หน้า 6 จากทั้งหมด 10

Re: ......คลิกนิกเสือ.....

โพสต์: 18 ก.พ. 2011, 23:48
โดย เสือเพชรบูรณ์
เสือสองแคว เขียน:เห็นรูปแบบการฝึกซ้อมของเสือขุนแผนแล้ว สุดยอดเลย ถึงว่าขนาดเวลาแข่งขันใช้เกียร์แค่เกียร์เดียวยังได้ที่ 1 เลย อยากได้เทคนิคอีกอย่างใครมีวิธีดี ๆ บอกด้วยครับ วิธีขึ้นและลงรถให้รวดเร็ว เห็นฝรั่งเวลาแข่งขันแบบ ซายโครครอส ที่เป็นเสือหมอบแล้วเอามาแข่งทางครอส เห็นเขากระโดดขึ้นลงรถแล้วเร็วมาก ๆ
:lol: :lol: ของเราแข็งไม่เท่าของฝรั่งมันครับ เลยต้องค่อย ๆ ขึ้น แต่เวลาลงก็เร็วพอกันครับ (ไม่รู้บางทีลงเร็วกว่ามั้ง)

Re: ......คลิกนิกเสือ.....

โพสต์: 19 ก.พ. 2011, 00:34
โดย tunaja
เสือเพชรบูรณ์ เขียน: :lol: :lol: ของเราแข็งไม่เท่าของฝรั่งมันครับ เลยต้องค่อย ๆ ขึ้น แต่เวลาลงก็เร็วพอกันครับ (ไม่รู้บางทีลงเร็วกว่ามั้ง)
:shock: !?!? .ใช่โช๊ค รึปล่าวครับ ที่ว่า . :lol: :lol: ( รอเฉลยครับ :D )

Re: ......คลิกนิกเสือ.....

โพสต์: 19 ก.พ. 2011, 10:47
โดย krutip
ขอชื่นชมเสือเพชรบูรณ์ ที่เปิดคลีนิคเสือ ดีมากจริง ๆ ที่มีประสบการณ์แล้วนำมาเผยแพร่แก่รุ่นหลังเยี่ยมมากขอชื่นชมจริง ๆ อย่างไรแล้วถ้ามาพิษณุโลกขอให้มาเยี่ยมเราบ้างที่ จักรยานยามเย็น Airport group phitsanulok เผื่อจะมีอะไรซักถามต่อหน้าบ้าง ขอบคุณครับ

Re: ......คลินิก(Clinic)เสือ.....

โพสต์: 21 ก.พ. 2011, 11:08
โดย เสือขุนแผน
(ต่ออีกครับ)
การสร้างกำลังในระยะเวลายาวนาน
การฝึกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของอัตราการเต้นหัวใจในระบบแอนแอโรบิกหรือเรียกว่าการฝึก A.T.(Anaerrobic threshold) การทำให้อัตราการเต้นหัวใจอยู่ในภาวะที่ใกล้จุดเหนื่อยหรือจุดที่สูงสุดของหัวใจ มีหลักปฏิบัติดังนี้ครับ
1. ฝึกอัตราการเต้นของหัวใจใกล้จุดเหนื่อยสูงสุดใช้เวลาทั้งหมด 40 – 80 นาที ฝึกความเร็วสูงสุด 8- 10 นาที่ สลับการพักเป็นช่วงๆ 2- 4 นาที
2. ฝึกซ้ำเทียว 3 – 6 เที่ยว เที่ยวละ 5 นาที ช่วงพักระหว่างเที่ยว 5 นาที อัตราการเต้นหัวใจอยู่ระหว่าง 140- 150 ครั้ง/นาที
3. ฝึก 40 – 120 นาที แต่สลับการฝึกความเร็ว 4-6 % หรืออัตราการเต้นหัวใจอยู่ระหว่าง 150- 160 ครั้ง/นาที
4. ฝึกเพิ่มระยะทางให้ไกลกว่าเดิมหรือใกล้ระยะแข่งขันจริง
5.สลับการฝึกระหว่างขี่ขึ้นเขาและขี่เร็วบนถนนทางเรียบ

Re: ......คลิกนิกเสือ.....

