......จักรยานธุดงค์..........
- NOKNICE
- ขาประจำ
- โพสต์: 10311
- ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 11:33
- team: ไร้สังกัด,ปั่นตามใจตรู
- Bike: MERIDA MATT 40D(ของแฟน),Trek8500 , Storck G2
Re: ......จักรยานธุดงค์..........
สวัสดีลุงแดงและทุกท่านครับ
เรื่องอาหารการกินนี่พ่อผมสั่งสอนตั้งแต่เล็กแล้วว่า กว่าชาวนาจะปลูกข้าวได้แต่ละเม็ดมันเหนื่อยยาก เพราะฉะนั้นเราต้องกินข้าวให้หมดจานทุกครั้ง จนถึงปัจจุบันผมก็ยังคงทำเช่นนั้นอยู่พร้อมทั้งบอกครอบครัวด้วยครับ
เรื่องอาหารการกินนี่พ่อผมสั่งสอนตั้งแต่เล็กแล้วว่า กว่าชาวนาจะปลูกข้าวได้แต่ละเม็ดมันเหนื่อยยาก เพราะฉะนั้นเราต้องกินข้าวให้หมดจานทุกครั้ง จนถึงปัจจุบันผมก็ยังคงทำเช่นนั้นอยู่พร้อมทั้งบอกครอบครัวด้วยครับ
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4352
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ......จักรยานธุดงค์..........
อรุณสวัสดิ์ หลานนกและทุกท่านที่เคารพ "เรื่องอาหารการกินนี่พ่อผมสั่งสอนตั้งแต่เล็กแล้วว่า กว่าชาวนาจะปลูกข้าวได้แต่ละเม็ดมันเหนื่อยยาก เพราะฉะนั้นเราต้องกินข้าวให้หมดจานทุกครั้ง จนถึงปัจจุบันผมก็ยังคงทำเช่นนั้นอยู่พร้อมทั้งบอกครอบครัวด้วยครับ" ครอบครัวใดที่สอนลูกหลานแบบนี้เชื่อได้ว่าชีวิตไม่ตกต่ำแน่นอน มีแต่ความเจริญรุ่งเรืองครับ ขออนุโมทนาสาธุกับหลานนกด้วยครับ
อีกเรื่องหนึ่งถือได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญพอสมควรเรามาศึกษาไปพร้อม ๆ กันครับ
ความรัก กับ บุญวาสนา โบราณกล่าวไว้ว่า "คิดจะรักต้องมีบุญวาสนา" คนไทยเชื่อเรื่องบุพเพสันนิวาส คือบุญกุศลที่เคยทำร่วมกันมาหลาย ๆ ชาติ
บุญวาสนาที่ทำร่วมกันมาเป็นสิ่งเชื่อมโยงให้คนสองคนได้มาพบกัน รักกันและสมหวัง ได้อยู่ร่วมกัน ไม่ใช่มีแค่ความรักใคร่ชอบพอเท่านั้นที่จะทำให้ได้มาอยู่ครองคู่กันไปจนวันตาย ฉะนั้นคนจีนจึงมีคำสอนว่า "ร่วมบุญกรรมสิบปี ได้ลงเรือลำเดียวกัน ร่วมบุญกรรมร้อยปี จึงได้ร่วมเรียงเคียงหมอน" หมายถึงการที่คนแต่ละคนจะได้มาลงเรือลำเดียวกันได้มาพบปะเห็นหน้ากันโดยไม่ได้พูดคุยหรือรู้จักกันมาก่อนเพื่อข้ามลำน้ำ พอถึงฝั่งต่างก็แยกย้ายกันไปและไม่แน่ว่าจะได้พบกันอีกหรือไม่ในชาตินี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้ชั่วระยะเวลาอันสั้น ๆ ที่ต่างคนได้มาพบหน้ากันนี้ไม่ใช่ความบังเอิญ เพราะที่จริงแล้วทุกคนต่างได้เคยทำบุญกรรมร่วมกันมาเป็นสิบชาติ จึงส่งผลให้ได้มาลงเรือลำเดียวกัน และแน่นอนคนสองคนที่ตามหากันเจอแม้ว่าจะอยู่คนละมุมโลก แล้วได้มาแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกันตลอดไป นี่ย่อมต้องอาศัยบุญกุศลวาสนาที่ได้ทำร่วมกันมาเป็นร้อยปี ผู้รู้แจ้งกล่าวว่า "ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนต้องมีเหตุปัจจัย"
ฉะนั้นผู้เฒ่าผู้แก่มักสอนว่า "ชายอย่าติภรรยาตนขี้เหร่ หญิงอย่าติว่าสามียากจน" เพราะธรรมดาผู้ชายย่อมอยากได้ผู้หญิงสวยมาเป็นภรรยา ส่วนผู้หญิงก็อยากได้สามีที่ร่ำรวย แต่เรื่องราวคู่รักคู่ครองคู่สร้างคู่สม ขึ้นอยู่กับบุญกรรมและวาสนาของแต่ละคนเป็นผู้กำหนด ถ้าต่างคิดแต่จะให้สมปรารถนาดังที่หวังกันทุกคน เราคงไม่ได้เห็นคู่แต่งงานที่มีทั้งเจ้าบ่าวยากจน และเจ้าสาวขี้เหร่
สมัยก่อนหนุ่มสาวให้ความสำคัญต่อความรัก ว่าต้องมาก่อนความใคร่ ต่างใช้เวลาคบหาศึกษาดูใจกันและกันให้มากพอ ก่อนจะตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน น่าเศร้าที่หนุ่มสาวสมัยนี้ ถือความใคร่เป็นใหญ่ จะรักหรือไม่ ไม่สน คิดแค่เพียงให้ได้ร่วมหลับนอนเป็นเจ้าของกันและกัน สุดท้ายก็ไม่พ้นต้องประสบปัญหามากมายตามมา !
"คนเราจะหาคนที่รักนั้นมันง่ายนิดเดียว แต่จะหาคนที่รักเราสุดใจ นั่นไม่ง่ายเลย อาศัยบุพเพสันนิวาส จึงจะพบคู่จริงรักแท้ หากเคยตักบาตรร่วมขัน เก็บดอกไม้ร่วมต้นแต่ปางบรรพ์ ไม่ว่าจะอยู่หนใด บุพเพย่อมเชื่อมโยงให้ได้พบกัน"
อีกเรื่องหนึ่งถือได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญพอสมควรเรามาศึกษาไปพร้อม ๆ กันครับ
ความรัก กับ บุญวาสนา โบราณกล่าวไว้ว่า "คิดจะรักต้องมีบุญวาสนา" คนไทยเชื่อเรื่องบุพเพสันนิวาส คือบุญกุศลที่เคยทำร่วมกันมาหลาย ๆ ชาติ
บุญวาสนาที่ทำร่วมกันมาเป็นสิ่งเชื่อมโยงให้คนสองคนได้มาพบกัน รักกันและสมหวัง ได้อยู่ร่วมกัน ไม่ใช่มีแค่ความรักใคร่ชอบพอเท่านั้นที่จะทำให้ได้มาอยู่ครองคู่กันไปจนวันตาย ฉะนั้นคนจีนจึงมีคำสอนว่า "ร่วมบุญกรรมสิบปี ได้ลงเรือลำเดียวกัน ร่วมบุญกรรมร้อยปี จึงได้ร่วมเรียงเคียงหมอน" หมายถึงการที่คนแต่ละคนจะได้มาลงเรือลำเดียวกันได้มาพบปะเห็นหน้ากันโดยไม่ได้พูดคุยหรือรู้จักกันมาก่อนเพื่อข้ามลำน้ำ พอถึงฝั่งต่างก็แยกย้ายกันไปและไม่แน่ว่าจะได้พบกันอีกหรือไม่ในชาตินี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้ชั่วระยะเวลาอันสั้น ๆ ที่ต่างคนได้มาพบหน้ากันนี้ไม่ใช่ความบังเอิญ เพราะที่จริงแล้วทุกคนต่างได้เคยทำบุญกรรมร่วมกันมาเป็นสิบชาติ จึงส่งผลให้ได้มาลงเรือลำเดียวกัน และแน่นอนคนสองคนที่ตามหากันเจอแม้ว่าจะอยู่คนละมุมโลก แล้วได้มาแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกันตลอดไป นี่ย่อมต้องอาศัยบุญกุศลวาสนาที่ได้ทำร่วมกันมาเป็นร้อยปี ผู้รู้แจ้งกล่าวว่า "ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนต้องมีเหตุปัจจัย"
ฉะนั้นผู้เฒ่าผู้แก่มักสอนว่า "ชายอย่าติภรรยาตนขี้เหร่ หญิงอย่าติว่าสามียากจน" เพราะธรรมดาผู้ชายย่อมอยากได้ผู้หญิงสวยมาเป็นภรรยา ส่วนผู้หญิงก็อยากได้สามีที่ร่ำรวย แต่เรื่องราวคู่รักคู่ครองคู่สร้างคู่สม ขึ้นอยู่กับบุญกรรมและวาสนาของแต่ละคนเป็นผู้กำหนด ถ้าต่างคิดแต่จะให้สมปรารถนาดังที่หวังกันทุกคน เราคงไม่ได้เห็นคู่แต่งงานที่มีทั้งเจ้าบ่าวยากจน และเจ้าสาวขี้เหร่
สมัยก่อนหนุ่มสาวให้ความสำคัญต่อความรัก ว่าต้องมาก่อนความใคร่ ต่างใช้เวลาคบหาศึกษาดูใจกันและกันให้มากพอ ก่อนจะตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน น่าเศร้าที่หนุ่มสาวสมัยนี้ ถือความใคร่เป็นใหญ่ จะรักหรือไม่ ไม่สน คิดแค่เพียงให้ได้ร่วมหลับนอนเป็นเจ้าของกันและกัน สุดท้ายก็ไม่พ้นต้องประสบปัญหามากมายตามมา !
"คนเราจะหาคนที่รักนั้นมันง่ายนิดเดียว แต่จะหาคนที่รักเราสุดใจ นั่นไม่ง่ายเลย อาศัยบุพเพสันนิวาส จึงจะพบคู่จริงรักแท้ หากเคยตักบาตรร่วมขัน เก็บดอกไม้ร่วมต้นแต่ปางบรรพ์ ไม่ว่าจะอยู่หนใด บุพเพย่อมเชื่อมโยงให้ได้พบกัน"
- ไฟล์แนบ
-
- พวกเราเดินทางกันมาหลายทริปมีแต่ความเหนื่อยยากลำบาก เรียกว่าเบื่อดอยเบื่อเขากัน (ดอยม่อนล้าน ดอยแม่กำปอง)
โดยเฉพาะตัวผมเองประสบกับสิ่งไม่พึงประสงค์หลายเรื่องจนเรียกว่าแทบ "ท้อ" เอาทีเดียว เราจึงปรึกษากันว่าเราควรหาทริปเบา ๆ เพื่อไปพักผ่อน ผ่อนคลายอย่างแท้จริงสักทริปหนึ่งจะดีไหม?
