ดืมน้ำให้เป็น
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1060
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ต.ค. 2008, 22:29
- team: ยังไม่กล้าสมัคร
- Bike: ยังไม่มีเลย เก็บเงินอยู่ครับ
ดืมน้ำให้เป็น
เพื่อนๆคิดว่าสุดยอดของการเป็นหมออยู่ที่ไหนครับ
รักษาโรคยากๆได้? ยื้อชีวิตของคนที่จะจากเราไปให้อยู่แม้เพียงเฮือกหนึ่ง? ถวายตัวอยู่กับคนไข้ตลอด 24 ชม.?
เคยอ่านนิยายกำลังภายในกันไหมครับ เป็นหนึ่งในงานวรรณกรรมที่ผมชอบมากเลยครับ โดยเฉพาะเวลาฉากที่กำลังจะต่อสู้กัน ถ้าสนใจจะเริ่มอ่านขอแนะนำฤทธิ์มีดสั้นของโกวเล้งครับ
"มีดสั้นในมือของลี้คิมฮวงนั้นหากปล่อยออกจากมือไม่เคยพลาดเป้ามาก่อน" เพียงแค่คำเล่าลือนี้ก็สามารถสะกดศิษย์วัดเสี้ยวลิ่มยี้แปดร้อยคนที่โอบล้อม เขาไว้ให้ไม่กล้าแม้กระทั่งผ่อนลมหายใจ
ลี้คิมฮวงเพียงแค่ถือมีดไว้ในมือเล่มเดียวทว่าชนะตั้งแต่ยังไม่ทันได้ออกกระบวนท่าเสียด้วยซ้ำครับ
ที่ร่ายมานี้เพียงเพื่อที่จะบอกว่ายอดฝีมือสามารถช่วงชิงชัยได้โดยไม่แม้แต่ ออกกระบวนท่า เป็นชัยชนะที่ไม่ต้องเปลืองแรงเลยสักนิด แต่กว่าจะมีความสำเร็จถึงขั้นนี้ได้ต้องมีการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน ใช่เพียงหัดเล่นๆชั่วค่ำคืน
นี่แหละครับที่ทำให้ผมคิดว่าสุดยอดของการเป็นหมอคือการไม่ต้องรักษาคนไข้ครับ ไม่จำเป็นต้องใช้มีดผ่าตัด จับชีพจร ฝังเข็มหรือว่าจ่ายยา
รักษาโรคโดยไม่ต้องออกกระบวนท่าใดๆ หรือก็คือการป้องกันก่อนเกิดโรคนั่นเอง
ที่จะเน้นให้เห็นก็คือ การรักษาโรคที่เกิดขึ้นโดยไม่เปลี่ยนพฤติกรรมของคนไข้ เป็นการรักษาที่ปลายเหตุ ต่อให้เป็นหมอจีนที่พยายามปรับร่างกายแบบองค์รวมก็เถอะ เพราะเมื่อเรารักษาคนไข้จนหายโดยไม่เปลี่ยนพฤติกรรมของคนไข้นั้น เชื่อได้เลยครับว่าเดี๋ยวเราก็จะได้เจอกันอีก
และหนึ่งในพฤติกรรมที่ผมว่าคนไทยส่วนใหญ่ทำผิดมากที่สุดคือเรื่องของการดื่มน้ำนี่แหละครับ
ลองทำแบบทดสอบกันสักนิดก่อนอ่านต่อดีไหมครับ
1. คุณมีความเชื่อที่ว่าน้ำยิ่งดื่มเยอะยิ่งดีหรือไม่
2. คุณดื่มน้ำวันละกี่แก้ว
3. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเย็น, น้ำธรรมดา หรือว่าน้ำอุ่น
4. ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนเป็นพิเศษไหม เช่น ดื่มตอนเช้า ดื่มระหว่างทานข้าว ดื่มก่อนนอน เป็นต้น
5. ปกติดื่มอะไร เช่น น้ำเปล่า น้ำอัดลม ชา กาแฟ เป็นต้น
เราเฉลยกันไปทีละข้อๆพร้อมอธิบายละกันครับ พร้อมที่จะรู้ความผิดของตัวเองหรือยังครับ
.
.
ข้อ หนึ่งนั้น เป็นความเชื่อที่ผิดครับ ทุกอย่างต่างมีคุณและมีโทษ ต้องหาจุดสมดุลของมันครับ น้ำดื่มมากเกินไปกลับไม่ดีเสียอีกครับ เดี๋ยวผมจะมีสูตรให้คำนวณว่าวันหนึ่งเพื่อนๆควรดื่มน้ำแค่ไหน
.
