พรีวิว บันไดวัตต์ PowerTap P1 Pedal Base Power Meter
โพสต์: 23 มี.ค. 2016, 18:13
PowerTap P1
พาวเวอร์มิเตอร์ กลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักปั่นที่ต้องการพัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบไปแล้ว เมื่อการแยกแยะโซนการออกแรงด้วยระบบฮาร์ทเรทไม่สามารถระบุช่วงของการออกแรงได้อย่างแม่นยำเพียงพอ และมีปัจจัยแวดล้อมที่เข้ามาส่งผลได้มากมาย ดังนั้น "วัตต์" คือคำตอบที่ชัดเจนที่สุด และเครื่องมือที่ใช้ในการวัดแรงที่กระทำลงไปบนจักรยานของเราก็คือ"พาวเวอร์มิเตอร์"นั่นเอง
จากอดีตพาวเวอร์มิเตอร์ถูกใช้อยู่ในห้องปฏิบัติการเพื่อสำรวจนักกีฬาเท่านั้น แต่ในระยะ 10-15 ปีมีนี้ พาวเวอร์มิเตอร์เกิดพัฒนาการมากมายจนสามารถนำมาติดอยู๋กับจักรยาน ติดตามไปกับนักจักรยานได้ทุกที่ และเกิดเป็นทฤษฏีการฝึกซ้อมและติดตามผลด้วยวิทยาศาสตร์การกีฬาที่เจาะจงลงลึกได้มากกว่าแต่ก่อนมาก และหนึ่งในค่ายพาวเวอร์มิเตอร์ที่สามารถนำอุปกรณ์วัดวัตต์ลงไปอยู่กับจักรยานได้เป็นเจ้าแรกๆ ก็คือ ค่าย PowerTap โดย Cycle-Ops นั่นเอง ซึ่งใช้วิธีการวัดแรงบิดที่เกิดขึ้นภายในตัววัดที่อยู่ในดุมล้อหลัง และถือเป็นระบบที่มีความแม่นยำสูงอันดับต้นๆด้วยค่าความคลาดเคลื่อนเพียง +-1.5% เท่านั้น ซึ่งความแม่นยำนี้สูงยิ่งกว่าพาวเวอร์มิเตอร์ยุคปัจจุบันบางตัวเสียอีก
ทว่าความไม่คล่องตัวของระบบดุมล้อนี่ทำให้ความนิยมล้อพาวเวอร์แท็ปลดลง นัยว่าโดยมากนักปั่นสมัครเล่นมักจะนิยมใช้เป็นล้อซ้อมแล้วใช้ล้ออื่นๆแข่งมากกว่า เนื่องจากน้ำหนักรวมของดุมและล้อค่อนข้างหนัก สำหรับโปรทีมอาจไม่ลำบากเท่าไหร่ แต่ปัญหาหนึ่งที่พบก็คือเมื่อเปลี่ยนล้อไม่ว่ากรณีใด ถ้าล้อนั้นๆไม่ได้มาพร้อมกับดุมพาวเวอร์แท็ป ก็จะพาลไม่ได้ค่าวัตต์มาแสดงด้วย ทำให้ความนิยมของระบบดุมล้อลดลงไปเรื่อยๆ พร้อมกับที่ระบบการวัดวัตต์ในจุดอื่นๆเริ่มพัฒนาขึ้น และมีการแข่งขันจนราคาต่ำลงเรื่อยๆในที่สุด จากงบประมาณที่ได้ดุมล้อเอาไว้ฝึกซ้อม นักปั่นสามารถมองหาวัตต์ติดที่จาน หรือขาจาน และใช้งานในการแข่งขันได้ทุกกรณี