เมื่อสรุปรวบยอดได้ความคิดที่ตรงกัน เราจึงนัดหมายกันว่าเราจะไปพักผ่อนกันจริง ๆ สัก ๓ คืน ๔ วัน หรือ ๔ คืน ๕ วัน เมื่อถึงเวลาวันนัดคือวันที่ ๒๒ พ.ค.๖๐ เราก็เริ่มออกเดินทาง โดยผมและคุณนายเป็นผู้ปั่นไปสมทบกับคณะ (ลุงป๊อก และ คูณ ประยูร) - สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (1).JPG (97.13 KiB) เข้าดูแล้ว 317 ครั้ง
- พวกเราเดินทางกันมาหลายทริปมีแต่ความเหนื่อยยากลำบาก เรียกว่าเบื่อดอยเบื่อเขากัน (ดอยม่อนล้าน ดอยแม่กำปอง)
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (2).JPG (103.21 KiB) เข้าดูแล้ว 317 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (3).JPG (78.28 KiB) เข้าดูแล้ว 317 ครั้ง
-
- เราสองคนปั่นออกทางหลังบ้าน ริมรางรถไฟมุ่งตรงไปที่สี่แยกหลุย เพื่อไปรอลุงป๊อกและคณยูร ตรงบริเวณปั๊มน้ำมัน
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (5).JPG (66.9 KiB) เข้าดูแล้ว 317 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (8).JPG (46.95 KiB) เข้าดูแล้ว 317 ครั้ง
-
- พวกเรา ๔ คน มีคุณยูร ลุงป๊อก คุณนายและผมปั่นเข้าตัวอำเภอสันกำแพง สำหรับเป้าหมายคืนแรกของเราคืนนี้คือ น้ำพุร้อนสันกำแพง เพื่อไปอาบน้ำแร่ แช่เท้าให้หายเมื่อยและหาความสุขกับธรรมชาติที่นั่น
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (9).JPG (82.59 KiB) เข้าดูแล้ว 317 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (11).JPG (79.75 KiB) เข้าดูแล้ว 317 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (12).JPG (50.51 KiB) เข้าดูแล้ว 317 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (13).JPG (101.64 KiB) เข้าดูแล้ว 317 ครั้ง
-
- ผ่านอำเภอสันกำแพง ลุงป๊อกชวนแวะเที่ยวหา พ.ต.อ.สวัสดิ์ ศรีนรคุต รุ่นเดียวกับลุงป๊อกและเป็นตำรวจรุ่นพี่ผม เราสนิทสนมและเคยร่วมงานกันมาหลายปี ก่อนที่พี่พี่แกจะแยกย้านออกไปอยู่ภูธร พี่สวัสดิ์ มีฝีมือทางวาดการ์ตูนแกวาดการ์ตูนเป็นงานอดิเรก (ได้เงิน)บัดนี้เกษียณราชการแล้วแกอยู่อย่างพอเพียงหาซื้อที่ทำสวน บ้านแกคล้าย ๆ รีสอร์ท เพื่อฝูงไปมาได้ไปพึ่งพาพักอาศัย แกปลูกสารพัดพืชกินได้ ก็ดูมีความสุขดีแม้จะไปอยู่ภูธรนานหลายปี แต่ชีวิต ตชด.แกไม่ลืมครับ
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (14).JPG (140.89 KiB) เข้าดูแล้ว 317 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (15).JPG (138.78 KiB) เข้าดูแล้ว 317 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (16).JPG (113.24 KiB) เข้าดูแล้ว 317 ครั้ง
-
- สนทนาสอบถามสารทุกข์สุกดิบ ได้หัวเราะเบิกบานใจพอสมควร ภรรยาพี่แกไปตัดหน่อไม้หามะนาวและพืชผักมาให้พวกเราติดตัวไปทำกิน เราเลือกเอาเท่าที่ขีดความสามารถจะนำไปได้
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (17).JPG (103.94 KiB) เข้าดูแล้ว 317 ครั้ง
-
- ได้เวลาพอสมควรกล่าวอำลาเดินทางไปหาที่ ๆ ที่เราสนใจและต้องการต่อไป
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (18).JPG (132.04 KiB) เข้าดูแล้ว 317 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- NOKNICE
- ขาประจำ
- โพสต์: 10311
- ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 11:33
- team: ไร้สังกัด,ปั่นตามใจตรู
- Bike: MERIDA MATT 40D(ของแฟน),Trek8500 , Storck G2
Re: ......จักรยานธุดงค์..........
อรุณสวัสดิ์ครับลุงแดงและทุกท่าน
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรของลุงมากๆเลยครับ
ติดตามการเดินทางเบาๆต่อ
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรของลุงมากๆเลยครับ
ติดตามการเดินทางเบาๆต่อ
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4352
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ......จักรยานธุดงค์..........
บุญวาสนากับความสำเร็จ ปัจจัย ๕ ประการอันจะนำไปสู่ความสำเร็จในชีวิตได้แก่
๑.ความไม่รู้ ไม่ว่าจะทำการใด ๆ จะต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นอย่างถ่องแท้ ไม่เป็นคนรู้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ หรือไม่รู้จริง
๒.ความสามารถ นอกจากความรู้แล้ว ผู้รู้จะต้องสามารถใช้ความรู้นั้นไปปฏิบัติได้จริง เรียกว่า รู้จริง ทำจริง ไม่ใช่แค่รู้แต่ทำไม่ได้
๓.โอกาส มีความรู้และสามารถทำได้ตามที่รู้แล้วยังจะต้องแสวงหาโอกาสให้ได้แสดงความรู้ความสามารถที่มีออกมาให้เป็นที่ประจักษ์ อย่างที่พูดกันว่า"มวยดีต้องมีเวทีชก"
๔.คนสนับสนุน คนเก่ง แต่เก่งอยู่คนเดียว ย่อมยากที่จะประสบความสำเร็จ ต้องมีคนรอบข้างช่วยเป็นกำลัง เช่นมีครอบครัวให้กำลังใจ มีผู้ใหญ่อยู่ข้างหน้าให้คำแนะนำ มีคนข้างหลังคือลูกน้องบริวารคอยหนุนส่งและมีคนข้าง ๆ คือเพื่อนฝูงญาติมิตรคอยเกื้อหนุน
๕.บุญวาสนา ข้อนี้สำคัญยิ่ง คนมีความรู้ ความสามารถ มีโอกาส มีคนสนับสนุน แต่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จทุกราย นั่นเพราะขาดบุญวาสนาบารมีมาเสริมส่ง
ฉะนั้นคนโบราณจึงถือเคล็ดว่า หากเราประสบโชคดีในหน้าที่การงาน ธุรกิจเจริญรุ่งเรือง ได้ลาภยศทรัพย์สินเงินทองเข้ามา ก็ควรต้องสละทรัพย์ส่วนหนึ่งออกทำบุญสร้างกุศล เพื่อเป็นการต่อบุญวาสนาของตนให้งอกงามยืนยาวต่อไป บุคคลที่หวังความเจริญก้าวหน้าและอยากประสบความสำเร็จในธุรกิจหน้าที่การงาน พึงสำรวจตรวจสอบดูด้วยตนเองว่า มีปัจจัยแห่งความสำเร็จทั้ง ๕ ประการหรือไม่
๑.ความไม่รู้ ไม่ว่าจะทำการใด ๆ จะต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นอย่างถ่องแท้ ไม่เป็นคนรู้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ หรือไม่รู้จริง
๒.ความสามารถ นอกจากความรู้แล้ว ผู้รู้จะต้องสามารถใช้ความรู้นั้นไปปฏิบัติได้จริง เรียกว่า รู้จริง ทำจริง ไม่ใช่แค่รู้แต่ทำไม่ได้
๓.โอกาส มีความรู้และสามารถทำได้ตามที่รู้แล้วยังจะต้องแสวงหาโอกาสให้ได้แสดงความรู้ความสามารถที่มีออกมาให้เป็นที่ประจักษ์ อย่างที่พูดกันว่า"มวยดีต้องมีเวทีชก"
๔.คนสนับสนุน คนเก่ง แต่เก่งอยู่คนเดียว ย่อมยากที่จะประสบความสำเร็จ ต้องมีคนรอบข้างช่วยเป็นกำลัง เช่นมีครอบครัวให้กำลังใจ มีผู้ใหญ่อยู่ข้างหน้าให้คำแนะนำ มีคนข้างหลังคือลูกน้องบริวารคอยหนุนส่งและมีคนข้าง ๆ คือเพื่อนฝูงญาติมิตรคอยเกื้อหนุน
๕.บุญวาสนา ข้อนี้สำคัญยิ่ง คนมีความรู้ ความสามารถ มีโอกาส มีคนสนับสนุน แต่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จทุกราย นั่นเพราะขาดบุญวาสนาบารมีมาเสริมส่ง
ฉะนั้นคนโบราณจึงถือเคล็ดว่า หากเราประสบโชคดีในหน้าที่การงาน ธุรกิจเจริญรุ่งเรือง ได้ลาภยศทรัพย์สินเงินทองเข้ามา ก็ควรต้องสละทรัพย์ส่วนหนึ่งออกทำบุญสร้างกุศล เพื่อเป็นการต่อบุญวาสนาของตนให้งอกงามยืนยาวต่อไป บุคคลที่หวังความเจริญก้าวหน้าและอยากประสบความสำเร็จในธุรกิจหน้าที่การงาน พึงสำรวจตรวจสอบดูด้วยตนเองว่า มีปัจจัยแห่งความสำเร็จทั้ง ๕ ประการหรือไม่
- ไฟล์แนบ
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (21).JPG (90.74 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (23).JPG (112.01 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (25).JPG (137.28 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (27).JPG (61.97 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (28).JPG (86 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (29).JPG (115.63 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (30).JPG (92.97 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (31).JPG (79.4 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (32).JPG (87.64 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (33).JPG (96.92 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (34).JPG (103.01 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (35).JPG (116.45 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (36).JPG (108.57 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (37).JPG (134.17 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
