......จักรยานธุดงค์..........

ห้องนี้เทียบได้กับ "ห้องนั่งเล่น" ในกระดานเดิมนะครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
ลุงเนตร
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 19852
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
Tel: 0898133936
team: อิสระ
Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
ติดต่อ:

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย ลุงเนตร »

..สวัสดีครับ ขอบคุณมาก สำหรับสิ่งดี ๆ ที่นำมามอบไว้ให้..
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:idea: :idea: อรุณสวัสดิ์ พี่เนตรหลานนกและท่านผู้มีเกียรติที่เคารพทุกท่าน เรามาต่อกับเรื่องของ กรรม กันครับ

มีเรื่องน่าคิดอยู่ คือ พระพุทธองค์ตรัสไว้ในติกนิบาต อังคุตตรนิกาย ความไทย ว่า ผู้มีวาทะต่อไปนี้เป็น มิจฉาทิฐิ คือ

๑.วาทะว่า สิ่งต่าง ๆ มีขึ้นเป็นขึ้นเพราะมีกรรมเก่าเป็นเหตุทั้งหมดอย่างเดียว (ปุพฺเพกตเหตุกวาท)
๒.วาทะว่า สิ่งต่าง ๆ มีขึ้นเป็นขึ้นเพราะมีการสร้างของพระผู้ยิ่งใหญ่เป็นเหตุ (อิสฺสรนิมฺมานเหตุกวาท)
๓.วาทะว่า สิ่งต่าง ๆ มีขึ้นเป็นขึ้นเอง หาเหตุหาปัจจัยมิได้ (อเหตุกปจฺจยวาท)

ในข้อที่ ๑.อาจมีบางคนสงสัยว่า ทำไมจึงเป็นมิจฉาทิฏฐิ ที่เป็นอย่างนั้นเพราะถือว่าทุกอย่างมีขึ้นเพราะกรรมเก่าอย่างเดียว แต่ตามหลักของพุทธศาสนาถือว่า การทำกรรมใหม่นั้น เพราะกรรมเก่าส่งให้ทำก็มี ที่ทำใหม่โดยมิได้เกี่ยวกับกรรมเก่าก็มี ดังนั้นการถืออย่างข้อ ๑. จึงเป็นการเห็นผิด

ในอภิธัมมสังคณีท่านกล่าวถึงกิเลส กรรม และผลของกรรม(วิบาก) กิเลสทำให้มีการกระทำ คือกรรม เมื่อมีการกระทำก็มีผลของการกระทำ และผลนั้นก่อให้เกิดกิเลสอีก กิเลสก่อให้เกิดกรรมอีก วนเวียนกันอยุ่อย่างนี้ กิเลสแม้หมดแล้ว แต่ถ้าผู้หมดกิเลสนั้นยังไม่ดับ(ตาย) ก็ยังคงมีการกระทำคือกรรมอยู่ กรรมจึงเป็นเรื่องยืดเยื้อ เมื่อผู้นั้นดับแล้ว ทุกอย่างก็ยุติ ดังนั้นเมื่อกล่าวว่าคนเกิดเพราะกรรมหรือกิเลสจึงได้ทั้งนั้น ที่กล่าวดังนี้ เพื่อแก้ความข้องใจของบางท่านที่อาจคิดว่า คนเกิดเพราะกิเลส หรือเพราะกรรม

ในอภิธัมมัตถสังคหะท่านกล่าวถึง ทิฏฐธัมมเวทนียกรรม คือกรรมให้ผลในชาตินี้หรือให้ผลทันตา อุปปัชชเวทนียกรรม คือกรรมให้ผลในระยะใกล้ คือชาติต่อไป อปราปรเวทนียกรรม คือกรรมให้ผลในชาติต่อ ๆ ไป และถ้าจะพูดไปแล้ว ผลของกรรมย่อมเกิดจากอดีตกรรมคือกรรมเก่าทั้งนั้น ต่างแต่ว่าอดีตหรือเก่าระยะสั้น หรือระยะยาวเท่านั้นเมื่อระยะสั้นมีได้ ระยะยาวไฉนจะมีไม่ได้ เช่นเราจับไฟรู้สึกร้อนความรู้สึกร้อนเป็นผลของการกระทำคือจับไฟ และเกิดขึ้นภายหลังการจับในระยะแรก ดังนั้นการจับไฟในระยะแรกผ่านแล้วเป็นอดีตแล้ว จึงเกิดรู้สึกร้อน ด้วยเหตุดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า ผลย่อมเกิดจากอดีตกรรมทั้งนั้น จะเกิดพร้อมกันไม่ได้

เมื่อพูดถึงเรื่องกรรมเก่าก็มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องตายแล้วเกิดอีกหรือตายแล้วสูญ ซึ่งทางพุทธศาสนาแสดงว่า ถ้ายังมีเหตุคือกิเลสก็ต้องเกิดคือมีชาติเกิดอีก ถ้าสิ้นเหตุคือหมดกิเลส ก็สิ้นการเกิดใหม่อีก การเกิดที่สิ้นเหตุนั้นเป็นการเกิดครั้งสุดท้าย ดังในตอนท้ายของธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ในมหาขันธกมหาวรรค ความไทยว่า การเกิดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย บัดนี้การเกิดใหม่ไม่มี (อยมนฺติมา ชาติ นตฺถิทานิ ปุนพฺภโว) เรื่องนี้ในพระไตรปิฏกมีมาก แม้แต่เพียงในมหาวรรคทีฆนิกายซึ่งมีพระสูตรอยู่ในวรรคนี้ ๑๐ พระสูตร ก็มีกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้อย่างน้อย ๓ สูตรแล้ว เช่น มหาปทานสูตร อันกล่าวถึงชาติก่อน ๆ ของพระพุทธเจ้าเป็นต้น มหานิทานสูตร อันว่าด้วยปฏิจจสมุปบาท เป็นต้น เรื่องปฏิจจสมุปบาท เป็นเรื่องเหตุผลของการเกิดดับ ถ้ามีเหตุคือกิเลสก็ยังต้องมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย อยู่ตลอดไป ถ้าสิ้นเหตุ การเกิดครั้งนั้นก็เป็นการเกิดครั้งสุดท้าย อีกสูตรหนึ่งคือปายาสิราชัญญสูตร สูตรนี้ พูดตรงทีเดียวถึงเรื่องตายแล้วเกิด ตายแล้วสูญ มีเรื่องโต้กันระหว่าง พระกุมารกัสสปะเถระ กับพระปายาสิผู้มีความเห็นว่าตายแล้วสูญไม่เกิดอีกเป็นมิจฉาทิฏฐิ เพียงวรรคเดียวก็ยังมีการกล่าวเรื่องนี้ไว้ถึงอย่างน้อย ๓ สูตร เพราะฉะนั้น ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นสิทธิของแต่ละคน แต่ควรคำนึงอย่างหนึ่งว่าเมื่อจะต้องเชื่อ ระหว่างผู้มีกิเลสกับผู้ไร้กิเลส เราควรเชื่อใคร หรือระหว่างพระพุทธเจ้ากับคนอื่น ถ้าเราจะเชื่อ หรือจะถือมติ ควรจะเชื่อหรือจะถือมติของใคร เมื่อเราเองยังไม่รู้จริง

อีกอย่างหนึ่งถ้าคนตายแล้วสูญหมด ก็ไม่ต้องมีพระพุทธเจ้า เจ้าชายสิทธัตถะทรงสละพระญาติ ราชสมบัติและฆราวาสสุข ออกบวช ต้องทนทุกข์ทนยากจนแทบจะสิ้นพระชนม์ก็เพื่อแสวงหาธรรมเป็นเครื่องพ้น จากกิเลสอันเป็นเหตุให้เกิดอีกเป็นต้น จนพบจนสำเร็จเป็นสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าทุกคนตายแล้วไม่เกิดอีก พระองค์ก็ทรงอยู่ครองเรือนเป็นพระเจ้าจักรพรรดิเสวยสุขในราชสมบัติ สิ้นพระชนม์แล้วก็แล้วกันไม่เกิดอีก อย่างนี้สบายกว่า ไม่ต้องไปบวชไปทนทุกข์ยาก ไม่ต้องไปแสวงหาธรรมอันเป็นเครื่องพ้นความเกิดเป็นต้นให้ลำบาก ไม่ต้องมีพระพุทธเจ้าทรงเที่ยวสอนให้เขาพยายามบำเพ็ญธรรมเพื่อพ้นความเกิดให้ยุ่งยาก

ความเห็นนี้ ผู้ใดจะเห็นด้วยหรือไม่นั้น ย่อมเป็นสิทธิของแต่ละคน :idea: :idea:
ไฟล์แนบ
จิตอาสา ๑๕ ต.ค (6).JPG
จิตอาสา ๑๕ ต.ค (6).JPG (138.54 KiB) เข้าดูแล้ว 185 ครั้ง
จิตอาสา ๑๕ ต.ค (7).JPG
จิตอาสา ๑๕ ต.ค (7).JPG (180.32 KiB) เข้าดูแล้ว 185 ครั้ง
จิตอาสา ๑๕ ต.ค (8).JPG
จิตอาสา ๑๕ ต.ค (8).JPG (165.64 KiB) เข้าดูแล้ว 185 ครั้ง
จิตอาสา ๑๕ ต.ค (9).JPG
จิตอาสา ๑๕ ต.ค (9).JPG (145.91 KiB) เข้าดูแล้ว 185 ครั้ง
จิตอาสา ๑๕ ต.ค (10).JPG
จิตอาสา ๑๕ ต.ค (10).JPG (238.12 KiB) เข้าดูแล้ว 185 ครั้ง
จิตอาสา ๑๕ ต.ค (11).JPG
จิตอาสา ๑๕ ต.ค (11).JPG (170.82 KiB) เข้าดูแล้ว 185 ครั้ง
จิตอาสา ๑๕ ต.ค (12).JPG
จิตอาสา ๑๕ ต.ค (12).JPG (173.83 KiB) เข้าดูแล้ว 185 ครั้ง
จิตอาสา ๑๕ ต.ค (13).JPG
จิตอาสา ๑๕ ต.ค (13).JPG (116.77 KiB) เข้าดูแล้ว 185 ครั้ง
จิตอาสา ๑๕ ต.ค (14).JPG
จิตอาสา ๑๕ ต.ค (14).JPG (76.58 KiB) เข้าดูแล้ว 185 ครั้ง
จิตอาสา ๑๕ ต.ค (15).JPG
จิตอาสา ๑๕ ต.ค (15).JPG (179.3 KiB) เข้าดูแล้ว 185 ครั้ง
เมื่อวานนี้ ๑๓ พ.ย.๖๐ พวกเราชาวยุพราช ๐๘ ได้ไปร่วมกันฌาปนกิจศพ ท่านชัยวุฒิ นิมมลังกูล ซึงเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาสมัยมัทธยม ที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เชียงใหม่ เป็นการอำลาอาลัยกันเป็นครั้งสุดท้าย ชัยวุฒิ ฯ เป็นหัวหน้าชั้นมาตลอด และเมื่อโตขึ้นต่างแยกย้ายกันไปทำการงาน เราก็มีการสังสรรค์เลี้ยงรุ่นกันโดยท่านชัยวุฒิ ฯ จะเป็นผู้จัดการและดำเนินการ เป็นความผูกพันที่ลึกซึ้งของรุ่นเรา ชัยวุฒิ มีความผูกพันกับรุ่นยุพราช ๐๘ และแม่โจ้ ๓๒ ในวันเผาแม่โจ้ ๓๒ ก็ได้มาทำพิธีอันเป็นประเพณีของชาวแม่โจ้เป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน<br /><br />ยศและลาภหาบไปไม่ได้แน่<br />คงเหลือแต่ต้นทุนบุญกุศล<br />ทรัพย์สมบัติทิ้งไว้ให้ปวงชน<br />แม้ร่างตนเขาก็เอาไปเผาไฟ<br />เมื่อเจ้ามามีอะไรมาด้วยเจ้า<br />เจ้าจะเอาแต่สุขสนุกไฉน<br />เมื่อเจ้ามามือเปล่าจะเอาอะไร<br />เจ้าก็ไปมือเปล่าเหมือนเจ้ามา (พุทธทาสภิกขุ)<br /><br />ขอให้วิญญาณของเพื่อนจงไปสู่สุคติในสัมปรายภพ เกิดชาติหน้าฉันใดขอให้ได้เกิดในดินแดนอันมีพระพุทธศาสนท ได้ฟังได้ศึกษาพระสัทธรรมของพระศาสดาและได้บำเพ็ญภาวนาเป็นบารมี จนกว่าจะบรรลุและไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิด ให้ทุกข์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกต่อไป.
เมื่อวานนี้ ๑๓ พ.ย.๖๐ พวกเราชาวยุพราช ๐๘ ได้ไปร่วมกันฌาปนกิจศพ ท่านชัยวุฒิ นิมมลังกูล ซึงเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาสมัยมัทธยม ที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เชียงใหม่ เป็นการอำลาอาลัยกันเป็นครั้งสุดท้าย ชัยวุฒิ ฯ เป็นหัวหน้าชั้นมาตลอด และเมื่อโตขึ้นต่างแยกย้ายกันไปทำการงาน เราก็มีการสังสรรค์เลี้ยงรุ่นกันโดยท่านชัยวุฒิ ฯ จะเป็นผู้จัดการและดำเนินการ เป็นความผูกพันที่ลึกซึ้งของรุ่นเรา ชัยวุฒิ มีความผูกพันกับรุ่นยุพราช ๐๘ และแม่โจ้ ๓๒ ในวันเผาแม่โจ้ ๓๒ ก็ได้มาทำพิธีอันเป็นประเพณีของชาวแม่โจ้เป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน

ยศและลาภหาบไปไม่ได้แน่
คงเหลือแต่ต้นทุนบุญกุศล
ทรัพย์สมบัติทิ้งไว้ให้ปวงชน
แม้ร่างตนเขาก็เอาไปเผาไฟ
เมื่อเจ้ามามีอะไรมาด้วยเจ้า
เจ้าจะเอาแต่สุขสนุกไฉน
เมื่อเจ้ามามือเปล่าจะเอาอะไร
เจ้าก็ไปมือเปล่าเหมือนเจ้ามา (พุทธทาสภิกขุ)

ขอให้วิญญาณของเพื่อนจงไปสู่สุคติในสัมปรายภพ เกิดชาติหน้าฉันใดขอให้ได้เกิดในดินแดนอันมีพระพุทธศาสนท ได้ฟังได้ศึกษาพระสัทธรรมของพระศาสดาและได้บำเพ็ญภาวนาเป็นบารมี จนกว่าจะบรรลุและไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิด ให้ทุกข์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกต่อไป.
จิตอาสา ๑๕ ต.ค (16).JPG (164.2 KiB) เข้าดูแล้ว 185 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
ลุงเนตร
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 19852
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
Tel: 0898133936
team: อิสระ
Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
ติดต่อ:

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย ลุงเนตร »

..สวัสดีครับ น้องแดง หลานนก ฯ

"..ขอให้วิญญาณของเพื่อนจงไปสู่สุคติในสัมปรายภพ เกิดชาติหน้าฉันใดขอให้ได้เกิดในดินแดนอันมีพระพุทธศาสนา ได้ฟังได้ศึกษาพระสัทธรรมของพระศาสดาและได้บำเพ็ญภาวนาเป็นบารมี จนกว่าจะบรรลุและไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิด ให้ทุกข์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกต่อไป.."

..นับว่าเป็นการขอที่วิเศษยิ่ง ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก ผู้ที่ซาบซึ้งถึงแก่นธรรมเท่านั้นกระมัง จึงสามารถคิดได้?.
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
รูปประจำตัวสมาชิก
NOKNICE
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 10311
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 11:33
team: ไร้สังกัด,ปั่นตามใจตรู
Bike: MERIDA MATT 40D(ของแฟน),Trek8500 , Storck G2

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย NOKNICE »

สวัสดีครับลุงแดง ลุงเนตรและทุกท่าน

ผมไปอบรมมาหลายวัน นิสัยค่อยดีขึ้นมาหน่อยครับ
ไฟล์แนบ
20171109_082155.jpg
20171109_082155.jpg (163.3 KiB) เข้าดูแล้ว 178 ครั้ง
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:idea: :idea: อรุณสวัสดิ์ พี่เนตรหลานนกและท่านที่เคารพทุก ๆ ท่าน ก่อนอื่นต้องกราบขอบคุณพี่เนตรของผม ที่เข้ามา comment แบบให้กำลังใจก็อยากจะเรียนว่า ความจริงเป็นเช่นนั้นครับทุกวันนี้มีชีวิตอยู่กับความเบื่อหน่าย ต้องกำกับด้วยมหาสติ ขอให้ระมัดระวังกันให้มากสำหรับนักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ขอให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้มีตัวอย่างที่เกิดขึ้นที่เชียงใหม่เมื่อไม่กี่ปีนี้เอง เป็นแม่ชีปฏิบัติธรรมอยู่กับหลวงพ่อเศวต (วัดผมจำชื่อไม่ได้ แต่อยู่ติดกับวัดหลวงปู่แหวนก่อนถึงประมาณ ๑๐ กม.)จนสู่จุดแห่งความเบื่อหน่ายสุด ๆ หลวงพ่อท่านมีเจโต ฯ ท่านก็แจ้งเตือนแล้วให้ระมัดระวังและห้ามออกจากวัด สุดท้ายแม่ชีก็หนีออกจากวัดเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ ไปเดินจงกรมอยู่ที่เจดีย์ขาวตรงหน้าเทศบาล อ.เมืองเชียงใหม่ แล้วเดินเลยลงน้ำปิงและจมน้ำเสียชีวิต หลวงพ่อได้เมตตาเล่าให้ฟังเพราะแม่ชีมี กรรมตัดรอน แม้เราจะฉุดดึงอย่างไรก็ไม่อยู่ และนี่ก็คือ "สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม" ในขณะที่ฝึกทำสมาธิ ภาวนา อย่าลืม ให้ทาน รักษาศีลอย่างเคร่งครัด และแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรทุกครั้ง เพื่อหนีกรรมตัดรอนที่จะมาเยือน และขออย่าได้กลัวแล้วพาลไม่ฝึกสมาธิ ภาวนา นะครับ เราคิดดี พูดดี ทำดี กรรมตัดรอนจะกลายเป็นอโหสิกรรมครับ(ถ้าไม่ใช่ครุกรรม)

เรามาเดินเรื่องของ กรรม กันต่อนะครับ

๔.กรรมติดตามไปได้อย่างไร มองไม่เห็น กรรมย่อมติดตามสัตว์ไปเหมือนลิ่มสลักรถติดไปกับรถในขณะแล่น(ธ.ขุ.) หรือเหมือนพลังที่ติดไปกับลูกบอล และผลักดันให้ลูกบอลลอยไปในอากาศ หรือกลิ้งไปในสนามเพราะการเตะของคน พลังนั้นเกิดจากการเตะ แต่ก็มองไม่เห็นพลังนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าติดไปกับลูกบอล หรือดุจความร้อนที่ติดไปกับไฟ หรือดุจความผิดที่ติดตัวคนฆ่าเขาตายแล้วหนีไป โทษที่ติดตัวไปนั้นมองไม่เห็น สิ่งที่มองไม่เห็นจะปฏิเสธว่าไม่มีดสียทั้งหมดนั้น ไม่ได้ คลื่นวิทยุมีอยู่ทั่วไป แต่ก็มองไม่เห็น

๕.ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วจริงหรือไม่ ข้อนี้เป็นความจริง ความเข้าใจผิดหรือสงสัยในเรื่องนี้ หรือในเรื่องตรงกันข้าม คือทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วนี้ ได้เกิดมีมาแล้วตั้งแต่สมัยพุทธกาล และพระพุทธองค์ได้ทรงแสดงแก้ความเข้าใจผิดนี้ไว้ในมหากัมมวิภังคสูตร อุปริปัณณาสก์ มัชฌิมนิกาย และในที่นั้นได้สรุปว่า อตฺถิ กมฺมํ เป็นต้น แปลว่า กรรมชั่วครอบงำกรรมชั่วให้ผล(ก่อน)ก็มี กรรมดีครอบงำกรรมดีให้ผล(ก่อน)ก็มี คือแล้วแต่กรรมหนักกรรมเบามากน้อย หรือแล้วแต่จังหวะ กรรมใดแรงกว่า หนักกว่า กรรมนั้นก็ให้ผลก่อนดุจดังคนพายเรือ จ้ำอย่างแรงจนเรือแล่นพุ่งไปข้างหน้าอย่างเร็ว แล้วคนนั้นกลับหลังพายกลับอย่างแรงอีก เรือนั้นย่อมไม่ถอยหลังแน่ เพราะพลังของการพายครั้งแรกแรงกว่า

อีกอย่างหนึ่งคนที่พูด คนทำดีกลับได้ชั่ว คนทำชั่วกลับได้ดีนั้น เหมือนคนอ่านหนังสือไม่จบ อ่านได้ครึ่งเล่มก็นำมาพูด นำมาตัดสินแล้ว ขอให้อ่านให้จบ ให้ดูคน ๆ นั้นไปให้ตลอดก็จะรู้เองว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วจริง อย่างที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ และปริมาณของกรรมดีชั่วนั้นก็ดุจเกลือกับน้ำ เกลือกำมือหนึ่ง ใส่น้ำครึ่งแก้ว น้ำก็เค็ม ถ้าใส่ในน้ำ ๑๐ ถัง น้ำก็ไม่เค็ม ทั้งที่เกลือก็มีเท่าเดิม