แต่แล้วก็ยังเกิดปัญหาตามมาอีกหนึ่งประการ ซึ่งก็คือความไม่สะดวกในการย้ายวัตต์ไปสู่รถคันต่างๆ โจทย์นี้เป็นของคนที่มีจักรยานหลายๆคัน แม้แต่มีเสือหมอบหนึ่งคัน และรถไทม์ไทรอัลหรือไตรกีฬาอีกหนึ่งคัน การย้ายล้อดูจะเป็นทางออกทีง่่ายกว่าการย้ายจานและขาจานมาก แต่ล้อก็มีข้อจำกัดเช่น เราต้องการใส่ล้อดิสค์ในรถไทม์ไทรอัล แต่เราต้องการล้อเบาๆในเสือหมอบ จะมีดุมวัดวัตต์ทั้งหมดก็คงไม่เหมาะ
ด้วยเหตุนี้จึงได้เกิดการพัฒนาบันไดที่วัดวัตต์ได้ขึ้นมา ด้วยแนวคิดการริเริ่มตั้งแต่ราวปี 2007 ร่วมกับค่ายบันไดเจ้าใหญ่จากฝรั่งเศส และค่ายไมล์จักรยานที่เคยครองตลาดอุปกรณ์ฟิตเนสอย่างแข็งขัน ทว่าไม่ถึงฝั่งฝันก็ต้องยุติโครงการลง ถูกซื้อแนวคิดไปพัฒนาต่อโดยแบรนด์เจ้าพ่ออุปกรณ์รับสัญญาณดาวเทียมที่เข้ามาเล่นตลาดพาวเวอร์มิเตอร์ออกมาเป็นบันไดวัดวัตต์ที่ประสบความสำเร็จในการผลิตออกขายเป็นเจ้าแรก จากนั้นก็มีตามมามากมาย จากค่ายบันไดไต้หวัน จากค่ายอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคส์ของเยอรมันบ้าง แต่ส่วนมากยังไม่ได้รับการยอมรับที่ดีจากตลาด ด้วยปัจจัยหลายๆประการเช่นความแม่นยำ ความเสถียรในการใช้งาน และการติดตั้งที่ไม่ได้ง่ายจริง
เพราะคนที่เลือกเล่นบันไดวัตต์คือคนที่มองหาทางออกที่สะดวกสบายในการย้ายบันไดไปไหนมาไหนก็ได้ ติดคันนี้ ถอดใส่คันนั้น อย่งสะดวกสบาย แต่บันไดหลายๆเจ้าที่ออกมาก่อนหน้านี้ไม่ได้ง่ายแบบนั้น จำเป็นต้องติดตั้งหลายขั้นตอน ต้องมีการตตั้งค่ากันวุ่นวาย หากผิดพลาดเพี้ยนไปก็ส่งผลกับค่าวัตต์ที่วัดได้ เป็นอันว่าในเมื่อย้ายก็ไม่ได้สะดวกเหมือนที่คิด แล้วจะหาวัตต์มาใส่บันไดทำไม?
