเช้า ซื้อบัตรขึ้นกระเช้า ๔๓ หยวน วิวสวย ภูเขาที่เห็น เป็นเหมือนภูเขาถูกผ่าครึ่ง โผล่โด่เด่อยู่ ยอดเขามีต้นไม้ขึ้นเขียวชอุ่มพุ่มไสว อยู่ทุกยอดเขา ลงจากกระเช้า มีรถบัสรับไปเที่ยวจุดต่าง ๆ ฟรี ขึ้นแล้วลง ลงแล้วขึ้นได้ตลอดวัน จุดสุดท้ายของวันที่ได้ไปท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวมากมาย ได้ยินเสียงคนไทยพูดกันด้วย เป็นจุดที่เดินเที่ยวเป็นวงกลม มีราวกั้นที่มีกุญใจใจพร้อมเศษผ้าสีแดงผูกอยู่มากมายและมีร้านขายกุญแจให้ซื้อไปคล้องที่ราวด้วย ไม่ได้ถามว่าราคาเท่าใด ประมาณ ๑๖.๐๐ น. เข้าแถวรอรถเดินทางออกจากสวนกลับที่พัก นักท่องเที่ยวที่จัดนี้มากพอสมควร แต่รอไม่นานรถก็วิ่งเวียนมารับวิ่งไปยาวไกลในทางแคบ ๆ บนภูเขาสูงเคี้ยวคดลดเลี้ยวเฉียดฉิวกับรถที่สวนทางมาบางช่วงโค้งแคบหวาดเสียวบ้างเล็กน้อย จนถึงที่ตั้งลีฟแก้วที่จะพาเราลงจากยอดเขาสูง ซื้อบัตรคนละ ๗๒ หยวน เดินไปเข้าแถวเข้าลีฟแก้ว ไม่นานก็ได้เข้าลีฟ โชคดีได้ยืนอยู่ติดกระจกของลีฟไม่มีใครบัง สายตามองออกไปข้างหน้าตรง ๆ พบภาพภูเขาผ่าซึกสวยงาม เป็นภาพแบบซีเนราม่าเลยทีเดียว ตื่นตาตื่นใจมาก ไม่กล้ามองลงเบื้องล่างที่สูงลิบลิ่ว ลีฟเลื่อนลงไม่กี่นาทีก็ถึงพื้น ออกจากลีฟเดินออกมาที่ลานกว้างมองไปข้างหน้าพบภาพวาดภูเขาสวยอีกชุดหนึ่ง จนอดที่จะถ่ายภาพไว้ไม่ได้ นักท่องเที่ยวตรงนี้เยอะมาก เข้าแถวรอขึ้นรถกลับออกจากสวน โชคดี เข้าแถวนอกสุด ไม่นานก็ได้ขึ้นรถบัสใหญ่ขับไปตามทางแคบ ๆ อีกช่วงหนึ่งนานพอสมควร จอดให้ลงตรงใกลกับเก๋งจีนที่เมื่อเช้าเดินผ่านเข้าไปซื้อบัตรผ่านประตูนั่นเอง ต่อจากนั้นเดินไปขึ้นรถบัส เสียค่าโดยสาร ๒ หยวน ไปลงที่หมู่บ้าน แล้วต่อรถเมล์ประจำทางจากหมู่บ้านอีก ๑๒ หยวน เหมือนกับเที่ยวที่ไปเมื่อเช้า ลงตรงข้ามทางเข้าโรงแรม ได้รับความอนุเคราะห์จากหลาน ๆ ชาวจีน ๒ คน ตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น เป็นผู้ช่วยบอกคนขับรถให้จอดตามที่อยู่โรงแรมที่ผมนำให้เขาดู เดินเข้าโรงแรมก็พลบค่ำพอดี แวะซื้อปีกไก่และหมูเสียบไม้ย่าง ๒๒ หยวน แกล้มเบียร์ที่ล๊อปบี้ ๒ ขวด ทานขนมปังที่ซื้อเมื่อเช้าอิ่มขึ้นห้องอาบน้ำ นอน สวดมนต์ หลับบบบ
วันที่ ๑๒ ก.ย.๕๙ เช้านี้ตื่นสาย เมื่อวานเดินมาก ออกไปทานก๊วยเตี้ยวใกล้ ๆ โรงแรม ๘ หยวน กลับโรงแรมซักผ้า แล้วพากันออกจากโรงแรมเดินไปขึ้นรถเมล์ สาย ๕ ต้นทาง ไปสุดปลายทางที่สถานีรถไฟจางเจียเจี้ย ค่าโดยสาร คนละ ๒ หยวนตลอดสาย เดินไปที่รีบ-ส่งสินค้า ติดต่อสอบถามวิธีการส่งรถจักรยานไปไว้ที่คุนหมิง แล้วเดินไปอีกอาหารหนึ่งซื้อตั๋วไปเมืองกุ้ยหลิน คนละ ๑๑๐.๕ หยวน (จางเจียเจี้ย – เลี่ยวโจว ๘๒ หยวน เปลี่ยนรถอีกขบวน เลี่ยวโจว – กุ้ยหลิน ๒๘.๕ หยวน) ขึ้นรถเมล์ สาย ๕ กลับโรงแรม พักผ่อน จน ๑๗.๐๐ น. เดินออกจากโรงแรมไปหาอาหารมื้อเย็นทานกัน ออกจากซอยโรงแรม ไปทางซ้ายไปจนสุดถนนแล้วเลี้ยวขวาไปอีกหน่อยพบร้านขายข้าวแบบบุฟเฟ่ย์ อิ่มละ ๑๐ หยวน หยิบชาม ตักข้าม ตักกับ ทานเองจนอิ่มแล้วจ่าย ๑๐ หยวน ๕๐ บาท มีเบียร์ขายขวดละ ๕ หยวน ๒๕ บาท บรรยากาส ณ ที่ตรงนั้น เยี่ยมมาก อาหารอร่อยถูกปาก ถูกใจมาก อิ่มแล้วเดินกลับโรงแรมพักผ่อน (มีภาพประกอบ)
“”..โพสท์ลงกระทู้ไปถึงนี้แล้ว..””
วันที่ ๑๓ ก.ย.๕๙ = ๐๗.๓๐ น. เดินออกจากโรงไปทานอาหารร้านบุฟเฟย์ ๐๘.๐๐ น. อาหารจึงพร้อมให้ตักทาน ทานดื่มเสร็จ เดินไปเที่ยวตลาดสด แล้วเดินกลับ นั่งเล่นที่ล๊อปบี้โรงแรม ใช้ WIFI โรงแรม เข้า FB ได้ ผ่านแอป VPN สิบเอ็ดโมง ขึ้นห้อง เก็บของเตรียมตัวเดินทาง ๑๒.๐๐ น. เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม นำสัมภาระทั้งหมด จักรยาน ๒ คัน อยู่ในถุงผ้า กระเป๋าจักรยาน ๔ ใบ ขึ้นแท็กซี่ ๑๕ หยวน ๗๕ บาท ไปที่หน่วยรับส่งสินค้า สถานีรถไฟจางเจียเจี้ย เราส่งจักรยานไปกับขบวนรถสินค้า เอียชัยพรส่งไปกุ้ยหลิน ผมส่งไปคุนหมิง เมืองปลายทาง เลย เพราะว่าคงไม่ได้ใช้แล้ว ก่อนส่งเจ้าหน้าที่ให้ประกอบเป็นคันก่อนด้วยเพื่อความปลอดภัยไม่โดนสิ่งของหนักอื่นทับ เสียค่าส่ง ๘๒ หยวน แล้วพากันเดินไปเข้าโซนต้อนรับผู้โดยสารก่อนถึงเวลาขบวนรถไฟออกเดินทาง จนถึงเวลา ๑๗.๒๖ น. ขบวนรถไฟเคลื่อนออกจากสถานีจางเจียเจี้ย ก่อนมืดนั่งชมวิวไม่นานก็มืด นั่งหลับ ๆ ตื่น ๆ ไปตลอดทาง
วันที่ ๑๔ ก.ย.๕๙ เวลา ๐๖.๐๐ น. ถึงเมืองเลี่ยวโจว ลงเดินไปขึ้นรถไฟอีกขบวนหนึ่ง ๐๘.๐๙ น. ถึงเมืองกุ้ยหลิน Guilinbei ที่สถานี Guilinbei north raiway station (เราไม่รู้ว่ามีสถานี กุ้ยหลิน ใต้ ซึ่งใกล้ที่พักเดินเพียง ๑๐ นาที) ลงจากรถไฟ ถ่ายภาพหน้าสถานี แล้วเดินออกไปขึ้นแท๊กซี่ประมาณ ๑๐๐ เมตร ค่าแท็กซี่ ๓๒ หยวน (ผู้หญิงขับ) ถึงโรงแรม เช็คอิน เข้าพัก ๓ คืน (๑๔-๑๖ ก.ย.) ๓๑๗ หยวน บ่ายสามโมงเรานั่งแท็กซี่ไปที่สถานีรถไฟกุ้ยหลิน เหนือ เฮียชัยพรฯ รับรถจักรยานที่ส่งมาจากจางเจียเจี้ย แล้วส่งต่อไปไว้ที่คุนหมิง เสร็จแล้วนั่งแท๊กซึ่กลับโรงแรมมือดพอดี มื้อกลางวันทานที่โรงแรม ข้าวจานละ ๒๐ หยวน ๑๐๐ บาท มื้อเย็นที่โรงแรม ๒๕ หยวน ข้าว + เบียร์ ๑ กป. พักผ่อน นอน สวดมนต์ หลับ (ช่วงกลางวัน ติดพนักงานโรงแรมให้ประสานบริษัททัวร์ ซื้อทัวร์ไปล่องเรือเที่ยวในแม่น้ำ คนละ ๓๘๐ หยวน ที่วิวสองฝั่งแม่น้ำภูเขาสวยเกือบตลอดทาง เรือวิ่ง ๔ ช.ม. ระยะทาง ๖๐ ก.ม. เช้ามีรถมารับตรงข้ามโรงแรม ไปส่งลงเรือ มีไกด์อยู่ด้วยตลอด ก่อนเที่ยงให้ข้าวกล่องมื้อกลางวัน บ่ายโมง จบทริป ขึ้นเรือที่
หยางซัว ให้เดินทางกลับเอง)
