หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ทางเท้า ไม่ใช่ทางรถยนต์หรือแมงกะไซ

โพสต์: 01 มี.ค. 2012, 09:08
โดย น้าเป็ด...
รูปภาพ
รูปภาพ

จากกรุงเทพธุรกิจ
๑ มีนาคม ๒๕๕๕

Re: ทางเท้า ไม่ใช่ทางรถยนต์หรือแมงกะไซ

โพสต์: 01 มี.ค. 2012, 17:05
โดย สันติภาพ เเว่นเเก้ว
ต้องไปไล่รัฐบาลออกครับน๊าเป็ด :mrgreen: ยุให้คนไทยฟุ้มเฟือยนโยบายรถยนต์คันเเรก :x เเจกเเทปเรต :shock: (อันนี้ไม่เกี่ยวอารมส่วนตัวล้วนๆ :lol: )ทั้งๆที่รู้ว่าท้องถนนมีพื้นที่เท่าเดิม ยิ่งเพิ่มรถยิ่งติด อนาคตคงยากที่จะมีเลนจักรยานจริงๆจังๆ ถ้าเราไม่ได้นายกเป็นนักปั่นจักรยานครับ :lol: :lol: :lol:
Edit>BlueSushi...พรุ่งนี้ขอลบนะครับ :mrgreen:

เห็นด้วยอยู่คำหนึ่ง "เดี่ยวนี้คนหมู่มากเป็นผู้ชนะครับ" นับวันวัฒนธรรมยิ่งถอยหลัง กฎหมายไม่ได้ช่วยอะไรให้มันดีขึ้นเลย :( :(

ปัจจัยที่ทำให้จักรยานในเมืองไทยเติบโตช้ ... ร์ได้ครับ)
1. อากาศ เมืองไทยเป็นเมืองร้อน ไม่ใช่เมืองหนาวเหมือนดังสถิติของเมืองที่ใช้จักรยานเยอะๆ
2. พื้นที่ เส้นทาง รวมถึงกฎหมายไม่ได้เอื้ออำนวยให้ความสะดวกมากพอ
3. สภาพเศรษฐกิจเเละฐานะคนไทยส่วนใหญ่เป็นชาวหาเช้ากินคำ ไม่รู้คนอื่นเป็นไหม เเต่ผมเป็นคนหนึ่งที่พยายามปั่นจักรยานไปทำงาน เเต่พบกับคำถามที่น่าหงุดหงิดว่า "ปั่นทำไมจักรยาน ทำไมไม่ขี่มอไซด์ละ" ไอ้ผมก็อยากตอบมันเหลือเกินว่า "เรื่องของ.." ได้เเต่ยิ้ม พูดไรไม่ออก :mrgreen:
4. ผมว่าคนอีกมากที่อยากจะขี่จักรยาน ผมวัดจากอะไรนะหรือครับ ผมดูจากการที่คนมองผมปั่น เข้ามาดูรถ เข้ามาสอบถาม เเต่คนเหล่านี้ผมมองว่าเขาไม่รู้จะเริ่มยังไง จะลงทุนกับจักรยานสักคันดีไหม เเล้วมันจะคุ้มไหมเเทนที่จะซื้อรถจักรยานยนต์เเทน ผมบอกได้คำเดียวว่าคุ้ม ลองเเล้วคุณจะรู้!!!
สุดท้ายเลยครับ คนเรานี้หละ จิตสำนึกเริ่มน้อย เอาสบายเย็นๆ ไม่ดำไม่ร้อนไว้ก่อน(ช๊านอยากจะขาว อยากหน้าเกาหลีอย่างเดียว :lol: )

สุดท้ายอยากจะบอกว่า ใครทำ ใครได้ครับ การปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพเหมือนการทำบุญ ถ้าเจ้าไม่ทำ ใครหน๋อจะช่วยเจ้า :lol:


ปล.บางความเห็นอาจดูรุนเเรงขออภัย :mrgreen:

Re: ทางเท้า ไม่ใช่ทางรถยนต์หรือแมงกะไซ

โพสต์: 01 มี.ค. 2012, 17:34
โดย βlue$ushi™
เพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้เขียน...ดร.สรณรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ เลขาธิการมูลนิธิโลกสีเขียว
http://www.greenworld.or.th/about

รูปภาพ

Re: ทางเท้า ไม่ใช่ทางรถยนต์หรือแมงกะไซ

โพสต์: 01 มี.ค. 2012, 20:23
โดย น้าเป็ด...
ผมมองอย่างนี้นะ เดาเดาเอาแบบชาวบ้านไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจอะไรเลยว่า อีก ๑๐ ปีข้างหน้า กรุงเทพจะเป็นเมืองจักรยาน เพราะว่า


๑ ประกอบไปด้วยคนหาเช้ากินค่ำ และคนชั้นกลาง กว่าครึ่งซึ่งหนีไม่ออกกับสภาพเศรษฐกิจที่จะต้องเจอน้ำมันราคาสองลิตรร้อย อันนี้แน่แน่
๒ ทุกอย่างจะแพงหมด เพราะน้ำมันเป็นต้นทุนที่เลี่ยงไม่ได้

แค่สองอย่างนี้ ผมว่าไม่นานเกินรอ ทุกคนจะได้เห็น กรุงเทพเป็นเมืองจักรยาน ครับ รัฐบาลมองเห็นปัญหานี้จึงรีบสร้างรถไฟฟ้ามาให้ใช้
คนมีรถจะขับรถยนต์กันน้อยวันลง คนใช้รถไฟฟ้ามากขึ้นแทน ใช้รถสาธารณะแทนแต่ถึงอย่างไร พื้นที่ที่ไม่มีรถไฟฟ้า ต้องใช้จักรยานกันมากขึ้นแน่ครับ

ปู๊นปู๊น

Re: ทางเท้า ไม่ใช่ทางรถยนต์หรือแมงกะไซ

โพสต์: 02 มี.ค. 2012, 01:07
โดย amaroqe
เราอาจจะคิดว่า คนใช้จักรยานเป็นพาหนะประจำวันนั้น มีแค่ไม่เท่าไร เพราะดูจากคนที่เล่นเวบนี้
แต่จริงๆแล้ว เรามองข้ามกลุ่มคนที่ใช้จักรยานอย่างจริงๆจังๆ บางคนสะสมไมล์มากกว่าพวดเราเสียอีก
คือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เช่น ยาม ภารโรง คนกวาดขยะ อาจเพราะรถของเขาราคาถูก และไม่ได้เล่นเวบ จึงถูกมองข้ามไป

Re: ทางเท้า ไม่ใช่ทางรถยนต์หรือแมงกะไซ

โพสต์: 02 มี.ค. 2012, 09:04
โดย สันติภาพ เเว่นเเก้ว
amaroqe เขียน:เราอาจจะคิดว่า คนใช้จักรยานเป็นพาหนะประจำวันนั้น มีแค่ไม่เท่าไร เพราะดูจากคนที่เล่นเวบนี้
แต่จริงๆแล้ว เรามองข้ามกลุ่มคนที่ใช้จักรยานอย่างจริงๆจังๆ บางคนสะสมไมล์มากกว่าพวดเราเสียอีก
คือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เช่น ยาม ภารโรง คนกวาดขยะ อาจเพราะรถของเขาราคาถูก และไม่ได้เล่นเวบ จึงถูกมองข้ามไป
อันนี้จริงอย่างเเรงครับ เคยคิดเหมือนกันว่าคนกลุ่มนี้มีจักรยานอยู่เเล้ว จะทำยังไงให้พาคนกลุ่มนี้ออกมาปั่นจริงๆจังๆได้มั่ง เเต่คิดเเล้วคงอยาก :|

Re: ทางเท้า ไม่ใช่ทางรถยนต์หรือแมงกะไซ

โพสต์: 02 มี.ค. 2012, 17:48
โดย amaroqe
ผมหมายถึง คนกลุ่มนี้เขาใช้จักรยานจริงจังและมีคนมากกว่าคนในเวบนี้นะครับ แต่เขาไม่เคยเรียกร้องสิทธิ์ในการใช้ถนน

Re: ทางเท้า ไม่ใช่ทางรถยนต์หรือแมงกะไซ

โพสต์: 09 มี.ค. 2012, 23:49
โดย nuanchan
คนทั่วไป ที่ใช้จักรยาน ในชีวิตประจำวัน ไม่ได้ปั่นนัดเจอหรือออกทริป ยังมีอยุ่เยอะครับ

แต่ก้โดนเอาเปรียบจากรถใหญ่ได้อยุ่ตลอด เหลือเพียงแค่คน มีอำนาจ ที่จะทำให้การปั่นจักรยานเป็นการปั่นที่ปลอดภัยมากขึ้น และช่วยลดทรัพยากรได้หลายๆด้าน

Re: ทางเท้า ไม่ใช่ทางรถยนต์หรือแมงกะไซ

โพสต์: 12 มี.ค. 2012, 10:24
โดย ravinjun
น้าเป็ด... เขียน:ผมมองอย่างนี้นะ เดาเดาเอาแบบชาวบ้านไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจอะไรเลยว่า อีก ๑๐ ปีข้างหน้า กรุงเทพจะเป็นเมืองจักรยาน เพราะว่า


๑ ประกอบไปด้วยคนหาเช้ากินค่ำ และคนชั้นกลาง กว่าครึ่งซึ่งหนีไม่ออกกับสภาพเศรษฐกิจที่จะต้องเจอน้ำมันราคาสองลิตรร้อย อันนี้แน่แน่
๒ ทุกอย่างจะแพงหมด เพราะน้ำมันเป็นต้นทุนที่เลี่ยงไม่ได้

แค่สองอย่างนี้ ผมว่าไม่นานเกินรอ ทุกคนจะได้เห็น กรุงเทพเป็นเมืองจักรยาน ครับ รัฐบาลมองเห็นปัญหานี้จึงรีบสร้างรถไฟฟ้ามาให้ใช้
คนมีรถจะขับรถยนต์กันน้อยวันลง คนใช้รถไฟฟ้ามากขึ้นแทน ใช้รถสาธารณะแทนแต่ถึงอย่างไร พื้นที่ที่ไม่มีรถไฟฟ้า ต้องใช้จักรยานกันมากขึ้นแน่ครับ

ปู๊นปู๊น
เห็นด้วยกับน้าเป็ดครับ โดยเฉพาะประเด็นน้ำมันแพง ... แต่ผมห่วงอยู่อย่างเดียวว่า จักรยานก็จะแพงขึ้นจนคนหาเช้ากินค่ำซื้อไม่ไหว เพราะหมู่นี้มีแต่ร้านจักรยานหรูๆแพงๆเปิดใหม่เพิ่มขึ้น แต่ไม่เห็นมีร้านขายจักรยานคนจนเปิดเพิ่มเลย นอกจากที่มีขายตามห้างซุปเปอร์สโตร์ ซึ่งคุณภาพไม่สมราคา

เราไม่ควรไปร่วมแสดงความยินดีเวลาร้านจักรยานแพงๆเปิดใหม่ ปล่อยให้เขาเสียค่าจ้างพรีเซ็นเตอร์เองดีกว่า แต่ควรไปร่วมแสดงความยินดีเวลามีร้านจักรยานคนจนหรือร้านซ่อมจักรยานชุมชนเปิดใหม่ ที่เป็นลักษณะเศรษฐกิจพอเพียงครับ

จุน :geek:

Re: ทางเท้า ไม่ใช่ทางรถยนต์หรือแมงกะไซ

โพสต์: 12 มี.ค. 2012, 11:34
โดย สันติภาพ เเว่นเเก้ว
^
ผมชอบที่จะมีร้านจักรยานเปิดเยอะๆ ไปไหนก็มีเหมือนเซเวนอีเลเวนยิ่งดีทุกปากซอย ดีกว่าที่จะมีซุ้มยาดองอยู่หน้าปากซอยครับ :lol:
ขออธิบายเพิ่มนิดนะครับ การที่ร้านเปิดเยอะมากขึ้นนั้นหมายความว่าราคาของต้องถูกลงตามไปด้วยเนื่องด้วยการเเข่งขันสูงขึ้น ไม่ได้ผูดขาดอยู่ที่เจ้าใดจ้าวหนึ่ง เช่นโปรโมชั่น ช่วงลดราคา กิจกรรม อื่นๆมากมายที่ร้านพวกนี้จะต้องมีเพื่อเรียกลูกค้า ตัวอย่างง่ายๆครับ โทรศัพท์มือถือที่เมื่อก่อนนี้สัก 10 ปีที่เเล้วจะมีสัก 1 ใน 5 คนจะมีสักเครื่อง ร้านเซอวิสก็น้อย ยิ่งราคาไม่ต้องพูดถึงเเพงมาก ลองหันมาดูตอนนี้สิครับคนเริ่มเห็นความสำคัญขอมือถือที่สะดวกในการติดต่อ ร้านดูเเลมากขึ้น ราคาถูกมากมาย ค่าเฉลี่ยต่อหัวมีกันเเทบทุกคน เเล้วลองมองภาพในอนาคตว่าหากคนคิดว่าจักรยานจำเป็นจริงๆเเล้วละก็ จักรยานมันต้องถูกลงอย่างเเน่นอนครับ ถ้าถามผมว่าทำไมผมถึงมันใจนัก ผมมีอีกตัวอย่างหนึ่งในเรื่องราคาจักรยานคือผมเคยขี่รถกึ่งฟิกเกอร์อยู่คันหนึ่ง เมื่อประมาณ 2 ปีที่เเล้วฟิกเกียร์หลายคนยังคงไม่คุ้นหูซึ่งมันมาบูมช่วงปี 54 ที่คนใช้เยอะมากเด็กในซอยปั่นกันเกลื่อนถนน เนื่องด้วยเมื่อก่อนมันเป็นรถที่สวยเนื่องจากรูปทรง สีสัน เเละที่สำคัญมันเเพงเเละไม่ค่อยมีร้านขายอะไหล่พูดง่ายๆว่าหายากมาก คันหนึ่งจึงเริ่มไม่ต่ำกว่าหมื่นบาทเเล้วดูตอนนี้สิครับ 4000 ก็ซื้อได้เเล้วในสเปคที่เรียกว่าใกล้เคียงกับราคาหมื่นเมื่อสองปีที่เเล้ว ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้จะทำยังไงให้คนเริ่มมองเห็นถึงความสำคัญของจักรยานเหมือนที่เขาเห็นความสำคัญของมือถือ โดยอย่าไปมุ่งไปมองว่าทำไมเดี๋ยวนี้จักยานมันถึงเเพงมากนัก ผมว่าจักรยานยี่ปุ่น รถพับญี่ปุ่น ก็สภาพดี ราคาไม่เเพง สามารถใช้งานได้ดี ราคาเอาง่ายๆเลยครับ เท่ามือถือเเต่ซื้อเเล้วคุ้ม ราคาไม่ตก ปั่นจักรยานไปทำงานสักเดือนก็คืนทุนเเล้ว เเล้วที่ว่าเเพงคนจนซื้อไม่ได้ผมว่าไม่จริง เเล้วทำไมมอไซด์ถึงซื้อกันได้ละจริงไหมคร๊าบ