......จักรยานธุดงค์..........

ห้องนี้เทียบได้กับ "ห้องนั่งเล่น" ในกระดานเดิมนะครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4367
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D ผมไม่เคยย่อท้อต่อการที่จะตามชมส่วนที่ขาดหาย คือ ช่วงการถวายพระเพลิงจริง ผมตามในคลิปยูทูปที่มีผู้โพสต์มากมาย นั่งทั้งวัน ผมเชื่อครับว่าต้องมีปรากฏการณ์อัศจรรย์ สุดท้ายก็ได้สมปรารถนาสิ่งที่นำมาให้ชมโปรดเชื่อเถิด โลกนี้ยังมีอะไร ๆ ที่อัศจรรย์ใจอีกมากมาย ถ้าหากท่านไม่เชื่อ ขอแนะนำให้ฝึกสมาธิเข้า ฌาณ ให้ได้แล้วท่านจะทราบ แล้วท่านจะเห็นอะไรอีกมากมายที่มันเหลือเชื่อ ยังมีหลายคนไม่เข้าใจและไม่เชื่อ ในส่วนที่พระพุทธองค์ทรงกำหนดให้พระภิกษุผู้ทำอภินิหารให้เกิดปรากฏต้อง อาบัติ นั้นชอบแล้ว เพราะบุคคลที่จะสำเร็จวิชานี้นั้นหาได้ยากและไม่เป็นทางแห่งการพ้นทุกข์ พระองค์จึงไม่ทรงเป็นปลื้มและเห็นด้วย พระรูปใดกระทำถือเป็น อาบัติ (ผิด) ทันที วันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ ได้เกิดสิ่งอัศจรรย์จากธรรมชาติให้ปรากฏไม่มีผู้ใดไปทำ เป็นปรากฏการณ์ของผู้มีบุญจริง ๆ ขอให้วางใจ :) :D

:shock: :o :o :shock:
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
samran pearnok
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ธ.ค. 2009, 18:54
Tel: 053-321754
team: -
Bike: Centorion
ติดต่อ:

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย samran pearnok »

Deang-sarapee เขียน::) :D ผมไม่เคยย่อท้อต่อการที่จะตามชมส่วนที่ขาดหาย คือ ช่วงการถวายพระเพลิงจริง ผมตามในคลิปยูทูปที่มีผู้โพสต์มากมาย นั่งทั้งวัน ผมเชื่อครับว่าต้องมีปรากฏการณ์อัศจรรย์ สุดท้ายก็ได้สมปรารถนาสิ่งที่นำมาให้ชมโปรดเชื่อเถิด โลกนี้ยังมีอะไร ๆ ที่อัศจรรย์ใจอีกมากมาย ถ้าหากท่านไม่เชื่อ ขอแนะนำให้ฝึกสมาธิเข้า ฌาณ ให้ได้แล้วท่านจะทราบ แล้วท่านจะเห็นอะไรอีกมากมายที่มันเหลือเชื่อ ยังมีหลายคนไม่เข้าใจและไม่เชื่อ

ในส่วนที่พระพุทธองค์ทรงกำหนดให้พระภิกษุผู้ทำอภินิหารให้เกิดปรากฏต้อง อาบัติ นั้นชอบแล้ว เพราะบุคคลที่จะสำเร็จวิชานี้นั้นหาได้ยากและไม่เป็นทางแห่งการพ้นทุกข์ พระองค์จึงไม่ทรงเป็นปลื้มและเห็นด้วย พระรูปใดกระทำถือเป็น อาบัติ (ผิด) ทันที วันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ ได้เกิดสิ่งอัศจรรย์จากธรรมชาติให้ปรากฏไม่มีผู้ใดไปทำ เป็นปรากฏการณ์ของผู้มีบุญจริง ๆ ขอให้วางใจ :) :D


:shock: :o :o :shock:
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4367
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:idea: :idea: ๙๕.เวลาที่พบกับความพลัดพรากสูญเสีย ก็จงหยุดจิตไว้อย่างที่ได้กล่าวไว้มาแล้ว และจงยอมรับว่า นี่คือสภาวะธรรมดาที่มีอยู่ในโลก มันเป็นของที่มีอยู่ในโลกนี้มานานแล้ว ท่านจะไปตื่นเต้นเสียอกเสียใจกับมันไปทำไม? มันจะเป็นอย่างไรก็ให้มันเป็น ไม่ต้องตื่นเต้น และจงคิดให้ได้ว่า ในที่สุดแล้ว ท่านจะต้องพลัดพรากและสูญเสียแม้กระทั่งชีวิตของท่านเอง วิธีคิดอย่างนี้จะทำให้ท่านไม่เป็นทุกข์เลย

๙๖.เวลาประสบกับเรื่องที่ไม่ดี จงอย่าคิดว่า ทำไมถึงต้องเป็นเรา ? ทำไมเรื่องอย่างนี้ถึงต้องเกิดขึ้นกับเรา ? จงอย่าคิดอย่างนั้นเป็นอันขาด เพราะยิ่งคิดเท่าไหร่ ท่านก็ยิ่งเป็นทุกข์เท่านั้น ความคิดอย่างนั้นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา :idea: :idea:


:( :( ตั้งแต่วันที่ ๒๔ - ๒๙ ต.ค.ชาวไทยต้องทำใจและพยายามผ่านวิกฤตชีวิตที่หนักหน่วงพอสมควร ดีใจที่คนไทยเรายังรู้จัก กตัญญูกตเวที ซึ่งเป็นเครื่องหมายแห่งความดี ไปร่วมกันวางดอกไม้จันทร์ร่วมกันถวายพระเพลิงให้กับ พ่อหลวงในดวงใจของเรา และตลอดวันของ ๒๕ - ๒๙ ผมไม่ไปไหนเลยนั่งเฝ้าชมการถ่ายทอดพระราชพิธีอันยิ่งใหญ่ตระการตาที่ทำเพื่อพ่อหลวงเป็นครั้งสุดท้าย สมพระเกียรติมาก ๆ สิ่งที่เราร่วมกันทำจะตรึงตราตรึงใจประทับใจชาวโลกอย่างไม่มีวันลืม สำคัญที่สุดได้รับความรู้มากมายเกี่ยวกับพระราชพิธี สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ตลอดจนประวัติพระราชประวัติเรียกว่าคุ้มค่ามาก ๆ

วันนี้ที่ ๓๐ ตุลาคม ๖๐ เป็นที่กำหนดให้มีการออกจากทุกข์ ใช่ครับพวกเราอยู่ใน ทุกข์ มากันตลอดหนึ่งปี เต็ม ๆ นับแต่นี้ไปก็พยายามออกจากทุกข์กันให้ได้ มันก็ช่างมาประจวบเหมาะกับข้อธรรมในข้อที่ ๙๕,๙๖ ครับก็ขอให้พิจารณากัน จากนี้ไปเราก็มาเดินทางกันต่อ ผมอยู่ที่วัดไหล่หินเก่าได้ชมสิ่งของโบราณเยอะครับ เก็บภาพมาก็เยอะจะลงภาพให้ได้ชมกันเพลิน ๆ นะครับ :) :D
ไฟล์แนบ
ปั่นแสวงบุญ (620).JPG
ปั่นแสวงบุญ (620).JPG (217.8 KiB) เข้าดูแล้ว 231 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (621).JPG
ปั่นแสวงบุญ (621).JPG (242.58 KiB) เข้าดูแล้ว 231 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (622).JPG
ปั่นแสวงบุญ (622).JPG (230.43 KiB) เข้าดูแล้ว 231 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (623).JPG
ปั่นแสวงบุญ (623).JPG (244.27 KiB) เข้าดูแล้ว 231 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (624).JPG
ปั่นแสวงบุญ (624).JPG (281.22 KiB) เข้าดูแล้ว 231 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (625).JPG
ปั่นแสวงบุญ (625).JPG (241.11 KiB) เข้าดูแล้ว 231 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (626).JPG
ปั่นแสวงบุญ (626).JPG (322.86 KiB) เข้าดูแล้ว 231 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (640).JPG
ปั่นแสวงบุญ (640).JPG (351.09 KiB) เข้าดูแล้ว 231 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (642).JPG
ปั่นแสวงบุญ (642).JPG (222.57 KiB) เข้าดูแล้ว 231 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (643).JPG
ปั่นแสวงบุญ (643).JPG (231.71 KiB) เข้าดูแล้ว 231 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (644).JPG
ปั่นแสวงบุญ (644).JPG (222.84 KiB) เข้าดูแล้ว 231 ครั้ง
มือถือ (310).JPG
มือถือ (310).JPG (224.42 KiB) เข้าดูแล้ว 231 ครั้ง
มือถือ (313).JPG
มือถือ (313).JPG (283.63 KiB) เข้าดูแล้ว 231 ครั้ง
มือถือ (330).JPG
มือถือ (330).JPG (232.17 KiB) เข้าดูแล้ว 231 ครั้ง
มือถือ (331).JPG
มือถือ (331).JPG (354.72 KiB) เข้าดูแล้ว 231 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4367
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D ต่อกับภาพวัดไหล่หินเก่าครับ :) :D

ไฟล์แนบ
ปั่นแสวงบุญ (645).JPG
ปั่นแสวงบุญ (645).JPG (203.9 KiB) เข้าดูแล้ว 230 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (646).JPG
ปั่นแสวงบุญ (646).JPG (210.01 KiB) เข้าดูแล้ว 230 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (647).JPG
ปั่นแสวงบุญ (647).JPG (158.33 KiB) เข้าดูแล้ว 230 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (648).JPG
ปั่นแสวงบุญ (648).JPG (144.12 KiB) เข้าดูแล้ว 230 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (649).JPG
ปั่นแสวงบุญ (649).JPG (162.16 KiB) เข้าดูแล้ว 230 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (651).JPG
ปั่นแสวงบุญ (651).JPG (126.27 KiB) เข้าดูแล้ว 230 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (652).JPG
ปั่นแสวงบุญ (652).JPG (167.3 KiB) เข้าดูแล้ว 230 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (654).JPG
ปั่นแสวงบุญ (654).JPG (125.95 KiB) เข้าดูแล้ว 230 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (655).JPG
ปั่นแสวงบุญ (655).JPG (119.93 KiB) เข้าดูแล้ว 230 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (656).JPG
ปั่นแสวงบุญ (656).JPG (155.42 KiB) เข้าดูแล้ว 230 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (657).JPG
ปั่นแสวงบุญ (657).JPG (137.02 KiB) เข้าดูแล้ว 230 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (658).JPG
ปั่นแสวงบุญ (658).JPG (127.86 KiB) เข้าดูแล้ว 230 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (659).JPG
ปั่นแสวงบุญ (659).JPG (123.64 KiB) เข้าดูแล้ว 230 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (661).JPG
ปั่นแสวงบุญ (661).JPG (180.77 KiB) เข้าดูแล้ว 230 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
NOKNICE
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 10311
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 11:33
team: ไร้สังกัด,ปั่นตามใจตรู
Bike: MERIDA MATT 40D(ของแฟน),Trek8500 , Storck G2

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย NOKNICE »

อรุณสวัสดิ์ครับลุงแดงและทุกท่าน
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4367
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:idea: :idea: ๙๗.จงคิดอย่างนี้เสมอว่า ไม่เรื่องดีก็เรื่องเลวเท่านั้นแหละที่จะเกิดขึ้นกับเรา ไม่ต้องตื่นเต้นกับมัน จงยอมรับมัน กล้าเผชิญหน้ากับมัน และทำจิตให้อยู่เหนือมันด้วยการไม่ยึดมั่นในมัน และไม่อยากให้มันเป็นไปตามใจของท่าน แล้วท่านจะไม่เป็นทุกข์