วันที่ ๑๕ ก.ย.๕๙ = ๐๘.๐๐ น. พนักงานสาวโรงแรม พาเดินไปส่งขึ้นรถบัส แวะรับลูกทั่วร์ตามรายทางไปเรื่อย ๆ จนเกือบเต็ม ๐๙.๐๐ น. ถึงท่าเรือ มีนักท่องเที่ยวมากมาย มีเรือหลายลำ คิดในใจทริปนี้ฮิตไม่น้อย ไม่ผิดหวังแน่ตรู พอเรือแล่นออกจากท่า ก็เริ่มถ่ายภาพ มองมุมไหน ๆ ก็สวยไปหมด แดดกล้าไม่สน สรวมผ้าบัฟ ใส่หมวก ใส่แว่น ยืนชมวิว ถ่ายภาพ อยู่บนดาดฟ้าเรือเกือบตลอดทาง เที่ยงกว่าลงไปที่นั่ง มีข้าวกล่องวางอยู่ ๑ กล่อง จัดการเรียบร้อย ไม่นานก็ถึงท่าเรือ จบทริป เดินขึ้นจากเรือ ตาม ๆ เขาไป นักท่องเที่ยวขึ้นมาจากเรือหลายลำ ค่อนข้างหนาแน่น ทุกเพศ ทุกวัย เดินสัก ๒๐๐ เมตร มีรถบริการรับส่งไปขึ้นรถเมล์เล็ก สีเขียว เป็นรถประจำเมืองหยางซัว Yangshuo ไปส่งที่ท่ารถบัสกลับกุ้ยหลิน ๒๕ หยวน ไกล น่าจะสักสี่ห้าสิบกิโลเมตร นั่งนาน ช่วงแรกถนนไม่ดี ไกล ๆ วิวภูเขายอดแหลมเล็กสวย มองเพลิน ถึงสถานีรถบัสกุ้ยหลิน เดินออกมาด้านหน้า ขึ้นแท็กซี่ ๑๐ หยวน ไปสถานีรถไฟ กุ้ยหลิน ใต้ ซื้อตั๋วล่วงหน้าไว้ไปคุนหมิง ในวันที่ ๑๗ ก.ย.๕๙ ได้ตั๋วแล้ว เป็นตั๋วนอนชั้นล่าง (มีชั้นกลาง และชั้นบน) โบกี้ชั้น ๒ แอร์ ในราคา ๒๗๙.๕ หยวน แล้วเดินกลับโรงแรม แวะซื้อเบียร์และเครื่องดื่ม ขึ้นไปดื่มที่ล๊อปบี้พร้อมสั่งอาหารทาน (คืนนี้นอนคนเดียว เฮียชัยพรฯ แยกขึ้นรถไฟย้อนกลับไปขึ้นกระเช้า ขึ้นสวรรค์ เทียนเหมือนชาน ที่เมืองจางเจียเจี้ย ตั้งแต่ตอบบ่าย ไม่ได้ไปทัวร์ลงเรือเที่ยวด้วย นัดไปพบและพักด้วยกันที่เมืองคุนหมิง เมื่อเฮียชัยพรฯ เที่ยวที่เมืองจางเจียเจี้ยเสร็จแล้ว ก็ขึ้นรถไฟไปคุนหมิง เข้าพักโรงแรมที่จองไว้ในคืนวันที่ ๑๗ ผมเที่ยวที่กุ้ยหลินแล้วก็ขึ้นรถไฟไปพักโรงแรมเดียวกันที่คุนหมิง ในวันที่ ๑๘)
วันที่ ๑๖ ก.ย.๕๙ = เช้ามอนิ่งวอร์ค โดยออกจากโรงแรม ๐๘.๐๐ น. เดินข้ามคลองหน้าโรงแรม แล้วเลี้ยวขวาไปบนทางเท้า ที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ตลอดทาง ทางเท้ากว้าง มีประชาชนชาวจีน ออกกำลังกายกันอยู่หลายจุด บ้างวิ่ง บ้างเดิน บ้างรำ บ้างเต้น เดินเลี้ยบถนนด้านขวา ขณะเดียวกันก็เลียบคลองด้านซ้าย ไปจนสุดคลองออกสู่แม่น้ำ เดินเลียบแม่น้ำไปหน่อยมีสถานที่ท่องเที่ยวเขาหัวช้าง ต้องซื้อบัตรผ่าน ๗๐ หยวน ไม่ได้เข้าไป เดินเล่นต่อไปเรื่อย ๆ จนเลยสะพานข้ามแม่น้ำไปหน่อย หมดเวลาไป ๑.๓๐ ชั่วโมง เดินย้อนกลับ หิว เดินเข้าไปในซอกตึก พบชาวบ้านชายเกี๊ยว คนเข้าคิวรอหลายคน เข้าไปยืนต่อแถว ได้เกี่ยวน้ำมาทาน ๑ ชาม ๔ หยวน ๒๐ บาท สิบกว่าลูก ไม่แพง อิ่มแล้วเดินกลับโรงแรม พักผ่อน บ่ายสี่โมงเย็น เดินจากโรงแรมเลียบคลองหน้าโรงแรมโดยไม่ข้ามคลองไปในทิศทางตรงข้ามกัน เขาบอกว่าเดินไปสถานีรถบัสได้ ลองเดินไปผ่านสถานีรถบัส พบร้านอาหารนับสิบร้าน แล้วเดินวนเป็นวงสี่เหลี่ยมกลับโรงแรม ซื้อเบียร์และอาหารนั่งทานที่ล๊อปบี้ อิ่มแล้ว เข้าห้อง อาบน้ำ นอน สวดมนต์ หลับ (คนเดียว จ่ายคนเดียว ไม่มีเฮียชัยพรฯ ช่วยหาร)
วันที่ ๑๗ ก.ย.๕๙ = ชักเก่งแล้วนะ เมื่อวันที่ ๑๕ ก.ย.ไปเที่ยวทัวร์เรือล่องแม่น้ำ ชมวิว คนเดียว แล้วเดินทางกลับเอง ไปซื้อตั๋วรถไฟไปคุนหมิงเอง แล้วเดินกลับโรงแรมเองคนเดียว และวันนี้ต้องเดินทางไปเมืองคุนหมิงคนเดียว ๐๙.๐๙ น. เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม หลังสะพายเป้ มือหิ้วกระเป๋าท้ายจักรยาน ๒ ใบ เดินลงบันไดสูงหลายขั้น ไปที่ป้ายรถเมล์ริมถนนเยื้องโรงแรมไปทางซ้ายประมาณ ๕๐ เมตร รถเมล์ สาย ๑๐๐ มาจอดที่ป้าย เดินขึ้นพร้อมชาวจีนหลายคน จ่าย ๒ หยวน หยอดใส่ตู้รับเงิน (ไม่มีคนเก็บค่าโดยสาร) นั่งชมผู้คนบ้านเรือนเมืองกุ้ยหลินไปพลาง ๆ เพลิน ๆ นานพอสมควร เพราะเมื่อวันก่อนไปซื้อตั๋วที่สถานีรถไฟ กุ้ยหลิน ใต้ ใกล้โรงแรม แต่ต้องไปขึ้นรถที่สถานีรถไฟ กุ้ยหลิน เหนือ ที่ลงเมื่อตอนขามาจากจางเจียเจี้ย ซึ่งไกลกว่าโรงแรมมากพอสมควร ๑๐.๐๙ น.ถึงสถานีรถไฟกุ้ยหลิน เหนือ นั่งรอเวลาอยู่ด้านนอกจน ๑๑ โมง จึงลุกชึ้นยืน มือซ้ายขวาหิ้วกระเป๋า สองเท้าก้าวเดินเข้าอาคารผู้โดยสาร เดินเข้าไปพบเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องพูด ใช้วิธีแสดงตั๋วโดยสารให้เขาดู เขาก็ชี้มือให้ไปทางนั้น เป็นห้องพักผู้โดยสารระหว่างรอเวลารถออก เดินเข้าไปนั่ง มีห้องน้ำ มีที่ขายของแบบซุปเปอร์เล็ก ๆ ซื้อบะหมี่ถ้วยกระดาษตุนไว้ ๒ ถ้วย จนเวลา ๑๒.๐๙ น. เจ้าหน้าที่เปิดประตูรั้วให้ผู้โดยสารเดินออก ชุดแรก ถือตั๋วเดินไปส่งให้เขาดู เขาโบกมือ แสดงว่ายังไม่ใช่ พอชุดแรกเดินออกไปหมดสักครู่ เจ้าหน้าที่เปิดประตูให้ชุดสองออก จวนหมดผมเดินถือตั๋วโดยสารไปให้เขาดู เขาทำท่าบอกว่าใช่ให้เดินออกไป เดินตาม ๆ ผู้โดยสารคนอื่น ๆ ไปจนถึงขบวนรถ มีเจ้าหน้าที่ยืนประจำโบกี้ทุกโบกี้ ได้ตั๋วนั่งนอนที่โบกี้หมายเลข ๐๓ เลขที่นั่งนอน ๐๑๓ หมายเลขขบวน T381 นอนเตียงล่างสุด ค่าตั๋ว ๒๗๙.๕ หยวน ๑,๔๐๐.- บาท เดินไปถึงโบกี้ ๐๓ ส่งตั๋วโดยสารให้เจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ตรงประตูโบกี้ดู เขาทำท่าบอกว่าใช้ให้เดินเข้าไป ถึงที่นั่งไม่นานขบวนรถเคลื่อนออกจากสถานีอย่างนิ่มนวลฃวนให้แทบไม่รู้สึก เมื่อเวลา ๑๒.๒๔ น. นั่งดูวิวที่เก้าอี้พับริมทางเดินติดหน้าต่างด้านขวาอยู่ช่วงหนึ่ง ประมาณบ่ายโมง ซื้อบะหมี่ถ้วยกระดาษ + ถั่ว + ชา กิน ดื่ม ๑๗ หยวน
๑๔.๒๐ น. รถไฟถึงสถานีเลี่ยวโจว ซึ่งเป็นชุมทางแยกเลี้ยวขวาไปจางเจียเจี้ย เลี้ยวซ้ายไปคุนหมิง ระหว่างทางเห็นรถไฟความเร็วสูง หัวจรวจ วิ่งสวนและแซงไปอยู่เนื่อง ๆ หลายชบวน รถไฟขบวนที่นั่งวิ่งเรียบ เงียบ เย็น ทางรถไฟไม่มีถนนรถยนต์ตัดผ่าน แต่ได้ยินเสียงเปิดแตร ทุก ๑ นาที ตลอดทาง ยังสงสัยอยู่ ทั้งด้านซ้ายและขวาห่างจากรางประมาณ ๑๕ เมตร มีรั้วหนาแน่นแข็งแรงกั้นตลอดทาง คงไม่ให้สัตว์หรือคนเดินเข้ามาขวางทาง รถจักรใช้ไฟฟ่ามีเสาพาดสายไฟฟ้าให้รถไฟใช้ตลอดทาง บริการค่อนข้างดี มีพนักงานเข็นรถคันเล็ก ๆ มาขายของ อาหาร ผลไม้ เครื่องดื่ม
๑๗.๐๐ น. ถามพนักงานบอกว่ามีโบกี้ขายอาหารที่โบกี้หมายเลข ๑๐ อยู่ที่โบกี้ ๓ ต้องเดินไปอีก ๗ โบกี้ หยุดคิดถามใจไปไหม ใจบอกไป (ครั้งหนึ่งในชีวิต ประสบการณ์นั่งดื่มเบียร์ กินข้าว ที่โบกี้ชายอาหารขบวนรถไฟจีน ระหว่างกุ้ยหลินกับคุนหมิง เดินไปถึง ได้ที่นั่ง สั่งอาหาร ชี้ไปที่คนที่กำลังกินอยู่ตรงข้ามว่าเอาอย่างนั้น ๑ จาน กับพูดบอกพนักงานว่า ผีจิ่ว แล้วยกนิ้วขึ้น ๑ นิ้ว เขาเขียนบิลแจ้งราคาและขอเก็บเงิน ๕๖ หยวน ๒๘๐.- บาท ระหว่างดื่มกิน เบียร์และข้าว ที่โบกี้ขายอาหาร นึกถึงในอดีตสมัยทำงานการรถไฟแห่งประเทศไทย ทุกปีจะขอใบเบิกทางขึ้นรถไฟฟรี ไปเที่ยวเชียงใหม่บ้าง หาดใหญ่บ้าง อุบลฯบ้าง หนองคายบ้าง พอถึงเวลาเย็น แดดร่ม ลงตก ก็ไปนั่งดื่มกินที่ตู้เสบียง เพลิดเพลิน เจริญใจ มีความสุขมาก เมื่อดื่มกินหมด อิ่มแล้วเดินกลับโบกี้ที่นอน นั่งบนเตียงนอนดูวิวทางหน้าต่างด้านซ้ายจนมืด จึงนอนพักผ่อน สวดมนต์ หลับ
