*.."ลุงเนตรคุย" - "เชิญ..คุยกับลุงเนตร".."..(บันทึกเพื่อความทรงจำ).."..*

ลุงเนตร

..บันทึกการเดินทางวันที่ ๕ ส.ค.๖๐ = อช.หมู่เกาะเภตรา - อ.มะนัง จ.สตูล

..๐๕.๐๐ น. ตื่น ณ ที่ทำการ อช.หมู่เกาะเภตรา บริหารฯ และซิทอัพ ๕๐ ครั้ง อาบน้ำ แต่งตัว

..๐๗.๐๐ น. ล้อหมุน ออกเดินทางจาก อช. แวะทานข้าวหมกไก่ ร้านชาวบ้านข้างทาง ก่อนถึงตลาด อิ่มแล้ว เดินทางต่อไปผ่านโรงเรียน? มุ่งไปทาง จ.สตูล สักประมาณ ๑๘ ก.ม. เลี้ยวซ้ายสามแยกไฟแดง มีป้ายบอก อ.มะนัง ๒๔ ก.ม. ปั่นไปจนพบป้ายบอกเหลืออีก ๑๖ ก.ม. ถึง อ.มะนัง หยุดพักในวัดประมาณ ๓๐ นาที กินขนมที่ซื้อมาจากร้านข้าวหมกไก่ แล้วปั่นต่อ

..ปั่นเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ไปตามป้ายบอก อ.มะนัง ไปเรื่อย ๆ ช่วงก่อนถึง ๑๐ ก.ม. มีเนินให้หนักน่อง หลายเนิน มีหนุ่ม ๒ คน ขี่รถเครื่องปะกบคุยด้วย ช่วยให้เพลิน (ทราบภายหลังว่าปั่นจักรยานอยู่เหมือนกัน)
คนหนึ่งชื่ออ๊อด ชวนให้ไปนอนที่เขาทำงาน อบต.ปาล์มพัฒนา ปั่นผ่านบ้านเขา ตรงเหลืออีก ๑๐ ก.ม.ถึง อ.มะนัง เขาไม่แวะบ้าน ขี่พาไปพักที่ อบต. ถ่ายภาพร่วมกันที่หน้าที่ทำการอำเภอมะนัง แล้วพาไปที่ อบต. พบรองปลัด แนะนำ ปลัดให้พักที่อาคารของพนักงาน EMS หรือ 1669 รถกู้ชีพของ อบต.
เป็นห้องเฉพาะ ห้องน้ำ ห้องส้วม อยู่ใกล้ ๆ สะดวก สบาย ระดับหนึ่ง พนักงานใจดี คุยด้วย ชวนทานอาหาร

..บ่ายโมง นั่งซ้อนท้ายรถเครื่องหลานอ๊อด ไปทานมื้อกลางวันร้านอาหารตามสั่ง หลานอ๊อด จะเลี้ยง แย่งออกก่อน บอกเขาว่า ช่วยอนุเคราะห์ที่พักก็เป็นคุณมากมายแล้ว อิ่มแล้ว กลับที่พัก พักผ่อน นอนหลับ

..๑๘.๐๐ น. ปั่นไปหา บังโหลด ที่รีสอร์ท ครูเทพ ๓ ก.ม. พบปะพูดคุย ดื่ม ทาน

..๒๑.๐๐ น. บังโหลด บังโหลด ขับรถส่งกลับที่พัก พร้อมรถจักรยาน ขอบคุณมากครับ

..๒๑.๓๐ น. นอน สวดมนต์ หลับ.

ลุงเนตร

..ภาพของวันที่ ๕ ส.ค.๖๐ ต่อ..

ลุงเนตร

..บันทึกการเดินทาง วันที่ ๖ ส.ค.๖๐ = อ.มะนัง - อ.หาดใหญ่
111 ก.ม.

