หน้า 2 จากทั้งหมด 3

Re: สรุปทริป "พม่ามนต์เสน่ห์แห่งลุ่มน้ำและผู้คน"

โพสต์: 13 ม.ค. 2017, 16:45
โดย e21smn
27 ธค Hpa-An on Bicycle
วันนี้เราจะทัวร์พะอันกันครับ เราทานอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จก็ปั่นจักรยานขนานกับลำน้ำสาละวินลงมาเรื่อยๆจนถึงแยกขวาไปย่างกุ้งเราก็ตรงไปอีก ทางนี้ไปมะละแหม่งครับแต่วันนี้เนาเลี้ยวว้ายเพื่อไปเที่ยววัดกอกะแร้ต

พะอันเป็นเมืองที่มากไปด้วยภูเขาและถ้ำ(สันนิษฐานว่าเคยเป็นทะเลมาก่อน) ดังนั้นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของเมืองจึงเป็นขุนเขาลักษณะประหลาดลูกหนึ่ง ซึ่งมีการสร้างวัด สร้างเจดีย์อยู่บนนั้น มีชื่อเรียกว่า “วัดเจ๊าตะแลต”(วัดก่อกะแลต)(Kyaukanlat) หรือที่คนไทยนิยมเรียกกันว่า“วัดเขาตะปู” หรือ “เจดีย์เขาตะปู”
วัดเขาตะปูเป็นวัดที่สร้างบนภูเขาที่มีลักษณะคล้าย “เขาตาปู” ในอ่าวพังงาบ้านเรา คือเป็นภูเขาหินโดดๆกลางบึงน้ำขนาดใหญ่(บางคนเรียกทะเลสาบ) มีส่วนที่เป็นแท่งตั้งเด่นยื่นขึ้นมาคล้ายถ้วยไอศกรีม บนเขามีการสร้างวัด สร้างเจดีย์ อยู่ตามแนวชั้นเขาต่างๆ โดยส่วนบนยอดสุดเป็นเจดีย์สีทองอร่ามตั้งเด่น ขณะที่จากบนฝั่งริมบึงมีสะพานปูนสร้างทอดยาวจากฝั่ง(ริมบึง)ข้ามไปสู่ตัววัด

ครับหลังจากเราออกจากวัดเขาตะปูแล้วเราปั่นวนซ้ายออกไปเพื่อไปดุเจดีย์ลอยฟ้าหรือเจดีย์บนยอดเขาชเวกาบิน พอไปถึงพบว่าต้องเดินขึ้นเขาสองชั่วโมงบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ก็ถอดใจกันเป็นแถวๆเลยได้แค่แหงนมองจากข้างล่างแทน วัดนี้มีป้ายบอกว่ากำลังจะทำกระเช้าขึ้นไปครับไม่รู้อีกนานเท่าไหร่

Re: สรุปทริป "พม่ามนต์เสน่ห์แห่งลุ่มน้ำและผู้คน"

โพสต์: 13 ม.ค. 2017, 16:54
โดย e21smn
ออกจากวัดชเวกาบินเราวนซ้ายออกอีกเพื่อไปวัดเก๊าะกะตาวและจะวนกลับเข้าสู่พะอันทางที่เราเข้ามาเมื่อวานครับ ปั่นไปชั่วโมงกว่าเริ่มหิวข้าวเจอร้าน Thai Food ข้างทางก่อนถึงวัดเข้าไปจัดการกับอาหารเที่ยง เช่นเคยครับคนขายพูดไทยได้เคยไปทำงานที่เมืองไทย