วันที่ ๑๘ ก.ย.๕๙ = เมื่อคืน นอนบนโบกี้โดยสาร รถไฟจีน ๐๖.๐๐ น.ตื่น นั่งชมวิว ๐๙.๒๙ น. ถึงสถานีรถไฟคุนหมิง ลงจากโบกี้โดยสาร เดินหิ้วกระเป๋าท้ายจักรยาน ๒ ใบ สะพายเป้สัมภาระจำเป็นใบย่อม เดินออกจากสถานีรถไฟ ผู้คนมากมาย เดินไกลพอสมควร ท้ายสุดต้องเดินขึ้นบันไดอีกประมาณ ๒๐ ขั้น ไปถึงพื้นราบออกไปถึงริมถนนท่ามกลางผู้โดยสารเดินออกจากสถานีมากมาย พบเฮียชัยพร ฯ ใส่เสื้อกันลมสีเหลือง ยืนคอยอยู่อย่างง่ายดาย (เฮียชัยพรฯ ไปเที่ยวจางเจียเจี้ย ขึ้นกระเช้า ไปสวรรค์เทียนเหมือยชาน แล้วขึ้นรถไฟไปถึงเมืองคุนหมิงตั้งแต่เมื่อวานนี้ที่ ๑๗ ก.ย. ก่อนผมวันหนึ่ง วันนี้โทรศัพท์นัดแนะมารับผมหน้าสถานีรถไฟ เฮียพาเดินไปที่แผนกรับส่งสินค้า เพื่อรับจักรยานของผมที่ส่งล่วงหน้ามาหลายวันแล้ว เมื่อได้จักรยานแล้ว นั่งแท็กซี่ (๑๕ หยวน) กลับโรงแรมที่จองล่วงหน้าไว้จาก www.Booking.com เฮียฯเช็คอิน เข้าพักก่อนแล้วเมื่อวานนี้ (๑๗ ก.ย.) วันนี้จ่ายเพิ่มอีก ๓ วัน เป็นเงิน ๑๗๕ หยวน/คน ช่วงบ่ายให้พนักงานโรงแรมติดต่อบริษัททัวร์ ซื้อทัวร์ไปเที่ยวอุทยานป่าหินงาม ในราคาคนละ ๑๘๐ หยวน (ไปคนเดียว) เรียบร้อย นัด ๐๗.๐๐ – ๐๗.๓๐ น. มารับหน้าโรงแรม บ่ายพักผ่อน เย็นาเดินออกจากโรงแรมเลี้ยวขวาออกไปทางริมถนนใหญ่ ร้านสุดท้ายก่อนถึงทางเดินถนนใหญ่ มีร้านขายอาหาร ๒๔ ชั่วโมง สั่งกับและข่าว พร้อมเบียร์ มาดื่ม+กิน ๒ คนๆละ ๓๕ หยวน อิ่มแล้วกลับเข้าห้องพัก พักผ่อน นอน สวดมนต์ หลับ
๑๙ ก.ย.๕๙ = ตื่นแต่ ๐๕.๐๐ น. อาบน้ำ แต่งตัว เสร็จก่อน ๐๖.๐๐ น. ก่อน ๐๗.๐๐ น. ลงมารอบริษัททัวร์ที่ล๊อปบี้ จน ๐๘.๐๐ น. ไม่มีเจ้าหน้าที่บริษัททัวร์มารับ ให้พนักงานโรงแรมติดต่อสอบถาม ท้ายสุดได้ความว่า วันนี้ไม่มีลูกทัวร์พอที่จะพาไปเที่ยว ขอเป็นพรุ่งนี้ บอกว่าไม่เป็นไร พรุ่งนี้ไม่พร้อมที่จะไป ๑๐.๐๐ น. เราพากันขึ้นรถเมล์ไปเที่ยวทะเลสาบ “เตียนฉุย” โดยถามพนักงานโรงแรม ว่าขึ้นรถเมล์สายไหนบ้าง เดินจากโรงแรมไปไกลพอสมควร รถเมล์สาย ๑๗๑ ต้นสาย มาจอดตรงข้ามลานเอนกประสงค์ ต่อสาย ๔๔ อีกสายหนึ่ง ค่ารถแมล์สายละ ๒ หยวน ถึงทะเลสาบเตียนฉุย เข้าห้องน้ำ ซื้อเต้าหู้ทอดทาน แล้วพากันเดินเที่ยวข้างทะเลสาบ จนพอใจ แล้วเดินกลับไปที่ต้นนสายรถเมล์สาย ๔๔ ขึ้นกลับไปต่อรถ ๑๗๑ กลับถึงโรงแรม ๑๔.๓๐ น. พักผ่อน เย็นออกไปทานอาหารร้านเดิม ๒๔ ชั่วโมง คนละ ๑๙ หยวน อิ่มแล้วกลับเข้าห้องพัก ระหว่างนั้น เราคิดกันว่าถ้าจะไปเที่ยวอุทยานป่าหินงามเอง โดยเฮียชัยพรฯจะไปส่งถึงหน้าอุทยานป่าหินงาม แล้วกลับ ซึ่งการไปส่งนั้น เราจะต้องนั่งแท็กซี่ไปที่สถานีรถบัสโดยสาร แล้วนั่งรถบัสไปอีก ๑๐๐ ก.ม. แล้วเฮียเดินทางกลับ ผมเข้าไปเที่ยวคนเดียว เที่ยวเสร็จเดินทางกลับคนเดียวอีก ๑๐๐ ก.ม. ถึงสถานีรถบัสแล้วนั่งแท็กซี่ กลับโรงแรม เองคนเดียว เราซักซ้อมการเดินทางกันเรียบร้อยแล้ว เฮียเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ ผมนอนหลับตาคิดอยู่บนเตียงนอน การเนทางไปเที่ยวอุทยานป่าหินงามของผมในวันพรุ่งนี้ จะต้องเดินทางไกล และเสียค่าใช้จ่ายพอสมควร ที่เดินเที่ยวในอุทยานป่าหินงาม กว้างมากมีถึง ๓ โซน (โซนนอก กลาง ใน) เมื่อไปถึงแล้ว คงมีเวลาเที่ยวเพียง ๒ – ๓ ชั่วโมง เที่ยวได้นิดเดียว น่าจะไม่คุ้มกับเวลาและเงินที่เสียไป ไม่ไปดีกว่าไหม? ไป – ไม่ได้ – ไป – ไม่ไป ความคิดตกที่ “ไม่ไป” พอเฮียชัยพรฯ ออกมาจากห้องน้ำ บอกเฮียว่า “ผมคิดใหม่ และตกลงใจแล้วว่า “ไม่ไป” โดยให้เหตุผลไปตามที่กล่าวมาแล้ว หลังจากนั้น เราต่างโล่งอก สบายใจ นอน สวดมนต์ หลับ
๒๐ ก.ย.๕๙ = วันนี้เป็นวันเตรียมตัวกลับบ้าน หาซื้อของฝาก ตั้งแต่เช้า ฟ้าครื้ม ฝนพรำ อากาศเย็น ๒๒ อาศาซี. ๐๗.๐๐ น. ลงไปทานมื้อเช้า ร้านใกล้ ๆ โรงแรม แต่เป็นอีกร้านหนึ่ง อิ่มแล้วกลับขึ้นห้องพัก จนเกือบเที่ยงจึงหยุด ผมเดินไปตลาดคนเดียว หาซื้อของฝากกลับบ้าน ได้เป็ดย่างไฟแดง ๔ ตัว ๆ ละ ๒๕ หยวน = ๑๐๐ หยวน = ๕๐๐.- บาท ใส่กล่องอย่างดี หิ้วเดินกลับโรงแรม ก่อนถึงโรงแรมซื้อสุรา ๑ แบนเล็ก ๑๐ หยวน, กระทิงแดง ๑ กป. ๖ หยวน ขาไก่ในซอง ๒ ซอง ๑๒.๕๐ หยวน, ซื้อหอมใหญ่ ๑ ลูก และมะเขือเทศ ๒ ลูก ๓.๕๐ หยวน จากตลาดสด ขึ้นห้อง เที่ยงกว่า อากาศเย็น ฝนพรำ ตั้งวงดืมสุรา ฉลองวันสุดท้ายของทริป เฮียขอฃิมสุรานิด แล้วติดใจ ชมว่ารสเลิศ จะซื้อกลับบ้าน ๑๔.๓๐ น. อิ่ม ไม่มึน พักผ่อน
๑๗.๐๐ น. เราพากันเดินออกจากห้อง ลงไปที่ร้านอาหารหรู ใกล้โรงแรม ผมเล็งไว้แต่ตอนเดินไปตลาดสด ทำการฉลองปิดทริปที่ร้านหรูนี้ ด้วยสุรา ๑ แบบเล็ก กับกระทิงแดง ๑ กป. ข้าวสวย และกับแกล้ม ได้แก่ ปลานึ่งกระทะร้อน, ผัดผัก และไข่ตุ๋น อาหาร ๙๓ หยวน + เครื่องดื่ม ๑๖ หยวน หาร ๒ คนละ ๕๕ หยวน อิ่ม อร่อย ชื่นมื่น ขอบคุณเฮียชัยพร ฯ ที่เป็นไกด์นำเที่ยว โดยออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเองด้วย “ขอบคุณมากครับเฮีย”
๒๑ ก.ย.๕๙ = วันเดินทางกลับออกจากประเทศจีน ตื่นแต่ตีสี่ เตรียมตัวเก็บสัมภาระลงกระเป๋า ๐๖.๐๐ น. ออกไปทานมื้อเช้าที่ร้าน ๒๔ ชั่วโมง แกงจืดผักรวม ๑ ชาม และข้าวสวย ๒ ถ้วย ๑๒ หยวน สองคน ๆ ละ ๖ หยวน
๐๗.๓๐ น. ขึ้นรถแท็กซี่ที่หน้าโรงแรม ในราคาตกลงกัน ๑๐๐ หยวน ๕๐๐ บาท ในระยะทาง ๒๕ ก.ม. รถวิ่งประมาณ ๓๐ นาที รถไม่ติด แปดโมงถึงสนามบิน นั่งรอเวลาเช็คอิน ๑๐.๓๐ น. เรียบร้อย น้ำหนักที่ซื้อไว้ยังเหลิอ เดินผ่าน ต.ม.เข้าไปนั่งในห้องพักผู้โดยสารก่อนขึ้นเครื่อง ๑๒.๐๐ น. เรียกขึ้นเครื่อง ๑๒.๒๕ น. เครื่องเหินขึ้นสู่ท้องฟ้า บินปร๋อ วิ่งปรื๋อ ถึงสนามบินดอนเมืองเมื่อเวลา ๑๔.๐๐ น. ผ่านด่าน ต.ม.กลับเข้าประเทศ ในช่องพิเศษผู้สูงอายุ ไม่มีคนคอยคิว ไปที่สายพานเพื่อรับของ ได้กระเป๋า แล้วรอจักรยานตั้งนาน ไม่มากับสายพาน เฮียเดินไปห้องน้ำ มองไปเห็นวางอยู่ริมประตูทางออกไปสนามบิน ไม่ได้ใส่สายพาน จึงไปรับยกใส่รถเข็น เดินออกจากอาหารผู้โดยสาร ไปที่จุดจอดแท็กซี่ รอคิวขึ้นแท็กซี่พักหนึ่ง ค่ามอิตอร์ ๒๕๐.- บาท +คาแท็กซี่สนามบิน ๕๐.- บาท + ค่าทางด่วน ๒ ตอน ๑๒๐.- บาท รวม ๔๒๐.- บาท กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ (ใช้เงินไปทั้งหมดทั้งสิ้นประมาณ ๓ หมื่นบาท กับ ๑๖ วัน เที่ยวประเทศจีน ๔ เมืองต้องห้ามพลาด)
ปล. อีกประการหนึ่ง อาจนำมาไว้ในเวบไซด์นี้หลังจากกลับใหม่ๆแล้วก็เป็นได้ แต่วันนี้พบอีกทีจึงนำมาไว้ให้เป็นปัจจุบัน ไม่ต้องค้นหาของเก่า (บินไปเมื่่อ ๖ ก.ย.๕๙) ๖ - ๗ ปี มาแล้วแล.
