ขอบคุณครับ เย็นนี้จะชวนลูกสาวไปปั่นเล่นในหมู่บ้านครับF1 เขียน:เรื่องที่ 8
พ่อขอโทษ
ก้มมองที่ cateye wireless ตาจับที่ตัวเลขระดับความเร็ว จากความตั้งใจที่อยากได้ average ไม่น้อยกว่า 25 กม./ชม.
ทำให้พ่อที่อยู่หลังสุดส่งเสียงกระตุ้นเตือนลูกสาวตัวน้อยเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ให้ทันแม่ที่ปั่นอยู่หน้าสุด
สองข้างทางเป็นสวนสาธารณะสวยงาม ต้นไม้ใหญ่น้อยขึ้นเต็ม หลายครอบครัวปูเสื่อนั่งกินขนม เด็กๆ เปลือยเท้าวิ่งไล่กัน
สนุกสนานบนพื้นหญ้าอ่อนนุ่ม
ลูกสาวตัวน้อยอยากวิ่งเล่นบ้าง อยากแวะข้างทางตรงน้ำตก อยากลงไปเดินข้ามสะพานไม้ อยากให้อาหารปลา แต่ยังต้อง
ปั่นจักรยานอยู่ระหว่างกลางพ่อและแม่ ให้ได้ระยะทาง ได้ความเร็วตามที่พ่อแม่กำหนดจนค่อนมืด และไม่มีความสุข
จนต้องบ่ายเบี่ยงทุกครั้งที่พ่อแม่จะพาไปปั่นจักรยานในครั้งต่อๆ ไป
"พลันได้คิด" เราตั้งใจจะปั่นจักรยานเพื่ออะไร เพื่อความสุขของครอบครัวไง เพื่อความอบอุ่นไง เพื่อจะได้
มีเวลาสนุกสนานด้วยกันไง
ข้อกำหนดใหม่ของพ่อแม่ ความเร็วเท่าไหร่ก็ได้ ระยะทางเท่าไหร่ก็ได้ อยากแวะตรงไหนแวะ อยากวิ่งเล่นตรงไหนวิ่ง
อยากให้อาหารปลาตรงไหนให้ หลังวันนั้น ลูกสาวบอกว่า อาทิตย์หน้ามาใหม่นะพ่อ
เฉลี่ยความเร็วบน cateye wireless ลดเหลือ 10 กม. หน่อย/ชม. ระยะทางหายไปเกือบ 10 กม./ครั้ง
แต่ความเร็วที่ลดลง ระยะทางที่หายไป เปลี่ยนเป็นการเดินจูงมือกันไปดูโน่นดูนี่ วิ่งไล่จับลูก ไล่กอดลูก และทุ่มฟัดกันแทน
ผมไม่ได้รักการปั่นจักรยาน แต่รักการปั่นจักรยานกับครอบครัวที่มีความสุข
พลันได้คิด
-
- สมาชิก
- โพสต์: 20
- ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ม.ค. 2013, 16:03
- Tel: 0836445088
- Bike: POLYGON
Re: พลันได้คิด
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1411
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 12:08
- Tel: 02265 xxxx
- Bike: Boardwalk, Boardwalk ,Boardwalk และ Boardwalk
Re: พลันได้คิด
ยินดีครับคุณหญ้าเจ้าชู้
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1411
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 12:08
- Tel: 02265 xxxx
- Bike: Boardwalk, Boardwalk ,Boardwalk และ Boardwalk
Re: พลันได้คิด
เรื่องที่ 15
ผู้หญิงหากิน (2)
ทุกวันทำงานตอนค่ำ ผมสามคนพ่อแม่ลูก จะออกจากธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่ ผ่านสีลม สุรวงศ์ สี่พระยา เยาวราช
เจริญกรุง เฟื่องนคร แพร่งสรรพศาสตร์ บูรณศาสตร์ ออกราชดำเนินมุ่งตรงขึ้นสะพานพระปิ่นเกล้ากลับบ้าน
ต้นเส้นทางเป็นย่านธุรกิจคนรวย กลุ่มผู้ค้าขายระดับประเทศ และที่ดินที่มีราคาสูงสุดของประเทศ คนบนถนนมีพนักงาน
สำนักงานแต่งตัวสวย นักธุรกิจต่างประเทศ นักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ปลายเส้นทางก่อนออกราชดำเนิน ย่านเฟื่องนคร