พออิ่มเสร้จล้อหมุนนิดเดียวก็ถึงวัดเก๊าะกะตาวครับโดยวัดนี้มีความเป็นมาว่าวัดเก๊าะกะตาวเป็นวัดเก่าแก่อายุหลายร้อยปี ชาวพม่าเชื่อว่าในอดีตถ้ำแห่งนี้เคยมีเต่ากับจระเข้มาถือศีลอยู่ ที่นี่จึงเป็นถ้ำศักดิ์สิทธิ์ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งภายในถ้ำได้มีการสร้างรูปของเต่ากับจระเข้คลานอยู่คู่กันเอาไว้ด้วย เพื่อสื่อให้เห็นถึงตำนานความศักดิ์สิทธิ์ของถ้ำแห่งนี้ วัดเก๊าะกะตาว มีทั้งส่วนที่เป็นสิ่งก่อสร้างวิหาร พระพุทธรูปองค์ใหญ่ ที่อยู่หน้าถ้ำและใต้เพิงผาถ้ำ กับส่วนของวัดภายในถ้ำที่มีพระพุทธรูปอันหลากหลายอยู่ตามริมผนังของถ้ำให้สักการบูชา พร้อมกันนี้ที่ผนังหรือเพดานถ้ำในบางช่วงยังโดดเด่นไปด้วยพระองค์เล็กๆ ลักษณะคล้ายพระเครื่องบ้านเรา ประดับบูชาอยู่เป็นจำนวนมากนับพันองค์ มีทั้งพระที่นำมาติดไว้ที่ผนังถ้ำ และพระที่แกะสลักขึ้นจากผนังถ้ำซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของวัดแห่งนี้

หลังจากอิ่มบุญกันแล้วเราก็กลับสู่เมืองครับเข้าไปตลาดเพื่อหาซื้อของฝาก หนูแคปมองหาทานาคา พี่เทิ่มหาชุดพม่าไปให้ที่บ้านใส่เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ส่วนผมพี่ปกครองพี่ทูลหมดแรง นั่งรอข้างนอก

สมควรแก่เวลาเรากลับไปพักผ่อนที่โรงแรมหลังจากนั้นค่ำๆไปกินอาหารไทยร้านเดิมก่อนกลับมาแพ็คของเพื่อเตรียมเดินทางไปมะละแหม่งในวันรุ่งขึ้น

Re: สรุปทริป "พม่ามนต์เสน่ห์แห่งลุ่มน้ำและผู้คน"

โพสต์: 13 ม.ค. 2017, 19:39
โดย e21smn
jazzmusic เขียน:ขอขอบคุณพวกพี่ๆทุกคนครับที่มีเรื่องราวดีๆมาให้ชมกันผมขอให้พวกพี่ทุกๆคนมีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุขตลอดปี 2560 ทุกๆคนครับผมขอเป็นกําลังใจให้ครับ
ขอบคุณมากครับสำหรับคำอวยพร การออกทริปทุกครั้งมีทั้งสุขทั้งลำบาก (แต่ก็ยังชอบไปกัน) ถ้ามีเวลาอยากจะแชร์ให้เพื่อนๆได้ทราบครับ หลายๆทริปที่เราไปก็ตามรอยรุ่นแรกๆกันที่เขาทำสรุปทริปไว้

28 ธค พะอัน-มะละแหม่ง ตามรอยมะเมี้ยะ
วันนี้เราตื่นกันตามเวลาปกติแต่ไม่รีบเร่งกันมากนักเพราะปลายทางวันนี้คือมะละแหม่งหรือเมาะลำไยมีระยะทางประมาณ 60 กม ซึ่งเป็นทางราบไปตลอดไม่มีภูเขา เส้นทางตอนแรกซ้ำกับเมื่อวานที่ปั่นไปเที่ยวกันมาจนถึงแยกซ้ายมือไปวัดเขาตะปูเราก็ตรงไป อากาศเช้านี้ดีมากครับเย็นสบายและมีต้นไม้ข้างทางเป็นร่มกันแดดให้เรา แต่สภาพถนนเหมือนกับเส้นกอกะเร็ก-พะอันครับ ไม่เรียบเป็นคลื่นและสั่นสะเทือนตลอด เราปั่นมาได้ 40 กม ก็ถึงแผงขายแตงโมเราหยุดพักกินแตงโมกันมีเด็กๆเป็นคนขาย เราเลยแจกขนมเด็กไปบ้าง

Re: สรุปทริป "พม่ามนต์เสน่ห์แห่งลุ่มน้ำและผู้คน"

โพสต์: 13 ม.ค. 2017, 19:54
โดย e21smn
ประมานเที่ยงเรามาไกล้มะละแหม่งแล้วเห็นมีเจดีย์สวยงามอยู่บนเขาก็เลยเลี้ยวไปแวะชม จอดรถไว้เชิงเขาครับเดินขึ้นบันไดไปตามแรงศรัทธา