..เขาว่า กันว่า “โลก” และทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไปตามธรรมชาติ ไม่มีผู้ใดพิสูจน์ทราบได้ว่า “ธรรมชาติ” เกิดขึ้นได้อย่างใด ในโลกนี้มี “คน” อยู่ในประเทศต่าง ๆ 195 ประเทศ และเขตการปกครองอยู่ในประเทศอื่น ๆ อีกด้วย มีประชากรโลกรวมประมาณ หลายพันล้านคน ตามสถิติ จากกูเกิร์ล วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ในเหล่ามวลคนทั้งหมดที่เกิดมาตามธรรมชาตินั้น ต่างเกิดมาเพราะความรัก และความใคร่ที่มีอยู่ประจำกายของทุกคนตามธรรมชาติ (ตามความคิดเห็นส่วนตัวของผมที่เคยเขียนไว้ที่นี้ http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... #p13037819 ) ซึ่งมีร่างกายและจิตใจควบคู่กันอยู่ทุกคน ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ตั้งอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วดับไป ระหว่างนั้นในส่วนของร่างกายเจริญเติบโตได้ด้วยการกินอาหาร ขับถ่ายของเสีย ออกกำลังกาย เจ็บป่วยหาหมอรักษา ส่วนจิตใจนั้นมักมีหน้าที่นำกายให้กระทำสิ่งต่าง ๆ ตามจิตใจคิดและปรารถนาอยู่ทุกเรื่องราว ทุกวันเวลา อาทิ การไปเที่ยวประเทศจีน ครั้งล่าสุดของผมครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความคิดกลายเป็นความฝัน แล้วพยายามคงความฝันนั้นไว้ขณะเดียวกันก็พยายามสานฝันให้เป็นจริง ซึ่งฝันจะเป็นจริงได้ต้องประกอบด้วย เงินเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เวลาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด สุขภาพร่างกายที่ดีก็สำคัญที่สุด ดังนั้น การจะได้ไปเที่ยวนั้นทุกคนจะต้องมี ๓ สิ่งสำคัญนั้น ถ้าไม่มีความคิดความฝัน ย่อมไม่มีการพยายามสานฝัน ไม่มีการไปถึงปลายทางฝัน คือการได้ “ไปเที่ยว” นั่นแล
ฝันค้างอยู่นานหลายปี (รอเงิน “บำเหน็จดำรงชีพ” ที่มีแววว่าจะได้จากเทวดาใน รฟท.) เดือน พ.ย.๒๕๕๙ เทวดาใน รฟท. จ่ายเงินให้ก้อนหนึ่ง (บำเหน็จดำรงชีพ http://www.drborworn.com/articledetail.asp?id=15548) ตามสิทธิ์ที่กฎหมายกำหนดให้ได้รับ ที่ต้องรอหลายปี เพราะ รฟท. ไม่มีเงินจ่าย เมื่อได้เงินก็เริ่มสานฝันอย่างจริงจังในการจะไปปั่นจักรยานเที่ยวต่างประเทศ ท้ายที่สุดตกลงใจจะไปปั่นจักรยานเที่ยวในประเทศจีน หาข้อมูลที่จำเป็นในการเดินทางต่าง ๆ อย่างขมักขะเม้น ค่อนข้างพร้อมแล้วลงหาเพื่อนร่วมเดินทางในเวบไซด์จักรยาน www.thaimtb.com นานประมาณเกือบเดือน ไม่มีใครเสนอตัวเข้ามาเป็นเพื่อนร่วมเดินทาง ... จึงเปลี่ยนใจ คิดหาวิธีการใหม่ เป็นเดินทางปั่นจักรยานท่องเที่ยวในประเทศจีนคนเดียว ก็หาข้อมูลที่จำเป็นในการเดินทางเพิ่มเติม เช่น เปิดแปลภาษาไทย – จีน ในกูเกิร์ล พบคำที่คิดว่าจำเป็นต้องใช้ทำการก๊อปปี้ไว้ในแกลอรี่, เปิดแผนที่กูเกิร์ล จากเมืองหนึ่ง-ไปอีกเมืองหนึ่ง แล้วก๊อปเส้นทางและระยะทางไว้ในแกลอรี่ เป็นต้น จนค่อนข้างจะพร้อมสรรพ จนท้ายที่สุดมาจนตรอกตรงที่ป้ายบอกทางตรงสามแยกหรือสี่แยกหรือห้าแยก ป้ายมีแต่ภาษาจีน อ่านไม่ออก ในชนบทไม่มีคนให้ถาม (วิธีถามชาวจีน ก็ด้วยการนำภาพที่ภาษาไทย-จีน ที่ก๊อปจากกูเกิร์ลไว้ในแกลอรี่ให้เขาอ่าน เช่น ไปทางไหน =展望Zhǎnwàng )
ย่อมไปต่อไม่ถูกทางที่ต้องการจะไปเป็นแน่ ... ไม่ได้การวิธีนี้ไม่ work ซะแล้ว ... ท้ายที่สุดได้ไปเพราะเปลี่ยนความคิดเป็น ชวนเพื่อนเก่าแก่ที่พูดภาษาจีนกลางได้พาไป ท่านผู้นั้นคือ เฮียชัยพรฯ อายุ ๗๔ ปี มากกว่าผม ๑ ปี ร่างกายไม่ค่อยสมบูรณ์แข็งแรงมากนัก เป็นโรคหัวใจเรื้อรังมานานนับสิบปี เขารับคำชวนพาไป เพราะเป็นเพื่อนกันมานาน ในอดีตเขาเคยขอให้ผมเป็นผู้พาไปเมืองกวางเจา ประเทศจีน เพื่อเยี่ยมญาติมาแล้วด้วย ครั้งนั้นเขาออกค่าใช้จ่ายให้ผมทั้งหมดเนื่องจากผมไม่มี เขามี ส่วนครั้งนี้เขาออกค่าใช้จ่ายเอง เนื่องจากเขาพอมี ผมไม่มี ผมบอกเฮียชัยพรฯ ว่า เราไปแบบแบ๊คแพ๊คกันนะ เขาบอกว่าเขาเดินไม่ค่อยไหว ขอเอาจักรยานพับได้ไปด้วย เพื่อช่วยการเดิน ผมก็เลยต้องเอาจักรยานไปด้วย แต่เป็นจักรยานเสือภูเขา ที่พับไม่ได้ ถอดแฮนและตะแกรงท้ายกับขาตั้งออก ใส่ลงถุงผ้าที่ทำขึ้นเอง รูดซีปปิดเรียบร้อย มีหูคล้องไหล่สะพายเดินไปได้ ในน้ำหนัก ๑๔ ก.ก.
ผมให้ลูกชายซื้อตั๋วเครื่องบิน Air Asia ค่าตั่วโปรฯตอนนั้น จากดอนเมือง – เซียงไฮ้ ประมาณ ๓,๖๐๐.- บาท/เที่ยว ต้องซื้อน้ำหนักสำหรับกระเป๋าเสื้อผ้า ๒๐ ก.ก. (๒ คน ๔ กระเป๋า ๑๘ ก.ก.) และน้ำหนักสำหรับจักรยาน ๓๐ ก.ก.(จักรยาน ๒ คัน ๒๘ ก.ก.) เบ็ดเสร็จประมาณคนละ ๕,๐๐๐.- บาท และซื้อเที่ยวกลับจากเมืองคุนหมิง-ดอนเมือง ไว้ด้วย ในราคาประมาณเท่า ๆ กับเที่ยวไป
เมื่อเงินพร้อม เวลาพร้อม กายพร้อม พาสปอร์ท+วีซ่า อนุญาตให้เข้าประเทศจีนพร้อม เพื่อนร่วมเดินทางพร้อม ตั๋วเครื่องบินพร้อม เช้าวันที่ ๖ ก.ย.๕๙ เวลา ๐๐.๑๕ น. ขึ้นเครื่องบินจากสนามบินดอนเมือง ปรื๋อ ปร๋อ ปรี๊ด เป็นเวลา ๓ ช.ม. ถลาร่อนลงสู่สนามบินเมืองเซียงไฮ้ ของประเทศจีน เมื่อเวลา ๐๖.๐๙ น.
เดินออกจากเครื่องบิน แบบผู้เฒ่า เข้างอาคารผู้โดยสาร พบบูธขายซิมการ์ดโทรศัพท์และอินเตอร์เนท แวะซื้อซิมการ์ดเฉพาะโทรศัพท์ สำหรับโทรหากันในประเทศจีน หรือโทร.ไปที่สถานฑูตหากมีเหตุจำเป็น ใช้ได้ ๓๐ วัน ซิมการ์ดละ ๑๕๐ หยวน ๗๕๐.- บาท ผู้ขายจดหมายเลขพาสปอร์ทของเราทั้งสองไว้ด้วย แล้วเดินมุ่งไปผ่านเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจีน ตรวจสอบวีซ่า ถูกต้องแล้วประทับตราวันที่เข้าในพาสปอร์ท อนุญาตให้ผ่านเข้าประเทศได้ ต่อจากนั้นเดินไปรับกระเป๋าสัมภาระและจักรยานจากสายพาน ยกขึ้นรถเข็น เดินออกไปหน้าอาคารผู้โดยสารสนามบิน ตรงจุดจอดรถเมล์เข้าเมืองเซียงไฮ้ เราประกอบรถจักรยานที่ถอดใส่ถุงมาจากประเทศไทย ขึ้นเป็นคันครบเรียบร้อย รถพับของเฮียชัยพรฯ ไม่เสียเวลามาก แต่รถเสือภูเขาของผมที่ถอดแฮนและตะแกรงท้ายกับขาตั้งเสียเวลามากกว่าจะเสร็จ แล้วนำกระเป๋าสัมภาระบรรทุกท้ายจักรยานเรียบร้อยเมื่อเวลาประมาณ ๐๘.๐๐ น. เราตกลงกันปั่นมุ่งเข้าเมือง ในระยะทางที่ดูจากแผนที่กูเกิร์ล ๔๒ ก.ม. ตั้งใจว่าจะแวะเที่ยวชมหอไข่มุกก่อน แล้วจึงจะปั่นไปเข้าพักโรงแรมที่จองไว้จาก www.Booking.com เราปั่นไปตามทิศทางที่ถามชาวจีนขณะประกอบรถแล้วเขามายืนดู จนเวลา ๐๙.๐๐ น. เริ่มหิวพอดีพบร้านอาหาร จอดรถตรงข้ามร้อนเข้าไปดูพบกับข้าวน่าทาน ชี้ ๆ มาสองสามอย่าง ทานกันอิ่มอร่อย ฉลองมื้อแรกในประเทศจีนด้วยเบียร์จีน ๑ ขวดด้วยนิ มื้อแรกที่เมืองจีน ๒ คน ๗๐ หยวน ๓๕๐.- บาท
อร่อย อิ่ม แล้วปั่นเดินทางต่อ (เสมือนจากสนามบินสุวรรณภูมิ ปั่นเข้าไปเยาวราช) ปั่นไปเรื่อย ๆ รถวิ่งทางด้านขวาของถนน ด้านขวาสุดมีช่องทางสำหรับรถเครื่องและรถจักรยานวิ่งไป-มาสวนทางกันได้ ทุกคันต่างวิ่งไปเรื่อย ๆ ไม่เร็วปรู๊ดปร๊าด คันใดเห็นมีการกีดขวางทางก็บีบแตร ผู้ที่ขวางทางก็รีบหลบ พบทางร่วม ทางแยก หยุดถามทาง โดยเฮียชัยพร ผู้รู้ภาษาจีน ฟังรู้(บางครั้งรู้ไม่หมด) อ่านออก เขียนได้ ยิ่งเข้าไปมากเท่าไร ทางร่วม ทางแยกก็มากเท่านั้น เห็นผู้มีหน้าที่ถามทางแล้วเหนื่อยแทน เกือบบ่ายสามก็ยังไม่ถึงหอไข่มุก ของเมืองเซียงไฮ้สักที เห็นท่าไม่ดี ทิ้งโรงแรมที่จองไว้ แล้วมองหาโรงแรมใหม่ ไม่มีแผนที่ ไปทางไหน อยากรู้อะไร ก็ต้องถามลูกเดียว จึงค่อนข้างยากมาก บ่ายสี่โมงกว่าจึงได้โรงแรม โดยเฮียชัยพร เข้าไปถามที่โรงแรมหนึ่ง โรงแรมนั้นไม่ห้อง พนักงานโรงแรมช่วยถามหาให้ ซึ่งอยู่ในอีกทิศทางหนึ่ง ต้องถามผู้ที่ผ่านไปมา แล้วมองหา จนพบเข้าไปติดต่อเข้าพักคืนละ ๑,๕๐๐.- บาท