แพร่งสรรพศาสตร์ บูรณศาสตร์ ตรอกสาเก พบโรงแรมราคาถูกและผู้หญิงหากินราคาถูกเดินไปมา ยืน หรือนั่งปูเสื่อ
กินข้าวอยู่บนฟุตบาตข้างถนน จำนวนมาก
ผมชี้ให้ลูกสาวคนน้อยดูและบอกเค้าว่าพวกนี้เป็นผู้หญิงหากิน เค้าถามว่าเป็นยังไง ผมตอบว่าคนที่ต้องทนให้ผู้ชายคนอื่น
ที่ไม่เคยรู้จักกัน หอม กอด เพื่อแลกกับเงินที่ต้องกินต้องใช้ ลูกสาวผมบอกว่า น่าสงสารเค้าเนอะ
ผมยิ้ม เพราะวันนี้ลูกสาวผมได้บทเรียนในการมองคนไปแล้วอีก 1 บท
นึกไม่ออกว่าทำไมผมบอกกับลูกสาวไปแบบนั้น และนึกไม่ออกเหมือนกันว่าทำไมผมถึงชอบมองคนพวกนี้ ด้วยความรู้สึกเห็นใจ
พอดีเมื่อคืนได้อ่านนิยายจีนที่เคยอ่านเมื่อสมัยเด็ก ก็เลย "พลันได้คิด" ว่าสิ่งที่อ่านไปบางเรื่องตอนเด็ก
ถ้ามันเป็นเรื่องดีๆ มันก็สร้างทัศนคติและลักษณะนิสัยบางอย่างให้กับเราเหมือนกัน
ขอตัดต่อมานะครับ โดยโกวเล้ง จากเรื่อง "พญามังกรเจ็ดดาว" แค่ไม่กี่ประโยค เค้าบรรยายได้ครบถ้วนจริงๆ
หลังร้านสุรามีตรอกแคบสายหนึ่งทั้งแคบทั้งสั้น ทั้งสกปรก ทั้งเหม็นคลุ้ง พอย่างเข้าฤดูร้อน ยุงและแมลงวันทั่วทั้งเมือง
คล้ายชุมนุมอยู่ที่นี้จนหมดสิ้น นอกจากยุงและแมลงวัน ยังมีคนบางคนชุมนุมอยู่ที่นี้ คนที่ในสายตาผู้อื่น ดูไปไม่แตกต่าง
จากยุงและแมลงวันเท่าใด
ในห้องไม้ชำรุดสองฟากข้างตรอกทั้งหลายสิบหลัง มีสตรีราคาถูกที่สุดคอยบริการ พวกนางไม่ใช่ขี้ริ้วเกินไป ก็ชราเกินไป
ดังนั้นพวกนางล้วนจึงยืนอยู่ในตำแหน่งมืดมิดที่สุด ทุกค่ำคืนพวกนางล้วนรอคอยเทพแห่งวาสนาเยือนกราย
เทพแห่งวาสนาในสายตาพวกนาง คือแขกที่ทั้งมากเงินทอง และเมามายจนเลอะเทอะเหล่านั้น
ค่ำคืนนี้ในห้องไม้ชำรุดที่สุดตั้งอยู่ในซอกมุมมืดครึ้มที่สุดบังเกิดเสียงซอสามสายที่เก่าคร่ำคร่าและวิเวกดังออกมา
พอได้ยินเสียงดนตรีนี้ ทุกผู้คนในตรอกต่างทราบว่า แขกสูงอายุของตั่วอาเจ้ (พี่สาวใหญ่) มาอีกแล้ว
ชื่อเดิมของตั่วอาเจ้เรียกว่าฮุ้นเชียบ (นกกระจาบฝน) ไม่เพียงอ้อนแอ้นราวฮุ้นเชียบ ทั้งยังมีเสียงไพเราะเสนาะหูราวฮุ้นเชียบ
แต่นั่นเป็นอดีตเมื่อสามสิบปีก่อนแล้ว สามสิบปีที่เคี่ยวกรำโดยไร้น้ำใจ แปรเปลี่ยนโฉมสะคราญล่มเมืองเมื่อครั้งกระโน้น
เป็นสตรีที่น่าเวทนานางหนึ่ง รอยย่นบนใบหน้านางยิ่งมากแขกที่มาหานางยิ่งน้อย ระหว่างนี้นอกจากชายชราร่างเล็ก
ที่ประหลาดพิกลผู้นี้นางไม่มีแขกอื่นอีก
แต่นางไม่มีที่ไปอื่นอีก ดังนั้นได้แต่รั้งอยู่ในซอกมุมมืดครึ้มที่สุดของตรอกดุจเบญจมาศที่ร่วงโรยต้นหนึ่ง รอวันโรยราในลมหนาว
ผู้หญิงหากิน (2)
ทุกวันทำงานตอนค่ำ ผมสามคนพ่อแม่ลูก จะออกจากธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่ ผ่านสีลม สุรวงศ์ สี่พระยา เยาวราช
เจริญกรุง เฟื่องนคร แพร่งสรรพศาสตร์ บูรณศาสตร์ ออกราชดำเนินมุ่งตรงขึ้นสะพานพระปิ่นเกล้ากลับบ้าน