หลังจากนั้นปั่นมาเรื่อยๆข้ามสะพานแล้วพบร้านอาหารไทยเลยจัดอาหารเที่ยงกันที่นี่ เช่นเคยเจ้าของร้านพูดไทยได้และบริการเราดีมาก หลังจากอิ่มแล้วก็ปั่นมาเรื่อยๆเข้าเมืองมะละแหม่งไปที่โรงแรมที่จองใว้กับ booking.com

โรงแรมนี้เป็นอาคารเก่ากว่าร้อยปีห้องน้ำรวม สภาพโรงแรมถ้าคนจิตอ่อนคงนอนไม่หลับเพราะมันหลอน ผมถามพนักงานสองคนว่าที่นี่เป็นอะไรมาก่อนก็ได้รับคำตอบที่ไม่เหมือนกัน คนหนึ่งบอกเป็นโรงพยาบาลเก่า คนหนึ่งบอกเป็นบ้านตากอากาศของคนรวยแต่ตอนนี้เป็นของรัฐแล้ว เอาละวะเป็นแะไรมาก่อนก็ไม่เป็นไร ตอนเราเดินไปเข้าห้องน้ำตอนดึกๆอย่ามีอะไรมาทำให้เราตกใจละกัน

เราเก็บของแล้วชักชวนกันไปปั่นชมเมืองและจะข้ามสะพานที่ยาวถึง 4 กม ข้ามอ่าวเมาะตะมะไปฝั่งเมาะตะมะแล้วปั่นกลับมาดุวิวที่ริมน้ำสาละวิน

“มะละแหม่ง” หรือ “เมาะละแหม่ง” หรือ “เมาะลำเลิง” เป็นชื่อที่คนไทยเรียก แต่คนพม่าจะเรียกเมืองนี้ว่า Moulmein หรือ Mawlamyine ออกเสียงว่า “เมาะลำไย” โดยเป็นเมืองหลวงของรัฐมอญ เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศพม่า รองจากเมืองย่างกุ้ง และเมืองมัณฑะเลย์
เมื่ออดีตมะละแหม่งถูกอังกฤษยึดครองเป็นเมืองขึ้น ทำให้มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก เนื่องจากถูกใช้เป็นเมืองท่าในการเชื่อมต่อกับเมืองมะริด ทวาย ตะนาวศรี เพื่อใช้ในการขนส่งทางเรือ และเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการขนส่งสินค้าและกำลังทหารไปสู่ย่างกุ้งได้ง่าย และสามารถเดินเรือเข้าแม่น้ำอิรวดีเพื่อไปกลางประเทศพม่าได้สะดวกกว่าทางบก

และจากการที่มะละแหม่งตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษได้รับอิทธิพลและอารยธรรมแบบอังกฤษมา ทำให้ทุกวันนี้มะละแหม่งเป็นเมืองที่มีเสน่ห์อันน่าหลงใหล ยังคงมีสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียลให้ได้ยล ผ่านจากสภาพบ้านเรือน โบสถ์คริสต์ศาสนา สถานที่ราชการและโรงเรียนต่างๆ และยังมีวัดวาอาราม เจดีย์แบบพม่าอันสวยงามให้ได้ชมกันทั่วเมือง

รวมถึงยังมีสถานที่ที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องราวความรักอันเศร้ารันทด ของเจ้าน้อยศุขเกษม เจ้าราชบุตรแห่งเชียงใหม่ที่ถูกส่งตัวมาเรียนที่มะละแหม่ง และได้พบรักกับมะเมี๊ยะ สาวมอญที่เป็นแม่ค้าขายบุหรี่ในตลาด ซึ่งทั้งสองรักกัน แต่แล้วก็มีเหตุให้เจ้าน้อยต้องกลับเชียงใหม่ และมะเมี๊ยะได้ปลอมตัวเป็นชายกลับเมืองเชียงใหม่ด้วยกัน แต่สุดท้ายมะเมี๊ยะก็ต้องถูกส่งตัวกลับมะละแหม่ง ทำให้เรื่องราวความรักของทั้งสองต้องจบลงด้วยความเศร้าโศก ไม่สมหวังในความรัก ท้ายที่สุดเจ้าน้อยศุขเกษมก็ตรอมใจตายในความรัก

