Fullmoon สุดยอดจริงครับ สนุกมากครับ เขาบนเกาะพงันสูงและโค้ง ครับ ผมต้อง เข็ญเลย หมดแรงครับ ตอนกลับไปสมุย คงกลับเลยครับ เป็นทริปจักรที่ธรรมชาติสวยงาม และสนุกมากครับ โอกาสหน้า ผมจะกลับมาเยือนอีกครับเปี๊ยก samui เขียน:สวัสดีครับยินดีที่ได้รู้จักครับถ้ากลับมาสมุยอีกโทรมาได้เลยครับจะได้ไปด้วยกันKAIMTB เขียน: สวัสดีพี่ๆชาวสุราษ เกาะสมุย เกาะพงันครับ ได้มีโอกาสไปั่นสมุยแล้วสุดยอดมากรับ เมื่อวานนี้ผมปั่นเที่ยวสมุยครับ(04/สค/2555) ตอนนี้อยู่พงัน เป็นเกาะที่สวยมากครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ
ปล เที๋ยว full moon ให้สนุกนะครับ
SaMui BiKe CaFe. เฮ! ฮา! Party!!!
ผู้ดูแล: pOmz, สุพร, คุณขวัญแก้ว
กฏการใช้บอร์ด
รวมชมรมในจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ผู้ดูแลบอร์ด คุณอรอุษา เลิศสุวรรณไพศาล (คุณขวัญแก้ว)
โทรศัพท์หมายเลข 081-5661526
รวมชมรมในจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ผู้ดูแลบอร์ด คุณอรอุษา เลิศสุวรรณไพศาล (คุณขวัญแก้ว)
โทรศัพท์หมายเลข 081-5661526
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 413
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ส.ค. 2008, 21:36
- Tel: 0865312256
- team: REDKING
- Bike: หาย
- ติดต่อ:
Re: SaMui BiKe CaFe. เฮ! ฮา! Party!!!
ทุกวันนี้ก็ยังงงๆ ว่า จะ DIRT TRIAL STREET 24 26 ดี
- the_duck_man
- ขาประจำ
- โพสต์: 208
- ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2012, 15:52
- Tel: 0812710229
- team: samui bike cafe shop
- Bike: trek madone 4.5
Re: SaMui BiKe CaFe. เฮ! ฮา! Party!!!
วันนี้เงียบจังห้องนี้ ผู้จัดการทีมมีภาระกิจข้ามฝั่ง
ไม่มีอุปสรรคใดๆ...มาขวางใจเราได้
- เปี๊ยก samui
- สมาชิก
- โพสต์: 88
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ต.ค. 2010, 12:45
- Tel: 0895875029
- team: samui bike cafe shop
- Bike: trek madone 4.5
- ตำแหน่ง: samui Thailand
Re: SaMui BiKe CaFe. เฮ! ฮา! Party!!!
ครับพี่โอเงียบจัง ทั้งประธานและผู้จัดการข้ามกันหมดthe_duck_man เขียน:วันนี้เงียบจังห้องนี้ ผู้จัดการทีมมีภาระกิจข้ามฝั่ง
“อย่าพยายามทำสิ่งที่ได้ ให้เท่ากับใจ
แต่จงพยายามทำใจ ให้เท่ากับสิ่งที่ได้มา”
แต่จงพยายามทำใจ ให้เท่ากับสิ่งที่ได้มา”
- trekgold
- ขาประจำ
- โพสต์: 2816
- ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ธ.ค. 2010, 13:57
- Tel: 0925467144
- team: CountrySideProject
- Bike: ใช้ trek madone project one.
Re: SaMui BiKe CaFe. เฮ! ฮา! Party!!!
จุดลูกทัดเลยจะได้ไม่เงียบเปี๊ยก samui เขียน:ครับพี่โอเงียบจัง ทั้งประธานและผู้จัดการข้ามกันหมดthe_duck_man เขียน:วันนี้เงียบจังห้องนี้ ผู้จัดการทีมมีภาระกิจข้ามฝั่ง
CountrySideProject
พร้อมให้บริการ ชาวจักรยานทุกท่าน
พร้อมให้บริการ ชาวจักรยานทุกท่าน
- the_duck_man
- ขาประจำ
- โพสต์: 208
- ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2012, 15:52
- Tel: 0812710229
- team: samui bike cafe shop
- Bike: trek madone 4.5
Re: SaMui BiKe CaFe. เฮ! ฮา! Party!!!
อ้าวผู้จัดการอยู่ที่ใหนครับเอารถไปปั่นด้วยหรือเปล่า
trekgold เขียน:จุดลูกทัดเลยจะได้ไม่เงียบเปี๊ยก samui เขียน:ครับพี่โอเงียบจัง ทั้งประธานและผู้จัดการข้ามกันหมดthe_duck_man เขียน:วันนี้เงียบจังห้องนี้ ผู้จัดการทีมมีภาระกิจข้ามฝั่ง
ไม่มีอุปสรรคใดๆ...มาขวางใจเราได้
- the_duck_man
- ขาประจำ
- โพสต์: 208
- ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2012, 15:52
- Tel: 0812710229
- team: samui bike cafe shop
- Bike: trek madone 4.5
Re: SaMui BiKe CaFe. เฮ! ฮา! Party!!!
