......จักรยานธุดงค์..........

ห้องนี้เทียบได้กับ "ห้องนั่งเล่น" ในกระดานเดิมนะครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
NOKNICE
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 10311
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 11:33
team: ไร้สังกัด,ปั่นตามใจตรู
Bike: MERIDA MATT 40D(ของแฟน),Trek8500 , Storck G2

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย NOKNICE »

สวัสดีครับลุงแดง ลุงเนตรและทุกท่าน

อาทิตย์ที่ผ่านมาปั่นไปกินสเต็กกับพี่มาครับ
ไฟล์แนบ
thumbnail_20171126_074415.jpg
thumbnail_20171126_074415.jpg (234.99 KiB) เข้าดูแล้ว 201 ครั้ง
thumbnail_20171126_092737.jpg
thumbnail_20171126_092737.jpg (119.04 KiB) เข้าดูแล้ว 201 ครั้ง
thumbnail_20171126_093024.jpg
thumbnail_20171126_093024.jpg (257.99 KiB) เข้าดูแล้ว 201 ครั้ง
thumbnail_20171126_094511.jpg
thumbnail_20171126_094511.jpg (164.57 KiB) เข้าดูแล้ว 201 ครั้ง
thumbnail_20171126_113912.jpg
thumbnail_20171126_113912.jpg (185.17 KiB) เข้าดูแล้ว 201 ครั้ง
thumbnail_20171126_115020.jpg
thumbnail_20171126_115020.jpg (141.1 KiB) เข้าดูแล้ว 201 ครั้ง
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D อรุณสวัสดิ์ครับ พี่เนตร หลานนกและท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน หายไปหลายวัน จากวันที่ 25-29 พย.รวม 4 คืน 5 วัน กับการไปชาร์จแบตเตอรี่ชีวิต ด้วยการไปนอนวัดพบพระอริยะสงฆ์ สนทนาธรรมสวดมนต์ นั่งภาวนา ทำอาหารถวายพระเป็นทานบารมี สร้างบุญกุศลเพื่อชีวิตที่ดีทั้งโลกนี้และโลกหน้า บุญใดที่ได้กระทำขออุทิศบุญกุศลนั้น ถึงเพื่อนสนิทมิตรสหายตลอดจนญาติธรรมทุกท่าน ขอให้ได้รับบุญนั้นด้วยกันทุกท่านทุกคนเทอญ.
ไฟล์แนบ
273472.jpg
273472.jpg (161.84 KiB) เข้าดูแล้ว 191 ครั้ง
244356.jpg
244356.jpg (269.58 KiB) เข้าดูแล้ว 191 ครั้ง
244357.jpg
244357.jpg (249.66 KiB) เข้าดูแล้ว 191 ครั้ง
244359.jpg
244359.jpg (282.54 KiB) เข้าดูแล้ว 191 ครั้ง
273434.jpg
273434.jpg (291.5 KiB) เข้าดูแล้ว 191 ครั้ง
273471.jpg
273471.jpg (239.17 KiB) เข้าดูแล้ว 191 ครั้ง
งูจงอาง๓.jpg
งูจงอาง๓.jpg (56.4 KiB) เข้าดูแล้ว 191 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D ติดค้างไว้ที่การไปเยี่ยมชมเขื่อนสิริกิตต์และฟังการบรรยายสรุป เพื่อความรู้ประดับสติปัญญาหลังจากที่ชมเขื่อนเสร็จเรียบร้อย พวกเรา ยว.๐๘ (ยุพราช ๐๘) ก็พากันไปทำบุญเพื่ออุทิศส่วนบุญไปถึงเพื่อนร่วมรุ่นและครูบาอาจารย์ที่สอนพวกเรา ท่านเหล่านั้นได้ล่วงลับดับไปแล้ว รศ.สุบิน ฯ ท่านได้พาไปยังวัด ภูเงินวนาราม อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ วัดนี้เป็นวัดป่าสถานที่ร่มรื่นมาก วัดภูเงินวนาราม ได้ก่อตั้งเมื่อวันที่๑ กรกฎาคม ๒๕๒๑ โดยท่านพระครูขันตยาภิรมย์ เจ้าคณะอำเภอในขณะนั้นได้ดำริคิดสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมในเขตอำเภอน้ำปาด จึงได้ปรึกษากับญาติโยม และเห็นว่าสถานที่บนดอยภูเงินเป็นสถานที่เหมาะสมจึงเริ่มนำพาคณะศรัทธาสร้างกุฏิที่พัก และนิมนต์ พระอาจารย์ทองพัด จากวัดชุมพลมาอยู่เป็นองค์แรก

เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๓ ได้สร้างพระพุทธรูปปางลีลาขนาดสูง ๘ วา ฐานพระ ๔ วา องค์พระ ๔ วา ตั้งชื่อว่า พระพุทธสันติมิ่งมงคล และสร้างบันไดนาคในเวลาต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๓๙ พระอาจารย์ หน่อย สุมโน เป็นผู้ดูแล ได้มีการจัดงานตักบาตรเทโวโรหณะประจำปีขึ้น หลังจากนั้นเมื่อปี พ.ศ ๒๕๔๓ ขาดพระอยู่ประจำพรรษา ญาติธรรมใด้นิมนต์ พระอาจาย์ เงิน อกิญฺจโน มาจำพรรษา ในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ ได้สร้างศาลา ปฏิบัติธรรมขึ้นหลังหนึ่งความกว้าง ๑๒ เมตร ยาว ๒๒ เมตร และห้องสมุดเพื่อ ประโยชน์ต่อการศึกษาและปฏิบัติธรรม ได้เริ่มดำเนินการขออนุญาตสร้างวัด ให้ถูกต้องตามกฏหมาย เถรสมาคม ได้รับการอนุญาตสร้างวัดในปี พ.ศ.๒๕๕๐ โดยนายสมสักดิ์ แจ่มใส ไวยาวัจกรของวัด เป็นผู้ขอสร้าง ได้รับอนุญาตการ ตั้งวัดตามกฏเถรสมาคม ในปี พ.ศ.๒๕๕๒ มีชื่อว่า วัดภูเงินวนาราม

โดยถือเอาตามสถานที่ ของที่ตั้งวัด เพราะชาวบ้านเรียกกันปกติว่า ดอยภูเงิน ได้มีการแต่งตั้งเจ้าอาวาสองค์แรกของวัด คือพระอาจารย์ เงิน อกิญฺจโน เมื่อเดือน ธันวาคม ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ปัจจุบันกำลังดำเนินการก่อสร้างอุโบสถ ดำเนินการขอพระราชทานวิสุงคามสีมา และสร้างเป็นอุโบสถไม้สักแกะสลัก เพื่อความสวยงามเป็นสง่า สำหรับใช้ในสังฆกรรมของสงฆ์ ประโยชน์ในการแสวงบุญของชาวพุทธสืบไป (เครดิตจาก : วัดภูเงินวนาราม ตำบลบ้านฝาย อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์)
ไฟล์แนบ
IMG_E1244.JPG
IMG_E1244.JPG (117.1 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
สิ่งสำคัญที่สุดที่วัดต้องการใช้ คือ ไม้กวาดครับ การไปทำบุญครั้งนี้ท่าน รศ.สุบิน ฯ ท่านจัดซื้อสิ่งของเครื่งใช้ที่จำเป็นที่พระสงฆ์จะใช้ในการดำรงชีพ มีพวกน้ำยาทำความสะอาด ไม้กวาด กระดาษทิชชู น้ำยาล้างจานล้างบาตร ผ้าเช็ดสัมภาระ พรมเช็ดเท้า ฯ
สิ่งสำคัญที่สุดที่วัดต้องการใช้ คือ ไม้กวาดครับ การไปทำบุญครั้งนี้ท่าน รศ.สุบิน ฯ ท่านจัดซื้อสิ่งของเครื่งใช้ที่จำเป็นที่พระสงฆ์จะใช้ในการดำรงชีพ มีพวกน้ำยาทำความสะอาด ไม้กวาด กระดาษทิชชู น้ำยาล้างจานล้างบาตร ผ้าเช็ดสัมภาระ พรมเช็ดเท้า ฯ
IMG_1729.JPG (291.55 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
IMG_1730.JPG
IMG_1730.JPG (154.97 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
IMG_1732.JPG
IMG_1732.JPG (182.87 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
IMG_1733.JPG
IMG_1733.JPG (160.3 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
IMG_1735.JPG
IMG_1735.JPG (172.13 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
IMG_1737.JPG
IMG_1737.JPG (215.77 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
IMG_1738.JPG
IMG_1738.JPG (141.46 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
ก่อนที่ท่านเจ้าอาวาสจะรับทานท่านเมตตาให้โอวาทแก่พวกเรา ท่านสรรเสริญชื่นชมที่พวกเรายังรักใคร่กลมเกลียวกัน จัดงานพบปะสังสรรค์ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง ท่านได้เล่าประวัติย่อ ๆ ของวัดหลังจากนั้นท่านก็อนุโมทนา ทาน ของพวกเราตามเจตนา
ก่อนที่ท่านเจ้าอาวาสจะรับทานท่านเมตตาให้โอวาทแก่พวกเรา ท่านสรรเสริญชื่นชมที่พวกเรายังรักใคร่กลมเกลียวกัน จัดงานพบปะสังสรรค์ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง ท่านได้เล่าประวัติย่อ ๆ ของวัดหลังจากนั้นท่านก็อนุโมทนา ทาน ของพวกเราตามเจตนา
IMG_1739.JPG (148.01 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
IMG_1740.JPG
IMG_1740.JPG (254.69 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
IMG_1741.JPG
IMG_1741.JPG (276.85 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
IMG_1743.JPG
IMG_1743.JPG (266.05 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
IMG_1744.JPG
IMG_1744.JPG (284.43 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
IMG_1745.JPG
IMG_1745.JPG (126.02 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
เสร็จจากการทำบุญถวายทานพวกเราก็กลับเขื่อนเพื่อเตรียมสังสรรค์กันต่อไป.
เสร็จจากการทำบุญถวายทานพวกเราก็กลับเขื่อนเพื่อเตรียมสังสรรค์กันต่อไป.
IMG_1746.JPG (236.84 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D งานเลี้ยงในคืนวันนั้นสนุกสนานกันตามประสาเพื่อนฝูง ยศฐาบรรดาศักดิ์ตัดทิ้งหมด กลายเป็นเด็กเหมือนเดิม เป็นบรรยากาศที่ยากจะบรรยาย มันเป็นความสุขที่หาได้ยากยิ่ง ผมและคุณนายแม้จะไม่ดื่มกินอะไรกับเขา แต่เราก็สนุกสนานเพราะเห็นเพื่อนมีความสุข เราก็พลอยสุขไปด้วย ในงานคืนนั้นเรามีการจับฉลากแจกของขวัญต่าง ๆ เพื่อให้สมาชิกได้มีสิ่งที่ระลึกเก็บไปไว้เป็นความทรงจำ ผมได้พระองค์หนึ่ง และได้หม้อสำหรับประกอบอาหาร เหมาะพอดิบพอดีกับการจะนำติดไปยามออกทริป จักรยานธุดงค์