-
- พวกเราอำลาจากบ้านท่านพี่ สวัสดิ์ ฯ ออกเดินทางมุ่งสู่น้ำพุร้อนสันกำแพง ทุกครั้งเราจะพากันปั่นไปเส้นทางสายใหญ่(สายหลักเส้น ชม.-แม่ออน) แต่ครั้งนี้เราเปลี่ยนไปเส้นทางสายรองคือปั่นเลาะไปตามหมู่บ้าน(เส้นใน)ผ่านหมู่บ้านต่าง ๆ ได้เห็นการทำการเกษตรและการทำมาหากินของชาวบ้าน แวะทักทายสนทนากับชาวบ้านมาตลอดทาง เห็นความทุกข์ยากอันเนื่องมาจากการทำมาหากินต่าง ๆ สรุปได้เป็นเสียงเดียวกันว่า "ยุคนี้ ปัจจุบันนี้การทำมาหากินฝืดเคือง ลำบากมาก ๆ พืชผลทางการเกษตรก็ตกต่ำ แตกต่างกับยุคที่ผ่าน ๆ มา และได้ทราบข้อเท็จจริงจากปากชาวบ้าน ซึ่งคงจะไม่สามารถนำมาเล่าสู่กันฟังได้ ก็ได้แต่ปลอบใจว่า "ฟ้ายังมีวันเปลี่ยนสี ชีวีย่อมต้องมีวันเปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรยั่งยืนจีรัง ขอให้อดทนและก้มหน้าก้มตาทำมาหากินด้วยความสุจริต ทำบุญสร้างกุศลไว้" ยืนยันว่าไม่มีอะไรที่ดีกว่าคำพูดแบบที่ว่ามานั้นครับ
ชาติ ประเทศ มีผู้นำหากผู้นำดีมีศีลธรรม ประชาชนตาดำ ๆ ย่อมอยู่เป็นสุข หากผู้นำกระทำตัวเยี่ยงโจรก็อย่าหวังว่าความสงบสุขจะบังเกิดกับประชาชน อำนาจไม่มีวันยั่งยืน สิ้นบุญวาสนาเมื่อใดวิบากกรรมต้องตามมาคิดบัญชีแน่นอน วันนี้เวลานี้ เรากำลังอยู่ช่วงแห่งการทำสงครามระหว่าง ความดีกับความเลว สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากก็คือ ปัจจุบันนี้เป็นยุคที่ความเลวร้ายกำลังรุ่งเรืองเนื่องจากเลยกึ่งพุทธกาลมาแล้ว โลกก็จะค่อย ๆ เสื่อมลง ๆ จนสุดท้ายไปสู่ความล่มสลายกลายเป็นโลกแตกนั่นคือ การล้างโลกแล้วเริ่มต้นใหม่ (คำทำนายของทุก ๆ ศาสนาว่าไว้คล้าย ๆ กัน)
พ่อแม่ครูบาอาจารย์ ท่านจึงพร่ำสอนและเตือนพวกเราเสมอ ๆ ว่า "ผู้ประพฤติธรรมเท่านั้นจะอยู่เป็นสุข"
เราเดินทางลัดเลาะไปตามถนนสายรองที่รถลาไม่พลุกพล่านมีสุมทุมพุ่มไม้ให้ความร่มรื่น นับว่ามีความสุขสมดังตั้งใจ ปั่นจนในที่สุดก็เข้าสู่ตัวน้ำพุร้อนจัดการซื้อบัตรผ่าน ผู้สูงอายุคนละ ๒๐ บาท และไปเสียค่ากางเต้นท์อีกคนละ ๓๐ บาท เราพักทำการประกอบอาหารเที่ยง และทำอาหารมื้อเย็นด้วยพืชผักที่ทางแม่บ้านพี่สวัสดิ์ให้มา ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ครับพี่. - สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (38).JPG (144.19 KiB) เข้าดูแล้ว 306 ครั้ง
- พวกเราอำลาจากบ้านท่านพี่ สวัสดิ์ ฯ ออกเดินทางมุ่งสู่น้ำพุร้อนสันกำแพง ทุกครั้งเราจะพากันปั่นไปเส้นทางสายใหญ่(สายหลักเส้น ชม.-แม่ออน) แต่ครั้งนี้เราเปลี่ยนไปเส้นทางสายรองคือปั่นเลาะไปตามหมู่บ้าน(เส้นใน)ผ่านหมู่บ้านต่าง ๆ ได้เห็นการทำการเกษตรและการทำมาหากินของชาวบ้าน แวะทักทายสนทนากับชาวบ้านมาตลอดทาง เห็นความทุกข์ยากอันเนื่องมาจากการทำมาหากินต่าง ๆ สรุปได้เป็นเสียงเดียวกันว่า "ยุคนี้ ปัจจุบันนี้การทำมาหากินฝืดเคือง ลำบากมาก ๆ พืชผลทางการเกษตรก็ตกต่ำ แตกต่างกับยุคที่ผ่าน ๆ มา และได้ทราบข้อเท็จจริงจากปากชาวบ้าน ซึ่งคงจะไม่สามารถนำมาเล่าสู่กันฟังได้ ก็ได้แต่ปลอบใจว่า "ฟ้ายังมีวันเปลี่ยนสี ชีวีย่อมต้องมีวันเปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรยั่งยืนจีรัง ขอให้อดทนและก้มหน้าก้มตาทำมาหากินด้วยความสุจริต ทำบุญสร้างกุศลไว้" ยืนยันว่าไม่มีอะไรที่ดีกว่าคำพูดแบบที่ว่ามานั้นครับ
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- NOKNICE
- ขาประจำ
- โพสต์: 10311
- ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 11:33
- team: ไร้สังกัด,ปั่นตามใจตรู
- Bike: MERIDA MATT 40D(ของแฟน),Trek8500 , Storck G2
Re: ......จักรยานธุดงค์..........
อรุณสวัสดิ์ลุงแดงและทุกท่านครับ
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4352
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ......จักรยานธุดงค์..........
อรุณสวัสดิ์ หลานนกและทุกท่านที่เคารพครับ เช้าวันนี้มีเรื่องอยากจะคุยด้วยคือ ชีวิตที่เกิดมาเคยสังเกตุกันบ้างไหมว่ามันยุ่งยากสับสนวุ่นวาย แต่ทำไมเราสามารถฟันฝ่ากันมาได้ โดยที่แทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย บางครั้งบางครากลับสนุกสนานโลดแล่นไปกับมัน แต่ทางด้านผู้รู้ท่านกลับใช้สติปัญญาพิจารณาและกลั่นกรองนำสอนเราว่า
สองสิ่งในชีวิต ชีวิตคนมี ๒ สิ่งคือ สิ่งที่อยากทำและสิ่งที่ต้องทำ ในชีวิตคนเรา ต่างคนต่างมี สิ่งที่ตัวเองอยากทำ ร้อยแปดพันประการ แต่ละอย่างล้วนเป็นความชอบความอยากความปรารถนา ที่เป็นความสุขความพอใจ ซึ่งมักหนีไม่พ้นเรื่องที่ตามใจกิเลสอันเหลวใหลไร้สารพเสียส่วนใหญ่ จนทำให้ลืม สิ่งที่ต้องทำ คือการสร้างบุญสร้างกุศลซึ่งมีความสำคัญเร่งด่วนไปเสีย กว่าจะรู้ตัวสำนึกได้ก็หมดเวลาในชีวิตเสียแล้ว ชีวิตคนเรานั้นแสนสั้น จึงไม่ควรไปใส่ใจสิ่งที่ไร้สาระให้มันมากนัก ควรรู้ว่าต้องทำอะไรให้ชีวิตนี้มีค่ามีความหมาย
ทรัพย์ภายนอกและทรัพย์ภายใน ข้าวของเงินทองที่ดินไร่นาเป็น ทรัพย์ภายนอก ไม่ว่าจะมีมากมายล้นฟ้าหรือน้อยนิกเพียงไร ก็ได้อาศัยกินใช้ แค่เฉพาะยามมีชีวิตอยู่ในโลกนี้เท่านั้น ทรัพย์ภายนอดล้วนไม่ยั่งยืน มีวันชำรุดทรุดโทรมตามกาลเวลา เสียหายเพราะน้ำท่วมไฟไหม้ โจรผู้ร้ายปล้นชิงไปได้ สุดท้ายเมื่อถึงคราวตายสมบัติทุกชิ้นต้องคืนไว้ให้กับโลก ไม่สามารถนำติดตัวไปได้แม้แต่ชิ้นเดียว
ฉะนั้นผู้มีปัญญารู้เท่าทัน จึงเปลี่ยนทรัพย์ภายนอกให้กลายมาเป็น ทรัพย์ภายใน คือ บุญกุศล ซึ่งจะอยู่กับผู้กระทำไปตลอด และสามารถติดตามส่งผลถึงชาติหน้า
ทรัพย์ภายในเป็นอริยสมบัติ ซึ่งไม่มีวันสูญสลาย ไฟไม่ไหม้ น้ำไม่พัดไป โจรผู้ร้ายไม่สามารถปล้นชิง เป็นสมบัติอันเที่ยงแท้ พึ่งได้ทั้งในชาตินี้และชาติหน้า เป็นเสบียงในการเดินทางข้ามวัฏฏสงสาร ตราบจนกระทั่งพาให้ถึงฝั่งพระนิพพาน บรรลุสู่ความวิมุตติหลุดพ้นในที่สุด.
สองสิ่งในชีวิต ชีวิตคนมี ๒ สิ่งคือ สิ่งที่อยากทำและสิ่งที่ต้องทำ ในชีวิตคนเรา ต่างคนต่างมี สิ่งที่ตัวเองอยากทำ ร้อยแปดพันประการ แต่ละอย่างล้วนเป็นความชอบความอยากความปรารถนา ที่เป็นความสุขความพอใจ ซึ่งมักหนีไม่พ้นเรื่องที่ตามใจกิเลสอันเหลวใหลไร้สารพเสียส่วนใหญ่ จนทำให้ลืม สิ่งที่ต้องทำ คือการสร้างบุญสร้างกุศลซึ่งมีความสำคัญเร่งด่วนไปเสีย กว่าจะรู้ตัวสำนึกได้ก็หมดเวลาในชีวิตเสียแล้ว ชีวิตคนเรานั้นแสนสั้น จึงไม่ควรไปใส่ใจสิ่งที่ไร้สาระให้มันมากนัก ควรรู้ว่าต้องทำอะไรให้ชีวิตนี้มีค่ามีความหมาย
ทรัพย์ภายนอกและทรัพย์ภายใน ข้าวของเงินทองที่ดินไร่นาเป็น ทรัพย์ภายนอก ไม่ว่าจะมีมากมายล้นฟ้าหรือน้อยนิกเพียงไร ก็ได้อาศัยกินใช้ แค่เฉพาะยามมีชีวิตอยู่ในโลกนี้เท่านั้น ทรัพย์ภายนอดล้วนไม่ยั่งยืน มีวันชำรุดทรุดโทรมตามกาลเวลา เสียหายเพราะน้ำท่วมไฟไหม้ โจรผู้ร้ายปล้นชิงไปได้ สุดท้ายเมื่อถึงคราวตายสมบัติทุกชิ้นต้องคืนไว้ให้กับโลก ไม่สามารถนำติดตัวไปได้แม้แต่ชิ้นเดียว
ฉะนั้นผู้มีปัญญารู้เท่าทัน จึงเปลี่ยนทรัพย์ภายนอกให้กลายมาเป็น ทรัพย์ภายใน คือ บุญกุศล ซึ่งจะอยู่กับผู้กระทำไปตลอด และสามารถติดตามส่งผลถึงชาติหน้า
ทรัพย์ภายในเป็นอริยสมบัติ ซึ่งไม่มีวันสูญสลาย ไฟไม่ไหม้ น้ำไม่พัดไป โจรผู้ร้ายไม่สามารถปล้นชิง เป็นสมบัติอันเที่ยงแท้ พึ่งได้ทั้งในชาตินี้และชาติหน้า เป็นเสบียงในการเดินทางข้ามวัฏฏสงสาร ตราบจนกระทั่งพาให้ถึงฝั่งพระนิพพาน บรรลุสู่ความวิมุตติหลุดพ้นในที่สุด.
