มาต่อกันดีกว่า
benpariwat เขียน:
ผมเลือก HRM นะครับ เพราะมันถูกกว่าครับผม
ผมว่ามันคือลิมิตของตัวเองครับ
อ้อ แน่นอนครับ มันก็เป็นสิ่งที่วนเวียนกลับมาเหมือนเมื่อ 10กว่าปีก่อน ที่ HRMเป็นของมีราคา และหาซื้อได้ไม่ง่ายนัก และพื้นฐานความเข้าใจเกี่ยวกับมันยังน้อยอยู่
สมัยนั้น จึงมีหลายคนเลือกที่จะใช้ listen your body มากกว่าที่จะเสียเงินซื้อ HRM
มันจึงเหมือนในปัจจุบันที่คนจะเลือก HRM มากกว่าจะเลือก Power meter ฉันใดฉันนั้น
ความคิดเห็นของผมมันเป็นเรื่องในเชิงอุดมคติสักหน่อย มันไม่ใช่เรื่องในทางรูปธรรมเลย เพราะใครๆก็รู้ว่า HRM มีราคาถูกกว่า Power meter อยู่หลายๆเท่าตัวเลยทีเดียว
Power meter จึงไม่ใช่สิ่งที่คนส่วนใหญ่เลือกมาใช้
สมมติว่า HRM กับ Power meter มีราคาแพงพอๆกันหละ อืมมม ไม่ใช่ถูกพอๆกันนะ เพราะถ้าถูกพอๆกันก็คงจะเลือกซื้อทีเดียวทั้งคู่ เอาเป็นว่าแพงพอๆกันก็แล้วกัน ซื้อได้แค่ตัวเดียว
การเปลี่ยนแปลงของ HR นั้น จะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ เช่น เดินทางแช่อยู่ที่ 75% max HR แล้วกระแทกบันไดขึ้นไป เพื่อที่จะเร่งความเร็วขึ้นไปเพียงแค่ 5 วินาที แล้วปล่อยไหลหรือควงบันไดไปเพียงเบาๆ กว่า HR จะขึ้นไปบางทีก็อาจจะเป็นช่วงที่ปล่อยไหลไปแล้ว หรือควงบันไดเบาๆไปได้ระยะหนึ่ง
ในคนที่ฟิตซ้อมมาดีพอ HRอาจจะตอบสนองไม่เร็วนัก และจะกลับลงมาเหลือเท่าเดิมได้ในเวลาอันสั้น แต่ถ้าคนที่ซ้อมมาน้อย HRจะขึ้นไปอย่างรวดเร็วกว่า และอาจจะค้างอยู่นานกว่าจะลงมาปกติ
คำถามจึงมีว่าจะออกแรงอย่างไรให้ HRไม่ขึ้นไปมากมาย และยังไหลกลับมาลงในระดับที่สามารถประคับประคองต่อไปได้
นั่นแหละ เพราะ HR มันขึ้นช้ากว่า มันเป็นเพียงสิ่งที่บอกการตอบสนองของร่างกายเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกถึงงานหรือกำลังที่เราปล่อยออกไป
สิ่งที่บอกได้ดีที่สุดก็คือ ต้องวัดกำลังที่เราปล่อยออกไป เราระเบิดกำลังไปแล้ว HRเพิ่งจะขึ้น เราลดกำลังลงมาปกติ HRยังสูงอยู่พักหนึ่งกว่าจะลงมา
ถ้าเข้าใจเรื่องของการออกกำลัง เราก็จะรู้ว่าเราควรจะออกกำลังแค่ไหน นานได้ไม่เกินเท่าไหร่ จึงจะไม่เกิดอาการไส้แตกเรีี่ยราด
Power meter ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ตัวเลข แต่ต้องรู้จักการแปลผล ก็เหมือนกับ HRM หนะครับ ดูแค่เลข 3 ตัวเหมือนกัน แต่ถ้าดูแล้วไม่แปลผล ก็ไม่แตกต่างอะไรกับเฟอร์นิเจอร์ประดับรถ
ถ้าฝึกซ้อมด้วย Power meter มานานพอ และเข้าใจเกี่ยวกับpower zone ถ้าเราใช้โปรแกรมดีๆในการนำผลมาช่วยประมวล เมื่อเราทดสอบวัดค่า FTP เราก็จะสามารถคำนวณหาค่า LTHR ( lactate threshold HR )
มาควบคู่กันด้วย
ในวันที่ร่างกายเป็นปกติ ไม่เจ็บไม่ไข้ ไม่ชำรุดทรุดโทรมจากการฝึกซ้อมที่หนักเกินไป การปั่นโดยดูเพียงค่า %FTP ก็เป็นสิ่งที่เพียงพอโดยไม่ต้องสนใจต่อ HR ได้เลยครับ เพราะ HR นั้นถึงมันจะขึ้นช้าและลงช้าในแบบของมันก็ตาม แต่มีผลการศึกษาขนาดจนกล้าที่จะใส่ FW เข้าไปในสายคาด HR ของ PowerTap ( ชื่อการค้าคือ PowerCal ) แล้วเทียบเคียงpower กับ HR ออกมาได้เลย ( ถึงแม้ว่าค่าที่จะได้จะไม่สามารถใช้ไปอ้างอิงกับมาตรฐานได้ แต่ก็ใช้เทียบเคียงได้ในระดับหนึ่ง และถ้าเข้าใจ และใช้เป็น มันก็จะเป็นประโยชน์มากทีเดียว )