อนึ่งคนที่พูดว่า ทำดีไม่ได้ดีนั้น มักเป็นคนทำดีเพื่อหวังผลตอบแทนส่วนตัว มิได้ทำความดีเพื่อความดี พอไม่ได้ดั่งหวังก็ผิดหวัง เลยกล่าวอย่างนั้น :idea: :idea:
ไฟล์แนบ
คนที่สองจากขวามือ ท่านอาทิตย์ เป็งจันทร์ อดีตศึกษาธิการ อ.เมือง จ.เชียใหม่ เป็นนักเรียนยุพราชรุ่น ๐๘ รุ่นเดียวกัน ขณะนี้เป็นมะเร็งลำไส้ และกำลังรักษาด้วยการทำคีโมเป็นเข็มแรก เราเพื่อนร่วมรุ่น หลังจากที่ทำการฌาปนกิจศพท่านชัยวุฒิ ฯ เราก็นัดกันไปเยี่ยมเพื่อให้กำลังใจ ที่บ้าน ซึ่งเราก็พากันไปเยี่ยมเมื่อวานนี้(๑๔ พ.ย.๖๐)<br /><br />เรื่องของมะเร็งเดี๋ยวนี้กำลังเป็นโรคที่ฮิตมาก ดูเหมือนไทยเราจะเป็นอันดับสามของโลกประมาณนั้น(ไม่แน่ใจ) ผมนั้นก็เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองรักษามาได้ ๑๑ ปีแล้ว ก็อยากจะบอกว่าอย่ากลัวครับ ผมเคยนำมาเล่าไว้ในกระทู้นี้แต่จำหน้าไม่ได้แล้วว่าอยู่ที่หน้าไหน เอาเป็นว่าขอเล่าย้อนหลังพอสรุปนะครับว่า ๑.อย่ากลัวอย่าคิดว่าเราเป็นคนไข้ ใช้ชีวิตให้เป็นปกติ ๒.งดเนื้อสัตว์ทุกชนิดโดยเด็ดขาด ๓.ออกกำลังกายโดยให้ได้รับแสงแดดยามเช้าและยามเย็น สูดอากาศที่บริสุทธิ์ให้ได้มาก ๆ  ๔.สวดมนต์รักษาศีล ทำภาวนา แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรเพื่อจะได้อโหสิกรรม
คนที่สองจากขวามือ ท่านอาทิตย์ เป็งจันทร์ อดีตศึกษาธิการ อ.เมือง จ.เชียใหม่ เป็นนักเรียนยุพราชรุ่น ๐๘ รุ่นเดียวกัน ขณะนี้เป็นมะเร็งลำไส้ และกำลังรักษาด้วยการทำคีโมเป็นเข็มแรก เราเพื่อนร่วมรุ่น หลังจากที่ทำการฌาปนกิจศพท่านชัยวุฒิ ฯ เราก็นัดกันไปเยี่ยมเพื่อให้กำลังใจ ที่บ้าน ซึ่งเราก็พากันไปเยี่ยมเมื่อวานนี้(๑๔ พ.ย.๖๐)

เรื่องของมะเร็งเดี๋ยวนี้กำลังเป็นโรคที่ฮิตมาก ดูเหมือนไทยเราจะเป็นอันดับสามของโลกประมาณนั้น(ไม่แน่ใจ) ผมนั้นก็เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองรักษามาได้ ๑๑ ปีแล้ว ก็อยากจะบอกว่าอย่ากลัวครับ ผมเคยนำมาเล่าไว้ในกระทู้นี้แต่จำหน้าไม่ได้แล้วว่าอยู่ที่หน้าไหน เอาเป็นว่าขอเล่าย้อนหลังพอสรุปนะครับว่า ๑.อย่ากลัวอย่าคิดว่าเราเป็นคนไข้ ใช้ชีวิตให้เป็นปกติ ๒.งดเนื้อสัตว์ทุกชนิดโดยเด็ดขาด ๓.ออกกำลังกายโดยให้ได้รับแสงแดดยามเช้าและยามเย็น สูดอากาศที่บริสุทธิ์ให้ได้มาก ๆ ๔.สวดมนต์รักษาศีล ทำภาวนา แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรเพื่อจะได้อโหสิกรรม
image-84A5_57CE465C.jpg (157.48 KiB) เข้าดูแล้ว 295 ครั้ง
image-C203_57CE465C.jpg
image-C203_57CE465C.jpg (157.6 KiB) เข้าดูแล้ว 295 ครั้ง
image-E504_57CE465C.jpg
image-E504_57CE465C.jpg (151.79 KiB) เข้าดูแล้ว 295 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
NOKNICE
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 10311
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 11:33
team: ไร้สังกัด,ปั่นตามใจตรู
Bike: MERIDA MATT 40D(ของแฟน),Trek8500 , Storck G2

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย NOKNICE »

สวัสดีตอนบ่ายครับลุงแดงและทุกท่าน
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:idea: :idea: ๖.หลักกรรมแก้ปัญหาชีวิตได้อย่างไร คนทั่วไปย่อมมีปัญหาชีวิตที่จะต้องแก้ เมื่อแก้ไม่ตกถ้าไม่มีหลักสำหรับคิดหรือไม่มีทางออก ถ้าเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ปล่อย ๆ ไปแต่ถ้าเป็นเรื่องใหญ่ ก็มักทำลายตนเองด้วยวิธีต่าง ๆ อย่างน้อยก็ด้วยการดื่มเหล้า ซึ่งเป็นการทำลายสุขภาพของตนเอง หรือมักทำร้ายทำลายผู้อื่น อันอาจทำให้เกิดเรื่องร้ายแรงต่อ ๆ ไปได้ แต่ถ้าจนปัญญา แก้ไม่ตก ก็นึกปลงใจเสียว่าเป็นกรรมของเราของเขา หรือเป็นกุศลกรรมของเขาเป็นอกุศลกรรมของเรา หรือเป็นอกุศลกรรมทั้งของเขาทั้งของเรา การใช้หลักกรรมเป็นทางออก หรือเป็นทางแก้ปัญหา ชีวิตขั้นสุดท้ายอย่างนี้ย่อมทำให้เบาใจ ค่อยสบายใจขึ้นและไม่ไปทำลายตนเอง ไม่ทำร้ายและทำลายคนอื่นด้วย เรื่องร้ายทั้งหลายก็จะยุติ

คนที่ใช้หลักกรรมเป็นเครื่องแก้ปัญหาชีวิตขั้นสุดท้ายและได้ผลดีนั้น ขอให้ดูคนไทยเราก็แล้วกันเป็นตัวอย่าง

ในบางลัทธิศาสนาถือว่า คนจะดี - ชั่ว อยู่ที่พรหมลิขิต กล่าวคือ แล้วแต่พระผู้เป็นเจ้าคือพระพรหมเป็นผู้กไหนด ใครจะแก้ไขไม่ได้ นอกจากพระพรหม ส่วนในพระพุทธศาสนา ถือว่าคนจะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวของตัวเองเป็นสำคัญ ผู้อื่นสิ่งอื่นเป็นตัวประกอบ :idea: :idea:



ไฟล์แนบ
การหย่าร้าง๔.jpg
การหย่าร้าง๔.jpg (53.83 KiB) เข้าดูแล้ว 277 ครั้ง
การหย่าร้าง๕.jpg
การหย่าร้าง๕.jpg (83.12 KiB) เข้าดูแล้ว 277 ครั้ง
การหย่าร้าง๖.jpg
การหย่าร้าง๖.jpg (98.12 KiB) เข้าดูแล้ว 277 ครั้ง
การหย่าร้าง๑๖.jpg
การหย่าร้าง๑๖.jpg (144.23 KiB) เข้าดูแล้ว 277 ครั้ง
เมื่อวันที่ ๑๔ - ๑๖ พ.ย.๖๐ เป็นวันที่สาธุชนและญาติโยมทั้งพระเถรานุเถระและนวกะตลอดจนผู้เลื่อมใสศรัทธาในองค์หลวงพ่อเปลี่ยน ได้ร่วมกันจัดงาน มุทิตาจิตให้กับหลวงพ่อ คนมากันล้นหลามผมและคุณนายได้ไปร่วมงานในวันที่ ๑๕ พ.ย.ตลอดทั้งวัน มีโรงทานนับสองร้อยกว่าโรง รถนับเป็นพัน ๆ คันต้องจอดไว้ด้านนอกแล้วอาศัยรถรางลำเลียงคนเข้าไปข้างใน <br /><br />พระอาจารย์เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป (จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี) <br /><br />พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป นามสกุลเดิม วงษาจันทร์ เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 ตรงกับวันพฤหัสบดี ปีระกา ณ บ้านโคกคอน ตำบลโคกสี อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร บิดาชื่อ กิ่ง มารดาชื่อ อรดี สกุลเดิม จุนราชภักดี บิดามารดาทำการค้าขาย มีฐานะดี คุณตาเป็นกำนันอยู่ที่ตำบลโคกสี ชื่อ ขุนจุนราชภักดี และคุณยายรักท่านมากจึงรับท่านมาเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเล็ก ๆ ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดา 6 คน เป็นผู้ชาย 5 คน ผู้หญิง 1 คน มีชื่อตามลำดับ ดังนี้[1]<br />1.นายสมบิน วงษาจันทร์ (ถึงแก่กรรม)<br />2.นายคำปิ่น วงษาจันทร์ (ถึงแก่กรรม)<br />3.พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป<br />4.นายเหรียญ (วงษาจันทร์) นันตสูตร (ถึงแก่กรรม)<br />5.นางหนูจีน (วงษาจันทร์) ธรรมจิตร (ถึงแก่กรรม)<br />6.นายถวิล วงษาจันทร์ (ถึงแก่กรรม)<br /><br />การศึกษา การศึกษาในระยะแรก ได้เรียนกับคุณตาคุณยายที่บ้าน เพราะระหว่างนั้น เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา (สงครามโลกครั้งที่ 2) ต่อมาได้เข้าเรียนที่โรงเรียนบ้านโคกคอน เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เมื่ออายุ 11 ปี สอบได้ที่หนึ่งในชั้น ท่านมีความประสงค์จะเรียนต่อ แต่มารดาต้องการให้ท่านมาช่วยงานค้าขายของบิดา ท่านจึงต้องปฏิบัติตามความประสงค์ของมารดา<br /><br />การประกอบอาชีพและชีวิตก่อนบวช ในการประกอบอาชีพค้าขายของท่านนั้น ท่านต้องออกเดินทางไปซื้อของถึงจังหวัดอุดรธานี โดยนั่งรถโดยสารบ้าง รถบรรทุกหรือรถขายถ่านบ้าง สินค้าส่วนใหญ่เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ทั่วไป เมื่อถึงฤดูทำนาก็จ้างคนมาทำนา แต่ละปีสามารถเก็บเกี่ยวข้าวจากนาได้มาก จึงขยายกิจการไปค้าขายข้าวเปลือกกับโรงสีใหญ่ ๆ ด้วย<br /><br />หลังจากผ่านการคัดเลือกทหารแล้ว ท่านหันไปสนใจการรักษาคนเจ็บป่วย ได้รับถ่ายทอดวิชาความรู้เรื่องยา การรักษาคนไข้จากหมอประจำอำเภอซึ่งเป็นญาติกัน คุณหมอจึงคิดจะส่งท่านไปเรียนต่อที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งคุณตาก็สนับสนุน แต่มารดาไม่อนุญาต ต้องการให้ท่านดูแลการค้าต่อไป<br /><br />ในการทำการค้านั้น กิจการต่าง ๆ ดำเนินไปด้วยดี ฐานะการเงินของครอบครัวดี พระอาจารย์เปลี่ยนเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบในการงานสูง ญาติพี่น้องและผู้ใกล้ชิดจึงไว้ใจ ได้พากันนำเงินมาฝากท่านเหมือนหนึ่งเป็นธนาคาร ท่านก็เก็บรักษาให้เขาโดยไม่ได้อะไรตอบแทน ท่านทำให้กับทุกคนด้วยความรักและนับถือเหมือนกับที่เขาวางใจท่าน ส่วนในเรื่องการครองเรือนนั้น ท่านไม่คิดที่จะแต่งงานหรือตกลงใจกับใคร แม้ว่าจะมีเพศตรงข้ามพยายามเข้ามาสนิทสนมด้วยหลายคน<br /><br />พระอาจารย์เปลี่ยนมีโอกาสดีได้คุ้นเคยกับพระสงฆ์มาตั้งแต่อายุ 11-12 ปี เมื่อทางบ้านมีงานบุญ ท่านจะทำหน้าที่ไปรับพระที่วัด จึงได้เห็นวิธีเดินจงกรมของพระอาจารย์ลี วัดป่าบ้านตาล และเป็นผู้ที่ได้แนะนำให้ไปหาหลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ (ซึ่งบวชเมื่ออายุมากแล้วและติดตามหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ไปปฏิบัติธรรมที่ถ้ำเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับการยกย่องด้านการบำเพ็ญเพียรไม่ท้อถอย) หลวงปู่พรหมได้เดินจงกรมให้ดู และสอนให้เดินด้วย จึงถือได้ว่าหลวงปู่พรหมเป็นพระอาจารย์องค์แรกของพระอาจารย์เปลี่ยน<br /><br />พระอาจารย์เปลี่ยนได้ศึกษากับพระที่บวชกับหลวงปู่พรหมหลายองค์ ซึ่งสรรเสริญการบวชมาก ทำให้พระอาจารย์เปลี่ยนคิดบวชอยู่ตลอดเวลา เริ่มตั้งแต่อายุ 12 ปี 14 ปี 16 ปี จนถึง 20 ปี แต่มารดาก็ไม่อนุญาตทั้ง ๆ ที่พี่ชาย 2 คนก็บวช แล้วตัวมารดาเองก็ไปวัดถือศีลทุกวันพระ และบางครั้งเดินทางไปกราบนมัสการหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตก็ตาม จนกระทั่งบิดาของท่านซึ่งป่วยด้วยวัณโรคถึงแก่กรรมใน พ.ศ. 2497 และอีก 5 ปีต่อมาคุณลุงก็ถึงแก่กรรมอีกคนหนึ่ง พระอาจารย์เปลี่ยนจึงใช้ความพยายามขอบวชอีกครั้งหนึ่งเพื่อทดแทนพระคุณพ่อแม่เหมือนกับพี่ชายทั้ง 2 คน เพราะยังไม่เคยบวชเลย ขณะนั้นพี่ชายได้สึกออกมาประกอบอาชีพแล้ว มารดาและคุณตาทนการรบเร้าของพระอาจารย์ไม่ไหว จึงอนุญาตให้บวชแค่เพียง 7 วัน<br /><br />ครั้นทำการฌาปนกิจศพคุณลุงแล้ว วันรุ่งขึ้นท่านก็ถือโอกาสเข้าวัดเพื่อเตรียมตัวบวช หัดขานนาคพร้อมกับคนอื่นซึ่งมาอยู่วัดถือศีลอีก 2 คน ฝึกสวดมนต์เจ็ดตำนานได้เกือบหมดเล่ม ใช้เวลา 40 วัน มีพระอาจารย์สุภาพ ธัมมปัญโญ เป็นครูผู้ฝึกสอน<br /><br />การบวช  พระอาจารย์เปลี่ยนเข้าพิธีอุปสมบทที่วัดธาตุมีชัย บ้านโคกคอน ตำบลโคกสี อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2502 พระอุปัชฌาย์ชื่อ พระครูอดุลย์สังฆกิจ พระกรรมวาจาจารย์ชื่อ พระครูพิพิธธรรมสุนทร ได้ฉายาว่า ปัญญาปทีโป<br /><br />เนื่องจากวัดธาตุมีชัยเป็นวัดฝ่ายมหานิกาย ดังนั้น เมื่อพระอาจารย์เปลี่ยนบวชแล้วจึงย้ายไปอยู่วัดทุ่งสว่าง บ้านโคกคอน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ท่านมีความสบายกายสบายใจมากเพราะได้ปล่อยวางภาระต่าง ๆ ตั้งแต่การรับผิดชอบเงินทองจำนวนมาก ทั้งของท่านเองและเงินฝากของผู้อื่น ความกังวลในการค้าขายให้กับครอบครัวและญาติพี่น้อง รวมทั้งการดูแลรักษาไร่นา วัวควาย และทรัพย์สมบัติอื่น ๆ ที่ท่านแบกอยู่ผู้เดียวมาตั้งแต่อายุ 12 ปี ครั้นบวชได้ 18 วัน โยมมารดาก็ขอให้ท่านสึก เพราะเลยกำหนดเวลาที่อนุญาตแล้ว แต่ด้วยความฝักใฝ่ในการศึกษาธรรมะของท่าน จึงได้ขอโยมมารดาบวชต่อให้ครบ 1 พรรษา<br /><br />แสวงโมกขธรรม ด้วยความมุ่งมั่นของพระอาจารย์เปลี่ยนที่จะศึกษาธรรมะให้ถึงจุดหมายปลายทางของศาสนา ท่านจึงพยายามบ่ายเบี่ยงโยมมารดาในการสึกและหนีออกไปธุดงค์ตามจังหวัดต่าง ๆ เพื่อแสวงหาโมกขธรรม และได้พบกับพระอาจารย์ที่ได้ยินกิตติศัพท์ ทั้งภาคอีสาน ภาคใต้ และภาคเหนือ แต่ที่พระอาจารย์เปลี่ยนอยู่ฝึกปฏิบัติธรรมด้วยนาน ๆ และรับใช้ใกล้ชิดอย่างสนิทสนมคือ หลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม และ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ส่วนองค์อื่น ๆ เช่น อาจารย์จวน กุลเชฏโฐ หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่คำดี ปภาโส หลวงปู่ชอบ ฐานสโม พระสุธรรมยานเถร (อินถา อินฺทจกฺโก) หลวงปู่สาม อกิญฺจโน พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร (วัน อุตฺตโม) หลวงปู่แว่น ธนปาโล หลวงพ่อผาง จิตฺตคุตฺโต พระอาจารย์ที่ท่านได้พบนั้นต่างมีเมตตาเทศน์อบรม ทำให้ท่านมีความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมยิ่งขึ้นไปเป็นลำดับ [2]<br /><br />พระอาจารย์เปลี่ยนเป็นเจ้าอาวาสวัดอรัญญวิเวก อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2509 เป็นต้นมาจนกระทั่งปัจจุบัน ท่านมีลูกศิษย์มากมายที่ติดตามและฝึกปฏิบัติตามแนวทางของท่าน พระอาจารย์เปลี่ยนได้รับการยอมรับในหมู่นักปฏิบัติว่าเป็นพระป่ากรรมฐานผู้เคร่งครัดในธรรมวินัย มีความเพียรอันยิ่งในการปฏิบัติ เป็นพระสุปฏิปันโนและเป็นพระแท้ที่เปี่ยมด้วยความเมตตา ท่านเขียนหนังสือหลายเล่มเพื่อถ่ายทอดธรรมะต่อสาธุชนแบบไม่มีค่าใช้จ่าย ธรรมบรรยายของท่านนั้นล้วนเป็นสิ่งที่ถูกต้องตรงจริตของผู้ฟังและสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาการปฏิบัติของตนเองได้เป็นอย่างดี การสอนของพระอาจารย์เปลี่ยนที่สำคัญนั้นมุ่งเน้นการปฏิบัติที่นำไปสู่นิพพานซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของการปฏิบัติในพระพุทธศาสนา
เมื่อวันที่ ๑๔ - ๑๖ พ.ย.๖๐ เป็นวันที่สาธุชนและญาติโยมทั้งพระเถรานุเถระและนวกะตลอดจนผู้เลื่อมใสศรัทธาในองค์หลวงพ่อเปลี่ยน ได้ร่วมกันจัดงาน มุทิตาจิตให้กับหลวงพ่อ คนมากันล้นหลามผมและคุณนายได้ไปร่วมงานในวันที่ ๑๕ พ.ย.ตลอดทั้งวัน มีโรงทานนับสองร้อยกว่าโรง รถนับเป็นพัน ๆ คันต้องจอดไว้ด้านนอกแล้วอาศัยรถรางลำเลียงคนเข้าไปข้างใน

พระอาจารย์เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป (จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)

พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป นามสกุลเดิม วงษาจันทร์ เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 ตรงกับวันพฤหัสบดี ปีระกา ณ บ้านโคกคอน ตำบลโคกสี อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร บิดาชื่อ กิ่ง มารดาชื่อ อรดี สกุลเดิม จุนราชภักดี บิดามารดาทำการค้าขาย มีฐานะดี คุณตาเป็นกำนันอยู่ที่ตำบลโคกสี ชื่อ ขุนจุนราชภักดี และคุณยายรักท่านมากจึงรับท่านมาเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเล็ก ๆ ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดา 6 คน เป็นผู้ชาย 5 คน ผู้หญิง 1 คน มีชื่อตามลำดับ ดังนี้[1]
1.นายสมบิน วงษาจันทร์ (ถึงแก่กรรม)
2.นายคำปิ่น วงษาจันทร์ (ถึงแก่กรรม)
3.พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป
4.นายเหรียญ (วงษาจันทร์) นันตสูตร (ถึงแก่กรรม)
5.นางหนูจีน (วงษาจันทร์) ธรรมจิตร (ถึงแก่กรรม)
6.นายถวิล วงษาจันทร์ (ถึงแก่กรรม)

การศึกษา การศึกษาในระยะแรก ได้เรียนกับคุณตาคุณยายที่บ้าน เพราะระหว่างนั้น เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา (สงครามโลกครั้งที่ 2) ต่อมาได้เข้าเรียนที่โรงเรียนบ้านโคกคอน เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เมื่ออายุ 11 ปี สอบได้ที่หนึ่งในชั้น ท่านมีความประสงค์จะเรียนต่อ แต่มารดาต้องการให้ท่านมาช่วยงานค้าขายของบิดา ท่านจึงต้องปฏิบัติตามความประสงค์ของมารดา

การประกอบอาชีพและชีวิตก่อนบวช ในการประกอบอาชีพค้าขายของท่านนั้น ท่านต้องออกเดินทางไปซื้อของถึงจังหวัดอุดรธานี โดยนั่งรถโดยสารบ้าง รถบรรทุกหรือรถขายถ่านบ้าง สินค้าส่วนใหญ่เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ทั่วไป เมื่อถึงฤดูทำนาก็จ้างคนมาทำนา แต่ละปีสามารถเก็บเกี่ยวข้าวจากนาได้มาก จึงขยายกิจการไปค้าขายข้าวเปลือกกับโรงสีใหญ่ ๆ ด้วย

หลังจากผ่านการคัดเลือกทหารแล้ว ท่านหันไปสนใจการรักษาคนเจ็บป่วย ได้รับถ่ายทอดวิชาความรู้เรื่องยา การรักษาคนไข้จากหมอประจำอำเภอซึ่งเป็นญาติกัน คุณหมอจึงคิดจะส่งท่านไปเรียนต่อที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งคุณตาก็สนับสนุน แต่มารดาไม่อนุญาต ต้องการให้ท่านดูแลการค้าต่อไป