POWERTAP P1 เป็นรุ่นล่าสุดที่เปิดตัวในปี 2015 ของค่ายผู้นำการวัดวัตต์เป็นเจ้าแรกๆ ที่เข้าชูจุดเด่นด้านนี้อย่างจริงจังด้วยแนวคิดการติดตั้งที่เรียบง่ายเหมือนบันไดธรรมดา การใช้งานที่แม่นยำเสถียร และการดูแลรักษาที่ไม่ยุ่งยาก ยึดเอามาตรฐานของดุมพาวเวอร์แท็ปรุ่นต่างๆที่ประสบความสำเร็จเป็นตัวตั้งและพัฒนาเจ้า P1 ให้ผ่านเกณฑ์ให้ได้ในที่สุด
P1 มาในระบบปิดทั้งหมด ภายในใช้ถ่านไฟฉายมาตรฐาน AAA ข้างละ 1 ก้อน ซึ่งเป็นทางเลือกที่ง่ายดายสำหรับการใช้งาน โดยเฉพาะในบ้านเราที่มองหา 7-eleven ได้ง่ายเสียยิ่งกว่าหาวัด เรียกว่าต่อให้ถ่านหมดไม่มีสำรองติดตัว ก็หาเปลี่ยนได้ง่ายพอๆกับแวะเติมน้ำดื่มนั่นเอง ถ่านจะทนนานใช้ได้นานแค่ไหน เดี๋ยวลองเทสท์ใช้งานกันยาวๆ แล้วจะมาเล่าครับ
บันไดใช้พื้นฐานระบบคลีทของ Look KEO เป็นหลัก สามารถปรับความแน่นของการล็อคได้ ซึ่งผมเดาว่าน่าจะอยู๋ในระดับเดียวกับ Keo2Max ที่แน่นสุดน่าจะโอเครองรับแรงขาโปรได้แต่น่าจะยังไม่แน่นเท่าพวก Sprint หรือ Blade II ครับ อันนี้ต้องลองใช้งานก่อนแล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกที
แต่เซอร์ไพรซ์กันเล็กๆเมื่อทดลองเอารองเท้าคลีทชิมาโน่มาใส่ ปรากฏว่าใช้กันได้ครับ เหมือนว่าทีมออกแบบได้ออกแบบแป้นบันไดให้รองรับได้ทั้งสองค่าย แต่จะแน่นกว่าปกตินิดหน่อยและปลดคลีทยากกว่าเดิม ส่วนถ้าเป็นคลีท Look ก็ใส่ได้ ถอดได้ตามปกติ แต่ดูเหมือนว่าจะขยับได้มากกว่าเดิมนิดหน่อยครับ
สุดท้ายจับมาชั่งน้ำหนักดูกันคร่าวๆ พบว่าข้างนึงหนัก 219 กรัม ถือว่าน้ำหนักไม่ใช่เรื่องเด่นอะไรของบันไดชุดนี้ เนื่องจากตัว body ทำออกมาแน่นหนา ดูแข็งแกร่งมากๆ ประการสำคัญคงเพราะบันไดเป็นส่วนที่รับแรงกระแทกได้ง่ายจากการล้ม ไม่ว่าจะล้มแปะ พิงล้ม จอดล้ม จนถึงอุบัติเหตุในการปั่นระดับต่างๆ ทีมออกแบบและพัฒนาของ PowerTap น่าจะเตรียมรับมือความเสียหายเหล่านั้นออกมาเป็นตัวบันไดที่ถึกพอจะปกป้องกลไกภายในให้พอจะวางใจกันได้ แต่ถ้านับเทียบกับพาวเวอร์มิเตอร์อื่นๆก็ถือว่าอยู๋ในเกณฑ์ที่"รับได้" นั่นคือเทียบแล้วมีน้ำหนักมากกว่าบันไดธรรมดารวมสองข้างราวๆ 2 ขีด ซึ่งก็คือน้ำหนักทั่วๆไปของพาวเวอร์มิเตอร์ตระกูลวัดที่จานหรือไสปเดอร์ของจานนั่นเอง แต่ถ้าเทียบกับพวกวัดในกระโหลก วัดในขาจาน และแม้แต่เทีย่บกับกลุ่มบันไดด้วยกันเองต้องยอมรับในจุดนี้ว่า P1 เป็นรองด้านนา้ำหนัก