เข้ามาเปิดประตูห้องไว้ให้ครับ เชิญเข้ามาได้เลยครับไม่ต้องถอดรองเท้า
ไม่มีอุปสรรคใดๆ...มาขวางใจเราได้
-
- สมาชิก
- โพสต์: 88
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2011, 10:25
- team: -
- Bike: -
- sakdinan
- สมาชิก
- โพสต์: 50
- ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ส.ค. 2012, 15:53
- Tel: 0611788855
- team: ไม่สังกัด
- Bike: TREK MADONE, Trek Superfly AL Elite
- ตำแหน่ง: ภูเก็ต
Re: SaMui BiKe CaFe. เฮ! ฮา! Party!!!
สวัสดีครับแวะเข้ามาเยี่ยมชมครับ น้องใหม่ครับอยากออกทริบกับพี่ๆบ้างครับ ขอคำแนะนำหน่อยน่ะครับ...ปกติ ปั่นอยู่เชิงมน-ปลายแหลม-บ่อผุด บางครั้งก็ไปเฉวงครับ..
- 2wnitikan
- ขาประจำ
- โพสต์: 263
- ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 12:36
- Tel: 0894636109
- team: Samui MTB
- Bike: MT29
Re: SaMui BiKe CaFe. เฮ! ฮา! Party!!!
เข้ามารายงานตัวครับ
วันนี้หัวหน้าห้องไปไหน เดี๋ยวโดดซ้อมกันหมดหรอก
555 แต่ว่าไปวันก่อนปั่นร่วมก๊วนกะเค้า เฮ้อ "หนังชีวิตแท้ๆ"
ขอไปซุ้มซ้อมก่อนแล้วจะเข้ามาปั่นกันไหม่ ถ้าเวลาตรงกันนะ
ชอบคำนี้
"วัยรุ่น มีเวลา มีแรง แต่ไม่มีตังค์
วัยทำงาน มีตังค์ มีแรง แต่ไม่มีเวลา
วัยชรา มีทั้งตังค์ มีทั้งเวลา แต่ไม่มีแรง"
"วัยรุ่น มีเวลา มีแรง แต่ไม่มีตังค์
วัยทำงาน มีตังค์ มีแรง แต่ไม่มีเวลา
วัยชรา มีทั้งตังค์ มีทั้งเวลา แต่ไม่มีแรง"
- the_duck_man
- ขาประจำ
- โพสต์: 208
- ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2012, 15:52
- Tel: 0812710229
- team: samui bike cafe shop
- Bike: trek madone 4.5
Re: SaMui BiKe CaFe. เฮ! ฮา! Party!!!
ทางกลุ่มเฉวงจะนัดเจอกันที่ร้าน samui bike cafe ข้างพรุเฉวง จะออกกันประมาณห้าโมงเย็น ติดต่อ k.จอม หรือ k.หมีก็ได้ครับส่วนมากจะปั่นหมอบกัน หรือว่าจะมาทางละไมผมจะออกจากร้านประมาณสี่โมงกว่า (ร้านฮียเม้งเป็ดย่าง)sakdinan เขียน:สวัสดีครับแวะเข้ามาเยี่ยมชมครับ น้องใหม่ครับอยากออกทริบกับพี่ๆบ้างครับ ขอคำแนะนำหน่อยน่ะครับ...ปกติ ปั่นอยู่เชิงมน-ปลายแหลม-บ่อผุด บางครั้งก็ไปเฉวงครับ..
ไม่มีอุปสรรคใดๆ...มาขวางใจเราได้
- เปี๊ยก samui
- สมาชิก
- โพสต์: 88
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ต.ค. 2010, 12:45
- Tel: 0895875029
- team: samui bike cafe shop
- Bike: trek madone 4.5
- ตำแหน่ง: samui Thailand
Re: SaMui BiKe CaFe. เฮ! ฮา! Party!!!
ยินดีครับมาร่วมปั่นกับพวกเราได้ครับsakdinan เขียน:สวัสดีครับแวะเข้ามาเยี่ยมชมครับ น้องใหม่ครับอยากออกทริบกับพี่ๆบ้างครับ ขอคำแนะนำหน่อยน่ะครับ...ปกติ ปั่นอยู่เชิงมน-ปลายแหลม-บ่อผุด บางครั้งก็ไปเฉวงครับ..
“อย่าพยายามทำสิ่งที่ได้ ให้เท่ากับใจ
แต่จงพยายามทำใจ ให้เท่ากับสิ่งที่ได้มา”
แต่จงพยายามทำใจ ให้เท่ากับสิ่งที่ได้มา”
- เปี๊ยก samui
- สมาชิก
- โพสต์: 88
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ต.ค. 2010, 12:45
- Tel: 0895875029
- team: samui bike cafe shop
- Bike: trek madone 4.5
- ตำแหน่ง: samui Thailand
Re: SaMui BiKe CaFe. เฮ! ฮา! Party!!!