ข้อสอง คิดว่าทุกคนคงเคยเรียนกันมาอยู่แล้วว่าคนเราวันหนึ่งควรทานน้ำวันละ 8-10 แก้ว ว่าแต่ทำได้อย่างที่เรียนมาหรือเปล่าครับ
ผมจะอธิบายให้ฟังว่า น้ำในร่างกายของเรามีที่มาที่ไปอย่างไรก่อน
น้ำที่เข้าสู่ร่างกายเรามาจากน้ำ และอาหารที่ทานเข้าไปเป็นหลัก ส่วนน้ำจะออกจากร่างกายทางปัสสาวะ อุจจาระ เหงื่อ และทางลมหายใจ แต่ปัสสาวะเป็นเส้นทางหลักครับ
คนเราจำเป็นต้องปัสสาวะออกจากร่างกายอย่างน้อย 500 มิลลิลิตรต่อวัน ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้หมด นอกจากนี้อีกสามทางที่เหลือโดยเฉลี่ยก็จำเป็นต้องใช้น้ำอีกราว1000 มิลลิลิตร หรือ 1ลิตร ต่อวัน
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว คนเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยส่วนที่ออกจากร่างกายทุกวันราว 1500 มล. หรือ 7-8 แก้ว (แก้วละ 200 มล.) แต่ ทังนี้ทั้งนั้นตัวเลขนี้ก็ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนครับ ผมเลยมีสูตรมาให้คิดกันคร่าวๆว่าวันหนึ่งเราต้องทานน้ำปริมาณเท่าไรจึงจะ เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
สูตรคือ (น้ำหนักตัว(กก.) x 2.2 x 30) / 2
หน่วยที่ได้ออกมาเป็นมิลลิลิตรครับ เช่น หนัก 60 กก. เอาเข้าแทนค่าก็จะได้
ควรดื่มน้ำ (60 x 2.2 x 30) / 2 = 1980 มล. หรือประมาณ 10 แก้วต่อวันครับ
ถ้าเราดื่มน้ำน้อยกว่านี้ เลือดซึ่ง 90%ทำมาจากน้ำก็จะเดินไม่สะดวก ร่างกายก็จะทั้งขับของเสียยาก ขณะเดียวกันสารอาหารในเลือดก็ส่งไปถึงร่างกายช้า ทางแพทย์จีนถ้าเกิดเลือดลมเดินไม่สะดวกนี่เป็นบ่อเกิดสารพัดโรคเลย บางคนบอกว่าประจำเดือนมาน้อยหรือไม่มา มาเป็นลิ่มเลือด สีเข้ม หนืด ปวดประจำเดือนก็แหงละครับ น้ำไม่กินจะเอาที่ไหนไปสร้างเลือดละครับ แต่ถ้าทานน้ำมากกว่านี้ก็เป็นผลเสียต่อร่างกายอีกเหมือนกัน ทำอะไรก็ต้องพอดีๆครับ
.
ข้อ สามอย่างที่เคยบอกไปตั้งแต่อาการขี้หนาวนะครับว่าน้ำเย็นเป็นของต้องห้าม สำหรับร่างกาย กระเพาะเมื่อเจอของเย็นเข้าไปการทำงานจะด้อยลงทันที เกิด เป็นอาหารไม่ย่อย อาหารบูดเน่าหมักหมมอยู่ในกระเพาะและลำไส้ ลำไส้ก็ดูดซึมของเสียจากกากอาหารพวกนี้กลับเข้าสู่เส้นเลือดต่อไปเรื่อยๆจน กว่าจะถ่ายอุจจาระออกจากร่างกายของเรา
เพราะฉะนั้นเราควรจะไม่ทานของเย็นๆครับ ทานน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นก็ได้ แต่ก่อนผมไม่รู้จุดนี้ก็ทานกันไป โดยเฉพาะไทยเป็นเมืองร้อน ทุกที่ต้องเสริฟน้ำเย็น เสริฟน้ำแข็งกันเป็นกระติกๆ กินกันจนเป็นเรื่องธรรมชาติ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ก็เฉยๆ แต่พอตอนนี้ เห็นแล้วกลัวไปเลยครับ บ้านผมตอนนี้ไม่ทานน้ำแข็งกันแล้ว
.
ข้อสี่ ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนกัน ที่บอกให้ดื่มวันละ 8-10 แก้วเนี่ยจะแบ่งกินช่วงไหนระหว่างวันบ้างละ ไหนใครที่ชอบทานข้าวไปจิบน้ำไปบ้างประมาณว่ากินข้าวเสร็จหมดน้ำไปสองแก้ว ยกมือขึ้น ข้อนี้ผมจัดเป็นหายนะอย่างใหญ่หลวงที่สุดเลยครับ เป็นการกินน้ำที่ผิดที่สุดครับ
คนเรามักทำอะไรเพลินเสียจนลืมทานน้ำ พอถึงเวลาว่างซึ่งมักจะเป็นเวลาทานข้าว เขาบอกว่าให้ทานน้ำเยอะก็ ทานรวดเดียวไปเลย ผิด ผิด ผิด ผิดแบบไม่น่าให้อภัยเลยครับ เพราะช่วงเวลาที่ทานข้าวนั้น ร่างกายจำเป็นต้องอาศัยน้ำย่อยในการย่อยอาหาร เมื่อคุณกินน้ำเข้าไปเยอะๆแล้ว น้ำย่อยก็จะเจือจาง ก็เข้าสู่ระบบเดียวกับการกินของเย็น คืออาหารไม่ย่อย หมักหมม พิษถูกดูดเข้าเส้นเลือด
เพราะฉะนั้นที่คุณควรทำคือ ตอน เช้าตื่นมาดื่มน้ำก่อนเลยครับ 2-5 แก้ว เพื่อเป็นการขับพิษออกจากร่างกายทางอุจจาระ ปัสสาวะ ที่ให้ดื่มทันทีเพื่อให้มีระยะเวลาห่างจากอาหารเช้าพอสมควร