เพราะอัตราการเต้นของหัวใจ จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามกำลังที่เราปลดปล่อยออกมา ความสัมพันธ์อันนี้แหละครับ ที่ทำให้เกิด PowerCal ขึ้นมานั่นเอง
LTHR หาได้ก็ต่อเมื่อต้องปั่นนานพอสมควรจนโปรแกรมันสามารถเฉลี่ยค่าออกมาได้ และ LTHR ก็สัมพันธ์กันกับ FTP
ดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่ผมจะเฉลยให้ฟังไงครับว่า ถ้า HRM กับ PowerMeter มีราคาแพงพอๆกัน และเลือกซื้อได้เพียงอย่างเดียว ผมจะเลือกซื้อ Powermeter เท่านั้น เพราะการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอโดยอิงจากค่า power และทำการทดสอบหา FTP เป็นระยะๆ เราจะพบว่าการปั่นในชีวิตประจำวันของเรา โดยอิงกับค่า %FTP จะทำให้เราสามารถอยู่รอดตลอดจนจบทริปนั้นๆได้อย่างไม่ยาก แต่ถ้าเราอิงกับ %Max HR เราก็อาจจะไปไม่จบทริป เพราะเวลาโดนลากยาว กว่าHR จะขึ้น เราก็จะเสวยกับ Lactate acid ที่เริ่มคั่งในกล้ามเนื้อไปเสียแล้ว พอ HR ขึ้น กรดlactic ก็อาจจะเพิ่มปริมาณมากมายไปเสียแล้ว ไปต่อไหวไหมหละ ถามตัวเองก็ตอบไม่ได้หรอกครับ
แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นใช้ Power Meter , เขากระชากลากดึง เราสู้ตาม ค่าpowerของเราขึ้นไปแน่นอน ขึ้นไปเท่าไหร่ ตรงนี้เราจะรู้ และถ้าเราซ้อมมาดีพอ เราจะบอกได้ว่าเราทนที่ตรงนี้ได้นานกี่นาที ถ้าเราจะผ่อน เราจะผ่อนลงมาแค่ไหน จึงจะไม่ทำให้เราหล่นลงไปมาก ทุกๆอย่างมันมีคำตอบในตัวของมันอยู่ครับ (คำตอบพวกนี้แลกมาด้วยเงินจำนวนมิใช่น้อยเช่นกัน )
อันนี้เป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ผมอยากจะเอามาแชร์ให้ทราบกันก่อนว่า ก่อนจะบอกว่า power meter มันแพง ไม่สำคัญหรอก ไม่จำเป็นต้องใช้หรอก ฯลฯ อะไรก็ช่างเถอะครับ ก็ขอให้เปิดใจกว้างๆ และยอมรับเทคโนโลยี่ทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาดูก่อน
Power meter คือ มาตรวัดกำลังที่เราปลดปล่อยออกไป
HRM คือ สิ่งที่บอกว่าร่างกายตอบสนองอย่างไรต่อการปลดปล่อยกำลังนั้น ถึงแม้ว่าจะบอกช้า แต่ยังดีกว่าไม่มี
แต่ถ้ามีแค่เพียงตัวเดียว และร่างกายสมบูรณ์พอ ผมเลือก power meter แล้วปั่นตาม %FTP เพราะยังไง HR ก็ไม่มีทางทะลุไปไกล ตามใดเท่าที่คุณยังคุม power zone อยู่
แต่ถ้าอ่อนซ้อม ร่างกายไม่สมบูรณ์ ก็จะไม่สามารถเทียบเคียงกับ %FTP ได้ เพราะยังไงๆ ค่า FTPที่แท้จริงก็ย่อมจะร่วงลงมาต่ำกว่าที่เคยแข็งแรงอย่างแน่นอน ตอนนี้แหละที่ HRM จะเป็นสิ่งจำเป็น
ถ้าอากาศร้อนจัด HRของเราจะสูงขึ้นกว่าปกติ ถึงแม้ว่าเราจะลดกำลังลงมาปั่นในช่วง Endurance หรือ Tempo ก็ตาม HRที่วัดได้ก็อาจจะสูงเกินไปกว่า ค่า LTHRที่เราเคยวัดได้ ทั้งๆที่ขายังไม่ล้า ยังไม่มีความรู้สึกว่า ขาร้อนหรือ burning เลยก็ตาม ดังนั้นในวันที่อากาศร้อนจัด HRMจะมีความสำคัญในระดับที่จะบอกว่า"อันตราย"กำลังจะมาเยือน
แชร์กันครับ
ผมสนับสนุน คุณ kamolwat_t อย่างยิ่งว่า สิ่งที่ควรจะจัดหาซื้อกันมาใช้ในอันดับต้นๆก็คือ HRM ครับ ปัจจุบันราคาถูกลงมามากแล้ว ขอให้พยายามทำความเข้าใจกับมัน แปลผลมันได้ การออกกำลังกายก็จะมีระดับความปลอดภัยที่สูงขึ้น