ติดตามชมรายละเอียดการใช้งาน ดูแลรักษา และเปรียบเทียบร่วมกับพาวเวอร์มิเตอร์อื่นๆในเร็วๆนี้ครับ
ขอขอบคุณบริษัทโปรไบค์ที่เอื้อเฟื้อนำมาให้ทดสอบกัน งานนีสนุกแน่ครับ มาดูกันว่า บันไดนี้จะทนร้อนทนหนาวเอาอยู่แค่ไหน ขอเวลาเตรียมการทดสอบสักระยะนะครับ
[homeimg=300,250]http://www.thaimtb.com/forum/picture_mt ... 699711.jpg[/homeimg]
พาวเวอร์มิเตอร์ กลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักปั่นที่ต้องการพัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบไปแล้ว เมื่อการแยกแยะโซนการออกแรงด้วยระบบฮาร์ทเรทไม่สามารถระบุช่วงของการออกแรงได้อย่างแม่นยำเพียงพอ และมีปัจจัยแวดล้อมที่เข้ามาส่งผลได้มากมาย ดังนั้น "วัตต์" คือคำตอบที่ชัดเจนที่สุด และเครื่องมือที่ใช้ในการวัดแรงที่กระทำลงไปบนจักรยานของเราก็คือ"พาวเวอร์มิเตอร์"นั่นเอง
จากอดีตพาวเวอร์มิเตอร์ถูกใช้อยู่ในห้องปฏิบัติการเพื่อสำรวจนักกีฬาเท่านั้น แต่ในระยะ 10-15 ปีมีนี้ พาวเวอร์มิเตอร์เกิดพัฒนาการมากมายจนสามารถนำมาติดอยู๋กับจักรยาน ติดตามไปกับนักจักรยานได้ทุกที่ และเกิดเป็นทฤษฏีการฝึกซ้อมและติดตามผลด้วยวิทยาศาสตร์การกีฬาที่เจาะจงลงลึกได้มากกว่าแต่ก่อนมาก และหนึ่งในค่ายพาวเวอร์มิเตอร์ที่สามารถนำอุปกรณ์วัดวัตต์ลงไปอยู่กับจักรยานได้เป็นเจ้าแรกๆ ก็คือ ค่าย PowerTap โดย Cycle-Ops นั่นเอง ซึ่งใช้วิธีการวัดแรงบิดที่เกิดขึ้นภายในตัววัดที่อยู่ในดุมล้อหลัง และถือเป็นระบบที่มีความแม่นยำสูงอันดับต้นๆด้วยค่าความคลาดเคลื่อนเพียง +-1.5% เท่านั้น ซึ่งความแม่นยำนี้สูงยิ่งกว่าพาวเวอร์มิเตอร์ยุคปัจจุบันบางตัวเสียอีก