ต้นเส้นทางเป็นย่านธุรกิจคนรวย กลุ่มผู้ค้าขายระดับประเทศ และที่ดินที่มีราคาสูงสุดของประเทศ คนบนถนนมีพนักงาน
สำนักงานแต่งตัวสวย นักธุรกิจต่างประเทศ นักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ปลายเส้นทางก่อนออกราชดำเนิน ย่านเฟื่องนคร
แพร่งสรรพศาสตร์ บูรณศาสตร์ ตรอกสาเก พบโรงแรมราคาถูกและผู้หญิงหากินราคาถูกเดินไปมา ยืน หรือนั่งปูเสื่อ
กินข้าวอยู่บนฟุตบาตข้างถนน จำนวนมาก
ผมชี้ให้ลูกสาวคนน้อยดูและบอกเค้าว่าพวกนี้เป็นผู้หญิงหากิน เค้าถามว่าเป็นยังไง ผมตอบว่าคนที่ต้องทนให้ผู้ชายคนอื่น
ที่ไม่เคยรู้จักกัน หอม กอด เพื่อแลกกับเงินที่ต้องกินต้องใช้ ลูกสาวผมบอกว่า น่าสงสารเค้าเนอะ
ผมยิ้ม เพราะวันนี้ลูกสาวผมได้บทเรียนในการมองคนไปแล้วอีก 1 บท
นึกไม่ออกว่าทำไมผมบอกกับลูกสาวไปแบบนั้น และนึกไม่ออกเหมือนกันว่าทำไมผมถึงชอบมองคนพวกนี้ ด้วยความรู้สึกเห็นใจ
พอดีเมื่อคืนได้อ่านนิยายจีนที่เคยอ่านเมื่อสมัยเด็ก ก็เลย "พลันได้คิด" ว่าสิ่งที่อ่านไปบางเรื่องตอนเด็ก
ถ้ามันเป็นเรื่องดีๆ มันก็สร้างทัศนคติและลักษณะนิสัยบางอย่างให้กับเราเหมือนกัน
ขอตัดต่อมานะครับ โดยโกวเล้ง จากเรื่อง "พญามังกรเจ็ดดาว" แค่ไม่กี่ประโยค เค้าบรรยายได้ครบถ้วนจริงๆ
หลังร้านสุรามีตรอกแคบสายหนึ่งทั้งแคบทั้งสั้น ทั้งสกปรก ทั้งเหม็นคลุ้ง พอย่างเข้าฤดูร้อน ยุงและแมลงวันทั่วทั้งเมือง
คล้ายชุมนุมอยู่ที่นี้จนหมดสิ้น นอกจากยุงและแมลงวัน ยังมีคนบางคนชุมนุมอยู่ที่นี้ คนที่ในสายตาผู้อื่น ดูไปไม่แตกต่าง
จากยุงและแมลงวันเท่าใด
ในห้องไม้ชำรุดสองฟากข้างตรอกทั้งหลายสิบหลัง มีสตรีราคาถูกที่สุดคอยบริการ พวกนางไม่ใช่ขี้ริ้วเกินไป ก็ชราเกินไป
ดังนั้นพวกนางล้วนจึงยืนอยู่ในตำแหน่งมืดมิดที่สุด ทุกค่ำคืนพวกนางล้วนรอคอยเทพแห่งวาสนาเยือนกราย
เทพแห่งวาสนาในสายตาพวกนาง คือแขกที่ทั้งมากเงินทอง และเมามายจนเลอะเทอะเหล่านั้น
ค่ำคืนนี้ในห้องไม้ชำรุดที่สุดตั้งอยู่ในซอกมุมมืดครึ้มที่สุดบังเกิดเสียงซอสามสายที่เก่าคร่ำคร่าและวิเวกดังออกมา
พอได้ยินเสียงดนตรีนี้ ทุกผู้คนในตรอกต่างทราบว่า แขกสูงอายุของตั่วอาเจ้ (พี่สาวใหญ่) มาอีกแล้ว
ชื่อเดิมของตั่วอาเจ้เรียกว่าฮุ้นเชียบ (นกกระจาบฝน) ไม่เพียงอ้อนแอ้นราวฮุ้นเชียบ ทั้งยังมีเสียงไพเราะเสนาะหูราวฮุ้นเชียบ
แต่นั่นเป็นอดีตเมื่อสามสิบปีก่อนแล้ว สามสิบปีที่เคี่ยวกรำโดยไร้น้ำใจ แปรเปลี่ยนโฉมสะคราญล่มเมืองเมื่อครั้งกระโน้น
เป็นสตรีที่น่าเวทนานางหนึ่ง รอยย่นบนใบหน้านางยิ่งมากแขกที่มาหานางยิ่งน้อย ระหว่างนี้นอกจากชายชราร่างเล็ก
ที่ประหลาดพิกลผู้นี้นางไม่มีแขกอื่นอีก
แต่นางไม่มีที่ไปอื่นอีก ดังนั้นได้แต่รั้งอยู่ในซอกมุมมืดครึ้มที่สุดของตรอกดุจเบญจมาศที่ร่วงโรยต้นหนึ่ง รอวันโรยราในลมหนาว
แก้ไขล่าสุดโดย F1 เมื่อ 10 ส.ค. 2013, 12:21, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1411