ในงานเรามีการยืนไว้อาลัยให้กับเพื่อนร่วมรุ่นที่จากไป โดยเฉพาะสด ๆ ร้อน ๆ ท่าน ชัยวุฒิ นิมมลังกูร ประธานรุ่นตลอดกาลของพวกเรา ในงานท่านผู้แทนเขื่อนก็ได้ให้เกียรติมาร่วมงานด้วย งานดำเนินไปจนถึงเวลา ๒๒.๐๐ น.เป็นเวลาที่ทางร้านอนุญาตุให้จัดกิจกรรม พวกเราไม่ลืมที่จะมีของตอบแทนน้ำใจให้กับท่าน รศ.สุบิน และแม่บ้าน ที่เสียสละแรงกายแรงใจช่วยจัดงานสังสรรค์ครั้งนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่องานเลิกพวกเราก็ได้แยกย้ายกันไปพักผ่อน ที่พักของเขื่อนดีมากครับ :) :D
ไฟล์แนบ
เลี้ยงรุ่นยว (84).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (84).JPG (203.18 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (85).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (85).JPG (191.64 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (87).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (87).JPG (194.1 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (91).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (91).JPG (197.21 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (92).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (92).JPG (179.41 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (97).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (97).JPG (207.23 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (99).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (99).JPG (157.27 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (100).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (100).JPG (196.76 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (101).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (101).JPG (191.44 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (104).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (104).JPG (195.14 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (105).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (105).JPG (184.6 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (112).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (112).JPG (187.34 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (114).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (114).JPG (188.73 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (117).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (117).JPG (186.68 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
พ.อ.เผด็จ หัสดิเสวี ประธานรุ่นของพวกเรา ได้มอบของที่ระลึกให้กับ รศ.สุบิน และคุณนาย เป็นทีระลึกของความเสียสละแรงกายแรงใจ จัดงานให้พวกเราได้มีโอกาสมาพบปะสังสรรค์กัน สนุกสนานอย่างเต็มที่ มีสาระและได้ประโยชน์ ขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ.
พ.อ.เผด็จ หัสดิเสวี ประธานรุ่นของพวกเรา ได้มอบของที่ระลึกให้กับ รศ.สุบิน และคุณนาย เป็นทีระลึกของความเสียสละแรงกายแรงใจ จัดงานให้พวกเราได้มีโอกาสมาพบปะสังสรรค์กัน สนุกสนานอย่างเต็มที่ มีสาระและได้ประโยชน์ ขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ.
เลี้ยงรุ่นยว (128).JPG (209.13 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D บันทึกท้ายเล่ม จากเอกสารเล่มน้อยที่ท่าน รศ.สุบิน ฯ แจกให้กับเพื่อน ๆ ในงานวันเลี้ยงรุ่น น่าสนใจมากครับว่า...

"เพื่อน" (พจนานุกรม ฉบับบเฉลิมพระเกียรติ พ.ศ.๒๕๓๐.๓๘๗.บริษัท สำนักพิมพ์วัฒนาพานิช จำกัด กรุงเทพมหานคร.๒๕๓๑.) น.ผู้ร่วมธุระชอบพอรักใคร่กัน,ผู้อยู่ในสภาพเดียวกัน และคำที่มีความหมายใกล้เคียงกัน "คู่หู" "คู่ซี้" "เกลอ" "บักเสี่ยง"...ฯลฯ

"มิติของเพื่อน" ท่านเป็นผู้ที่มีเพื่อนในมิติหรือในฐานะใดบ้างเป็นต้นว่า "เพื่อนรัก" "เพื่อนร่วมงาน" "เพื่อนร่วมอุดมการณ์" "เพื่อนร่วมก๊วน" "เพื่อนร่วมสถาบัน" "เพื่อนร่วมอาชีพ" "เพื่อนเที่ยว" "เพื่อนกิน" "เพื่อนซี้(ตาย)"....ฯลฯ

"ตัวชี้วัดของความเป็นเพื่อน" สนิทกันมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับ"คำพูดที่พูดกับเพื่อน" "ความถี่ของการโทรศัพน์ที่โทรถึงกัน" "ส่งไลน์(Line)ถึงกัน "ไปเที่ยว" "การทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยกันเช่น เดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน ฯลฯ "มีการแบ่งปันกับข้าว(อาหารที่ทำหรืออาหารที่เพื่อนชอบ ขนม" "พาไปที่ชอบ ๆ เช่นไปทำบุญที่วัด ร้านกาแฟ คาราโอเก๊ะ ตลาดนัด" "ชี้แนะในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ห้ามปรามในสิ่งที่ไม่ดี" ฯลฯ

ทั้งนี้ความเป็น"เพื่อน" ผมอยากฝากให้คิดเชิงบวกบนพื้นฐานในเรื่องต่อไปนี้.....

๑."มีความจริงใจต่อกัน" ไม่ได้คบกันที่ผลประโยชน์
๒."ความคิดใกล้เคียงกัน"เราคิดว่าเราเป็นเพื่อนเขา แล้วเขาล่ะคิดว่าเราเป็นเพื่อนเขาหรือเปล่า ได้สังเกตุบ้างหรือไม่ว่า เพื่อนของเรา คิดดี คิดถูก คิดบวก คิดในใจ ไม่(ชวน)คิดนอกใจ คิดด้วยเหตุด้วยผล(ตามตรรกะ)ไม่คิดเอาเปรียบ คิดก่อนทำ คิดละเอียดรอบคอบ เป็น"คนช่างคิด"ว่างั้นเถอะ แต่ไม่ใช่เป็นคนที่"คิดเล็กคิดน้อย" .... (ยังมีต่ออีกหลายข้อ..ติดตามนะครับ)


:) :D หลังจากที่แยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน สำหรับผมหลับเป็นตายคงจะเหนื่อยมากไป ตื่นเช้าขึ้นมาปรากฏว่าเพื่อน ๆ พากันรวมอยู่ที่ร้านอาหารหมดแล้ว กำลังดื่มกาแฟ กินข้าวต้ม ซึ่งท่าน รศ.สุบิน ฯ จัดเตรียมไว้ให้อย่างเต็มที่ ผมตามไปทีหลังต้องสั่งอาหารพิเศษ ซึ่งท่านสุบินก็เป็นผู้จัดการให้เรียบร้อย เราร่ำลากันเพื่อแยกย้ายกันกลับเรียกว่า"งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกลา" กว่าจะออกกันได้ก็เรียกว่า "อ้อย..อิ่ง" กันน่าดู..เหมือนไม่อยากจะจากกัน

ผมกับคุณนายแยกจากคณะเพื่อน ๆ เราพากันไปเที่ยวเขื่อนดินตามที่ทางเจ้าหน้าที่เขื่อนได้บรรยายสรุปให้ฟังว่า นอกจากเขื่อนสิริกิตต์แล้วยังมีเขื่อนรองอีก ๒ - ๓ แห่งที่ทดน้ำไว้ใช้ ที่เขื่อนดินนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่ท่านไม่ควรจะพลาดครับ :) :D