โพสต์: 21 ก.พ. 2011, 23:41
โดย เสือเพชรบูรณ์
tunaja เขียน:
เสือเพชรบูรณ์ เขียน: :lol: :lol: ของเราแข็งไม่เท่าของฝรั่งมันครับ เลยต้องค่อย ๆ ขึ้น แต่เวลาลงก็เร็วพอกันครับ (ไม่รู้บางทีลงเร็วกว่ามั้ง)
:shock: !?!? .ใช่โช๊ค รึปล่าวครับ ที่ว่า . :lol: :lol: ( รอเฉลยครับ :D )
เจอตัวเป็น ๆ กันแล้วน่ะเนี่ย หนุ่มกว่าในเน็ตเยอะเลย เข้ามาคุยกันบ่อย ๆ น่ะครับ.....ที่ท่านถามผม ผมไม่เฉลยแล้วครับเพราะที่สนามดินจี่ผมชนะฝรั่งนั่นคือคำตอบครับ :D :D

Re: ......คลินิก(Clinic)เสือ.....

โพสต์: 22 ก.พ. 2011, 01:00
โดย เสือเพชรบูรณ์
วิธีดูทางก่อนการแข่งขันเพื่อป้องกันการหลงทาง(ยกเว้นเหตุสุดวิสัยเช่นถูกกลับป้ายบอกทาง ป้ายหลุด) การหลงทางในขณะแข่งขันเป็นความเสียหายเป็นอย่างมากสำหรับนักแข่งจักยาน ขับรถมาก็ไกล สิ้นเปลืองสาระพัดอย่างระหว่างทาง เสียค่าลงทะเบียน ฯลฯ ปั่นได้นิดเดียวหลงทางซะแล้ว....ที่ผมปฏิบัติมาน่าจะเป็น 100 สนาม หลงทางไม่เกิน 3 หรือ 4 สนามเท่านั้นครับ ก่อนวันแข่ง 1 วันเช่นแข่งวันอาทิตย์ต้องถึงสนามบ่าย ๆ วันเสาร์เพื่อมีเวลาดูสนาม ช่วงปั่นดูสนามจะปั่นช้า ๆ สังเกตุสิ่งรอบข้างสองข้างทาง ยิ่งก่อนถึงจุดเลี้ยว ทางแยกหรือจุดอันตราย จะสังเกตุจุดเด่นของเส้นทางเช่นต้นไม้ใหญ่ รอยตำหนิของผิวจราจร ที่สำคัญสัญลักษณ์ที่ผู้ทำสนามเขาติดไว้ว่าอยู่ตรงจุดไหน (ปกติจะมีข้อกำหนดจากทางสมาคมฯ) เมื่อดูแล้วต้องจำให้ขึ้นใจ ถ้าสงสัยให้ถามทางกรรมการ และจุดอันตรายต้องทดลองหลาย ๆ ครั้ง ถ้าไม่มั่นใจก็จูงซะไม่ผิดกติกา ระหว่างการแข่งขันต้องนึกถึงเส้นทางที่เราดูเมื่อวันเสาร์อย่างมั่นใจบางครั้งนักปั่นด้วยกันก็เป็นคนพาเราหลงทางซะเอง ไปเป็นกลุ่มเบ้อเร่อเลยหนึ่งในนั้นก็มีเราอยู่ด้วย :lol: :lol: ผมเจอเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่กาญจนบุรี ช่วงดูทางทีมเราหลงเละเทะเลยต้องดูซ้ำหลายครั้ง พอวันแข่งจุดที่เราหลงก็มีนักปั่นกลุ่มใหญ่หลุดเส้นทางออกไป ผมตะโกนไล่หลังว่าหลงทางให้มาทางนี้ เขาไม่เชื่อแถมว่าผมน่ะหลงแล้ว เออดีไม่เชื่อตรู....ไปคนเดียวก็ได้......ลองทำดูน่ะครับอิอิ..ไม่อยากบอกออกทริปทำไมหลงประจำ ไม่หลงก็ไม่ท้าทายซิครับ...คำฮิตติดปาก..ประกาศข่าวดีตอนนี้ทุกคนรู้เรื่องเส้นทางเท่ากันแล้วน่ะครับนั่นหมายถึงหลงทางแล้วครับ....
.............ส่วนดูทางซ้อมเมื่อก่อนแถวหลังป่าแดงและป่าเลาเป็นป่าที่เปลี่ยวมากผมไปสำรวจคนเดียวจะใช้วิธีสังเกตว่าถ้าภูเขาอยู่ขวาตัวเมืองจะอยู่ทางซ้าย และถ้าภูเขาอยู่ซ้ายตัวเมืองจะอยู่ขวา พอหลงเมื่อไรผมจะนึกทันทีสมมติว่าขณะหลงภูเขาอยู่ซ้ายมือให้ตรงไปข้างหน้าเจอทางแยกขวาให้ไปตามนั้น เคยหลงหลายครั้งก็ออกทันที่จะมืดทุกครั้ง แต่เดี๋ยวนี้ไม่กลัวแล้วครับ เพราะป่าโล่งเตียนไปเยอะเลย กำลังแผ้วถางอีกเพียบ เฮ้อ!เห็นแล้วเศร้าใจ ต่อไปจะไปปั่นที่ไหนเนี่ย.....

