ใช้ HEART-RATE ได้อะไรมากว่าที่คิด จากเมื่อก่อน สู่เมื่อแก่

สอบถามเทคนิคการฝึกซ้อม/สุขภาพ/อาหาร เชิญห้องนี้เลย
รูปประจำตัวสมาชิก
benpariwat
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1944
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มี.ค. 2013, 07:58
Bike: Specialized Tarmac comp 2012

Re: ใช้ HEART-RATE ได้อะไรมากว่าที่คิด จากเมื่อก่อน สู่เมื่อแก่

โพสต์ โดย benpariwat »

Lange เขียน:
benpariwat เขียน:ผมปั่นคุมไม่เกิน 80% อ่ะครับ สงสัยจะสูงเกินไป :oops:

ตอนโดนกลุ่มกระชากลากดึง ผมค้างอยู่ที่ 95% ตลอด แต่ไม่เหนื่อยมากนะครับ แปลกดี

ผมใช้ตลอดครับ จะจับพ่อใสบ้างละครับ
สอบถามครับ
max heart rateท่านคำนวนหรือหาจากค่าจริงครับ
บางทีค่าคำนวนอาจน้อยไปหรือมากไปแต่ละคนไม่เท่ากัน
ถ้า95%แช่ไม่เหนื่อยนี่ maxน่าจะยังอีกไกลเลยอะครับ
ผมหาเอาตามทริปครับ ตอนขึ้นเนินนี่พุ่งปริ๊ดๆๆ แต่มันก็ตันอยู่แค่ 194 ครับ
แต่พอขี่เดี่ยวแช่ 88-92% ประมาณ 15 นาที นี่ผมช๊อกแล้วครับ :lol:
เสือรถพ่วง
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1373
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ม.ค. 2010, 21:20
Tel: 0819555673
team: SAHAKIJ JOHO..KORATBIKE... P.C.S.Clycling Team Korat
Bike: KONA KHS TREK GIANT SCOTT ANCHOR

Re: ใช้ HEART-RATE ได้อะไรมากว่าที่คิด จากเมื่อก่อน สู่เมื่อแก่

โพสต์ โดย เสือรถพ่วง »

ของผมก็ใช้ ฮาร์เรท มาประมาณ เกือบสิบปีแล้วครับ ตอนแรกก็ใช้แคทอาย แต่มาจบที่โพลาร์ครับ ใช้ดีครับ ข้อมูลไม่เพี้ยนมาก เมื่อค้นปีตัวเรือนนาฬิกาเสีย ช็อตครับ เพราะเจอน้ำเข้า ก็ต้องส่งเข้าศูนย์ครับ ศูนย์โทรมาแจ้งว่าต้องเปลี่ยนตัวเครื่องใหม่ครับ ตัวในนะครับ ตัวนอกไม่เสียเพราะเป็นพลาสติก ราคาค่าใช้จ่ายประมาณ 4000 กว่าบาท ซ่อมเสร็จกลับมาใช้งานก็โอเคครับ
pmiyata
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 57
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2013, 19:56

Re: ใช้ HEART-RATE ได้อะไรมากว่าที่คิด จากเมื่อก่อน สู่เมื่อแก่

โพสต์ โดย pmiyata »

ผมปั่นมาเกือบ2ปีก็อยากได้มาใช้เหมือนกันไม่ทราบว่าการใช้ยุ่งยากไหมครับ
ดูpolarอยู่เหมือนกันครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
benpariwat
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1944
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มี.ค. 2013, 07:58
Bike: Specialized Tarmac comp 2012

Re: ใช้ HEART-RATE ได้อะไรมากว่าที่คิด จากเมื่อก่อน สู่เมื่อแก่

โพสต์ โดย benpariwat »

pmiyata เขียน:ผมปั่นมาเกือบ2ปีก็อยากได้มาใช้เหมือนกันไม่ทราบว่าการใช้ยุ่งยากไหมครับ
ดูpolarอยู่เหมือนกันครับ
ใช้ดูเอาเลยครับ มันจะขึ้นจำนวนการเต้นของหัวใจขึ้นมาเลยครับ
ปัญหาจริงๆคือ การหา max heart rate เพื่อคำนวณเปอร์เซนต์ของหัวใจที่เต้นครับ
pmiyata
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 57
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2013, 19:56