เอาสาระดีๆมาให้อ่านกันนะครับ(รีบหามาใช้กันนะครับ)
37.การปั่นจักรยานกับการเต้นของหัวใจ
ใจเล็ก ใจใหญ่ ใจถึง
ใครๆก็มีหัวใจเหมือนๆกัน ทำไมบางคนออกกำลังเพียงชั่วครู่ก็เหนื่อยแทบขาดใจ แต่บางคนเห็นตั้งหน้าตั้งตาปั่นจักรยานเหมือนกับแก้บนทีละ 2 ชั่วโมงยังดูแค่เหนื่อยนิดๆ หากเป็นสมัยก่อนยังไม่มีใครสนใจนักว่าคนที่เล่นกีฬาสามารถฝึกให้ดีขึ้นได้ด้วยการฝึกหัวใจแต่ใช้วิธีใจถึง จนในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมาวิทยาศาสตร์การกีฬาได้เข้ามามีส่วนช่วยให้นักกีฬาเก่งขึ้น สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ค้นพบคือหัวใจที่ผ่านการฝึกมาอย่างถูกต้อง เป็นขั้นเป็นตอนไม่หักโหมก็จะแข็งแรงขึ้นทีละน้อย ในที่สุดผู้ที่เคยขี่จักรยานเพียงยี่สิบนาทีแล้วนอนหอบแทบเป็นแทบตาย ก็จะขี่จักรยานได้นานขึ้น หากฝึกต่อไปเรื่อยๆก็จะขี่ได้ไกลขึ้นและเร็วขึ้น นักจักรยานที่ขี่ได้ดีอยู่แล้วก็มีโอกาสทำได้ดีขึ้นอีก แล้วนักจักรยานอย่างเราจะฝึกให้หัวใจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อย่างไร คงต้องมาติดตามดูกันจากนี้ไป
จากการค้นคว้า นักวิทยาศาสตร์การกีฬาได้แบ่งการทำงานของหัวใจเป็นโซน ซึ่งแต่ละโซนนั้นแบ่งเป็นค่าเปอร์เซนต์ของอัตราการเต้นสูงสุดของหัวใจที่แต่ละช่วงของอายุ ทำใจไว้เลยครับว่าทุกๆปีที่อายุมากขึ้นก็จะทำให้ตัวเลขอัตราการเต้นสูงสุดของหัวใจลดลงอย่างน้อย 1 ครั้งต่อนาที เป็นสิ่งที่เราเรียกกันว่าสังขาร ทุกคนหนีไม่พ้น
Zone 1
เป็นโซนที่อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ระหว่าง 60%-70% บางครั้งเราเรียกกันว่า Recovery zone หรือโซนสำหรับผ่อนคลาย ผู้ที่เริ่มออกกำลังมือใหม่ควรจะควบคุมตนเองให้อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ในโซนนี้ ซึ่งเป็นโซนที่สร้างความทนทานขั้นพื้นฐานรวมทั้งขีดความสามารถของแอโรบิคเบื้องต้น หลังจากวันที่ฝึกซ้อมหนักหน่วงแล้วนักจักรยานควรจะใช้ประโยชน์จากโซนนี้ ซึ่งนอกจากจะเป็นการใช้พลังงานหลักจากไขมันแล้วยังเป็นการเติมไกลโคเจน (glycogen) ซึ่งถูกใช้ไปในระหว่างการฝึกซ้อมหนักหรือการแข่งขันให้กับกล้ามเนื้อได้ดี
Zone 2
เป็นโซนที่อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ระหว่าง 70%-80% เรียกกันคุ้นหูว่า โซนแอโรบิค การฝึกในโซนนี้เป็นการการฝึกร่างกายให้เรียนรู้การลำเลียงออกซิเจนสู่กล้ามเนื้อและผ่องถ่ายคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากกล้ามเนื้ออย่างมีประสิทธิภาพและเกิดการพัฒนาให้ดีขึ้น เมื่อนักจักรยานฟิตมากขึ้นและแข็งแรงขึ้น ก็จะสามารถออกขี่จักรยานระยะทางไกลในช่วงวันหยุดได้ โดยคุมอัตราการเต้นของหัวใจที่ประมาณ 75% นอกจากจะช่วยเผาผลาญไขมันได้ดีมากแล้วยังเพิ่มขีดความสามารถทางแอโรบิคได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
Zone 3