.๐๗.๐๐ น. ล้อหมุนปั่นออกจาก อบต.ปาล์มพัฒนา ปั่นไปตามถนนเมนท์หลัก มีป้ายบอกไปหาดใหญ่ ตลอดทุกทางแยก ๑๐ ก.ม.แรก เนินมาก พ้นจากนั้นนาน ๆ เนิน ปั่นได้ ๒๕ ก.ม. ถึง อ.ควนกาหลง แวะซื้อน้ำแข็ง ๗-๑๑ ซื้อข้าวกล่อง ไปนั่งทานมื้อเช้าที่ศาลาคอยรถประจำทาง หนทางยาวไกล ถนนเรียบ ทางไม่ราบ เนินหลังเต่่า ยาวบ้าง สั้นบ้าง ขึ้น ๆ ลง ๆ ไปตามถนนหมายเลข ๔๐๑๐ - ๔๑๓๗ - ๔๐๖ (สตูล - หาดใหญ่) ถึงสามแยกตรงนี้ ป้ายบอกอีก ๗๑ ก.ม.ถึงหาดใหญ่ ปั่นต่อไปอีกจนบ่ายโมง เหลืออีก ๖๐ ก.ม.ถึงหาดใหญ่ หยุดพักปากทางแยกเข้าซอยบ้านหลังเขา ทานข้าวกล่องที่ซื้อติดมา ทานเงาะที่ชาวบ้านหยุดทักทายแล้วหยิบเงาะจากรถให้ อิ่มแล้วโทร.หาท่านบังดล ได้คุยและนัดแนะพบกัน แล้วออกเดินทางต่อ ไปได้สักพัก ไม่กี่ ก.ม. พบท่านบังดล และครอบครัว หยุดรถดักถ่ายรูป ทักทาย แล้วแยกกัน ท่านมีธุระที่จะต้องไปทำอีก ปั่นต่อไปเรื่อย ๆ ตามถนน ๔๐๖ เหลืออีก ๕๐ ก.ม. จนถึงทางแยกสายเก่า เข้า อ.หาดใหญ่ ถนนหมายเลข 4287 ปั่นแยกเข้าทางขวา ป้ายบอก หาดใหญ่ ๓๔ ก.ม.(ถ้าจำไม่ผิด) ถนนสองเลน ไหล่ทางประมาณ ๒ ศอก ต้นไม้ร่มอยู่ช่วงแรก ๆ กลาง ๆ ปลาย ๆ ไม่มีต้นไม้ ก่อนถึงหาดใหญ่ใน ๑๕ ก.ม. หมดแรงขา ไม่มีแรงกด ต้องพักบ่อย ให้น้ำ ให้ขนม แล้วปั่นไปเรื่อย ๆ ผ่านสี่แยกไฟแดงแรก..ไฟแดงที่สอง ผ่านที่ทำการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหาดใหญ่ (ที่ท่านบังดลทำงานอยู่ วันนี้หยุด) ปั่นต่อไปจนถึงตรงข้ามอำเภอหาดใหญ่ ตามที่ท่านบังดล บอกให้เข้าซอยหาโรงแรมพัก ถามคนขับรถเครื่องรับจ้าง บอกทางให้ไปที่โรงแรม "ไทยโอเตล" ราคาถูกสองสามร้อยบาท จึงไปตามที่เขาบอก ชั้น ๒ ห้องพัดลม ราคา ๒๘๐ บาท (เอาจักรยานขึ้นไปไม่ได้ ไม่มีลีฟ) ชั้นล่าง ห้องแอร์ ๔๘๐.- บาท เอาจักรยานไว้ในห้องได้ สดวกกว่าชึ้นสอง จึงเข้าพักห้องแอร์ชั้นล่าง สะดวก สบาย

..๑๘.๓๐ น. ตั้งวง โซ้ย ซวด ซี๊ด ในห้อง กับอาหารและเครื่องดื่มที่เตรียมมาจากข้างนอกแล้ว สุดสุข ซี๊ด ซ๊าด ซาบ ซ่า

..๒๐.๐๐ น. นอน สวดมนต์ หลับ.

ลุงเนตร

..รูปภาพ ของวันที่ ๖ ส.ค.๖๐ (ต่อ)..

ลุงเนตร

..บันทึก การเดินทาง วันที่ ๗ ส.ค.๖๐ = โรงแรมไทยโอเตล -
น้ำตกโตนงาช้าง ระยะทางสายหลัก ๔๒๘๗ ย้อนกลับไปทางที่มาเมื่อเย็นวานนี้ ๑๓ ก.ม. แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีก ๑๓ ก.ม. (แต่ความเป็นจริงตามไมล์ติดรถ มากกว่านั้น คงเป็นช่วงสุดท้ายจากประตูทางเข้าน้ำตก ไปถึงลานจอดรถกระมัง)