เราพักที่เมืองเซียงไฮ้ ๓ คืน คือ คืนวันที่ ๖ ก.ย.๕๙ วันแรกที่ไปถึงแล้วปั่นจักรยานเข้าไปพัก รุ่งขึ้นวันที่ ๗ ก.ย.มื้อเช้าฝากท้องกับร้านสะดวกซื้อเฟรสมาช ใกล้โรงแรมที่พัก สายเดินไปประมาณ ๑.๕ ก.ม. ลงไปใต้ดิน ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน เฮียชัยพร ฯ เป็นคนนำทาง ถามทางและอ่านชื่อสถานีที่จะลง พาไปขึ้นสู่พื้นเบื้องบนใกล้กับอาคารสถานกงศุลใหญ่ไทย ณ เมืองเซียงไฮ้ ซึ่งใกล้แล้วก็ยังต้องเดินอีกประมาณ ๑.๕ ก.ม. ที่ดั้นด้นมาที่สถานกงศุลใหญ่ไทย ณ เมืองเซียงไฮ้ โดยต้องนั่งเครื่องบินไปลงที่เมืองเซ๊ยงไฮ้นั้นก็เนื่องมาจากมีความตั้งใจจะไปเยี่ยมลูกพี่เก่าสมัยทำงานอยู่ที่โรงงานมักกะสัน การรถไฟฯ ซึงติดตามลูกสาวที่ทำงานอยู่ที่สถานกงสุลใหญ่ไทย ณ เมืองเซียงไฮ้ ในตำแหน่งกงศุล (ฝ่ายการเงิน) เมื่อไปถึงแจ้งความประสงค์ขอพบกงศุล (ฝ่ายการเงิน) เจ้าหน้าที่บอกว่า ไม่อยู่ ไปราชการนอกสถานที่ บอกขอที่อยู่ของลูกพี่เก่าก็ไม่ให้ บอกเป็นสถานที่หวงห้าม ไม่ให้คนภายนอกเข้า เมื่อทราบดังนั้น จึงเดินออกจากสถานกงสุลไทย ย้อนกลับทางเดิมไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินไปลงสถานีหอไข่มุก ลงจากรถไฟฟ้าใต้ดินเดินขึ้นไปข้างบน แล้วเดินไปอีกประมาณ ๑๐๐ เมตร ก็ถึงหอไข่มุกตั้งตระหง่ายสูงเสียดฟ้าอยู่ตรงหน้า ปรากฏว่าฟ้าฝนไม่เป็นใจมืดครื้ม ฝนตกเป็นละอองฟองฝอย ถ่ายภาพห่าง ๆ แล้วเดินไปที่ฐานหอ ถามราคาค่าขึ้นหอไปชมวิวแล้วราคาสูงพอสมควร ระดับแรกร้อยกว่าหยวน ระดับสูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่งราคาแพงกว่าเป็นสองร้อยกว่าหยวน คิดคำนวนจากสภาพอากาศแล้ว ขึ้นไปเสียเงินแล้วก็มองไม่เห็นวิวทิวทัศน์เพราะท้องฟ้าหลัวมัวซัวเช่นนั้น จึงไม่ขึ้น นั่งพักอยู่ที่พักนักท่องเที่ยวอยู่พักหนึ่ง แล้วเดินทางกลับโรงแรมที่พักด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน พักผ่อน ก็หมดวัน ค่ารถไฟฟ้าใต้ดินไม่แพง ภายในโบกี้โดยสารกว้าง ขบวนยาว วิ่งเร็ว (ฮ่า ฮ้า ดีใจเหมือนได้แก้ว วันนี้ได้เห็นและถ่ายภาพกับหอไขมุก ณ เมืองเซียงไฮ้)
(ภาพหอไข่มุก)
วันที่ ๘ ก.ย.๕๙ มื้อเช้าฝากท้องกับร้านสะดวกซื้อ สายหน่อยเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีเดิม (สถานีสนามกีฬา Sport ๆ น่ะแหละ เพราะอยู่ใกล้สนามกีฬา ที่เราต้องเดินผ่าน) ไปซื้อตั๋วและไปดูสภาพสถานีรถไฟ ที่เราจะต้องเดินทางจากเมืองเซียงไฮ้ ไปเมืองจางเจียเจีย ในวันรุ่งขึ้นที่ ๙ ก.ย.๕๙ โดยเราไปที่สถานีรถไฟ Changhai Station ก่อน เข้าไปซื้อตั๋วไปเมืองจางเจียเจี้ย ในราคาคนละ ๑๙๐ หยวน (หยานละ ๕.- บาท) ได้ทราบจากเจ้าหน้าที่ขายตั๋วว่าต้องไปขึ้นรถไฟไปจางเจียเจี้ย ที่อีกสถานีหนึ่ง ชื่อ Changhai South Railway Station เมื่อซื้อตั๋วได้แล้ว เราพากันขึ้นรถไฟฟ้าไปดูสถานีที่จะนั่งแท๊กซี่จากโรงแรมไปขึ้นรถไฟไปเมืองจางเจียเจี้ยในวันรุ่งขึ้น (๙ ก.ย.๕๙) จนทราบแน่ชัดเรียบร้อยแล้วจึงเดินทางกลับที่พักด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินนั่นแล
วันที่ ๙ ก.ย.๕๙ เช้าไปทานอาหารที่ร้านสะดวกซื้อเฟรชมาร์ท บะหมี่ถ้วยกระดาษ ถ้วยละ ๕ หยวน ๒๕ บาท อิ่มแล้วยืนดูประชาชนชาวจีนสัญจรไปมาด้วยพาหนะต่าง ๆ แถวนั้นไม่หนาแน่นนักทั้งผู้คนและยวดยาน จนเวลา ๑๑.๐๐ น. เช็คเอ้าท์ ออกจากโรงแรม ขนสัมภาระถุงจักรยานและกระเป๋าท้ายจักรยาน ๒ ลูก เป้สะพายหลังอีก ๑ ใบ ออกไปริมถนน ๑๒.๑๒ น. ขึ้นแท็กซี่ออกจากหน้าโรงแรม ๑๒.๔๕ น. นั่งแท็กซี่ประมาณ ๓๐ นาที เปิดมิเตอร์ ๖๔ หยวน (มิเตอร์เริ่มที่ ๙ หยวนๆละ ๕.- บาท) ถึงสถานีรถไฟ Shanghai South Railway Station ลงจากแท็กซี่ที่หน้าอาหารสถานีชั้นบน มีชาวจีนน่าจะเป็นพนักงานสถานีรถไฟทำหน้าที่ควบคุมรถดูดฝุ่น ช่วยโทรเรียกพนักงานเข็นรถรับส่งสัมภาระมาให้ ๑ คัน บรรทุกสัมภาระของเราอันมีรถจักรยาน ๒ คัน กระเป๋า ๔ ใบ เข้าไปนั่งรอข้างในอาคารที่พักผู้โดยสาร โดยให้จ่ายเงินค่าบริหาร ๑๐๐ หยวน เป็นเงินไทย ๕๐๐ บาท แล้วบอกว่าใกล้ ๆ เวลารถออกจะมารับของแล้วพาไปส่งที่โบกี้โดยสารของขบวนที่เราจะไปเมืองจางเจียเจี้ย (ตอนจ่ายเงิน ก่อนที่เขาบอกว่าจะมารับไปส่งฯ เราคิดว่าแพงนะเข็นแค่นี้ แต่ที่จริงแล้วเข็นแค่นั้น เราก็หนักเหนื่อยแย่ ยิ่งเมื่อเขาบอกจะมารับของไปส่งที่ขบวนรถอีก เราจึงคิดว่า ไม่แพง เพราะกว่าจะถึงขบวนรถไกลพอสมควร เรานั่งรอจน ๑๖.๐๐ น. พนักงานเข็นรถก็นำรถมาขนสัมภาระทั้งหมดของเราเดินนำไปเข้าลี๊ฟ ลงไปที่ชานชลาที่ขบวนรถจอดอยู่ เข็นต่อไปส่งที่โบกี้โดยสารตามตั๋วที่เราได้ที่นั่ง รถไฟจีน รางกว้าง ๑.๒๐ เมตร โบกี้โดยสารกว้าง ตั้งเก้าอี้นั่งได้สองด้าน ด้านหนึ่งมี ๒ ที่นั่ง ตรงกลางทางเดิน ด้านขวาที่นั่ง ๓ ที่นั่ง โบกี้ติดแอร์ ที่นั่งแคบกว่าที่นั่งชั้น ๒ แอร์ ของเรา นั่งไม่สบายเท่าที่ควร ใกล้รถไฟออกเจ้าหน้าที่ประจำโบกี้มาบอกให้เรานำถุงรถจักรยานขึ้นไปวางตรงหัวต่อขบวน เราถูกมัดยึดตรึงแน่นเรียบร้อยเข้าไปนั่งประจำที่ของตัวเอง เวลา ๑๖.๔๙ น. รถไฟเคลื่อนขบวนออกจากสถานี อย่างนิ่มนวล ไม่กระตุกกระชาก ภายในโบกี้โดยสารเต็มอยู่ด้วยประชาชนคนจีน คุยกันอยู่ทั่วไป ช่วงยังไม่มืดดูวิวเพลิน พอมืดชักไม่เพลิน พอดึกชักง่วง ไม่ได้หลับเต็มที่ ก็ทนนั่ง ๆ ไปเรื่อย ๆ รถหยุดครั้งละนาน ๆ ทั้งรอหลีก เนื่องจากทางบางช่วงเป็นทางรางเดี่ยว และบางครั้งก็หยุดรอให้รถที่มาจากด้านหลังวิ่งไปก่อน นั่งอยู่อย่างนั้น
จนเช้า วันที่ ๑๐ ก.ย. จนสาย จนบ่าย จนเย็น ๑๗.๐๐ น. รวมเวลา ๒๔ ชั่วโมง น่าจะพันกว่ากิโลเมตร จึงถึงสถานีจางเจียเจี้ย ขนสัมภาระลงจากรถ เฮียประกอบรถเสร็จภายในเวลาไม่กี่นาที บรรทุกกระเป๋า ๔ ใบ สะพายเป้ เข็นออกไปริมถนนหน้าสถานี (ผมสะพายเป้ด้านหลัง ไหล่สะพายถุงจักรยาน ๑๔ ก.ก.) เดินตามเฮียชัยพรฯ หนักพอสมควร) เรียกรถแท็กซี่เปิดมิเตอร์ไปส่งโรงแรมที่จองไว้จาก www.Booking.com ชื่อ Qixi Hostel ๑๒ หยวน ขอเป็น ๑๕ หยวน ๗๕.- บาท นับว่าถูก สมราคากับระยะทางที่วิ่งประมาณ ๑๐ นาที เช็คอินเข้าพัก ๓ คืน (๑๐-๑๒/๙/๕๙) ๒๘๐ หยวน หาร ๒ คนละ ๑๔๐ หยวน ๗๐๐.- บาท ตกคืนละ ๒๓๓.- บาท จักรยานเก็บในห้องเก็บของหลังเคาเตอร์ล๊อปบี้ ห้องพักอยู่ชั้นสอง ห้องแอร์ สบายพอสมควรกับราคา มีข้าวและเบียร์กับน้ำอัดลมขายให้ทานดื่มด้วย หนุ่ม ๆ สาว ๆ เป็นเจ้าของและพนักงานบริการดีมาก ถ้าไปก็จะไปพักอีก เดินทางสะดวก มีรถเมล์ประจำทาง จากหน้าสถานี วิ่งเป็นวงกลม หมดระยะที่ในซอยใกล้ ๆ โรงแรมที่พักด้วย ในราคาตลอดสาย ๒ หยวน ใกล้ ๆ มีร้านอาหารหลายร้าน รวมถึงร้านข้าวบุ๊ฟเฟ่ย์ มื้อละ ๑๐ หยวน ๕๐ บาท หยิบชาม ตักข้าว ตักกับ ทานจนอิ่มได้เต็มที่ ค่อยจ่าย ๑๐ หยวน มีเบียร์ขายด้วยขวดละ ๕ หยวน ชอบมากร้านนี้ ได้ไปทาน ๒ มื้อ เย็นกับเช้า (แสดงภาพถ่าย)