๙๘.จงเฝ้าสังเกตุดูความรู้สึกของตัวเองอยู่เสมอ ถ้าจะไม่สบายใจ จงหยุดคิดเรื่องนั้นทันที ถ้าสบายใจอยู่ก็จงเตือนตัวเองว่า อย่าประมาท ระวังสิ่งที่มันจะทำให้เราไม่สบายใจจะเกิดขึ้นกับเรา ให้ท่านพร้อมรับมันอย่างนี้ ด้วยจิตที่เปิดกว้างอยู่เสมอ

๙๙.จงรู้ความจริงว่า ทั้งความพอใจและความไม่พอใจ ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ท่านจะต้องปลดเปลื้องมันออกไปจากใจของท่าน จิตของท่านจึงจะเป็นอิสระเสรีก็ได้ถึงที่สุด :idea: :idea:


:) :D เราเดินชมวัดไหล่หินหลวง(เก่า)รอบวัดตลอดจนพิพิธภัณฑ์เรียกว่าจุใจครับ หนแรกเลยเราตกลงกันไว้ว่าจะพักนอนที่วัดนี้สักหนึ่งคืน เพื่อซึมซับบรรยากาศและทบทวนความหลังครั้งที่เราปั่นมาเที่ยวลำปาง แล้วมาแวะพีกนอนกันที่นี่ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลามืดค่ำเราไม่ได้ชมอะไรเลย ตื่นเช้าก็รีบเดินทาง มาครั้งนี้ได้เยี่มชมจุใจแต่เราไม่ได้พักค้างคืน เนื่องจากมองนาฬิกาแล้วเราน่าจะไปได้อีกไกล ก็เลยอำลาโดยไปกราบลาท่านเจ้าอาวาสและขออนุญาตุว่า โอกาสหน้าเราจะกลับมาพักนอนที่ที่นี่กันอีก ท่านก็เมตตาเชิญให้พวกเรากลับมาเยือนอีก ท่านเล่าว่ายังมีเรื่องราวอีกมากที่พวกเรายังต้องศึกษา :o :o

เมื่อเราอำลาจากวัดไหล่หินออกเดินทางได้แค่ไม่ถึง ๓ นาที ก็พบวัดอีกวัดหนึ่งอยู่เยื้องทางขวามือของวัดไหล่หิน เป็นวัดของฝ่ายธรรมยุตในว่าเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมประจำ จ.ลำปางด้วย เห็นการก่อสร้างที่เรียกได้ว่า ใหญ่ยิ่งพอดูเราก็อดที่จะแวะไม่ได้ เดินชมรอบ ๆ สิ่งปลูกสร้างที่เห็นเป็นพระองค์ใหญ่มาก มีทางเดินขึ้นไปกราบสักการะแต่เราไม่ขึ้นไป ผมไปยืนชอบใจที่บริเวณหัวบรรได ช่างศิลป์เขาปั้นรูปยักษ์นั่งสัปหงกอยู่ฝั่งขวามือ มียักษ์อีกตัวอยู่ฝั่งซ้ายมือชี้มือไปยังยักษ์ที่นั่งสัปหงกเหมือนจะฟ้องว่า "ดู ๆ มันนั่งหลับ" ประมาณนั้นเป็นอารมณ์ขันของคนคิด เดินชมรอบ ๆ บริเวณเป็นบริเวณกว้าง ลึกเข้าไปเป็นวัดปฏิบัติธรรมพวกเราไม่ได้เข้าไปข้างในวัด เรียกว่าก็น่าเสียดาย

เที่ยวชมกันพอประมาณเราก้อำลาเดินทางมุ่งหน้าไปต่อ มีป้ายบอกทางว่าไปห้างฉัตร ก็ถือเป็นโชคของเราว่า เราคงต้องนอนที่ห้างฉัตรแล้วจะเลยไปกราบหลวงพ่อวัดห้างฉัตร ที่เมื่อครั้งก่อนไม่นานมานี้เราได้มีโอกาสเข้าไปพักที่วัด ท่านเมตตามากให้กล้าพันธ์สมุนไพรไปปลูก ให้ยาแก้ลมซึ่งยานี้ผมได้ให้กับคนแถวบ้าน ซึ่งมีอาการเป็นลมเดินตลอดวัน ไปหาหมอได้ยามากินก็ไม่หายแค่บรรเทาไปหาอีกก็ได้ยามาแค่บรรเทา ทำให้รำคาญมีปัญหากับการทำงาน ผมทดลองให้กินยาลมของหลวงพ่อ ได้ครึ่งขวดอาการที่ว่าหายไปเลย เดี๋ยวนี้สบายทำงานทำการ ได้อย่างมีความสุข

เราปั่นกันไปเรื่อย ๆ ตามป้ายบอกทางเป็นระยะ ๆ ผมถือโอกาสสำรวจเส้นทางปั่นล่วงหน้าไปก่อนเป็นการสปีดออกกำลัง ไปรอที่ปากทางออกห้างฉัตร ไปนั่งรอสัก ๕ นาทีสองคนลุงป๊อกกับคุณนายถึงได้ตามออกมา จุดที่เรามาโผล่ออกเป็นจุดที่ตรงกับสถานีตำรวจพอดี จำสถานที่ไม่ได้ว่าต้องขึ้นเหนือหรือลงใต้จึงจะไปวัดห้างฉัตรได้ถูกต้อง เอาละซิคิดนะว่าสุดท้ายจะไปลงเอยที่ใด เรียกว่าสนุกครับ :lol: :lol:
ไฟล์แนบ
ปั่นแสวงบุญ (662).JPG
ปั่นแสวงบุญ (662).JPG (310.8 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (663).JPG
ปั่นแสวงบุญ (663).JPG (253.67 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (664).JPG
ปั่นแสวงบุญ (664).JPG (232.59 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (665).JPG
ปั่นแสวงบุญ (665).JPG (322.43 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
มือถือ (318).JPG
มือถือ (318).JPG (313.12 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (666).JPG
ปั่นแสวงบุญ (666).JPG (353.03 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (667).JPG
ปั่นแสวงบุญ (667).JPG (243.58 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (668).JPG
ปั่นแสวงบุญ (668).JPG (289.39 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (669).JPG
ปั่นแสวงบุญ (669).JPG (270.09 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (670).JPG
ปั่นแสวงบุญ (670).JPG (239.06 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (671).JPG
ปั่นแสวงบุญ (671).JPG (338.58 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (672).JPG
ปั่นแสวงบุญ (672).JPG (323.73 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (673).JPG
ปั่นแสวงบุญ (673).JPG (269.2 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (675).JPG
ปั่นแสวงบุญ (675).JPG (330.87 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (676).JPG
ปั่นแสวงบุญ (676).JPG (345.47 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4367
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D เมื่อวานที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นวันที่กำหนดให้ทุกหมู่เหล่าออกจากทุกข์ เนื่องด้วยชาวไทยร่วมใจกันไว้ทุกข์ให้กับพ่อหลวงในดวงใจของเรา ร.๙ มาตลอดทั้งปีเต็ม ๆ หลังจากพิธีถวายพระเพลิงเสร็จสิ้นเมือ่วันที่ ๒๖ มีการเก็บพระอัฐิและนำเสด็จพระอัฐิไปบรรจุยังวัดบวร ฯ และวัดราชบพิตร ฯ เป็นที่เรียบร้อยในเที่ยงคืนเวลา ๐๐.๐๑ น.ของวันที่ ๓๐ ตุลา ฯ ก็ประกาศให้ออกจากทุข์กันทั้งประเทศ

สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ มีความสำคัญดังนี้

สังโยชน์ ๑๐ หรือกิเลสที่ร้อยรัดจิตเราไว้ ๑๐ ประการ ก็คือศีล-สมาธิ-ปัญญา ซึ่งย่อมาจากอริยมรรค ๘ ประการนั่นเอง ในการปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์ ก็ออกจากง่ายไปหายาก คือเพียรปฏิบัติให้เกิดอธิศีลก่อน แล้วจึงมุ่งหาอธิจิต และอธิปัญญาตามลำดับ โดยใช้อริยสัจเป็นหลักสำคัญในการแก้ปัญหา เห็นทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ล้วนไม่เที่ยงเป็นทุกข์ และในที่สุดก็อนัตตา ล้วนเป็นไตรลักษณ์ทั้งสิ้น แล้ววกเข้าหาอริยสัจ ทุกสิ่งล้วนเป็นทุกข์ เป็นทุกขัง จิตยอมรับกฎของธรรมดาเสียอย่างเดียว จิตก็สงบเป็นสุข จึงมีอุบายอยู่มากมายในการพิจารณา

องค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์เพียรสอนว่า เรามีร่างกายจะห้ามไม่ให้มันหิวก็ไม่ได้ ห้ามตาไม่ให้เห็นรูป ห้ามหูไม่ให้ได้ยินเสียงย่อมไม่ได้ ทางที่ถูกเราต้องห้ามใจ วิธีออกจากทุกข์ก็คือการปฏิบัติตัดสังโยชน์ ให้พิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างในโลกไม่เที่ยง และตัวไม่เที่ยงสำคัญที่สุด คือร่างกายที่ยังทรงชีวิตอยู่นี่ เห็นธรรมภายนอกแล้วย้อนเข้ามาหาธรรมภายใน เพื่อตัด สักกายทิฎฐิ คลายความยึดมั่นถือมั่นในร่างกายนี้ลงเสีย เพราะคนก็ดี สัตว์ก็ดี ล้วนเป็นธาตุ ๔ มีอาการ ๓๒ มาประชุมกัน มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น มีความเสื่อมไปในท่ามกลาง มีความสลายตัวไปในที่สุดเหมือนกัน พิจารณาจุดนี้อยู่เนืองๆ แล้วจักตัดราคะและปฏิฆะลงได้ (ทุกข์ก็คลายไป) :) :D