Re: ใช้ HEART-RATE ได้อะไรมากว่าที่คิด จากเมื่อก่อน สู่เมื่อแก่

โพสต์ โดย pmiyata »

benpariwat เขียน:
pmiyata เขียน:ผมปั่นมาเกือบ2ปีก็อยากได้มาใช้เหมือนกันไม่ทราบว่าการใช้ยุ่งยากไหมครับ
ดูpolarอยู่เหมือนกันครับ
ใช้ดูเอาเลยครับ มันจะขึ้นจำนวนการเต้นของหัวใจขึ้นมาเลยครับ
ปัญหาจริงๆคือ การหา max heart rate เพื่อคำนวณเปอร์เซนต์ของหัวใจที่เต้นครับ

ขอบคุณมากครับแต่ถามต่อว่าตอนนี้ผมอายุ53ทุกวันนี้ออกกำลังกายโดยปั่นจักรยานประมาณ40กม/วันสลับกับจ้อกกิ้งประมาณครึ่งชั่วโมง/วัน
ควรใช้รุ่นใหนดีครับ
ขอบคุณมากครับ(เส้นทางปั่นขาไปทางราบ,ขึ้นเขาขากลับลงเขา,ทางราบครับ)
รูปประจำตัวสมาชิก
benpariwat
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1944
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มี.ค. 2013, 07:58
Bike: Specialized Tarmac comp 2012

Re: ใช้ HEART-RATE ได้อะไรมากว่าที่คิด จากเมื่อก่อน สู่เมื่อแก่

โพสต์ โดย benpariwat »

pmiyata เขียน:
benpariwat เขียน:
pmiyata เขียน:ผมปั่นมาเกือบ2ปีก็อยากได้มาใช้เหมือนกันไม่ทราบว่าการใช้ยุ่งยากไหมครับ
ดูpolarอยู่เหมือนกันครับ
ใช้ดูเอาเลยครับ มันจะขึ้นจำนวนการเต้นของหัวใจขึ้นมาเลยครับ
ปัญหาจริงๆคือ การหา max heart rate เพื่อคำนวณเปอร์เซนต์ของหัวใจที่เต้นครับ

ขอบคุณมากครับแต่ถามต่อว่าตอนนี้ผมอายุ53ทุกวันนี้ออกกำลังกายโดยปั่นจักรยานประมาณ40กม/วันสลับกับจ้อกกิ้งประมาณครึ่งชั่วโมง/วัน
ควรใช้รุ่นใหนดีครับ
ขอบคุณมากครับ(เส้นทางปั่นขาไปทางราบ,ขึ้นเขาขากลับลงเขา,ทางราบครับ)
เท่าที่ผมจำได้นะครับ ผมใช้นาฬิกาของ sigma pc15 ผมซื้อมาพันนิ๊ดๆครับ ขึ้นดีเลย์ประมาณวินึงครับ
ถ้ามันไม่เพี้ยนผมว่าโอเคแล้วครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
kamolwat_t
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1371
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2012, 17:50
team: amis
Bike: 16" Klein Pluse Comp '97 - 53 lemond zurich '97

ใช้ HEART-RATE ได้อะไรมากว่าที่คิด จากเมื่อก่อน สู่เมื่อแก่

โพสต์ โดย kamolwat_t »

ผมเอาง่ายๆ 220-อายุครับ
Sport Science 27' CPEC
jo rama9
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 139
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 มิ.ย. 2013, 13:30
Tel: 0818388425
Bike: bianchi kuma 5300

Re: ใช้ HEART-RATE ได้อะไรมากว่าที่คิด จากเมื่อก่อน สู่เมื่อแก่

โพสต์ โดย jo rama9 »