ก่อนอาหาร 15 นาที ระหว่างทานอาหาร และหลังอาหาร 40 นาที ทานน้ำได้ไม่เกินครึ่งแก้วครับ ในที่นี้หมายรวมถึงซุป น้ำแกง และของเหลวทุกประเภทนะครับ
และอย่าดื่ม น้ำครั้งละมากๆ ให้จิบครั้งละ 2-3 อึก แต่จิบถี่ๆ หาขวดน้ำแก้วน้ำมาวางไว้ข้างตัว จิบไปทั้งวันครับ ถ้ากินน้ำครั้งละมากๆผลก็คือ ร่างกายยังไม่ทันได้ดูดซึมก็ไหลรวดเดียวปัสสาวะออกไปหมดแล้ว อย่างนี้ดื่มน้ำมากแค่ไหนก็ยังหิวน้ำครับ เหมือนน้ำป่ามาครั้งเดียว ทะลักล้นเขื่อนออกไปหมด แล้วจะเอาอะไรกักเก็บไว้ในเขื่อนละครับ
เหมือนทำยาก แต่จริงๆแล้วพอเริ่มทำมันก็ไม่ยากอะไรครับ ผมแต่ก่อนทานน้ำ 2-3 แก้วพร้อมทานข้าว ด้วยเหตุผลสารพัดที่เข้าใจผิดเช่น ควรกินข้าวพออิ่มและทานน้ำเพื่อให้อิ่มจริง หรือกินล้างปากสักหน่อย (กินกันเป็นแก้วล้างปากเนี่ยนะ) หรือต้องสั่งชอคโกแลตปั่นใส่วิปครีมมากิน กินแล้วหวานมันเย็นอร่อยแต่ส่งผลเสียต่อกระเพาะโดยไม่รู้ตัว เบียร์ก็อีกตัวครับ สังสรรค์กันทีกินเข้าไปสิกี่ขวดว่ากันไป ทุกวันนี้เลิกครับ ได้ข้อดีอีกอย่างคือไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะ มันควรกินแกล้มอาหาร เลยได้เลิกเหล้าเลิกเบียร์กันไป
แต่ก่อนหลังทานข้าวเสร็จผมจะเรอตลอด ท้องอืดมาก ก็งง หรือว่าเรากินเยอะไป แต่บางทีกินไม่เยอะก็เรอตลอด เสียบุคลิกมาก พอมารู้ตรงนี้ถึงได้ถึงบางอ้อ กินน้ำเยอะอย่างนี้แล้วอาหารจะย่อยยังไงมันก็เลยเกิดลมเกิดแก้สซิ พอเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำใหม่ อาการเหล่านี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆครับ
นอกจากนี้หลังอาหารยังไม่ควรทานผลไม่ล้างปากทันที อีก ด้วยครับ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นทั้งหลาย เช่น ส้ม แก้วมังกร สาลี่ แตงโม เป็นต้น มีสองเหตุผลครับ หนึ่งเพราะว่าผลไม้จะย่อยเร็วกว่าอาหาร อาหาร ยังย่อยไม่เสร็จ ผลไม้ก็ค้างเติ่งอยู่ในกระเพาะ ร่างกายก็ดูดซึมสารอาหารจากผลไม้เหล่านี้ไม่ได้ พอไปถึงลำไส้ถึงคิวที่มันจะได้ดูดซึมมันก็เน่าเสียไปหมดแล้วครับ เพราะฉะนั้นถ้าจะทานผลไม้ควรทานก่อนหรือหลังอาหารสัก 1-2 ชม. ขณะท้องว่าง เพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมวิตามิน สารอาหารและไม่รบกวนระบบการย่อยอาหารด้วย เหตุผลที่สองคือ น้ำย่อยในกระเพาะถือว่าเป็นธาตุไฟครับ ถ้าทานผลไม้ฤทธิ์เย็นเข้าไปก็จะส่งผลให้อาหารย่อยไม่ดี เกิดวงจรอุบาทว์ดังเช่นข้างบนอีกเหมือนกัน
.
มาถึงข้อสุดท้ายแล้ว เป็นไงบ้างครับ คอตกรับผิดกันเป็นแถวเชียว ยังครับมารับรู้ความผิดของตัวเองกันในข้อนี้ต่อ ทานน้ำอะไรกันครับ บางคนชอบทานน้ำอัดลมมาก ดื่มทุกวัน ไตก็ต้องทำงานกรองน้ำให้สะอาดหนักกว่าเดิม เครื่อง กรองน้ำยี่ห้อแอมเวย์สามารถกรองโค้กให้กลายเป็นน้ำเปล่าได้ แต่อายุการใช้งานไม่ถึงปีก็ต้องเปลี่ยนหัวกรอง ทว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนไตได้ครับ ถ้ายังอยากให้ไตอยู่คู่กับเรานานๆแล้ว คุณคงรู้ว่าต้องทำอย่างไร อีกอย่างน้ำอัดลมน้ำเป็นน้ำที่ผ่านกรรมวิธีทางเคมี ใส่น้ำตาลจำนวนมาก กินเข้าไปมีแต่ผลเสียครับ ยิ่งอัดแก๊สอีก กินเข้าไปท้องก็อืด การย่อยอาหารก็ไม่ดี เสียเงินไปทำร้ายร่างกายตัวเองเปล่าๆ
พวกชาพร้อมดื่มบรรจุขวดก็เหมือนกันไม่มีอะไรนอกจากน้ำตาลและคาเฟอีนปริมาณ มากผสมน้ำนำมาขาย แต่ถ้าเป็นชาจีนร้อนๆชงจากกาก็ควรจะเว้นระยะหลังอาหารสักครึ่งชม.ครับ เพราะชามีฤทธิ์เย็น ทำให้อาหารไม่ย่อย รวมทั้งยังส่งผลต่อร่างกายในการดูดซึมธาตุเหล็กและโปรตีนอีกด้วย กาแฟก็ไม่ควรทานอย่างที่เคยพูดไว้ บางคนเถียงข้างๆคูๆ "กาแฟหอมนะหมอ" หอมครับผมไม่เถียง แต่มันไม่ดีครับ เดี๋ยวไอเดียบรรเจิดไม่เป็นหมอแล้ว ผลิตยาดมรสกาแฟดีกว่า ท่าจะรุ่ง
.
