Re: การโพสด์ข้อความไปในทาง ใส่ร้ายป้ายสีหรือประณามคนอื่น...
โพสต์: 25 ก.ค. 2012, 15:25
ขอบคุณครับsakalot เขียน:.....ยินดีที่รู้จักครับ....dark horse เขียน:ฝากเนื้อฝากตัวน้องใหม่ด้วยนะครับ
ขอบคุณครับsakalot เขียน:.....ยินดีที่รู้จักครับ....dark horse เขียน:ฝากเนื้อฝากตัวน้องใหม่ด้วยนะครับ
เอก Flt Ops เขียน: .
สว่างsakalot เขียน:...หมายถึงอะไรครับ....เทพอสูร เขียน:
ประโยชน์น้ำหวาน เขียน:กฎหมายเกี่ยวกับการใส่ร้ายป้ายสี ต้องมีความชัดเจน
โดย ศิษฏ์ สุนันท์สถาพร
อาร์ติเคิล 19 เป็นองค์การพัฒนาภาคเอกชนที่เคลื่อนไหวเรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นระดับสากลได้ส่งตัวแทนมาพบและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักกฎหมายในประเทศไทยเกี่ยวกับกฎหมายหมิ่นประมาท
โดยนักกฎหมายตัวแทนของอาร์ติเคิล 19 พบว่าการทำหน้าที่ของสื่อไทยโดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ ต้องเสี่ยงคุก เสี่ยงตะราง และเสี่ยงต่อการเสียเงินค่าปรับเป็นเงินจำนวนมากเนื่องจากบทกฎหมายหมิ่นประมาทของไทยมีโทษรุนแรงมากคือ จำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
อีกทั้งยังต้องถูกกดดันให้เสียขวัญเพราะการเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งเป็นเงินจำนวนมาก บางคดีเรียกถึงร้อยล้าน พันล้าน กันทีเดียว
จึงเป็นช่องทางที่จะให้นักการเมืองหรือรัฐบาลที่ทำดีไม่เป็นแต่ไม่อยากให้ประชาชนรับรู้รับทราบ พอสื่อเสนอเป็นข่าวนักการเมืองเหล่านั้นก็จะอาศัยกฎหมายดังกล่าวเป็นเครื่องมือในการปิดหรือตัดข่าว เป็นการขัดขวางต่อสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของสื่อมวลชน อันเป็นเสรีภาพหนึ่งของสิทธิมนุษยชน และเป็นพื้นฐานของสังคมประชาธิปไตย
ตัวแทนของอาร์ติเคิล 19 ระบุด้วยว่า กฎหมายหมิ่นประมาทของไทยในปัจจุบันเป็นภัยคุกคามต่อเสรีภาพในการแสดงออกของสื่อมวลชนและของประชาชนด้วย
นักกฎหมายไทยที่ร่วมแสดงความคิดเห็นก็มีความเห็นสอดคล้องกันว่า สังคมควรสร้างกลไกในการกดดันมิให้เกิดการใช้กฎหมายหมิ่นประมาทมาเป็นเครื่องมือปิดกั้นการแสดงความคิดเห็น หรือเพื่อการต่อรองใดๆ ดังเช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ควรจะหาความสมดุลในกรณีดังกล่าวไม่ให้การเสนอข่าวของสื่อต้องถูกปิดกั้นเสรีภาพจนสื่อไม่สามารถทำหน้าที่เสนอข่าวได้อย่างตรงไปตรงมา ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลของผู้มีอำนาจได้ และยังสามารถคุ้มครองและป้องกันมิให้สังคมเกิดความวุ่นวายจากการใส่ร้ายป้ายสีกันของคนในสังคม
แยกให้เห็นความต่างของเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นกับการใส่ร้ายป้ายสี
และเห็นควรขอให้หน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกฎหมายดังกล่าวทำวิจัยและร่วมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อหาแนวทางนำเสนอต่อผู้มีอำนาจปรับปรุงแก้ไขกฎหมายต่อไปเพราะทราบว่ามีหลายประเทศในเอเชียได้ยกเลิกโทษทางอาญาของกฎหมายดังกล่าวแล้ว
แปะน้ำหวาน เขียน:พอดีหาข้อมูลเรื่องการฟ้องร้องเกี่ยวกับการใส่ร้ายป้ายสี ดูหมิ่นเหยียดหยามผู้อื่น โดยเจตนาให้ผู้อื่นต้องได้รับความเสียหาย อับอาย....