- ไฟล์แนบ
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (40).JPG (104.2 KiB) เข้าดูแล้ว 197 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (41).JPG (85.59 KiB) เข้าดูแล้ว 197 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (43).JPG (31.47 KiB) เข้าดูแล้ว 197 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (44).JPG (24.46 KiB) เข้าดูแล้ว 197 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (45).JPG (41.1 KiB) เข้าดูแล้ว 197 ครั้ง
-
- เย็นวันนั้น(ที่ ๒๒ พ.ค.๖๐) เพื่อนนักปั่นหน้าใหม่ได้ติดตามใน Facebook ชื่อว่า คุณ ยุพิน ได้อุตส่าห์ทำขนมปังและบึ่งมอไซด์มาเนี่ยมพวกเราถึงน้ำพุร้อน เราต้มกาแฟสดให้ทดลองชิม คุณยุพินได้แนะนำให้เราทราบว่าแกมีเพื่อนเป็นนักปั่น รู้จักกับลุงป๊อกได้แนะนำมาอีกครั้ง อยากจะมาศึกษาชีวิตทัวร์ริ่ง นั่งคุยกันเกือบ ๓ ชั่วโมงจนมืดจึงบอกให้เธอกลับเพราะบ้านอยู่ไกลพอสมควร
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (46).JPG (59.35 KiB) เข้าดูแล้ว 197 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (47).JPG (73.45 KiB) เข้าดูแล้ว 197 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (48).JPG (124.52 KiB) เข้าดูแล้ว 197 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (49).JPG (81.22 KiB) เข้าดูแล้ว 197 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (50).JPG (140.13 KiB) เข้าดูแล้ว 197 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (51).JPG (48.71 KiB) เข้าดูแล้ว 197 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (52).JPG (103.98 KiB) เข้าดูแล้ว 197 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (53).JPG (86.71 KiB) เข้าดูแล้ว 197 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (54).JPG (109.27 KiB) เข้าดูแล้ว 197 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (55).JPG (105.41 KiB) เข้าดูแล้ว 197 ครั้ง
-
- หลังจากที่คุณยุพินเดินทางกลับพวกเราก็เริ่มกางเต้นท์ บางส่วนก็เปลี่ยนกันไปอาบน้ำอุ่น ครั้งแรกเลยประมาณว่าจะไปแช่น้ำร้อนกันแต่ต้องรับแขกก็เป็นอันอด คงได้แต่อาบก็ถือว่าโอเค ช่วงเช้าแต่เช้าพวกเราก็ไปนั่งแช่เท้าในลำคลองที่ทางอุทยานจัดสร้างให้ประชาชนได้ไปนั่งแช่เท้กัน ในอุทยานยามเช้าอากาศสุดแสนจะสดชื่น ดอกแคนาล่วงหล่นลงพื้นขาวโพลน อดใจไม่ไหวคุณนายคิดเมนูอาหารว่าเช้านี้จะทำอะไร ผมและลุงป๊อกอาสาเก็บดอกแคนา เราแช่เท้าในน้ำร้อนเป็นที่สนุกสนานมีความสุขกันจนพอใจก็ได้เวลาไปประกอบอาหารกัน การได้มีเวลาทำอะไร ๆ ช้า ๆ หรือที่ฝรั่งเขาพูดว่า Slow Life ถือได้ว่ามันเป็นความสุขมาก ๆ นะครับอยากจะเชิญชวนทุก ๆ ท่านพยายามหาเวลาและโอกาสได้ทดลองทำกันบ้าง จะทำให้ชีวิตเพิ่มแรงและกำลังใจ ได้ทบทวน สิ่งที่ทำมาแล้วว่ามีดีมีได้มีเสียอะไรบ้าง เพื่อจะได้หันมาปรับปรุงชีวิตที่ซึ่งจะต้องเดินทางอีกยาวไกล ให้มีอริยทรัพย์เป็นเสบียงต่อไป.
ประโยชน์ของการอาบน้ำแร่ธรรมชาติ/น้ำพุร้อน
น้ำแร่...เป็นน้ำธรรมชาติที่เกิดจากการที่น้ำซึมผ่านชั้นของดินและหิน โดยจะมีแร่ธาตุต่างๆ สะสมอยู่ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ร่างกาย เช่น โซเดี่ยม แคลเซี่ยม ฟลูออไรด์ โปแตสเซียม น้ำแร่แบ่งเป็นทั้งชนิดเย็น(Cold) มีอุณหภูมิต่ำกว่า 20 ํ ซ.) ชนิดอุ่น ชนิดร้อน และชนิดร้อนจัด(Hyper Thermal) ซึ่งอุณหภูมิมากกว่า 42 ํซ. ขึ้นไป น้ำแร่ชนิดร้อนนั้นเรียกว่า “น้ำพุร้อน” (Natural Hot Springs) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มีน้ำร้อนไหลขึ้นมาจากชั้นใต้ดินของโลกที่ยังคงมีความร้อนอยู่ ประเทศไทยพบแหล่งน้ำพุร้อนกระจายอยู่ในภาคเหนือ ภาคตะวันตก ภาคกลาง และภาคใต้ ซึ่งมีอุณหภูมิน้ำร้อนที่ผิวดินอยู่ในช่วง 40 – 100 องศาเซลเซียส น้ำแร่นั้นสามารถนำมาใช้ดื่มและอาบได้
การอาบน้ำแร่/น้ำพุร้อน.... มนุษย์หลายเชื้อชาติในโลกมีความเชื่อมานานแล้วว่า การอาบน้ำแร่ร้อนจากน้ำพุร้อนจะทำให้สุขภาพดีขึ้นสามารถรักษาและบรรเทาอาการบางอย่างที่เป็นสาเหตุของโรคต่างๆ ได้ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นนั้นมีสถานที่อาบน้ำแร่ร้อนหรือออนเซน(Onsen) มากถึง 25,000 แห่ง ดังนั้น การอาบน้ำแร่/น้ำพุร้อน จึงมีประโยชน์ต่อทุกคน คือ
1. บรรเทาอาการปวดกระดูก ปวดกล้ามเนื้อ
2. ช่วยให้โลหิตในร่างกายหมุนเวียนได้ดีขึ้นและช่วยลดความเครียดทั้งร่างกายและจิตใจ
3. ช่วยขยายหลอดเลือดทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายดีขึ้น
4. ช่วยขับสิ่งอุดตันใต้ผิวหนังและรูขุมขนทำให้ผิวหนังสะอาดบำรุงผิวพรรณให้สดใส
5. ช่วยในการดูดซึมแลกเปลี่ยนออกซิเจนและกลูโคสระหว่างเส้นเลือดฝอยและเนื้อเยื่อในส่วนต่างๆ ของร่างกาย
ขอบคุณเวปป์ Onsen Health Spa & Hot Spring Resort - สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (56).JPG (93.47 KiB) เข้าดูแล้ว 197 ครั้ง
- หลังจากที่คุณยุพินเดินทางกลับพวกเราก็เริ่มกางเต้นท์ บางส่วนก็เปลี่ยนกันไปอาบน้ำอุ่น ครั้งแรกเลยประมาณว่าจะไปแช่น้ำร้อนกันแต่ต้องรับแขกก็เป็นอันอด คงได้แต่อาบก็ถือว่าโอเค ช่วงเช้าแต่เช้าพวกเราก็ไปนั่งแช่เท้าในลำคลองที่ทางอุทยานจัดสร้างให้ประชาชนได้ไปนั่งแช่เท้กัน ในอุทยานยามเช้าอากาศสุดแสนจะสดชื่น ดอกแคนาล่วงหล่นลงพื้นขาวโพลน อดใจไม่ไหวคุณนายคิดเมนูอาหารว่าเช้านี้จะทำอะไร ผมและลุงป๊อกอาสาเก็บดอกแคนา เราแช่เท้าในน้ำร้อนเป็นที่สนุกสนานมีความสุขกันจนพอใจก็ได้เวลาไปประกอบอาหารกัน การได้มีเวลาทำอะไร ๆ ช้า ๆ หรือที่ฝรั่งเขาพูดว่า Slow Life ถือได้ว่ามันเป็นความสุขมาก ๆ นะครับอยากจะเชิญชวนทุก ๆ ท่านพยายามหาเวลาและโอกาสได้ทดลองทำกันบ้าง จะทำให้ชีวิตเพิ่มแรงและกำลังใจ ได้ทบทวน สิ่งที่ทำมาแล้วว่ามีดีมีได้มีเสียอะไรบ้าง เพื่อจะได้หันมาปรับปรุงชีวิตที่ซึ่งจะต้องเดินทางอีกยาวไกล ให้มีอริยทรัพย์เป็นเสบียงต่อไป.
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- NOKNICE
- ขาประจำ
- โพสต์: 10311
- ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 11:33
- team: ไร้สังกัด,ปั่นตามใจตรู
- Bike: MERIDA MATT 40D(ของแฟน),Trek8500 , Storck G2
Re: ......จักรยานธุดงค์..........
สวัสดีลุงแดงและทุกท่านครับ
ปัจจุบันผมเองก็ทำทั้งสิ่งที่ต้องทำและทำในสิ่งที่อยากทำไปพร้อมๆกันโดยไม่มีผลกระทบอะไร ก็ถือเป็นความสุขในแบบที่มันควรจะเป็นละมั้งครับ
- สิ่งที่ต้องทำคือ ดูแลครอบครัวให้มีความสุข ทำบุญ,แบ่งปัน และทำตัวเองให้มีความสุขกับสิ่งที่ทำ
- สิ่งที่อยากทำ บางเรื่องก็ทำไปบ้างแล้ว บางเรื่องก็ยังไม่ได้ทำ ก็ค่อยๆใช้เวลาคดิหาทางทำตามความฝันต่อไปครับ
ปัจจุบันผมเองก็ทำทั้งสิ่งที่ต้องทำและทำในสิ่งที่อยากทำไปพร้อมๆกันโดยไม่มีผลกระทบอะไร ก็ถือเป็นความสุขในแบบที่มันควรจะเป็นละมั้งครับ
- สิ่งที่ต้องทำคือ ดูแลครอบครัวให้มีความสุข ทำบุญ,แบ่งปัน และทำตัวเองให้มีความสุขกับสิ่งที่ทำ
- สิ่งที่อยากทำ บางเรื่องก็ทำไปบ้างแล้ว บางเรื่องก็ยังไม่ได้ทำ ก็ค่อยๆใช้เวลาคดิหาทางทำตามความฝันต่อไปครับ
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4352
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ......จักรยานธุดงค์..........