ครบห้าข้อแล้ว โอย เหนื่อย เอนทรี่นี้ยาวเป็นบ้า แต่ก็จำเป็นต้องเขียน เพื่อประโยชน์สุขของมวลชน 555 ว่าไปนั่น ที่เขียนมาให้อ่านนี้เพราะหวังดีจริงๆครับ อยากให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างถูกต้องเพื่อจะได้ห่างจากโรคภัยไข้เจ็บ อย่างที่บอกครับ หมอไม่อยากรักษาคนไข้หรอกครับ และหมอที่ดีที่สุดคือตัวคนไข้เอง เพราะพวกผมไม่มีทางอยู่กับคุณได้ตลอด ความสำเร็จไม่ใช่ได้มาเพียงชั่วข้ามคืน แต่ต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน สุขภาพที่ดีไม่ใช่ว่าป่วยแล้วไปหาหมอ ได้ยามาทานแล้วหาย แต่เป็นหน้าที่ของตัวคุณเองที่ต้องดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง
ขอให้พวกเราชนะโดยไม่จำเป็นต้องออกกระบวนท่าครับ
ที่มา: http://aunlamun.exteen.com/20070929/super-recommended
รักษาโรคยากๆได้? ยื้อชีวิตของคนที่จะจากเราไปให้อยู่แม้เพียงเฮือกหนึ่ง? ถวายตัวอยู่กับคนไข้ตลอด 24 ชม.?
เคยอ่านนิยายกำลังภายในกันไหมครับ เป็นหนึ่งในงานวรรณกรรมที่ผมชอบมากเลยครับ โดยเฉพาะเวลาฉากที่กำลังจะต่อสู้กัน ถ้าสนใจจะเริ่มอ่านขอแนะนำฤทธิ์มีดสั้นของโกวเล้งครับ
"มีดสั้นในมือของลี้คิมฮวงนั้นหากปล่อยออกจากมือไม่เคยพลาดเป้ามาก่อน" เพียงแค่คำเล่าลือนี้ก็สามารถสะกดศิษย์วัดเสี้ยวลิ่มยี้แปดร้อยคนที่โอบล้อม เขาไว้ให้ไม่กล้าแม้กระทั่งผ่อนลมหายใจ
ลี้คิมฮวงเพียงแค่ถือมีดไว้ในมือเล่มเดียวทว่าชนะตั้งแต่ยังไม่ทันได้ออกกระบวนท่าเสียด้วยซ้ำครับ
ที่ร่ายมานี้เพียงเพื่อที่จะบอกว่ายอดฝีมือสามารถช่วงชิงชัยได้โดยไม่แม้แต่ ออกกระบวนท่า เป็นชัยชนะที่ไม่ต้องเปลืองแรงเลยสักนิด แต่กว่าจะมีความสำเร็จถึงขั้นนี้ได้ต้องมีการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน ใช่เพียงหัดเล่นๆชั่วค่ำคืน
นี่แหละครับที่ทำให้ผมคิดว่าสุดยอดของการเป็นหมอคือการไม่ต้องรักษาคนไข้ครับ ไม่จำเป็นต้องใช้มีดผ่าตัด จับชีพจร ฝังเข็มหรือว่าจ่ายยา
รักษาโรคโดยไม่ต้องออกกระบวนท่าใดๆ หรือก็คือการป้องกันก่อนเกิดโรคนั่นเอง
ที่จะเน้นให้เห็นก็คือ การรักษาโรคที่เกิดขึ้นโดยไม่เปลี่ยนพฤติกรรมของคนไข้ เป็นการรักษาที่ปลายเหตุ ต่อให้เป็นหมอจีนที่พยายามปรับร่างกายแบบองค์รวมก็เถอะ เพราะเมื่อเรารักษาคนไข้จนหายโดยไม่เปลี่ยนพฤติกรรมของคนไข้นั้น เชื่อได้เลยครับว่าเดี๋ยวเราก็จะได้เจอกันอีก
และหนึ่งในพฤติกรรมที่ผมว่าคนไทยส่วนใหญ่ทำผิดมากที่สุดคือเรื่องของการดื่มน้ำนี่แหละครับ
ลองทำแบบทดสอบกันสักนิดก่อนอ่านต่อดีไหมครับ
1. คุณมีความเชื่อที่ว่าน้ำยิ่งดื่มเยอะยิ่งดีหรือไม่
2. คุณดื่มน้ำวันละกี่แก้ว
3. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเย็น, น้ำธรรมดา หรือว่าน้ำอุ่น
4. ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนเป็นพิเศษไหม เช่น ดื่มตอนเช้า ดื่มระหว่างทานข้าว ดื่มก่อนนอน เป็นต้น
5. ปกติดื่มอะไร เช่น น้ำเปล่า น้ำอัดลม ชา กาแฟ เป็นต้น
เราเฉลยกันไปทีละข้อๆพร้อมอธิบายละกันครับ พร้อมที่จะรู้ความผิดของตัวเองหรือยังครับ
.
.
ข้อ หนึ่งนั้น เป็นความเชื่อที่ผิดครับ ทุกอย่างต่างมีคุณและมีโทษ ต้องหาจุดสมดุลของมันครับ น้ำดื่มมากเกินไปกลับไม่ดีเสียอีกครับ เดี๋ยวผมจะมีสูตรให้คำนวณว่าวันหนึ่งเพื่อนๆควรดื่มน้ำแค่ไหน
.