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 12:08
- Tel: 02265 xxxx
- Bike: Boardwalk, Boardwalk ,Boardwalk และ Boardwalk
Re: พลันได้คิด
เรื่องที่ 16
โอกาส
หลังดู "พลันได้คิด"
"โอกาส" ของคนอื่นอาจเป็นเราที่ให้ ขึ้นอยู่ว่าเราจะให้โอกาสตัวเองไปให้โอกาสคนอื่นหรือไม่
หมายเหตุ คลิ๊กที่คำว่า ดูบน youtube นะครับ
โอกาส
หลังดู "พลันได้คิด"
"โอกาส" ของคนอื่นอาจเป็นเราที่ให้ ขึ้นอยู่ว่าเราจะให้โอกาสตัวเองไปให้โอกาสคนอื่นหรือไม่
หมายเหตุ คลิ๊กที่คำว่า ดูบน youtube นะครับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1411
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 12:08
- Tel: 02265 xxxx
- Bike: Boardwalk, Boardwalk ,Boardwalk และ Boardwalk
Re: พลันได้คิด
เรื่องที่ 17
คุณเห็นอะไร (2)
คุณเห็นอะไร (2)
- ไฟล์แนบ
-
- 104431383[1].jpg (59.95 KiB) เข้าดูแล้ว 208 ครั้ง
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1411
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 12:08
- Tel: 02265 xxxx
- Bike: Boardwalk, Boardwalk ,Boardwalk และ Boardwalk
Re: พลันได้คิด
.....................
เมื่อก่อนแวบแรกที่เห็นไม่ว่าบนท้องถนนในไทย หรือ ในรูป โคตรอ้วน โคตรดำ ดันอยากเป็นกระเทย แต่งสีซะแดงแปร๊ด
ทำยังไงมันก็ไม่สวยขึ้นมาหรอก ทุเรศ เห็นแล้วไม่อยากเข้าใกล้ ขยะแขยง หรือ ไม่ก็ตลกที่พวกนี้ไม่เจียมตัว เห็นแล้วเครียด
"พลันได้คิด"
จริงๆ แล้วพวกนี้เจ๋งว่ะ ทุกคนมีความมั่นใจในตัวเอง ทุกคนได้ใช้สิทธิแสดงความเป็นตัวตนของตนเอง ทุกคนมีความสุข
หากได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบโดยไม่ต้องไปสนใจใคร ตราบใดที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน มีความสุขร่วมไปกับเค้าเถอะ
แล้วเราเองก็จะอมยิ้มน้อยๆ อย่างสบายใจ
เมื่อก่อนแวบแรกที่เห็นไม่ว่าบนท้องถนนในไทย หรือ ในรูป โคตรอ้วน โคตรดำ ดันอยากเป็นกระเทย แต่งสีซะแดงแปร๊ด
ทำยังไงมันก็ไม่สวยขึ้นมาหรอก ทุเรศ เห็นแล้วไม่อยากเข้าใกล้ ขยะแขยง หรือ ไม่ก็ตลกที่พวกนี้ไม่เจียมตัว เห็นแล้วเครียด
"พลันได้คิด"
จริงๆ แล้วพวกนี้เจ๋งว่ะ ทุกคนมีความมั่นใจในตัวเอง ทุกคนได้ใช้สิทธิแสดงความเป็นตัวตนของตนเอง ทุกคนมีความสุข
หากได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบโดยไม่ต้องไปสนใจใคร ตราบใดที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน มีความสุขร่วมไปกับเค้าเถอะ
แล้วเราเองก็จะอมยิ้มน้อยๆ อย่างสบายใจ
แก้ไขล่าสุดโดย F1 เมื่อ 01 ก.ค. 2013, 23:18, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
- จำรัส ละหานทราย
- ขาประจำ
- โพสต์: 1039
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ม.ค. 2011, 10:47
- Tel: 087 261 7279