ไฟล์แนบ
IMG_E1240.JPG
IMG_E1240.JPG (56.29 KiB) เข้าดูแล้ว 247 ครั้ง
IMG_1779.JPG
IMG_1779.JPG (161.84 KiB) เข้าดูแล้ว 247 ครั้ง
ยังคงสนุกสนานกันต่อ ช่วงของเช้าวันที่ ๑๙ พ.ย.๖๐ เหมือนจะไม่อยากจากกัน แต่งานเลี้ยงต้องมีการเลิกลา หลังจากที่ทานข้าวอิ่มหมีพีมันกันเรียบร้อย เราก็เริ่มแยกย้ายอำลาเดินทางกลับบ้านใครบ้านมัน กลับไปเพื่อไปดำเนินชีวิตต่อไป ปีหน้าเจอกันใหม่ซึ่งมติที่ประชุมให้ทาง จ.เชียงใหม่เป็นเจ้าภาพ.
ยังคงสนุกสนานกันต่อ ช่วงของเช้าวันที่ ๑๙ พ.ย.๖๐ เหมือนจะไม่อยากจากกัน แต่งานเลี้ยงต้องมีการเลิกลา หลังจากที่ทานข้าวอิ่มหมีพีมันกันเรียบร้อย เราก็เริ่มแยกย้ายอำลาเดินทางกลับบ้านใครบ้านมัน กลับไปเพื่อไปดำเนินชีวิตต่อไป ปีหน้าเจอกันใหม่ซึ่งมติที่ประชุมให้ทาง จ.เชียงใหม่เป็นเจ้าภาพ.
IMG_1780.JPG (167.75 KiB) เข้าดูแล้ว 247 ครั้ง
IMG_1781.JPG
IMG_1781.JPG (247.56 KiB) เข้าดูแล้ว 247 ครั้ง
IMG_1782.JPG
IMG_1782.JPG (254.97 KiB) เข้าดูแล้ว 247 ครั้ง
IMG_1796.JPG
IMG_1796.JPG (227.26 KiB) เข้าดูแล้ว 247 ครั้ง
เก็บภาพเป็นที่ระลึกก่อนเดินทางต่อไปยังเขื่อนดินตามที่ตั้งใจไว้
เก็บภาพเป็นที่ระลึกก่อนเดินทางต่อไปยังเขื่อนดินตามที่ตั้งใจไว้
IMG_1797.JPG (238.71 KiB) เข้าดูแล้ว 247 ครั้ง
เขื่อนดินช่องเขาขาดหรือแซดเดิ้ล อยู่ห่างจากอำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ ในระยะทาง 4 กิโลเมตร เป็นเขื่อนที่สร้างปิดช่องเขา เพื่อกันไม่ให้น้ำในอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนไหลออกมาทางช่องเขานี้ สันเขื่อนเป็นถนนที่มีท่าเรือสำหรับส่งปลา นอกจากนั้นยังมีเรือเอกชนบริการนำเที่ยวในอ่างเก็บน้ำ และเขื่อนดินช่องเขาขาดเป็นเขื่อนดินขนาดเล็กที่อยู่ในเขื่อนสิริกิติ์อีกบริเวณหนึ่ง
เขื่อนดินช่องเขาขาดหรือแซดเดิ้ล อยู่ห่างจากอำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ ในระยะทาง 4 กิโลเมตร เป็นเขื่อนที่สร้างปิดช่องเขา เพื่อกันไม่ให้น้ำในอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนไหลออกมาทางช่องเขานี้ สันเขื่อนเป็นถนนที่มีท่าเรือสำหรับส่งปลา นอกจากนั้นยังมีเรือเอกชนบริการนำเที่ยวในอ่างเก็บน้ำ และเขื่อนดินช่องเขาขาดเป็นเขื่อนดินขนาดเล็กที่อยู่ในเขื่อนสิริกิติ์อีกบริเวณหนึ่ง
IMG_1786.JPG (222.03 KiB) เข้าดูแล้ว 247 ครั้ง
IMG_1787.JPG
IMG_1787.JPG (248.32 KiB) เข้าดูแล้ว 247 ครั้ง
IMG_1788.JPG
IMG_1788.JPG (210.08 KiB) เข้าดูแล้ว 247 ครั้ง
IMG_1789.JPG
IMG_1789.JPG (184.5 KiB) เข้าดูแล้ว 247 ครั้ง
IMG_1790.JPG
IMG_1790.JPG (191.81 KiB) เข้าดูแล้ว 247 ครั้ง
IMG_1791.JPG
IMG_1791.JPG (254.27 KiB) เข้าดูแล้ว 247 ครั้ง
IMG_1792.JPG
IMG_1792.JPG (161.15 KiB) เข้าดูแล้ว 247 ครั้ง
IMG_1793.JPG
IMG_1793.JPG (222.73 KiB) เข้าดูแล้ว 247 ครั้ง
IMG_1794.JPG
IMG_1794.JPG (195.45 KiB) เข้าดูแล้ว 247 ครั้ง
IMG_1795.JPG
IMG_1795.JPG (195.98 KiB) เข้าดูแล้ว 247 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D ๓.ให้อภัยในบางเรื่อง หรือ หลาย ๆ เรื่องที่เพื่อนทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง(ตามครรลองคลองธรรม)ทำในสิ่งที่เราชอบ(ใจ)ซึ่งต้องตั้งสติให้ดี อย่าให้หลุด จะเสียเพื่อน เสียความรู้สึก เมื่อสบโอกาสค่อย ๆ พิจารณา ค่อย ๆ พูดจาสอบถาม(ไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสิน)ให้โอกาส ให้อภัยในความผิดพลาดบกพร่อง(การให้อภัย ถือเป็นการลงทุนที่ต่ำที่สุด แต่ทำได้ยากที่สุด เมื่อทำได้จะคุ้นชิน และมีคุณค่ามหาศาล แม้ว่าจะไม่มีมูลค่าเป็นเงินทอง)

๔.ทำหน้าที่ของเพื่อนตามหลักพุทธธรรมของคำว่า"กัลยาณมิตร"เมื่อเพื่อน"ทำดี ทำสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม ถูกต้องตามกฏหมาย" สนับสนุนและให้กำลังใจเพื่อคงทำต่อไป หรือ ทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก แต่ถ้าเพื่อน"ทำในสิ่งที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง ผิดศีลธรรม ผิดกฏหมาย" เราต้องห้ามปราม ว่ากล่าวตักเตือนเพื่อนให้หยุดทำเสียทันทีที่เราทราบ เพื่อประโยชน์ที่เพื่อนควรได้รับผลอันงดงามต่อไป

๕.สิ่งที่ทำให้เกิดความมั่นคงยั่งยืนของคำว่าเพื่อนคือ "ร่วมทุกข์ ร่วมสุข ไม่เอาแต่ได้ ไม่เห็นแก่ตัว เข้าใจในข้อจำกัดของเพื่อน ให้อภัยในข้อผิดพลาดบกพร่องของเพื่อน" พูดง่ายแต่ทำได้ยาก(เหมือนคำว่า"ทำใจ") ยากขนาดไหนก็ต้องเพียรพยายามทำให้เกิดความเคยชิน เหมือนกับที่เรากำลังหายใจทุก ๆ เวลา(แต่เราไม่รู้ หรือ ไม่ได้นึกหรอกว่า"เรากำลังหายใจ") :idea: :idea:


:( :( ต้องกราบขออภัยเป็นอย่างมากผมเล่าข้ามสถานที่ ๆ สำคัญที่สุดของเมืองอุตรดิคถ์ นั่นคือ "ต้นสักใหญ่ที่สุดในโลก" ซึงเมื่อผมและคุณนายอำลาเพื่อน ๆ เป้าหมายแรกเลยคือต้นสักใหญ่ครับ ไม่น่าข้ามไปได้ แต่ก็ไม่เป็นไรนะครับทุกอย่างในโลกนี้มันผิดกันได้ เอาเป็นว่า ย้อนกลับไปที่ต้นสักใหญ่นะครับ :o :o

ถ้าไม่ตั้งใจไปก็คงไม่ได้ไปครับ ผมก็เชื่อเช่นนั้นเหมือนกัน แต่นี่เราตั้งใจไปจริง ๆ แล้วจะไม่ให้ย้อนกลับมาเล่าได้ ไง ใช่ไหมครับ ๕๕๕. :lol: :lol:
ไฟล์แนบ
เลี้ยงรุ่นยว (143).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (143).JPG (437.15 KiB) เข้าดูแล้ว 235 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (144).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (144).JPG (296.76 KiB) เข้าดูแล้ว 235 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (145).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (145).JPG (344.93 KiB) เข้าดูแล้ว 235 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (146).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (146).JPG (336.54 KiB) เข้าดูแล้ว 235 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (148).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (148).JPG (296.5 KiB) เข้าดูแล้ว 235 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (149).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (149).JPG (300.64 KiB) เข้าดูแล้ว 235 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (152).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (152).JPG (410.78 KiB) เข้าดูแล้ว 235 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (153).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (153).JPG (194.07 KiB) เข้าดูแล้ว 235 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (156).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (156).JPG (203.24 KiB) เข้าดูแล้ว 235 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (161).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (161).JPG (216.9 KiB) เข้าดูแล้ว 235 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (162).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (162).JPG (189.04 KiB) เข้าดูแล้ว 235 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (163).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (163).JPG (227.08 KiB) เข้าดูแล้ว 235 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (164).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (164).JPG (454.89 KiB) เข้าดูแล้ว 235 ครั้ง
ครับ...ออกจากเขื่อนสิริกิตต์เราสองคนก็ไปชมต้นสักใหญ่ที่สุดในโลก ก่อนที่จะมายังเขื่อนดิน แต่ที่น่าเสียดายก็คืออุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน
ครับ...ออกจากเขื่อนสิริกิตต์เราสองคนก็ไปชมต้นสักใหญ่ที่สุดในโลก ก่อนที่จะมายังเขื่อนดิน แต่ที่น่าเสียดายก็คืออุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน
เลี้ยงรุ่นยว (165).JPG (261.94 KiB) เข้าดูแล้ว 235 ครั้ง
อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน เป็นอีกแห่งที่ควรหาโอกาสและเวลาไปกางเต้นท์นอนชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก เจ้าหน้าที่ได้แนะนำกับเราว่าถ้าเข้าไปเที่ยวเฉย ๆ จะไม่ได้บรรยากาศใด ๆ เพราะเราต้องไปช่วงตอนเย็น ๆ ไปนั่งชมพระอาทิตย์ตกดินและกินอาหารฟังเพลงจึงจะ โรแมนติก แต่ถ้าได้นอนค้างคืนจะยิ่งได้อารมณ์ เจ้าหน้าที่บรรยายซะเราตาร้อนครับ เอาเป็นว่า "ฝากไว้ก่อน" แล้วเราจะปั่นมาเสพความสุขให้เห็นกับตา - ใจ ของเราในโอกาสหน้าต่อไป
อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน เป็นอีกแห่งที่ควรหาโอกาสและเวลาไปกางเต้นท์นอนชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก เจ้าหน้าที่ได้แนะนำกับเราว่าถ้าเข้าไปเที่ยวเฉย ๆ จะไม่ได้บรรยากาศใด ๆ เพราะเราต้องไปช่วงตอนเย็น ๆ ไปนั่งชมพระอาทิตย์ตกดินและกินอาหารฟังเพลงจึงจะ โรแมนติก แต่ถ้าได้นอนค้างคืนจะยิ่งได้อารมณ์ เจ้าหน้าที่บรรยายซะเราตาร้อนครับ เอาเป็นว่า "ฝากไว้ก่อน" แล้วเราจะปั่นมาเสพความสุขให้เห็นกับตา - ใจ ของเราในโอกาสหน้าต่อไป
เลี้ยงรุ่นยว (160).JPG (321.16 KiB) เข้าดูแล้ว 235 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
ลุงเนตร
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 19852
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
Tel: 0898133936
team: อิสระ
Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
ติดต่อ:

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย ลุงเนตร »

"..สวัสดีครับ น้องแดง - หลาน Nok และ...