เป็นโซนที่ค่อนข้างจะหนักหน่วงขึ้นเพราะหัวใจจะทำงานอยู่ที่ระดับ 80%-90% ถ้านักจักรยานไม่มีพื้นฐานการฝึกซ้อมที่ดีพอแล้วข้ามขั้นมาบริเวณนี้บ่อยๆอาจเกิดอาการโอเวอร์เทรนด์ได้ง่ายๆ การฝึกในระดับนี้เป็นการฝึกเพื่อหาและพัฒนาระดับความทนทานของกล้ามเนื้อต่อกรดแลคติคที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงานของกล้ามเนื้อ การฝึกในระดับนี้แทบจะไม่ใช่ไขมันในการเผาผลาญให้เกิดพลังงานเลย แต่ร่างกายจะใช้ไกลโคเจนที่นักจักรยานจะสะสมในกล้ามเนื้อจากการฝึกเบื้องต้นต่างๆเป็นระยะเวลานานๆเป็นแหล่งพลังงานหลัก ลองนึกภาพดูว่าเราพยายามปั่นจักรยานตามคนที่ขี่ได้เร็วกว่าเรามาก หรือปั่นจักรยานขึ้นเขา จะมีอยู่จุดหนึ่งที่เราเกิดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้ออย่างหนัก จนเราต้องถอยออกมา จุดนี้เป็นจุดที่ร่างกายไม่สามารถลำเลียงกรดแลคติคออกจากกล้ามเนื้อได้เร็วพอ เราเรียกจุดนี้ว่า อานาโรบิค เธรชโชลด์ (AT หรือ Anarobic Threshold) ไม่ต้องตกใจว่าพอขึ้นเขาไปได้สักสองสามร้อยเมตรแล้วจะเป็นอย่างนี้ไปตลอด หรือปั่นตามนักจักรยานเร็วๆได้เพียง 4-5 นาทีก็หลุดกลุ่ม พวกที่ขึ้นเขาเก่งๆหรือพวกที่ปั่นกันเร็วๆก็เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนทั้งนั้น แต่ต้องผ่านการฝึกฝนตามขั้นตอนที่ถูกต้องและระมัดระวัง ร่างกายก็จะปรับตัวทีละน้อยให้ยืดจุด AT ออกไปให้นานขึ้นได้
Zone 4
โซนสุดอันตรายหรือที่นักจักรยานบางคนเรียกกันว่า เรดโซน (Red zone) ไม่ต้องกล่าวถึงก็คงทราบว่าหัวใจจะทำงานหนักมากอยู่ที่ระหว่าง 90%-100% การฝึกในโซนนี้หรือไม่ว่าจะทำอะไรอย่างไรจะใช้เวลาเพียงสั้นๆแบบอินเทอวัล (Interval) เท่านั้น การฝึกกล้ามเนื้อที่ยืดหดตัวเร็วจะฝึกกันในโซนนี้ แต่ต้องฝึกอย่างถูกวิธีเพื่อหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บ แน่นอนว่าผู้ที่จะหาญเข้ามาฝึกในโซนนี้จะต้องฟิตมากพอตัว
สิ่งที่นักจักรยานที่ต้องการเพิ่มความน่าสนใจกับการออกกำลังควรจะมีคือ เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งทุกวันนี้มาในหลายรูปแบบทั้งแบบที่ใส่ข้อมือเหมือนนาฬิกา และแบบที่มาพร้อมกับคอมพิวเตอร์วัดความเร็วซึ่งมีผู้ผลิตหลายรายเช่น Bontrager,Cateye,และPolar เป็นต้น คราวนี้สิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจคือศัพท์แสงบางคำหรืออักษรย่อที่จะเห็นบ่อยขึ้น
MHR = Maximum Heart Rate (อัตราการเต้นสูงสุด)
RHR = Rest Heart Rate (อัตราการเต้นของหัวใจในสภาวะผ่อนคลาย)
WHR = Working Heart Rate (อัตราการเต้นของหัวใจที่ต่ำที่สุดที่มีผลต่อการออกกำลังกาย)
THR = Target Heart Rate (เป้าหมายอัตราการเต้นของหัวใจของการฝึกซ้อม)
BPM = Beat per minute (อัตราการเต้นของหัวใจคิดเป็นจำนวนครั้งต่อนาที)
เราพูดกันถึงอัตราการเต้นหัวใจว่าต้องซ้อมกันกี่เปอร์เซนต์ๆ แล้วมันคืออะไรกัน ในเบื้องต้นเราสามารถคำนวณอัตราการเต้นสูงสุดของหัวใจได้โดยใช้สูตรง่ายๆดังต่อไปนี้
220 – อายุ = อัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดที่อายุนั้นๆ
ตัวอย่างเช่น นักจักรยานมีอายุ 45 ปี ค่าของอัตราการเต้นสูงสุดของหัวใจ (MHR) คือ
220 – 45 = 175 ครั้ง / นาที
อันที่จริงแล้วตัวเลขนี้ยังมีความแปรผันได้ตามชนิดกีฬาที่เล่นและพื้นฐานความแข็งแรงของนักกีฬาแต่ละคน ถ้าไม่ซีเรียสนักก็คำนวณค่าเปอร์เซนต์ตรงๆจากตัวเลขเบื้องต้นได้เลยเช่น ต้องการซ้อมใน Zone 1 ก็นำตัวเลข MHR (อัตราการเต้นหัวใจสูงสุด) ซึ่งในกรณีนี้คือ 175 ครั้ง/นาที คูณด้วย 0.6 และ 0.7 ซึ่งตัวเลขที่ได้คือ
175 X 0.6 = 105
175 X 0.7 = 123