ต้องหามาใช้บางแล้วครับ
ขอถามนิดครับแบบไมล์กับนาฬิกาอันไหนดีกว่ากัน
( ผมไม่ชอบใส่นาฬิกาครับ ) :)
รูปประจำตัวสมาชิก
kamolwat_t
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1371
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2012, 17:50
team: amis
Bike: 16" Klein Pluse Comp '97 - 53 lemond zurich '97

ใช้ HEART-RATE ได้อะไรมากว่าที่คิด จากเมื่อก่อน สู่เมื่อแก่

โพสต์ โดย kamolwat_t »

แล้วแต่สะดวกในการใช้งานครับ ^_^ ผมวิ่งบ้างอะไรบ้างเลยเอาแบบ นาฬิกาครับ


Sent from my iPhone using Tapatalk 2
Sport Science 27' CPEC
รูปประจำตัวสมาชิก
lucifer
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6413
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
Bike: Only 2-wheels bike
ติดต่อ:

Re: ใช้ HEART-RATE ได้อะไรมากว่าที่คิด จากเมื่อก่อน สู่เมื่อแก่

โพสต์ โดย lucifer »

คุณ kamolwat_t บอกว่าแก่แล้ว แต่อายุเพิ่งแค่จะ 31 ปี
ใจร้ายเนอะ คนวัยผมมิกลายเป็นผู้เฒ่าชราภาพไปหมดแล้วหรือครับ ฮ่า ฮ่า

แต่จะว่าไปก็ถูกของคุณแหละ เพราะ stage of aging ของคนเรานั้นจะเริ่มต้นนับกันตั้งแต่อายุ 30 ปี เพราะสังขารทุกๆส่วนของเราจะเริ่มเสื่อมถอยลดทอนกำลังลงมาเรื่อยๆในทุกๆปีที่เราอายุเพิ่มขึ้น แต่เราอาจจะไม่ทันเห็นผลของมันเพราะทุกๆส่วนของเรายังมีกำลังสำรองอยู่อย่างเหลือเฟือ เพียงแต่บางท่านอาจจะริดรอนกำลังสำรองไปโดยไม่รู้ตัว เช่น เครียด ทำงานหนัก กินเหล้า สูบบุหรี่ ใช้สารเสพติด พักผ่อนน้อย ตรากตรำทำงาน อะไรพวกนี้แหละ

ขอบคุณจริงๆครับ ที่เอาเรื่อง HRM มาพูดกันใหม่อีกครั้งหนึ่ง เพราะเมื่อประมาณกว่า 10ปีที่แล้ว ผมเองก็เคยชักชวนให้หลายๆคนในเวปนี้ ( ตั้งแต่สมัยเปิดเวปใหม่ๆ กระดานข่าวไม่ใหญ่เหมือนปัจจุบัน ) ให้ความสำคัญกับการใช้ HRM เพราะมันได้ประโยชน์หลายอย่าง (​จริงๆประโยชน์สูงสุดของมันหนะ ถ้ารู้จักมันดีพอ ก็จะเข้าใจเองแหละ ) แต่ก็มีคนที่เขาไม่เห็นด้วยกับผมนะ เขาบอกว่าให้ Listen your body แทนก็ได้ เพราะ HRM ในยุคนั้นมันมีราคาสูงกว่าในปัจจุบัน

หลังจากนั้นไม่ถึง 2ปีมั๊ง ก็มีข่าวนักแข่งเสือภูเขาเสือภูเขาสูงอายุ เสียชีวิตกลางสนามแข่งขันที่จ.นครสวรรค์ สาเหตุจากหัวใจวาย ซึ่งไม่ต้องคิดมากหรอก แช่ยันทะลุขีดแดงจนหม้อน้ำแตกกระจาย หัวใจก็เลยบ๊ายบายไปตามกรรมานุกรรมของท่านไป

listen your body มันใช้ได้กับสภาวะปกติครับ คนเรานั้น สติและอนุสตินั้น มันอาจจะถูกรบกวนหรือบิดเบือนและปิดบังได้จากความกดดันต่างๆ อารมณ์เมามัน ความโลภที่จะเอาชนะ ความอยากที่จะเอาชนะ สิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้เกิดอาการหน้ามืดตามัวหูดับ จนไม่สามารถรับรู้รับฟังอาการใดๆจากร่างกายได้อีกเลย