..๐๖.๐๐ น. ตื่น บริหารฯ และซิทอัพ ๕๐ ครั้ง

..๐๙.๐๐ น. ออกจากห้อง ติดต่อแคชเชียร์โรงแรม อยู่ต่ออีกคืน จ่ายเงิน แล้วปั่นออกไปกดเงิน ธ.กรุงไทย ปากซอย แล้วย้อนเข้าซอยนิด มีร้านข้าวแกง มีกับข้าวมากมายหลายอย่าง สั่งผัดเผ็ดปลาดุกราดข้าวมาทาน งั้น ๆ พอทานได้ อิ่มแล้ว เท้าถึบ ล้อหมุน มุ่งไปเที่ยวชม น้ำตกโตนงาช้าง ที่ติดค้างคาใจมานานนับสิบปี

..๑๑.๓๐ น. ถึง ล๊อครถไว้กับเสาศาลาพักผ่อน แล้วเดินเข้าไปที่น้ำตกชั้นที่ ๑ สวยงามตามท้องเรื่อง พอดูได้ ดังภาพ ต้องเดินท่องลงน้ำเดินออกไปหามุมถ่ายภาพจนช่ำใจ เสี่ยงกับการล้ม สัมภาระกล้องมือถือและกระเป๋าตังเปียก ก็ต้องเสี่ยง ค่อย ๆ เดิน โดยไม่ถอดรองเท้า KEEN แล้วจึงปิดโทรศัพท์ ใส่กระเป๋าเป้ วางไว้บนโขดหิน แช่น้ำตกเย็นฉ่ำร่างกาย คลายกล้ามเนื้อ สักพัก จึงขึ้นเดินกลับไปที่รถ แล้วปั่นกลับ ระหว่างทางแวะซื้อทุเรียนชาวบ้าน เป็นทุเรียนพื้นบ้าน ก.ก.ละ ๔๐ บาท ลูกนึงเกือบ ๓ ก.ก. แม่ค้าคิด ๑๐๐ บาท ให้แกะใส่ถุง แกะได้ดีภูเดียว นอกนั้นเสีย เขาคืนเงินให้ ๓๐ บาท ปั่นต่อออกไปจนเกือบปึงปากทางแยก แวะทานอาหารกลางวัน ร้านตามสั่ง หมูกรอบผัดกะเพราราดข้าว บอกหวานนิด ๆ จานเบ่อเร่อ ไม่น่าทานหมด แต่ก็หมด คงหิว เพราะเลยเที่ยงมานานจนบ่ายสามโมงแล้ว อิ่มแล้วตบท้ายล้างปากคอด้วยทุเรียนบ้าน ๒ เม็ด เหลือทิ้ง ไม่อร่อย

..๑๗.๓๐ กลับถึงห้องพัก นอนพักผ่อน

..๒๐.๐๐ น. รู้เสึกว่ายังอิ่มอยู่ แต่ก็กันเหนียวออกไปซื้ออาหารมาไว้ทาน ได้ไก่ทอดหาดใหญ่ ๑ ชิ้นอก ๓๐ บาท ขนม ๑ ถุง ๑๐ บาท ข้าวมันไก่ ๑ กล่อง ๔๐ บาท ยำหมูยอ ๑ ถุง ๒๐ บาท น้ำแข็ง ๑ ถุง โซดา ๑ ขวด กลับเข้าห้องโซ้ยยยยยยยย

..๒๑.๓๐ น. นอน สวดมนต์ หลับ

ลุงเนตร

..ภาพของวันที่ ๔ ส.ค.๖๐ (ต่อ)..

ลุงเนตร

""..บันทึก วันที่ ๘ ส.ค.๖๐ = วันนี้เตรียมตัวเดินทางกลับบ้าน โดยรถไฟ ขบวนยะลา - กรุงเทพฯ รถมาถึงสถานีหาดใหญ่ ๑๔.๔๕ น.