..ขอบคุณมากครับ สำหรับสิ่งดี ๆ ที่นำมามอบให้..
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
รูปประจำตัวสมาชิก
NOKNICE
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 10311
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 11:33
team: ไร้สังกัด,ปั่นตามใจตรู
Bike: MERIDA MATT 40D(ของแฟน),Trek8500 , Storck G2

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย NOKNICE »

สวัสดีครับลุงแดง ลุงเนตรและทุกท่าน
รูปประจำตัวสมาชิก
ลุงเนตร
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 19852
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
Tel: 0898133936
team: อิสระ
Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
ติดต่อ:

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย ลุงเนตร »

..สวัสดีครับ น้องแดง +หลาน Nok และทุกท่าน..
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »



:) :D อรุณสวัสดิ์ครับ พี่เนตร หลานนก และท่านที่เคารพทุกท่าน ผมหายไป ๓-๔ วันไปเยี่ยมลูกชายและหลานน้อยที่เชียงรายมาครับ ไม่ได้นำคอม ฯ ติดตัวไปด้วยก็เลยหายหน้าไป ไปเชียงรายคราวนี้ผมได้ไปเยี่ยมสถานปฏิบัติธรรมที่วัดหลวงปู่เทพอุดร อยู่ติดกับไร่บุญรอดครับอยากจะให้หลายท่านที่มีโอกาสไปแถวเชียงราย หาโอกาสไปแวะเที่ยวเยี่ยมเยียนสร้างบุญกุศลกันนะครับ

:idea: :idea: ในบันทึกท้ายเล่มสุดท้ายสุด ท่าน รศ.สุบิน ฯ ได้ทิ้งท้ายเหมือนเป็นคำเตือนสำหรับเพื่อน ๆ ว่า

๑.เราและเพื่อน "ต้องรู้ดีรู้ชั่ว" สิ่งไหนดีต้องชักชวนกันปฏิบัติ สิ่งไหนไม่ดี(ชั่ว)ต้องชวนกันเว้น ชวนกันเลิกปฏิบัติทันที ไม่พากันไปสู่ความหายนะล่มจม

๒.เวลาที่เกิดวิกฤตในชีวิตฉับพลันทันด่วน "ภรรยา(ผู้เป็นสุดที่รัก)" นั่นแหละจะช่วยดูแลเอาใจใส่ป้อนข้าวป้อนน้ำ เช็ดตัว ดูแลการขับถ่าย ฯลฯ จึงมีสำนวนที่ว่า "คู่ทุกข์ - คู่ยาก"

๓.ผมโชคดี นอกจากมีคุณพ่อคุณแม่เป็นคนดีมีศีลธรรมคุณธรรมท่านยัง "แนะ(ให้ทำ) นำ(ให้ดู)" มีครูบาอาจารย์ที่ดีเป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิต และยังมีเพื่อนที่ดี(มาตลอดทุกช่วงชีวิต)มีเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชาที่ดีอีกด้วย

อ่านแล้วคิด..อิจฉาท่าน รศ.สุบิน ฯ จริง ๆ ครับ ทำไม???? เกิดมามีบุญมากมายตลอดชีวิตท่านพบเจอแต่สิ่งดี ๆ แตกต่างกับผมเป็น ฟ้า กับ เหว พบแต่สิ่งเลวร้ายหลายครั้งแทบเอาชีวิตไม่รอด ประสบการณ์ระหว่างผมกับท่าน รศ.สุบิน ฯ เห็นชัดนะครับ ต้นทุนชีวิตจาก "กรรม" ที่สั่งสมมา แต่วันนี้ เวลานี้ เราเดินทางสายเดียวกันแล้วครับ..สายธรรม.... ขอบคุณครับ ท่าน สุบิน ฯ พวกเราเพื่อน ๆ จะจำคำเตือนของท่านและจะจดจำสิ่งที่ท่านได้ทำให้กับเพื่อน สุดยอดและขอชมเชยความจริงใจของท่านและคุณนายแม่บ้าน ที่มีต่อรุ่นของเรา ท่านจัดเตรียมงานเลี้ยงได้ประทับใจมากครับ
:) :D

ออกจากเขื่อนดินที่ช่องเขาขาดขับรถเข้าตัวเมืองอุตรดิตถ์เพื่อไป เมืองลับแล เป็นเมืองที่อยากมาก ๆ อยากไปเห็นแต่อาจจะด้อยวาสนา ไม่เคยไปสักทีจนถึงวันนี้ ครั้งนี้เราสองคนต้องไปให้ถึง ระหว่างทางก่อนเข้าเมืองเราแวะชมการผลิต เมล็ดมะม่วงหิมพานต์
ไฟล์แนบ
เลี้ยงรุ่นยว (167).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (167).JPG (293.28 KiB) เข้าดูแล้ว 227 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (168).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (168).JPG (310.22 KiB) เข้าดูแล้ว 227 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (169).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (169).JPG (294.38 KiB) เข้าดูแล้ว 227 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (170).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (170).JPG (236.02 KiB) เข้าดูแล้ว 227 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (171).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (171).JPG (122.64 KiB) เข้าดูแล้ว 227 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (172).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (172).JPG (166.25 KiB) เข้าดูแล้ว 227 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (173).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (173).JPG (231.53 KiB) เข้าดูแล้ว 227 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (174).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (174).JPG (286.85 KiB) เข้าดูแล้ว 227 ครั้ง
มะม่วงหิมพานต์ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Anacardium occidentale) เป็นไม้ดอกยืนต้น ในวงศ์ Anacardiaceae กลุ่มเดียวกับมะม่วง (mango) และถั่วพิสตาชีโอ มะม่วงหิมพานต์เป็นพืชพื้นเมืองของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิล ซึ่งเรียกเป็นภาษาโปรตุเกสว่า &quot;กาฌู&quot; (caju - ผล) หรือ &quot;กาฌูเอย์รู&quot; (cajueiro - ต้น) ปัจจุบันเติบโตแพร่หลายทั่วไปในภูมิภาคเขตร้อน เพื่อใช้ประโยชน์จากเมล็ด และผล นำเข้ามาปลูกครั้งแรกที่ภาคใต้ของประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2444 โดยพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี๊ ณ ระนอง) เป็นพืชที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูง ประกอบด้วยโปรตีนที่ย่อยง่าย ไขมันที่ส่วนใหญ่เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว (เมื่อบริโภคเข้าไปจะไม่เพิ่มไขมันในเส้นเลือด) คาร์โบไฮเดรต วิตามินเอ, บี, อี และเกลือแร่ แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก<br /><br />มะม่วงหิมพานต์เป็นไม้ไม่ผลัดใบ ลำต้นมีความสูง 10-12 เมตร ต้นเตี้ย สยายกิ่งก้านไม่สม่ำเสมอ ใบจัดเรียงเป็นแบบเกลียว ผิวมันลื่น รูปโค้งจนถึงรูปไข่ ความยาว 4-22 เซนติเมตร และกว้าง 2-15 เซนติเมตร ขอบใบเรียบ ส่วนดอกนั้นเกิดจาก ที่ยาวถึง 26 เซนติเมตร แต่ละดอกตอนแรกมีสีเขียวซีด จากนั้นสีสดเป็นแดงจัด มี 5 กลีบ ปลายแหลม เรียว ยาว 7-15 มิลลิเมตร<br /><br />ส่วนที่จะปรากฏไปเป็นผลของมะม่วงหิมพานต์นั้น ก็คือ ผลวิสามัญ (accessory fruit) รูปไข่หรือรูปลูกแพร์ ซึ่งจะเติบโตจากฐานดอกขึ้นมา ผลมะม่วงหิมพานต์นี้มีชื่อเรียกในแถบอเมริกากลางว่า &quot;มารัญญอน&quot; (marañón) เมื่อสุกจะมีสีเหลืองหรือส้มแดง มีความยาวประมาณ 5-11 เซนติเมตร<br /><br />ผลแท้ของมะม่วงหิมพานต์นั้นเป็นผลเมล็ดเดียว รูปไต หรือรูปนวมนักมวย งอกออกจากปลายของผลเทียม ก้านดอกจะขยายตัวออกมาเป็นผลเทียม ภายในผลแท้นั้น เป็นเมล็ดเดี่ยว แม้ว่าโดยทั่วไปจะมองว่าส่วนเนื้อขาวนวลนั้นเป็นผลที่มีเปลือกแข็ง (nut) แต่ในทางพฤกษศาสตร์ถือว่า เป็นเมล็ด (seed) อย่างไรก็ตาม ส่วนของผลแท้นั้น นักพฤกษศาสตร์บางท่านถือว่าเป็นผลที่มีเปลือกแข็งก็มี เมล็ดนั้นห่อหุ้มด้วยเปลือกสองชั้น ประกอบด้วยยางฟีโนลิก (caustic phenolic resin) น้ำมัน urushiol, พิษที่ระคายเคืองต่อผิวหนังอย่างรุนแรง บางคนแพ้มะม่วงหิมพานต์ แต่ปกติถือว่าก่อให้เกิดอาการแพ้น้อยกว่าผลเปลือกแข็งชนิดอื่นๆ<br /><br />ปัจจุบันมะม่วงหิมพานต์พบได้ทั่วไปในภูมิภาคเขตร้อน เพราะเติบโตได้อย่างเหมาะสมในสภาพอากาศที่ชื้น และอบอุ่น ทั้งในเอเชีย และอเมริกาใต้ นิยมใช้เนื้อภายในเมล็ดเป็นอาหารว่าง และยังเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกของอินเดีย เวียดนาม และบราซิล ทั้งสามประเทศนี้ มีอัตราการส่งออกถึง 90% ของผลิตภัณฑ์เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ทั่วโลก<br /><br />ส่วนผลมะม่วงหิมพานต์นั้นเนื้อนิ่ม ฉ่ำน้ำ แต่มีรสเปรี้ยว รับประทานได้ทั้งดิบและสุก ทางภาคใต้ของไทย นิยมนำผลห่ามแกงส้ม ออกรสเปรี้ยว ส่วนผลดิบ รับประทานกับเกลือเป็นของกินเล่น บางครั้งออกรสฝาดเล็กน้อย ส่วนผลสุกสามารถนำไปหมักเป็นไวน์ น้ำส้มสายชู หรือเครื่องดื่มอื่นๆ ได้ ผลมะม่วงหิมพานต์มีส่วนประกอบของแทนนินมาก และเน่าเสียเร็วมาก ด้วยเหตุนี้ โดยทั่วไปจึงมักจะทิ้งผลเทียม หลังจากเก็บเมล็ดออก<br /><br />ส่วน urushiol นั้น จะต้องนำออกจากเปลือกเมล็ดสีเขียวเข้มก่อนที่จะรับประทานเนื้อสีขาวนวลข้างใน ยางจากเปลือกเมล็ดมะม่วงหิมพานต์นี้ในอินเดีย ควาญช้างนำมาใช้เพื่อคุมช้างให้เชื่อง<br /><br /> เมล็ดมะม่วงหิมพานต์คั่ว โรยเกลือ เป็นอาหารว่าง<br />เมล็ดมะม่วงหิมพานต์นับเป็นส่วนประกอบอาหารหลายชนิดในเอเชีย อาจบดให้ป่น เป็นเนยเมล็ดมะม่วงสำหรับใช้ทาขนมปังแบบเดียวกับเนยถั่วก็ได้ เมล็ดมะม่วงนี้มีน้ำมันพืชสูงมาก มีการนำไปใช้ในเนยถั่วอื่นๆ บาง ชนิด เพื่อเพิ่มน้ำมันพิเศษ เมล็ดมะม่วงบรรจุหีบห่อที่พบในสหรัฐอเมริกา ปริมาณ 30 กรัม มีพลังงาน 180 แคลอรี (750 กิโลจูล) โดยมีไขมัน 70% เม็ดมะม่วงหิมพานต์สดได้จากการกะเทาะเปลือกของผลแก่ออก นำมาแช่น้ำปูนใสเพื่อป้องกันไม่ให้ดำ นำไปปรุงอาหารได้หลายชนิด เช่นใส่ในแกงไตปลา แกงส้ม นำไปอบแล้วผัดกับน้ำตาลปี๊บเคี่ยว กินเป็นของหวาน เช่นหัวครกฉาบ[1]<br /><br />ของเหลวที่มีอยู่ในเปลือก ที่หุ้มเนื้อข้างใน เรียกว่า Cashew Nut Shell Liquid (CNSL) มีประโยชน์หลายประการในด้านอุตสาหกรรม ซึ่งมีการพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกในราวทศวรรษ 1930 ของเหลวชนิด CNSL นี้ถูกนำไปผ่านกระบวนการคล้ายการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม โดยได้ผลผลิตเบื้องต้นสองอย่าง นั่นคือ ของแข็งบดละเอียด ใช้หุ้มเบรก และของเหลวสีอำพัน ที่ใช้เพื่อสร้างตัวทำให้แข็งแบบฟีนอลคามีน (phenalkamine) และตัวปรับปรุงคุณภาพเรซิน สารฟีนอลคามีนนั้นเดิมใช้ในการเคลือบอีพอกซีสำหรับตลาดผลิตภัณฑ์ปูพื้นและเกี่ยวกับการเดินเรือ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่มีไฮโดรโฟบิกเข้มข้น และสามารถมีปฏิกิริยาเคมีได้ดีที่อุณหภูมิต่ำ(จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)
มะม่วงหิมพานต์ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Anacardium occidentale) เป็นไม้ดอกยืนต้น ในวงศ์ Anacardiaceae กลุ่มเดียวกับมะม่วง (mango) และถั่วพิสตาชีโอ มะม่วงหิมพานต์เป็นพืชพื้นเมืองของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิล ซึ่งเรียกเป็นภาษาโปรตุเกสว่า "กาฌู" (caju - ผล) หรือ "กาฌูเอย์รู" (cajueiro - ต้น) ปัจจุบันเติบโตแพร่หลายทั่วไปในภูมิภาคเขตร้อน เพื่อใช้ประโยชน์จากเมล็ด และผล นำเข้ามาปลูกครั้งแรกที่ภาคใต้ของประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2444 โดยพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี๊ ณ ระนอง) เป็นพืชที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูง ประกอบด้วยโปรตีนที่ย่อยง่าย ไขมันที่ส่วนใหญ่เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว (เมื่อบริโภคเข้าไปจะไม่เพิ่มไขมันในเส้นเลือด) คาร์โบไฮเดรต วิตามินเอ, บี, อี และเกลือแร่ แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก

มะม่วงหิมพานต์เป็นไม้ไม่ผลัดใบ ลำต้นมีความสูง 10-12 เมตร ต้นเตี้ย สยายกิ่งก้านไม่สม่ำเสมอ ใบจัดเรียงเป็นแบบเกลียว ผิวมันลื่น รูปโค้งจนถึงรูปไข่ ความยาว 4-22 เซนติเมตร และกว้าง 2-15 เซนติเมตร ขอบใบเรียบ ส่วนดอกนั้นเกิดจาก ที่ยาวถึง 26 เซนติเมตร แต่ละดอกตอนแรกมีสีเขียวซีด จากนั้นสีสดเป็นแดงจัด มี 5 กลีบ ปลายแหลม เรียว ยาว 7-15 มิลลิเมตร

ส่วนที่จะปรากฏไปเป็นผลของมะม่วงหิมพานต์นั้น ก็คือ ผลวิสามัญ (accessory fruit) รูปไข่หรือรูปลูกแพร์ ซึ่งจะเติบโตจากฐานดอกขึ้นมา ผลมะม่วงหิมพานต์นี้มีชื่อเรียกในแถบอเมริกากลางว่า "มารัญญอน" (marañón) เมื่อสุกจะมีสีเหลืองหรือส้มแดง มีความยาวประมาณ 5-11 เซนติเมตร

ผลแท้ของมะม่วงหิมพานต์นั้นเป็นผลเมล็ดเดียว รูปไต หรือรูปนวมนักมวย งอกออกจากปลายของผลเทียม ก้านดอกจะขยายตัวออกมาเป็นผลเทียม ภายในผลแท้นั้น เป็นเมล็ดเดี่ยว แม้ว่าโดยทั่วไปจะมองว่าส่วนเนื้อขาวนวลนั้นเป็นผลที่มีเปลือกแข็ง (nut) แต่ในทางพฤกษศาสตร์ถือว่า เป็นเมล็ด (seed) อย่างไรก็ตาม ส่วนของผลแท้นั้น นักพฤกษศาสตร์บางท่านถือว่าเป็นผลที่มีเปลือกแข็งก็มี เมล็ดนั้นห่อหุ้มด้วยเปลือกสองชั้น ประกอบด้วยยางฟีโนลิก (caustic phenolic resin) น้ำมัน urushiol, พิษที่ระคายเคืองต่อผิวหนังอย่างรุนแรง บางคนแพ้มะม่วงหิมพานต์ แต่ปกติถือว่าก่อให้เกิดอาการแพ้น้อยกว่าผลเปลือกแข็งชนิดอื่นๆ

ปัจจุบันมะม่วงหิมพานต์พบได้ทั่วไปในภูมิภาคเขตร้อน เพราะเติบโตได้อย่างเหมาะสมในสภาพอากาศที่ชื้น และอบอุ่น ทั้งในเอเชีย และอเมริกาใต้ นิยมใช้เนื้อภายในเมล็ดเป็นอาหารว่าง และยังเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกของอินเดีย เวียดนาม และบราซิล ทั้งสามประเทศนี้ มีอัตราการส่งออกถึง 90% ของผลิตภัณฑ์เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ทั่วโลก

ส่วนผลมะม่วงหิมพานต์นั้นเนื้อนิ่ม ฉ่ำน้ำ แต่มีรสเปรี้ยว รับประทานได้ทั้งดิบและสุก ทางภาคใต้ของไทย นิยมนำผลห่ามแกงส้ม ออกรสเปรี้ยว ส่วนผลดิบ รับประทานกับเกลือเป็นของกินเล่น บางครั้งออกรสฝาดเล็กน้อย ส่วนผลสุกสามารถนำไปหมักเป็นไวน์ น้ำส้มสายชู หรือเครื่องดื่มอื่นๆ ได้ ผลมะม่วงหิมพานต์มีส่วนประกอบของแทนนินมาก และเน่าเสียเร็วมาก ด้วยเหตุนี้ โดยทั่วไปจึงมักจะทิ้งผลเทียม หลังจากเก็บเมล็ดออก

ส่วน urushiol นั้น จะต้องนำออกจากเปลือกเมล็ดสีเขียวเข้มก่อนที่จะรับประทานเนื้อสีขาวนวลข้างใน ยางจากเปลือกเมล็ดมะม่วงหิมพานต์นี้ในอินเดีย ควาญช้างนำมาใช้เพื่อคุมช้างให้เชื่อง