- team: -
Re: พลันได้คิด
ขอติดตามด้วยคน ขอบคุณมากครับ คุณ F1
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1411
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 12:08
- Tel: 02265 xxxx
- Bike: Boardwalk, Boardwalk ,Boardwalk และ Boardwalk
Re: พลันได้คิด
ยินดี และขอบคุณครับจำรัส ละหานทราย เขียน:ขอติดตามด้วยคน ขอบคุณมากครับ คุณ F1
-
- สมาชิก
- โพสต์: 78
- ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ส.ค. 2012, 12:03
- Tel: 1234567890
- team: no team
- Bike: no name
Re: พลันได้คิด
F1 เขียน:เรื่องที่ 13
ถ้วยรางวัล
ตลอด 4 ปี ที่ผ่านมา เป็นเวลา 26 สัปดาห์/ปี ทุกเย็นวันศุกร์ต้องเดินทาง จากย่านซอยอารีย์มุ่งหน้าสู่ถนนรามคำแหง ผ่านทางด่วน ผ่านถนนที่รถราติดมากมาย
ไหนจะวันศุกร์สิ้นเดือน ไหนจะวันศุกร์ที่ฝนตกหนักจนน้ำท่วม หลายครั้งที่ทำงานอยู่ต่างจังหวัด ต้องตีรถกลับ บินกลับ มาต่อรถไฟฟ้า ต่อมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขับเร็ว
จนน่ากลัวว่าจะเอาชีวิตไปทิ้งไว้ข้างถนน เพื่อไปให้ทันการแข่งขันโบว์ลิ่งลีคระหว่างธนาคาร
เริ่มแข่ง 2 ทุ่ม เสร็จ 5 ทุ่ม เดินทางกลับบ้านจากรามคำแหง - พุทธมณฑล ถึงบ้านเที่ยงคืน หรือ ตีหนึ่ง ได้แต่กอดแต่หอม ลูกสาวที่หลับไปแล้ว
เมื่อวานผมได้ถ้วยรางวัลจากการแข่งขันปีล่าสุดมาอีก 1 ใบ วันนี้มันวางอยู่ข้างโทรทัศน์ในห้องรับแขก และคงวางอยู่ตรงนั้นอีก 1 - 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นคงย้ายขึ้นไป
กองรวมกันบนตู้เสื้อผ้าในห้องนอน แล้วลืมมันไปในไม่ช้า
"พลันได้คิด" หลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่าง ที่ลงทุนทั้งเวลา ทั้งทุนทรัพย์ และอื่นๆ อีกมาก มันเพื่อถ้วยรางวัลใบเดียวแค่นี้เองหรือ มันคุ้มกับการลงทุนทั้งหมดหรือ
ความสุขจริงๆ ของเราอยู่ตรงไหน ชัยชนะที่มีคุณค่ากับเราจริงๆ อยู่ที่ไหน มันอยู่ที่ถ้วยรางวัลใบนี้หรือ คำตอบคือ "ไม่ใช่"
วันนี้ผมขอลาออกจากตำแหน่งนักกีฬาโบว์ลิ่งตัวจริงของธนาคาร ขอเป็นนักกีฬาตัวสำรองเมื่อเวลาฉุกเฉินจำเป็นจริงๆ เท่านั้น
หลัง "พลันได้คิด" และขอลาออก ทำให้ปีต่อไปผมอาจไม่ได้ถ้วยรางวัลอีก แต่วันสุข (ศุกร์) ของผมเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 20 สัปดาห์ต่อปี
เหมือนกันค่ะ บางครั้งที่คิดขึ้นมาน้ำตาตกในเลย ถ้วยเป็นมายา เวลาที่เสียไปเป็นของจริง เราทิ้งครอบครัวเพื่อความสุขจอมปลอมของเราคนเดียว เวลาทั้งหลายย้อนคืนกลับมาไม่ได้ แต่ก็ถนอมเวลาที่เหลือและใช้ให้คุ้มค่าชดเชยกับที่เคยเสียไป
- piya wongubon
- สมาชิก
- โพสต์: 42
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ส.ค. 2008, 18:26
- Tel: 0863814902
- team: บางเลน 346
- Bike: มุด
Re: พลันได้คิด
เเม่นี้..มีบุญคุณ...อันใหญ่หลวง........