ออกจากทุข์เราสองคน ตา - ยาย ก็ออกปั่นเพราะตลอดเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ๆ เช่นกัน เราสองคนไม่ได้ไปไหน ไม่ปั่นด้วยคงอยู่บ้านถือศีล ปฏิบัติธรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พ่อหลวงในดวงใจของเรา จนสุดท้ายเราก็ได้ไปร่วมวางดอกไม้จันทร์ถวายพระเพลิงให้กับพระองค์ท่าน เมื่อออกจากทุกข์เราก็เริ่มปั่นโดยเริ่มเบา ๆ พากันไปกราบพระธาตุหริกุญชัย ลำพูน โชคดีครับ ไปเจอเขากำลังเตรียมงานลอยกระทง มีการประดับโคมไฟนับหมื่นดวง สวยงามครับ ยังไม่พอที่บริเวณอนุเสาวรีย์เจ้าแม่จามเทวี ก็มีการติดโคมไฟโดยประชาชนได้มาจัดทำโคมไฟ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาอันเนื่องมาจากประเพณีลอยกระทงที่จะถึงนี้ ไปชมภาพครับ :) :D
ไฟล์แนบ
S__17915907.jpg
S__17915907.jpg (109.93 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
17782.jpg
17782.jpg (65.82 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
17787.jpg
17787.jpg (102.84 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ชมโคมไฟกระทง ลพ (1).JPG
ชมโคมไฟกระทง ลพ (1).JPG (371.72 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ชมโคมไฟกระทง ลพ (3).JPG
ชมโคมไฟกระทง ลพ (3).JPG (258.94 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ชมโคมไฟกระทง ลพ (5).JPG
ชมโคมไฟกระทง ลพ (5).JPG (341.09 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
วัดป่ายางหน่อมเป็นวัดเดียวที่เคยเห็น ที่มีเจดีย์ตั้งอยู่บริเวณหน้าวัด โดยทั่ว ๆ ไปเจดีย์มักจะอยู่ด้านหลังพระวิหารหรือที่อื่น ๆ สวย เก๋ ไปอีกแบบมองจากไกล ๆ เท่ห์มากใครผ่านไปมาเข้าไปเยี่ยมชมได้เป็นวัดเก่าแก่ของเมืองลำพูนอีกที่ ๆ ควรไปทัศนา
วัดป่ายางหน่อมเป็นวัดเดียวที่เคยเห็น ที่มีเจดีย์ตั้งอยู่บริเวณหน้าวัด โดยทั่ว ๆ ไปเจดีย์มักจะอยู่ด้านหลังพระวิหารหรือที่อื่น ๆ สวย เก๋ ไปอีกแบบมองจากไกล ๆ เท่ห์มากใครผ่านไปมาเข้าไปเยี่ยมชมได้เป็นวัดเก่าแก่ของเมืองลำพูนอีกที่ ๆ ควรไปทัศนา
ชมโคมไฟกระทง ลพ (6).JPG (259.36 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ชมโคมไฟกระทง ลพ (8).JPG
ชมโคมไฟกระทง ลพ (8).JPG (281.85 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ชมโคมไฟกระทง ลพ (10).JPG
ชมโคมไฟกระทง ลพ (10).JPG (299.04 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ชมโคมไฟกระทง ลพ (11).JPG
ชมโคมไฟกระทง ลพ (11).JPG (295.91 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ชมโคมไฟกระทง ลพ (13).JPG
ชมโคมไฟกระทง ลพ (13).JPG (292.22 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ชมโคมไฟกระทง ลพ (17).JPG
ชมโคมไฟกระทง ลพ (17).JPG (300.24 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ชมโคมไฟกระทง ลพ (18).JPG
ชมโคมไฟกระทง ลพ (18).JPG (268.42 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ชมโคมไฟกระทง ลพ (25).JPG
ชมโคมไฟกระทง ลพ (25).JPG (217.69 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ชมโคมไฟกระทง ลพ (27).JPG
ชมโคมไฟกระทง ลพ (27).JPG (256.24 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ชมโคมไฟกระทง ลพ (28).JPG
ชมโคมไฟกระทง ลพ (28).JPG (327.38 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ชมโคมไฟกระทง ลพ (34).JPG
ชมโคมไฟกระทง ลพ (34).JPG (366.56 KiB) เข้าดูแล้ว 184 ครั้ง
ชมโคมไฟกระทง ลพ (49).jpg
ชมโคมไฟกระทง ลพ (49).jpg (202.96 KiB) เข้าดูแล้ว 183 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
NOKNICE
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 10311
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 11:33
team: ไร้สังกัด,ปั่นตามใจตรู
Bike: MERIDA MATT 40D(ของแฟน),Trek8500 , Storck G2

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย NOKNICE »

สวัสดีครับลุงแดงและทุกท่าน
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4367
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:idea: :idea: ๑๐๐.ถ้าจะเกิดความสงสัยอะไรขึ้นสักอย่างหนึ่ง ก็จงตอบตัวเองว่า อย่าเพิ่งสงสัยมันเลย จงทำจิตให้สงบและเพ่งให้เห็นความสะอาดบริสุทธิ์ภายในจิตใจของตัวเองอย่างชัดเจน และสรุปว่า ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าการเข้าถึงสภาวะแห่งความสงบและเป็นอิสระเสรี ภายในจิตใจของท่านได้

๑๐๑.ความรู้ชัดในการรักษาจิตให้สงบและสะอาดอยู่เสมอ นี่แหละคือสติปัญญาความรู้แจ้งธรรมตามความเป็นจริง ความทุกข์จะเกิดขึ้นในใจของท่านไม่ได้เลย

๑๐๒.เมื่อถึงเวลาพักผ่อน จงเข้าสู่สมาธิตามสมควรแก่เวลาที่จะเอื้ออำนวย กำหนดจิตให้ตั้งมั่นอยู่กับลมหายใจ นับ ๑ - ๒ ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ต้องสนใจสิ่งอื่น ไม่ต้องปรารถนาจะเห็นหรือจะได้จะเป็นอะไรจากการทำสมาธิ

๑๐๓.เมื่อจิตสงบเย็นแล้ว จึงเพ่งพิจารณาชีวิตสิ่งแวดล้อม และปัญหาที่ตัวเองประสบอยู่ แล้วสรุปว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นไม่ควรยึดมั่นถือมั่นเลย :idea: :idea:



:) :D เมื่อมาทันกันที่ผมรออยู่ปากทางออกปรึกษากันถึงทิศทางที่จะไปกราบหลวงพ่อวัดห้างฉัตร แต่ละคนจำทิศไม่ได้กันแต่คุณนายแกแม่นนะ แกบอกต้องเข้าทางข้างโรงพักนั่นแหละ ผมกับลุงป๊อกไม่เชื่อ เราพากันปั่นไปเรื่อย ๆ จนถึงสถานที่ตั้งของอำเภอห้างฉัตรจึงนึกขึ้นได้ว่าเราเลยมาแล้วจริง ๆ อย่ากระนั้นเลยแสดงว่าเราคงต้องไปคราวหน้าแล้วล่ะ ว่าแล้วก็เดินทางต่อไปจนไปถึงหมวดการทางของกรมทางหลวง ซึ่งที่นี่เรามาใช้บริการเป็นประจำ เป็นเอกฉันท์เราพากันกางเต้นท์นอนที่หมวดการทางห้างฉัตรครับ

เราตื่นแต่เช้ารีบเก็บข้าวของสัมภาระต่าง ๆ เพราะเป็นวันทำงาน พนักงานเจ้าหน้าที่เขาต้องมาทำงาน เราไม่อยากให้เกะกะกีดขวาง เสร็จกินกาแฟขนมปังเบา ๆ ก่อนออกเดินทาง ไม่ลืมที่จะแวะเข้าชมสวนรุกขชาติของจังหวัดลำปาง ซึ่งเราได้แต่ผ่านไม่เคยแวะกันเลย เข้าไปได้นิดหน่อยไม่สามารถเข้าไปลึกได้ ต้องกลับออกมาเดินทางต่อ :) :D
ไฟล์แนบ
ปั่นแสวงบุญ (677).JPG
ปั่นแสวงบุญ (677).JPG (274.76 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
ห้างฉัตร  เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดลำปาง เดิมชื่อว่า &quot;อำเภอหางสัตว์&quot; ต่อมาเปลี่ยนเป็น &quot;ห้างฉัตร&quot; ในปี พ.ศ. ๒๔๕๒ เป็นอำเภอที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่นหลายแห่ง เช่น ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ตลาดทุ่งเกวียน เป็นต้น<br /><br />ประวัติ ห้างฉัตร เป็นอำเภอที่มีความเจริญตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีตำนานเล่าว่า เมื่อพระนางจามเทวีเสด็จมาสร้างวัดพระธาตุลำปางหลวง ได้ใช้เส้นทางห้างฉัตรเป็นทางติดต่อ เมื่อเดินทางถึงห้วยแม่ตาลได้หยุดพักพลที่นี้ บรรดาชาวเมืองจึงตกแต่งที่ประดับด้วยราชวัตรฉัตรอันงดงาม ภายหลังที่แห่งนั้นได้เป็นเมืองขึ้นมา จึงเรียกว่าเมืองนั้นว่าเมืองห้างฉัตร แต่ต่อมาชาวบ้านออกเสียงเพี้ยนเป็น &quot;หางสัตว์&quot; เมื่อตั้งเป็นอำเภอจึงเรียกว่า อำเภอหางสัตว์ จนกระทั่งในปี พ.ศ. ๒๔๘๓ ทางราชการจึงประกาศเปลี่ยนนามอำเภอนี้เป็น อำเภอห้างฉัตร เพื่อให้ถูกต้องตามความหมายเดิม
ห้างฉัตร เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดลำปาง เดิมชื่อว่า "อำเภอหางสัตว์" ต่อมาเปลี่ยนเป็น "ห้างฉัตร" ในปี พ.ศ. ๒๔๕๒ เป็นอำเภอที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่นหลายแห่ง เช่น ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ตลาดทุ่งเกวียน เป็นต้น