ข้อสอง คิดว่าทุกคนคงเคยเรียนกันมาอยู่แล้วว่าคนเราวันหนึ่งควรทานน้ำวันละ 8-10 แก้ว ว่าแต่ทำได้อย่างที่เรียนมาหรือเปล่าครับ
ผมจะอธิบายให้ฟังว่า น้ำในร่างกายของเรามีที่มาที่ไปอย่างไรก่อน
น้ำที่เข้าสู่ร่างกายเรามาจากน้ำ และอาหารที่ทานเข้าไปเป็นหลัก ส่วนน้ำจะออกจากร่างกายทางปัสสาวะ อุจจาระ เหงื่อ และทางลมหายใจ แต่ปัสสาวะเป็นเส้นทางหลักครับ
คนเราจำเป็นต้องปัสสาวะออกจากร่างกายอย่างน้อย 500 มิลลิลิตรต่อวัน ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้หมด นอกจากนี้อีกสามทางที่เหลือโดยเฉลี่ยก็จำเป็นต้องใช้น้ำอีกราว1000 มิลลิลิตร หรือ 1ลิตร ต่อวัน
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว คนเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยส่วนที่ออกจากร่างกายทุกวันราว 1500 มล. หรือ 7-8 แก้ว (แก้วละ 200 มล.) แต่ ทังนี้ทั้งนั้นตัวเลขนี้ก็ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนครับ ผมเลยมีสูตรมาให้คิดกันคร่าวๆว่าวันหนึ่งเราต้องทานน้ำปริมาณเท่าไรจึงจะ เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
สูตรคือ (น้ำหนักตัว(กก.) x 2.2 x 30) / 2
หน่วยที่ได้ออกมาเป็นมิลลิลิตรครับ เช่น หนัก 60 กก. เอาเข้าแทนค่าก็จะได้
ควรดื่มน้ำ (60 x 2.2 x 30) / 2 = 1980 มล. หรือประมาณ 10 แก้วต่อวันครับ
ถ้าเราดื่มน้ำน้อยกว่านี้ เลือดซึ่ง 90%ทำมาจากน้ำก็จะเดินไม่สะดวก ร่างกายก็จะทั้งขับของเสียยาก ขณะเดียวกันสารอาหารในเลือดก็ส่งไปถึงร่างกายช้า ทางแพทย์จีนถ้าเกิดเลือดลมเดินไม่สะดวกนี่เป็นบ่อเกิดสารพัดโรคเลย บางคนบอกว่าประจำเดือนมาน้อยหรือไม่มา มาเป็นลิ่มเลือด สีเข้ม หนืด ปวดประจำเดือนก็แหงละครับ น้ำไม่กินจะเอาที่ไหนไปสร้างเลือดละครับ แต่ถ้าทานน้ำมากกว่านี้ก็เป็นผลเสียต่อร่างกายอีกเหมือนกัน ทำอะไรก็ต้องพอดีๆครับ
.
ข้อ สามอย่างที่เคยบอกไปตั้งแต่อาการขี้หนาวนะครับว่าน้ำเย็นเป็นของต้องห้าม สำหรับร่างกาย กระเพาะเมื่อเจอของเย็นเข้าไปการทำงานจะด้อยลงทันที เกิด เป็นอาหารไม่ย่อย อาหารบูดเน่าหมักหมมอยู่ในกระเพาะและลำไส้ ลำไส้ก็ดูดซึมของเสียจากกากอาหารพวกนี้กลับเข้าสู่เส้นเลือดต่อไปเรื่อยๆจน กว่าจะถ่ายอุจจาระออกจากร่างกายของเรา
เพราะฉะนั้นเราควรจะไม่ทานของเย็นๆครับ ทานน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นก็ได้ แต่ก่อนผมไม่รู้จุดนี้ก็ทานกันไป โดยเฉพาะไทยเป็นเมืองร้อน ทุกที่ต้องเสริฟน้ำเย็น เสริฟน้ำแข็งกันเป็นกระติกๆ กินกันจนเป็นเรื่องธรรมชาติ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ก็เฉยๆ แต่พอตอนนี้ เห็นแล้วกลัวไปเลยครับ บ้านผมตอนนี้ไม่ทานน้ำแข็งกันแล้ว
.
ข้อสี่ ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนกัน ที่บอกให้ดื่มวันละ 8-10 แก้วเนี่ยจะแบ่งกินช่วงไหนระหว่างวันบ้างละ ไหนใครที่ชอบทานข้าวไปจิบน้ำไปบ้างประมาณว่ากินข้าวเสร็จหมดน้ำไปสองแก้ว ยกมือขึ้น ข้อนี้ผมจัดเป็นหายนะอย่างใหญ่หลวงที่สุดเลยครับ เป็นการกินน้ำที่ผิดที่สุดครับ
คนเรามักทำอะไรเพลินเสียจนลืมทานน้ำ พอถึงเวลาว่างซึ่งมักจะเป็นเวลาทานข้าว เขาบอกว่าให้ทานน้ำเยอะก็ ทานรวดเดียวไปเลย ผิด ผิด ผิด ผิดแบบไม่น่าให้อภัยเลยครับ เพราะช่วงเวลาที่ทานข้าวนั้น ร่างกายจำเป็นต้องอาศัยน้ำย่อยในการย่อยอาหาร เมื่อคุณกินน้ำเข้าไปเยอะๆแล้ว น้ำย่อยก็จะเจือจาง ก็เข้าสู่ระบบเดียวกับการกินของเย็น คืออาหารไม่ย่อย หมักหมม พิษถูกดูดเข้าเส้นเลือด
เพราะฉะนั้นที่คุณควรทำคือ ตอน เช้าตื่นมาดื่มน้ำก่อนเลยครับ 2-5 แก้ว เพื่อเป็นการขับพิษออกจากร่างกายทางอุจจาระ ปัสสาวะ ที่ให้ดื่มทันทีเพื่อให้มีระยะเวลาห่างจากอาหารเช้าพอสมควร