Re: สรุปทริป "พม่ามนต์เสน่ห์แห่งลุ่มน้ำและผู้คน"

โพสต์: 13 ม.ค. 2017, 20:02
โดย e21smn
ที่มะละแหม่งนี้ผมเก็บสถานที่น่าสนใจได้ไม่หมดครับเพราะเวลาไม่พอ คงต้องมีซ้ำรอยอีกแน่ๆ
จากสะพานเรากลับมาที่ถนนริมน้ำสาละวิน ดูนกมากมายกับพระอาทิตย์ตกน้ำ แล้วไปหาอาหารเย็นกินครับ ช่วงเวลาแห่งความสุขมาอีกแล้วกินกันเต็มที่ในราคาที่ต้องตกใจ สุดท้ายเช็คบิลแล้วยังไปแอบชิมอาหารที่ตลาดอาหารเขาอีกรอบ แล้วกลับมานอนคืนแรกที่โรงแรมด้วยใจระทึกว่าจะมีใครเจออะไรหรือเปล่า

Re: สรุปทริป "พม่ามนต์เสน่ห์แห่งลุ่มน้ำและผู้คน"

โพสต์: 13 ม.ค. 2017, 20:15
โดย e21smn
29 ธค มะละแหม่ง-ตันบิวซายัด-ไจ้คะมีย์
วันนี้เส้นทางค่อนข้างไกลเราปรึกษากันว่าจะปั่นแค่ 60 กม ถึงตันบิวซายัดแล้วค่อยประเมินว่าจะเหมารถไปต่อหรือปั่นไปต่ออีก 25 กม ถึงไจ้คะมีย์แล้วถึงเหมารถกลับ สมาชิกบอกประเมินสถานการ์ณดูละกันเราก็เริ่มออกเดินทางดดยอันดับแรกไปวัดไจ้ตะลานก่อน หรือวัดสยามพ่าย
วัดไจ๊ตาลาน ( Kyaikthanlan ) เป็นวัดเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1418
ซึ่งแต่เดิมใช้ชื่อว่า ไจ๊ซานลาน แปลว่าเจดีย์สยามพ่าย ถือเป็นสัญลักษณ์โดดเด่นที่สุดของเมืองเมาะละแหม่ง
วัดนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาที่จะเห็นได้เด่นชัดไม่ว่าจะมาจากด้านไหนของตัวเมืองเมาะละแหม่ง
เจดีย์ ใจ๊ตาลานนี้เป็นที่บรรจุพระเกศาธาตุและพระทันตธาตุของพระพุทธเจ้า มีตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่า
เมื่อกองทัพไทยไปตีพม่าแล้วเกิดท้าทายให้สร้างเจดีย์แข่งกัน พม่าใช้โครงไม้ไผ่หุ้มผ้าขาวหลอกทหารไทย
จนทหารไทยพ่ายแพ้ต้องถอยทัพกลับเมืองไทย (ตำนานนี้พม่าเขาเล่า)
ส่วนเจดีย์ที่กองทัพไทยสร้างค้างเอาไว้แค่ครึ่งองค์นั้น
ต่อมาพม่าได้กลับมาบูรณะจนเสร็จสมบูรณ์ดังเช่นในปัจจุบัน

Re: สรุปทริป "พม่ามนต์เสน่ห์แห่งลุ่มน้ำและผู้คน"

โพสต์: 14 ม.ค. 2017, 16:47
โดย ครูหาด
ขอติดตามครับพี่ ๆ :D

Re: สรุปทริป "พม่ามนต์เสน่ห์แห่งลุ่มน้ำและผู้คน"

โพสต์: 16 ม.ค. 2017, 11:29
โดย Rawat.34
ผมติดตามข้อมูลแล้วน่าสนุกมากครับเรื่องเส้นทางกับที่พัก ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลดี ๆ

Re: สรุปทริป "พม่ามนต์เสน่ห์แห่งลุ่มน้ำและผู้คน"