ประวัติ ห้างฉัตร เป็นอำเภอที่มีความเจริญตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีตำนานเล่าว่า เมื่อพระนางจามเทวีเสด็จมาสร้างวัดพระธาตุลำปางหลวง ได้ใช้เส้นทางห้างฉัตรเป็นทางติดต่อ เมื่อเดินทางถึงห้วยแม่ตาลได้หยุดพักพลที่นี้ บรรดาชาวเมืองจึงตกแต่งที่ประดับด้วยราชวัตรฉัตรอันงดงาม ภายหลังที่แห่งนั้นได้เป็นเมืองขึ้นมา จึงเรียกว่าเมืองนั้นว่าเมืองห้างฉัตร แต่ต่อมาชาวบ้านออกเสียงเพี้ยนเป็น "หางสัตว์" เมื่อตั้งเป็นอำเภอจึงเรียกว่า อำเภอหางสัตว์ จนกระทั่งในปี พ.ศ. ๒๔๘๓ ทางราชการจึงประกาศเปลี่ยนนามอำเภอนี้เป็น อำเภอห้างฉัตร เพื่อให้ถูกต้องตามความหมายเดิม
ปั่นแสวงบุญ (678).JPG (374.69 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (681).JPG
ปั่นแสวงบุญ (681).JPG (338.72 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (684).JPG
ปั่นแสวงบุญ (684).JPG (325.31 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (686).JPG
ปั่นแสวงบุญ (686).JPG (269.47 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (687).JPG
ปั่นแสวงบุญ (687).JPG (360.55 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (688).JPG
ปั่นแสวงบุญ (688).JPG (304.25 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (689).JPG
ปั่นแสวงบุญ (689).JPG (118.94 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (690).JPG
ปั่นแสวงบุญ (690).JPG (277.06 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (692).JPG
ปั่นแสวงบุญ (692).JPG (296.62 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (693).JPG
ปั่นแสวงบุญ (693).JPG (319.26 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (694).JPG
ปั่นแสวงบุญ (694).JPG (284.75 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (695).JPG
ปั่นแสวงบุญ (695).JPG (411.2 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
สวนรุกขชาติห้างฉัตร เดิมคือ ศูนย์ข้อมูลทรัพยากรป่าไม้จังหวัดลำปาง  โดยบริษัทปูนซีเมนต์ไทย(ลำปาง) และสำนักงานป่าไม้เขตลำปาง (เดิม) ได้ร่วมกันจัดทำโครงการก่อสร้งเพื่อถวายเป็นราชสักการะเนื่องในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชย์สมบัติครบปี่ที่ 50 (ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2539) ต่อมาใน พ.ศ.2541 สำนักงานป่าไม้เขตลำปาง (เดิม) รับมอบศูนย์ฯ จากสำนักงานป่าไม้จังหวัดลำปาง และได้จัดตั้งพื้นที่ศูนย์ฯเป็น สวนรุกขชาติห้างฉัตร ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2553 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพรรณพืช ได้สนับสนุนงบประมาณ เพื่อพัฒนาสวนฯ ตามโครงการสวนพฤกษศาสตร์และสวนรุกขชาติ เพื่อเพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยวทางธรรมชาติในพื้นที่อนุรักษ์ ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โดยมีวัตุประสงค์เพื่อพัฒนาสวนฯให้เป็นแหล่งเรียนรู้ ด้านพฤกษศาสตร์ แหล่งข้อมูลทางวิชาการ แหล่งอนุรักษ์พันธุกรรมพืชที่มีค่า หายากและใกล้สูญพันธุ์ ตลอดจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนทางธรรมชาติแบบยั่งยืนของชุมชน เพื่อสร้างและส่งเสริมให้เยาวชน ประชาชนทั่วไปมีจิตสำนึกรักและหวงแหนป่าไม้ ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติอันมีคุณประโชยน์ของชาติให้อำนวยประโชยน์โดยตรงแก่ประชาชน ได้ยั่งยืน
สวนรุกขชาติห้างฉัตร เดิมคือ ศูนย์ข้อมูลทรัพยากรป่าไม้จังหวัดลำปาง โดยบริษัทปูนซีเมนต์ไทย(ลำปาง) และสำนักงานป่าไม้เขตลำปาง (เดิม) ได้ร่วมกันจัดทำโครงการก่อสร้งเพื่อถวายเป็นราชสักการะเนื่องในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชย์สมบัติครบปี่ที่ 50 (ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2539) ต่อมาใน พ.ศ.2541 สำนักงานป่าไม้เขตลำปาง (เดิม) รับมอบศูนย์ฯ จากสำนักงานป่าไม้จังหวัดลำปาง และได้จัดตั้งพื้นที่ศูนย์ฯเป็น สวนรุกขชาติห้างฉัตร ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2553 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพรรณพืช ได้สนับสนุนงบประมาณ เพื่อพัฒนาสวนฯ ตามโครงการสวนพฤกษศาสตร์และสวนรุกขชาติ เพื่อเพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยวทางธรรมชาติในพื้นที่อนุรักษ์ ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โดยมีวัตุประสงค์เพื่อพัฒนาสวนฯให้เป็นแหล่งเรียนรู้ ด้านพฤกษศาสตร์ แหล่งข้อมูลทางวิชาการ แหล่งอนุรักษ์พันธุกรรมพืชที่มีค่า หายากและใกล้สูญพันธุ์ ตลอดจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนทางธรรมชาติแบบยั่งยืนของชุมชน เพื่อสร้างและส่งเสริมให้เยาวชน ประชาชนทั่วไปมีจิตสำนึกรักและหวงแหนป่าไม้ ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติอันมีคุณประโชยน์ของชาติให้อำนวยประโชยน์โดยตรงแก่ประชาชน ได้ยั่งยืน
ปั่นแสวงบุญ (696).JPG (363.42 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
สวนรุกขชาติห้างฉัตร ประกอบด้วยสังคมพืชป่าเต็งรังเป็นสวนใหญ่ พรรณไม้เด่น ได้แก่ ยางเหียง ยางพลวง เต็ง รัง รักใหญ่ มะพอก และชะมวง และป่าเบญจวรรณแล้ง ประกอบด้วยพรรณไม้เด่น ได้แก่ ประดู่ ตะแบก มะกอกเกลื้อน เปล้าใหญ่ เก็ดแดง และไผ่ไร่ จากการสำรวจพรรณไม้เบื้องต้นสวนรุกขชาติห้างฉัตรประกอบด้วยพรรณไม้ประมาณ 140 ชนิด โดยพบว่าบริเวณพื้นล่างป่าเต็งรังที่มีการป้องกันไฟป่านั้นมีไม้พื้นล่าง ได้แก่ ชะมวง เก็ดแดง และพลอง ขึ้นเป็นไม้เรือนยอดชั้นที่ 2 สำหรับบริเวณริมห้วย ด้านหน้าสวนรุกขชาติห้างฉัตรประกอบด้วยพรรณไม้น้ำ ได้แก่ บัว สาหร่ายหางกระรอก และพรรณไม่สกุลบอน ขึ้นปะบนกันทั่วไป พรรณไม้ที่สามารถรับประทานได้ที่พบบริเวณสวนรุกขชาติห้างฉัตร ไดแก่ผักหวานป่า มะไฟ บุก หว้า พ่อค้าตีเมีย บอนเต่า ติ้วเกลี้ยง ชะมวง ส้มป่อย กระโดน กลอย และกระบก
สวนรุกขชาติห้างฉัตร ประกอบด้วยสังคมพืชป่าเต็งรังเป็นสวนใหญ่ พรรณไม้เด่น ได้แก่ ยางเหียง ยางพลวง เต็ง รัง รักใหญ่ มะพอก และชะมวง และป่าเบญจวรรณแล้ง ประกอบด้วยพรรณไม้เด่น ได้แก่ ประดู่ ตะแบก มะกอกเกลื้อน เปล้าใหญ่ เก็ดแดง และไผ่ไร่ จากการสำรวจพรรณไม้เบื้องต้นสวนรุกขชาติห้างฉัตรประกอบด้วยพรรณไม้ประมาณ 140 ชนิด โดยพบว่าบริเวณพื้นล่างป่าเต็งรังที่มีการป้องกันไฟป่านั้นมีไม้พื้นล่าง ได้แก่ ชะมวง เก็ดแดง และพลอง ขึ้นเป็นไม้เรือนยอดชั้นที่ 2 สำหรับบริเวณริมห้วย ด้านหน้าสวนรุกขชาติห้างฉัตรประกอบด้วยพรรณไม้น้ำ ได้แก่ บัว สาหร่ายหางกระรอก และพรรณไม่สกุลบอน ขึ้นปะบนกันทั่วไป พรรณไม้ที่สามารถรับประทานได้ที่พบบริเวณสวนรุกขชาติห้างฉัตร ไดแก่ผักหวานป่า มะไฟ บุก หว้า พ่อค้าตีเมีย บอนเต่า ติ้วเกลี้ยง ชะมวง ส้มป่อย กระโดน กลอย และกระบก
ปั่นแสวงบุญ (697).JPG (297.38 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (699).JPG
ปั่นแสวงบุญ (699).JPG (227.55 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
แก้ไขล่าสุดโดย Deang-sarapee เมื่อ 01 พ.ย. 2017, 04:39, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4367
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D ออกจากสวนรุกขชาติเราก็มุ่งกลับเชียงใหม่กันเลยครับ ผ่านบ้านทุ่งเกวียนมองเห็นวัดทุ่งเกวียน ไม่ลืมที่จะแวะเยี่ยมชมเพราะเป็นวัดที่เราหมายตาไว้ว่าจะมาพักนอนที่นี่กันสักครั้ง เราได้เข้าไปชมเป็นเวลาที่ชาวบ้านกำลังทำบุญจึงเพียงแต่เข้าไปแค่เมียงมองเก็บภาพบางส่วน วัดนี้สร้างมาแต่ปี ๒๔๐๐ ไม่ธรรมดาเหมือนกัน โอกาสหน้าเราจะมานอนและทำบุญและปฏิบัติธรรม เพิ่มเติมบุญบารมีครับ

ออกจากวัดทุ่งเกวียนต้องย้อนกลับออกมาทางถนนใหญ่(ทางเดิม)มุ่งเข้าเมืองลำพูน ต้องผ่านตลาดทุ่งเกวียนซึ่งตลาดทุ่งเกวียนนี้เป็นตลาดที่มีชื่อเสียงมาก ๆ ใครไป-มา ต้องแวะแต่ก่อนนั้นสมัยที่ยังดื่ม-กิน ผมชอบแวะเสมอ ๆ เพื่อหาซื้ออาหารป่า ประเภท หมูป่า เป็นต้น เดี๋ยวนี้ก็ยังมีครับ ครั้งนี้เราไม่แวะเพราะไม่รู้จะซื้ออะไรแล้ว คงปั่นผ่านก็เห็นรถนักท่องเที่ยวจอดกันเต็ม เราปั่นกันต่อไปผ่านกาดทุ่งเกวียนไปจนถึงใกล้ ๆ กับโรงพยาบาลช้างก็เห็นวัด ๆ หนึ่งตั้งอยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งวัดนี้ได้มาตั้งอยู่นานมากแล้ว เราก็ได้แต่ผ่าน ๆ ไม่เคยคิดจะแวะเลย หนนี้คุณนายขอแวะเข้าไปเยี่ยมชมสักครั้ง ก็ไม่ว่ากันตามไปครับเราจะเจอกับอะไรบ้าง :lol: :lol:


ไฟล์แนบ
ปั่นแสวงบุญ (700).JPG
ปั่นแสวงบุญ (700).JPG (237.29 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (701).JPG
ปั่นแสวงบุญ (701).JPG (252.54 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (702).JPG
ปั่นแสวงบุญ (702).JPG (292.34 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (703).JPG
ปั่นแสวงบุญ (703).JPG (245.81 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (704).JPG
ปั่นแสวงบุญ (704).JPG (220.65 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (705).JPG
ปั่นแสวงบุญ (705).JPG (244.01 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (706).JPG
ปั่นแสวงบุญ (706).JPG (242.23 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (707).JPG
ปั่นแสวงบุญ (707).JPG (263.95 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (708).JPG
ปั่นแสวงบุญ (708).JPG (223 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (709).JPG
ปั่นแสวงบุญ (709).JPG (241.87 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (710).JPG
ปั่นแสวงบุญ (710).JPG (216.42 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
“กาดทุ่งเกวียน” แหล่งรวมอาหารป่านานาชนิดที่มีอยู่แห่งเดียวในภาคเหนือ กาดทุ่งเกวียน แหล่งรวมอาหารป่านานาชนิดที่มีอยู่แห่งเดียว ยังคงดำรงไว้ซึ่งเจตนาในการจำหน่ายอาหารที่มาจากป่าเอาไว้ได้ แสดงให้เห็นถึงวิถีการดำเนินชีวิตของชาวบ้าน แม้ว่ากาดทุ่งเกวียนจะสวนกับกระแสแห่งการอนุรักษ์ แต่หลายคนยังคงเข้ามาหาซื้อของป่าจากที่นี่อยู่เสมอ ด้วยที่ว่าตลาดแห่งนี้(อาจจะยัง) เป็นตลาดเดียวที่ยังมีการจำหน่ายของป่าอยู่<br /><br />การเสาะแสวงหาของกินของคนสมัยก่อนจะมักนิยมเข้าไปหาในป่า วิธีการแสวงหาของกินพื้นเมืองของคนเมืองถือว่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่มีมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ ชาวบ้านได้มีการสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุ พวกเขาเหล่านี้ถือว่าป่าเป็นแหล่งอาหารขนาดใหญ่ที่รวบรวมบรรดาอาหารมากมายหลายชนิดทั้งสัตว์ป่า พืชผักต่าง ๆ รวมไปถึงผลหมากรากไม้ เมื่อชาวบ้านพากันเข้าไปหาของป่าก็มักจะได้พืชผักต่าง ๆ ติดมือออกมาทำเป็นอาหารได้ด้วย จนเมื่อปัจจุบันป่าไม้ถูกบุกรุกทำลายมากเกินไป สรรพสิ่งที่เคยใช้ป่าเป็นผืนดินในการดำรงชีวิตกลับลดน้อยลง ป่าจากที่เคยอุดมสมบูรณ์ไปด้วยนานาอาหารกลับไม่เหลือสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นไว้อีกเลย<br /><br />ปัจจุบันเมื่อความเจริญก้าวเข้ามาแทนที่ กาดทุ่งเกวียน จากที่เคยเห็นในอดีตเมื่อ 10 – 20 ปี ที่มุ่งด้วยหลังคาใบตองสร้างขึ้นแบบง่าย ๆ พ่อค้าแม่ค้านำเอาเฉพาะของป่าที่หาได้มาวางขายชนิดที่เลือดยังไม่ทันแห้ง และเป็นที่รู้กันในหมู่ชาวบ้านว่าที่กาดแห่งนี้จะขายเฉพาะของป่าเท่านั้นคล้อยหลังให้ไม่กี่ปี กาดทุ่งเกวียนได้เปลี่ยนรูปโฉมจากเพิงไม้หลังคามุ่งใบตองมาเป็นอาคารพานิชที่สร้างให้มีความทันสมัย มีการแบ่งสรรเป็นล็อก ๆ บรรดาพ่อค้าแม่ค้านำของกินของใช้ ของที่ระลึกจากที่ต่าง ๆ มาวางขาย ของบางอย่างนำมาไกลจากจังหวัดสุโขทัย เชียงใหม่ ลำพูน รวมถึงของที่ระลึกจากจังหวัดลำปางเอง ส่วนด้านหลังก็ยังมีการขายของป่ากันอยู่ แต่เท่าที่ได้ลงไปสัมผัสดู ของป่าหายากแทบจะไม่มีให้พบเห็น ส่วนใหญ่จะเป็นจำพวกแมลงทอด น้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่ว ข้าวเหนียวและหมูปิ้ง นัยว่าทั้งหมดนี้เพื่อเป็นเอาใจนักท่องเที่ยวที่มาแบบรถบัส แต่หารู้ไม่ว่าคุณค่าและวิญญาณของกาดทุ่งเกวียน ในความทรงจำของคนรุ่นก่อน ๆ ได้สูญหายไปอย่างสิ้นเชิง<br /><br />คุณค่าของกาดทุ่งเกวียน ไม่ได้อยู่ที่ตัวอาคารมูลค่านับหลายสิบล้านบาท ทว่าอยู่ที่วิถีชีวิตของการแสวงหาของป่าหายาก บางคนอาจจะกระแดะ สวมวิญญาณของนักอนุรักษ์ขึ้นมาเรียกร้องโวยวายโหยหาแต่อดีต แต่ถ้าลองเปิดใจให้กว้างมองย้อนถึงวิถีชีวิตของคนสมัยก่อนที่เข้าป่าไปหาอาหาร วิถีชีวิตแบบนี้มิใช่หรือที่ดึงดูดให้คนเมืองกรุงพากันแหแหนเดินทางมาเยือนถิ่นเมืองเหนือกันอย่างไม่ขาดสาย ถ้าลองคิดต่อไปอีกว่าเมื่อกาดทุ่งเกวียนกลายเป็นแหล่งสรรพสินค้าที่หาซื้อของกินของฝาก แต่อย่าลืมนะว่าของกินของฝากแบบนี้มีวางจำหน่ายอยู่แทบทุกจังหวัด ไม่จำเป็นต้องขับรถมาซื้อถึงลำปางก็ได้<br /><br /><br /> แม้ว่าปัจจุบันมีกระแสเรียกร้องให้อนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้อยู่อย่างเนื่องนิจ มีการร่วมรณรงค์จากหน่วยงานหลายฝ่ายให้ตระหนักถึงคุณค่าของป่าไม้ แต่ก็ป่าไม้มิใช่หรือที่ทำให้พวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แม้ว่าบางครั้งบางคราวอาจมีการกระทบกระทั่งกับทรัพยากรธรรมชาติบ้าง หากแต่การมีจิตสำนึกที่ดีเพียงเพื่อต้องการเข้าไปหาของป่าและนำมาใช้ประกอบอาหารเพื่อประทั่งชีวิตเท่านั้น เราน่าที่จะน้อมเคารพคนเหล่านั้นที่ได้สานต่อภูมิปัญญาในการทำกินของบรรพบุรษเอาไว้<br /><br />จักรพงษ์ คำบุญเรือง<br />jakrapong@chiangmainews.co.th
“กาดทุ่งเกวียน” แหล่งรวมอาหารป่านานาชนิดที่มีอยู่แห่งเดียวในภาคเหนือ กาดทุ่งเกวียน แหล่งรวมอาหารป่านานาชนิดที่มีอยู่แห่งเดียว ยังคงดำรงไว้ซึ่งเจตนาในการจำหน่ายอาหารที่มาจากป่าเอาไว้ได้ แสดงให้เห็นถึงวิถีการดำเนินชีวิตของชาวบ้าน แม้ว่ากาดทุ่งเกวียนจะสวนกับกระแสแห่งการอนุรักษ์ แต่หลายคนยังคงเข้ามาหาซื้อของป่าจากที่นี่อยู่เสมอ ด้วยที่ว่าตลาดแห่งนี้(อาจจะยัง) เป็นตลาดเดียวที่ยังมีการจำหน่ายของป่าอยู่