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1411
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 12:08
- Tel: 02265 xxxx
- Bike: Boardwalk, Boardwalk ,Boardwalk และ Boardwalk
Re: พลันได้คิด
ถ้วยเป็นมายา เวลาที่เสียไปเป็นของจริง เราทิ้งครอบครัวเพื่อความสุขจอมปลอมของเราคนเดียวride เขียน:
เวลาทั้งหลายย้อนคืนกลับมาไม่ได้ แต่ก็ถนอมเวลาที่เหลือและใช้ให้คุ้มค่าชดเชยกับที่เคยเสียไป
ขอให้ครอบครัวมีความสุขมากๆ ครับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1411
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 12:08
- Tel: 02265 xxxx
- Bike: Boardwalk, Boardwalk ,Boardwalk และ Boardwalk
Re: พลันได้คิด
ว่างๆ ขอเอากระทู้อื่นๆ มารวมไว้ใน กระทู้ "พลันได้คิด" ครับ
เรื่องที่ 18
ผมแพ้แล้ว
โต๊ะสนุ๊กย่านประดิพัทธ์ ชุมนุมไปด้วยเหล่ามือเซียนระดับสมัครเล่น หลายคนเป็นนักกีฬาเหรียญทอง - ทองแดง ในกีฬารัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย
ยอดเงินพนันพอหอมปากหอมคอแถวๆ ลูกละ 100 - 200 บาท ถือว่าไม่ดุดันนักเมื่อเทียบกับตำแหน่งงาน และอัตราเงินเดือนของแต่ละบุคคลที่ได้รับ
วันธรรมดาเล่นกันนิดๆ หน่อยๆ เลิกไม่ดึกมากเพราะหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบในวันรุ่งขึ้น ส่วนวันศุกร์ถึงไหนถึงกัน
เมื่อได้รับข่าวข้างต้นจากเพื่อน นักกีฬารัฐวิสาหกิจระดับเหรียญเงิน-ทองแดง และนักสนุ๊กเกอร์เก่าอย่างผมมีหรือจะไม่สนใจ
ศุกร์นึงลูกสาวผมไปพักที่บ้านป้า จึงได้รับไฟเขียวจาก ผบ. ให้ถึงไหนถึงกันได้ วันนี้แหละที่จะได้เล่นอย่างสมอยากหลังห่างหายไปนาน
เหลี่ยมยังอยู่ในหัว ไซค์โป้ง ไซค์ก้อย โฟโล่ สกูร สตัน ยังจำได้หมด
เมื่อลงปะทะ การต่อสู้ช่วงต้นยังคงเป็นไปอย่างสูสีสนุกสนาน ถ้อยทีถ้อยอาศัย ด้วยระดับฝีมือของทุกคนผมมองแล้วว่าสู้ได้
แต่ผมเริ่มมีปัญหาในการควบคุมร่างกาย หลายครั้งที่จิตใจบังคับกล้ามเนื้อมัดเล็ก มัดใหญ่ ข้อมือ แขนและหัวไหล่ทั้งหมดไม่ได้
กล้ามเนื้อผมลืมกีฬาสนุ๊กเกอร์ไปแล้ว กล้ามเนื้อผมจำได้แต่กีฬาโบว์ลิ่งซึ่งมีลักษณะการใช้แขนขวาแตกต่างกับกีฬาสนุ๊กเกอร์โดยสิ้นเชิง
ยิ่งดึกยิ่งไม่สามารถควบคุมอะไรได้ ร่างกายอ่อนล้าแต่ใจยังแข็งอยากสู้ต่อ ฝีมือเราไม่ได้แตกต่างจากเค้าเลย บางครั้งดูน่าจะเป็นต่อด้วยซ้ำ
แต่ผมลืมไปว่ามันผ่านจุดรุ่งเรืองในกีฬาสนุ๊กเกอร์ของผมไปแล้ว และกีฬาที่ผมได้รับเหรียญเงิน - ทองแดง มันเป็นโบว์ลิ่ง มันไม่ใช่สนุ๊กเกอร์
ผลการปะทะจนค่อนเช้าที่เราเลิกรากัน ผมพ่ายแพ้อย่างหมดรูป
กลับถึงบ้านหกโมงเช้า เข้านอนหกโมงครึ่ง ตื่นแปดโมงครึ่ง ลงมากินกาแฟ ไข่ดาว ขนมปัง ที่ ผบ. เตรียมให้
หลังอาหารเช้าผมมีอาการแน่นหน้าอก และหอบอย่างรุนแรง ผบ. เอาขึ้นรถไปส่งห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน หมอวินิจฉัยแล้วบอกว่า
ความดันสูง และพักผ่อนน้อยเกินไป
ระหว่างกลับจากโรงพยาบาล ผบ. บอกว่า เค้าเริ่มเป็นห่วงผมตั้งแต่ตีสอง และนอนไม่ค่อยหลับ ยิ่งผมมาไม่สบายแบบนี้ด้วย
ดังนั้นเพื่อป้องกันเหตุทั้งปวง ขอมีมาตราการใหม่ขั้นเด็ดขาดว่าต่อไปนี้ถ้าจะไปเที่ยวไหนอีก ห้ามกลับบ้านเกินตีสอง