ดังนั้นผู้ที่ต้องการออกกำลังกายเบาๆในโซนนี้ ควรจะควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจระหว่างปั่นจักรยานให้อยู่ระหว่าง 105 – 123 ครั้ง/นาที และถ้าซีเรียสมากขึ้นต้องการปั่นที่ Zone 2 เราก็คำนวณได้จาก 175 X 0.8 = 140 ก็หมายความว่าถ้าเราอายุ 45 ปี และต้องการออกกำลังระดับแอโรบิคที่สูงขึ้นมาหน่อย เราควรจะคุมไม่ให้อัตราการเต้นของหัวใจเกิน 140 ครั้ง/นาที เป็นวิธีการง่ายๆครับ ค่าต่างๆที่คำนวณได้เป็นเป้าหมายอัตราการเต้นของหัวใจที่โซนต่างๆ (THR)
มาถึงตรงนี้หลายคนคงจะนึกค้านกันในใจ เอาละครับนักจักรยานหลายคนอาจจะผ่านการฝึกซ้อมหรือผ่านชั่วโมงบินมามากพอสมควร นักจักรยานหรือนักกีฬาประเภททนทานที่มีชั่วโมงบินสูงมักจะมีค่าอัตราการเต้นของหัวใจในสภาวะผ่อนคลาย (RHR) ต่ำกว่าคนปกติ บางคนอาจมีค่า RHR ต่ำเพียง 45 ครั้งต่อนาทีเท่านั้นเมื่อเทียบกับคนทั่วไปที่ไม่ได้ออกกำลังบ่อยๆ ทั้งนี้เนื่องจากพวกที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอจะมีหัวใจที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าปกติ
ค่า RHR หาได้โดยหาที่สบายๆ นั่งพักเอนหลังฟังเพลงเบาๆ ไม่ต้องตื่นเต้นสัก 20 นาที พยายามเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด ใช้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆให้น้อยที่สุด หากมีนาฬิกาข้างฝาที่มีเข็มวินาทีก็จะดี ยิ่งมีเครื่องวัดอัตราการเต้นหัวใจแบบคาดอกติดไว้ยิ่งจะทำให้เราเคลื่อนไหวน้อยลง เมื่อครบ 20 นาทีให้เช็คอัตราการเต้นของหัวใจช่วงนั้น เช็คใหม่อีกครั้งแล้วหาค่าเฉลี่ยเพื่อใช้ในการคำนวณ
เมื่อได้ค่า MHR และ RHR เราสามารถหาค่าของ THR ใหม่ดังมีลำดับการคำนวณเป็นขั้นๆโดยยกตัวอย่างจากค่าของผู้ที่มีอายุ 45 ปี ซึ่งมีค่า RHR 50 ครั้งต่อนาที ดังต่อไปนี้
MHR – RHR = WHR(Working Heart Rate) 175 – 50 = 125
สิ่งที่เริ่มน่าสนใจคือถ้าบุคคลเดียวกันนี้ต้องการออกกำลังที่ 80% เราต้องคำนวณต่อดังนี้
0.8 X 125 = 100
THR ค่าใหม่ที่เราจะได้คือ 100 + RHR = 100 + 50 = 150 ครั้ง/นาที ซึ่งมากกว่าการคำนวณแบบเบสิคถึง 10 ครั้ง/นาที ไม่ต้องตกใจว่าคนที่ค่า RHR สูงๆค่า THR อาจจะสูงกว่านี้เล็กน้อย
สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะตัวเลข 220 ซึ่งเป็นตัวเลขค่าเฉลี่ยที่นักวิทยาศาสตร์สมัยก่อนสุ่มเช็คมาจากกลุ่มวัยรุ่น ทำให้ค่าเฉลี่ยนี้มีความคลาดเคลื่อนอยู่ประมาณ +/- 11 ครั้ง/นาที
ดังนั้นเพื่อให้การฝึกซ้อมสำหรับนักจักรยานที่ค่อนข้างจะซีเรียสกับพัฒนาการต่างๆ นักจักรยานจึงควรจะคอยเช็คค่า RHR สม่ำเสมอหรือทุกเดือนเพื่อที่จะปรับค่าในการฝึกซ้อมตลอดเวลา
37.การปั่นจักรยานกับการเต้นของหัวใจ
ใจเล็ก ใจใหญ่ ใจถึง
ใครๆก็มีหัวใจเหมือนๆกัน ทำไมบางคนออกกำลังเพียงชั่วครู่ก็เหนื่อยแทบขาดใจ แต่บางคนเห็นตั้งหน้าตั้งตาปั่นจักรยานเหมือนกับแก้บนทีละ 2 ชั่วโมงยังดูแค่เหนื่อยนิดๆ หากเป็นสมัยก่อนยังไม่มีใครสนใจนักว่าคนที่เล่นกีฬาสามารถฝึกให้ดีขึ้นได้ด้วยการฝึกหัวใจแต่ใช้วิธีใจถึง จนในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมาวิทยาศาสตร์การกีฬาได้เข้ามามีส่วนช่วยให้นักกีฬาเก่งขึ้น สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ค้นพบคือหัวใจที่ผ่านการฝึกมาอย่างถูกต้อง เป็นขั้นเป็นตอนไม่หักโหมก็จะแข็งแรงขึ้นทีละน้อย ในที่สุดผู้ที่เคยขี่จักรยานเพียงยี่สิบนาทีแล้วนอนหอบแทบเป็นแทบตาย ก็จะขี่จักรยานได้นานขึ้น หากฝึกต่อไปเรื่อยๆก็จะขี่ได้ไกลขึ้นและเร็วขึ้น นักจักรยานที่ขี่ได้ดีอยู่แล้วก็มีโอกาสทำได้ดีขึ้นอีก แล้วนักจักรยานอย่างเราจะฝึกให้หัวใจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อย่างไร คงต้องมาติดตามดูกันจากนี้ไป