..เช้าตื่น ๐๕.๐๐ น. บริหารฯ และซิทอัพ ๕๐ ครั้ง

..๐๙.๐๐ น. เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม ปั่นไปสถานีรถไฟ แต่แวะหาเสือทรัพย์ เพื่อนชาวจักรยานหาดใหญ่ บ้านอยู่ไม่ไกลจากสถานีมากนัก และเป็นทางผ่านด้วย แม่บ้านเขาทอดกล้วยแขกขายอยู่ที่บ้าน ไปทีไรต้องได้ทานฟรีทุกที พอดีเสือทรัพย์อยู่ คุยอยู่นาน ช่วงหนึ่งฝากจักรยานจอดไว้หน้าบ้าน แล้วเดินไปตลาดกิมหยง ประมาณสัก ๕๐๐ เมตร ซื้อบ๊วยกับลูกพรุนและอินทผาลัม รวม ๕ ห่อ ๓๐๐ บาท

..๑๒.๐๐ น. ลาเสือทรัพย์ ภรรยา และแม่เสือทรัพย์ (ฝากกล้วยแขกให้อีกถุงหนึ่ง ให้แม่บ้านผมที่กรุงเทพฯทาน) ปั่นถึงหน้าสถานีแวะซื้อข้าวขาหมูและข้าวหมูแดง อย่างละกล่อง ไว้ทานมื้อกลางวันและเย็น
แล้วจูงจักรยานเข้าไปในสถานี นั่งรอเวลา หยิบกล่องข้าวหมูแดงออกมาทาน เป็นมื้อเที่ยง อร่อย อิ่ม

..๑๔.๐๐ น. ไปที่หน่วยรับ-ส่งสัมภาระ แจ้งว่าจะนำจักรยานไปกรุงเทพฯ พร้อมกับตัวเองด้วย ให้ตั๋วเขาไปทำใบรับจักรยาน เสียค่าบริการ ๙๐.- บาท หน้าห้องรับ-ส่งสัมภาระ มีพนักงานของผู้รับเหมาขนส่งสัมภาระจากห้องสัมภาระไปขึ้นโบกี้สัมภาระที่ขบวนรถไฟ แจ้งเขาว่าให้นำจักรยานไปขึ้นโบกี้สัมภาระ ขบวน ๑๗๐ ยะลา-กรุงเทพฯ ให้ด้วย เขาเรียกค่าบริการ ๒๐.- บาท แล้วจูงจักรยานพร้อมสัมภาระไปยังจุดที่โบกี้ ๑๑ ที่มากับขบวนยะลา - กรุงเทพฯ จะหยุด เป็นตรงหมู่ม้านั่งของผู้โดยสารพอดี ถอดสัมภาระทั้งหมดจากจักรยานวางไว้ แล้วจูงจักรยานไปจอดไว้ใกล้ๆหน่วยรับ-ส่งสัมภาระ บอกพนักงานว่าเอารถมาให้ไว้นำไปขึ้นโบกี้สัมภาระขบวน ๑๗๐ แล้วนะ เขารับทราบ แล้วเดินกลับไปนั่งที่กองกระเป๋าสัมภาระรอรถไฟมา

..๑๕.๐๐ น. ขบวนรถไฟยะลา - กรุงเทพฯ เคลื่อนออกจากสถานีหาดใหญ่ ได้นั่ง+นอน เลขที่ ๑๔ โบกี้ ๑๑ ด้านซ้าย แดดจ้า ลมแรง ผู้โดยสารว่าง นั่งดูวิวไปพลาง ๆ

..๑๗.๐๐ น. ถึงสถานีช่องเขา ใกล้ทุ่งสง นึกถึงชาวจักรยานชาวทุ่งสง ที่ได้มาแวะเยี่ยมเยียนแต่ตอนขามาเมื่อวันที่ ๒๑-๒๒ ส.ค. แจ้งเข้าไลน์กลุ่มชาวจักรยานทุ่งสง ว่าขณะนี้ถึงสถานีช่องเขาแล้ว คิดถึงชาวจักรยานทุ่งสง เมื่อรถไฟหยุดที่สถานีทุ่งสง ปรากฏว่า หลานหน่องกับหลานจูน เจ้าของร้านผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนเวิร์ด ขี่รถเครื่องมาหาพร้อมนำของฝากที่ลุงชอบมามอบให้ด้วย ขอบคุณมาก ซึ้งในน้ำใจของหลานทั้งสองจริ๊งจิง (จริง)

..๑๘.๐๐ น. หยิบกล่องข้าวขาหมูออกมาทาน เป็นมื้อเย็น อร่อย อิ่ม (ไม่ได้หยิบของฝากออกมาดื่ม หนึ่งเพราะไม่เย็น และอีกหนึ่งผิดระเบียบของ รฟท. ทั้ง ๆ ที่นั่งอยู่บนที่นอน ปิดม่านมิดชิด ไม่มีใครเห็น แต่ใจตัวเองรู้ ตาตัวเองเห็น และวันนี้ไม่เหนื่อย ไม่ได้ออกกำลัง ไม่ค่อยอยากแล)