ก่อนอาหาร 15 นาที ระหว่างทานอาหาร และหลังอาหาร 40 นาที ทานน้ำได้ไม่เกินครึ่งแก้วครับ ในที่นี้หมายรวมถึงซุป น้ำแกง และของเหลวทุกประเภทนะครับ
และอย่าดื่ม น้ำครั้งละมากๆ ให้จิบครั้งละ 2-3 อึก แต่จิบถี่ๆ หาขวดน้ำแก้วน้ำมาวางไว้ข้างตัว จิบไปทั้งวันครับ ถ้ากินน้ำครั้งละมากๆผลก็คือ ร่างกายยังไม่ทันได้ดูดซึมก็ไหลรวดเดียวปัสสาวะออกไปหมดแล้ว อย่างนี้ดื่มน้ำมากแค่ไหนก็ยังหิวน้ำครับ เหมือนน้ำป่ามาครั้งเดียว ทะลักล้นเขื่อนออกไปหมด แล้วจะเอาอะไรกักเก็บไว้ในเขื่อนละครับ
เหมือนทำยาก แต่จริงๆแล้วพอเริ่มทำมันก็ไม่ยากอะไรครับ ผมแต่ก่อนทานน้ำ 2-3 แก้วพร้อมทานข้าว ด้วยเหตุผลสารพัดที่เข้าใจผิดเช่น ควรกินข้าวพออิ่มและทานน้ำเพื่อให้อิ่มจริง หรือกินล้างปากสักหน่อย (กินกันเป็นแก้วล้างปากเนี่ยนะ) หรือต้องสั่งชอคโกแลตปั่นใส่วิปครีมมากิน กินแล้วหวานมันเย็นอร่อยแต่ส่งผลเสียต่อกระเพาะโดยไม่รู้ตัว เบียร์ก็อีกตัวครับ สังสรรค์กันทีกินเข้าไปสิกี่ขวดว่ากันไป ทุกวันนี้เลิกครับ ได้ข้อดีอีกอย่างคือไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะ มันควรกินแกล้มอาหาร เลยได้เลิกเหล้าเลิกเบียร์กันไป
แต่ก่อนหลังทานข้าวเสร็จผมจะเรอตลอด ท้องอืดมาก ก็งง หรือว่าเรากินเยอะไป แต่บางทีกินไม่เยอะก็เรอตลอด เสียบุคลิกมาก พอมารู้ตรงนี้ถึงได้ถึงบางอ้อ กินน้ำเยอะอย่างนี้แล้วอาหารจะย่อยยังไงมันก็เลยเกิดลมเกิดแก้สซิ พอเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำใหม่ อาการเหล่านี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆครับ
นอกจากนี้หลังอาหารยังไม่ควรทานผลไม่ล้างปากทันที อีก ด้วยครับ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นทั้งหลาย เช่น ส้ม แก้วมังกร สาลี่ แตงโม เป็นต้น มีสองเหตุผลครับ หนึ่งเพราะว่าผลไม้จะย่อยเร็วกว่าอาหาร อาหาร ยังย่อยไม่เสร็จ ผลไม้ก็ค้างเติ่งอยู่ในกระเพาะ ร่างกายก็ดูดซึมสารอาหารจากผลไม้เหล่านี้ไม่ได้ พอไปถึงลำไส้ถึงคิวที่มันจะได้ดูดซึมมันก็เน่าเสียไปหมดแล้วครับ เพราะฉะนั้นถ้าจะทานผลไม้ควรทานก่อนหรือหลังอาหารสัก 1-2 ชม. ขณะท้องว่าง เพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมวิตามิน สารอาหารและไม่รบกวนระบบการย่อยอาหารด้วย เหตุผลที่สองคือ น้ำย่อยในกระเพาะถือว่าเป็นธาตุไฟครับ ถ้าทานผลไม้ฤทธิ์เย็นเข้าไปก็จะส่งผลให้อาหารย่อยไม่ดี เกิดวงจรอุบาทว์ดังเช่นข้างบนอีกเหมือนกัน
.
มาถึงข้อสุดท้ายแล้ว เป็นไงบ้างครับ คอตกรับผิดกันเป็นแถวเชียว ยังครับมารับรู้ความผิดของตัวเองกันในข้อนี้ต่อ ทานน้ำอะไรกันครับ บางคนชอบทานน้ำอัดลมมาก ดื่มทุกวัน ไตก็ต้องทำงานกรองน้ำให้สะอาดหนักกว่าเดิม เครื่อง กรองน้ำยี่ห้อแอมเวย์สามารถกรองโค้กให้กลายเป็นน้ำเปล่าได้ แต่อายุการใช้งานไม่ถึงปีก็ต้องเปลี่ยนหัวกรอง ทว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนไตได้ครับ ถ้ายังอยากให้ไตอยู่คู่กับเรานานๆแล้ว คุณคงรู้ว่าต้องทำอย่างไร อีกอย่างน้ำอัดลมน้ำเป็นน้ำที่ผ่านกรรมวิธีทางเคมี ใส่น้ำตาลจำนวนมาก กินเข้าไปมีแต่ผลเสียครับ ยิ่งอัดแก๊สอีก กินเข้าไปท้องก็อืด การย่อยอาหารก็ไม่ดี เสียเงินไปทำร้ายร่างกายตัวเองเปล่าๆ
พวกชาพร้อมดื่มบรรจุขวดก็เหมือนกันไม่มีอะไรนอกจากน้ำตาลและคาเฟอีนปริมาณ มากผสมน้ำนำมาขาย แต่ถ้าเป็นชาจีนร้อนๆชงจากกาก็ควรจะเว้นระยะหลังอาหารสักครึ่งชม.ครับ เพราะชามีฤทธิ์เย็น ทำให้อาหารไม่ย่อย รวมทั้งยังส่งผลต่อร่างกายในการดูดซึมธาตุเหล็กและโปรตีนอีกด้วย กาแฟก็ไม่ควรทานอย่างที่เคยพูดไว้ บางคนเถียงข้างๆคูๆ "กาแฟหอมนะหมอ" หอมครับผมไม่เถียง แต่มันไม่ดีครับ เดี๋ยวไอเดียบรรเจิดไม่เป็นหมอแล้ว ผลิตยาดมรสกาแฟดีกว่า ท่าจะรุ่ง
.