จากการค้นคว้า นักวิทยาศาสตร์การกีฬาได้แบ่งการทำงานของหัวใจเป็นโซน ซึ่งแต่ละโซนนั้นแบ่งเป็นค่าเปอร์เซนต์ของอัตราการเต้นสูงสุดของหัวใจที่แต่ละช่วงของอายุ ทำใจไว้เลยครับว่าทุกๆปีที่อายุมากขึ้นก็จะทำให้ตัวเลขอัตราการเต้นสูงสุดของหัวใจลดลงอย่างน้อย 1 ครั้งต่อนาที เป็นสิ่งที่เราเรียกกันว่าสังขาร ทุกคนหนีไม่พ้น
Zone 1
เป็นโซนที่อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ระหว่าง 60%-70% บางครั้งเราเรียกกันว่า Recovery zone หรือโซนสำหรับผ่อนคลาย ผู้ที่เริ่มออกกำลังมือใหม่ควรจะควบคุมตนเองให้อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ในโซนนี้ ซึ่งเป็นโซนที่สร้างความทนทานขั้นพื้นฐานรวมทั้งขีดความสามารถของแอโรบิคเบื้องต้น หลังจากวันที่ฝึกซ้อมหนักหน่วงแล้วนักจักรยานควรจะใช้ประโยชน์จากโซนนี้ ซึ่งนอกจากจะเป็นการใช้พลังงานหลักจากไขมันแล้วยังเป็นการเติมไกลโคเจน (glycogen) ซึ่งถูกใช้ไปในระหว่างการฝึกซ้อมหนักหรือการแข่งขันให้กับกล้ามเนื้อได้ดี
Zone 2
เป็นโซนที่อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ระหว่าง 70%-80% เรียกกันคุ้นหูว่า โซนแอโรบิค การฝึกในโซนนี้เป็นการการฝึกร่างกายให้เรียนรู้การลำเลียงออกซิเจนสู่กล้ามเนื้อและผ่องถ่ายคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากกล้ามเนื้ออย่างมีประสิทธิภาพและเกิดการพัฒนาให้ดีขึ้น เมื่อนักจักรยานฟิตมากขึ้นและแข็งแรงขึ้น ก็จะสามารถออกขี่จักรยานระยะทางไกลในช่วงวันหยุดได้ โดยคุมอัตราการเต้นของหัวใจที่ประมาณ 75% นอกจากจะช่วยเผาผลาญไขมันได้ดีมากแล้วยังเพิ่มขีดความสามารถทางแอโรบิคได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
Zone 3
เป็นโซนที่ค่อนข้างจะหนักหน่วงขึ้นเพราะหัวใจจะทำงานอยู่ที่ระดับ 80%-90% ถ้านักจักรยานไม่มีพื้นฐานการฝึกซ้อมที่ดีพอแล้วข้ามขั้นมาบริเวณนี้บ่อยๆอาจเกิดอาการโอเวอร์เทรนด์ได้ง่ายๆ การฝึกในระดับนี้เป็นการฝึกเพื่อหาและพัฒนาระดับความทนทานของกล้ามเนื้อต่อกรดแลคติคที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงานของกล้ามเนื้อ การฝึกในระดับนี้แทบจะไม่ใช่ไขมันในการเผาผลาญให้เกิดพลังงานเลย แต่ร่างกายจะใช้ไกลโคเจนที่นักจักรยานจะสะสมในกล้ามเนื้อจากการฝึกเบื้องต้นต่างๆเป็นระยะเวลานานๆเป็นแหล่งพลังงานหลัก ลองนึกภาพดูว่าเราพยายามปั่นจักรยานตามคนที่ขี่ได้เร็วกว่าเรามาก หรือปั่นจักรยานขึ้นเขา จะมีอยู่จุดหนึ่งที่เราเกิดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้ออย่างหนัก จนเราต้องถอยออกมา จุดนี้เป็นจุดที่ร่างกายไม่สามารถลำเลียงกรดแลคติคออกจากกล้ามเนื้อได้เร็วพอ เราเรียกจุดนี้ว่า อานาโรบิค เธรชโชลด์ (AT หรือ Anarobic Threshold) ไม่ต้องตกใจว่าพอขึ้นเขาไปได้สักสองสามร้อยเมตรแล้วจะเป็นอย่างนี้ไปตลอด หรือปั่นตามนักจักรยานเร็วๆได้เพียง 4-5 นาทีก็หลุดกลุ่ม พวกที่ขึ้นเขาเก่งๆหรือพวกที่ปั่นกันเร็วๆก็เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนทั้งนั้น แต่ต้องผ่านการฝึกฝนตามขั้นตอนที่ถูกต้องและระมัดระวัง ร่างกายก็จะปรับตัวทีละน้อยให้ยืดจุด AT ออกไปให้นานขึ้นได้