เมล็ดมะม่วงหิมพานต์คั่ว โรยเกลือ เป็นอาหารว่าง
เมล็ดมะม่วงหิมพานต์นับเป็นส่วนประกอบอาหารหลายชนิดในเอเชีย อาจบดให้ป่น เป็นเนยเมล็ดมะม่วงสำหรับใช้ทาขนมปังแบบเดียวกับเนยถั่วก็ได้ เมล็ดมะม่วงนี้มีน้ำมันพืชสูงมาก มีการนำไปใช้ในเนยถั่วอื่นๆ บาง ชนิด เพื่อเพิ่มน้ำมันพิเศษ เมล็ดมะม่วงบรรจุหีบห่อที่พบในสหรัฐอเมริกา ปริมาณ 30 กรัม มีพลังงาน 180 แคลอรี (750 กิโลจูล) โดยมีไขมัน 70% เม็ดมะม่วงหิมพานต์สดได้จากการกะเทาะเปลือกของผลแก่ออก นำมาแช่น้ำปูนใสเพื่อป้องกันไม่ให้ดำ นำไปปรุงอาหารได้หลายชนิด เช่นใส่ในแกงไตปลา แกงส้ม นำไปอบแล้วผัดกับน้ำตาลปี๊บเคี่ยว กินเป็นของหวาน เช่นหัวครกฉาบ[1]

ของเหลวที่มีอยู่ในเปลือก ที่หุ้มเนื้อข้างใน เรียกว่า Cashew Nut Shell Liquid (CNSL) มีประโยชน์หลายประการในด้านอุตสาหกรรม ซึ่งมีการพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกในราวทศวรรษ 1930 ของเหลวชนิด CNSL นี้ถูกนำไปผ่านกระบวนการคล้ายการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม โดยได้ผลผลิตเบื้องต้นสองอย่าง นั่นคือ ของแข็งบดละเอียด ใช้หุ้มเบรก และของเหลวสีอำพัน ที่ใช้เพื่อสร้างตัวทำให้แข็งแบบฟีนอลคามีน (phenalkamine) และตัวปรับปรุงคุณภาพเรซิน สารฟีนอลคามีนนั้นเดิมใช้ในการเคลือบอีพอกซีสำหรับตลาดผลิตภัณฑ์ปูพื้นและเกี่ยวกับการเดินเรือ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่มีไฮโดรโฟบิกเข้มข้น และสามารถมีปฏิกิริยาเคมีได้ดีที่อุณหภูมิต่ำ(จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)
เลี้ยงรุ่นยว (175).JPG (272.08 KiB) เข้าดูแล้ว 227 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
ลุงเนตร
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 19852
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
Tel: 0898133936
team: อิสระ
Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
ติดต่อ:

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย ลุงเนตร »

"..สวัสดีครับ น้องแดง - หลานนก และ ฯ

..ขอบคุณมาก สำหรับสิ่งดี ๆ ที่นำมาให้ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ..
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:idea: :idea: เรื่องของโลกยิ่งเรียนยิ่งกว้าง
เรื่องของธรรมยิ่งรู้ยิ่งแคบ

และรู้แคบเท่าไรก็ยิ่งดี
ถ้ารู้กว้างออกไปมักฟุ้งซ่าน
เป็นเหตุให้เกิดความไม่สงบ

ผู้ที่ทำจิตให้แคบเข้าละเอียดเข้าก็จะเกิดความวิเวกสงบ
เกิดแสงและวิปัสสนาญาณ
มองเห็น อดีต อนาคต และปัจจุบันได้ทุกอย่าง

พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร) วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ


:) :D อรุณสวัสดิ์ครับท่านที่เคารพ ผมและคุณนายขับรถเพลินไปตามท้องถนน เข้าสู่เมืองอุตรดิตถ์เที่ยวในอุตรดิตถ์เลินกันเลยทีเดียวอุตรดิตถ์เปลี่ยแปลงไปมาก หลังจากที่เราสองคนห่างหายไม่ได้เยี่ยมกรายเข้ามาเลย ปัจจุบันเมืองอุตรดิตถ์น่าท่องเที่ยวมากครับ

:idea: :idea: ที่มาของชื่ออุตรดิตถ์ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ เดิมเป็นที่ตั้งของชุมชนสมัยโบราณ มีชื่อที่ใช้เรียกดั้งเดิมจากท่าน้ำ 3 ท่าน้ำที่เป็นท่าน้ำประวัติศาสตร์ของอุตรดิตถ์ คือ ท่าโพธิ์ ท่าเสา และท่าอิฐ สันนิษฐานว่า ชื่อท่าโพธิ์ เนื่องจากมีต้นโพธิ์มากในบริเวณนั้น และมีคลองไหลผ่าน จึงเรียกคลองนั้นว่า คลองบางโพธิ์ (เพี้ยนมาเป็นบางโพ) ชื่อของคลองโพธิ์นี้เป็นชื่อที่ทำให้เกิดบริเวณที่เรียกว่า ปากน้ำโพธิ์ใน จังหวัดนครสวรรค์ บริเวณท่าโพธิ์ ปัจจุบัน คือ บริเวณวัดท่าถนน วัดคลองโพธิ์ และตลาดคลองโพ หรือก็คือตัวเมืองอุตรดิตถ์ในปัจจุบัน ท่าเสา มาจากคำว่า เซา เป็นภาษาเหนือ แปลว่า ส่วนท่าอิฐ (ท่าอิด) เป็นภาษาเหนือ คำว่า อิด แปลว่า เหนื่อย เนื่องจากการเดินทางมาค้าขายที่ท่าอิดทางเรือ และทางบกของจังหวัดภาคเหนือและภาคกลางสมัยโบราณ กว่าจะถึงก็เหนื่อย ความหมายของท่าอิฐและท่าเสาในอีกความเห็นหนึ่งนั้น พิเศษ เจียจันทร์พงษ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญพิเศษประจำกรมศิลปากร กล่าวไว้ในหนังสือของท่านคัดค้านการสันนิษฐานความหมายตามภาษาคำเมืองดัง กล่าว โดยกล่าวว่า คำว่าท่าอิฐและท่าเสานั้นเป็นคำในภาษาไทยกลาง เพราะคนท่าอิฐและท่าเสาเป็นกลุ่มชนสุโขทัยดั้งเดิมที่ใช้กลุ่มภาษาไทยกลุ่ม เมืองในแคว้นสุโขทัย เช่นเดียวกับชาวสุโขทัย นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก กำแพงเพชร และเช่นเดียวกับกลุ่มคนในตำบลทุ่งยั้ง บ้านพระฝาง เมืองพิชัย บ้านแก่ง และบ้านคุ้งตะเภา ซึ่งเป็นกลุ่มคนแคว้นสุโขทัยเดิมในจังหวัดอุตรดิตถ์เช่นเดียวกัน โดยคำว่าท่าเสานั้น มีความหมายโดยตรงเกี่ยวข้องกับการล่องซุงหมอนไม้ในสมัยโบราณเช่นเดียวกับ ชื่อนามหมู่บ้านหมอนไม้ (หมอนไม้ซุง) ซึ่งอยู่ทางใต้ของบ้านท่าอิฐ

ท่าอิดเป็นท่าที่มีความเจริญทางการค้ามากกว่าทุกท่าใน ภาคเหนือ เป็นท่าจอดเรือ ค้าขายจากมณฑลภาคเหนือ และภาคกลางรวมถึงเชียงตุงเชียงแสนหัวพันทั้งห้าทั้งหก สิบสองปันนาสิบสองจุไทย เดิมท่าอิดอยู่ในความปกครองของขอมตลอดจน ถึงสมัยสุโขทัย ขอมหมดอำนาจ ท่าอิดจึงเป็นเมืองท่าขึ้นอยู่กับเมืองทุ่งยั้ง อันเป็นเมืองหน้าด่านของสุโขทัย สมัยต่อมาแคว้นน่านได้เปลี่ยนทางเดิน ทำให้หาดท่าอิดงอกออกไปทางตะวันออกมากทุก ๆ ปี ท่าอิดจึงเลื่อนตามลงไปเรื่อย ๆ เรียกว่าหาดท่าอิดล่าง ท่าอิดเดิมเรียกว่าท่าอิดบน ท่าอิดล่างก็ยังคงเป็นศูนย์การค้ามาตลอดจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ส่วนชื่อที่ใช้เรียกในระยะเวลาต่อมาว่า บางโพธิ์ท่าอิฐ น่าจะเป็นชื่อที่ได้รับการเรียกขึ้นมาในภายหลัง ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 3 เป็นต้นมา ท่าอิฐมีความเจริญขึ้นมากที่สุดใน 3 ท่าน้ำ รัชกาลที่ 4 (ไม่ชัดเจนว่ารัชกาลที่ 4 หรือ 5 เป็นผู้พระราชทานชื่ออุตรดิตถ์ แต่หากยึดตามพ.ศ.ที่พระราชทานตรงกับสมัยรัชกาลที่ 4)จึงทรงพระราชทานชื่อเมืองให้ใหม่ว่า "อุตรดิตถ์" แปลว่า ท่าน้ำทางภาคเหนือ หรือท่าน้ำทางทิศเหนือ เนื่องจากเป็นท่าน้ำของไทยที่ตั้งอยู่เหนือสุดของประเทศ เพราะเหนืออุตรดิตถ์ขึ้นไปในสมัยนั้นเป็นเมืองประเทศราชของสยาม ( อาณาจักรล้านนา)