โพสต์: 16 ม.ค. 2017, 18:20
โดย e21smn
ครูหาด เขียน:ขอติดตามครับพี่ ๆ :D
ยินดีครับมีข้อมูลปั่นที่ใหนเราก็มาแชร์กันครับ
Rawat.34 เขียน:ผมติดตามข้อมูลแล้วน่าสนุกมากครับเรื่องเส้นทางกับที่พัก ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลดี ๆ
ครับ อีกนิดเดียวก็จบทริปแล้ว จะได้ต่อทริปซาปา กับแชงกรีล่า เพื่อที่จะได้เป็นข้อมูลให้กับผู้สนใจครับ

Re: สรุปทริป "พม่ามนต์เสน่ห์แห่งลุ่มน้ำและผู้คน"

โพสต์: 17 ม.ค. 2017, 13:23
โดย โสภณ ลำปาง
หวัดดีครับทุกท่าน อ่านเพลินรายละเอียดแน่น มอลัมไยน์และละแวกนั้นผมไปปั่นมาแล้ว 3 รอบ รักและประทับใจในน้ำใจของชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญ พม่าไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ใครๆคิด พม่าไปแล้วคุณจะรัก ต้นเดือนกุมภาเจอกันครับ..

Re: สรุปทริป "พม่ามนต์เสน่ห์แห่งลุ่มน้ำและผู้คน"

โพสต์: 17 ม.ค. 2017, 18:29
โดย e21smn
โสภณ ลำปาง เขียน:หวัดดีครับทุกท่าน อ่านเพลินรายละเอียดแน่น มอลัมไยน์และละแวกนั้นผมไปปั่นมาแล้ว 3 รอบ รักและประทับใจในน้ำใจของชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญ พม่าไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ใครๆคิด พม่าไปแล้วคุณจะรัก ต้นเดือนกุมภาเจอกันครับ..

ขอบคุณครับทริปนี้เกิดขึ้นได้เพราะคุณ โสภณ ได้ทำลายแทงใว้ให้ครับ เพราะพอเอ่ยถึงพม่าเราก็ลังเลที่จะไปแต่พอไปแล้วต้องบอกว่ารักเลยและอยากกลับไปอีก

เดินทางต่อครับ
เราออกจากวัดไจ้ตาลานมาก็สายแล้วเนื่องจากเพลิดเพลินกับการเดินชมอยู่นาน ต่อจากนั้นเราก็ปั่นออกจากเมืองมุ่งหน้าลงใต้ไปอีก 20 กมเพื่อไปชมวัดพระนอนวินเส่งตอยะครับ โดยวัดนี้ห่างจากมะละแหม่งหรือ Mawlamyine ประมาณ 20 กิโลเมตร การเดินทาง จากตลาดเซจี มีรถโดยสารออกทุกชั่วโมง เริ่มตั้งแต่ 06.00 น. ค่าโดยสารคนละ 1,000 Kyats จากถนนใหญ่เข้าวัดระยะทาง 300 เมตร จะเดินหรือนั่งมอเตอร์ไซด์เที่ยวละ 500 Kyats ก็ได้
ก่อนถึงวัดจะเห็นประตูโค้ง และรูปปั้นพระสงฆ์เป็นเแถว แต่ละรูปหน้าตาเหมือนกัน แต่ทุก ๆ 10 รูป จะมีรูปหนึ่งเป็นใบหน้าของอดีตเจ้าอาวาสที่มรณภาพไปแล้ว

พระนอนมีความยาวประมาณ 170 เมตร ความสูงประมาณ 110 ฟุต ภายในองค์พระแบ่งเป็นชั้น รวม 8 ชั้น แต่ละชั้นจะมีรูปปั้นแสดงพุทธประวัติ และคำสอนต่าง ๆ เช่น สวรรค์ นรก และผลแห่งกรรม เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีช่องให้ออกไปยืนตรงบริเวณใบหน้าพระนอน เพื่อชมวิวและถ่ายภาพใบหน้าพระนอน สวยงามมาก