Zone 4
โซนสุดอันตรายหรือที่นักจักรยานบางคนเรียกกันว่า เรดโซน (Red zone) ไม่ต้องกล่าวถึงก็คงทราบว่าหัวใจจะทำงานหนักมากอยู่ที่ระหว่าง 90%-100% การฝึกในโซนนี้หรือไม่ว่าจะทำอะไรอย่างไรจะใช้เวลาเพียงสั้นๆแบบอินเทอวัล (Interval) เท่านั้น การฝึกกล้ามเนื้อที่ยืดหดตัวเร็วจะฝึกกันในโซนนี้ แต่ต้องฝึกอย่างถูกวิธีเพื่อหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บ แน่นอนว่าผู้ที่จะหาญเข้ามาฝึกในโซนนี้จะต้องฟิตมากพอตัว
สิ่งที่นักจักรยานที่ต้องการเพิ่มความน่าสนใจกับการออกกำลังควรจะมีคือ เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งทุกวันนี้มาในหลายรูปแบบทั้งแบบที่ใส่ข้อมือเหมือนนาฬิกา และแบบที่มาพร้อมกับคอมพิวเตอร์วัดความเร็วซึ่งมีผู้ผลิตหลายรายเช่น Bontrager,Cateye,และPolar เป็นต้น คราวนี้สิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจคือศัพท์แสงบางคำหรืออักษรย่อที่จะเห็นบ่อยขึ้น
MHR = Maximum Heart Rate (อัตราการเต้นสูงสุด)
RHR = Rest Heart Rate (อัตราการเต้นของหัวใจในสภาวะผ่อนคลาย)
WHR = Working Heart Rate (อัตราการเต้นของหัวใจที่ต่ำที่สุดที่มีผลต่อการออกกำลังกาย)
THR = Target Heart Rate (เป้าหมายอัตราการเต้นของหัวใจของการฝึกซ้อม)
BPM = Beat per minute (อัตราการเต้นของหัวใจคิดเป็นจำนวนครั้งต่อนาที)
เราพูดกันถึงอัตราการเต้นหัวใจว่าต้องซ้อมกันกี่เปอร์เซนต์ๆ แล้วมันคืออะไรกัน ในเบื้องต้นเราสามารถคำนวณอัตราการเต้นสูงสุดของหัวใจได้โดยใช้สูตรง่ายๆดังต่อไปนี้
220 – อายุ = อัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดที่อายุนั้นๆ
ตัวอย่างเช่น นักจักรยานมีอายุ 45 ปี ค่าของอัตราการเต้นสูงสุดของหัวใจ (MHR) คือ
220 – 45 = 175 ครั้ง / นาที
อันที่จริงแล้วตัวเลขนี้ยังมีความแปรผันได้ตามชนิดกีฬาที่เล่นและพื้นฐานความแข็งแรงของนักกีฬาแต่ละคน ถ้าไม่ซีเรียสนักก็คำนวณค่าเปอร์เซนต์ตรงๆจากตัวเลขเบื้องต้นได้เลยเช่น ต้องการซ้อมใน Zone 1 ก็นำตัวเลข MHR (อัตราการเต้นหัวใจสูงสุด) ซึ่งในกรณีนี้คือ 175 ครั้ง/นาที คูณด้วย 0.6 และ 0.7 ซึ่งตัวเลขที่ได้คือ
175 X 0.6 = 105
175 X 0.7 = 123
ดังนั้นผู้ที่ต้องการออกกำลังกายเบาๆในโซนนี้ ควรจะควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจระหว่างปั่นจักรยานให้อยู่ระหว่าง 105 – 123 ครั้ง/นาที และถ้าซีเรียสมากขึ้นต้องการปั่นที่ Zone 2 เราก็คำนวณได้จาก 175 X 0.8 = 140 ก็หมายความว่าถ้าเราอายุ 45 ปี และต้องการออกกำลังระดับแอโรบิคที่สูงขึ้นมาหน่อย เราควรจะคุมไม่ให้อัตราการเต้นของหัวใจเกิน 140 ครั้ง/นาที เป็นวิธีการง่ายๆครับ ค่าต่างๆที่คำนวณได้เป็นเป้าหมายอัตราการเต้นของหัวใจที่โซนต่างๆ (THR)
มาถึงตรงนี้หลายคนคงจะนึกค้านกันในใจ เอาละครับนักจักรยานหลายคนอาจจะผ่านการฝึกซ้อมหรือผ่านชั่วโมงบินมามากพอสมควร นักจักรยานหรือนักกีฬาประเภททนทานที่มีชั่วโมงบินสูงมักจะมีค่าอัตราการเต้นของหัวใจในสภาวะผ่อนคลาย (RHR) ต่ำกว่าคนปกติ บางคนอาจมีค่า RHR ต่ำเพียง 45 ครั้งต่อนาทีเท่านั้นเมื่อเทียบกับคนทั่วไปที่ไม่ได้ออกกำลังบ่อยๆ ทั้งนี้เนื่องจากพวกที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอจะมีหัวใจที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าปกติ