..๒๐.๐๐ น. นอน สวดมนต์ หลับ บนรถไฟ ปู้น ปู้น กึก กัก ฯลฯ

ลุงเนตร

..บันทึก วันที่ ๙ ส.ค.๖๐ - สถานีกรุงเทพฯ - บ้าน บางนา

..๐๕.๐๐ น. ตื่น บนรถไฟ บริหารฯ นิ้ว ข้อมือ ข้อแขน ข้อขา ลูกตา ไม่ได้ซิทอัพ ที่นอนไม่เรียบ ไม่สะดวก

..๐๗.๐๐ น. รถไฟถึงสถานีราชบุรี ซื้อก๊วยเตี๋ยวแห้ง ๒ กล่อง ๒๐ บาท ทานรองท้อง รถชาติใช้ได้ อร่อยพอประมาณ ปริมาณเท่าหยิบมือ มีลูกชิ้นปลา ๑ ลูก กับอีก ๒ แผ่น เหมาะสมกับราคา ๑๐ บาท

..๐๙.๓๐ น. ลงจากรถไฟ เอากระเป๋าสัมภาระ ๔ ชิ้น กองไว้บนพื้นชานชาลา ตรงกับโบกี้ ๑๑ ที่นั่งนอนมา ท้ายขบวน เดินไปหัวขบวน ระยะทาง ๑๑ โบกี้โดยสาร ขึ้นไปบนโบกี้สัามภาระ จูงรถลงบันไดสู่พื้นชานชาลาเองคนเดียว แล้วปั่นย้อนกลับไปที่กองกระเป๋าสัมภาระ ถึงแล้วอยู่ครบ นำติดตั้งบนจักรยานเรียบร้อย

..๑๐.๐๐ น. ขึ้นคร่อมจักรยาน ออกแรงกดเท้าซ้ายขวาลงที่บันไดจักรยาน ล้อหมุนรถเคลื่อนไปข้างหน้าบนชานชาลาที่ ๒ ถึงต้นชานชาลาที่ ๑ เลี้ยวซ้ายไปริมกำแพงรั้วด้านถนนรองเมือง ปั่นย้อนขึ้นไปออกประตูด้านข้างสถานีรถไฟหัวลำโพงด้านรองเมือง ปั่นตรงไปจนถึงถนนในอาคารพาณิชย์ของจุฬา เลี้ยวขวาออกถนนพระราม ๔ แถวสะพานเหลือง เลี้ยวซ้ายไปตามถนนพระราม ๔ หยุดทานผัดไทย ที่คลองเตย ๔๐ บาท ซื้อฝากแม่บ้านห่อหนึ่งด้วย อิ่มแล้ว ปั่นต่อ ค่อย ๆ ปั่นไปเรื่อย ๆ ด้วยความระมัดระวัง ไม่รีบร้อน

..๑๑.๔๙ น. ถึงบ้าน พักผ่อน X ? นอนหลับ

..๑๘.๐๐ น. ดื่มนิด ทานหน่อย

..๒๑.๐๐ น. นอน สวดมนต์ หลับ

ลุงเนตร

..บันทึก วันที่ ๑๐ - ๑๓ ส.ค.๖๐ - ก๊อกแก๊ก ๆ อยู่บ้าน ออกกำลังกายบ้าง ไม่ได้ออกบ้าง ขี้เกียจมาก ๆ รู้สึกว่า อยู่บ้าน สบายมาก แล้วเกิดความขี้เกียจมาก ต้องใช้จิตสำนัก ประสานใจ ให้ไปออกกำลังกายเพื่อชีวิตและร่างกาย อยู่เนื่อง ๆ แย่จัง "ใจชอบสบาย" แต่ "กายชอบลำบาก" ปล่อยตามใจไม่ได้ ถ้าปล่อยนานเมื่อไร กายไม่สบาย ป่วย เมื่อนั้น แล.

ลุงเนตร

..สวัสดี เช้าวันจันทร์ ที่ ๑๔ ส.ค.๖๐ - วันหยุดชดเชย วันแม่ แม่ แม่่..บ้านบางนา ฟ้าหลัว ตื่นแต่ตีสี่ บริหารนิ้ว ข้อมือ ข้อแขน ข้อขา ลูกตา และซิทอัพแล้ว ๕๐ ครั้ง เช้านี้จะออกไปเดิน+จ๊อกกิ้ง ๑ ช.ม.นิ

..กีฬา กีฬา เป็นยาววิเศษ ออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่ป่วย

..ชีวิตที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น คือ ชีวิตที่มีค่า

..สนับสนุนให้คนดี ไม่เห็นประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง เห็นแก่ประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง เป็นผู้บริหารประเทศ

..ศึกษาหาความรู้ "แก่นของธรรมะ" มาประพฤติปฏิบัติ เพื่อมีชีวิตปกติสุข ไม่ทุกข์

..ศึกษาหาความรู้ "วิชาการทำงาน" จบแล้ว ได้ทำงาน โดยสุจริต ได้เงินเลี้ยงชีพ เลี้ยงครอบครัว

..คิดดี ทำดี ย่อมได้ดี แล.

Deang-sarapee

สวัสดีครับ พี่เนตรที่เคารพ ผมตามมาตลอดรู้สึกและสัมผัสได้กับความสุขที่พี่ได้รับ มันบอกไม่ถูกใครไม่เคยสัมผัสยากนะครับจะเข้าใจ คงมีหลายคนที่ออกจะ งุนงง ๕๕.

ผมมีเรื่องเรียนถามพี่ว่าที่น้ำตกหรือ อช.ต่าง ๆ ที่พี่ผ่านไปเขาให้เรากางเต้นท์ได้ ? ถ้าได้กางเต้นท์ช่วงกลางคืนถ้าเราทำกิจทาง จิต มันแสนจะวิเศษเลยครับ เห็นภาพแล้วอยากเดินทางสุด ๆ ล่ะครับ.

ลุงเนตร

Deang-sarapee เขียน: สวัสดีครับ พี่เนตรที่เคารพ ผมตามมาตลอดรู้สึกและสัมผัสได้กับความสุขที่พี่ได้รับ มันบอกไม่ถูกใครไม่เคยสัมผัสยากนะครับจะเข้าใจ คงมีหลายคนที่ออกจะ งุนงง ๕๕.

ผมมีเรื่องเรียนถามพี่ว่าที่น้ำตกหรือ อช.ต่าง ๆ ที่พี่ผ่านไปเขาให้เรากางเต้นท์ได้ ? ถ้าได้กางเต้นท์ช่วงกลางคืนถ้าเราทำกิจทาง จิต มันแสนจะวิเศษเลยครับ เห็นภาพแล้วอยากเดินทางสุด ๆ ล่ะครับ.

""..สวัสดี น้องแดง สาระภี ขอบคุณมากที่ติดตามกระทู้นี้ ที่มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง เป็นไปตามเหตุและปัจจัย ตอบที่ถามมาอย่างมั่นใจตามที่มีประสบการณ์ไปเที่ยวมาแล้วเกือบทั่วประเทศว่า ในสถานที่ของหน่วยงานที่ขึ้นกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพืชพันธุ์ ทุกแห่งที่เปิดให้ประชาชนเข้าไปเที่ยวชมได้ เช่นน้ำตก ทุกแห่ง ทางอุทยานมีระเบียบให้กองเต๊นท์นอนได้ บางแห่งมีเต๊นท์และเครื่องนอนให้เช่าด้วย และไม่มีสถานที่ให้เที่ยวชม เช่น สำนักป้องกันไฟป่า สำนักอนุรักษ์จัดการต้นน้ำ สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า ก็ขอนอนได้ แต่อาจจะไม่ทุกแห่ง ขึ้นอยู่กับหัวหน้าสถานที่นั้น ๆ ครับ..

Deang-sarapee

ขอบพระคุณครับพี่ ที่สอบถามเพื่อให้เกิดความมั่นใจ เพราะพวกผมชอบที่จะกางเต้นท์นอน จิบกาแฟ สวดมนต์ภาวนาตามป่าเขาอุทยานต่าง ๆ ก็ถือว่าเป็นความโชคดีของคนไทยครับ เพราะอุทยานทุกแห่งเปิดโอกาสให้ผู้คนได้สัมผัสกับบรรยากาศธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ ร่วมยืนยันกับคุณพี่อีกหนึ่งเสียงครับ