ผมยิ้ม รับปาก แต่ในใจคิดว่าคงไม่ถึงขนาดนั้นแล้วมั้ง เมื่อคืนผมแพ้หมดแล้วทั้งร่างกาย และฝีมือ
เรื่องที่ 18
ผมแพ้แล้ว
โต๊ะสนุ๊กย่านประดิพัทธ์ ชุมนุมไปด้วยเหล่ามือเซียนระดับสมัครเล่น หลายคนเป็นนักกีฬาเหรียญทอง - ทองแดง ในกีฬารัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย
ยอดเงินพนันพอหอมปากหอมคอแถวๆ ลูกละ 100 - 200 บาท ถือว่าไม่ดุดันนักเมื่อเทียบกับตำแหน่งงาน และอัตราเงินเดือนของแต่ละบุคคลที่ได้รับ
วันธรรมดาเล่นกันนิดๆ หน่อยๆ เลิกไม่ดึกมากเพราะหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบในวันรุ่งขึ้น ส่วนวันศุกร์ถึงไหนถึงกัน
เมื่อได้รับข่าวข้างต้นจากเพื่อน นักกีฬารัฐวิสาหกิจระดับเหรียญเงิน-ทองแดง และนักสนุ๊กเกอร์เก่าอย่างผมมีหรือจะไม่สนใจ
ศุกร์นึงลูกสาวผมไปพักที่บ้านป้า จึงได้รับไฟเขียวจาก ผบ. ให้ถึงไหนถึงกันได้ วันนี้แหละที่จะได้เล่นอย่างสมอยากหลังห่างหายไปนาน
เหลี่ยมยังอยู่ในหัว ไซค์โป้ง ไซค์ก้อย โฟโล่ สกูร สตัน ยังจำได้หมด
เมื่อลงปะทะ การต่อสู้ช่วงต้นยังคงเป็นไปอย่างสูสีสนุกสนาน ถ้อยทีถ้อยอาศัย ด้วยระดับฝีมือของทุกคนผมมองแล้วว่าสู้ได้
แต่ผมเริ่มมีปัญหาในการควบคุมร่างกาย หลายครั้งที่จิตใจบังคับกล้ามเนื้อมัดเล็ก มัดใหญ่ ข้อมือ แขนและหัวไหล่ทั้งหมดไม่ได้
กล้ามเนื้อผมลืมกีฬาสนุ๊กเกอร์ไปแล้ว กล้ามเนื้อผมจำได้แต่กีฬาโบว์ลิ่งซึ่งมีลักษณะการใช้แขนขวาแตกต่างกับกีฬาสนุ๊กเกอร์โดยสิ้นเชิง
ยิ่งดึกยิ่งไม่สามารถควบคุมอะไรได้ ร่างกายอ่อนล้าแต่ใจยังแข็งอยากสู้ต่อ ฝีมือเราไม่ได้แตกต่างจากเค้าเลย บางครั้งดูน่าจะเป็นต่อด้วยซ้ำ
แต่ผมลืมไปว่ามันผ่านจุดรุ่งเรืองในกีฬาสนุ๊กเกอร์ของผมไปแล้ว และกีฬาที่ผมได้รับเหรียญเงิน - ทองแดง มันเป็นโบว์ลิ่ง มันไม่ใช่สนุ๊กเกอร์
ผลการปะทะจนค่อนเช้าที่เราเลิกรากัน ผมพ่ายแพ้อย่างหมดรูป
กลับถึงบ้านหกโมงเช้า เข้านอนหกโมงครึ่ง ตื่นแปดโมงครึ่ง ลงมากินกาแฟ ไข่ดาว ขนมปัง ที่ ผบ. เตรียมให้
หลังอาหารเช้าผมมีอาการแน่นหน้าอก และหอบอย่างรุนแรง ผบ. เอาขึ้นรถไปส่งห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน หมอวินิจฉัยแล้วบอกว่า
ความดันสูง และพักผ่อนน้อยเกินไป
ระหว่างกลับจากโรงพยาบาล ผบ. บอกว่า เค้าเริ่มเป็นห่วงผมตั้งแต่ตีสอง และนอนไม่ค่อยหลับ ยิ่งผมมาไม่สบายแบบนี้ด้วย
ดังนั้นเพื่อป้องกันเหตุทั้งปวง ขอมีมาตราการใหม่ขั้นเด็ดขาดว่าต่อไปนี้ถ้าจะไปเที่ยวไหนอีก ห้ามกลับบ้านเกินตีสอง
ผมยิ้ม รับปาก แต่ในใจคิดว่าคงไม่ถึงขนาดนั้นแล้วมั้ง เมื่อคืนผมแพ้หมดแล้วทั้งร่างกาย และฝีมือ
-
- สมาชิก
- โพสต์: 58
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ก.พ. 2013, 01:30
- Tel: 023480125
- team: -
- Bike: bianchi pista via brera
Re: พลันได้คิด
พึ่งจะได้อ่านกระทู้นี้ ชอบมากครับ จะตามอ่านนะครับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1411
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 12:08
- Tel: 02265 xxxx
- Bike: Boardwalk, Boardwalk ,Boardwalk และ Boardwalk