ครบห้าข้อแล้ว โอย เหนื่อย เอนทรี่นี้ยาวเป็นบ้า แต่ก็จำเป็นต้องเขียน เพื่อประโยชน์สุขของมวลชน 555 ว่าไปนั่น ที่เขียนมาให้อ่านนี้เพราะหวังดีจริงๆครับ อยากให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างถูกต้องเพื่อจะได้ห่างจากโรคภัยไข้เจ็บ อย่างที่บอกครับ หมอไม่อยากรักษาคนไข้หรอกครับ และหมอที่ดีที่สุดคือตัวคนไข้เอง เพราะพวกผมไม่มีทางอยู่กับคุณได้ตลอด ความสำเร็จไม่ใช่ได้มาเพียงชั่วข้ามคืน แต่ต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน สุขภาพที่ดีไม่ใช่ว่าป่วยแล้วไปหาหมอ ได้ยามาทานแล้วหาย แต่เป็นหน้าที่ของตัวคุณเองที่ต้องดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง
ขอให้พวกเราชนะโดยไม่จำเป็นต้องออกกระบวนท่าครับ
ที่มา: http://aunlamun.exteen.com/20070929/super-recommended
- rak monthon2
- ขาประจำ
- โพสต์: 13925
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 เม.ย. 2009, 14:31
- Tel: โทร โทรโทร ไม่ติดอย่าโทร
- team: กินลมชมวิว
- Bike: รถถีบมือสอง
- ตำแหน่ง: ใต้ฟ้าเดียวกัน
Re: ดืมน้ำให้เป็น
ขอต่อเป็นคำถามกับคนเขียนเลยครับ บางตำรา และหมอบางคน แนะนำว่า กาแฟ ทานได้ แต่ไม่ควรมากเกินไป และควรเป็นกาแฟดำ ไม่ต้องเติมครีมและน้ำตาลซึ่งมีผลกับร่างกาย ประมาณนี้ แล้วจะเชื่อใครดีหนอ......
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1224
- ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ม.ค. 2009, 23:26
- Bike: GARRY FISHER wahoo n_n
- JADE555
- ขาประจำ
- โพสต์: 7878
- ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.พ. 2009, 06:31
- Tel: อยากรู้ให้โทรมาถาม (- -")
- team: CARBON ASS!!!
- Bike: เหล็กมาร
Re: ดืมน้ำให้เป็น
ว่าแต่สูตรคำนวนนี่ ของประเทศไหนอ่ะครับ อย่างบางโซน อากาศร้อน อาจเสียน้ำในร่างกายไม่เท่ากัน
อย่างตอนเราออกทริป วันไหนแดดร้อนนี้ หมดน้ำไป 2-3 กระติกทีเดียวเชียว
อย่างตอนเราออกทริป วันไหนแดดร้อนนี้ หมดน้ำไป 2-3 กระติกทีเดียวเชียว
ปั่นต่อไป จนกว่าตูดจะไหม้เป็นเถ้าถ่าน CARBON ASS TEAM
เฟรมบุบกลาง ยางก็แบน แฮนด์ก็หลุด
โซ่สะดุด ล้อสะบัด เฟืองก็แหลม
ยางนอกโล้น ขอบล้อแตก ยางในแพลม
สนิมแจม ลูกปืนร้าว รองเท้าพัง!!
เฟรมบุบกลาง ยางก็แบน แฮนด์ก็หลุด
โซ่สะดุด ล้อสะบัด เฟืองก็แหลม
ยางนอกโล้น ขอบล้อแตก ยางในแพลม
สนิมแจม ลูกปืนร้าว รองเท้าพัง!!
- JADE555
- ขาประจำ
- โพสต์: 7878
- ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.พ. 2009, 06:31
- Tel: อยากรู้ให้โทรมาถาม (- -")
- team: CARBON ASS!!!
- Bike: เหล็กมาร
Re: ดืมน้ำให้เป็น
เมื่อก่อนชอบกินต้มยำปลา แล้วต่อด้วยน้ำชาประจำ ขอบคุณครับแต่ถ้าเป็นชาจีนร้อนๆชงจากกาก็ควรจะเว้นระยะหลังอาหารสักครึ่งชม.ครับ เพราะชามีฤทธิ์เย็น ทำให้อาหารไม่ย่อย
ปั่นต่อไป จนกว่าตูดจะไหม้เป็นเถ้าถ่าน CARBON ASS TEAM
เฟรมบุบกลาง ยางก็แบน แฮนด์ก็หลุด
โซ่สะดุด ล้อสะบัด เฟืองก็แหลม
ยางนอกโล้น ขอบล้อแตก ยางในแพลม
สนิมแจม ลูกปืนร้าว รองเท้าพัง!!
เฟรมบุบกลาง ยางก็แบน แฮนด์ก็หลุด
โซ่สะดุด ล้อสะบัด เฟืองก็แหลม
ยางนอกโล้น ขอบล้อแตก ยางในแพลม
สนิมแจม ลูกปืนร้าว รองเท้าพัง!!
