ThaiMTB.com

กรณีเติมล้อหน้า-ล้อหลัง ไม่เท่ากันนี่มีหลักอะไรมั้ยครับ

เพราะตอนนี้ผมเติมล้อหลังเกือบmax ส่วนล้อหน้าก็เติมน้อยกว่าล้อหลังอยู่หน่อยๆ ซึ่งเป็นความชอบล้วนๆ เลยอยากรู้ว่าจริงๆมันมีหลักการอะไรรึเปล่าน่ะครับ

ขอบคุณครับ

khundino เขียน:กรณีเติมล้อหน้า-ล้อหลัง ไม่เท่ากันนี่มีหลักอะไรมั้ยครับ

เพราะตอนนี้ผมเติมล้อหลังเกือบmax ส่วนล้อหน้าก็เติมน้อยกว่าล้อหลังอยู่หน่อยๆ ซึ่งเป็นความชอบล้วนๆ เลยอยากรู้ว่าจริงๆมันมีหลักการอะไรรึเปล่าน่ะครับ

ขอบคุณครับ

ผมก็เติมล้อหน้าน้อยกว่า เพราะอยากลดแรงสะเทือนที่มือครับ แต่อยู่ในช่วงที่ยางนอกระบุ

แล้วถ้าเราเติมลมยางไปเกือบ Max ของยางที่กำหนดไว้แล้วเอาไปทิ้งไว้ในรถจอดตากแดดไว้เกือบทั้งวัน มันมีโอกาสที่ลมมันจะขยายไปจนทำให้ยางแตกได้มั็ยครับ ผมหมายถึงยางนอกด้วยน่ะครับ

ปรกติผมจะขี่จักรยานตอนเย็นจะเอารถจักรยานไว้ในรถจอดในลานจอดรถกลางแจ้งที่ที่ทำงาน แล้วค่อยขับไปที่ขี่ที่เวลโลโดม ก่อนขี่ค่อยเติมลม แต่สองอาทิตย์ที่ผ่านมานึกฉลาดขึ้นมาอยากประหยัดเวลา เลยเติมลมล้อแบบเกือบ Max ก่อนออกจากบ้าน ต้องบอกก่อนว่าผมเติมลมยางก่อนขี่แบบนี้ประจำประมาณ 110-120 psi ตลอด

พอตอนเย็นถึงเวลโลโดมเท่านั้นและเห็นยางแบนโดยไม่มีสาเหตุ ไปที่ร้านก็ไม่เห็นมีอะไรตำ เห็นแต่เป็นรูกลมๆเล็กๆประมาณไม้จิ้มฟันที่ยางใน

ส่วนยางนอก จะเป็นเส้นทะลุบางๆเหมือนโดนมีคมมากๆบาดประมาณ สอง ถึง สาม เซ็นที่แก้มยาง ปะไม่ได้ด้วย เลยต้องเปลี่ยนยางนอกยางในใหม่

มาเมื่อวานเป็นเหมือนเดิมลักษณะบาดแผลคล้ายกันเปี๊ยบ แต่คราวนี้ล้อหลัง นั่งงงคิดอยู่ตั้งนานว่าอะไรทำให้ยางแบบ คิดไปคิดมา สิ่งที่เปลี่ยนไปจากสิ่งที่เคยทำประจำคือสูบลมล้อตอนเข้าก่อนออกจากบ้าน

มันเป็นไปได้มั้ยครับว่าอุณภูมิความร้อนภายในรถจะทำให้ยางขยายได้ถึงกับดันให้ยางแตกได้ทั้งยางในและยางนอก

เอาจริงๆ ผมว่าน้ำหนักจักรยานก็มีส่วน น่าจะรวมเข้าไปกับน้ำหนักตัว

น้ำหนักจักรยานไม่ได้เอามาคิดครับ แต่ถามว่ามีผลมั้ย มันก็มีครับ แต่ไม่ได้มากมายเป็นประเด็นครับ ส่วนต่างของน้ำหนักจักรยานมันก็แค่ 4-6 กก.

ส่วนเรื่องสูบลมยางทิ้งไว้ จะในรุร้อนๆหรือหิมะตกหนักๆ มันก็เป็นเรื่องที่"ไม่ควร"ทำครับ เพราะตามคำแนะนำปกติเมื่อขี่เสร็จแนะนำให้ปล่อยลมยางออกมาส่วนหนึ่งอยู่แล้วครับ ไม่ควรเก็บลมยางแรงดันสูงๆเอาไว้แบบนั้นแล้วปล่อยให้มันซึมออกไปเอง ทั้งอายุการใช้งานของยางและวาล์ว(จุ๊บ) จะได้ยาวขึ้นครับ

ขอบคุณคับ

ขอบคุณมากครับ ที่ให้คำแนะนำในการเติมลมยางเสือหมอบ

เคยใช้ตารางแบบนี้แต่ผมเติมต่ำกว่าร้อยทีไรยางรั่วทู้กที... เลยจัด 120 มันทุกครั้ง

ความรู้ต้องไปเอายางหน้ากว้างมาใช้ละ 5555

ปัก

อย่างนึงที่ควรคำนึงคือโปรไฟล์ของขอบล้อด้วยนะครับ

ล้อยางงัดขอบอ้วน อย่าง HED ได้มีการระบุไว้ชัดเจนในคู่มือ ให้ลดแรงดันลมยางลง 10 % จากแรงดันที่ใช้กับล้อปกติ
เนื่องจากชอบล้อที่กว้าง ทำให้ยางในเก็บ volume ของอากาศได้มากขึ้นที่แรงดันเท่าๆกัน เท่ากับว่าไม่จำเป็นต้องอัดลมยางให้สูงเพื่อป้องกัน snake bite การอัดลมที่สูงมากๆจะทำให้ยางในบีบขอบล้อและจะทำให้ล้อมีความสติฟลดน้อยลงด้วยครับ

*** ถ้าลองวัดความตึงซี่ลวดก่อนเติมลมยางกับหลังเติมลงยางจะรู้ครับ ว่าเติมลมแล้วซี่จะมีความตึงน้อยลง กล่าวคือซี่และขอบจะโดนบีบจากแรงดันลมในยางครับ ***

คหสต
ผมหนัก 63 กก. ใช้ขอบล้อ HED belgium ขอบกว้าง 23 มม. ยางนอก veloflex master 23 มม. ยางใน Bontrager RL เติมลมหน้า 85 หลัง 90 PSI วิ่งทุกสภาพถนน เกิน 6000 กิโลเมตรแล้ว ไม่เคยแตกเพราะ snake bite ครับ ก่อนหน้านี้เป็น Michelin Pro4 อีกประมาณ 6000 ก็ไม่เคยแตกเหมือนกัน

แรงดันลมเติมสูงมากก็แข็ง เติมน้อยก็นิ่มสบาย ส่วนตัวใช้วิธีการเลือกแรงดันลมที่น้อยที่สุดที่ยางไม่แตกครับ เปลี่ยนเฟรมยังไม่สู้เปลี่ยนแรงดันลม รถขี่ต่างกันมากครับ

ปล 1. ยางฮาฟอัดลมได้เยอะกว่างัดก็จริง แต่รู้หรือไม่ โปรที่แข่งกันก็ใช้ยางฮาฟกันทั้งนั้นหมด แต่ปกติเติมกัน 100นิดๆไม่ถึง120กันด้วยซ้ำครับ บ้านเราเติมกัน140-160 แล้วบ่นว่ารถกระด้างกัน ???

ปล 2. ยางฮาฟที่เติมแรงลมต่ำๆแล้วรู้สึกว่าหนืด หนืดยิ่งกว่ายางงัดที่แรงดันลมเท่ากัน จริงๆแล้วเป็นความรู้สึกเท่านั้น ที่รู้สึกหนืด จริงๆแล้วเพราะยางฮาฟส่วนใหญ่มี TPI ความละเอียดเนื้อยางสูงกว่า ทำให้นุ่มนวล supple มากกว่ายางงัดที่มี TPI ต่ำกว่า จนบางครั้งเราแยกไม่ออกจนตีความว่าความนิ่ม = หนืด ถ้าใช้ Power Meter จะเห็นผลค่อนข้างชัดครับ ว่าจริงๆไม่ได้หนืดเลย แต่คือนุ่มต่างห่าง

ปล 3. ที่โปรเขาใช้ยางฮาฟ ไม่ใช่เพราะมันอัดลมได้แรงดันมากกว่า แต่เพราะ TPI เนื้อยางและconstruction ของยางที่ทำให้ขี่ได้ feeling ดีกว่าและนุ่มนวลกว่ายางงัดครับ แต่ในบางครั้ง โปรก็เลือกใช้ยางงัด อาทิสเตจ TT ใช้ยางงัดกับล้อขอบอ้วน เพราะยางงัดกับล้อขอบอ้วนจะดึงหน้ายางให้เรียบเนียนกับขอบล้อและลด drag ได้มากกว่าขอบฮาฟครับ

กำลังดูๆเฟรมคาร์บอน มาอ่านแล้วกลับไปคิดใหม่เลยเรื่องความคุ้มค่า
เพราะเล่นอย่างอื่นที่เป็นคอมโพสิตมาเป็นสิบปี เลยพอจะรู้ธรรมชาติ
ของคอมโพสิตพอสมควร มันมีอายุการใช้งานอยู่
ถ้าเฟรมอลูแต่เติมแรงดันที่เหมาะสม อาจจะเหมาะกับผมมากกว่า
เพื่อนๆก็ av ไม่เกิน 30 อาจจะไม่ต้องเติมลมแข็งเพื่อความเร็ว
แล้วไปชดเชยความกระด้างด้วยเฟรมคาร์บอน
ลองไปลดแรงดันลมยางแล้ว รถนิ่มขึ้นมาก การเรียกความเร็วลดลงนิดหน่อย
การดูแลรักษาเฟรมอลูก็ไม่ต้องพิถีพิถันมาก ประหยัดตังไปเป็นแสน
ไม่เน้น สติฟ กับ พุ่งเท่าไหร่ เน้น สบาย
ขอบคุณความรู้ของทุกๆท่านครับ