ภายใต้สภาวะเช่นนี้ เราไม่ได้ยินร่างกายของเราโอดครวญอย่างแน่นอน



Maximum HR หาอย่างไร ? แม่นยำที่สุดต้องทดสอบหาด้วยตัวเอง แต่ถ้าท่านอายุเกิน 40 ปี ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายหนักๆหรือ ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องมาก่อน หรือ อย่างเก่งก็แค่ออกกำลังกายเบาๆ เช่น ตีกอล์ฟ แล้วท่านต้องการทราบจริงๆว่า Max HR ของท่านเท่าไหร่ ผมแนะนำให้ท่านไปทำ exercise stress test ตามรพ.ชั้นนำที่มีแพทย์ทางด้านโรคหัวใจคอยดูแล เพราะเราพบว่า 10%ผู้ที่อายุเกิน 40ปีจะมีคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ผิดปกตินะครับ ท่านก็จะสามารถทดสอบประสิทธิภาพของหัวใจและจัดหนักได้โดยมีคนคอยดูแลอย่างใกล้ชิน

แต่ถ้าท่านไม่คิดจะจัดหนักหรือไม่คิดจะไปรพ. การคำนวณ Max HR = 220 - อายุ ก็ยังคงเป็นวิธีคร่าวๆ ที่สามารถใช้ได้ระดับหนึ่ง อันที่จริงก็ยังมีวิธีคำนวณอีกมากมายหลายวิธี มีวิธีการคิดที่แตกต่างกัน มีปัจจัยอื่นๆ เช่น เพศ น้ำหนัก ส่วนสูง เอามาใส่เข้าไปอีก แถมบางสูตรยังเลือกดู activity ของแต่ละคนด้วยว่า เป็นยังไง แต่ก็ช่างเถอะครับ มันเป็นแค่การคำนวณเท่านั้น อาจจะใกล้เคียงบ้าง แต่ไม่ถึงกับเป๊ะ

ส่วนท่านที่ออกกำลังกายประจำๆ อย่างสม่ำเสมอ จัดหนักบ่อยๆ แล้วอยากจะหา Max HR จริงๆ ท่านก็ต้องจัดหนักครับ จัดหนักจน HR ขึ้นสูงสุดมาลอยอยู่ แต่ยังนะครับ ยังไม่ใช่ค่า MAX HR เพราะมันยังไม่สุดที่ VO2 max นะครับ คือ คุณจะต้องจัดหนัก ลากต่อ แช่ไว้อีก 5-10 วินาที จากนั้น HR มันจะเริ่มไต่ระดับขึ้นไปจนยัน Max HR จริงๆ

ผมเองก็เคยเจอแบบนี้กับตัวเองเมื่อปีก่อน เคยปั่นกับเพื่อนๆแล้วยิงฉีกเด็กๆที่ปั่น MTB เกาะท้ายดูดเรามาตลอด ตอนนั้นมันบ้าเลือด อัดขึ้นไปแล้ว สุดแล้ว แต่อัดต่อค้างไปอีก จนได้ยินเสียงเตือนจาก HRM ถึงรู้ว่า มันทะลุ MaxHR เดิมที่เคยหาไว้คราวก่อนนั้นไปอีก 4 beat/min ไม่ตายก็ดีเท่าไหร่แล้ว ไม่ห่วงสังขารเลย อายุ 51 (ในปีนั้น แต่ดันเล่นไปซะ 182/นาที )


เดี๋ยวมีเวลา ผมจะมาให้ความคิดเห็นส่วนตัวว่า ถ้าให้เลือกระหว่าง HRM กับ Power Meter เพียงอย่างเดียวจริงๆ เพราะช่องแสดงผลมันแสดงได้แค่ ค่าเดียว ( อันนี้สมมตินะ ) ผมจะเลือกอะไร
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน
รูปประจำตัวสมาชิก
benpariwat
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1944
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มี.ค. 2013, 07:58
Bike: Specialized Tarmac comp 2012