Re: ......คลินิก(Clinic)เสือ.....

โพสต์: 22 ก.พ. 2011, 11:26
โดย เสือขุนแผน
เสือเพชรบูรณ์ เขียน:วิธีดูทางก่อนการแข่งขันเพื่อป้องกันการหลงทาง(ยกเว้นเหตุสุดวิสัยเช่นถูกกลับป้ายบอกทาง ป้ายหลุด) การหลงทางในขณะแข่งขันเป็นความเสียหายเป็นอย่างมากสำหรับนักแข่งจักยาน ขับรถมาก็ไกล สิ้นเปลืองสาระพัดอย่างระหว่างทาง เสียค่าลงทะเบียน ฯลฯ ปั่นได้นิดเดียวหลงทางซะแล้ว....ที่ผมปฏิบัติมาน่าจะเป็น 100 สนาม หลงทางไม่เกิน 3 หรือ 4 สนามเท่านั้นครับ ก่อนวันแข่ง 1 วันเช่นแข่งวันอาทิตย์ต้องถึงสนามบ่าย ๆ วันเสาร์เพื่อมีเวลาดูสนาม ช่วงปั่นดูสนามจะปั่นช้า ๆ สังเกตุสิ่งรอบข้างสองข้างทาง ยิ่งก่อนถึงจุดเลี้ยว ทางแยกหรือจุดอันตราย จะสังเกตุจุดเด่นของเส้นทางเช่นต้นไม้ใหญ่ รอยตำหนิของผิวจราจร ที่สำคัญสัญลักษณ์ที่ผู้ทำสนามเขาติดไว้ว่าอยู่ตรงจุดไหน (ปกติจะมีข้อกำหนดจากทางสมาคมฯ) เมื่อดูแล้วต้องจำให้ขึ้นใจ ถ้าสงสัยให้ถามทางกรรมการ และจุดอันตรายต้องทดลองหลาย ๆ ครั้ง ถ้าไม่มั่นใจก็จูงซะไม่ผิดกติกา ระหว่างการแข่งขันต้องนึกถึงเส้นทางที่เราดูเมื่อวันเสาร์อย่างมั่นใจบางครั้งนักปั่นด้วยกันก็เป็นคนพาเราหลงทางซะเอง ไปเป็นกลุ่มเบ้อเร่อเลยหนึ่งในนั้นก็มีเราอยู่ด้วย :lol: :lol: ผมเจอเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่กาญจนบุรี ช่วงดูทางทีมเราหลงเละเทะเลยต้องดูซ้ำหลายครั้ง พอวันแข่งจุดที่เราหลงก็มีนักปั่นกลุ่มใหญ่หลุดเส้นทางออกไป ผมตะโกนไล่หลังว่าหลงทางให้มาทางนี้ เขาไม่เชื่อแถมว่าผมน่ะหลงแล้ว เออดีไม่เชื่อตรู....ไปคนเดียวก็ได้......ลองทำดูน่ะครับอิอิ..ไม่อยากบอกออกทริปทำไมหลงประจำ ไม่หลงก็ไม่ท้าทายซิครับ...คำฮิตติดปาก..ประกาศข่าวดีตอนนี้ทุกคนรู้เรื่องเส้นทางเท่ากันแล้วน่ะครับนั่นหมายถึงหลงทางแล้วครับ....
.............ส่วนดูทางซ้อมเมื่อก่อนแถวหลังป่าแดงและป่าเลาเป็นป่าที่เปลี่ยวมากผมไปสำรวจคนเดียวจะใช้วิธีสังเกตว่าถ้าภูเขาอยู่ขวาตัวเมืองจะอยู่ทางซ้าย และถ้าภูเขาอยู่ซ้ายตัวเมืองจะอยู่ขวา พอหลงเมื่อไรผมจะนึกทันทีสมมติว่าขณะหลงภูเขาอยู่ซ้ายมือให้ตรงไปข้างหน้าเจอทางแยกขวาให้ไปตามนั้น เคยหลงหลายครั้งก็ออกทันที่จะมืดทุกครั้ง แต่เดี๋ยวนี้ไม่กลัวแล้วครับ เพราะป่าโล่งเตียนไปเยอะเลย กำลังแผ้วถางอีกเพียบ เฮ้อ!เห็นแล้วเศร้าใจ ต่อไปจะไปปั่นที่ไหนเนี่ย.....
ถ้าผมทำตามอาจารย์ตั้งแต่แรกก็ไม่หลงแล้วนะอาจารย์ หลงจนอยากจะเลิกแข่งซะแล้ว โชคดีมีเคล็ดวิชากันหลงจากเสือเพชรบูรณ์