ค่า RHR หาได้โดยหาที่สบายๆ นั่งพักเอนหลังฟังเพลงเบาๆ ไม่ต้องตื่นเต้นสัก 20 นาที พยายามเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด ใช้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆให้น้อยที่สุด หากมีนาฬิกาข้างฝาที่มีเข็มวินาทีก็จะดี ยิ่งมีเครื่องวัดอัตราการเต้นหัวใจแบบคาดอกติดไว้ยิ่งจะทำให้เราเคลื่อนไหวน้อยลง เมื่อครบ 20 นาทีให้เช็คอัตราการเต้นของหัวใจช่วงนั้น เช็คใหม่อีกครั้งแล้วหาค่าเฉลี่ยเพื่อใช้ในการคำนวณ
เมื่อได้ค่า MHR และ RHR เราสามารถหาค่าของ THR ใหม่ดังมีลำดับการคำนวณเป็นขั้นๆโดยยกตัวอย่างจากค่าของผู้ที่มีอายุ 45 ปี ซึ่งมีค่า RHR 50 ครั้งต่อนาที ดังต่อไปนี้
MHR – RHR = WHR(Working Heart Rate) 175 – 50 = 125
สิ่งที่เริ่มน่าสนใจคือถ้าบุคคลเดียวกันนี้ต้องการออกกำลังที่ 80% เราต้องคำนวณต่อดังนี้
0.8 X 125 = 100
THR ค่าใหม่ที่เราจะได้คือ 100 + RHR = 100 + 50 = 150 ครั้ง/นาที ซึ่งมากกว่าการคำนวณแบบเบสิคถึง 10 ครั้ง/นาที ไม่ต้องตกใจว่าคนที่ค่า RHR สูงๆค่า THR อาจจะสูงกว่านี้เล็กน้อย
สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะตัวเลข 220 ซึ่งเป็นตัวเลขค่าเฉลี่ยที่นักวิทยาศาสตร์สมัยก่อนสุ่มเช็คมาจากกลุ่มวัยรุ่น ทำให้ค่าเฉลี่ยนี้มีความคลาดเคลื่อนอยู่ประมาณ +/- 11 ครั้ง/นาที
ดังนั้นเพื่อให้การฝึกซ้อมสำหรับนักจักรยานที่ค่อนข้างจะซีเรียสกับพัฒนาการต่างๆ นักจักรยานจึงควรจะคอยเช็คค่า RHR สม่ำเสมอหรือทุกเดือนเพื่อที่จะปรับค่าในการฝึกซ้อมตลอดเวลา
“อย่าพยายามทำสิ่งที่ได้ ให้เท่ากับใจ
แต่จงพยายามทำใจ ให้เท่ากับสิ่งที่ได้มา”
แต่จงพยายามทำใจ ให้เท่ากับสิ่งที่ได้มา”
- the_duck_man
- ขาประจำ
- โพสต์: 208
- ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2012, 15:52
- Tel: 0812710229
- team: samui bike cafe shop
- Bike: trek madone 4.5
Re: SaMui BiKe CaFe. เฮ! ฮา! Party!!!
วันนี้ได้ออกหรือเปล่าครับเสือเปี้ยก
ไม่มีอุปสรรคใดๆ...มาขวางใจเราได้
- เปี๊ยก samui
- สมาชิก
- โพสต์: 88
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ต.ค. 2010, 12:45
- Tel: 0895875029
- team: samui bike cafe shop
- Bike: trek madone 4.5
- ตำแหน่ง: samui Thailand
Re: SaMui BiKe CaFe. เฮ! ฮา! Party!!!
ออกครับไปกันทุกคนขาดแต่ผู้จัดการทีมครับthe_duck_man เขียน:วันนี้ได้ออกหรือเปล่าครับเสือเปี้ยก
“อย่าพยายามทำสิ่งที่ได้ ให้เท่ากับใจ
แต่จงพยายามทำใจ ให้เท่ากับสิ่งที่ได้มา”
แต่จงพยายามทำใจ ให้เท่ากับสิ่งที่ได้มา”
- trekgold
- ขาประจำ
- โพสต์: 2816
- ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ธ.ค. 2010, 13:57
- Tel: 0925467144
- team: CountrySideProject
- Bike: ใช้ trek madone project one.
Re: SaMui BiKe CaFe. เฮ! ฮา! Party!!!
กลับถึงสมุยแล้วครับ หวันเย็นๆ เจอกันครับ
CountrySideProject
พร้อมให้บริการ ชาวจักรยานทุกท่าน
พร้อมให้บริการ ชาวจักรยานทุกท่าน