Re: ใช้ HEART-RATE ได้อะไรมากว่าที่คิด จากเมื่อก่อน สู่เมื่อแก่

โพสต์ โดย benpariwat »

lucifer เขียน: เดี๋ยวมีเวลา ผมจะมาให้ความคิดเห็นส่วนตัวว่า ถ้าให้เลือกระหว่าง HRM กับ Power Meter เพียงอย่างเดียวจริงๆ เพราะช่องแสดงผลมันแสดงได้แค่ ค่าเดียว ( อันนี้สมมตินะ ) ผมจะเลือกอะไร
ผมเลือก HRM นะครับ เพราะมันถูกกว่าครับผม :lol:
ผมว่ามันคือลิมิตของตัวเองครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
lucifer
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6413
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
Bike: Only 2-wheels bike
ติดต่อ:

Re: ใช้ HEART-RATE ได้อะไรมากว่าที่คิด จากเมื่อก่อน สู่เมื่อแก่

โพสต์ โดย lucifer »

มาต่อกันดีกว่า

benpariwat เขียน: ผมเลือก HRM นะครับ เพราะมันถูกกว่าครับผม :lol:
ผมว่ามันคือลิมิตของตัวเองครับ
อ้อ แน่นอนครับ มันก็เป็นสิ่งที่วนเวียนกลับมาเหมือนเมื่อ 10กว่าปีก่อน ที่ HRMเป็นของมีราคา และหาซื้อได้ไม่ง่ายนัก และพื้นฐานความเข้าใจเกี่ยวกับมันยังน้อยอยู่

สมัยนั้น จึงมีหลายคนเลือกที่จะใช้ listen your body มากกว่าที่จะเสียเงินซื้อ HRM


มันจึงเหมือนในปัจจุบันที่คนจะเลือก HRM มากกว่าจะเลือก Power meter ฉันใดฉันนั้น



ความคิดเห็นของผมมันเป็นเรื่องในเชิงอุดมคติสักหน่อย มันไม่ใช่เรื่องในทางรูปธรรมเลย เพราะใครๆก็รู้ว่า HRM มีราคาถูกกว่า Power meter อยู่หลายๆเท่าตัวเลยทีเดียว
Power meter จึงไม่ใช่สิ่งที่คนส่วนใหญ่เลือกมาใช้

สมมติว่า HRM กับ Power meter มีราคาแพงพอๆกันหละ อืมมม ไม่ใช่ถูกพอๆกันนะ เพราะถ้าถูกพอๆกันก็คงจะเลือกซื้อทีเดียวทั้งคู่ เอาเป็นว่าแพงพอๆกันก็แล้วกัน ซื้อได้แค่ตัวเดียว


การเปลี่ยนแปลงของ HR นั้น จะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ เช่น เดินทางแช่อยู่ที่ 75% max HR แล้วกระแทกบันไดขึ้นไป เพื่อที่จะเร่งความเร็วขึ้นไปเพียงแค่ 5 วินาที แล้วปล่อยไหลหรือควงบันไดไปเพียงเบาๆ กว่า HR จะขึ้นไปบางทีก็อาจจะเป็นช่วงที่ปล่อยไหลไปแล้ว หรือควงบันไดเบาๆไปได้ระยะหนึ่ง

ในคนที่ฟิตซ้อมมาดีพอ HRอาจจะตอบสนองไม่เร็วนัก และจะกลับลงมาเหลือเท่าเดิมได้ในเวลาอันสั้น แต่ถ้าคนที่ซ้อมมาน้อย HRจะขึ้นไปอย่างรวดเร็วกว่า และอาจจะค้างอยู่นานกว่าจะลงมาปกติ
คำถามจึงมีว่าจะออกแรงอย่างไรให้ HRไม่ขึ้นไปมากมาย และยังไหลกลับมาลงในระดับที่สามารถประคับประคองต่อไปได้

นั่นแหละ เพราะ HR มันขึ้นช้ากว่า มันเป็นเพียงสิ่งที่บอกการตอบสนองของร่างกายเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกถึงงานหรือกำลังที่เราปล่อยออกไป