นอกจากนี้ยังมีข้อสันนิษฐานอื่นๆเกี่ยวกับคำว่า อุตรดิตถ์ดังนี้ ท่าเหนือ (อุตร = เหนือ, ดิตถ์ = ท่า) มาจากเมื่อสมัยก่อนพ่อค้าจะนำสินค้าจากหลวงพระบาง น่าน หรือเมืองเหนืออื่นๆ ไปค้าขายทางใต้เช่น พิษณุโลก นครสวรรค์ อยุธยา กรุงเทพฯ ต้องแวะพักกันตามท่าน้ำจอดเรือที่อุตรดิตถ์ ทำให้มีการแลกเปลี่ยนสินค้า และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน , อุตรดิตถ์ มาจากคำภาษาบาลี ๒ คำรวมกัน คือคำว่า อุตฺตร (อ่านว่า อุด-ตะ -ระ) กับ ติตฺถ (อ่านว่า ติด-ถะ). คำว่าอุตฺตร ภาษาไทยใช้ว่า อุดร แปลว่า ทิศเหนือ. ส่วน ติตฺถ ภาษาไทยใช้ว่า ดิตถ์ แปลว่า ท่าน้ำ ดังนั้น อุตรดิตถ์ จึงแปลตามตัวว่า ท่าน้ำทางทิศเหนือ (จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)
ไฟล์แนบ
IMG_E1244.JPG
IMG_E1244.JPG (117.1 KiB) เข้าดูแล้ว 217 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (176).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (176).JPG (156.7 KiB) เข้าดูแล้ว 217 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (177).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (177).JPG (169.5 KiB) เข้าดูแล้ว 217 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (180).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (180).JPG (316.97 KiB) เข้าดูแล้ว 217 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (181).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (181).JPG (180.74 KiB) เข้าดูแล้ว 217 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (183).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (183).JPG (185.41 KiB) เข้าดูแล้ว 217 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (184).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (184).JPG (284.12 KiB) เข้าดูแล้ว 217 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (187).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (187).JPG (198.27 KiB) เข้าดูแล้ว 217 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (188).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (188).JPG (216.42 KiB) เข้าดูแล้ว 217 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (189).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (189).JPG (256.28 KiB) เข้าดูแล้ว 217 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (192).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (192).JPG (292.4 KiB) เข้าดูแล้ว 217 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (194).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (194).JPG (322.23 KiB) เข้าดูแล้ว 217 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (195).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (195).JPG (277.27 KiB) เข้าดูแล้ว 217 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (201).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (201).JPG (292.06 KiB) เข้าดูแล้ว 217 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (204).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (204).JPG (360.81 KiB) เข้าดูแล้ว 217 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (205).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (205).JPG (303.96 KiB) เข้าดูแล้ว 217 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:idea: :idea: ไอ้ใบ้ กับ ไอ้บ้า ตามมาด้วย ไอ้โง่

“เมื่อพิจารณาสอนใจให้เห็นถึงความเป็นจริงว่า ในโลกนี้มันมีแต่เพียงธาตุ ๔ เท่านั้น และตัวเราเมื่อเป็นสิ่งที่มีชีวิตและมีวิญญาณครอง ก็จะมีขันธ์ ๕ ขึ้นมา นั่นก็คือเป็นเรื่องของ กายกับใจ กายนั้นไม่ใช่ตัวปัญหาแต่อย่างใด

ครูบาอาจารย์ ท่านเรียก กาย นี้ว่า “ไอ้ใบ้”
ตัวที่สร้างปัญหาสารพัดนั้นคือตัว ใจ ท่านเรียกว่า “ไอ้บ้า”

ผู้เขียนก็จะพิจารณาสอนใจต่อไปว่า ที่ผ่านมาเราปล่อยให้ไอ้บ้ามันควบคุมไอ้ใบ้โดยที่ “ไอ้โง่” คือตัวเรานี้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

หลงคิดว่าฉลาดเหลือล้ำ เป็นสัตว์ประเสริฐ แท้ที่จริงแล้วไม่ได้รู้อะไรเลย ว่าความจริงมันคืออะไร ทั้ง ๆ ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงพยายามสอน พยายามบอกมาตลอด”

นี่เป็นเนื้อหาบางส่วนในหนังสือ #โสดาบันนั้นแค่เอื้อม ธรรมชาติของไอ้บ้าเป็นอย่างไร? ทำหน้าที่กันแบบไหน? และ “ไอ้” ใดจะเป็นเครื่องมือถูกใช้ บทสรุปจะเป็นอย่างไร? ติดตามอ่านได้จาก #โสดาบันนั้นแค่เอื้อม

เอื้อมทำไม? ใครเอื้อม? เอื้อมถึง-ไม่ถึง? เรามาเอื้อมกันเถอะ แค่คิดเริ่มต้นที่จะเอื้อม... ท่านสามารถติดต่อขอรับหนังสือได้จากกรรมการทั้ง 7 ท่าน

ที่มา : หนังสือ #โสดาบันนั้นแค่เอื้อม ผู้เขียน : พระกรภพ กิตติปัญโญ


:) :D เมืองที่ฝันถึงแต่ไม่เคยสัมผัส เมืองลับแล ลับแลจริง ๆ สำหรับผมเพราะผ่านไปผ่านมาไม่เคยแวะเลยสักครั้งทั้งชีวิต ครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่จะได้แวะเยี่ยมเยียน เราสองคนพากันขับรถตระเวนเมืองอุตรดิตถ์ไหว้พระที่พระแท่นศิลาอาสน์ วัดพระยืน ฯ และหาอะไรรองท้องช่วงเที่ยงตรงดิ่งเข้าเมืองลับแล พอไปถึงฝนก็ตั้งเค้าเราคิดว่าจะไปพักนอนที่น้ำตกแม่พูล ก็ต้องยกเลิกขับรถออกไปเด่นชัยแวะวัดที่ บ.แม่เฉยสาขาของ หลวงพ่อกัณหาใจอยากจะนอนปฏิบัติธรรมที่นี่ แต่วัดพึ่งเสร็จงานกำลังยุ่ง เราก็เอาบุญด้วยการช่วยกันกวาดวัดก่อนที่จะลาจาก มุ่งหน้าเข้าสู่เมืองแพร่เข้าไปนอนที่แพร่

ในที่สุดเมืองลับแลก็เป็นความลับสำหรับผม ที่จะต้องหาโอกาสมาแก้ตัวใหม่ครั้งหน้าคงต้องตั้งใจจริงๆ สงสัยคงต้องใช้จักรยานซะแล้ว
:lol: :lol:



ไฟล์แนบ
IMG_E1244.JPG
IMG_E1244.JPG (117.1 KiB) เข้าดูแล้ว 214 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (207).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (207).JPG (146.27 KiB) เข้าดูแล้ว 214 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (208).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (208).JPG (245.01 KiB) เข้าดูแล้ว 214 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (209).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (209).JPG (227.41 KiB) เข้าดูแล้ว 214 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (210).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (210).JPG (151.05 KiB) เข้าดูแล้ว 214 ครั้ง
อำเภอลับแล หรือ เมืองลับแล เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นชุมชนโบราณมีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย1 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เคยเสด็จมาเมื่อ ปี พ.ศ. 2444 ความเป็นมาของคำว่า “ลับแล” นั้น ตามข้อสันนิษฐานของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ[1]ว่า เดิมชาวเมืองแพร่ เมืองน่าน หนีข้าศึกและความเดือดร้อนมาซุ่มซ่อนตั้งชุมชนอยู่บริเวณนี้ เนื่องจากเป็นที่ป่ารก หลบซ่อนตัวง่ายและ ภูมิประเทศเป็นเมืองอยู่ในหุบเขามีที่เนินสลับกับที่ต่ำ คนต่างเมืองถ้าไม่คุ้นเคยกับภูมิประเทศจะหลงทางได้ง่าย<br /><br />อำเภอลับแลนอกจากจะมีโบราณสถานที่น่าสนใจมากมายแล้ว ยังเป็นแหล่งผลิตสินค้าหัตถกรรมพื้นเมืองล้านนา เช่น ผ้าตีนจก ไม้กวาด เป็นแหล่งปลูกลางสาด และทุเรียนหลง-หลินลับแล ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียงของจังหวัด<br /><br />ชาวเมืองลับแลดั้งเดิม มีภาษาถิ่นแบบสำเนียงสุโขทัยโบราณ คือในชุมชนรอบพระบรมธาตุทุ่งยั้ง ตำบลทุ่งยั้ง ตำบลไผ่ล้อม ซึ่งเป็นเมืองโบราณที่ปรากฏหลักฐานในสมัยสุโขทัย และชุมชนเดิมในพื้นที่ตั้งตัวอำเภอลับแล ก่อนที่จะถูกทิ้งร้าง ปรากฏหลักฐานศิลาจารึกการสถาปนาพระธาตุเจดีย์พิหารในสมัยพระยาลิไทย สันนิษฐานว่าแถบที่ตั้งเมืองลับแลทั้งหมด เป็นชุมชนที่ใช้ภาษาถิ่นแบบสำเนียงสุโขทัยโบราณมาก่อนนับ ๗๐๐ ปี[5]<br /><br />ก่อนที่จะมีการอพยพชาวไทยวนจากอาณาจักรโยนกนาคนครเชียงแสนมาในสมัยหลัง ซึ่งปัจจุบันชาวไทยวนในอำเภอลับแลส่วนใหญ่อยู่ในเขตตอนเหนือของอำเภอ และที่ตั้งตัวอำเภอ ส่วนเขตทางใต้ของอำเภอลับแล ยังคงเป็นชุมชนภาษาถิ่นแบบสำเนียงสุโขทัยโบราณอยู่ ดังนั้นชาวลับแลจึงมีขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรม ทั้ง 2 วัฒนธรรม คือชุมชนภาษาถิ่นแบบสำเนียงสุโขทัยโบราณ และชุมชนภาษาถิ่นล้านนา มีภาษาพูด ภาษาเขียน การแต่งกาย อาหารการกิน เป็นแบบล้านนา ที่มีใช้อยู่ในแถบล้านนาตะวันออก เช่น แพร่ น่าน เชียงราย และพะเยา เป็นต้น (จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)
อำเภอลับแล หรือ เมืองลับแล เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นชุมชนโบราณมีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย1 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เคยเสด็จมาเมื่อ ปี พ.ศ. 2444 ความเป็นมาของคำว่า “ลับแล” นั้น ตามข้อสันนิษฐานของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ[1]ว่า เดิมชาวเมืองแพร่ เมืองน่าน หนีข้าศึกและความเดือดร้อนมาซุ่มซ่อนตั้งชุมชนอยู่บริเวณนี้ เนื่องจากเป็นที่ป่ารก หลบซ่อนตัวง่ายและ ภูมิประเทศเป็นเมืองอยู่ในหุบเขามีที่เนินสลับกับที่ต่ำ คนต่างเมืองถ้าไม่คุ้นเคยกับภูมิประเทศจะหลงทางได้ง่าย