ในการทำการค้านั้น กิจการต่าง ๆ ดำเนินไปด้วยดี ฐานะการเงินของครอบครัวดี พระอาจารย์เปลี่ยนเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบในการงานสูง ญาติพี่น้องและผู้ใกล้ชิดจึงไว้ใจ ได้พากันนำเงินมาฝากท่านเหมือนหนึ่งเป็นธนาคาร ท่านก็เก็บรักษาให้เขาโดยไม่ได้อะไรตอบแทน ท่านทำให้กับทุกคนด้วยความรักและนับถือเหมือนกับที่เขาวางใจท่าน ส่วนในเรื่องการครองเรือนนั้น ท่านไม่คิดที่จะแต่งงานหรือตกลงใจกับใคร แม้ว่าจะมีเพศตรงข้ามพยายามเข้ามาสนิทสนมด้วยหลายคน

พระอาจารย์เปลี่ยนมีโอกาสดีได้คุ้นเคยกับพระสงฆ์มาตั้งแต่อายุ 11-12 ปี เมื่อทางบ้านมีงานบุญ ท่านจะทำหน้าที่ไปรับพระที่วัด จึงได้เห็นวิธีเดินจงกรมของพระอาจารย์ลี วัดป่าบ้านตาล และเป็นผู้ที่ได้แนะนำให้ไปหาหลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ (ซึ่งบวชเมื่ออายุมากแล้วและติดตามหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ไปปฏิบัติธรรมที่ถ้ำเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับการยกย่องด้านการบำเพ็ญเพียรไม่ท้อถอย) หลวงปู่พรหมได้เดินจงกรมให้ดู และสอนให้เดินด้วย จึงถือได้ว่าหลวงปู่พรหมเป็นพระอาจารย์องค์แรกของพระอาจารย์เปลี่ยน

พระอาจารย์เปลี่ยนได้ศึกษากับพระที่บวชกับหลวงปู่พรหมหลายองค์ ซึ่งสรรเสริญการบวชมาก ทำให้พระอาจารย์เปลี่ยนคิดบวชอยู่ตลอดเวลา เริ่มตั้งแต่อายุ 12 ปี 14 ปี 16 ปี จนถึง 20 ปี แต่มารดาก็ไม่อนุญาตทั้ง ๆ ที่พี่ชาย 2 คนก็บวช แล้วตัวมารดาเองก็ไปวัดถือศีลทุกวันพระ และบางครั้งเดินทางไปกราบนมัสการหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตก็ตาม จนกระทั่งบิดาของท่านซึ่งป่วยด้วยวัณโรคถึงแก่กรรมใน พ.ศ. 2497 และอีก 5 ปีต่อมาคุณลุงก็ถึงแก่กรรมอีกคนหนึ่ง พระอาจารย์เปลี่ยนจึงใช้ความพยายามขอบวชอีกครั้งหนึ่งเพื่อทดแทนพระคุณพ่อแม่เหมือนกับพี่ชายทั้ง 2 คน เพราะยังไม่เคยบวชเลย ขณะนั้นพี่ชายได้สึกออกมาประกอบอาชีพแล้ว มารดาและคุณตาทนการรบเร้าของพระอาจารย์ไม่ไหว จึงอนุญาตให้บวชแค่เพียง 7 วัน

ครั้นทำการฌาปนกิจศพคุณลุงแล้ว วันรุ่งขึ้นท่านก็ถือโอกาสเข้าวัดเพื่อเตรียมตัวบวช หัดขานนาคพร้อมกับคนอื่นซึ่งมาอยู่วัดถือศีลอีก 2 คน ฝึกสวดมนต์เจ็ดตำนานได้เกือบหมดเล่ม ใช้เวลา 40 วัน มีพระอาจารย์สุภาพ ธัมมปัญโญ เป็นครูผู้ฝึกสอน

การบวช พระอาจารย์เปลี่ยนเข้าพิธีอุปสมบทที่วัดธาตุมีชัย บ้านโคกคอน ตำบลโคกสี อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2502 พระอุปัชฌาย์ชื่อ พระครูอดุลย์สังฆกิจ พระกรรมวาจาจารย์ชื่อ พระครูพิพิธธรรมสุนทร ได้ฉายาว่า ปัญญาปทีโป

เนื่องจากวัดธาตุมีชัยเป็นวัดฝ่ายมหานิกาย ดังนั้น เมื่อพระอาจารย์เปลี่ยนบวชแล้วจึงย้ายไปอยู่วัดทุ่งสว่าง บ้านโคกคอน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ท่านมีความสบายกายสบายใจมากเพราะได้ปล่อยวางภาระต่าง ๆ ตั้งแต่การรับผิดชอบเงินทองจำนวนมาก ทั้งของท่านเองและเงินฝากของผู้อื่น ความกังวลในการค้าขายให้กับครอบครัวและญาติพี่น้อง รวมทั้งการดูแลรักษาไร่นา วัวควาย และทรัพย์สมบัติอื่น ๆ ที่ท่านแบกอยู่ผู้เดียวมาตั้งแต่อายุ 12 ปี ครั้นบวชได้ 18 วัน โยมมารดาก็ขอให้ท่านสึก เพราะเลยกำหนดเวลาที่อนุญาตแล้ว แต่ด้วยความฝักใฝ่ในการศึกษาธรรมะของท่าน จึงได้ขอโยมมารดาบวชต่อให้ครบ 1 พรรษา

แสวงโมกขธรรม ด้วยความมุ่งมั่นของพระอาจารย์เปลี่ยนที่จะศึกษาธรรมะให้ถึงจุดหมายปลายทางของศาสนา ท่านจึงพยายามบ่ายเบี่ยงโยมมารดาในการสึกและหนีออกไปธุดงค์ตามจังหวัดต่าง ๆ เพื่อแสวงหาโมกขธรรม และได้พบกับพระอาจารย์ที่ได้ยินกิตติศัพท์ ทั้งภาคอีสาน ภาคใต้ และภาคเหนือ แต่ที่พระอาจารย์เปลี่ยนอยู่ฝึกปฏิบัติธรรมด้วยนาน ๆ และรับใช้ใกล้ชิดอย่างสนิทสนมคือ หลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม และ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ส่วนองค์อื่น ๆ เช่น อาจารย์จวน กุลเชฏโฐ หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่คำดี ปภาโส หลวงปู่ชอบ ฐานสโม พระสุธรรมยานเถร (อินถา อินฺทจกฺโก) หลวงปู่สาม อกิญฺจโน พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร (วัน อุตฺตโม) หลวงปู่แว่น ธนปาโล หลวงพ่อผาง จิตฺตคุตฺโต พระอาจารย์ที่ท่านได้พบนั้นต่างมีเมตตาเทศน์อบรม ทำให้ท่านมีความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมยิ่งขึ้นไปเป็นลำดับ [2]

พระอาจารย์เปลี่ยนเป็นเจ้าอาวาสวัดอรัญญวิเวก อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2509 เป็นต้นมาจนกระทั่งปัจจุบัน ท่านมีลูกศิษย์มากมายที่ติดตามและฝึกปฏิบัติตามแนวทางของท่าน พระอาจารย์เปลี่ยนได้รับการยอมรับในหมู่นักปฏิบัติว่าเป็นพระป่ากรรมฐานผู้เคร่งครัดในธรรมวินัย มีความเพียรอันยิ่งในการปฏิบัติ เป็นพระสุปฏิปันโนและเป็นพระแท้ที่เปี่ยมด้วยความเมตตา ท่านเขียนหนังสือหลายเล่มเพื่อถ่ายทอดธรรมะต่อสาธุชนแบบไม่มีค่าใช้จ่าย ธรรมบรรยายของท่านนั้นล้วนเป็นสิ่งที่ถูกต้องตรงจริตของผู้ฟังและสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาการปฏิบัติของตนเองได้เป็นอย่างดี การสอนของพระอาจารย์เปลี่ยนที่สำคัญนั้นมุ่งเน้นการปฏิบัติที่นำไปสู่นิพพานซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของการปฏิบัติในพระพุทธศาสนา
กำลังใจ.jpg (106.71 KiB) เข้าดูแล้ว 277 ครั้ง
การหย่าร้าง๗.jpg
การหย่าร้าง๗.jpg (180.46 KiB) เข้าดูแล้ว 277 ครั้ง
การหย่าร้าง๘.jpg
การหย่าร้าง๘.jpg (155.3 KiB) เข้าดูแล้ว 277 ครั้ง
การหย่าร้าง๙.jpg
การหย่าร้าง๙.jpg (268.72 KiB) เข้าดูแล้ว 277 ครั้ง
การหย่าร้าง๑๐.jpg
การหย่าร้าง๑๐.jpg (228.59 KiB) เข้าดูแล้ว 277 ครั้ง
การหย่าร้าง๑๑.jpg
การหย่าร้าง๑๑.jpg (250.7 KiB) เข้าดูแล้ว 277 ครั้ง
การหย่าร้าง๑๒.jpg
การหย่าร้าง๑๒.jpg (290.59 KiB) เข้าดูแล้ว 277 ครั้ง
การหย่าร้าง๑๓.jpg
การหย่าร้าง๑๓.jpg (353.84 KiB) เข้าดูแล้ว 277 ครั้ง
การหย่าร้าง๑๔.jpg
การหย่าร้าง๑๔.jpg (279.53 KiB) เข้าดูแล้ว 277 ครั้ง
สำหรับอาหารที่ญาติธรรมนำมาตักบาตรในงานมุทิตาสักการะหลวงปู่นั้น ยังได้บุญอีกต่อหนึ่ง โดยจนท.จะดำเนินการจัดส่งไปที่..<br />1.ศูนย์ฟื้นฟูอาชีพคนพิการหยาดฝน<br />2.สถานแรกรับคนไร้ที่พึ่งสันมหาพน<br />3.สถานสงเคราะห์เด็กบ้านเวียงพิงค์<br />4.สถานสงเคราะห์คนชราบ้านวัยทองนิเวศน์<br />5.โรงเรียนศรีสังวาลย์<br />6.บ้านธรรมปกรณ์(ผู้สูงอายุ)<br />7.บ้านกิ่งแก้ววิบูลย์สันติ(เด็กกำพร้า)<br />8.โรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือ<br />9.สมาคมคนตาบอด<br />10.โรงเรียนกาวิละอนุกูล<br />11.ผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุในพื้นที่ จ.ลำพูน<br />12.เด็กนักเรียนชาวเขาเผ่าม้ง บ้านดอยคำ อ.ฮอด<br />13.เด็กนักเรียน อ.แม่แจ่ม<br />..ขอน้อมอนุโมทนาสาธุ กับทานมหากุศลอันยิ่งใหญ่นี้กับญาติธรรมทุกท่านทุกคน..สาธุๆๆ..
สำหรับอาหารที่ญาติธรรมนำมาตักบาตรในงานมุทิตาสักการะหลวงปู่นั้น ยังได้บุญอีกต่อหนึ่ง โดยจนท.จะดำเนินการจัดส่งไปที่..
1.ศูนย์ฟื้นฟูอาชีพคนพิการหยาดฝน
2.สถานแรกรับคนไร้ที่พึ่งสันมหาพน
3.สถานสงเคราะห์เด็กบ้านเวียงพิงค์
4.สถานสงเคราะห์คนชราบ้านวัยทองนิเวศน์
5.โรงเรียนศรีสังวาลย์
6.บ้านธรรมปกรณ์(ผู้สูงอายุ)
7.บ้านกิ่งแก้ววิบูลย์สันติ(เด็กกำพร้า)
8.โรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือ
9.สมาคมคนตาบอด
10.โรงเรียนกาวิละอนุกูล
11.ผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุในพื้นที่ จ.ลำพูน
12.เด็กนักเรียนชาวเขาเผ่าม้ง บ้านดอยคำ อ.ฮอด
13.เด็กนักเรียน อ.แม่แจ่ม
..ขอน้อมอนุโมทนาสาธุ กับทานมหากุศลอันยิ่งใหญ่นี้กับญาติธรรมทุกท่านทุกคน..สาธุๆๆ..
การหย่าร้าง๑๕.jpg (321.18 KiB) เข้าดูแล้ว 277 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
NOKNICE
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 10311
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 11:33
team: ไร้สังกัด,ปั่นตามใจตรู
Bike: MERIDA MATT 40D(ของแฟน),Trek8500 , Storck G2