สิ่งที่บอกได้ดีที่สุดก็คือ ต้องวัดกำลังที่เราปล่อยออกไป เราระเบิดกำลังไปแล้ว HRเพิ่งจะขึ้น เราลดกำลังลงมาปกติ HRยังสูงอยู่พักหนึ่งกว่าจะลงมา
ถ้าเข้าใจเรื่องของการออกกำลัง เราก็จะรู้ว่าเราควรจะออกกำลังแค่ไหน นานได้ไม่เกินเท่าไหร่ จึงจะไม่เกิดอาการไส้แตกเรีี่ยราด

Power meter ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ตัวเลข แต่ต้องรู้จักการแปลผล ก็เหมือนกับ HRM หนะครับ ดูแค่เลข 3 ตัวเหมือนกัน แต่ถ้าดูแล้วไม่แปลผล ก็ไม่แตกต่างอะไรกับเฟอร์นิเจอร์ประดับรถ
ถ้าฝึกซ้อมด้วย Power meter มานานพอ และเข้าใจเกี่ยวกับpower zone ถ้าเราใช้โปรแกรมดีๆในการนำผลมาช่วยประมวล เมื่อเราทดสอบวัดค่า FTP เราก็จะสามารถคำนวณหาค่า LTHR ( lactate threshold HR )
มาควบคู่กันด้วย

ในวันที่ร่างกายเป็นปกติ ไม่เจ็บไม่ไข้ ไม่ชำรุดทรุดโทรมจากการฝึกซ้อมที่หนักเกินไป การปั่นโดยดูเพียงค่า %FTP ก็เป็นสิ่งที่เพียงพอโดยไม่ต้องสนใจต่อ HR ได้เลยครับ เพราะ HR นั้นถึงมันจะขึ้นช้าและลงช้าในแบบของมันก็ตาม แต่มีผลการศึกษาขนาดจนกล้าที่จะใส่ FW เข้าไปในสายคาด HR ของ PowerTap ( ชื่อการค้าคือ PowerCal ) แล้วเทียบเคียงpower กับ HR ออกมาได้เลย (​ ถึงแม้ว่าค่าที่จะได้จะไม่สามารถใช้ไปอ้างอิงกับมาตรฐานได้ แต่ก็ใช้เทียบเคียงได้ในระดับหนึ่ง และถ้าเข้าใจ และใช้เป็น มันก็จะเป็นประโยชน์มากทีเดียว )

เพราะอัตราการเต้นของหัวใจ จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามกำลังที่เราปลดปล่อยออกมา ความสัมพันธ์อันนี้แหละครับ ที่ทำให้เกิด PowerCal ขึ้นมานั่นเอง

LTHR หาได้ก็ต่อเมื่อต้องปั่นนานพอสมควรจนโปรแกรมันสามารถเฉลี่ยค่าออกมาได้ และ LTHR ก็สัมพันธ์กันกับ FTP
ดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่ผมจะเฉลยให้ฟังไงครับว่า ถ้า HRM กับ PowerMeter มีราคาแพงพอๆกัน และเลือกซื้อได้เพียงอย่างเดียว ผมจะเลือกซื้อ Powermeter เท่านั้น เพราะการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอโดยอิงจากค่า power และทำการทดสอบหา FTP เป็นระยะๆ เราจะพบว่าการปั่นในชีวิตประจำวันของเรา โดยอิงกับค่า %FTP จะทำให้เราสามารถอยู่รอดตลอดจนจบทริปนั้นๆได้อย่างไม่ยาก แต่ถ้าเราอิงกับ %Max HR เราก็อาจจะไปไม่จบทริป เพราะเวลาโดนลากยาว กว่าHR จะขึ้น เราก็จะเสวยกับ Lactate acid ที่เริ่มคั่งในกล้ามเนื้อไปเสียแล้ว พอ HR ขึ้น กรดlactic ก็อาจจะเพิ่มปริมาณมากมายไปเสียแล้ว ไปต่อไหวไหมหละ ถามตัวเองก็ตอบไม่ได้หรอกครับ

แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นใช้ Power Meter , เขากระชากลากดึง เราสู้ตาม ค่าpowerของเราขึ้นไปแน่นอน ขึ้นไปเท่าไหร่ ตรงนี้เราจะรู้ และถ้าเราซ้อมมาดีพอ เราจะบอกได้ว่าเราทนที่ตรงนี้ได้นานกี่นาที ถ้าเราจะผ่อน เราจะผ่อนลงมาแค่ไหน จึงจะไม่ทำให้เราหล่นลงไปมาก ทุกๆอย่างมันมีคำตอบในตัวของมันอยู่ครับ (​คำตอบพวกนี้แลกมาด้วยเงินจำนวนมิใช่น้อยเช่นกัน )


อันนี้เป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ผมอยากจะเอามาแชร์ให้ทราบกันก่อนว่า ก่อนจะบอกว่า power meter มันแพง ไม่สำคัญหรอก ไม่จำเป็นต้องใช้หรอก ฯลฯ อะไรก็ช่างเถอะครับ ก็ขอให้เปิดใจกว้างๆ และยอมรับเทคโนโลยี่ทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาดูก่อน

Power meter คือ มาตรวัดกำลังที่เราปลดปล่อยออกไป
HRM คือ สิ่งที่บอกว่าร่างกายตอบสนองอย่างไรต่อการปลดปล่อยกำลังนั้น ถึงแม้ว่าจะบอกช้า แต่ยังดีกว่าไม่มี

แต่ถ้ามีแค่เพียงตัวเดียว และร่างกายสมบูรณ์พอ ผมเลือก power meter แล้วปั่นตาม %FTP เพราะยังไง HR ก็ไม่มีทางทะลุไปไกล ตามใดเท่าที่คุณยังคุม power zone อยู่
แต่ถ้าอ่อนซ้อม ร่างกายไม่สมบูรณ์ ก็จะไม่สามารถเทียบเคียงกับ %FTP ได้ เพราะยังไงๆ ค่า FTPที่แท้จริงก็ย่อมจะร่วงลงมาต่ำกว่าที่เคยแข็งแรงอย่างแน่นอน ตอนนี้แหละที่ HRM จะเป็นสิ่งจำเป็น

ถ้าอากาศร้อนจัด HRของเราจะสูงขึ้นกว่าปกติ ถึงแม้ว่าเราจะลดกำลังลงมาปั่นในช่วง Endurance หรือ Tempo ก็ตาม HRที่วัดได้ก็อาจจะสูงเกินไปกว่า ค่า LTHRที่เราเคยวัดได้ ทั้งๆที่ขายังไม่ล้า ยังไม่มีความรู้สึกว่า ขาร้อนหรือ burning เลยก็ตาม ดังนั้นในวันที่อากาศร้อนจัด HRMจะมีความสำคัญในระดับที่จะบอกว่า"อันตราย"กำลังจะมาเยือน


แชร์กันครับ

ผมสนับสนุน คุณ kamolwat_t อย่างยิ่งว่า สิ่งที่ควรจะจัดหาซื้อกันมาใช้ในอันดับต้นๆก็คือ HRM ครับ ปัจจุบันราคาถูกลงมามากแล้ว ขอให้พยายามทำความเข้าใจกับมัน แปลผลมันได้ การออกกำลังกายก็จะมีระดับความปลอดภัยที่สูงขึ้น
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน
pmiyata
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 57
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2013, 19:56

Re: ใช้ HEART-RATE ได้อะไรมากว่าที่คิด จากเมื่อก่อน สู่เมื่อแก่

โพสต์ โดย pmiyata »

kamolwat_t เขียน:แล้วแต่สะดวกในการใช้งานครับ ^_^ ผมวิ่งบ้างอะไรบ้างเลยเอาแบบ นาฬิกาครับ


Sent from my iPhone using Tapatalk 2
ผมซื้อมาแล้วครับเป็นแบบนาฬิกาของpolarครับ กำลังหัดใช้อยู่
สูงวัยแล้ว(53ปี)แต่ชอบลืมตัวอัดตามพวกหนุ่มๆครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
kamolwat_t
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1371
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2012, 17:50
team: amis
Bike: 16" Klein Pluse Comp '97 - 53 lemond zurich '97