การเสาะแสวงหาของกินของคนสมัยก่อนจะมักนิยมเข้าไปหาในป่า วิธีการแสวงหาของกินพื้นเมืองของคนเมืองถือว่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่มีมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ ชาวบ้านได้มีการสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุ พวกเขาเหล่านี้ถือว่าป่าเป็นแหล่งอาหารขนาดใหญ่ที่รวบรวมบรรดาอาหารมากมายหลายชนิดทั้งสัตว์ป่า พืชผักต่าง ๆ รวมไปถึงผลหมากรากไม้ เมื่อชาวบ้านพากันเข้าไปหาของป่าก็มักจะได้พืชผักต่าง ๆ ติดมือออกมาทำเป็นอาหารได้ด้วย จนเมื่อปัจจุบันป่าไม้ถูกบุกรุกทำลายมากเกินไป สรรพสิ่งที่เคยใช้ป่าเป็นผืนดินในการดำรงชีวิตกลับลดน้อยลง ป่าจากที่เคยอุดมสมบูรณ์ไปด้วยนานาอาหารกลับไม่เหลือสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นไว้อีกเลย

ปัจจุบันเมื่อความเจริญก้าวเข้ามาแทนที่ กาดทุ่งเกวียน จากที่เคยเห็นในอดีตเมื่อ 10 – 20 ปี ที่มุ่งด้วยหลังคาใบตองสร้างขึ้นแบบง่าย ๆ พ่อค้าแม่ค้านำเอาเฉพาะของป่าที่หาได้มาวางขายชนิดที่เลือดยังไม่ทันแห้ง และเป็นที่รู้กันในหมู่ชาวบ้านว่าที่กาดแห่งนี้จะขายเฉพาะของป่าเท่านั้นคล้อยหลังให้ไม่กี่ปี กาดทุ่งเกวียนได้เปลี่ยนรูปโฉมจากเพิงไม้หลังคามุ่งใบตองมาเป็นอาคารพานิชที่สร้างให้มีความทันสมัย มีการแบ่งสรรเป็นล็อก ๆ บรรดาพ่อค้าแม่ค้านำของกินของใช้ ของที่ระลึกจากที่ต่าง ๆ มาวางขาย ของบางอย่างนำมาไกลจากจังหวัดสุโขทัย เชียงใหม่ ลำพูน รวมถึงของที่ระลึกจากจังหวัดลำปางเอง ส่วนด้านหลังก็ยังมีการขายของป่ากันอยู่ แต่เท่าที่ได้ลงไปสัมผัสดู ของป่าหายากแทบจะไม่มีให้พบเห็น ส่วนใหญ่จะเป็นจำพวกแมลงทอด น้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่ว ข้าวเหนียวและหมูปิ้ง นัยว่าทั้งหมดนี้เพื่อเป็นเอาใจนักท่องเที่ยวที่มาแบบรถบัส แต่หารู้ไม่ว่าคุณค่าและวิญญาณของกาดทุ่งเกวียน ในความทรงจำของคนรุ่นก่อน ๆ ได้สูญหายไปอย่างสิ้นเชิง

คุณค่าของกาดทุ่งเกวียน ไม่ได้อยู่ที่ตัวอาคารมูลค่านับหลายสิบล้านบาท ทว่าอยู่ที่วิถีชีวิตของการแสวงหาของป่าหายาก บางคนอาจจะกระแดะ สวมวิญญาณของนักอนุรักษ์ขึ้นมาเรียกร้องโวยวายโหยหาแต่อดีต แต่ถ้าลองเปิดใจให้กว้างมองย้อนถึงวิถีชีวิตของคนสมัยก่อนที่เข้าป่าไปหาอาหาร วิถีชีวิตแบบนี้มิใช่หรือที่ดึงดูดให้คนเมืองกรุงพากันแหแหนเดินทางมาเยือนถิ่นเมืองเหนือกันอย่างไม่ขาดสาย ถ้าลองคิดต่อไปอีกว่าเมื่อกาดทุ่งเกวียนกลายเป็นแหล่งสรรพสินค้าที่หาซื้อของกินของฝาก แต่อย่าลืมนะว่าของกินของฝากแบบนี้มีวางจำหน่ายอยู่แทบทุกจังหวัด ไม่จำเป็นต้องขับรถมาซื้อถึงลำปางก็ได้


แม้ว่าปัจจุบันมีกระแสเรียกร้องให้อนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้อยู่อย่างเนื่องนิจ มีการร่วมรณรงค์จากหน่วยงานหลายฝ่ายให้ตระหนักถึงคุณค่าของป่าไม้ แต่ก็ป่าไม้มิใช่หรือที่ทำให้พวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แม้ว่าบางครั้งบางคราวอาจมีการกระทบกระทั่งกับทรัพยากรธรรมชาติบ้าง หากแต่การมีจิตสำนึกที่ดีเพียงเพื่อต้องการเข้าไปหาของป่าและนำมาใช้ประกอบอาหารเพื่อประทั่งชีวิตเท่านั้น เราน่าที่จะน้อมเคารพคนเหล่านั้นที่ได้สานต่อภูมิปัญญาในการทำกินของบรรพบุรษเอาไว้

จักรพงษ์ คำบุญเรือง
jakrapong@chiangmainews.co.th
ปั่นแสวงบุญ (711).JPG (207.46 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (712).JPG
ปั่นแสวงบุญ (712).JPG (271.22 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (713).JPG
ปั่นแสวงบุญ (713).JPG (270.22 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (714).JPG
ปั่นแสวงบุญ (714).JPG (281.7 KiB) เข้าดูแล้ว 172 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
NOKNICE
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 10311
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 11:33
team: ไร้สังกัด,ปั่นตามใจตรู
Bike: MERIDA MATT 40D(ของแฟน),Trek8500 , Storck G2

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย NOKNICE »

อรุณสวัสดิ์ครับลุงแดงและทุกท่าน

กาดทุ่งเกวียนผ่านทุกปีที่ขึ้นไปเหนือ ผมไปมา 11 ปีติดๆ ตระเวนกางเต็นท์แทบทุกที่จนนึกไม่ออกว่าจะไปที่ไหนดี เคยขับผ่านกาดทุ่งเกวียนพร้อมๆกับเพื่อน ก่อนถึงโค้ง ผลว่าเพื่อนโดนใบสั่งส่งมาที่บ้านเรื่องความเร็ว ส่วนผมไม่โดน ทั้งๆที่ผมขับคันหน้าแล้วก็ตามกันมาติดๆ ยังมาฮาๆกันอยู่
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4367
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

NOKNICE เขียน:อรุณสวัสดิ์ครับลุงแดงและทุกท่าน

กาดทุ่งเกวียนผ่านทุกปีที่ขึ้นไปเหนือ ผมไปมา 11 ปีติดๆ ตระเวนกางเต็นท์แทบทุกที่จนนึกไม่ออกว่าจะไปที่ไหนดี เคยขับผ่านกาดทุ่งเกวียนพร้อมๆกับเพื่อน ก่อนถึงโค้ง ผลว่าเพื่อนโดนใบสั่งส่งมาที่บ้านเรื่องความเร็ว ส่วนผมไม่โดน ทั้งๆที่ผมขับคันหน้าแล้วก็ตามกันมาติดๆ ยังมาฮาๆกันอยู่
:) :D อรุณสวัสดิ์ทุก ๆ ท่านและหลานนก ดีใจที่ทราบว่าตลอดเวลา ๑๑ ปีหลานคนนี้ผูกพันกับเชียงใหม่แสดงว่าเมืองเชียงใหม่ ยังเป็นเมืองที่น่าเที่ยวอยู่ถูกต้องไหมครับ ? และหลังจากนี้ไปหลานคงมีที่ ๆ จะไปกางเต้นท์พักนอนอีกหลาย ๆ ที่ นะครับ ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เมืองเชียงใหม่ครับ