อรุณสวัสดิ์ หลานนกและท่านผู้มีเกียรติ์ที่เคารพทุกท่าน ชื่นชมหลานนกแม้เราจะไม่ได้เห็นหน้ากัน แต่จากภาพกิจกรรมของหลานนกในเฟชบุคและกระทู้ มีความเชื่อมั่นว่าหลานนกและครอบครัวเป็นผู้มีบุญ ขอส่งแรงใจและอธิษฐานจิตให้หลานจงสำเร็จในสิ่งต้องทำและอยากทำ พร้อมนี้ขออนุญาติเพิ่มกำลังใจให้ว่า "เกิดมาทั้งที ต้องเอาดีให้ได้ นั่นคือต้องเป็นผู้ใฝ่ดี ไม่ใฝ่ต่ำไปข้องแวะหาทำแต่เรื่องชั่ว ๆ คนเราเกิดมามีหน้าที่ต้องทำความดี จะเป็นคนไปทำไม ถ้าทำตัวให้ดีไม่ได้" พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านสอนผมแบบนี้จึงทำให้ผมสำเร็จในสิ่งที่ต้องทำและอยากทำ ฝากถึงหลานนกและทุกท่านครับ
ประพฤติอย่างไร ได้ผลอย่างนั้น "จงดูต้นไม้ เอนไปทางใดย่อมล้มทางนั้น" ตั้งแต่โบราณกาล บรรพบุรุษชาวไทยนิยมยินดีในการให้ทาน และได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาจนถึงรุ่นลูกหลานในปัจจุบัน อานิสงส์ผลบุญแห่งการให้ทานที่ได้สั่งสมมายาวนาน จึงส่งผลให้แผ่นดินไทยอุดมสมบูรณ์ น้ำข้าวบริบูรณ์ ประชาชนไม่อดอยากขาดแคลน ทั้ง ๆ ที่บางปีดินฟ้าอากาศแปรปรวน น้ำท่วม นาแล้ง ไร่นาเสียหาย แต่คลังข้าวของประเทศไม่เคยว่าง มีผลผลิตส่งออกไปขายได้ทุกปี นี่คืออานิสงส์ผลบุญที่คนไทยมีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทำบุญให้ทานอย่างสม่ำเสมอไม่เคยว่างเว้น
ทว่าเสียดายที่ชาวพุทธไทยเรา ไม่นิยมรักษาศีล อานิสงส์แห่งศีลที่บกพร่องขาดหายไป ย่อมส่งผลให้บ้านเมืองเดือดร้อน ดังปรากฏให้เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทั้งปล้นฆ่า ชิงทรัพย์ ลักขโมย โกงกินบ้านเมือง หลอกลวงต้มตุ๋น ล่วงละเมิด ข่มขืน ทำแท้งฆ่าทารกปีละหลายแสนชีวิต สุรายาเมาสิ่งเสพติดล้นเมือง คลับบาร์สถานเริงรมย์ ล้อมหน้าล้อมหลังวัดวาอาราม สถานศึกษา สัตว์ถูกเชือดเฉือน ถูกไล่ล่าเข่นฆ่าเป็นเกมส์กีฬา โรงฆ่าสัตว์ไม่เคยเงียบเสียง ฯลฯ
แม้ว่าประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นเมืองพุทธศาสนา แต่กระนั้นศีลทั้ง ๕ ข้อ ก็ไม่มีข้อใดเลยที่ไม่ถูกละเมิด ประการสำคัญที่สุดจำนวนพุทธศาสนิกชนชาวไทยที่ใส่ใจในการปฏิบัติจิตภาวนา มีอยู่น้อยนิดจนน่าใจหาย ผลก็คือผู้คนขาดปัญญาธรรม ศรัทธางมงาย ไหว้ภูตผีซากสัตว์ และของประหลาดเป็นที่พึ่งผิดชอบชั่วดีแยกไม่ออก บาปบุญคุณโทษไม่สนใจ เยาวชนมั่วเพศ เสพยา บ้าพนัน ติดเกมส์ หลงใหลให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์วัตถุมากกว่าจิตใจ ลุ่มหลงอบายมุขทุกประเภท ละทิ้งคุณธรรมความดี มโนธรรมสำนึกมืดบอด ชีวิตไม่รู้จะไปทางไหน
นี่คือความจริงที่ปรากฏให้เห็นตำตา ดังนั้นทุกคนจักต้องหันมาย้อนมองสำรวจตนในสิ่งบกพร่อง และเพียรพยายามเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป หากสามารถแก้ไขให้ตรงเหตุเช่นว่านี้แล้ว สังคมประเทศชาติบ้านเมือง ก็จะบังเกิดความสงบร่มเย็นและสันติสุข เป็นแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองให้ลูกหลานได้อาศัย สืบต่อไปนานเท่านาน
ประพฤติอย่างไร ได้ผลอย่างนั้น "จงดูต้นไม้ เอนไปทางใดย่อมล้มทางนั้น" ตั้งแต่โบราณกาล บรรพบุรุษชาวไทยนิยมยินดีในการให้ทาน และได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาจนถึงรุ่นลูกหลานในปัจจุบัน อานิสงส์ผลบุญแห่งการให้ทานที่ได้สั่งสมมายาวนาน จึงส่งผลให้แผ่นดินไทยอุดมสมบูรณ์ น้ำข้าวบริบูรณ์ ประชาชนไม่อดอยากขาดแคลน ทั้ง ๆ ที่บางปีดินฟ้าอากาศแปรปรวน น้ำท่วม นาแล้ง ไร่นาเสียหาย แต่คลังข้าวของประเทศไม่เคยว่าง มีผลผลิตส่งออกไปขายได้ทุกปี นี่คืออานิสงส์ผลบุญที่คนไทยมีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทำบุญให้ทานอย่างสม่ำเสมอไม่เคยว่างเว้น
ทว่าเสียดายที่ชาวพุทธไทยเรา ไม่นิยมรักษาศีล อานิสงส์แห่งศีลที่บกพร่องขาดหายไป ย่อมส่งผลให้บ้านเมืองเดือดร้อน ดังปรากฏให้เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทั้งปล้นฆ่า ชิงทรัพย์ ลักขโมย โกงกินบ้านเมือง หลอกลวงต้มตุ๋น ล่วงละเมิด ข่มขืน ทำแท้งฆ่าทารกปีละหลายแสนชีวิต สุรายาเมาสิ่งเสพติดล้นเมือง คลับบาร์สถานเริงรมย์ ล้อมหน้าล้อมหลังวัดวาอาราม สถานศึกษา สัตว์ถูกเชือดเฉือน ถูกไล่ล่าเข่นฆ่าเป็นเกมส์กีฬา โรงฆ่าสัตว์ไม่เคยเงียบเสียง ฯลฯ
แม้ว่าประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นเมืองพุทธศาสนา แต่กระนั้นศีลทั้ง ๕ ข้อ ก็ไม่มีข้อใดเลยที่ไม่ถูกละเมิด ประการสำคัญที่สุดจำนวนพุทธศาสนิกชนชาวไทยที่ใส่ใจในการปฏิบัติจิตภาวนา มีอยู่น้อยนิดจนน่าใจหาย ผลก็คือผู้คนขาดปัญญาธรรม ศรัทธางมงาย ไหว้ภูตผีซากสัตว์ และของประหลาดเป็นที่พึ่งผิดชอบชั่วดีแยกไม่ออก บาปบุญคุณโทษไม่สนใจ เยาวชนมั่วเพศ เสพยา บ้าพนัน ติดเกมส์ หลงใหลให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์วัตถุมากกว่าจิตใจ ลุ่มหลงอบายมุขทุกประเภท ละทิ้งคุณธรรมความดี มโนธรรมสำนึกมืดบอด ชีวิตไม่รู้จะไปทางไหน
นี่คือความจริงที่ปรากฏให้เห็นตำตา ดังนั้นทุกคนจักต้องหันมาย้อนมองสำรวจตนในสิ่งบกพร่อง และเพียรพยายามเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป หากสามารถแก้ไขให้ตรงเหตุเช่นว่านี้แล้ว สังคมประเทศชาติบ้านเมือง ก็จะบังเกิดความสงบร่มเย็นและสันติสุข เป็นแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองให้ลูกหลานได้อาศัย สืบต่อไปนานเท่านาน
- ไฟล์แนบ
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (60).JPG (89.87 KiB) เข้าดูแล้ว 174 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (61).JPG (126.76 KiB) เข้าดูแล้ว 174 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (62).JPG (134.92 KiB) เข้าดูแล้ว 174 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (63).JPG (142.05 KiB) เข้าดูแล้ว 174 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (64).JPG (152 KiB) เข้าดูแล้ว 174 ครั้ง
-
- เช้าวันที่ ๒๓ พ.ค.๖๐ เราตืนกันแต่เช้าไปเดินเล่นสูดอากาศและแช่เท้าที่คลองน้ำร้อน เก็บดอกแคขาวมาทำอาหารเช้าเป็นผัดดอกแค รสจะออกขม ๆ นิด ๆ เรียกว่า "หวานเป็นลม ขมเป็นยา" ช่วงที่ทานอาหารเราก็คุยปรึกษากัน ครั้งแรกเลยเราตกลงกันว่าจะนอนที่น้ำพุร้อน ๒ คืน แต่เมื่อเรามาถึงและหลับนอนไปแล้วหนึ่งคืน เราก็คิดกันว่าเราควรจะพากันไปที่ไหนต่อ บังเอิญว่าเราคิดได้ว่า ก่อนที่เราจะมาที่นี่นั้นเราได้ข่าวว่า ที่แม่ทาลำพูนเร็ว ๆ นี้มีการจัดการแข่งขันปั่นจักรยานชมสะพานขาว(สะพานที่สร้างให้รถไฟวิ่งผ่าน)ช่วงนั้นพวกเราปั่นขึ้นม่อนล้าน อ.พร้าว ไม่ได้มีโอกาสไปร่วม อย่ากระนั้นเลยพวกเราจึงตกลงใจกันในเช้านั้นว่า เราจะเดินทางไปเยี่ยมชมย้อนรอยและพักนอนขอชมรถไฟวิ่งผ่านสะพานขาว ให้เห็นกับตาชัด ๆ สักครั้ง เพราะเราเคยไปหลาย ๆ ครั้งแต่ไม่เคยเห็นช่วงรถไฟวิ่งผ่านสะพานสักครั้ง เขาลือกันเหลือเกินว่าเป็น ภาพที่สวยงาม โด่งดังไปทั่วประเทศกลายเป็นจุดขายอีกจุดหนึ่งของจังหวัดลำพูน
คิดได้ตกลงใจเป็นเอกฉันท์หลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จ เราก็อาบน้ำชำระกายอีกรอบเก็บสัมภาระ ออกเดินทางมุ่งสู่สะพานขาวในเช้านั้นทันที ๕๕๕. - สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (65).JPG (117.5 KiB) เข้าดูแล้ว 174 ครั้ง
- เช้าวันที่ ๒๓ พ.ค.๖๐ เราตืนกันแต่เช้าไปเดินเล่นสูดอากาศและแช่เท้าที่คลองน้ำร้อน เก็บดอกแคขาวมาทำอาหารเช้าเป็นผัดดอกแค รสจะออกขม ๆ นิด ๆ เรียกว่า "หวานเป็นลม ขมเป็นยา" ช่วงที่ทานอาหารเราก็คุยปรึกษากัน ครั้งแรกเลยเราตกลงกันว่าจะนอนที่น้ำพุร้อน ๒ คืน แต่เมื่อเรามาถึงและหลับนอนไปแล้วหนึ่งคืน เราก็คิดกันว่าเราควรจะพากันไปที่ไหนต่อ บังเอิญว่าเราคิดได้ว่า ก่อนที่เราจะมาที่นี่นั้นเราได้ข่าวว่า ที่แม่ทาลำพูนเร็ว ๆ นี้มีการจัดการแข่งขันปั่นจักรยานชมสะพานขาว(สะพานที่สร้างให้รถไฟวิ่งผ่าน)ช่วงนั้นพวกเราปั่นขึ้นม่อนล้าน อ.พร้าว ไม่ได้มีโอกาสไปร่วม อย่ากระนั้นเลยพวกเราจึงตกลงใจกันในเช้านั้นว่า เราจะเดินทางไปเยี่ยมชมย้อนรอยและพักนอนขอชมรถไฟวิ่งผ่านสะพานขาว ให้เห็นกับตาชัด ๆ สักครั้ง เพราะเราเคยไปหลาย ๆ ครั้งแต่ไม่เคยเห็นช่วงรถไฟวิ่งผ่านสะพานสักครั้ง เขาลือกันเหลือเกินว่าเป็น ภาพที่สวยงาม โด่งดังไปทั่วประเทศกลายเป็นจุดขายอีกจุดหนึ่งของจังหวัดลำพูน
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (66).JPG (93.9 KiB) เข้าดูแล้ว 174 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (67).JPG (92.28 KiB) เข้าดูแล้ว 174 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (68).JPG (92.86 KiB) เข้าดูแล้ว 174 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (69).JPG (141.16 KiB) เข้าดูแล้ว 174 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (70).JPG (125.68 KiB) เข้าดูแล้ว 174 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (71).JPG (117.32 KiB) เข้าดูแล้ว 174 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (72).JPG (113.59 KiB) เข้าดูแล้ว 174 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (73).JPG (124.27 KiB) เข้าดูแล้ว 174 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (74).JPG (121.01 KiB) เข้าดูแล้ว 174 ครั้ง
-
- ออกจากน้ำพุร้อนมาถึงปากทางแวะ ๗-๑๑ หาซื้อสิ่งของติดตัวกันคนละอย่างสองอย่างตามความชอบ เจอนักปั่นสาวชาวญี่ปุ่นปั่นเดี่ยวเป็นวงกลม(จากตัวเมืองเชียงใหม่-แม่ออนสันกำแพง-สามงก-โป่งดิน-ดอยสะเก็ด-เชียงใหม่) เส้นทางซ้อมของนักจักรยานเชียงใหม่วันเดียวจบอยู่ที่ระยะทางประมาน ๘๐ กม.สนุกครับแต่ก็เหนื่อยใจจะขาดเหมือนกัน ๕๕๕.