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย NOKNICE »

สวัสดีครับลุงแดงและทุกท่าน

ลุยเดียวไปนอนเขาใหญ่มาคืนนึงครับ
ไฟล์แนบ
20171116_101746.jpg
20171116_101746.jpg (270.55 KiB) เข้าดูแล้ว 269 ครั้ง
20171116_102844.jpg
20171116_102844.jpg (302.31 KiB) เข้าดูแล้ว 269 ครั้ง
20171116_104822.jpg
20171116_104822.jpg (347.12 KiB) เข้าดูแล้ว 269 ครั้ง
20171116_111736.jpg
20171116_111736.jpg (302.47 KiB) เข้าดูแล้ว 269 ครั้ง
20171116_111804.jpg
20171116_111804.jpg (351.14 KiB) เข้าดูแล้ว 269 ครั้ง
20171116_133847.jpg
20171116_133847.jpg (240.72 KiB) เข้าดูแล้ว 269 ครั้ง
20171116_170009.jpg
20171116_170009.jpg (357.23 KiB) เข้าดูแล้ว 269 ครั้ง
20171116_175654.jpg
20171116_175654.jpg (192.33 KiB) เข้าดูแล้ว 269 ครั้ง
20171117_114023.jpg
20171117_114023.jpg (255.91 KiB) เข้าดูแล้ว 269 ครั้ง
รูปประจำตัวสมาชิก
ลุงเนตร
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 19852
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
Tel: 0898133936
team: อิสระ
Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
ติดต่อ:

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย ลุงเนตร »

""..สวัสดีครับ น้องแดง - หลานนก ฯ ขอบคุณมาก สำหรับสิ่งดี ๆ ที่นำมามอบให้เป็นวิทยาทาน ณ ที่นี้..""
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:idea: :idea: >>>บทความดีๆ ข้อคิด ข้อความดีๆ

คำว่าเพื่อน นิยามของคําว่าเพื่อน

เพื่อน.....คือคนที่เคยร่วมทุกข์สุขของเรา
เพื่อน.....คือคนที่เคยโดนครูทำโทษด้วยกัน
เพื่อน.....คือคนที่มักจะ ชอบท้า เราในเรื่องต่างๆ
เพื่อน.....คือคนที่ชอบเล่นกับเราโดยไม่ห่าง
เพื่อน.....คือคนที่พูดกับเราเมื่อยามเหงา...
เพื่อน.....คือคนที่ชอบกลั่นแกล้งเรา เพื่อความสะใจ
เพื่อน.....คือคนที่ปลอบเราเมื่อเราเสียใจ
เพื่อน.....คือคนที่แนะนำสิ่งต่างๆให้เรารู้เห็น
เพื่อน.....คือคนที่เป็นทุกสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข
เพื่อน.....คือคนที่บางทีอาจทำให้เรามีทุกข์
คำว่าเพื่อน...อาจเป็นความสุขของเราตลอดไป


:) :D อรุณสวัสดิ์ครับ พี่เนตร หลานนก และท่านที่เคารพทุก ๆ ท่าน ก่อนอื่นขออนุญาตุชื่นชมหลานนกสักนิดครับว่า "เก่ง..สุดยอดจริง ๆ ที่กล้าบินเดี่ยว" เป็นความใฝ่ฝันของผมที่จะบินเดี่ยวแต่ไม่เคยประสบความสำเร็จสักที ไม่รู้ว่า..ชาตินี้ จะได้บินเดี่ยวไหม? เพราะอะไรหรือครับ..ก็เพราะพันธะสัญญาที่รับปากกับ คุณนาย ไว้ว่า..จะไม่ปั่นไปไหนคนเดียว ถ้าไม่งั้นคุณนายจะไม่ยอมให้ปั่นเด็ดขาด ผมก็เลยฝึกให้คุณนายมาปั่น จนกระทั่งบัดนี้คุณนานแกปั่นได้และไม่ธรรมดาด้วยคือ "ไปไหนไปกันไม่หวั่น" วันนี้เวลานี้ผมจะเดินทางไปไหนมาไหน คุณนายก็เลยไปด้วยตลอด ๕๕๕.เห็นคุณพี่เนตรของผมปั่นระเริงรื่นคนเดียว อิจฉามาก ๆ ความสุขสันโดษรับไปเต็ม ๆ แบบไม่ต้องบอกใคร (ใครทำคนนั้นได้)

เช้านี้ผมจั่วหัวเรื่องคำว่าเพื่อน ก็อยากจะเล่าเรื่องว่าเมื่อ ๑๘ - ๒๑ พ.ย.๖๐ ผมและเพื่อน ๆ สมัยเรียนชั้นมัธยมด้วยกันได้จัดงานเลี้ยงรุ่นประจำปี ที่เขื่อนสิริกิตต์ จ.อุตรดิตถ์ก็อยากจะมาเล่าอะไรให้ได้ชมได้อ่านเล่น ๆ แก้เหงาช่วงที่ไม่ได้ไปตระเวณเที่ยวที่ใด :) :D
ไฟล์แนบ
IMG_1704.JPG
IMG_1704.JPG (208.72 KiB) เข้าดูแล้ว 259 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (1).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (1).JPG (230.49 KiB) เข้าดูแล้ว 259 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (3).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (3).JPG (326.94 KiB) เข้าดูแล้ว 259 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (4).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (4).JPG (415.57 KiB) เข้าดูแล้ว 259 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (8).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (8).JPG (340.94 KiB) เข้าดูแล้ว 259 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (10).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (10).JPG (200.13 KiB) เข้าดูแล้ว 259 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (11).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (11).JPG (253.6 KiB) เข้าดูแล้ว 259 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (12).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (12).JPG (226.32 KiB) เข้าดูแล้ว 259 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (16).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (16).JPG (269 KiB) เข้าดูแล้ว 259 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (17).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (17).JPG (257.56 KiB) เข้าดูแล้ว 259 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (19).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (19).JPG (167.36 KiB) เข้าดูแล้ว 259 ครั้ง
IMG_1706.JPG
IMG_1706.JPG (215.44 KiB) เข้าดูแล้ว 259 ครั้ง
IMG_1707.JPG
IMG_1707.JPG (195.7 KiB) เข้าดูแล้ว 259 ครั้ง
เช้าวันที่ ๑๘ พ.ย.๖๐ เรา(ผมและคุณนาย)เดินทางออกจากบ้านปากกอง สารภี มุ่งตรงสู่เขื่อนสิริกิตต์ จ.อุตรดิตถ์ เพื่อร่วมงานพบปะสังสรรค์รุ่นยุพราช ๐๘ ซึ่งเราจัดกันมาทุกปีไม่มีขาดตลอดระยะเวลา ๒๐ กว่าปีมาแล้ว ความผูกพันในเรื่องรุ่นยุพราชเป็นความผูกพันที่แน่นเหนียวมาก วัยเด็กเรามีอะไรที่ประทับใจไม่รู้ลืมพวกเราจำคำขวัญของโรงเรียนและถือปฏิบัติกันมาจนทุกวันนี้ &quot;ชั่วดีอย่างไรเราต้องรักกัน&quot;<br /><br />ปีนี้ท่าน รศ.สุบิน แก้วยัง อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัทร์รับเป็นเจ้าภาพ ผมชื่นชมท่านสุบิน มาก ๆ ชื่นชมจนอดใจไม่ไหวที่จะนำสิ่งที่ท่านได้กระทำให้กับรุ่นนำมาเผยแพร่ให้ผู้อื่นได้รับทราบ หวังใจว่าสิ่งที่ผมจะนำเสนอต่อไปนี้คงจะได้ประโยชน์ตลอดจนแนวทางสำคัญ ๆ นำไปใช้ในชีวิตประจำวันบ้างและขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเป็นกำลังใจครับ.
เช้าวันที่ ๑๘ พ.ย.๖๐ เรา(ผมและคุณนาย)เดินทางออกจากบ้านปากกอง สารภี มุ่งตรงสู่เขื่อนสิริกิตต์ จ.อุตรดิตถ์ เพื่อร่วมงานพบปะสังสรรค์รุ่นยุพราช ๐๘ ซึ่งเราจัดกันมาทุกปีไม่มีขาดตลอดระยะเวลา ๒๐ กว่าปีมาแล้ว ความผูกพันในเรื่องรุ่นยุพราชเป็นความผูกพันที่แน่นเหนียวมาก วัยเด็กเรามีอะไรที่ประทับใจไม่รู้ลืมพวกเราจำคำขวัญของโรงเรียนและถือปฏิบัติกันมาจนทุกวันนี้ "ชั่วดีอย่างไรเราต้องรักกัน"

ปีนี้ท่าน รศ.สุบิน แก้วยัง อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัทร์รับเป็นเจ้าภาพ ผมชื่นชมท่านสุบิน มาก ๆ ชื่นชมจนอดใจไม่ไหวที่จะนำสิ่งที่ท่านได้กระทำให้กับรุ่นนำมาเผยแพร่ให้ผู้อื่นได้รับทราบ หวังใจว่าสิ่งที่ผมจะนำเสนอต่อไปนี้คงจะได้ประโยชน์ตลอดจนแนวทางสำคัญ ๆ นำไปใช้ในชีวิตประจำวันบ้างและขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเป็นกำลังใจครับ.
IMG_1708.JPG (204.11 KiB) เข้าดูแล้ว 259 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
NOKNICE
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 10311
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 11:33
team: ไร้สังกัด,ปั่นตามใจตรู
Bike: MERIDA MATT 40D(ของแฟน),Trek8500 , Storck G2

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย NOKNICE »

สวัสดีครับลุงแดง ลุงเนตรและทุกท่าน

ขอบคุณครับลุง จริงๆผมคิดไว้นานมากแล้วครับกับการเดินทางโดยปั่นคนเดียว เรื่องการซ่อมแซมจักรยานก็พอได้ เรื่องราวความเสี่ยงบนท้องถนนมันก็มีทุกวิธีของการเดินทาง ขอให้ไม่ประมาท หรือถ้าเกิดเหตุจริงมันก็คงเป็นไปตามกรรม ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ อย่างที่ลุงเนตรหรือชาวทัวริ่งบางท่านเองก็ชอบที่จะเดินทางคนเดียว

แต่ผมชื่นชมป้านะครับ เห็นทุกทริปที่ ลุงไปไหน ป้าไปด้วย ยอดหญิงจริงๆครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »




:) :D อรุณสวัสดิ์ครับ ท่านที่เคารพทุกท่าน ก่อนที่จะไปเยี่ยมชมเขื่อนสิริกิตต์ขอเรียนเชิญทุกท่านเข้าไปคลิกชม วีดีโอแนะนำเมืองอุตรดิตถ์เพื่อให้ทราบความเป็นมาก่อนนะครับ เมืองอุตรดิตถ์เป็นเมืองผ่านจริง ๆ แต่ถ้าใครฉุกใจคิดสักนิดนึงยืนยันเมืองอุตรดิตถ์ เป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวมาก ๆ มีสถานโบราณให้เยี่ยมชมชนิดไม่เบื่อกันเลย ฝากไว้นะครับไปเที่ยวอุตรดิตถ์กันเถอะครับ