เราแวะเข้าไปยังวัดป่าเทพารักษ์ เพื่อเข้าไปชมสถานที่ โชคดีเจอหลวงพี่ที่ท่านได้รับคัดเลือกให้รักษาการเจ้าอาวาสแทนองค์ที่พึ่งมรณภาพไป ผมค้นหาประวัติวัดในลุงกู ไม่พบแต่ไปพบพิธีฌาปนกิจท่านเจ้าอาวาส ก็เลยนำมาให้ชมเป็นมราณานุสติได้ดีมาก ๆ ใครมีเวลาก็เข้าไปเปิดชม การชมแนะนำว่า "ให้โยนิโสมนสิการ น้อมเข้าสู่ใจจึงจะได้ธรรมะ" วัดนี้เป็นวัดป่านะครับท่านรักษาการเจ้าอาวาส ได้แนะนำพวกเราว่า การมาวัดป่าต้องเข้าใจว่า พระที่ท่านเข้ามาบวชเพื่อต้องการ การหลุดพ้นเป็นส่วนใหญ่ ท่านจึงสำรวมระวัง กาย วาจา เลยทำให้ดูว่า หยิ่ง ไม่อยากพูด ดังนั้นแนวทางเที่ยววัดป่า สิ่งแรกเลยควรระมัดระวังสำรวม กาย วาจา ใจ ให้ดี แล้วท่านจะไม่ผิดหวัง ผมเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ฝากทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ


ไฟล์แนบ
มือถือ (76).JPG
มือถือ (76).JPG (104.75 KiB) เข้าดูแล้ว 163 ครั้ง
มือถือ (78).JPG
มือถือ (78).JPG (56.81 KiB) เข้าดูแล้ว 163 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (715).JPG
ปั่นแสวงบุญ (715).JPG (279.82 KiB) เข้าดูแล้ว 163 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (716).JPG
ปั่นแสวงบุญ (716).JPG (428.38 KiB) เข้าดูแล้ว 163 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (717).JPG
ปั่นแสวงบุญ (717).JPG (392.36 KiB) เข้าดูแล้ว 163 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (719).JPG
ปั่นแสวงบุญ (719).JPG (356.03 KiB) เข้าดูแล้ว 163 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (720).JPG
ปั่นแสวงบุญ (720).JPG (178.36 KiB) เข้าดูแล้ว 163 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (721).JPG
ปั่นแสวงบุญ (721).JPG (213.78 KiB) เข้าดูแล้ว 163 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (722).JPG
ปั่นแสวงบุญ (722).JPG (234.14 KiB) เข้าดูแล้ว 163 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (723).JPG
ปั่นแสวงบุญ (723).JPG (261.7 KiB) เข้าดูแล้ว 163 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (724).JPG
ปั่นแสวงบุญ (724).JPG (239.48 KiB) เข้าดูแล้ว 163 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (725).JPG
ปั่นแสวงบุญ (725).JPG (311.71 KiB) เข้าดูแล้ว 163 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (726).JPG
ปั่นแสวงบุญ (726).JPG (248.51 KiB) เข้าดูแล้ว 163 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (727).JPG
ปั่นแสวงบุญ (727).JPG (228.13 KiB) เข้าดูแล้ว 163 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (728).JPG
ปั่นแสวงบุญ (728).JPG (249.84 KiB) เข้าดูแล้ว 163 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
ลุงเนตร
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 19852
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
Tel: 0898133936
team: อิสระ
Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
ติดต่อ:

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย ลุงเนตร »

"..สวัสดีครับ น้องแดง หลานนก และทุกท่าน

- อนุโมทนาบุญกับน้องแดงและคู่ครอง ที่มีโอกาสได้ใกล้พระ ปฏิบัติอยู่ในศีล ในธรรม โดยตลอด ยินดีด้วยครับ ขอบคุณสำหรับภาพเตือนใจ ๒ ภาพ ที่นำมาให้ชม และก๊อปเก็บไว้แล้วด้วยครับ.."
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
รูปประจำตัวสมาชิก
NOKNICE
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 10311
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 11:33
team: ไร้สังกัด,ปั่นตามใจตรู
Bike: MERIDA MATT 40D(ของแฟน),Trek8500 , Storck G2

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย NOKNICE »

อรุณสวัสดิ์ครับลุงแดง ลุงเนตรและทุกท่าน

ทุกปีที่ไปผมจะไปช่วงวันพ่อ (5ธค) อยู่ประมาณ 4-5 วันครับ แต่ปีนี้น่าจะไปวันที่ 16 เพราะลูกชายยังสอบที่บางมดไม่เสร็จครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4367
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D อรุณสวัสดิ์ท่านที่เคารพ พี่เนตรและหลานนก อยู่ที่วัดป่าเทพารักษ์สนทนากับรักษาการท่านเจ้าอาวาส ซึ่งท่านบวชมายี่สิบกว่าพรรษาได้รับทราบข้อวัตรปฏิบัติและการดำเนินชีวิตของพระสายวัดป่าแล้ว ทำให้จิตใจเราสบายคลายความวิตกกังวลและห่วงใยในพระพุทธศาสนา ในข้อที่ว่าเราจะขาดพระสุปฏิปันโน เท็จจริงแล้วท่านยืนยันตามคำดำรัสขององค์ศาสดาที่ว่า "ตราบใดที่มีผู้ปฏิบัติตามมรรคมีองค์ ๘ ตราบนั้นโลกจะไม่ขาดพระอรหันต์" ปัจจุบันนี้พระในบวรพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ซึ่งนับถือและถูกเรียกว่า "หินยาน" หรือฝ่ายเถรวาทยังคงยึดถือมรรคมีองค์ ๘ เป็นแนวทางในการปฏิบัติ

ดังนั้นพระอรหันต์มีอยู่ในโลกใบนี้จริง ๆ ครับ ผมซึ่งเดินทางแสวงบุญในแบบของ "จักรยานธุดงค์" ขอยืนยันฟันธงตรงนี้เพราะพวกเราไปแต่ละที่ละแห่ง เราไปขออาศัยกางเต้นท์พักนอนอยากจะบอกว่า เราเจอแต่พระดี ๆ ที่น่านับถือและกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ ทุกท่านเมตตากรุณาสอนธรรมล้วนแต่เป็นธรรมะที่จะนำพาไปประพฤติปฏิบัติ ให้พ้นทุกข์เหมือนกันแทบทุกองค์ เวลาเข้าหาพระขอให้อธิษฐานจิตจะ คิดดี พูดดี ทำดี และขอให้เจอแต่พระดี ๆ นะครับ :lol: :lol:


:) :D เราพากันอำลาจากสถานปฏิบัติธรรมวัดป่าเทพารักษณ์ มุ่งหน้ากลับบ้านกันถึงยอดเขาขุนตานพักเพื่อ ให้หายเหนื่อยและซึมซับบรรยากาศของยอดขุนตานกันพอให้คลายร้อน จากยอดขุนตานก็เป็นการไหลลงขอย้ำเตือนอีกครั้ง "ขึ้นเหนื่อย ลงตาย" ให้ระมัดระวังนะอย่าเห็นว่ามันส์ สนุก สบาย ปล่อยไหลลงจนแบบไม่สามารถควบคุมจักรยานได้ ที่ขุนตานคร่าชีวิตนักปั่นหลายรายและมีบาดเจ็บพิการอีกนับไม่ถ้วน โปรดระมัดระวัง

เราไหลลงจนถึงดอยติเรียกว่าต่างคนต่างไปตามขีดความสามรถ ผมนั้นชำนาญและค่อนไปทางประมาท(คุณนายมักจะต่อว่าบ่อย ๆ ) แต่ก่อนจะถึงยอดขุนตานเราต้องผ่านด่านทางหลวงซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่บริการนักท่องเที่ยว นักปั่นจะได้รับการบริการจากน้องตำรวจดีมาก ๆ มีกาแฟน้ำเย็นและข้อมมูลต่าง ๆ ให้ศึกษา แต่คราวนี้พวกเราไม่ได้แวะคงผ่านเลยไปยังร้านค้าที่อยู่ข้างทางก่อนจะขึ้นดอยขุนตาน น่าสงสารแม่ค้าครับ นั่งพัดวีแมลงวันบ่นกันแทบทุกราย ขายของไม่ดีเลย :( :(

ไฟล์แนบ
p1.gif
p1.gif (52.93 KiB) เข้าดูแล้ว 150 ครั้ง
มรรค%20มีองค์%208.jpg
มรรค%20มีองค์%208.jpg (19.48 KiB) เข้าดูแล้ว 150 ครั้ง
ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ตั้งอยู่ที่บ้านทุ่งเกวียน ต.เวียงตาล อยู่ในความดูแลของฝ่ายอุตสาหกรรมป่าไม้ภาคเหนือ  องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) แต่เดิม ออป. เป็นศูนย์ฝึกลูกช้างซึ่งเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในโลก โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2512 เป็นสถานที่เลี้ยงและฝึกลูกช้างเพื่อให้เชื่อฟังคำสั่งและมีความชำนาญในการทำไม้ขณะที่แม่ช้างไปทำงานในป่า และเนื่องจากมีนโยบายปิดป่าซึ่งทำให้ช้างต้องว่างงาน ศูนย์ฝึกลูกช้างจึงถูกปรับมาเป็นสถานที่ดูแลช้างแก่และเจ็บป่วย และที่นี่ยังเป็นสถานที่ตั้งของโรงพยาบาลช้างด้วย ออป.จึงได้ก่อตั้งศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยขึ้นเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2535 และจัดกิจกรรมเพื่อการท่องเที่ยว<br /><br />การแสดงของช้าง ซึ่งยังคงอนุรักษ์ศิลปะการทำไม้ซึ่งใช้ช้างเป็นพาหนะ และแรงงานที่สำคัญ ในการชักลากไม้ที่ได้จัดแสดงให้นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างประเทศได้ชม เวลาในการแสดง <br />       วันจันทร์ - ศุกร์ มีการแสดง 2 รอบ ในเวลา 10.00 น . และ 11.00 น .<br />        วันเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดต่างๆ จะเพิ่มรอบการแสดงในเวลา 13.30 น .<br /><br />นั่งช้างรอบบริเวณซึ่งเป็นสวนป่า ธรรมชาติยังมีสิ่งดีๆ ที่คอยให้กำลังใจกับเราทุกเมื่อ บางครั้งเราอาจจะสับสนวุ่นวาย เครียดหนักกับการทำงานทั้งวัน ทั้งสัปดาห์ลองหลบความวุ้นวายเหล่านั้น ไปท่องเที่ยวกับธรรมชาติ โดยเฉาะกับการขี่ช้างชมธรรมชาติ ท่านจะรู้สึกถึงความแปลกใหม่ในชีวิต เป็นรางวัลจากความเหน็ดเหนื่อยที่จะทำให้ท่านลืมงานที่ออฟฟิคไปอีกหลายวันเชียวแหละ การนั่งช้างให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00 - 15.30 น . <br /><br />ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (Tourism Awards) ประเภทรางวัลดีเด่นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ พ.ศ.2541 ปัจจุบันศูนย์ฯมีโครงการ โรงเรียนฝึกควาญช้าง เพื่อฝึกควาญหรือผู้ที่ประสงค์จะเป็นควาญให้สามารถดูแลช้างได้อย่างถูกต้อง มีชาวต่างชาติให้ความสนใจมาสมัครเป็นนักเรียนหลายคน นอกจากเรื่องท่องเที่ยวแล้วยังมีสิ่งที่น่าสนใจ คือ พลังงานที่ใช้ภายในศูนย์ฯ มาจากพลังงานทดแทนในโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ มีก๊าซชีวภาพจากมูลช้างใช้ในการหุงต้ม และกระแสไฟฟ้าผลิตจากเซลล์แสงอาทิตย์<br /><br />ที่มาของข้อมูล : http://www.yourhealthyguide.com/travel/tn-thailandelephant.htm
ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ตั้งอยู่ที่บ้านทุ่งเกวียน ต.เวียงตาล อยู่ในความดูแลของฝ่ายอุตสาหกรรมป่าไม้ภาคเหนือ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) แต่เดิม ออป. เป็นศูนย์ฝึกลูกช้างซึ่งเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในโลก โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2512 เป็นสถานที่เลี้ยงและฝึกลูกช้างเพื่อให้เชื่อฟังคำสั่งและมีความชำนาญในการทำไม้ขณะที่แม่ช้างไปทำงานในป่า และเนื่องจากมีนโยบายปิดป่าซึ่งทำให้ช้างต้องว่างงาน ศูนย์ฝึกลูกช้างจึงถูกปรับมาเป็นสถานที่ดูแลช้างแก่และเจ็บป่วย และที่นี่ยังเป็นสถานที่ตั้งของโรงพยาบาลช้างด้วย ออป.จึงได้ก่อตั้งศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยขึ้นเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2535 และจัดกิจกรรมเพื่อการท่องเที่ยว

การแสดงของช้าง ซึ่งยังคงอนุรักษ์ศิลปะการทำไม้ซึ่งใช้ช้างเป็นพาหนะ และแรงงานที่สำคัญ ในการชักลากไม้ที่ได้จัดแสดงให้นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างประเทศได้ชม เวลาในการแสดง
วันจันทร์ - ศุกร์ มีการแสดง 2 รอบ ในเวลา 10.00 น . และ 11.00 น .
วันเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดต่างๆ จะเพิ่มรอบการแสดงในเวลา 13.30 น .