เราหาซื้อสิ่งของดื่มน้ำเย็นชื่นใจก็ออกเดินทางต่อ ท่านที่เคารพครับบอกแล้วว่าทริปนี้เป็นทริปพักผ่อนสบาย ๆ ห่างดอยห่างเขา ที่ไหนได้การตัดสินใจครั้งสุดท้ายที่มุ่งสะพานขาวแม่ทา กลับกลายเป็นว่าเราต้องผ่านเขาข้ามอำเภอแดดก็ร้อนสุด ๆ งานนี้เรียกว่าแสนเหนื่อยไม่ได้แฮปปี้ดังที่คิด ทำอย่างไรได้ The show must go on ความอยากกับสิ่งที่ฝันมันไม่ได้เอื้ออำนวย Contrast กันสิ้นเชิงก็ต้องกัดฟันสู้กัน "ลืมความสุขที่วาดหวัง" ตั้งต้นบอกตัวเองนี่ละ ชีวิต มันหาความสุขไม่ได้หรอก เพราะ "ชีวิตมันมีแต่ทุกข์" เมื่อทำความทุกข์ให้แจ้งทุกข์นั้นก็จะค่อย ๆ คลายมลายหายไป สุขก็จะแทรกเข้ามาแทนที่ เมื่อใดที่เราลืมทุกข์ได้ชีวิตก็เป็นสุขทันที สรุปจะยากลำบากเพียงใดต้องฟันฝ่าต่อไป ชีวิตคือการต่อสู้ครับ ๕๕๕๕๕๕๕ - สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (75).JPG (120.58 KiB) เข้าดูแล้ว 174 ครั้ง
- ออกจากน้ำพุร้อนมาถึงปากทางแวะ ๗-๑๑ หาซื้อสิ่งของติดตัวกันคนละอย่างสองอย่างตามความชอบ เจอนักปั่นสาวชาวญี่ปุ่นปั่นเดี่ยวเป็นวงกลม(จากตัวเมืองเชียงใหม่-แม่ออนสันกำแพง-สามงก-โป่งดิน-ดอยสะเก็ด-เชียงใหม่) เส้นทางซ้อมของนักจักรยานเชียงใหม่วันเดียวจบอยู่ที่ระยะทางประมาน ๘๐ กม.สนุกครับแต่ก็เหนื่อยใจจะขาดเหมือนกัน ๕๕๕.
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4352
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ......จักรยานธุดงค์..........
สี่เรื่องน่าเสียดาย เกิดเป็นมนุษย์สุดประเสริฐ หากไม่ได้ทำ ๔ อย่างนี้ นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่สุด ได้แก่
๑.ไม่เรียนรู้ เวลานี้ไม่ศึกษา ไม่เรียนรู้ ช่างน่าเสียดาย
๒.ไม่ขยัน วันนี้ไม่ขยัน ไม่หมั่นฝึกฝนตน ช่างน่าเสียดาย
๓.ไม่บำเพ็ญ กายนี้ไม่ปฏิบัติ ไม่บำเพ็ญธรรม ช่างน่าเสียดาย
๔.ไม่กระจ่าง ใจนี้ไม่ชำระล้างให้กระจ่างแจ้ง ช่างน่าเสียดาย
สี่เรื่องที่ควรรู้ ชีวิตมนุษย์ควรรู้ ๔ เรื่อง ได้แก่
๑.รู้หลักธรรม จะได้ไม่ทำตัวให้น่าเวทนา
๒.รู้มโนธรรม จะได้ไม่ละโมบโลภมาก
๓.รู้คุณธรรม จะได้ไม่ทำเรื่องเสื่อมเสีย
๔.รู้วิชา จะได้ไม่เสียเวลากับเรื่องไร้สาระ
๑.ไม่เรียนรู้ เวลานี้ไม่ศึกษา ไม่เรียนรู้ ช่างน่าเสียดาย
๒.ไม่ขยัน วันนี้ไม่ขยัน ไม่หมั่นฝึกฝนตน ช่างน่าเสียดาย
๓.ไม่บำเพ็ญ กายนี้ไม่ปฏิบัติ ไม่บำเพ็ญธรรม ช่างน่าเสียดาย
๔.ไม่กระจ่าง ใจนี้ไม่ชำระล้างให้กระจ่างแจ้ง ช่างน่าเสียดาย
สี่เรื่องที่ควรรู้ ชีวิตมนุษย์ควรรู้ ๔ เรื่อง ได้แก่
๑.รู้หลักธรรม จะได้ไม่ทำตัวให้น่าเวทนา
๒.รู้มโนธรรม จะได้ไม่ละโมบโลภมาก
๓.รู้คุณธรรม จะได้ไม่ทำเรื่องเสื่อมเสีย
๔.รู้วิชา จะได้ไม่เสียเวลากับเรื่องไร้สาระ
- ไฟล์แนบ
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (76).JPG (140.96 KiB) เข้าดูแล้ว 162 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (77).JPG (153.12 KiB) เข้าดูแล้ว 162 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (80).JPG (165.21 KiB) เข้าดูแล้ว 162 ครั้ง
-
- ออกจากน้ำพุร้อนปั่นผ่าน อ.แม่ออน เข้าเส้นทางสู่ อ.แม่ทา ต้องผ่านเขาสูง แดดก็ร้อนเปรี้ยง ! เราปั่นกันมาแบบสบาย ๆ กิโลก็พัก ๕๐๐ เมตรก็จอด ฯ ส่วนตัวผมนั้นพยายามขจัดความท้อ เบื่อ เซ็งให้ออกจากใจพยายามคิดบวกไว้ การปั่นในเขตภาค จ.เชียงใหม่ หนีไม่พ้นเขาสูง ดอยชัน ไปแห่งหนตำบลใดก็ต้องเจอแต่เขาแต่ดอย คิดแบบนีแล้วก็สบายใจได้ระดับหนึ่ง ผมกับท่านประยูรปั่นล่วงหน้าไปรอที่ม่อน จุดที่ชาวบ้านเขามาสร้างทางสำหรับ Down Hill วันนั้นก็มีนักปั่นดาวน์ฮิลมาทดสอบ คาดว่าเส้นนี้จะเปิดให้ผู้ชื่นชอบเข้ามาใช้งานได้เร็ว ๆ นี้ ก็ถือว่าเป็นประโยชน์มาก เขาก็บอกให้พวกเราทดลองนะ แต่..ไม่ดีกว่า
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (83).JPG (157.18 KiB) เข้าดูแล้ว 162 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (85).JPG (104.93 KiB) เข้าดูแล้ว 162 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (86).JPG (98.76 KiB) เข้าดูแล้ว 162 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (87).JPG (114.74 KiB) เข้าดูแล้ว 162 ครั้ง
-
- ขึ้นมาถึงจุดสูงสุดของพื้นที่บริเวณนี้เขาสร้างพระขาวและมีที่พักให้ เราได้อาศัยพักผ่อนกันนานพอควร อากาศร้อนสุด ๆ น้ำเกือบหมด นั่งสักครู่เผลองีบไป(ด้วยความเหนื่อย๕๕)เสียเวลาตรงจุดนี้นานพอควรครับ รถที่วิ่งผ่านไป - มา เห็นพวกเราปั่นกันเขาคงคิดหัวเราะ "ไอ้พวกนี้ถ้าจะบ้า แดดร้อนชนิดตับแตกยังมาปั่น" เหมือนปีประมาณ ๕๓ ซึ่งเป็นปีที่ร้อนมาก ๆ ในเดือนเมษาเราปั่นไปแม่ฮ่องสอน ซึ่งครั้งนั้นทำให้พวกเรารู้จักกับคำว่า Heat Stroke และมีพวกฝรั่งได้ตั้งฉายาให้พวกเราว่า "Mad Guy Team" เมื่อปั่นถึงตัวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้รับการต้อนรับจากเจ้าหน้าที่อำเภออย่างดีพร้อมออกวุฒิบัตร "ผู็พิชิต ๑๘๖๗ โค้ง" ทั้ง ๆ ที่เป็นวันเสาร-อาทิตย์
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (88).JPG (111.04 KiB) เข้าดูแล้ว 162 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (90).JPG (95.15 KiB) เข้าดูแล้ว 162 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (91).JPG (118.39 KiB) เข้าดูแล้ว 162 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (92).JPG (131.17 KiB) เข้าดูแล้ว 162 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (93).JPG (65.95 KiB) เข้าดูแล้ว 162 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (94).JPG (56.82 KiB) เข้าดูแล้ว 162 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (95).JPG (60.78 KiB) เข้าดูแล้ว 162 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (99).JPG (111.1 KiB) เข้าดูแล้ว 162 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (100).JPG (71.81 KiB) เข้าดูแล้ว 162 ครั้ง
-
- เข้าเขต อ.แม่ทา ที่นี่จะมีชื่อซ้ำ ๆ กัน เช่น บ.ทาแม่กู่ ท่าปลาดุก ทาปาเส้า ฯ จุดหมายของเราคือ แม่ทาแต่ไม่รู่ตรงไหนก็ต้องถามชาวบ้านว่าสะพานขาวอยู่บริเวณใด พอพูดสะพานขาวเป็นอันที่เข้าใจ เพราะ"ดังแล้ว" ชาวบ้านก็จะร้อง อ๋อ แล้วก็บอกครั้งแรกที่ผ่านวัดจอมธรรม ที่ ๆ ซึ่งพวกเราเคยมานอนและสนทนาธรรมกับท่านเจ้าอาวาสแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อถึงวัดจอมธรรมเราก็คิดว่าคงใกล้เพราะเห็นมีทางแยกเข้ายอดขุนตาน ซึ่งพวกเราก็ปั่นขึ้นไปนอนกันมาแล้ว สอบถามชาวบ้านก็ทราบว่ายังอีกไกล อีกราว ๆ ๑๕ กม.ตะวันก็เริ่มต่ำคล้อยลง ๆ ๑๕ กม.ไม่ธรรมดากับความล้าที่กำลังมาเยือนเรียกว่าต้องกัดฟันกันทีเดียว เราไม่ลืมที่จะหาซื้ออาหารสดติดตัวเตรียมสำหรับมื้อเย็นด้วย ตลอดเส้นทางช่วงเย็น ๆ จะมีตลาดของชาวบ้านเป็นร้านเล็ก ๆ ขายพวกผักสดต่าง ๆ พอได้หาซื้อเป็นหน้าที่คุณนายจัดการครับ.