"แต่ผมชื่นชมป้านะครับ เห็นทุกทริปที่ ลุงไปไหน ป้าไปด้วย ยอดหญิงจริงๆครับ" ขอบคุณหลานนกมากครับที่ชื่นชมป้า กว่าจะมีวันนี้ได้ก็ปล้ำฝึกกันนานนับปีทีเดียว ผู้หญิงกับทัวร์ริ่งถ้าไม่ใจเด็ดจริง ๆ คงยากมาก ๆ ปัญหาสำคัญคือ "ความสวยความงาม" กว่าจะข้ามพ้นจุดนี้ได้ต้องอดทนอดกลั้นจริง ๆ มีข้อแนะนำครับสำหรับคนที่อยากจะพาคู่ของตัวเองออกปั่นด้วย ต้องใจเย็น ๆ ค่อย ๆ นำพาออกทริปสั้น ๆ บ่อย ๆ จนซึมซับและเห็นประโยชน์ของการปั่นจักรยานอย่างแท้จริง ก็จะง่ายขึ้น อย่าใจร้อน หงุดหงิด รำคาญเป็นอันขาด ใช้วิชา "ตามใจ เข้าใจ" ตามใจคือคุณจะทำอะไรอย่างไรที่ไหนเมื่อไหร่ โอเคหมด เข้าใจคือ สรีระผู้หญิงพื้นฐานถูกสร้างมาให้ อ้อน แอ้น อรชร งดงามไม่บึกบึนเหมือนชาย ดังนั้นเราทำอะไรได้ก็อย่าไปคิดว่าผู้หญิงเขาจะทำได้ ต้องให้อภัย อนุโลม ช่วยเหลือทุกขั้นตอน สรุปทำทุกวิถีทางให้คุณเธอมีความสุขเมื่อได้ไปปั่นกับเรา

มีอีกคนที่ผมไม่สามารถนำเธอมาปั่นได้จนทุกวันนี้ คือ น้องม่อย คุณเธอไม่เอาขริง ๆ ยังรักสวยรักงามมาก ๆ เรียกว่าจนใจจริง ๆ เห็นแล้วนะครับว่าจะพาคุณผู้หญิงสักคนออก จักรยานทัวร์ริ่ง มันไม่ง่าย สำหรับผมแล้วถือว่า โชคดีมาก ๆ ผมจะบอกคุณนายผมว่า "ถ้าคุณไม่ปั่น ผมจะบินเดี่ยวนะ" ซึ่งจุดนี้ไม่น่าจะใช่เหตุ-ผล ที่ทำให้คุณนายยอมมาปั่น เหตุผลหลักน่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ ปั่นจักรยานนาน ๆ โรคต่าง ๆ ที่เคยเป็นเช่น ภูมิแพ้ เจ็บออด ๆ แอด ๆ คุณนายไม่เป็นเลย ปัจจุบันคุณเธอแข็งแรงมากครับ อยากเชิญชวนทุกท่านให้พาแม่บ้านออกมาปั่นจักรยานกันเถอะครับ เพื่อสุขภาพที่ดีครับ :lol: :lol:
ไฟล์แนบ
เลี้ยงรุ่นยว (17).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (17).JPG (257.56 KiB) เข้าดูแล้ว 251 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (18).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (18).JPG (191.08 KiB) เข้าดูแล้ว 251 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (20).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (20).JPG (216.2 KiB) เข้าดูแล้ว 251 ครั้ง
รศ.สุบิน แก้วยัง เจ้าภาพงานเลี้ยงปีนี้ ท่านจัดได้ดีมาก ๆ ทุกขั้นตอนใส่ใจหมด เพื่อน ๆ ชื่นชมกันมาก
รศ.สุบิน แก้วยัง เจ้าภาพงานเลี้ยงปีนี้ ท่านจัดได้ดีมาก ๆ ทุกขั้นตอนใส่ใจหมด เพื่อน ๆ ชื่นชมกันมาก
เลี้ยงรุ่นยว (21).JPG (243.62 KiB) เข้าดูแล้ว 251 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (22).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (22).JPG (274.92 KiB) เข้าดูแล้ว 251 ครั้ง
ท่าน พ.อ.เผด็จ หัสดิเสวี แสดงความขอบคุณศรีภรรยา ที่ช่วยเป็นธุระต่าง ๆ ในการช่วยเหลือรุ่นด้วยการรับเป็นผู้ช่วยในการลงทะเบียน เพื่อน ๆ แซว ทหารมีระเบียบปฏิบัติต่อภรรยาได้น่ารักมาก ๆ สนุกสนานกันตามภาษาเพื่อนครับ
ท่าน พ.อ.เผด็จ หัสดิเสวี แสดงความขอบคุณศรีภรรยา ที่ช่วยเป็นธุระต่าง ๆ ในการช่วยเหลือรุ่นด้วยการรับเป็นผู้ช่วยในการลงทะเบียน เพื่อน ๆ แซว ทหารมีระเบียบปฏิบัติต่อภรรยาได้น่ารักมาก ๆ สนุกสนานกันตามภาษาเพื่อนครับ
เลี้ยงรุ่นยว (23).JPG (259.44 KiB) เข้าดูแล้ว 251 ครั้ง
แม่บ้านชุดแรกที่มาถึงก็ต้องทำหน้าที่ในการต้อนรับพรรพวกและช่วยแม่บ้านท่าน รศ.สุบิน ดำเนินการลงทะเบียน แจกจ่ายห้องพักเอกสาร ของชำร่วยต่าง ๆ
แม่บ้านชุดแรกที่มาถึงก็ต้องทำหน้าที่ในการต้อนรับพรรพวกและช่วยแม่บ้านท่าน รศ.สุบิน ดำเนินการลงทะเบียน แจกจ่ายห้องพักเอกสาร ของชำร่วยต่าง ๆ
เลี้ยงรุ่นยว (26).JPG (227.09 KiB) เข้าดูแล้ว 251 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (27).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (27).JPG (327.35 KiB) เข้าดูแล้ว 251 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (30).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (30).JPG (215.95 KiB) เข้าดูแล้ว 251 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (31).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (31).JPG (339.71 KiB) เข้าดูแล้ว 251 ครั้ง
เพื่อน ๆ เริ่มทะยอยมาถึงสถานที่จัดงาน ก่อนอื่นก็ต้องมาลงทะเบียน เสร็จก็จะไปกินข้าวมื้อเที่ยงซึ่ง ท่าน รศ.สุบิน ฯ จัดเตรียมเป็นอาหารเบา ๆ ไว้ต้อยรับให้ทางร้านอาหารจัดก๊วยเตี๋ยวสนับสนุน สำหรับผมและคุณนายต้องสั่งพิเศษ เป็นอาหารมังสวิรัติ ซึ่งทางร้านเขาก็ทำได้ อร่อยด้วย
เพื่อน ๆ เริ่มทะยอยมาถึงสถานที่จัดงาน ก่อนอื่นก็ต้องมาลงทะเบียน เสร็จก็จะไปกินข้าวมื้อเที่ยงซึ่ง ท่าน รศ.สุบิน ฯ จัดเตรียมเป็นอาหารเบา ๆ ไว้ต้อยรับให้ทางร้านอาหารจัดก๊วยเตี๋ยวสนับสนุน สำหรับผมและคุณนายต้องสั่งพิเศษ เป็นอาหารมังสวิรัติ ซึ่งทางร้านเขาก็ทำได้ อร่อยด้วย
เลี้ยงรุ่นยว (33).JPG (222.51 KiB) เข้าดูแล้ว 251 ครั้ง
ธงประจำโรงเรียน เราจะมอบต่อสำหรับผู้ที่จะรับเป็นเจ้าภาพในครั้งต่อไป
ธงประจำโรงเรียน เราจะมอบต่อสำหรับผู้ที่จะรับเป็นเจ้าภาพในครั้งต่อไป
เลี้ยงรุ่นยว (34).JPG (226.87 KiB) เข้าดูแล้ว 251 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (36).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (36).JPG (241.57 KiB) เข้าดูแล้ว 251 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (38).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (38).JPG (229.85 KiB) เข้าดูแล้ว 251 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (39).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (39).JPG (127.57 KiB) เข้าดูแล้ว 251 ครั้ง
เลี้ยงรุ่นยว (40).JPG
เลี้ยงรุ่นยว (40).JPG (131.21 KiB) เข้าดูแล้ว 251 ครั้ง
รศ.สุบิน แนะนำพวกเราเกี่ยวกับสถานที่ ๆ เรามาเยี่ยมชม ก่อนการดำเนินการบรรยายสรุปการดำเนินงานของเขื่อยสิริกิตต์
รศ.สุบิน แนะนำพวกเราเกี่ยวกับสถานที่ ๆ เรามาเยี่ยมชม ก่อนการดำเนินการบรรยายสรุปการดำเนินงานของเขื่อยสิริกิตต์
เลี้ยงรุ่นยว (41).JPG (150.55 KiB) เข้าดูแล้ว 251 ครั้ง
เข้าสู่พิธีการต้อนรับของเขื่อน เจ้าหน้าที่กล่าวต้อนรับพวกเรา ก่อนที่จะเริ่มฟังและดูงานต่อไป
เข้าสู่พิธีการต้อนรับของเขื่อน เจ้าหน้าที่กล่าวต้อนรับพวกเรา ก่อนที่จะเริ่มฟังและดูงานต่อไป
เลี้ยงรุ่นยว (44).JPG (174.66 KiB) เข้าดูแล้ว 251 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
NOKNICE
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 10311
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 11:33
team: ไร้สังกัด,ปั่นตามใจตรู
Bike: MERIDA MATT 40D(ของแฟน),Trek8500 , Storck G2

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย NOKNICE »

สวัสดีครับลุงแดงและทุกท่าน
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D อรุณสวัสดิ์ครับ การดูงานที่เขื่อนสิริกิตต์เป็นการทบทวนความรู้ของพวกเรา ได้รับฟังคำบรรยายสรุปจากเจ้าหน้าที่เขื่อน ท่าน ธรรมศักดิ์ หิรัญ ที่บรรยายได้ละเอียดสนุกสนาน น่าสนใจกิจกรรมที่ดี ๆ ที่เขื่อนได้มอบให้กับชุมชน การอยู่ร่วมกันของเขื่อนและชุมชน การดูแลรักษาป่าตลอดจนการสนับสนุนด้านการศึกษา ความเป็นอยู่ของชุมชน ไม่น่าเชื่อว่าเขื่อนได้มีคุณูปการกับชาวบ้านอย่างมากมาย หลังการบรรายสรุปจบได้มีการตอบข้อซักถาม มอบของที่ระลึกให้กับผู้แทนเขื่อนโดยท่าน พ.อ.เผด็จ หัสดิเสวี ประธานรุ่นยุพราช ๐๘ ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกร่วมกัน นอกจากบรรยายสรุปแล้วท่านยังได้พาไปชมกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้า ดูเครื่องจักรยักษ์ที่ทำงานผลิตกระแสไฟ หลายท่านรวมทั้งแม่บ้านที่ยังไม่เคยเห็นก็ตื่นตาตื่นใจเป็นธรรมดา :lol: :lol:




:) :D เขื่อนสิริกิติ์
เป็นเขื่อนดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยก่อสร้างขึ้น ตามโครงการพัฒนา ลุ่ม น้ำน่าน เดิมชื่อ "เขื่อนผาซ่อม" ต่อมาได้รับพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระนามาภิไธย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถขนานนามว่า "เขื่อนสิริกิติ์" เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2511 ก่อสร้างขึ้น ปิดกั้นแม่น้ำน่าน ณ บริเวณเขาผาซ่อม ตำบลผาเลือด อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ อยู่ห่างจากตัวเมืองอุตรดิตถ์ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 58 กิโลเมตร

แม่น้ำน่าน

นับเป็นลำน้ำสาขาสำคัญสายหนึ่งของแม่น้ำเจ้าพระยา มีต้นกำเนิดจากดอยภูแว ในเทือกเขา หลวงพระบาง ซึ่งเป็นเส้นกั้นพรมแดนกับประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว ในเขตท้องที่อำเภอปัว จังหวัดน่าน ลำน้ำน่านตอนต้นไหลไปทางทิศเหนือ คดเคี้ยวไปทางทิศตะวันตก แล้วไหลผ่านอำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ในช่วงนี้จะมีที่ราบริมฝั่งแม่น้ำ ติดต่อกันจนถึง อำเภอสา จังหวัดน่าน แต่ก็เป็นที่ราบแคบ ๆ จากนั้น แม่น้ำน่านจะไหลผ่านหุบเขา ในเขตพื้นที่อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน เข้าเขตอำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ แล้วไหล ไปทางทิศใต้ ผ่านจังหวัด อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร ไปบรรจบกับแม่น้ำยม ที่อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ แล้วไหลรวมกับแม่น้ำปิง ที่ตำบลแควใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ เป็นแม่น้ำเจ้าพระยาต่อไปโดยมีความยาวตลอดลำน้ำถึง 615 กิโลเมตร ซึ่งนับว่ายาวที่สุด ในบรรดาแควต้นน้ำเจ้าพระยาด้วยกัน และมีพื้นที่ลุ่มน้ำถึง 33,130 ตารางกิโลเมตรที่ราบสองฝั่ง แม่น้ำน่าน ตั้งแต่จังหวัดอุตรดิตถ์ลงมาจำนวน 1,800,000 ไร่ ในเขตชลประทานพิษณุโลก นับว่าเป็นทุ่งราบที่สำคัญแห่งหนึ่งในประเทศ และเหมาะแก่การเกษตรกรรมอย่างยิ่ง ซึ่งแต่ก่อน มักถูกน้ำท่วม เป็นประจำเพราะไม่มีระบบควบคุมน้ำ รัฐบาลจึงได้มีการวางแผนพัฒนา ลุ่มน้ำน่านขึ้นมา 3 ระยะ คือ

ระยะที่ 1 ก่อสร้างเขื่อนสิริกิติ์ขึ้นเพื่อกักเก็บน้ำไว้ในอ่างสำหรับประโยชน์ ทางด้านการชลประทาน และการผลิตกระแสไฟฟ้า

ระยะที่ 2 ก่อสร้างเขื่อนนเรศวรขึ้นที่บ้านหาดใหญ่ อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก เป็นเขื่อนทดน้ำ พร้อมทั้งก่อสร้างระบบส่งน้ำสำหรับพื้นที่สองฝั่งในอำเภอพรหมพิราม อำเภอเมือง อำเภอบางระกำ และ อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก กับอำเภอสามง่าม อำเภอเมือง และอำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร รวมพื้นที่ประมาณ 678,000 ไร่ โครงการระยะที่ 2 นี้ ได้เริ่มงานก่อสร้างเบื้องต้น เมื่อ พ.ศ.2512 แล้วเสร็จปี พ.ศ.2527

ระยะที่ 3 ก่อสร้างเขื่อนอุตรดิตถ์ที่บ้านผาจุก อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อทดน้ำ และมีระบบส่งน้ำ สำหรับพื้นที่สองฝั่งอำเภอเมือง อำเภอลับแล อำเภอตรอน และ อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ กับอำเภอพรหมพิราม อำเภอวัดโบสถ์ อำเภอเมือง อำเภอวังทอง และ อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก รวมพื้นที่ประมาณ 873,000 ไร่ โครงการระยะที่ 3 นี้ ยังไม่ได้ดำเนินการ แผนพัฒนาลุ่มน้ำน่านนี้ เป็นการวางแผนที่จะนำน้ำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ อย่างเต็มที่ จึงได้วางแผนให้เกี่ยวโยงกันทั่วลุ่มน้ำคือตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ กำหนดระบบวิธีจัดเก็บ และการใช้น้ำ ให้เกิดประโยชน์หลายๆอย่าง รวมทั้งได้กำหนดขั้นตอนของการพัฒนา ให้เหมาะสมกับภาวะท้องที่เป็นระยะๆไป โดยท้องที่ส่วนใหญ่ของทุ่งราบสองฝั่งแม่น้ำน่าน มักถูกน้ำท่วมเป็นประจำ การพัฒนา จึงต้องสร้างเขื่อนเก็บน้ำขึ้น ก่อนที่จะสร้างเขื่อนทดน้ำ และระบบส่งน้ำ เพราะหากก่อสร้างเขื่อนทดน้ำและระบบส่งน้ำก่อน น้ำที่ท่วมนองนอกจาก จะยังความเสียหายให้แก่การเพาะปลูกเช่นเดิมแล้ว ยังทำความเสียหายให้แก่งานก่อสร้างเขื่อน ทดน้ำและระบบส่งน้ำ อีกด้วย ดังนั้นจึงได้มีการก่อสร้างเขื่อนสิริกติ์ซึ่งเป็นเขื่อนเก็บน้ำ ขึ้นก่อนเขื่อนอื่นๆ

การดำเนินการก่อสร้าง


การก่อสร้างเขื่อนสิริกิติ์ได้แบ่ง งานออกเป็นสองส่วนคือ ส่วนตัวเขื่อนและองค์ประกอบกับส่วนโรงไฟฟ้าและองค์ประกอบ การก่อสร้างตัวเขื่อน และองค์ประกอบ ดำเนินการ โดยกรมชลประทาน งานด้านนี้เป็นการก่อสร้างถนน เข้าหัวงาน ท่าเทียบเรือ งานเปิดหน้าดิน งานก่อสร้าง ตัวเขื่อน อุโมงค์ผันน้ำ อุโมงค์ส่งน้ำลงแม่น้ำ อุโมงค์ส่งน้ำเข้าเครื่องกังหันน้ำ อาคารรับน้ำอุโมงค์ระบายน้ำล้น งานขุดดินและหินบริเวณฐานราก ของโรงไฟฟ้า งานก่อสร้างตัวเขื่อนและองค์ประกอบได้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2511 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จ พระราชดำเนินไปทรงวางศิลาฤกษ์เขื่อนสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2514 งานก่อสร้างตัวเขื่อนและองค์ประกอบได้แล้วเสร็จเมื่อปี 2515

การก่อสร้างโรงไฟฟ้าและองค์ประกอบ ดำเนินการโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย งานด้านนี้ ได้เริ่มตั้งแต่ปี 2511 โดยดำเนินการก่อสร้างสายส่งแรงสูง 115 กิโลโวลต์ ระหว่างอุตรดิตถ์กับเขื่อนสิริกิติ์ ก่อสร้างโรงไฟฟ้าและติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้างานวางท่อเหล็ก นำน้ำเข้าโรงไฟฟ้า และงานก่อสร้างสายส่งแรงสูง 230 กิโลโวลต์ ช่วงเขื่อนสิริกิติ์-พิษณุโลก พร้อมกันนี้ ได้ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าเขื่อนสิริกิติ์ รวม 3 ชุด กำลังผลิตชุดละ 125,000 กิโลวัตต์ รวมกำลังผลิต 375,000 กิโลวัตต์

โรงไฟฟ้าและองค์ประกอบได้แล้วเสร็จเมื่อปี 2517 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดเขื่อนสิริกิติ์ และโรงไฟฟ้าอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2520 หลังจากงานก่อสร้างตัวเขื่อน และโรงไฟฟ้า เสร็จเรียบร้อยแล้วกรมชลประทาน ได้มอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย รับผิดชอบในการควบคุมดูแลรักษาเขื่อน (เครดิตโดย..การไฟฟ้าฝ่านผลิตแห่งประเทศไทย)
ไฟล์แนบ
IMG_1713.JPG
IMG_1713.JPG (110.5 KiB) เข้าดูแล้ว 239 ครั้ง
IMG_1714.JPG
IMG_1714.JPG (141.23 KiB) เข้าดูแล้ว 239 ครั้ง
IMG_1715.JPG
IMG_1715.JPG (141.8 KiB) เข้าดูแล้ว 239 ครั้ง
IMG_1716.JPG
IMG_1716.JPG (144.96 KiB) เข้าดูแล้ว 239 ครั้ง
IMG_1717.JPG
IMG_1717.JPG (112.52 KiB) เข้าดูแล้ว 239 ครั้ง
IMG_1718.JPG
IMG_1718.JPG (127.04 KiB) เข้าดูแล้ว 239 ครั้ง
พ.อ.เผด็จ หัสดิเสวี ย.ว.๖๗๖๖ มอบของที่ระลึกให้กับตัวแทนเขื่อนผู้บรรยายสรุป
พ.อ.เผด็จ หัสดิเสวี ย.ว.๖๗๖๖ มอบของที่ระลึกให้กับตัวแทนเขื่อนผู้บรรยายสรุป
IMG_1720.JPG (140.1 KiB) เข้าดูแล้ว 239 ครั้ง
IMG_1722.JPG
IMG_1722.JPG (146.45 KiB) เข้าดูแล้ว 239 ครั้ง
IMG_1724.JPG
IMG_1724.JPG (157.49 KiB) เข้าดูแล้ว 239 ครั้ง
IMG_1725.JPG
IMG_1725.JPG (156.4 KiB) เข้าดูแล้ว 239 ครั้ง
IMG_1727.JPG
IMG_1727.JPG (206.59 KiB) เข้าดูแล้ว 239 ครั้ง
IMG_1756.JPG
IMG_1756.JPG (263.98 KiB) เข้าดูแล้ว 239 ครั้ง
IMG_1757.JPG
IMG_1757.JPG (182.26 KiB) เข้าดูแล้ว 239 ครั้ง
IMG_1758.JPG
IMG_1758.JPG (162.8 KiB) เข้าดูแล้ว 239 ครั้ง
IMG_1762.JPG
IMG_1762.JPG (171.11 KiB) เข้าดูแล้ว 239 ครั้ง
IMG_1763.JPG
IMG_1763.JPG (165.52 KiB) เข้าดูแล้ว 239 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
ลุงเนตร
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 19852
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
Tel: 0898133936
team: อิสระ
Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
ติดต่อ:

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย ลุงเนตร »

..สวัสดีครับ น้องแดง - หลานนก - และทุกท่าน

..ขอบคุณมาก สำหรับสิ่งดี ๆ ที่นำมาให้ไว้ ณ ที่นี้.
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
ตอบกลับ

กลับไปยัง “คุยนอกเรื่องใดๆ ที่ไม่เกี่ยวกับจักรยาน”