นั่งช้างรอบบริเวณซึ่งเป็นสวนป่า ธรรมชาติยังมีสิ่งดีๆ ที่คอยให้กำลังใจกับเราทุกเมื่อ บางครั้งเราอาจจะสับสนวุ่นวาย เครียดหนักกับการทำงานทั้งวัน ทั้งสัปดาห์ลองหลบความวุ้นวายเหล่านั้น ไปท่องเที่ยวกับธรรมชาติ โดยเฉาะกับการขี่ช้างชมธรรมชาติ ท่านจะรู้สึกถึงความแปลกใหม่ในชีวิต เป็นรางวัลจากความเหน็ดเหนื่อยที่จะทำให้ท่านลืมงานที่ออฟฟิคไปอีกหลายวันเชียวแหละ การนั่งช้างให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00 - 15.30 น .

ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (Tourism Awards) ประเภทรางวัลดีเด่นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ พ.ศ.2541 ปัจจุบันศูนย์ฯมีโครงการ โรงเรียนฝึกควาญช้าง เพื่อฝึกควาญหรือผู้ที่ประสงค์จะเป็นควาญให้สามารถดูแลช้างได้อย่างถูกต้อง มีชาวต่างชาติให้ความสนใจมาสมัครเป็นนักเรียนหลายคน นอกจากเรื่องท่องเที่ยวแล้วยังมีสิ่งที่น่าสนใจ คือ พลังงานที่ใช้ภายในศูนย์ฯ มาจากพลังงานทดแทนในโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ มีก๊าซชีวภาพจากมูลช้างใช้ในการหุงต้ม และกระแสไฟฟ้าผลิตจากเซลล์แสงอาทิตย์

ที่มาของข้อมูล : http://www.yourhealthyguide.com/travel/tn-thailandelephant.htm
ปั่นแสวงบุญ (730).JPG (258.9 KiB) เข้าดูแล้ว 150 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (732).JPG
ปั่นแสวงบุญ (732).JPG (377.78 KiB) เข้าดูแล้ว 150 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (736).JPG
ปั่นแสวงบุญ (736).JPG (301.76 KiB) เข้าดูแล้ว 150 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (739).JPG
ปั่นแสวงบุญ (739).JPG (276.41 KiB) เข้าดูแล้ว 150 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (743).JPG
ปั่นแสวงบุญ (743).JPG (318 KiB) เข้าดูแล้ว 150 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (744).JPG
ปั่นแสวงบุญ (744).JPG (248.92 KiB) เข้าดูแล้ว 150 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (747).JPG
ปั่นแสวงบุญ (747).JPG (328.53 KiB) เข้าดูแล้ว 150 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (749).JPG
ปั่นแสวงบุญ (749).JPG (312.28 KiB) เข้าดูแล้ว 150 ครั้ง
ที่บริเวฯห้องอาหรร้านค้าที่ดอยขุนตาน มีห้องสำหรับพี่น้องชาวมุสลิมไว้บริการปฏิบัติศาสนกิจ ผมชื่นชมผู้ประกอบการที่มีมาตรการส่งเสริมการปฏิบัตศาสนกิจ ข้องใจนิด ๆ ครับแล้วชาวพุทธไม่คิดจะส่งเสริมหรือครับ ช่วงนั้นจิตผมคิดที่อยากจะพักจิตเข้าสมาธิบ้าง ๕๕๕.<br /><br />เคยคุยกับสถานประกอบการหลาย ๆ ราย ได้รับคำบอกว่า(เท็จจริงไม่สามารถยืนยันได้) ได้รับคำขอร้องจากส่วนราชการให้ช่วยจัดทำให้ ถ้าเป็นจริงนะ ขอประนาณเลยครับ ไม่เสมอภาครักไม่เท่ากัน ไม่ว่าพุทธ คริสต์ อิสลาม เรามีวิธีการหรือพิธีการในการปฏิบัติธรรมไม่แตกต่าง เมื่ออิสลามมีที่ละมาด ชาวพุทธควรมีที่ ๆ ไหว้พระสวดมนต์<br /><br />และทีร้านอาหารขุนตานสอบถามมีคนมาทำละมาดมากไหม ? คำตอบน้อยมาก แสดงเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่านอกจากเปล่งศักดาบารมีแค่นั้น และนี่คือเมืองกะลาแลนด์แดนแห่งความเหลื่อมล้ำ ๕๕๕.ก็ไม่ว่ากันครับเมื่อผู้นำไม่สนใจใจดี เราก็มีหน้าที่ที่ต้องทำก็ต้องทำกันต่อไป ความอิจฉาตาร้อนเป็นเรื่องของโลกก็ว่ากันไป แต่ถ้าหากรัฐรับรู้รับทราบจะแก้ไขเพื่อให้ ปชช.ได้มีศรัทธาก็เป็นบุญวาสนาของชาวพุทธไทย ถ้าไม่มีก็ถือว่าไม่เป็นไร พุทธะ อยู่ในใจบาป-บุญมีจริง กรรม-เวร มีจริงใครทำสิ่งใดไว้ย่อมได้รับของกรรมนั้น ๆ สืบไป &quot;สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม&quot;
ที่บริเวฯห้องอาหรร้านค้าที่ดอยขุนตาน มีห้องสำหรับพี่น้องชาวมุสลิมไว้บริการปฏิบัติศาสนกิจ ผมชื่นชมผู้ประกอบการที่มีมาตรการส่งเสริมการปฏิบัตศาสนกิจ ข้องใจนิด ๆ ครับแล้วชาวพุทธไม่คิดจะส่งเสริมหรือครับ ช่วงนั้นจิตผมคิดที่อยากจะพักจิตเข้าสมาธิบ้าง ๕๕๕.

เคยคุยกับสถานประกอบการหลาย ๆ ราย ได้รับคำบอกว่า(เท็จจริงไม่สามารถยืนยันได้) ได้รับคำขอร้องจากส่วนราชการให้ช่วยจัดทำให้ ถ้าเป็นจริงนะ ขอประนาณเลยครับ ไม่เสมอภาครักไม่เท่ากัน ไม่ว่าพุทธ คริสต์ อิสลาม เรามีวิธีการหรือพิธีการในการปฏิบัติธรรมไม่แตกต่าง เมื่ออิสลามมีที่ละมาด ชาวพุทธควรมีที่ ๆ ไหว้พระสวดมนต์