ได้เจอบทความนี้ค่ะ
" หลายครั้งที่การโพสด์ข้อความโดยการใช้อารมณ์ ออกไปในทางเสียดสี ใส่ร้ายป้ายสี ดูหมิ่นเหยียดหยามผู้อื่น โดยเจตนาให้ผู้อื่นต้องได้รับความเสียหาย อับอาย....ผู้โพสด์หลายท่าน อาจไม่รู้ว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ทั้งทางแพ่งและอาญา และอาจทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน รวมทั้งผู้ควบคุมเวปไซด์ต้องเดือดร้อนไปด้วย.....และมีบางท่านอาจโดนแบน เนื่องจากการกระทำดังกล่าว ตามกฎ ระเบียบของเวปไซด์.....โดยอาจไม่เข้าใจในสิ่งที่ได้กระทำลงไป...ว่ามีความ ผิดเช่นไร..ผมจึงนำบทความเกี่ยวกับการหมิ่นประมาททางอินเตอร์เนท ซึ่งผมได้แก้ไขบ้างบางส่วนเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น มาลงไว้เพื่อได้ทราบถึงกฎหมายดังกล่าว ดังนี้ครับ..
.......การหมิ่น ประมาททางอินเตอร์เน็ต คืออะไร ก่อนที่จะพิจารณาถึงเรื่องนี้ควรจะพิจารณาก่อนว่า หมิ่นประมาทนั้น มีลักษณะการกระทำอย่างไร หมิ่นประมาทคือ การใส่ความผู้อื่นไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ เช่น พูด เขียน พิมพ์ข้อความ หรือแสดงกริยาต่างๆ โดยการใส่ความดังกล่าวนั้น ต้องเป็นการกระทำให้บุคคลที่สามรับทราบ ซึ่งเป็นการกระทำให้ผู้ถูกใส่ความนั้น ได้รับความเสียหาย
ดังนั้น ผู้กระทำการหมิ่นประมาท จะมีความผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา กล่าวคือ การหมิ่นประมาทนั้น ผู้กระทำผิดจะมีความหมายทางแพ่ง ฐานละเมิดตามประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 423 ซึ่งมีหลักการสำคัญ คือ ผู้กระทำได้กล่าว หรือไขข่าวแพร่หลาย ซึ่งข้อความที่ขัดต่อความเป็นจริง เป็นผลให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ต่อชื่อเสียงเกียรติคุณ
นอกจากนี้การหมิ่นประมาท ยังถูกบัญญัติให้เป็นความผิดหนึ่ง ในประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 326 ซึ่งลักษณะการกระทำคือ ผู้กระทำความผิดได้ใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง การพิจารณาข้อความที่เป็นการหมิ่นประมาทในทางอาญานั้น อาจเป็นความจริง หรือเท็จก็ได้ดังที่เคยมีคำกล่าวว่า "ยิ่งจริงยิ่งผิด" เพราะกฏหมาย มุ่งพิจารณาแต่เพียงว่าถ้ามีการกล่าวถึงบุคคลอื่น ในด้านที่ไม่ดีแล้ว ย่อมจะทำให้สังคมไม่สงบสุข ไม่ว่าข้อความนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งความหมายก็คือ การหมิ่นประมาททางอาญา ถึงแม้จะเป็นความจริง แต่เป็นเรื่องส่วนตัว ผู้ที่หมิ่นประมาทก็มีความผิดครับ
ความรับผิดทางอาญา และทางแพ่งมีข้อแตกต่าง ประการสำคัญทีสุด คือ หากข้อความที่กล่าวเป็นเรื่องเท็จ ผู้กระทำจะมีความผิดทางอาญา และต้องชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง แต่ถ้าข้อความที่กล่าวเป็นจริง ผู้กระทำจะมีความผิดทางอาญา แต่ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง
กรณีความผิดทางอาญา ในการหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ต จะมีความผิดตามมาตรา 326 ที่บัญญัติว่า "ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่ทำให้ผู้นั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมื่น หรือ ถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ"
หากนำข้อความ หรือภาพที่มีลักษณะหมิ่นประมาท ไปลงไว้ในเว็บไซต์ คนทั่วไปย่อมสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ อันเป็นลักษณะของการโฆษณาด้วยภาพ หรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฎด้วยวิธีใด อย่างหนึ่ง ซึ่งในมาตรา 329 บัญญัติไว้ว่า "ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาท ได้กระทำโดยการโฆษณา ด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนต์ ภาพ หรือ ตัวอักษรที่ทำให้ปรากฎ ไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท" ผู้กระทำจะต้องได้รับโทษหนักกว่ามาตรา 326 เพราะการโฆษณาเป็นการทำให้ข้อความหรือภาพที่มีลักษระหมิ่นประมาทกระจายไปสู่ คนจำนวนมากกว่าการหมิ่นประมาททั่วๆ ไป การใส่ร้าย ป้ายสีผู้อื่น โดยพิมพ์ลงในกระทู้ จึงเป็นความผิดตามมาตรา 329 ครับ
ความผิดสำเร็จในความผิดฐานหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ตนั้น จะถือว่าความผิดสำเร็จเมื่อใด เมื่อพิจารณาถ้อยคำที่ว่า "โดยประการที่ทำให้ผู้นั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมื่น หรือถูกเกลียดชัง" ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 326 นั้นไม่ใช่ผลของการกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ที่ต้องถือว่าเป็นความผิดสำเร็จแล้ว แต่จะพิจารณาว่าผิดสำเร็จ หรือไม่จากวิญญูชนทั่วไป (บุคคลทั่วไป) ว่าเมื่อได้รับทราบข้อความนั้นแล้ว เห็นว่าน่าจะเกิดความเสียหายแต่ผู้อื่นหรือไม่ ถ้าเห็นว่าน่าจะเสียหาย ผู้กระทำก็จะมีความผิดแล้ว แต่ถ้าบุคคลทั่วไปเห็นว่าไม่น่าจะเสียหายแต่ผู้อื่น ผู้กระทำก็ไม่มีความผิด และต้องได้ข้อเท็จจริงว่า บุคคลที่สามรับทราบข้อความนั้นแล้ว จึงจะถือว่าเป็นความผิดสำเร็จ ดังนั้นการโพสด์ข้อความในการทู้ เมื่อมีคนอ่าน ก็ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว
....กรณีศึกษาอาชญากรรมและกฎหมายไอที
การCopyรูป ภาพ/ข้อความบนเว็บไซต์ของผู้อื่นมาใช้เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ จำเป็นต้องขออนุญาตเจ้าของเสียก่อน แต่ก็มีข้อยกเว้นสำหรับกรณีเพื่อการศึกษา โดยต้องมีการอ้างอิงและขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์
การหมิ่นประมาททาง อินเตอร์เน็ตสามารถฟ้องร้องเอาผิดได้หรือไม่ สามารถฟ้องร้องได้ทั้งคดีอาญา และคดีแพ่ง โดยอาญานั้นยิ่งจริงยิ่งผิด 1 คำหมิ่นประมาท คิดเป็นหนึ่งบทลงโทษ 100 คำหมิ่นประมาท(ต่อคน) ก็บวก ลบ คูณ หารกันเอาเอง