ปัจจุบันที่เราไปยังสร้างไม่เสร็จครับและไม่แน่ใจว่าจะสร้างอีกนานเท่าไหร่ เราปั่นมาจนเกือบถึงวัดแล้วขาดอีกประมาณ 2 กม อากาศร้อนมากลุงแม็คแวะซื้อกล้วย เราเลยจอดรอพลันสายตามองเห็นร้านอาหารไทยชื่ออะดิก้ะเลยเข้าไปนั่งกินน้ำรอดีกว่า
เรานั่งกินน้ำสักพักขณะนั้นเป็นเวลา 11 โมงกว่าแล้วกลิ่นกับข้าวที่เขาผัดหอมชวนกินเราเลยตกลงใจว่ากินเลยดีกว่า ระหว่างกินก็คุยกับเจ้าของร้านไปเรื่อยเขาพูดไทยได้เป็นอย่างดีเพราะทำงานที่มหาชัยมานานมาก ปัจจุบันเก็บเงินแล้วกลับมาตั้งรกรากเปิดร้านอาหารและซื้อรถกระบะหนึ่งคัน ผมมองรถกระบะ (เป็นกระบะขนาดเล็กครับ ไดฮัทสุ) แล้วถามเล่นๆว่าไปส่งพวกผมที่ไจ้คะมีย์แล้วพากลับไปมะละแหม่งได้มั้ยคิดเท่าไหร่ เขาบอกทันทีว่าอยากไปคิด 50,000 จ้าตหรือประมาณ 1,300 บาทตกคนละสองร้อยกว่าบาทเอง เราก็ตกลงแล้วนัดว่าเราจะปั่นไปวัดพระนอนก่อน หลังจากนั้นเราจะปั่นอีก 40 กม ไปตันบิวซายัดดูพิพิธภัณท์ แล้วเราจะโทรให้ไปรับเพื่อไปไจ้คะมีย์ต่อเพราะดูแล้วไม่น่าปั่นได้จบวัน

หลังจากนั้นเราปั่นไปวัดพระนอนครับ เยี่ยมชมจนอิ่มใจแล้วผมก็เปรยๆว่าวันนี้ร้อนจังถ้านั่งรถไปเลยจะดีมั้ย ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าดี โอเชเลยประชาธิปไตยของชาวทัวร์ริ่งเราเลยปั่นกลับไปหาอดิก้ะ

อดิก้ะเห็นเรานึกว่าเราปั่นกลับมาจากตันบิวซายัดตกใจมากว่าทำไมทัวร์ริ่งชาวไทยกลุ่มนี้ถึงขาแรงเช่นนี้ เราบอกอย่างอายๆว่าไปไม่ถึงครับ 55555555 แล้วอะดิก้ะเลยบอกว่าดีแล้วงั้นเสร็จจากไจ้คะมีย์และจะพาไปเที่ยวทะเลที่หากเซ็ทแซที่นั่นน้องสาวอดิก้ะเปิดร้านอาหารอยู่ เราก็เลยตอบโอเคยกรถจักรยานขึ้นรถกระบะเลย

Re: สรุปทริป "พม่ามนต์เสน่ห์แห่งลุ่มน้ำและผู้คน"

โพสต์: 17 ม.ค. 2017, 19:36
โดย e21smn
เรายกรถขึ้นเสร็จแล้วก็ส่งหนูแคปไปนั่งข้างหน้ากับอะดิก้ะโดยมีสามีเขาเป็นคนขับ ห้าหนุ่มนั่งหัวสั่นหัวคลอนที่กระบะหลังผ่านมูด่องซึ่งมีถนนไปออกด่านเจดีย์สามองค์ได้ หลังจากนั้นประมาณ 1 ชม เราก็มาถึงพิพิธภัณท์สงครามหรือพิพิธภัณฑ์ทางรถไฟสายมรณะ (Death Railway) ที่เมืองตันบูซายัด รัฐมอญ เส้นทางรถไฟสายมรณะสายนี้สร้างขึ้นจากแรงงานของกรรมกร และเชลยศึกที่ควบคุมโดยกองทัพญี่ปุ่นระหว่างปี 2485 - 2486 เพื่อเป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมทั้งกำลังพล จากไทยไปยังพม่า และถูกฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดทำลายลงในปี 2488 เชลยศึกกว่า 13,000 คน ที่ถูกเกณฑ์ไปสร้างทางรถไฟความยาว 424 กม. ตลอดระยะเวลา 14 เดือน ต้องเสียชีวิตลงเพราะทารุณกรรม ขาดอาหารและโรคภัยไข้เจ็บ ผ่านป่าหนาทึบและภูเขาคาดว่ายังมีพลเรือนชาวเอเชียที่ถูกบังคับใช้แรงงานอีกราว 80,000- 100,000 คน เสียชีวิตลงในการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายนี้

จุดนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่สร้างทางรถไฟไปหาเราที่กาณจนบุรีครับ โดยทั่วไปเรื่องราวความโหดร้ายตอนนั้นก็คล้ายๆกันกับเราและที่เมืองนี้ก็มีสุสานทหารพันทมิตรเช่นกันแต่เราไม่ได้แวะครับแค่ผ่านเพราะเวลาไม่พอ

อันนี้ของหนังพาไปครับสนุกดี

Re: สรุปทริป "พม่ามนต์เสน่ห์แห่งลุ่มน้ำและผู้คน"

โพสต์: 17 ม.ค. 2017, 20:02
โดย e21smn
ออกจากตันบิวซายัดเรานั่งหัวสั่นมาอีก 25 กทก้ถึงวัดไจ้คะมีโดยมีเรื่องราวพอจับใจความได้ว่าวัดนี้มีพระลอยน้ำมาทำอย่างำรก้เอาขึ้นไม่ได้เลยต้องสร้างศาลาไว้กลางน้ำเลย ตามคลิบหนังข้างบนครับมีศาลาที่ผู้หญิงขึ้นไม่ได้งานนี้หนูแคปเลยต้องไปที่ศาลาด้านหลังซึ่งเขาเปิดไว้ให้สักการะได้

ออกจากวัดเราไปหาดเซ็ทแซต่อครับ สภาพคล้ายๆบางแสนบ้านเรามีม้าให้เช่า มีขายอาหารพวกกุ้งทอดปลาทอดประมาณนี้ ที่นี่น้องของอะดิก้ะเปิดร้านขายอาหารอยุ่ เขาไปทำงานมหาชัยมา 18 ปี อีกคนอยู่มา 13 ปีพูดภาษาไทยได้ดีชอบคนไทย เราเลยเชียร์ลุงแม็คให้เป็นเขยที่นี่ครับแต่เชียร์ไม่ขึ้น

พอสมควรแก่เวลาเรานั่งรถกลับมะละแหม่งระยะทางประมาณ 100 กมใช้เวลาไปสองชั่วโมงกว่า อะดิก้ะมาส่งเราที่ตลาดิาหารที่เราแวะเมื่อวานเพราะเราต้องการทานอาหารก่อนแล้วก็ลาจากกันด้วยความรู้สึกที่ดีมาก ถ้ามีโอกาสไปอีกเราจะไปเยี่ยมเขาครับ

คืนนี้ราตรีสวัสดิ์กลับที่พักเก็บของเพื่อเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น

Re: สรุปทริป "พม่ามนต์เสน่ห์แห่งลุ่มน้ำและผู้คน"

โพสต์: 17 ม.ค. 2017, 20:25
โดย e21smn
30 ธค อำลามะละแหม่งมุ่งหน้าสู่แม่สอด
วันนี้เราตื่นเวลาเดิมครับ เรานัดเรือไว้ 8.00 น โดยเหมาในราคา 120,000 จ้าตหรือประมาณ 3,200 บาท เรือสามารถนั่งได้ถึงประมาณ 20 คนแต่เราไปกัน 6 คนที่เหมาเพราะต้องการเป็นส่วนตัวและเราต้องการแวะวัดอูนาอุกในระหว่างทาง ถ้าไม่เหมาค่าเรือคนละ 10,000 จ้าตหรือ 260 บาท

เราลงเรือ 8.00 น ตรงตามเวลาลุงแม็คพี่เทิ่มพี่ทูลขนเบียร์มาจิบคู่กับชมธรรมชาติ หนูแคปกับพี่ปกครองมองวิว ผมขึ้นไปดูวิวบนหลังคา ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวลุ่มน้ำมีการทำเกษตรและประมงครับ อากาศเช้าๆเย็นสบาย เราผ่านสะพาน เจดียืกลางน้ำมาเรื่อยๆ พอเราเช็คตำแหน่งของเรากับ Google Map พบว่าเราแยกออกมาจากสาละวินเข้าแม่น้ำเล็กๆในแผนที่แต่ของจริงที่เราอยู่นี้ใหญ่โตมาก พอขยายดูชื่อแม่น้ำคืออีระวดีเราก็เลยงงว่าแม่น้ำอิระวดีอยู่ตรงนี้หรือ แม่น้ำนี้แยกออกมาจากสาละวินเมื่อออกมาจากพะอันและกลับเข้าสู่สาละวินอีกทีก่อนถึงมะละแหม่งครับ เราเข้าแม่น้ำนี้เพราะไปวัดอูนาอุกซึ่งเป็นวัดเก่าิายุมากกว่า 650 ปี สร้างโดยคนพม่าชื่ออูนาอุก ที่นี่เราเจอคนพม่าที่เคยอยู่เมืองไทยให้บริการรถกระบะไปส่งวัดพร้อมเดินเป็นไกด์อธิบาย เช่นเดิมครับอัธยาศัยดีสุภาพจนเราแปลกใจ ค่าจ้างรถก็แค่ 5,000 จ้าตหรือร้อยกว่าบาทสำหรับหกคน

หลังจากนั้นเรากลับลงเรือครับเพื่อเดินทางต่อสูพะอันจนประมาณบ่ายสองเราก็ถึงพะอันรวมเวลาประมาณหกชั่วโมงรวมแวะเที่ยว

Re: สรุปทริป "พม่ามนต์เสน่ห์แห่งลุ่มน้ำและผู้คน"

โพสต์: 17 ม.ค. 2017, 20:40
โดย e21smn
พอถึงพะอันเรากินข้าวกันก่อนและเวลาเดียวกันรถกระบะที่ให้โรงแรม Angel Land เรียกไว้ให้ตั้งแต่วันก่อนก็มารอเราอยู่แล้ว ค่าเหมารถไปเมียวดี 80,000 จ้าตหรือ 2,100 บาทระยะทาง 150 กม ใช้เวลาประมาณ 3 ชมครับ
หลังจากนั้นเมื่อพร้อมแล้วเราก็นั่งกระบะหลังดดยให้หนูแคปกับพี่ทูลนั่งหน้า เช่นเดิมครับคนขับเป็นลุงอายุประมาณ 60 อัธยาศัยดีมาก ให้นามบัตรเราบอกมาอีกเรียกเขานะ

18:30 น เรามาถึงแม่สอดที่ช้าเพราะช่วงลงขาที่ถนนตัดใหม่มาจากกอกะเร็กมีอุบัติเหตุรถพ่วงเสียขวางทางสองคันทำให้รถใหญ่ผ่านไม่ได้แต่รถเราผ่านได้ ที่ฝั่งนี้ด่านปิดสองทุ่มซึ่งจะตรงกับเวลาสองทุ่มครึ่งบ้านเรา

พอถึงด่านเราเอารถลงแลกเงินจ้าตคืนเพราะเราแลกไปคนละ 300,000 จ้าตเหลือคนละเกือบ 100,000 จ้าต ขาดทุนเล็กน้อย (มาภายหลังพอทราบว่าได้มีโอกาสไปเชียงตุงกับคุณ โสภณ ในต้นเดือน กพ นี้เลยคุยกันว่าเราไม่น่าแลกคืนเลย)

หลังจากนั้นเราผ่านด่านพม่าใช้เวลาแป้บเดียวเจ้าหน้าที่ใจดีคุยกับหนูแคปว่าไปเที่ยวถึงใหนกันว่า หนูแคปเลยโม้โขมงโฉงเฉงไป เราปั่นข้ามสะพานมาถึงฝั่งไปประทับตราพาสปอร์ต แล้วปั่นไปปิดทริปกันที่หมูกระทะและกลับที่พักที่ฝากรถไว้ รุ่งขึ้นแยกย้ายกันกลับภูมิลำเนาด้วยความประทับใจครับ

ปิดทริปขอบพระคุณที่ติดตามอ่านจนจบครับ