วันที่ ๑๑ ก.ย.๕๙ เช้าทานก๊วยเตี๋ยว ร้านแผงลอยใกล้โรงแรม ๘ หยวน ๔๐ บาท ในชามประกอบด้วยเส้นกลม ๆ น้ำปรุงรส และเครื่องปรุง ไม่มีเนื้อหมูหมากาไก่ไรหรอก พอถึงเวลา ๐๘.๐๐ น. พนักงานสาวของโรงแรมพาเราไปขึ้นรถเมล์ประจำทาง วันนี้ผมมีแผนเดินทางไปเที่ยว จางเจียเจี้ย ปาร์ค คนเดียว เฮียชัยพรฯ ขึ้นรถเมล์ไปส่งถึงสุดสายรถเมล์สายแรก ที่เสียค่าโดยสารคนละ ๑๒ หยวน แล้วกลับโรงแรม ระหว่างนั่งอยู่บนรถเมล์ พบเด็กหนุ่มชาวจีน ๒ คน คนหนึ่งอยู่ฮ่องกง อีกคนหนึ่งอยู่กวางเจา มาเที่ยวด้วยกัน เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย เฮียชัยพรฯ คุยและฝากให้ผมไปเที่ยวกับเขา เรา ๓ คน พูดภาษาอังกฤษกันพอได้ ผมบอกเขาว่าขอไปเที่ยวด้วยตลอดวัน ไปไหน ไปด้วย ตลอดวันจนถึงป้ายลงจากรถเพื่อเดินกลับโรงแรม เขาดูแลอย่างดี ดุจญาติผู้ใหญ่ ขอบพระคุณพระเจ้าทุกพระองค์ของศาสนาพุทธที่ข้าฯนับถือ กรุณาส่งเทวดาสององค์มาพาข้าเที่ยวอย่างสะดวก ไม้งั้นคงเงอะงะไปไหนไม่ถูกแน่ ลงจากรถเมล์สายแรก ๑๒ หยวนที่หมู่บ้านแล้ว ต้องต่อรถเมล์อีกสายหนึ่ง ๒ หยวน จากหมู่บ้าน ไปหน้าประตูทางเข้า National forest park ซื้อบัตรผ่านเข้าเที่ยว คนละ ๒๔๖ หยวน แล้วเดินไปขึ้นรถบัสไปลงที่ขึ้นกระเช้า ซื้อบัตรขึ้นกระเช้า ๔๓ หยวน วิวสวย ภูเขาที่เห็น เป็นเหมือนภูเขาถูกผ่าครึ่ง โผล่โด่เด่อยู่ ยอดเขามีต้นไม้ขึ้นเขียวชอุ่มพุ่มไสว อยู่ทุกยอดเขา ลงจากกระเช้า มีรถบัสรับไปเที่ยวจุดต่าง ๆ ฟรี ขึ้นแล้วลง ลงแล้วขึ้นได้ตลอดวัน จุดสุดท้ายของวันที่ได้ไปท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวมากมาย ได้ยินเสียงคนไทยพูดกันด้วย เป็นจุดที่เดินเที่ยวเป็นวงกลม มีราวกั้นที่มีกุญใจใจพร้อมเศษผ้าสีแดงผูกอยู่มากมายและมีร้านขายกุญแจให้ซื้อไปคล้องที่ราวด้วย ไม่ได้ถามว่าราคาเท่าใด ประมาณ ๑๖.๐๐ น. เข้าแถวรอรถเดินทางออกจากสวนกลับที่พัก นักท่องเที่ยวที่จัดนี้มากพอสมควร แต่รอไม่นานรถก็วิ่งเวียนมารับวิ่งไปยาวไกลในทางแคบ ๆ บนภูเขาสูงเคี้ยวคดลดเลี้ยวเฉียดฉิวกับรถที่สวนทางมาบางช่วงโค้งแคบหวาดเสียวบ้างเล็กน้อย จนถึงที่ตั้งลีฟแก้วที่จะพาเราลงจากยอดเขาสูง ซื้อบัตรคนละ ๗๒ หยวน เดินไปเข้าแถวเข้าลีฟแก้ว ไม่นานก็ได้เข้าลีฟ โชคดีได้ยืนอยู่ติดกระจกของลีฟไม่มีใครบัง สายตามองออกไปข้างหน้าตรง ๆ พบภาพภูเขาผ่าซึกสวยงาม เป็นภาพแบบซีเนราม่าเลยทีเดียว ตื่นตาตื่นใจมาก ไม่กล้ามองลงเบื้องล่างที่สูงลิบลิ่ว ลีฟเลื่อนลงไม่กี่นาทีก็ถึงพื้น ออกจากลีฟเดินออกมาที่ลานกว้างมองไปข้างหน้าพบภาพวาดภูเขาสวยอีกชุดหนึ่ง จนอดที่จะถ่ายภาพไว้ไม่ได้ นักท่องเที่ยวตรงนี้เยอะมาก เข้าแถวรอขึ้นรถกลับออกจากสวน โชคดี เข้าแถวนอกสุด ไม่นานก็ได้ขึ้นรถบัสใหญ่ขับไปตามทางแคบ ๆ อีกช่วงหนึ่งนานพอสมควร จอดให้ลงตรงใกลกับเก๋งจีนที่เมื่อเช้าเดินผ่านเข้าไปซื้อบัตรผ่านประตูนั่นเอง ต่อจากนั้นเดินไปขึ้นรถบัส เสียค่าโดยสาร ๒ หยวน ไปลงที่หมู่บ้าน แล้วต่อรถเมล์ประจำทางจากหมู่บ้านอีก ๑๒ หยวน เหมือนกับเที่ยวที่ไปเมื่อเช้า ลงตรงข้ามทางเข้าโรงแรม ได้รับความอนุเคราะห์จากหลาน ๆ ชาวจีน ๒ คน ตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น เป็นผู้ช่วยบอกคนขับรถให้จอดตามที่อยู่โรงแรมที่ผมนำให้เขาดู เดินเข้าโรงแรมก็พลบค่ำพอดี แวะซื้อปีกไก่และหมูเสียบไม้ย่าง ๒๒ หยวน แกล้มเบียร์ที่ล๊อปบี้ ๒ ขวด ทานขนมปังที่ซื้อเมื่อเช้าอิ่มขึ้นห้องอาบน้ำ นอน สวดมนต์ หลับบบบ
วันที่ ๑๒ ก.ย.๕๙ เช้านี้ตื่นสาย เมื่อวานเดินมาก ออกไปทานก๊วยเตี้ยวใกล้ ๆ โรงแรม ๘ หยวน กลับโรงแรมซักผ้า แล้วพากันออกจากโรงแรมเดินไปขึ้นรถเมล์ สาย ๕ ต้นทาง ไปสุดปลายทางที่สถานีรถไฟจางเจียเจี้ย ค่าโดยสาร คนละ ๒ หยวนตลอดสาย เดินไปที่รีบ-ส่งสินค้า ติดต่อสอบถามวิธีการส่งรถจักรยานไปไว้ที่คุนหมิง แล้วเดินไปอีกอาหารหนึ่งซื้อตั๋วไปเมืองกุ้ยหลิน คนละ ๑๑๐.๕ หยวน (จางเจียเจี้ย – เลี่ยวโจว ๘๒ หยวน เปลี่ยนรถอีกขบวน เลี่ยวโจว – กุ้ยหลิน ๒๘.๕ หยวน) ขึ้นรถเมล์ สาย ๕ กลับโรงแรม พักผ่อน จน ๑๗.๐๐ น. เดินออกจากโรงแรมไปหาอาหารมื้อเย็นทานกัน ออกจากซอยโรงแรม ไปทางซ้ายไปจนสุดถนนแล้วเลี้ยวขวาไปอีกหน่อยพบร้านขายข้าวแบบบุฟเฟ่ย์ อิ่มละ ๑๐ หยวน หยิบชาม ตักข้าม ตักกับ ทานเองจนอิ่มแล้วจ่าย ๑๐ หยวน ๕๐ บาท มีเบียร์ขายขวดละ ๕ หยวน ๒๕ บาท บรรยากาส ณ ที่ตรงนั้น เยี่ยมมาก อาหารอร่อยถูกปาก ถูกใจมาก อิ่มแล้วเดินกลับโรงแรมพักผ่อน (มีภาพประกอบ)
“”..โพสท์ลงกระทู้ไปถึงนี้แล้ว..””
วันที่ ๑๓ ก.ย.๕๙ = ๐๗.๓๐ น. เดินออกจากโรงไปทานอาหารร้านบุฟเฟย์ ๐๘.๐๐ น. อาหารจึงพร้อมให้ตักทาน ทานดื่มเสร็จ เดินไปเที่ยวตลาดสด แล้วเดินกลับ นั่งเล่นที่ล๊อปบี้โรงแรม ใช้ WIFI โรงแรม เข้า FB ได้ ผ่านแอป VPN สิบเอ็ดโมง ขึ้นห้อง เก็บของเตรียมตัวเดินทาง ๑๒.๐๐ น. เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม นำสัมภาระทั้งหมด จักรยาน ๒ คัน อยู่ในถุงผ้า กระเป๋าจักรยาน ๔ ใบ ขึ้นแท็กซี่ ๑๕ หยวน ๗๕ บาท ไปที่หน่วยรับส่งสินค้า สถานีรถไฟจางเจียเจี้ย เราส่งจักรยานไปกับขบวนรถสินค้า เอียชัยพรส่งไปกุ้ยหลิน ผมส่งไปคุนหมิง เมืองปลายทาง เลย เพราะว่าคงไม่ได้ใช้แล้ว ก่อนส่งเจ้าหน้าที่ให้ประกอบเป็นคันก่อนด้วยเพื่อความปลอดภัยไม่โดนสิ่งของหนักอื่นทับ เสียค่าส่ง ๘๒ หยวน แล้วพากันเดินไปเข้าโซนต้อนรับผู้โดยสารก่อนถึงเวลาขบวนรถไฟออกเดินทาง จนถึงเวลา ๑๗.๒๖ น. ขบวนรถไฟเคลื่อนออกจากสถานีจางเจียเจี้ย ก่อนมืดนั่งชมวิวไม่นานก็มืด นั่งหลับ ๆ ตื่น ๆ ไปตลอดทาง
วันที่ ๑๔ ก.ย.๕๙ เวลา ๐๖.๐๐ น. ถึงเมืองเลี่ยวโจว ลงเดินไปขึ้นรถไฟอีกขบวนหนึ่ง ๐๘.๐๙ น. ถึงเมืองกุ้ยหลิน Guilinbei ที่สถานี Guilinbei north raiway station (เราไม่รู้ว่ามีสถานี กุ้ยหลิน ใต้ ซึ่งใกล้ที่พักเดินเพียง ๑๐ นาที) ลงจากรถไฟ ถ่ายภาพหน้าสถานี แล้วเดินออกไปขึ้นแท๊กซี่ประมาณ ๑๐๐ เมตร ค่าแท็กซี่ ๓๒ หยวน (ผู้หญิงขับ) ถึงโรงแรม เช็คอิน เข้าพัก ๓ คืน (๑๔-๑๖ ก.ย.) ๓๑๗ หยวน บ่ายสามโมงเรานั่งแท็กซี่ไปที่สถานีรถไฟกุ้ยหลิน เหนือ เฮียชัยพรฯ รับรถจักรยานที่ส่งมาจากจางเจียเจี้ย แล้วส่งต่อไปไว้ที่คุนหมิง เสร็จแล้วนั่งแท๊กซึ่กลับโรงแรมมือดพอดี มื้อกลางวันทานที่โรงแรม ข้าวจานละ ๒๐ หยวน ๑๐๐ บาท มื้อเย็นที่โรงแรม ๒๕ หยวน ข้าว + เบียร์ ๑ กป. พักผ่อน นอน สวดมนต์ หลับ (ช่วงกลางวัน ติดพนักงานโรงแรมให้ประสานบริษัททัวร์ ซื้อทัวร์ไปล่องเรือเที่ยวในแม่น้ำ คนละ ๓๘๐ หยวน ที่วิวสองฝั่งแม่น้ำภูเขาสวยเกือบตลอดทาง เรือวิ่ง ๔ ช.ม. ระยะทาง ๖๐ ก.ม. เช้ามีรถมารับตรงข้ามโรงแรม ไปส่งลงเรือ มีไกด์อยู่ด้วยตลอด ก่อนเที่ยงให้ข้าวกล่องมื้อกลางวัน บ่ายโมง จบทริป ขึ้นเรือที่
หยางซัว ให้เดินทางกลับเอง)
วันที่ ๑๕ ก.ย.๕๙ = ๐๘.๐๐ น. พนักงานสาวโรงแรม พาเดินไปส่งขึ้นรถบัส แวะรับลูกทั่วร์ตามรายทางไปเรื่อย ๆ จนเกือบเต็ม ๐๙.๐๐ น. ถึงท่าเรือ มีนักท่องเที่ยวมากมาย มีเรือหลายลำ คิดในใจทริปนี้ฮิตไม่น้อย ไม่ผิดหวังแน่ตรู พอเรือแล่นออกจากท่า ก็เริ่มถ่ายภาพ มองมุมไหน ๆ ก็สวยไปหมด แดดกล้าไม่สน สรวมผ้าบัฟ ใส่หมวก ใส่แว่น ยืนชมวิว ถ่ายภาพ อยู่บนดาดฟ้าเรือเกือบตลอดทาง เที่ยงกว่าลงไปที่นั่ง มีข้าวกล่องวางอยู่ ๑ กล่อง จัดการเรียบร้อย ไม่นานก็ถึงท่าเรือ จบทริป เดินขึ้นจากเรือ ตาม ๆ เขาไป นักท่องเที่ยวขึ้นมาจากเรือหลายลำ ค่อนข้างหนาแน่น ทุกเพศ ทุกวัย เดินสัก ๒๐๐ เมตร มีรถบริการรับส่งไปขึ้นรถเมล์เล็ก สีเขียว เป็นรถประจำเมืองหยางซัว Yangshuo ไปส่งที่ท่ารถบัสกลับกุ้ยหลิน ๒๕ หยวน ไกล น่าจะสักสี่ห้าสิบกิโลเมตร นั่งนาน ช่วงแรกถนนไม่ดี ไกล ๆ วิวภูเขายอดแหลมเล็กสวย มองเพลิน ถึงสถานีรถบัสกุ้ยหลิน เดินออกมาด้านหน้า ขึ้นแท็กซี่ ๑๐ หยวน ไปสถานีรถไฟ กุ้ยหลิน ใต้ ซื้อตั๋วล่วงหน้าไว้ไปคุนหมิง ในวันที่ ๑๗ ก.ย.๕๙ ได้ตั๋วแล้ว เป็นตั๋วนอนชั้นล่าง (มีชั้นกลาง และชั้นบน) โบกี้ชั้น ๒ แอร์ ในราคา ๒๗๙.๕ หยวน แล้วเดินกลับโรงแรม แวะซื้อเบียร์และเครื่องดื่ม ขึ้นไปดื่มที่ล๊อปบี้พร้อมสั่งอาหารทาน (คืนนี้นอนคนเดียว เฮียชัยพรฯ แยกขึ้นรถไฟย้อนกลับไปขึ้นกระเช้า ขึ้นสวรรค์ เทียนเหมือนชาน ที่เมืองจางเจียเจี้ย ตั้งแต่ตอบบ่าย ไม่ได้ไปทัวร์ลงเรือเที่ยวด้วย นัดไปพบและพักด้วยกันที่เมืองคุนหมิง เมื่อเฮียชัยพรฯ เที่ยวที่เมืองจางเจียเจี้ยเสร็จแล้ว ก็ขึ้นรถไฟไปคุนหมิง เข้าพักโรงแรมที่จองไว้ในคืนวันที่ ๑๗ ผมเที่ยวที่กุ้ยหลินแล้วก็ขึ้นรถไฟไปพักโรงแรมเดียวกันที่คุนหมิง ในวันที่ ๑๘)