การทำHyperlink ไม่ให้ละเมิดลิขสิทธินั้น ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์เสียก่อน
โหลด โปรแกรมหรือเพลงทางอินเตอร์เน็ต ถ้าใช้งานแบบถูกต้องตามกฎหมาย โดยไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ต้องเป็นโปรแกรมประเภท Freeware,Shareware ส่วนการโหลดเพลงขึ้นบนอินเตอร์เน็ตให้คนทั่วไปโหลดได้ฟรีๆเป็นการละเมิด ลิขสิทธิ์ถือเป็นคดีอาญา
มีหลายกรณีแล้วที่ฟ้องร้องกันมา ระวังการโพสพาดพิงถึงคนขี้โมโห
และเอาเรื่อง จะถูกฟ้องไม่รู้ตัว
ถึง แม้จะเป็นการหมิ่นบุคคลตามชื่อในโปรฟาย แต่เมื่อพูดไปแล้ว เขียนข้อความลงไป แล้วคนอื่นรู้ว่าเป็นบุคคลคนนั้น ก็โดนเหมือนกัน เดี๋ยวนี้แม้แต่เล่นอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ ก็จับได้ เพราะกฎหมายเขาให้ร้านเก็บข้อมูลไว้ 90 วัน อย่าไปเชื่อใครว่าในเน็ตทำอะไรไม่ได้ล่ะ มีคนโดนมาแล้วปัจจุปันหนีหัวซุน บางคนก็ต้องสู้คดีเสียเวลา เสียเงิน ยิ่งโดนคดีอาญานี้แสบจริงๆ
หากมีการฟ้องร้องทางคดีความ เวบไซต์ "อาจจะ" ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย
(อ้างอิงจาก พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ http://www.dsi.go.th/dsi/gallery/yanaph ... w_2007.pps)
***********************
มาตรา ๑๕ ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา ๑๔
ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๑๔
เหตุผล ผู้ให้บริการในที่นี้มุ่งประสงค์ถึง เจ้าของเว็บไซต์ ซึ่งมีการพิจารณาว่า
ควรต้องมีหน้าที่ลบเนื้อหาอันไม่เหมาะสมด้วย
บทกำหนดโทษ
มาตรา ๑๔ โทษจำคุกไม่เกิน ๕ ปี โทษปรับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท
อ๊ะจ๊ากกกกกกกกกกกก ข้อสาม นู๋ทำบ๊อยบ่อย... 3ปีเลยหรอน้ำหวาน เขียน: ความผิดของพวกชอบก่อกวนหรืชอบแกล้งคนอื่น
1.พวกที่ชอบส่งเมลก่อกวนหรือโฆษณาขายสินค้าหรือขายบริการ ประเภทไปโผล่ป๊อปอัพ หรือพวกส่งเมลขยะโดยที่เขาไม่ต้องการ มีโทษปรับอย่างเดียวไม่เกิน 1000,000 บาท โทษฐานก่อความรำคาญ
2.พวกที่ชอบส่งเมล เป็นข้อมูลปลอมข้อมูลเท็จ ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น หรือพวกเจ้ากรมข่าวลือที่ชอบปล่อยข่าวให้เกิดความวุ่นวาย รวมถึงส่งภาพลามกอนาจารทั้งหลาย รวมถึงพวกผสมโรงที่ได้รับแล้วส่งต่อด้วย มีโทษเสมอกันคือ จำคุกไม่เกิน 5 ปีปรับไม่เกิน 100,000 บาท
3.พวกที่ชอบใช้ศิลปะเฉพาะตัว ตัดต่อภาพของคนอื่น แล้วนำเข้าเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต ทำให้เจ้าของภาพเข้าเสียหาย อับอาย ต้องโทษาจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 600, 000 บาท แต่กฎหมายยกเว้นสำหรับผู้ที่ทำด้วยความสุจริต จะไม่เป็นความผิด ซึ่งผมยังนึกไม่ออกครับว่า ถ้าตัดต่อภาพเข้าแล้ว จะสุจริตได้อย่างไร คงเป็นกรณีตัดต่อให้ดูสวยกว่าตัวจริง ซึ่งก็รู้จะทำไปทำไม