Re: ......คลินิก(Clinic)เสือ.....

โพสต์: 22 ก.พ. 2011, 11:39
โดย V3 ป่าเลา
เฮอ ๆ เที่ยวนี้เลยไม่หลงเลยใช่ บ่ เสือขุนแผน

Re: ......คลีนิก(Clinic)เสือ.....

โพสต์: 22 ก.พ. 2011, 13:18
โดย เสือขุนแผน
การขี่เป็นกลุ่มเพื่อเป็นการประหยัดพลังงานในการปั่นการเข้าที่กำบังนั้นช่วยได้มากครับ
(หรือที่พวกเราเรือกว่า ดูดครับ) แต่เราจะดูดอย่างไรใกล้เกินไปก็กลัวล้อเบียดกันล้ม
ไกลเกินไปก็ออกแรงมาก ผมมีตารางการประหยัดพลังงานเมื่อขี่ตามหลังครับ

Re: ......คลิกนิกเสือ.....

โพสต์: 23 ก.พ. 2011, 01:24
โดย tunaja
เสือเพชรบูรณ์ เขียน: เจอตัวเป็น ๆ กันแล้วน่ะเนี่ย หนุ่มกว่าในเน็ตเยอะเลย เข้ามาคุยกันบ่อย ๆ น่ะครับ.....ที่ท่านถามผม ผมไม่เฉลยแล้วครับเพราะที่สนามดินจี่ผมชนะฝรั่งนั่นคือคำตอบครับ :D :D
สวัสดีครับท่านอาจารย์ครับ ผมรู้สึกตื้นตันใจมาก ๆ เลยครับผม ที่ได้เจอท่านอาจารย์ในงานที่บ้านดินจี่ พอเจอตัวท่านอาจารย์จริง ๆ ผมพูดไม่ออกเลยครับ รู้สึกตื้นตันใจ จนคำพูดที่ได้เตรียมเอาไว้เวลาที่ได้เจอท่านอาจารย์จริง ๆ มันหายไปหมดเลยครับ :oops: ถ้ามีโอกาสได้พบอาจารย์ในครั้งหน้าอีก ผมก็คงจะพูดไม่ออกเหมือนเดิมแหละครับ . :mrgreen:
ดีใจมาก ๆ เลยครับ ที่ได้มีโอกาสได้ถ่ายภาพร่วมท่านอาจารย์ครับผม .
:D :D

Re: ......คลินิก(Clinic)เสือ.....

โพสต์: 23 ก.พ. 2011, 10:06
โดย เสือขุนแผน
ว่าจะถามตั้งนานละครับแตลืม ผมมีปัญหาทุกสนามเลยครับเวลาแข่งรอบแรกผมมีอาการจุกเจ็บที่บริเวณใต้ซี้โครงด้านขวาทุกครั้งเลยครับ(เฉพาะเข้าทางครอส)
พอปั่นไปจะครบรอบอาการก็หาย แต่คู่แข่งไปกันไกลแล้วครับทำให้ผมต้องออกแรงรอบ 2 รอบ 3 เพื่อตามเก็บที่คนเหนื่อยจริงๆ จะมีวิธีป้องกันหรือไม่ให้มีอาการ
อย่างนี้ ทำอย่างไงดีครับช่วยด้วย

Re: ......คลินิก(Clinic)เสือ.....

โพสต์: 23 ก.พ. 2011, 10:10
โดย เสือขุนแผน
V3 ป่าเลา เขียน:เฮอ ๆ เที่ยวนี้เลยไม่หลงเลยใช่ บ่ เสือขุนแผน
แม่นแล้วครับอาจารย์

Re: ......คลินิก(Clinic)เสือ.....

โพสต์: 23 ก.พ. 2011, 10:16
โดย ต้วมเตียมV2
เสือขุนแผน เขียน:ว่าจะถามตั้งนานละครับแตลืม ผมมีปัญหาทุกสนามเลยครับเวลาแข่งรอบแรกผมมีอาการจุกเจ็บที่บริเวณใต้ซี้โครงด้านขวาทุกครั้งเลยครับ(เฉพาะเข้าทางครอส)
พอปั่นไปจะครบรอบอาการก็หาย แต่คู่แข่งไปกันไกลแล้วครับทำให้ผมต้องออกแรงรอบ 2 รอบ 3 เพื่อตามเก็บที่คนเหนื่อยจริงๆ จะมีวิธีป้องกันหรือไม่ให้มีอาการ
อย่างนี้ ทำอย่างไงดีครับช่วยด้วย
คืออะไรมีปัญหาเราก็เอามันออก จะใช้ได้ไหมครับ :ugeek:

Re: ......คลินิก(Clinic)เสือ.....

โพสต์: 23 ก.พ. 2011, 10:33
โดย ถาวร
ต้วมเตียมV2 เขียน:
เสือขุนแผน เขียน:ว่าจะถามตั้งนานละครับแตลืม ผมมีปัญหาทุกสนามเลยครับเวลาแข่งรอบแรกผมมีอาการจุกเจ็บที่บริเวณใต้ซี้โครงด้านขวาทุกครั้งเลยครับ(เฉพาะเข้าทางครอส)
พอปั่นไปจะครบรอบอาการก็หาย แต่คู่แข่งไปกันไกลแล้วครับทำให้ผมต้องออกแรงรอบ 2 รอบ 3 เพื่อตามเก็บที่คนเหนื่อยจริงๆ จะมีวิธีป้องกันหรือไม่ให้มีอาการ
อย่างนี้ ทำอย่างไงดีครับช่วยด้วย
คืออะไรมีปัญหาเราก็เอามันออก จะใช้ได้ไหมครับ :ugeek:
กระบังลมขยายตีปอดเลยทำให้เกิดอาการจุก ผมละเป็นบ่อย เสือเอ๋แซวประจำ
อัดหนักๆจะเป็นเพราะหายใจไม่ทัน กินก่อนปั่นมากไปหน่อย ต้องกินอย่างน้อยก่อนแข่งสัก 1 ชม.
ต้องฝึกหายใจ พยายามหายใจทางจมูก ถ้าหายใจทางปากอากาศส่วนใหญ่จะเข้ากระเพาะ ขยายมากไปกดปอดเรา เลยจุก

Re: ......คลินิก(Clinic)เสือ.....

โพสต์: 23 ก.พ. 2011, 11:15
โดย เสือขุนแผน
ถาวร เขียน:
ต้วมเตียมV2 เขียน:
เสือขุนแผน เขียน:ว่าจะถามตั้งนานละครับแตลืม ผมมีปัญหาทุกสนามเลยครับเวลาแข่งรอบแรกผมมีอาการจุกเจ็บที่บริเวณใต้ซี้โครงด้านขวาทุกครั้งเลยครับ(เฉพาะเข้าทางครอส)
พอปั่นไปจะครบรอบอาการก็หาย แต่คู่แข่งไปกันไกลแล้วครับทำให้ผมต้องออกแรงรอบ 2 รอบ 3 เพื่อตามเก็บที่คนเหนื่อยจริงๆ จะมีวิธีป้องกันหรือไม่ให้มีอาการ
อย่างนี้ ทำอย่างไงดีครับช่วยด้วย
คืออะไรมีปัญหาเราก็เอามันออก จะใช้ได้ไหมครับ :ugeek:
กระบังลมขยายตีปอดเลยทำให้เกิดอาการจุก ผมละเป็นบ่อย เสือเอ๋แซวประจำ
อัดหนักๆจะเป็นเพราะหายใจไม่ทัน กินก่อนปั่นมากไปหน่อย ต้องกินอย่างน้อยก่อนแข่งสัก 1 ชม.
ต้องฝึกหายใจ พยายามหายใจทางจมูก ถ้าหายใจทางปากอากาศส่วนใหญ่จะเข้ากระเพาะ ขยายมากไปกดปอดเรา เลยจุก
ขอบคุณเสือถาวรมากที่บอกทั้งสาเหตุและวธีแก้ครับ
วิธีแก้พยายามหายใจทางจมูก ถ้าหายใจทางปากอากาศส่วนใหญ่จะเข้ากระเพาะ ขยายมากไปกดปอดเรา เลยจุก