วันที่ ๑๖ ก.ย.๕๙ = เช้ามอนิ่งวอร์ค โดยออกจากโรงแรม ๐๘.๐๐ น. เดินข้ามคลองหน้าโรงแรม แล้วเลี้ยวขวาไปบนทางเท้า ที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ตลอดทาง ทางเท้ากว้าง มีประชาชนชาวจีน ออกกำลังกายกันอยู่หลายจุด บ้างวิ่ง บ้างเดิน บ้างรำ บ้างเต้น เดินเลี้ยบถนนด้านขวา ขณะเดียวกันก็เลียบคลองด้านซ้าย ไปจนสุดคลองออกสู่แม่น้ำ เดินเลียบแม่น้ำไปหน่อยมีสถานที่ท่องเที่ยวเขาหัวช้าง ต้องซื้อบัตรผ่าน ๗๐ หยวน ไม่ได้เข้าไป เดินเล่นต่อไปเรื่อย ๆ จนเลยสะพานข้ามแม่น้ำไปหน่อย หมดเวลาไป ๑.๓๐ ชั่วโมง เดินย้อนกลับ หิว เดินเข้าไปในซอกตึก พบชาวบ้านชายเกี๊ยว คนเข้าคิวรอหลายคน เข้าไปยืนต่อแถว ได้เกี่ยวน้ำมาทาน ๑ ชาม ๔ หยวน ๒๐ บาท สิบกว่าลูก ไม่แพง อิ่มแล้วเดินกลับโรงแรม พักผ่อน บ่ายสี่โมงเย็น เดินจากโรงแรมเลียบคลองหน้าโรงแรมโดยไม่ข้ามคลองไปในทิศทางตรงข้ามกัน เขาบอกว่าเดินไปสถานีรถบัสได้ ลองเดินไปผ่านสถานีรถบัส พบร้านอาหารนับสิบร้าน แล้วเดินวนเป็นวงสี่เหลี่ยมกลับโรงแรม ซื้อเบียร์และอาหารนั่งทานที่ล๊อปบี้ อิ่มแล้ว เข้าห้อง อาบน้ำ นอน สวดมนต์ หลับ (คนเดียว จ่ายคนเดียว ไม่มีเฮียชัยพรฯ ช่วยหาร)
วันที่ ๑๗ ก.ย.๕๙ = ชักเก่งแล้วนะ เมื่อวันที่ ๑๕ ก.ย.ไปเที่ยวทัวร์เรือล่องแม่น้ำ ชมวิว คนเดียว แล้วเดินทางกลับเอง ไปซื้อตั๋วรถไฟไปคุนหมิงเอง แล้วเดินกลับโรงแรมเองคนเดียว และวันนี้ต้องเดินทางไปเมืองคุนหมิงคนเดียว ๐๙.๐๙ น. เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม หลังสะพายเป้ มือหิ้วกระเป๋าท้ายจักรยาน ๒ ใบ เดินลงบันไดสูงหลายขั้น ไปที่ป้ายรถเมล์ริมถนนเยื้องโรงแรมไปทางซ้ายประมาณ ๕๐ เมตร รถเมล์ สาย ๑๐๐ มาจอดที่ป้าย เดินขึ้นพร้อมชาวจีนหลายคน จ่าย ๒ หยวน หยอดใส่ตู้รับเงิน (ไม่มีคนเก็บค่าโดยสาร) นั่งชมผู้คนบ้านเรือนเมืองกุ้ยหลินไปพลาง ๆ เพลิน ๆ นานพอสมควร เพราะเมื่อวันก่อนไปซื้อตั๋วที่สถานีรถไฟ กุ้ยหลิน ใต้ ใกล้โรงแรม แต่ต้องไปขึ้นรถที่สถานีรถไฟ กุ้ยหลิน เหนือ ที่ลงเมื่อตอนขามาจากจางเจียเจี้ย ซึ่งไกลกว่าโรงแรมมากพอสมควร ๑๐.๐๙ น.ถึงสถานีรถไฟกุ้ยหลิน เหนือ นั่งรอเวลาอยู่ด้านนอกจน ๑๑ โมง จึงลุกชึ้นยืน มือซ้ายขวาหิ้วกระเป๋า สองเท้าก้าวเดินเข้าอาคารผู้โดยสาร เดินเข้าไปพบเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องพูด ใช้วิธีแสดงตั๋วโดยสารให้เขาดู เขาก็ชี้มือให้ไปทางนั้น เป็นห้องพักผู้โดยสารระหว่างรอเวลารถออก เดินเข้าไปนั่ง มีห้องน้ำ มีที่ขายของแบบซุปเปอร์เล็ก ๆ ซื้อบะหมี่ถ้วยกระดาษตุนไว้ ๒ ถ้วย จนเวลา ๑๒.๐๙ น. เจ้าหน้าที่เปิดประตูรั้วให้ผู้โดยสารเดินออก ชุดแรก ถือตั๋วเดินไปส่งให้เขาดู เขาโบกมือ แสดงว่ายังไม่ใช่ พอชุดแรกเดินออกไปหมดสักครู่ เจ้าหน้าที่เปิดประตูให้ชุดสองออก จวนหมดผมเดินถือตั๋วโดยสารไปให้เขาดู เขาทำท่าบอกว่าใช่ให้เดินออกไป เดินตาม ๆ ผู้โดยสารคนอื่น ๆ ไปจนถึงขบวนรถ มีเจ้าหน้าที่ยืนประจำโบกี้ทุกโบกี้ ได้ตั๋วนั่งนอนที่โบกี้หมายเลข ๐๓ เลขที่นั่งนอน ๐๑๓ หมายเลขขบวน T381 นอนเตียงล่างสุด ค่าตั๋ว ๒๗๙.๕ หยวน ๑,๔๐๐.- บาท เดินไปถึงโบกี้ ๐๓ ส่งตั๋วโดยสารให้เจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ตรงประตูโบกี้ดู เขาทำท่าบอกว่าใช้ให้เดินเข้าไป ถึงที่นั่งไม่นานขบวนรถเคลื่อนออกจากสถานีอย่างนิ่มนวลฃวนให้แทบไม่รู้สึก เมื่อเวลา ๑๒.๒๔ น. นั่งดูวิวที่เก้าอี้พับริมทางเดินติดหน้าต่างด้านขวาอยู่ช่วงหนึ่ง ประมาณบ่ายโมง ซื้อบะหมี่ถ้วยกระดาษ + ถั่ว + ชา กิน ดื่ม ๑๗ หยวน
๑๔.๒๐ น. รถไฟถึงสถานีเลี่ยวโจว ซึ่งเป็นชุมทางแยกเลี้ยวขวาไปจางเจียเจี้ย เลี้ยวซ้ายไปคุนหมิง ระหว่างทางเห็นรถไฟความเร็วสูง หัวจรวจ วิ่งสวนและแซงไปอยู่เนื่อง ๆ หลายชบวน รถไฟขบวนที่นั่งวิ่งเรียบ เงียบ เย็น ทางรถไฟไม่มีถนนรถยนต์ตัดผ่าน แต่ได้ยินเสียงเปิดแตร ทุก ๑ นาที ตลอดทาง ยังสงสัยอยู่ ทั้งด้านซ้ายและขวาห่างจากรางประมาณ ๑๕ เมตร มีรั้วหนาแน่นแข็งแรงกั้นตลอดทาง คงไม่ให้สัตว์หรือคนเดินเข้ามาขวางทาง รถจักรใช้ไฟฟ่ามีเสาพาดสายไฟฟ้าให้รถไฟใช้ตลอดทาง บริการค่อนข้างดี มีพนักงานเข็นรถคันเล็ก ๆ มาขายของ อาหาร ผลไม้ เครื่องดื่ม
๑๗.๐๐ น. ถามพนักงานบอกว่ามีโบกี้ขายอาหารที่โบกี้หมายเลข ๑๐ อยู่ที่โบกี้ ๓ ต้องเดินไปอีก ๗ โบกี้ หยุดคิดถามใจไปไหม ใจบอกไป (ครั้งหนึ่งในชีวิต ประสบการณ์นั่งดื่มเบียร์ กินข้าว ที่โบกี้ชายอาหารขบวนรถไฟจีน ระหว่างกุ้ยหลินกับคุนหมิง เดินไปถึง ได้ที่นั่ง สั่งอาหาร ชี้ไปที่คนที่กำลังกินอยู่ตรงข้ามว่าเอาอย่างนั้น ๑ จาน กับพูดบอกพนักงานว่า ผีจิ่ว แล้วยกนิ้วขึ้น ๑ นิ้ว เขาเขียนบิลแจ้งราคาและขอเก็บเงิน ๕๖ หยวน ๒๘๐.- บาท ระหว่างดื่มกิน เบียร์และข้าว ที่โบกี้ขายอาหาร นึกถึงในอดีตสมัยทำงานการรถไฟแห่งประเทศไทย ทุกปีจะขอใบเบิกทางขึ้นรถไฟฟรี ไปเที่ยวเชียงใหม่บ้าง หาดใหญ่บ้าง อุบลฯบ้าง หนองคายบ้าง พอถึงเวลาเย็น แดดร่ม ลงตก ก็ไปนั่งดื่มกินที่ตู้เสบียง เพลิดเพลิน เจริญใจ มีความสุขมาก เมื่อดื่มกินหมด อิ่มแล้วเดินกลับโบกี้ที่นอน นั่งบนเตียงนอนดูวิวทางหน้าต่างด้านซ้ายจนมืด จึงนอนพักผ่อน สวดมนต์ หลับ
วันที่ ๑๘ ก.ย.๕๙ = เมื่อคืน นอนบนโบกี้โดยสาร รถไฟจีน ๐๖.๐๐ น.ตื่น นั่งชมวิว ๐๙.๒๙ น. ถึงสถานีรถไฟคุนหมิง ลงจากโบกี้โดยสาร เดินหิ้วกระเป๋าท้ายจักรยาน ๒ ใบ สะพายเป้สัมภาระจำเป็นใบย่อม เดินออกจากสถานีรถไฟ ผู้คนมากมาย เดินไกลพอสมควร ท้ายสุดต้องเดินขึ้นบันไดอีกประมาณ ๒๐ ขั้น ไปถึงพื้นราบออกไปถึงริมถนนท่ามกลางผู้โดยสารเดินออกจากสถานีมากมาย พบเฮียชัยพร ฯ ใส่เสื้อกันลมสีเหลือง ยืนคอยอยู่อย่างง่ายดาย (เฮียชัยพรฯ ไปเที่ยวจางเจียเจี้ย ขึ้นกระเช้า ไปสวรรค์เทียนเหมือยชาน แล้วขึ้นรถไฟไปถึงเมืองคุนหมิงตั้งแต่เมื่อวานนี้ที่ ๑๗ ก.ย. ก่อนผมวันหนึ่ง วันนี้โทรศัพท์นัดแนะมารับผมหน้าสถานีรถไฟ เฮียพาเดินไปที่แผนกรับส่งสินค้า เพื่อรับจักรยานของผมที่ส่งล่วงหน้ามาหลายวันแล้ว เมื่อได้จักรยานแล้ว นั่งแท็กซี่ (๑๕ หยวน) กลับโรงแรมที่จองล่วงหน้าไว้จาก www.Booking.com เฮียฯเช็คอิน เข้าพักก่อนแล้วเมื่อวานนี้ (๑๗ ก.ย.) วันนี้จ่ายเพิ่มอีก ๓ วัน เป็นเงิน ๑๗๕ หยวน/คน ช่วงบ่ายให้พนักงานโรงแรมติดต่อบริษัททัวร์ ซื้อทัวร์ไปเที่ยวอุทยานป่าหินงาม ในราคาคนละ ๑๘๐ หยวน (ไปคนเดียว) เรียบร้อย นัด ๐๗.๐๐ – ๐๗.๓๐ น. มารับหน้าโรงแรม บ่ายพักผ่อน เย็นาเดินออกจากโรงแรมเลี้ยวขวาออกไปทางริมถนนใหญ่ ร้านสุดท้ายก่อนถึงทางเดินถนนใหญ่ มีร้านขายอาหาร ๒๔ ชั่วโมง สั่งกับและข่าว พร้อมเบียร์ มาดื่ม+กิน ๒ คนๆละ ๓๕ หยวน อิ่มแล้วกลับเข้าห้องพัก พักผ่อน นอน สวดมนต์ หลับ
๑๙ ก.ย.๕๙ = ตื่นแต่ ๐๕.๐๐ น. อาบน้ำ แต่งตัว เสร็จก่อน ๐๖.๐๐ น. ก่อน ๐๗.๐๐ น. ลงมารอบริษัททัวร์ที่ล๊อปบี้ จน ๐๘.๐๐ น. ไม่มีเจ้าหน้าที่บริษัททัวร์มารับ ให้พนักงานโรงแรมติดต่อสอบถาม ท้ายสุดได้ความว่า วันนี้ไม่มีลูกทัวร์พอที่จะพาไปเที่ยว ขอเป็นพรุ่งนี้ บอกว่าไม่เป็นไร พรุ่งนี้ไม่พร้อมที่จะไป ๑๐.๐๐ น. เราพากันขึ้นรถเมล์ไปเที่ยวทะเลสาบ “เตียนฉุย” โดยถามพนักงานโรงแรม ว่าขึ้นรถเมล์สายไหนบ้าง เดินจากโรงแรมไปไกลพอสมควร รถเมล์สาย ๑๗๑ ต้นสาย มาจอดตรงข้ามลานเอนกประสงค์ ต่อสาย ๔๔ อีกสายหนึ่ง ค่ารถแมล์สายละ ๒ หยวน ถึงทะเลสาบเตียนฉุย เข้าห้องน้ำ ซื้อเต้าหู้ทอดทาน แล้วพากันเดินเที่ยวข้างทะเลสาบ จนพอใจ แล้วเดินกลับไปที่ต้นนสายรถเมล์สาย ๔๔ ขึ้นกลับไปต่อรถ ๑๗๑ กลับถึงโรงแรม ๑๔.๓๐ น. พักผ่อน เย็นออกไปทานอาหารร้านเดิม ๒๔ ชั่วโมง คนละ ๑๙ หยวน อิ่มแล้วกลับเข้าห้องพัก ระหว่างนั้น เราคิดกันว่าถ้าจะไปเที่ยวอุทยานป่าหินงามเอง โดยเฮียชัยพรฯจะไปส่งถึงหน้าอุทยานป่าหินงาม แล้วกลับ ซึ่งการไปส่งนั้น เราจะต้องนั่งแท็กซี่ไปที่สถานีรถบัสโดยสาร แล้วนั่งรถบัสไปอีก ๑๐๐ ก.ม. แล้วเฮียเดินทางกลับ ผมเข้าไปเที่ยวคนเดียว เที่ยวเสร็จเดินทางกลับคนเดียวอีก ๑๐๐ ก.ม. ถึงสถานีรถบัสแล้วนั่งแท็กซี่ กลับโรงแรม เองคนเดียว เราซักซ้อมการเดินทางกันเรียบร้อยแล้ว เฮียเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ ผมนอนหลับตาคิดอยู่บนเตียงนอน การเนทางไปเที่ยวอุทยานป่าหินงามของผมในวันพรุ่งนี้ จะต้องเดินทางไกล และเสียค่าใช้จ่ายพอสมควร ที่เดินเที่ยวในอุทยานป่าหินงาม กว้างมากมีถึง ๓ โซน (โซนนอก กลาง ใน) เมื่อไปถึงแล้ว คงมีเวลาเที่ยวเพียง ๒ – ๓ ชั่วโมง เที่ยวได้นิดเดียว น่าจะไม่คุ้มกับเวลาและเงินที่เสียไป ไม่ไปดีกว่าไหม? ไป – ไม่ได้ – ไป – ไม่ไป ความคิดตกที่ “ไม่ไป” พอเฮียชัยพรฯ ออกมาจากห้องน้ำ บอกเฮียว่า “ผมคิดใหม่ และตกลงใจแล้วว่า “ไม่ไป” โดยให้เหตุผลไปตามที่กล่าวมาแล้ว หลังจากนั้น เราต่างโล่งอก สบายใจ นอน สวดมนต์ หลับ