ทิวเขาขุนตาน (จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี )
ทิวเขาขุนตาน เป็นเป็นชื่อของทิวเขาที่อยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย เป็นทิวเขาที่มีระบบภูเขาเชื่อมต่อกับทิวเขาแดนลาว และเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาฉานโยมา แต่วางตัวตามแนวเหนือ-ใต้ ขนานกับเทือกเขาถนนธงชัย และ ทิวเขาอินทนนท์
ขุนตาน เป็นชื่อที่ตั้งตามชื่อดอยสูงสุดของทิวนี้ คือยอดดอยขุนตาน ปัจจุบันอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล
สำหรับการสะกดชื่อนั้น เดิมชื่อสถานที่ในบริเวณนี้ทั้งหมดสะกดว่า ขุนตาน (ใช้ น สะกด) โดย ตาน ภาษาล้านนา แปลว่าการให้ทาน ขุนตาน จึงแปลว่า ขุนผู้โอยทาน หรือเจ้าเมืองผู้ใจบุญสุนทาน นอกจากนี้ ขุนตาน ยังเป็นพระนามเดิมของ พระยาเบิก อดีตเจ้าผู้ครองนครลำปาง อีกด้วย แต่ต่อมาปรากฏว่าในแผนที่ของกรมแผนที่ทหารเขียนเป็น ขุนตาล (ใช้ ล สะกด) (ตาล เป็นภาษากลาง แปลว่า ต้นตาล) ซึ่งทางราชการก็ได้ยึดถือกัน ให้ใช้ตามนั้นในชื่อสถานที่ที่ตั้งขึ้นในภายหลังว่า ขุนตาล เช่น อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล (ซึ่งจัดตั้งเป็นอุทยานหลังการใช้ ล สะกด) ส่งผลให้ชื่อยอดดอยซึ่งอยู่ในเขตอุทยานฯ มีการเปลี่ยนเป็น ดอยขุนตาล เพราะเดิมทียังสับสนระหว่าง ขุนตาน (ดั้งเดิม) และ ขุนตาล (แผนที่ทหาร) ต่อมาเมื่อมีประกาศตั้งอุทยานฯ ลงในราชกิจจานุเบกษา ได้บัญญัติให้ใช้ชื่อว่า ขุนตาล ชื่อดอยจึงเป็น ขุนตาล อย่างถาวร
แต่กระนั้น สถานที่ที่สร้างก่อนหน้าเช่น ศูนย์บริการทางหลวงขุนตาน อุโมงค์ขุนตาน สถานีรถไฟขุนตาน ศาลเจ้าพ่อขุนตาน และในชื่อหมู่บ้าน บ้านขุนตาน [3] ก็ยังคงใช้ น สะกด รวมถึงชื่อทิวเขาขุนตาน[4] ซึ่งกินพื้นที่กว้างกว่าเขตอุทยานและจัดตั้งมาก่อน แต่ก็อนุโลมให้ใช้ขุนตาล แทนได้
ขุนตาล จึงเป็นชื่อของอุทยานแห่งชาติ และยอดดอย(ตามแผนที่ทหาร และราชกิจจานุเบกษา) และ ขุนตาน คือชื่อสถานที่ในบริเวณทิวเขาขุนตานที่เหลือทั้งหมด - สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (101).JPG (85.57 KiB) เข้าดูแล้ว 162 ครั้ง
- เข้าเขต อ.แม่ทา ที่นี่จะมีชื่อซ้ำ ๆ กัน เช่น บ.ทาแม่กู่ ท่าปลาดุก ทาปาเส้า ฯ จุดหมายของเราคือ แม่ทาแต่ไม่รู่ตรงไหนก็ต้องถามชาวบ้านว่าสะพานขาวอยู่บริเวณใด พอพูดสะพานขาวเป็นอันที่เข้าใจ เพราะ"ดังแล้ว" ชาวบ้านก็จะร้อง อ๋อ แล้วก็บอกครั้งแรกที่ผ่านวัดจอมธรรม ที่ ๆ ซึ่งพวกเราเคยมานอนและสนทนาธรรมกับท่านเจ้าอาวาสแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อถึงวัดจอมธรรมเราก็คิดว่าคงใกล้เพราะเห็นมีทางแยกเข้ายอดขุนตาน ซึ่งพวกเราก็ปั่นขึ้นไปนอนกันมาแล้ว สอบถามชาวบ้านก็ทราบว่ายังอีกไกล อีกราว ๆ ๑๕ กม.ตะวันก็เริ่มต่ำคล้อยลง ๆ ๑๕ กม.ไม่ธรรมดากับความล้าที่กำลังมาเยือนเรียกว่าต้องกัดฟันกันทีเดียว เราไม่ลืมที่จะหาซื้ออาหารสดติดตัวเตรียมสำหรับมื้อเย็นด้วย ตลอดเส้นทางช่วงเย็น ๆ จะมีตลาดของชาวบ้านเป็นร้านเล็ก ๆ ขายพวกผักสดต่าง ๆ พอได้หาซื้อเป็นหน้าที่คุณนายจัดการครับ.
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4352
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ......จักรยานธุดงค์..........
อรุณสวัสดิ์ครับท่านที่เคารพทุกท่านเรามาเดินทางต่อกันนะครับ
- ไฟล์แนบ
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (102).JPG (85.31 KiB) เข้าดูแล้ว 157 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (103).JPG (78.67 KiB) เข้าดูแล้ว 157 ครั้ง
-
- แวะหาซื้อเสบียงอาหารตามตลาดของชาวบ้านมาเรื่อย ๆ สนุกดีครับได้พบปะชาวบ้าน บางที่ก็จะมีชาวบ้านเขามาสนทนาด้วย ในภาพชาวบ้านชวนพวกเราไปนอนที่บ้าน ชอบชีวิตอิสระของพวกเรา เสียดายที่เป้าหมายของเราคือบ้านแม่ทาปลาดุก ที่ ๆ เราจะไปชมรถไฟวิ่งผ่านสะพานขาว มีข้อสังเกตุอยู่อย่างหนึ่งเรื่องของการปั่นจักรยานคือ หลาย ๆ คนสนใจ ชอบ คิดที่จะปั่นแต่ติดขัดอยู่ที่ "ความกลัว" กลัวไปทุกเรื่องเช่น อันตราย เจ็บก้น ไม่มีเวลา ฯ เรียกว่าจิปาถะแต่ก่อนผมมักจะเสียเวลาอรรถาธิบาย เดี๋ยวนี้ผมจะพูดสั้น ๆ ว่า ขอทุกคนผ่านมิติความกลัวให้ได้ ความกลัวเป็นเรื่องของอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ตราบใดที่ระงับหรือดับความกลัวไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าจะประสบผลสำเร็จ ซึ่งได้ผลมากครับ อยากจะนำมาย้ำไว้ที่ตรงนี้เพื่อทุกท่านที่เข้ามาอ่าน จะได้สิ้นสงสัย อะไร ๆ ในโลกนี้ล้วนนำหน้ามาจากความกลัวทั้งสิ้น ถ้าท่านผ่าน "มิติความกลัว" ไปได้ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะสำเร็จตามหวังทั้งสิ้น อย่ากลัวครับคิดอะไรได้ที่อยู่ในศีลธรรมอันดีงาม ไม่เดือดร้อนใคร ทำไปเลยครับ.
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (104).JPG (109.7 KiB) เข้าดูแล้ว 157 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (106).JPG (77.1 KiB) เข้าดูแล้ว 157 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (108).JPG (53.41 KiB) เข้าดูแล้ว 157 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (109).JPG (96.87 KiB) เข้าดูแล้ว 157 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (110).JPG (124.45 KiB) เข้าดูแล้ว 157 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (111).JPG (103.2 KiB) เข้าดูแล้ว 157 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (112).JPG (84.03 KiB) เข้าดูแล้ว 157 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (113).JPG (93.15 KiB) เข้าดูแล้ว 157 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (114).JPG (80.57 KiB) เข้าดูแล้ว 157 ครั้ง
-
- เรามาถึงบ้านทาปลาดุกเรียบร้อย มีวัดที่อยู่ตรงข้ามสะพานขาวก็คือวัดทาปลาดุก ผมเข้าไปหาท่านเจ้าอาวาสแจ้งความประสงค์ขออนุญาตกางเต้นท์นอนภายในบริเวลณวัด ท่านใจดีมาก ๆ ท่านเปิดอาคารให้พวกเราเข้าไปนอนข้างใน โดยให้เหตุผลว่าจะได้สะดวกสบายทั้งห้องน้ำห้องท่า ผมต้องกราบขอบพระคุณท่านก่อนที่จะขอตัวไปชมรถไฟซึ่งกำลังจะมาถึง
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (120).JPG (61.39 KiB) เข้าดูแล้ว 157 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (115).JPG (90.42 KiB) เข้าดูแล้ว 157 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (117).JPG (70.78 KiB) เข้าดูแล้ว 157 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (118).JPG (65.81 KiB) เข้าดูแล้ว 157 ครั้ง
-
- สมาชิกทั้งสามท่านกำลังรอชมรถไฟที่กำลังเปิดวู๊ดวิ่งมาผมรีบขอตัวจากพระอาจารย์เพื่อจะไปชมช่วงที่รถไฟวิ่งผ่าน เย็นวันนั้นพวกเราก็ได้เห็นตามที่ปราถนาแต่ก็เรียกว่าไม่จุใจ ชาวบ้านเล่าให้ฟังถ้าจะให้ดีต้องไปอยู่จุดที่ ๆ อบต.เขาทำสถานที่ไว้ให้ชมจุดนั้นจะเห็นชัดพวกเราก็คิดว่า ไว้พรุ่งนี้เช้าเราค่อยมาเก็บรายละเอียด เราเฝ้ามองรถไฟวิ่งผ่านสะพานจนสุดสายตาก่อนที่จะกลับเข้าวัดเพื่อไปจัดการที่หลับที่นอน และทำอาหารมื้อเย็นต่อไป.
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (119).JPG (68.92 KiB) เข้าดูแล้ว 157 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- NOKNICE
- ขาประจำ
- โพสต์: 10311
- ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 11:33
- team: ไร้สังกัด,ปั่นตามใจตรู
- Bike: MERIDA MATT 40D(ของแฟน),Trek8500 , Storck G2
Re: ......จักรยานธุดงค์..........
สวัสดิีเช้าวันจันทร์ครับลุงแดงและทุกท่าน
กราบขอบพระคุณสำหรับคำอวยพรครับลุง
กราบขอบพระคุณสำหรับคำอวยพรครับลุง
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4352
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ......จักรยานธุดงค์..........
เรามาชมภาพกันให้เต็มอิ่มนะครับ
- ไฟล์แนบ
-
- ภาพมุมสูงจากลุงกู เป็นภาพที่สวยงามมากหรือใครจะเถียงครับ ผมชอบจังเลย
- 59165.jpg (109.66 KiB) เข้าดูแล้ว 146 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (122).JPG (33.61 KiB) เข้าดูแล้ว 146 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (124).JPG (71.65 KiB) เข้าดูแล้ว 146 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (125).JPG (76.97 KiB) เข้าดูแล้ว 146 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (126).JPG (104.55 KiB) เข้าดูแล้ว 146 ครั้ง
-
- ก่อนนอนเราไม่ได้สวดมนต์แต่แยกย้ายกันไปทำใครทำมัน อากาศตอนกลางคืนร้อนสุด ๆ พัดลมก็เอาไม่อยู่ทำให้มีอาการเพลีย ๆ กันบ้างตื่นตอนเช้าคิดว่าอากาศจะสดชื่นแต่เปล่ายังคงร้อนอบอ้าว หรือฝนจะตก? ช่วงเช้าทำอาหารปรึกษากันจะนอนต่ออีกสักคืนไหม? ปรากฏว่าคุณประยูร ขอกลับ่อนดีกว่าไม่ไหวแล้ว(อากาศ) หลังจากที่เสร็จสรรพกับการรับประทานอาหารและจัดการทำสะอาดสถานที่เรียบร้อย คณะให้ผมเป็นตัวแทนนำปัจจัยไปถวายท่านเจ้าอาวาสและกราบลา ผมเดินไปยังกุฏิท่านเจอท่านกำลังสาระวนกับการปัดกวาดอาคาร ก็เข้าไปกราบเรียนว่าเราจะเดินทางต่อพร้อมถวายปัจจัยบำรุงวัด แปลกท่านรับปัจจัยแล้วชวนคุยไม่ได้ยะถา-สัพพี คุยสักพักก็ขอตัวเพื่อออกดินทางไปเยี่ยมสะพานขาวแบบใกล้ ๆ
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (127).JPG (78.1 KiB) เข้าดูแล้ว 146 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (128).JPG (55.29 KiB) เข้าดูแล้ว 146 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (130).JPG (76.06 KiB) เข้าดูแล้ว 146 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (131).JPG (85.87 KiB) เข้าดูแล้ว 146 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (132).JPG (72.88 KiB) เข้าดูแล้ว 146 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (133).JPG (84.44 KiB) เข้าดูแล้ว 146 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (138).JPG (68.31 KiB) เข้าดูแล้ว 146 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (140).JPG (47.1 KiB) เข้าดูแล้ว 146 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (141).JPG (67.33 KiB) เข้าดูแล้ว 146 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (147).JPG (88.04 KiB) เข้าดูแล้ว 146 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (149).JPG (68.74 KiB) เข้าดูแล้ว 146 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- NOKNICE
- ขาประจำ
- โพสต์: 10311
- ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 11:33
- team: ไร้สังกัด,ปั่นตามใจตรู
- Bike: MERIDA MATT 40D(ของแฟน),Trek8500 , Storck G2
Re: ......จักรยานธุดงค์..........
สวยงามมากครับ หวังว่าผมคงจะได้มีโอกาสไปเที่ยวบ้างครับลุง
- ลุงเนตร
- ขาประจำ
- โพสต์: 19852
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
- Tel: 0898133936
- team: อิสระ
- Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
- ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
- ติดต่อ:
Re: ......จักรยานธุดงค์..........
.. สวัสดีครับ น้องแดง หลานนก และทุกท่านที่เข้ามา เก็บเกี่ยวสิ่งดีๆจากกระทู้นี้ เกี่ยวกับเรื่องกระติกน้ำที่ติดกับตะเกียบหน้าจักรยานที่ทำไว้นั้น ไม่มีเทคนิคอะไรมาก เพียงนำกระติกแนบกับตะแกรงหน้า ที่ติดอยู่กับตะเกียบ แล้วใช้สายยางยืดรัดกระติกน้ำกับตะแกรงให้แน่นหนา ไม่เคลื่อนคลอน เท่านั้น เจาะรูที่ฝา สอดสายยางลงไปในกระติกให้ปลายด้านบนยาวมาถึงปากในขณะที่ปั่นจักรยานดูดได้โดยไม่ต้องก้มหน้า เท่านั้นครับ
- ไฟล์แนบ
-
- 20170801_132311.jpg (51.58 KiB) เข้าดูแล้ว 140 ครั้ง
-
- 20170801_132316.jpg (53.72 KiB) เข้าดูแล้ว 140 ครั้ง
-
- 20170801_132304.jpg (46.33 KiB) เข้าดูแล้ว 140 ครั้ง
-
- 20170801_132300.jpg (45.65 KiB) เข้าดูแล้ว 140 ครั้ง
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4352
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ......จักรยานธุดงค์..........
อรุณสวัสดิ์ครับ พี่เนตรที่เคารพหลานนกและทุก ๆ ท่าน ขอบพระคุณกับการอรรถาธิบายเรื่องของความคิดสร้างสรร ในการจะทำอย่างไรให้ปั่นด้วยความสุข นี่ก็เป็นอีกแบบอย่างหนึ่ง ที่นักปั่นทุกคนต้องช่วยกันคิดค้นหาสูตรใหม่ ๆ ให้กับวงการ เพื่อจะได้สร้างสรรความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ขณะออกทัวร์ ที่ผมชอบและประทับใจ ขอถามเพิ่มเติมอีกนิ๊ด..ว่ามัน work แค่ไหนอย่างไร มันแกว่ง มันรำคาญ(หนวกหู..คิดว่าคงใส่น้ำแข็งด้วย)ขณะปั่นมีความรู้สึก ? ขอบพระคุณมากครับ
นี่ก็อีกอารมณ์หนึ่งครับขอบคุณยูทูปครับ [/b]
นี่ก็อีกอารมณ์หนึ่งครับขอบคุณยูทูปครับ [/b]
- ไฟล์แนบ
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (150).JPG (265.47 KiB) เข้าดูแล้ว 134 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (151).JPG (228.08 KiB) เข้าดูแล้ว 134 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (152).JPG (184.5 KiB) เข้าดูแล้ว 134 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (153).JPG (304.25 KiB) เข้าดูแล้ว 134 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (154).JPG (361.12 KiB) เข้าดูแล้ว 134 ครั้ง
-
- พวกเราสี่คนเอ้อละเหยลอยลมอยู่ที่สะพานนานนับชั่วโมงเก็บภาพต่าง ๆ ตามมุมและสายตาของตนเอง(ชอบ)ได้เห็นขยวนรถไฟที่วิ่งผ่านสะพานสมใจ เป็นความรู้สึกที่ถ้าบรรยายผมสักหน้ากระดาษคงไม่พอ(แต่ก็ไม่มีปัญญา๕๕) ทั้งอากาศ บรรยากาศ ทิวทัศน์ตลอดจนสีสันของโลเคชั่นมันกลมกลืนให้ความรู้สึกดี ๆ เห็นแล้วมีความสุข พลันที่ผมเรียนประวัติศาสตร์และชอบประวัติศาสตร์ด้วย จิตมันย้อนคิดรำลึกนึกถึงสมัยสงครามที่ฝ่ายตรงข้ามพยายามที่จะทำลายสะพาน เป็นจินตนาการของชาวบ้านที่ระดมกันมาทาสีดำมันคงจะดูทะมึนน่าเกรงขาม นอกจากนี้เมื่อคิดล่วงหน้าไปได้ข่าวว่ามีบางกลุ่มบางคนเขาจะเปลี่ยนสีขาวให้เป็นสีชมภู พยายามจินตนาการผมคิดว่ามันคงพิลึกกึกกือพอสมควรขอบคุณภาพที่มีคนไปจินตนาการและทาสีชมพูให้ได้เห็นครับ
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (155).JPG (278.49 KiB) เข้าดูแล้ว 134 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (156).JPG (234.09 KiB) เข้าดูแล้ว 134 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (157).JPG (236.53 KiB) เข้าดูแล้ว 134 ครั้ง
-
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (159).JPG (302.08 KiB) เข้าดูแล้ว 134 ครั้ง
-
- เดินทางมาจนถึงป้อมตำรวจทางหลวงบ้านศรีบัวบานเราแวะพักเติมน้ำเย็น ตำรวจที่ด่านนี้น้ำใจดีเยี่ยมทุกคน มาทุกครั้งพวกเราจะแวะเยี่ยมทุกครั้งเช่นกัน บางครั้งเราจะติดของฝากเช่นขนม กล้วย เป็นต้นมาฝากตำรวจที่ป้อมนี้ ใครผ่านไปมา เชิญแวะใช้บริการกันนะครับ(ไม่ผิดหวัง) ช่วงเวลานี้เราได้ปรึกษากันว่า อยากจะปั่นเข้าไปเที่ยวฝั่งขวาของถนนสายในที่ติดกับไฮเวย์และแวะเที่ยววัดม่อนฤาษีด้วย แต่คุณประยูรได้แจ้งความประสงค์ว่าเหลืออีกนิดเดียวก็จะถึงบ้าน จิตใจไม่อยากเดินทางแล้ว จะขอแยกตัวกลับก่อนเป็นอันตกลงว่า ให้คุณยูรกลับไปคนเดียวส่วนพวกเราอีกสามหน่อเดินทางต่อไปโดยใช้เส้นทางลองฝั่งขวา เที่ยวต่อครับ ตามไปนะครับ.
- สะพานขาว ๒๒-๒๕ พ.ค (160).JPG (285.31 KiB) เข้าดูแล้ว 134 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024