ทว่าความไม่คล่องตัวของระบบดุมล้อนี่ทำให้ความนิยมล้อพาวเวอร์แท็ปลดลง นัยว่าโดยมากนักปั่นสมัครเล่นมักจะนิยมใช้เป็นล้อซ้อมแล้วใช้ล้ออื่นๆแข่งมากกว่า เนื่องจากน้ำหนักรวมของดุมและล้อค่อนข้างหนัก สำหรับโปรทีมอาจไม่ลำบากเท่าไหร่ แต่ปัญหาหนึ่งที่พบก็คือเมื่อเปลี่ยนล้อไม่ว่ากรณีใด ถ้าล้อนั้นๆไม่ได้มาพร้อมกับดุมพาวเวอร์แท็ป ก็จะพาลไม่ได้ค่าวัตต์มาแสดงด้วย ทำให้ความนิยมของระบบดุมล้อลดลงไปเรื่อยๆ พร้อมกับที่ระบบการวัดวัตต์ในจุดอื่นๆเริ่มพัฒนาขึ้น และมีการแข่งขันจนราคาต่ำลงเรื่อยๆในที่สุด จากงบประมาณที่ได้ดุมล้อเอาไว้ฝึกซ้อม นักปั่นสามารถมองหาวัตต์ติดที่จาน หรือขาจาน และใช้งานในการแข่งขันได้ทุกกรณี
แต่แล้วก็ยังเกิดปัญหาตามมาอีกหนึ่งประการ ซึ่งก็คือความไม่สะดวกในการย้ายวัตต์ไปสู่รถคันต่างๆ โจทย์นี้เป็นของคนที่มีจักรยานหลายๆคัน แม้แต่มีเสือหมอบหนึ่งคัน และรถไทม์ไทรอัลหรือไตรกีฬาอีกหนึ่งคัน การย้ายล้อดูจะเป็นทางออกทีง่่ายกว่าการย้ายจานและขาจานมาก แต่ล้อก็มีข้อจำกัดเช่น เราต้องการใส่ล้อดิสค์ในรถไทม์ไทรอัล แต่เราต้องการล้อเบาๆในเสือหมอบ จะมีดุมวัดวัตต์ทั้งหมดก็คงไม่เหมาะ
ด้วยเหตุนี้จึงได้เกิดการพัฒนาบันไดที่วัดวัตต์ได้ขึ้นมา ด้วยแนวคิดการริเริ่มตั้งแต่ราวปี 2007 ร่วมกับค่ายบันไดเจ้าใหญ่จากฝรั่งเศส และค่ายไมล์จักรยานที่เคยครองตลาดอุปกรณ์ฟิตเนสอย่างแข็งขัน ทว่าไม่ถึงฝั่งฝันก็ต้องยุติโครงการลง ถูกซื้อแนวคิดไปพัฒนาต่อโดยแบรนด์เจ้าพ่ออุปกรณ์รับสัญญาณดาวเทียมที่เข้ามาเล่นตลาดพาวเวอร์มิเตอร์ออกมาเป็นบันไดวัดวัตต์ที่ประสบความสำเร็จในการผลิตออกขายเป็นเจ้าแรก จากนั้นก็มีตามมามากมาย จากค่ายบันไดไต้หวัน จากค่ายอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคส์ของเยอรมันบ้าง แต่ส่วนมากยังไม่ได้รับการยอมรับที่ดีจากตลาด ด้วยปัจจัยหลายๆประการเช่นความแม่นยำ ความเสถียรในการใช้งาน และการติดตั้งที่ไม่ได้ง่ายจริง
เพราะคนที่เลือกเล่นบันไดวัตต์คือคนที่มองหาทางออกที่สะดวกสบายในการย้ายบันไดไปไหนมาไหนก็ได้ ติดคันนี้ ถอดใส่คันนั้น อย่งสะดวกสบาย แต่บันไดหลายๆเจ้าที่ออกมาก่อนหน้านี้ไม่ได้ง่ายแบบนั้น จำเป็นต้องติดตั้งหลายขั้นตอน ต้องมีการตตั้งค่ากันวุ่นวาย หากผิดพลาดเพี้ยนไปก็ส่งผลกับค่าวัตต์ที่วัดได้ เป็นอันว่าในเมื่อย้ายก็ไม่ได้สะดวกเหมือนที่คิด แล้วจะหาวัตต์มาใส่บันไดทำไม?
POWERTAP P1 เป็นรุ่นล่าสุดที่เปิดตัวในปี 2015 ของค่ายผู้นำการวัดวัตต์เป็นเจ้าแรกๆ ที่เข้าชูจุดเด่นด้านนี้อย่างจริงจังด้วยแนวคิดการติดตั้งที่เรียบง่ายเหมือนบันไดธรรมดา การใช้งานที่แม่นยำเสถียร และการดูแลรักษาที่ไม่ยุ่งยาก ยึดเอามาตรฐานของดุมพาวเวอร์แท็ปรุ่นต่างๆที่ประสบความสำเร็จเป็นตัวตั้งและพัฒนาเจ้า P1 ให้ผ่านเกณฑ์ให้ได้ในที่สุด
P1 มาในระบบปิดทั้งหมด ภายในใช้ถ่านไฟฉายมาตรฐาน AAA ข้างละ 1 ก้อน ซึ่งเป็นทางเลือกที่ง่ายดายสำหรับการใช้งาน โดยเฉพาะในบ้านเราที่มองหา 7-eleven ได้ง่ายเสียยิ่งกว่าหาวัด เรียกว่าต่อให้ถ่านหมดไม่มีสำรองติดตัว ก็หาเปลี่ยนได้ง่ายพอๆกับแวะเติมน้ำดื่มนั่นเอง ถ่านจะทนนานใช้ได้นานแค่ไหน เดี๋ยวลองเทสท์ใช้งานกันยาวๆ แล้วจะมาเล่าครับ
บันไดใช้พื้นฐานระบบคลีทของ Look KEO เป็นหลัก สามารถปรับความแน่นของการล็อคได้ ซึ่งผมเดาว่าน่าจะอยู๋ในระดับเดียวกับ Keo2Max ที่แน่นสุดน่าจะโอเครองรับแรงขาโปรได้แต่น่าจะยังไม่แน่นเท่าพวก Sprint หรือ Blade II ครับ อันนี้ต้องลองใช้งานก่อนแล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกที
แต่เซอร์ไพรซ์กันเล็กๆเมื่อทดลองเอารองเท้าคลีทชิมาโน่มาใส่ ปรากฏว่าใช้กันได้ครับ เหมือนว่าทีมออกแบบได้ออกแบบแป้นบันไดให้รองรับได้ทั้งสองค่าย แต่จะแน่นกว่าปกตินิดหน่อยและปลดคลีทยากกว่าเดิม ส่วนถ้าเป็นคลีท Look ก็ใส่ได้ ถอดได้ตามปกติ แต่ดูเหมือนว่าจะขยับได้มากกว่าเดิมนิดหน่อยครับ
สุดท้ายจับมาชั่งน้ำหนักดูกันคร่าวๆ พบว่าข้างนึงหนัก 219 กรัม ถือว่าน้ำหนักไม่ใช่เรื่องเด่นอะไรของบันไดชุดนี้ เนื่องจากตัว body ทำออกมาแน่นหนา ดูแข็งแกร่งมากๆ ประการสำคัญคงเพราะบันไดเป็นส่วนที่รับแรงกระแทกได้ง่ายจากการล้ม ไม่ว่าจะล้มแปะ พิงล้ม จอดล้ม จนถึงอุบัติเหตุในการปั่นระดับต่างๆ ทีมออกแบบและพัฒนาของ PowerTap น่าจะเตรียมรับมือความเสียหายเหล่านั้นออกมาเป็นตัวบันไดที่ถึกพอจะปกป้องกลไกภายในให้พอจะวางใจกันได้ แต่ถ้านับเทียบกับพาวเวอร์มิเตอร์อื่นๆก็ถือว่าอยู๋ในเกณฑ์ที่"รับได้" นั่นคือเทียบแล้วมีน้ำหนักมากกว่าบันไดธรรมดารวมสองข้างราวๆ 2 ขีด ซึ่งก็คือน้ำหนักทั่วๆไปของพาวเวอร์มิเตอร์ตระกูลวัดที่จานหรือไสปเดอร์ของจานนั่นเอง แต่ถ้าเทียบกับพวกวัดในกระโหลก วัดในขาจาน และแม้แต่เทีย่บกับกลุ่มบันไดด้วยกันเองต้องยอมรับในจุดนี้ว่า P1 เป็นรองด้านนา้ำหนัก
ติดตามชมรายละเอียดการใช้งาน ดูแลรักษา และเปรียบเทียบร่วมกับพาวเวอร์มิเตอร์อื่นๆในเร็วๆนี้ครับ
ขอขอบคุณบริษัทโปรไบค์ที่เอื้อเฟื้อนำมาให้ทดสอบกัน งานนีสนุกแน่ครับ มาดูกันว่า บันไดนี้จะทนร้อนทนหนาวเอาอยู่แค่ไหน ขอเวลาเตรียมการทดสอบสักระยะนะครับ
[homeimg=300,250]http://www.thaimtb.com/forum/picture_mt ... 699711.jpg[/homeimg]