อำเภอลับแลนอกจากจะมีโบราณสถานที่น่าสนใจมากมายแล้ว ยังเป็นแหล่งผลิตสินค้าหัตถกรรมพื้นเมืองล้านนา เช่น ผ้าตีนจก ไม้กวาด เป็นแหล่งปลูกลางสาด และทุเรียนหลง-หลินลับแล ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียงของจังหวัด

ชาวเมืองลับแลดั้งเดิม มีภาษาถิ่นแบบสำเนียงสุโขทัยโบราณ คือในชุมชนรอบพระบรมธาตุทุ่งยั้ง ตำบลทุ่งยั้ง ตำบลไผ่ล้อม ซึ่งเป็นเมืองโบราณที่ปรากฏหลักฐานในสมัยสุโขทัย และชุมชนเดิมในพื้นที่ตั้งตัวอำเภอลับแล ก่อนที่จะถูกทิ้งร้าง ปรากฏหลักฐานศิลาจารึกการสถาปนาพระธาตุเจดีย์พิหารในสมัยพระยาลิไทย สันนิษฐานว่าแถบที่ตั้งเมืองลับแลทั้งหมด เป็นชุมชนที่ใช้ภาษาถิ่นแบบสำเนียงสุโขทัยโบราณมาก่อนนับ ๗๐๐ ปี[5]

ก่อนที่จะมีการอพยพชาวไทยวนจากอาณาจักรโยนกนาคนครเชียงแสนมาในสมัยหลัง ซึ่งปัจจุบันชาวไทยวนในอำเภอลับแลส่วนใหญ่อยู่ในเขตตอนเหนือของอำเภอ และที่ตั้งตัวอำเภอ ส่วนเขตทางใต้ของอำเภอลับแล ยังคงเป็นชุมชนภาษาถิ่นแบบสำเนียงสุโขทัยโบราณอยู่ ดังนั้นชาวลับแลจึงมีขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรม ทั้ง 2 วัฒนธรรม คือชุมชนภาษาถิ่นแบบสำเนียงสุโขทัยโบราณ และชุมชนภาษาถิ่นล้านนา มีภาษาพูด ภาษาเขียน การแต่งกาย อาหารการกิน เป็นแบบล้านนา ที่มีใช้อยู่ในแถบล้านนาตะวันออก เช่น แพร่ น่าน เชียงราย และพะเยา เป็นต้น (จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)
เลี้ยงรุ่นยว (211).JPG (161.22 KiB) เข้าดูแล้ว 214 ครั้ง
IMG_1806.JPG
IMG_1806.JPG (333.34 KiB) เข้าดูแล้ว 214 ครั้ง
IMG_1810.JPG
IMG_1810.JPG (368.53 KiB) เข้าดูแล้ว 214 ครั้ง
ผ่านทาง บ.แม่เฉย มีวัดสาขาของหลวงพ่อกัณหา ที่เราคุ้นเคยครั้งแรกว่าจะพักปฏิบัติธรรมแต่วัดติดงาน คงไม่สดวกก็เลยเอาบุญด้วยการช่วยกวาดวัดก่อนจะอำลาเดินทางเข้าเมืองแพร่ต่อไป
ผ่านทาง บ.แม่เฉย มีวัดสาขาของหลวงพ่อกัณหา ที่เราคุ้นเคยครั้งแรกว่าจะพักปฏิบัติธรรมแต่วัดติดงาน คงไม่สดวกก็เลยเอาบุญด้วยการช่วยกวาดวัดก่อนจะอำลาเดินทางเข้าเมืองแพร่ต่อไป
IMG_1811.JPG (141.77 KiB) เข้าดูแล้ว 214 ครั้ง
IMG_1814.JPG
IMG_1814.JPG (197.19 KiB) เข้าดูแล้ว 214 ครั้ง
IMG_1816.JPG
IMG_1816.JPG (198.59 KiB) เข้าดูแล้ว 214 ครั้ง
IMG_1820.JPG
IMG_1820.JPG (244.27 KiB) เข้าดูแล้ว 214 ครั้ง
IMG_1825.JPG
IMG_1825.JPG (206.62 KiB) เข้าดูแล้ว 214 ครั้ง
พักที่โรงแรมในเมืองแพร่
พักที่โรงแรมในเมืองแพร่
IMG_1832.JPG (197.5 KiB) เข้าดูแล้ว 214 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »



:) :D อรุณสวัสดิ์ครับท่านผู้ชม เช้านี้นำเสนอภาพยนต์สารดีท่องเที่ยวเมืองแพร่ ของสำนักงานท่องเที่ยวแพร่ก่อนเลย เพราะทริปเลี้ยงรุ่น ยุพราช ๐๘ ที่เขื่อนสิริกิตต์มาจบลงที่แพร่ครับ เราพากันไปพักนอนที่โรงแรม ช่วงกลางคืนเราสองคนก็ออกเดินท่องราตรีในเขตธุรกิจ หาชมสิ่งของต่าง ๆ มีมาวางขายเยอะแยะมากมาย ปกติแล้วช่วงกลางคืนเราไม่ค่อยจะออกไปเที่ยวที่ไหน ครั้งนี้พิเศษจริง ๆ ที่ได้ออกไปสัมผัสก็มาได้ข้อคิดว่า "กลางวัน กลางคืน มีอะไรที่แตกต่าง บางแห่งกลางวันสวย กลางคืนไม่ บางแห่งกลางคืนสวย กลางวันไม่" หาข้อยุติไม่ได้ดังนั้นอย่าตัดสินหรือฟันธงครับเพราะ "คุณจะ..ผิด?"

เราตื่นนอนตอนเช้าโปรแกรมไปเยี่ยมเพื่อนในแพร่ ๒ ราย สรุปกว่าจะออกจากแพร่ได้เกือบบ่ายอีกแล้ว ออกจากแพร่ได้เราก็มุ่งหน้าออกทางเมืองลอง เข้าลำปาง-ลำพูน-บ้านปากกองสารภี ระหว่างทางแวะพักชงกาแฟที่ข้างทางครั้งหนึ่งและแวะอุดหนุนผ้าที่ร้าน ใน อ.ลองอีกแห่ง ถึงบ้านก็เย็นพอดีก็ขอจบทริปอุตรดิตถ์เพียงแค่นี้ ผมเป็นคนเยิ่นเย้อแต่ละทริปนำเสนอไปเรื่อย ๆ เรื่องของเรื่องก็ไปตามที่ได้ไปเป็นลำดับ มีหลายคน..เบื่อ ๕๕๕ มีหลายคน...ชอบ

ผมไม่ใช่นักเขียนนักบรรยายเป็นเพียงผู้ "อยู่ไม่สุข" อยากฝึกหัดฝึกเล่าฝึกขีดฝึกเขียน เคยคิดจะเลิกหลาย ๆ ครั้ง เพื่อน ๆ ก็ให้กำลังใจ ก็เลยคิดว่า "ดีกว่าอยู่เปล่า ๆ หายใจทิ้งไปวัน ๆ หาอะไรทำที่พอจะเกิดประโยชน์ เอาบุญ" สรุป ถ้าผมหายไปนาน ๆ เมตตากรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลส่งไปให้ด้วย..นะครับ :lol: :lol:
ไฟล์แนบ
เลี้ยงรุ่นยว (219).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (219).JPG (395.38 KiB) เข้าดูแล้ว 208 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (221).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (221).JPG (275.32 KiB) เข้าดูแล้ว 208 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (224).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (224).JPG (283.21 KiB) เข้าดูแล้ว 208 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (225).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (225).JPG (282.3 KiB) เข้าดูแล้ว 208 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (226).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (226).JPG (238.89 KiB) เข้าดูแล้ว 208 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (227).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (227).JPG (223.21 KiB) เข้าดูแล้ว 208 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (229).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (229).JPG (258.66 KiB) เข้าดูแล้ว 208 ครั้ง
IMG_1861.JPG
IMG_1861.JPG (284.01 KiB) เข้าดูแล้ว 208 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (214).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (214).JPG (136.17 KiB) เข้าดูแล้ว 208 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (218).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (218).JPG (157.39 KiB) เข้าดูแล้ว 208 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (233).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (233).JPG (145.34 KiB) เข้าดูแล้ว 208 ครั้ง
แวะซื้อเต้าหู้น้ำขิงที่ตลาดป่เหว ก่อนเข้าบ้าน ร้านนี้อร่อยขายดีมาก วางขายเฉพาะตอนเย็นถึง ๒-๓ ทุ่มก็หมดครับ
แวะซื้อเต้าหู้น้ำขิงที่ตลาดป่เหว ก่อนเข้าบ้าน ร้านนี้อร่อยขายดีมาก วางขายเฉพาะตอนเย็นถึง ๒-๓ ทุ่มก็หมดครับ
IMG_1851.JPG (159.06 KiB) เข้าดูแล้ว 208 ครั้ง
IMG_1777.JPG
IMG_1777.JPG (210.47 KiB) เข้าดูแล้ว 208 ครั้ง
IMG_1778.JPG
IMG_1778.JPG (220.02 KiB) เข้าดูแล้ว 208 ครั้ง
อินทนนท์18.jpg
อินทนนท์18.jpg (172.25 KiB) เข้าดูแล้ว 208 ครั้ง
untitled ๙.png
untitled ๙.png (91.48 KiB) เข้าดูแล้ว 208 ครั้ง
แม่ค้าโกง๔.jpg
แม่ค้าโกง๔.jpg (9.79 KiB) เข้าดูแล้ว 208 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
ลุงเนตร
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 19852
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
Tel: 0898133936
team: อิสระ
Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
ติดต่อ:

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย ลุงเนตร »

"..สวัสดีครับ น้องแดง หลานนก ฯ

..ขอบคุณมากครับ สำหรับสิ่งดี ๆ ที่นำมาให้ไว้ที่นี่ นำเสนอเนื้อหาสาระและภาพถ่ายได้ดี กรุณาดำเนินการต่อไปเถิดครับ.."
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
ตอบกลับ

กลับไปยัง “คุยนอกเรื่องใดๆ ที่ไม่เกี่ยวกับจักรยาน”