และทีร้านอาหารขุนตานสอบถามมีคนมาทำละมาดมากไหม ? คำตอบน้อยมาก แสดงเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่านอกจากเปล่งศักดาบารมีแค่นั้น และนี่คือเมืองกะลาแลนด์แดนแห่งความเหลื่อมล้ำ ๕๕๕.ก็ไม่ว่ากันครับเมื่อผู้นำไม่สนใจใจดี เราก็มีหน้าที่ที่ต้องทำก็ต้องทำกันต่อไป ความอิจฉาตาร้อนเป็นเรื่องของโลกก็ว่ากันไป แต่ถ้าหากรัฐรับรู้รับทราบจะแก้ไขเพื่อให้ ปชช.ได้มีศรัทธาก็เป็นบุญวาสนาของชาวพุทธไทย ถ้าไม่มีก็ถือว่าไม่เป็นไร พุทธะ อยู่ในใจบาป-บุญมีจริง กรรม-เวร มีจริงใครทำสิ่งใดไว้ย่อมได้รับของกรรมนั้น ๆ สืบไป "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"
ปั่นแสวงบุญ (750).JPG (162.6 KiB) เข้าดูแล้ว 150 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (751).JPG
ปั่นแสวงบุญ (751).JPG (364.99 KiB) เข้าดูแล้ว 150 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (752).JPG
ปั่นแสวงบุญ (752).JPG (465.51 KiB) เข้าดูแล้ว 150 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (754).JPG
ปั่นแสวงบุญ (754).JPG (193.34 KiB) เข้าดูแล้ว 150 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (758).JPG
ปั่นแสวงบุญ (758).JPG (265.02 KiB) เข้าดูแล้ว 150 ครั้ง
ประวัติเจ้าพ่อขุนตาน  เจ้าพ่อขุนตาน มีพระนามว่า &quot; พญาเบิก&quot; เป็นเจ้าเมืองเขลางค์นคร (ลำปาง) และเจ้าเมืองเวียงตานในอำเภอห้างฉัตรเป็น ราชบุตรของพญายีบาเจ้านครหริภุญชัย (ลำพูน)ในราชวงศ์แห่งจามเทวี เป็นธรรมเนียมและราชประเพณีแห่งราชวงศ์จามเทวีราชบุตร ใดจะครองนครหริภุญชัย (ลำพูน) สืบต่อในราชวงศ์จามเทวีจะแต่งตั้ง เป็นยุพราชในครองเมืองเขลางค์นคร(ลำปาง)เสียก่อน<br /><br />       ในปี พ.ศ.1814 ครั้งพญายีบาเป็นเจ้าครองนครหริภุญชัย(ลำพูน) ก็ได้ให้พญาเบิกราชบุตรในฐานะยุพราช ไปครองเมือง เขลางค์นคร(ลำปาง) จนกระทั่งปี พ.ศ.1838กองทัพพญาเม็งราย เจ้าเมืองเชียงรายและเจ้าเมืองฝางได้ยกไพร่พลมาตีเมืองหริภุญชัย(ลำพูน) และยึดเมืองหริภุญชัยได้พญายีบาจึงเสด็จหนีไปพึ่งพญาเบิกผู้เป็นราชบุตรที่เมืองเขลางค์นครพญาเบิกเข้าเมืองเขลางค์นคร  จึงสะสมไพร่พลและเพื่อความมั่นคงของเมืองเขลางค์นคร จึงไปสร้างเมืองต้านศึกในบริเวณพื้นที่แห่งหนึ่งในเขตอำเภอห้างฉัตรใกล้กับ ทิวเขาใหญ่เมืองนั้นต่อมามีนามว่า &quot;เวียงต้าน&quot; (เวียงตาลซึ่งเป็นเมืองร้างในปัจจุบัน)ส่วนทิวเขาสูงยาเหยียดนั้นระหว่างลำปางและลำพูน ซึ่งเป็นแนววางกำลังไพร่พลตีสกัดทัพพญาเม็งราย ต่อมาเรียกว่า ดอยขุนต้าน(ดอยขุนตาลในปัจจุบัน)<br /><br />การสู้รบที่เมืองต้นศึก และตามแนวทิวเขาขุนต้านเป็นการสู้รบอย่างหนักในที่สุดก็พ่ายแพ้ทัพพญาเม็งรายถอยร่นมาติด หล่มหนองใหญ่แห่งหนึ่ง ปัจจุบันคือบ้านหนองหล่มและแพ้อย่างสิ้นเชิง่ที่ตำบลเนินทุ่งแห่งหนึ่ง ปัจจุบันก็คือ บ้านหลิ่งก้าน ในตำบลหนองหล่ม อำเภอห้างฉัตรนั่นเองร่องรอยการเดินทัพของพญายีบาพญาเบิกและพญาเม็งรายในการรบกันในครั้งนั้นยังมีอยู่ บนทิวเขาดอยขุนตาน จนกระทั่งบัดนี้ เช่นที่แนวขุนห้วยสานต่อแนวที่จะลงเขาในเขตอำเภอแม่ทาและตอนใกล้ วิทยาลัยการเกษตรลำพูนในปัจจุบัน บนสันเขายังมีทางเดินเชื่อมกันยนยอดเขาตอนกลางจะราบเรียบกว้างประมาณ 6 เมตร มีก้อนหินวางเรียงสองฟากติดต่อกันตลอดแนวดุจถนนบนภูเขา จนถึงดอนกู่พญายีบาดอยบาไห้(พญาร้องไห้ด้วยความเสียใจ ในขณะที่หนีขึ้นเดินอยู่ดอย เหลียวไปดูเมืองหริภุญชัย เห็นไฟลุกโชติช่วง)เนื่องจากพญาเม็งรายยึดเมืองได้จึงเอาไฟเผาเมือง พญาเบิกเป็นยอดนักรบคงกระพันชาตรี มีกุศโลบายในการวางผังรบอย่างลึกซึ้งและฉกาจฉกรรจ์ เช่น การตั้งลำเลเวียงต้าน  <br /><br />การชุ่มรี้พลตามแนวเขาราบแบบกองโจรรบกวนทัพพญาเม็งรายที่จะเข้าตีถึงเมืองเขลางค์ นับว่าเป็นอัจฉริยะในการรบอย่างยิ่ง ขณะที่พญาเบิกเสียทัพอย่างสิ้นเชิงจนถึงถูกจับได้ก็ไม่อาจปลงพระชนม์ได้เนื่องจากคงกระพันชาตรีเป็นที่ยิ่ง จึงได้นำตัวพญาเบิก  ขึ้นไปขุดหลุมฝังจนสิ้นพระชนม์ ณ ยอดดอยแห่งหนึ่งในทิวเขาขุนตานปัจจุบันเรียกว่า &quot;ดอยพญาลำปาง&quot;ในเขตบ้านทุ่งเกวียน  ตำบลเวียงตาล อำเภอห้างฉัตร ต่อเขตอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน         เพื่อเทิดทูนอัจฉริยะประวัติพญาเบิก ทั้งช้างเผือกคู่บารมี หรือเจ้าพ่อขุนตานเป็นมิ่งขวัญของชาวอำเภอห้างฉัตรและ เป็นปูชนียบุคคลพร้อมชาวอำเภอห้างฉัตรจึงพร้อมใจกันเสียสละเพื่อก่อสร้าง  อนุสาวรีย์เจ้าพ่อขุนตาน เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2528  ฯพณฯบุญเท่ง ทองสวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีประธานพิธีวางศิลาฤกษ์ สมัยร้อยตรีชัยโรจน์ ประภาสวัต ดำรงตำแหน่งนายอำเภอห้างฉัตร  ไว้เป็นเกียรติประวัตินักรบชื่อก้องของอำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง และจังหวัดลำพูนสืบมา<br /><br />การบวงสรวงอนุสาวรีย์เจ้าพ่อขุนตาน   สภาวัฒนธรรมอำเภอห้างฉัตรร่วมกับสภาวัฒนธรรมตำบลเวียงตาล พร้อมหน่วยงานต่าง ๆ ข้าราชการประชาชนทุกเหล่าได้พร้อมใจกันจัดพิธีทำบุญบวงสรวงเจ้าพ่อขุนตานหรือพญาเบิก ในวันที่ 12 พฤษภาคมของทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์คือ         <br />          เพื่อเป็นการรำลึกถึงเกียรติคุณความดี และวีรกรรมของเจ้าพ่อขุนตาน<br /><br />         เพื่อเป็นการร่วมแสดงพลังความสามัคคีของท้องถิ่น<br /><br />         เพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นให้ดำรงสืบไป<br /><br />         เพื่อเป็นสิริมงคลแด่บ้านเมือง ข้าราชการ เหล่าบรรดาผู้สืบตระกูล และประชาชนชาวลำปาง
ประวัติเจ้าพ่อขุนตาน เจ้าพ่อขุนตาน มีพระนามว่า " พญาเบิก" เป็นเจ้าเมืองเขลางค์นคร (ลำปาง) และเจ้าเมืองเวียงตานในอำเภอห้างฉัตรเป็น ราชบุตรของพญายีบาเจ้านครหริภุญชัย (ลำพูน)ในราชวงศ์แห่งจามเทวี เป็นธรรมเนียมและราชประเพณีแห่งราชวงศ์จามเทวีราชบุตร ใดจะครองนครหริภุญชัย (ลำพูน) สืบต่อในราชวงศ์จามเทวีจะแต่งตั้ง เป็นยุพราชในครองเมืองเขลางค์นคร(ลำปาง)เสียก่อน

ในปี พ.ศ.1814 ครั้งพญายีบาเป็นเจ้าครองนครหริภุญชัย(ลำพูน) ก็ได้ให้พญาเบิกราชบุตรในฐานะยุพราช ไปครองเมือง เขลางค์นคร(ลำปาง) จนกระทั่งปี พ.ศ.1838กองทัพพญาเม็งราย เจ้าเมืองเชียงรายและเจ้าเมืองฝางได้ยกไพร่พลมาตีเมืองหริภุญชัย(ลำพูน) และยึดเมืองหริภุญชัยได้พญายีบาจึงเสด็จหนีไปพึ่งพญาเบิกผู้เป็นราชบุตรที่เมืองเขลางค์นครพญาเบิกเข้าเมืองเขลางค์นคร จึงสะสมไพร่พลและเพื่อความมั่นคงของเมืองเขลางค์นคร จึงไปสร้างเมืองต้านศึกในบริเวณพื้นที่แห่งหนึ่งในเขตอำเภอห้างฉัตรใกล้กับ ทิวเขาใหญ่เมืองนั้นต่อมามีนามว่า "เวียงต้าน" (เวียงตาลซึ่งเป็นเมืองร้างในปัจจุบัน)ส่วนทิวเขาสูงยาเหยียดนั้นระหว่างลำปางและลำพูน ซึ่งเป็นแนววางกำลังไพร่พลตีสกัดทัพพญาเม็งราย ต่อมาเรียกว่า ดอยขุนต้าน(ดอยขุนตาลในปัจจุบัน)

การสู้รบที่เมืองต้นศึก และตามแนวทิวเขาขุนต้านเป็นการสู้รบอย่างหนักในที่สุดก็พ่ายแพ้ทัพพญาเม็งรายถอยร่นมาติด หล่มหนองใหญ่แห่งหนึ่ง ปัจจุบันคือบ้านหนองหล่มและแพ้อย่างสิ้นเชิง่ที่ตำบลเนินทุ่งแห่งหนึ่ง ปัจจุบันก็คือ บ้านหลิ่งก้าน ในตำบลหนองหล่ม อำเภอห้างฉัตรนั่นเองร่องรอยการเดินทัพของพญายีบาพญาเบิกและพญาเม็งรายในการรบกันในครั้งนั้นยังมีอยู่ บนทิวเขาดอยขุนตาน จนกระทั่งบัดนี้ เช่นที่แนวขุนห้วยสานต่อแนวที่จะลงเขาในเขตอำเภอแม่ทาและตอนใกล้ วิทยาลัยการเกษตรลำพูนในปัจจุบัน บนสันเขายังมีทางเดินเชื่อมกันยนยอดเขาตอนกลางจะราบเรียบกว้างประมาณ 6 เมตร มีก้อนหินวางเรียงสองฟากติดต่อกันตลอดแนวดุจถนนบนภูเขา จนถึงดอนกู่พญายีบาดอยบาไห้(พญาร้องไห้ด้วยความเสียใจ ในขณะที่หนีขึ้นเดินอยู่ดอย เหลียวไปดูเมืองหริภุญชัย เห็นไฟลุกโชติช่วง)เนื่องจากพญาเม็งรายยึดเมืองได้จึงเอาไฟเผาเมือง พญาเบิกเป็นยอดนักรบคงกระพันชาตรี มีกุศโลบายในการวางผังรบอย่างลึกซึ้งและฉกาจฉกรรจ์ เช่น การตั้งลำเลเวียงต้าน

การชุ่มรี้พลตามแนวเขาราบแบบกองโจรรบกวนทัพพญาเม็งรายที่จะเข้าตีถึงเมืองเขลางค์ นับว่าเป็นอัจฉริยะในการรบอย่างยิ่ง ขณะที่พญาเบิกเสียทัพอย่างสิ้นเชิงจนถึงถูกจับได้ก็ไม่อาจปลงพระชนม์ได้เนื่องจากคงกระพันชาตรีเป็นที่ยิ่ง จึงได้นำตัวพญาเบิก ขึ้นไปขุดหลุมฝังจนสิ้นพระชนม์ ณ ยอดดอยแห่งหนึ่งในทิวเขาขุนตานปัจจุบันเรียกว่า "ดอยพญาลำปาง"ในเขตบ้านทุ่งเกวียน ตำบลเวียงตาล อำเภอห้างฉัตร ต่อเขตอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน เพื่อเทิดทูนอัจฉริยะประวัติพญาเบิก ทั้งช้างเผือกคู่บารมี หรือเจ้าพ่อขุนตานเป็นมิ่งขวัญของชาวอำเภอห้างฉัตรและ เป็นปูชนียบุคคลพร้อมชาวอำเภอห้างฉัตรจึงพร้อมใจกันเสียสละเพื่อก่อสร้าง อนุสาวรีย์เจ้าพ่อขุนตาน เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2528 ฯพณฯบุญเท่ง ทองสวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีประธานพิธีวางศิลาฤกษ์ สมัยร้อยตรีชัยโรจน์ ประภาสวัต ดำรงตำแหน่งนายอำเภอห้างฉัตร ไว้เป็นเกียรติประวัตินักรบชื่อก้องของอำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง และจังหวัดลำพูนสืบมา

การบวงสรวงอนุสาวรีย์เจ้าพ่อขุนตาน สภาวัฒนธรรมอำเภอห้างฉัตรร่วมกับสภาวัฒนธรรมตำบลเวียงตาล พร้อมหน่วยงานต่าง ๆ ข้าราชการประชาชนทุกเหล่าได้พร้อมใจกันจัดพิธีทำบุญบวงสรวงเจ้าพ่อขุนตานหรือพญาเบิก ในวันที่ 12 พฤษภาคมของทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์คือ
เพื่อเป็นการรำลึกถึงเกียรติคุณความดี และวีรกรรมของเจ้าพ่อขุนตาน

เพื่อเป็นการร่วมแสดงพลังความสามัคคีของท้องถิ่น

เพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นให้ดำรงสืบไป

เพื่อเป็นสิริมงคลแด่บ้านเมือง ข้าราชการ เหล่าบรรดาผู้สืบตระกูล และประชาชนชาวลำปาง
ปั่นแสวงบุญ (759).JPG (329.55 KiB) เข้าดูแล้ว 150 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (762).JPG
ปั่นแสวงบุญ (762).JPG (298.4 KiB) เข้าดูแล้ว 150 ครั้ง
ปั่นแสวงบุญ (763).JPG
ปั่นแสวงบุญ (763).JPG (324.88 KiB) เข้าดูแล้ว 150 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
ตอบกลับ

กลับไปยัง “คุยนอกเรื่องใดๆ ที่ไม่เกี่ยวกับจักรยาน”