๒๐ ก.ย.๕๙ = วันนี้เป็นวันเตรียมตัวกลับบ้าน หาซื้อของฝาก ตั้งแต่เช้า ฟ้าครื้ม ฝนพรำ อากาศเย็น ๒๒ อาศาซี. ๐๗.๐๐ น. ลงไปทานมื้อเช้า ร้านใกล้ ๆ โรงแรม แต่เป็นอีกร้านหนึ่ง อิ่มแล้วกลับขึ้นห้องพัก จนเกือบเที่ยงจึงหยุด ผมเดินไปตลาดคนเดียว หาซื้อของฝากกลับบ้าน ได้เป็ดย่างไฟแดง ๔ ตัว ๆ ละ ๒๕ หยวน = ๑๐๐ หยวน = ๕๐๐.- บาท ใส่กล่องอย่างดี หิ้วเดินกลับโรงแรม ก่อนถึงโรงแรมซื้อสุรา ๑ แบนเล็ก ๑๐ หยวน, กระทิงแดง ๑ กป. ๖ หยวน ขาไก่ในซอง ๒ ซอง ๑๒.๕๐ หยวน, ซื้อหอมใหญ่ ๑ ลูก และมะเขือเทศ ๒ ลูก ๓.๕๐ หยวน จากตลาดสด ขึ้นห้อง เที่ยงกว่า อากาศเย็น ฝนพรำ ตั้งวงดืมสุรา ฉลองวันสุดท้ายของทริป เฮียขอฃิมสุรานิด แล้วติดใจ ชมว่ารสเลิศ จะซื้อกลับบ้าน ๑๔.๓๐ น. อิ่ม ไม่มึน พักผ่อน
๑๗.๐๐ น. เราพากันเดินออกจากห้อง ลงไปที่ร้านอาหารหรู ใกล้โรงแรม ผมเล็งไว้แต่ตอนเดินไปตลาดสด ทำการฉลองปิดทริปที่ร้านหรูนี้ ด้วยสุรา ๑ แบบเล็ก กับกระทิงแดง ๑ กป. ข้าวสวย และกับแกล้ม ได้แก่ ปลานึ่งกระทะร้อน, ผัดผัก และไข่ตุ๋น อาหาร ๙๓ หยวน + เครื่องดื่ม ๑๖ หยวน หาร ๒ คนละ ๕๕ หยวน อิ่ม อร่อย ชื่นมื่น ขอบคุณเฮียชัยพร ฯ ที่เป็นไกด์นำเที่ยว โดยออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเองด้วย “ขอบคุณมากครับเฮีย”
๒๑ ก.ย.๕๙ = วันเดินทางกลับออกจากประเทศจีน ตื่นแต่ตีสี่ เตรียมตัวเก็บสัมภาระลงกระเป๋า ๐๖.๐๐ น. ออกไปทานมื้อเช้าที่ร้าน ๒๔ ชั่วโมง แกงจืดผักรวม ๑ ชาม และข้าวสวย ๒ ถ้วย ๑๒ หยวน สองคน ๆ ละ ๖ หยวน
๐๗.๓๐ น. ขึ้นรถแท็กซี่ที่หน้าโรงแรม ในราคาตกลงกัน ๑๐๐ หยวน ๕๐๐ บาท ในระยะทาง ๒๕ ก.ม. รถวิ่งประมาณ ๓๐ นาที รถไม่ติด แปดโมงถึงสนามบิน นั่งรอเวลาเช็คอิน ๑๐.๓๐ น. เรียบร้อย น้ำหนักที่ซื้อไว้ยังเหลิอ เดินผ่าน ต.ม.เข้าไปนั่งในห้องพักผู้โดยสารก่อนขึ้นเครื่อง ๑๒.๐๐ น. เรียกขึ้นเครื่อง ๑๒.๒๕ น. เครื่องเหินขึ้นสู่ท้องฟ้า บินปร๋อ วิ่งปรื๋อ ถึงสนามบินดอนเมืองเมื่อเวลา ๑๔.๐๐ น. ผ่านด่าน ต.ม.กลับเข้าประเทศ ในช่องพิเศษผู้สูงอายุ ไม่มีคนคอยคิว ไปที่สายพานเพื่อรับของ ได้กระเป๋า แล้วรอจักรยานตั้งนาน ไม่มากับสายพาน เฮียเดินไปห้องน้ำ มองไปเห็นวางอยู่ริมประตูทางออกไปสนามบิน ไม่ได้ใส่สายพาน จึงไปรับยกใส่รถเข็น เดินออกจากอาหารผู้โดยสาร ไปที่จุดจอดแท็กซี่ รอคิวขึ้นแท็กซี่พักหนึ่ง ค่ามอิตอร์ ๒๕๐.- บาท +คาแท็กซี่สนามบิน ๕๐.- บาท + ค่าทางด่วน ๒ ตอน ๑๒๐.- บาท รวม ๔๒๐.- บาท กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ (ใช้เงินไปทั้งหมดทั้งสิ้นประมาณ ๓ หมื่นบาท กับ ๑๖ วัน เที่ยวประเทศจีน ๔ เมืองต้องห้ามพลาด)
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4429
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: *.."ลุงเนตรคุย" - "เชิญ..คุยกับลุงเนตร".."..(บันทึกเพื่อความทรงจำ).."..*
สวัสดีแฟน ๆ ท่านพี่ที่เคารพ ใน fb.ของท่านพี่ได้นำเสนอเรื่องราวการเปลี่ยนแปลง ก็ขอแอบนำมาฝากแฟน ๆ ท่านพี่ดังนี้ครับ
เนตร สงวนสัตย์ รู้สึกมีความสุข 2 วัน ·
".."เสือเหลือง"
..เตรียมเข้าประจำการเป็นพาหนะคู่กายต่อไปในอนาคต
..จนกว่าจะเดี้ยงกันไปข้างหนึ่งในทริปหน้า
..ได้มาอย่างไร?
..โพสท์หน้าจะให้ทราบโดยละเอียดครับ.."
มีความเคลื่อนไหวเด่น ๆ จะไปจิ๊กมาฝากนะครับ ติดตามไปเรื่อย ๆ ครับ
เนตร สงวนสัตย์ รู้สึกมีความสุข 2 วัน ·
".."เสือเหลือง"
..เตรียมเข้าประจำการเป็นพาหนะคู่กายต่อไปในอนาคต
..จนกว่าจะเดี้ยงกันไปข้างหนึ่งในทริปหน้า
..ได้มาอย่างไร?
..โพสท์หน้าจะให้ทราบโดยละเอียดครับ.."
มีความเคลื่อนไหวเด่น ๆ จะไปจิ๊กมาฝากนะครับ ติดตามไปเรื่อย ๆ ครับ
- ไฟล์แนบ
-
- 458173121_8324037280987638_1155517883089354961_n.jpg (35.82 KiB) เข้าดูแล้ว 318 ครั้ง
-
- 457805999_8324038287654204_5173642740081719127_n.jpg (111.05 KiB) เข้าดูแล้ว 318 ครั้ง
-
- 457734625_8324039210987445_8398278592279693956_n.jpg (125.79 KiB) เข้าดูแล้ว 318 ครั้ง
-
- 457807695_8324038800987486_5412641421432332784_n.jpg (39.24 KiB) เข้าดูแล้ว 318 ครั้ง
-
- 457854810_8324038664320833_5249950858743990485_n.jpg (80.87 KiB) เข้าดูแล้ว 318 ครั้ง
-
- 457854883_8324039670987399_3080668533439090154_n.jpg (129.83 KiB) เข้าดูแล้ว 318 ครั้ง
-
- 457888920_8324039797654053_7168706268159246954_n.jpg (128.6 KiB) เข้าดูแล้ว 318 ครั้ง
-
- 458075292_8324039504320749_2401379908051139333_n.jpg (84.48 KiB) เข้าดูแล้ว 318 ครั้ง
-
- 458076201_8324039994320700_3449577334483306474_n.jpg (119.48 KiB) เข้าดูแล้ว 318 ครั้ง
-
- 458162172_8324039104320789_7618964120946556410_n.jpg (122.16 KiB) เข้าดูแล้ว 318 ครั้ง
-
- 458214137_8324038950987471_2943257196001181783_n.jpg (126.7 KiB) เข้าดูแล้ว 318 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- ลุงเนตร
- ขาประจำ
- โพสต์: 19861
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
- Tel: 0898133936
- team: อิสระ
- Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
- ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
- ติดต่อ:
Re: *.."ลุงเนตรคุย" - "เชิญ..คุยกับลุงเนตร".."..(บันทึกเพื่อความทรงจำ).."..*
"..สวัสดีครับ เช้านี้ จันทร์ ๒๓ ก.ย.๖๗ เวลา ๐๗.๒๙ น. โอกาสดีได้สเข้ามาในกระทู้นี้ เนื่องจากมีความประสงค์จะนำสรุปทริปล่าสุด "พาแม่บ้านและน้องสาวไปเที่ยว อ.เบตง ยะลา เพื่อบันทึกไว้กันลืม และที่นี่ค้นหาไม่ยาก ตามรายละเอียดใน URL นี้ครับ...
https://www.facebook.com/permalink.php? ... 1443459620
https://www.facebook.com/permalink.php? ... 1443459620
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
- ลุงเนตร
- ขาประจำ
- โพสต์: 19861
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
- Tel: 0898133936
- team: อิสระ
- Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
- ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
- ติดต่อ:
Re: *.."ลุงเนตรคุย" - "เชิญ..คุยกับลุงเนตร".."..(บันทึกเพื่อความทรงจำ).."..*
ลุงเนตร เขียน: ↑23 ก.ย. 2024, 07:28 "..สวัสดีครับ เช้านี้ จันทร์ ๒๓ ก.ย.๖๗ เวลา ๐๗.๒๙ น. โอกาสดีได้สเข้ามาในกระทู้นี้ เนื่องจากมีความประสงค์จะนำสรุปทริปล่าสุด "พาแม่บ้านและน้องสาวไปเที่ยว อ.เบตง ยะลา เพื่อบันทึกไว้กันลืม และที่นี่ค้นหาไม่ยาก ตามรายละเอียดใน URL นี้ครับ...
https://www.facebook.com/permalink.php? ... 1443459620
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*