Re: พลันได้คิด
ยินดีครับ มีอะไรมาเล่ามาแบ่งปันประสบการณ์กันบ้างยิ่งดีครับืnop 101 เขียน:พึ่งจะได้อ่านกระทู้นี้ ชอบมากครับ จะตามอ่านนะครับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1411
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 12:08
- Tel: 02265 xxxx
- Bike: Boardwalk, Boardwalk ,Boardwalk และ Boardwalk
Re: พลันได้คิด
เรื่องที่ 19
ไม่มีความยุติธรรมในโลก
"ทำไมพี่ยอมตรวจงานให้พี่ปรีชาโดยที่ไม่ต้องลงทะเบียนส่งงาน แต่ผมทำไมต้องลงทะเบียนก่อนพี่ถึงยอมตรวจให้ อย่างนี้ไม่ยุติธรรมเลย"
credit manager คนนึงต่อว่าผมทั้งที่ผมก็ดูแลเค้าตามปกติตามระเบียนของเนื้องานจนครบถ้วนถูกต้อง
ผมตอบเค้าว่าใช่ "ผมไม่ยุติธรรม" แล้วบอกต่อว่า คุณรู้มั้ยพี่ปรีชารู้จักผมมากี่ปี เกิน 10 ปี แล้ว กินเหล้าด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน เมาด้วยกัน
นอนด้วยกัน แล้วผมดูแลเค้าพิเศษกว่าเนื้องานนิดนึงไม่ได้เหรอ
"พลันได้คิด"ทุกวันนี้หลายคนเรียกร้องความยุติธรรม เพราะหลายคนคิดว่ามันควรจะมี ควรจะใช่ แต่ลืมไปว่าจริงๆ แล้วมันไม่มี
รัก โลภ โกรธ หลง หากละได้ทั้งหมด เป็นอรหันต์กันหมดแล้ว ดังนั้นจึงควรยอมรับว่าคนที่เดินๆ อยู่ตรงหน้าเราทุกคนที่ยังเวียนว่าย
ตายเกิดกันอยู่ก็เพราะยังมีความรู้สึก รัก โลภ โกรธ หลง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด
ที่ทำให้ไม่มีความยุติธรรม
หากคนอื่นได้สิ่งที่ดีกว่าเราก็ไม่น่าคิดว่ามันยุติธรรมหรือไม่ แต่น่าจะคิดว่าตอนนี้เราอยู่ในสถานะไหนและสิ่งที่คนอื่นปฏิบัติต่อเรา
เหมาะสมกับสถานะของเราหรือไม่ ถ้าเรายอมรับว่าเค้าทำเหมาะสมแล้ว เราก็จะเข้าใจ และมีความสุข
ไม่มีความยุติธรรมในโลก
"ทำไมพี่ยอมตรวจงานให้พี่ปรีชาโดยที่ไม่ต้องลงทะเบียนส่งงาน แต่ผมทำไมต้องลงทะเบียนก่อนพี่ถึงยอมตรวจให้ อย่างนี้ไม่ยุติธรรมเลย"
credit manager คนนึงต่อว่าผมทั้งที่ผมก็ดูแลเค้าตามปกติตามระเบียนของเนื้องานจนครบถ้วนถูกต้อง
ผมตอบเค้าว่าใช่ "ผมไม่ยุติธรรม" แล้วบอกต่อว่า คุณรู้มั้ยพี่ปรีชารู้จักผมมากี่ปี เกิน 10 ปี แล้ว กินเหล้าด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน เมาด้วยกัน
นอนด้วยกัน แล้วผมดูแลเค้าพิเศษกว่าเนื้องานนิดนึงไม่ได้เหรอ
"พลันได้คิด"ทุกวันนี้หลายคนเรียกร้องความยุติธรรม เพราะหลายคนคิดว่ามันควรจะมี ควรจะใช่ แต่ลืมไปว่าจริงๆ แล้วมันไม่มี
รัก โลภ โกรธ หลง หากละได้ทั้งหมด เป็นอรหันต์กันหมดแล้ว ดังนั้นจึงควรยอมรับว่าคนที่เดินๆ อยู่ตรงหน้าเราทุกคนที่ยังเวียนว่าย
ตายเกิดกันอยู่ก็เพราะยังมีความรู้สึก รัก โลภ โกรธ หลง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด
ที่ทำให้ไม่มีความยุติธรรม
หากคนอื่นได้สิ่งที่ดีกว่าเราก็ไม่น่าคิดว่ามันยุติธรรมหรือไม่ แต่น่าจะคิดว่าตอนนี้เราอยู่ในสถานะไหนและสิ่งที่คนอื่นปฏิบัติต่อเรา
เหมาะสมกับสถานะของเราหรือไม่ ถ้าเรายอมรับว่าเค้าทำเหมาะสมแล้ว เราก็จะเข้าใจ และมีความสุข
แก้ไขล่าสุดโดย F1 เมื่อ 18 ต.ค. 2013, 13:17, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง