....มอเตอร์ถ้าหาวัตต์มากๆไม่ได้ก็จบครับ ไม่มีแรงขึ้นเขาชันๆได้แน่ๆ วัตต์น้อยแรงบิดก็น้อยแม้ทดกำลังแค่ไหนก็ตาม อัตราทดมากอาจดันเนินได้ในระดับนึง แต่ได้แค่ไหนบอกยาก ตัวแปรเยอะ โดยเฉพาะน้ำหนักรวมทั้งรถทั้งคน ยิ่งเบาเท่าไหร่ยิ่งดีอยู่แล้ว แบตฯเล็กรถเบาไปได้ไม่กี่ กม.ดันเนินดีกว่า แบตฯใหญ่รถหนัก ไปได้ไกลกว่าแต่เจอเนินเท่ากัน มอเตอร์ดันไม่ไหวจอดอยู่ตีนเขา ผมใช้อยู่ 350 วัตต์ เฟืองที่มอเตอร์ 7 ฟัน เฟืองที่ล้อ 80 ฟัน นะครับ คิดเป็นอัตราทด 1:11.43 ทางเรียบนี่โอเคเลย แต่ถ้าเจอเนินยาวๆ มอเตอร์ทำงานหนักก็ไฟหมดเร็วเหมือนกัน น้ำหนักทั้งคนทั้งรถ 150 กก.กับความเร็วปลาย 50 กม./ชม. ผมพอใจแล้ว แต่ถ้าเพิ่มอัตราทดโดยการเปลี่ยนเฟืองหลัง ให้เพิ่มขึ้นอีกซัก 35 % (1:16) การไต่ทางชันก็ต้องดีขึ้นแน่ๆตาม% อัตราทดที่เพิ่มขึ้น แต่ความเร็วปลายก็ต้องหดหายลงไปเหลือ 32-33โอ๊ตนนท์ เขียน: โห....ใช้ร้อยแอมป์เลยเหรอครับ.. ผมกะเอาแค่ สิบสองแอมป์ สามลูกเอง..เพราะว่าเอาไว้ช่วยตอน ต้องการเริ่งแช่ สิบกว่านที บางช่วงเท่านั้นครับ..นอกนั้นปั่นชาร์จตลอดทาง.. เพระาว่าถ้าแบบใช้ยาวๆ ผมคงใช้แค่ ยี่สิบแอมป์ สามลูกครับ...เพราะถื่อว่าหนัก พอแล้วครับ...
.....ว่าแต่หาชมภาพ หางพ่วงได้ที่ไหนครับ..อย่ากเห็นช่วงเครื่องยนต์ มอเตอร์.และไดนาโมหน่ะครับ..ว่างวาตำแหน่งอย่างไงใกล้..
.....การคิดปั่นชาร์จไปตลอดทางกับไดชาร์จรถยนต์ที่ต้องคงความเร็วไว้ตลอด 25-30 กม./ชม. ไดชาร์จจึงจะยอมจ่ายกระแสไฟลงแบตฯ ผมว่าไม่หมูนะครับ เพราะไดชาร์จรถยนต์มันต้องมีรอบอย่างต่ำของมันๆจึงจะยอมทำงานน่ะครับ ขณะที่ไดชาร์จจ่ายไฟลงแบตฯมันจะเกิดแรงต้านของสนามแม่เหล็กในตัวมันส่งผ่านมาที่มู่เล่ คอยเหนี่ยวรั้งรถไว้ คลายๆเบรคติด แล้วเราจะปั่นไปได้ซักแค่ไหนกับแรงต้านขนาดนั้น ผมจึงต้องใช้เครื่องยนต์ยังไงละ่ครับ