ใช้ HEART-RATE ได้อะไรมากว่าที่คิด จากเมื่อก่อน สู่เมื่อแก่

โพสต์ โดย kamolwat_t »

สมัยเรียนก็ไม่มีปัญญาซื้อมาใช้ครับ เจ้า polar เนี่ย...(เอาตังไปลงจักรยานหมด 555)

แต่ได้ใช้และ เรียนวิธีการประยุกค์ใช้ จากในวิชาเรียนน่ะครับ เลยแนะนำการใช้งานให้กับคนที่เข้ามาตรวจสมรรถภาพร่างกายในศูนย์ฯได้ครับ

ส่วน VO2 Max ผมน่าจะเป็น(เหยื่อ 555 ) คนเดียวของรุ่นที่โดนจับขึ้นตอนที่ อ.พาไปกกท. ที่สนาม700ปีน่ะครับ เพราะมันบอกว่ามึงแหละขึ้น เพราะว่ามึงขี่จักรยาน 5555

เอ๋....ผมไม่แน่ใจว่า เจ้า VO2 Max นี่คนที่ขอใช้ทดสอบต้องเป็นระดับนักกีฬาจังหวัด โดยมีโค้ชทำเรื่องขออยู่หรือเปล่านะครับ


Sent from my iPhone using Tapatalk 2
Sport Science 27' CPEC
รูปประจำตัวสมาชิก
lucifer
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6413
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
Bike: Only 2-wheels bike
ติดต่อ:

Re: ใช้ HEART-RATE ได้อะไรมากว่าที่คิด จากเมื่อก่อน สู่เมื่อแก่

โพสต์ โดย lucifer »

จริงๆ การทดสอบวัด VO2 max ไม่ใช่เรื่องยากหรอกครับ ถ้าอุปกรณ์ส่วนควบต่างๆครบครัน แต่ขั้นตอนมันยุ่งยากสักหน่อยหนึ่งเท่านั้นแหละ สมัยตอนผมจบแพทย์ใหม่ๆ ผมทำงานอยู่ที่สรีรวิทยา มีเครื่องspirometer ใหญ่ๆสำหรับวัดการหายใจอยู่ตัวหนึ่ง อุปกรณ์ชุดนี้สามารถใช้วัดและคำนวณหาได้ทุกอย่างแหละครับ ไม่ว่าจะคำนวณ basal metabolic rate , Respiratory quotient , Oxygen consumption , Total calories

ขั้นตอนมันอยู่ที่การนำข้อมูลทีได้มาลากเส้น วัดค่า แล้วใส่สูตรคำนวณ
ไม่รู้เหมือนกันว่าในยุคดิจิทัลครองโลก จะพัฒนาอุปกรณ์พวกนี้ให้มีขนาดกระทัดรัดและรวดเร็วได้แค่ไหน (​ ทุกวันนี้เครื่องมือทำงานของผมก็ใช้อุปกรณ์อีเลคทรอนิคส์วัดค่า flow ของอากาศที่หายใจเข้าและออกอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่มันไม่ได้เอามาใช้แปลผลทางการกีฬาเท่านั้นเอง :lol:

ท่าทาง กกท. ก็คงจะใช้ Spirometer เครื่องใหญ่ๆ เป็นdrum ลอยอยู่ในน้ำเหมือนกับLabของผมเมื่อ 25ปีที่แล้วอยู่อย่างเดิมแหละครับ คงไม่มีงบซื้อใหม่ และที่สำคัญ อุปกรณ์แบบนี้มันทนมากกกกกก ไม่ต้องดูแลรักษาอะไรมากมายเลย แค่เช็คไม่ให้ข้อต่อรั่ว ท่อต่างๆไม่รั่ว โซดาไลม์ยังไม่เปลี่ยนสี ก็ใช้งานได้แล้ว
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน
ตอบกลับ

กลับไปยัง “เทคนิคการฝึกซ้อม/สุขภาพ/อาหาร”