- moomoo
- ขาประจำ
- โพสต์: 116
- ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ม.ค. 2009, 14:49
- Tel: 081-554xxxx
- team: -
- Bike: HFS'x-edition
Re: ดืมน้ำให้เป็น
ขอบคุณมากครับ
ผมจะนำบทความนี้ไปบอกต่อ
ให้คนที่ผมเป็นห่วงมากคนนึ่งครับ
ผมจะนำบทความนี้ไปบอกต่อ
ให้คนที่ผมเป็นห่วงมากคนนึ่งครับ
- AR-15
- ขาประจำ
- โพสต์: 704
- ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2008, 15:17
- team: ปั่นคนเดียว .... แต่ ไม่เหงา
- Bike: Giant , Jamis , KHS , Kuwahara , Merida , Klein และ Trek 2.5 เสือหมอบ . . . . .
Re: ดืมน้ำให้เป็น
Thanks ......
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 3183
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.ย. 2008, 16:51
- Tel: 0947963336
- team: kNightBIKE
- Bike: oltre, cervelo s5, super6 evo, canyon ult slx
- ติดต่อ:
Re: ดืมน้ำให้เป็น
ตามหลักการทำงานของไต
คิดสูตรนี้ก็ได้ครับ
อย่างน้อยต้องปัสสาวะ(urine output) = 0.5cc/kg x 24
หรือ เอา 0.5xน้ำหนักตัวx24 (24 ในที่นี้คือจำนวนชั่วโมงนั่นเอง)
คิดสูตรนี้ก็ได้ครับ
อย่างน้อยต้องปัสสาวะ(urine output) = 0.5cc/kg x 24
หรือ เอา 0.5xน้ำหนักตัวx24 (24 ในที่นี้คือจำนวนชั่วโมงนั่นเอง)
วัยทำงาน มีแรง มีตังค์ ไม่มีเวลา
- nuter
- ขาประจำ
- โพสต์: 164
- ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ส.ค. 2008, 12:45
- team: one man show
- Bike: scott scale70 2009
Re: ดืมน้ำให้เป็น
ผมต้องกินเกือบ สามลิตรแน่ะ ตายแน่ตรู...................
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
SCOTT SCALE70 2009
- iyaa!!
- สมาชิก
- โพสต์: 21
- ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2008, 11:11
- Tel: 0815527789
- team: xx
- Bike: cannon
- ตำแหน่ง: อ.เมือง จ.เชียงใหม่
Re: ดืมน้ำให้เป็น
ตรงเผงเลย...ผมมีอาการอาหารไม่ย่อยเหมือนกัน
แล้วจะลองแก้ดูครับ ขอบคุณครับ
แล้วการนอนดึกๆจะมีผลเสียมากน้อยแค่ไหนครับ
แล้วจะลองแก้ดูครับ ขอบคุณครับ
แล้วการนอนดึกๆจะมีผลเสียมากน้อยแค่ไหนครับ
ในทุกๆเวลาคุณจะถูกฝึกให้เข้มแข็ง...โดยตัวของคุณเอง
- zerg
- สมาชิก
- โพสต์: 49
- ลงทะเบียนเมื่อ: 13 พ.ค. 2009, 00:16
- Tel: 0864493631
- Bike: Wahoo2009
Re: ดืมน้ำให้เป็น
คิดมากกันไปรึป่าวครับ เดี๋ยวนี้ยิ่งกินอะไรก็วิจัยมาว่าเป็นมะเร็งไปซะหมด เอาแค่กินให้ถูกสุขลักษณะแล้วรักษาสุขภาพให้ดีผมว่าจะพอเพียงแล้วนา กินน้ำแบบไหนก็ผิดแบบให้อภัยไม่ได้นี่ ป่านนี้หลายคนคงตายไปแล้วครับ ถ้าเอาหลักวิชาการ ความน่าจะเป็นในการทำงานของร่างกายมาจับซะหมดก็ไม่ไหวแน่เลย หลังกินข้าวเพื่อให้การย่อยได้ผลดี สังสัยไม่ต้องกินน้ำตามซักครึ่งวัน น้ำย่อยจะได้ไม่เจือจาง คิดมาไปจิตเสีย ตายง่ายกว่าอีกครับ
- สะใจโรคจิต
- ขาประจำ
- โพสต์: 677
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ส.ค. 2008, 17:29
- team: BIKE n DELICIOUS
- Bike: BMC, Trek
Re: ดืมน้ำให้เป็น
ของที่ห้ามหลาย ๆ อย่างเนี่ยฟังดูมันก็มีเหตุผลดีนะครับ
แต่อยากทราบว่ามีหลักฐาน เอกสาร งานวิจัย หรืออะไรมาอ้างอิงมั้ยครับ
เพราะว่าหลาย ๆ อย่างมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเอง
อย่างที่อ่านบทความด้านบน
อ่านมาสักพัก ชาบรรจุขวดมีแต่น้ำตาล คาเฟอีน ไม่ควรกิน
แต่บอกว่าชาร้อนให้กินหลังอาหารได้
แล้วไอ้ชาร้อนที่ชงเองมันไม่มี คาเฟอีนเหรอ ?
สงสัยนะครับเหมือนจะมี bias ในบทความนี้พอสมควร
หรืออย่าง ตื่นมาให้ดื่มน้ำ 2-5 แก้ว เพื่อช่วยในการขับถ่าย
ตื่นมาดื่มน้ำ ทานอาหารเช้า
น้ำเต็มกระเพราะ น้ำย่อยไม่จางหมดแล้วเหรอครับ ?
มันต่างอะไรกับ ดื่มน้ำหลังอาหาร ในเมื่อก่อนอาหารน้ำยังอยู่ในกระเพาะเกือบ 1 ลิตร ?
หรือว่าดื่ม 2-5 แก้ว อาบน้ำ ขับถ่ายเสร็จ เกิดรถไปติดอยู่บนทางด่วน
เกิดปวดขึ้นมาต้องกลั้นไว้ ไม่ดีอีก
ทำอะไรก็ผิดไปหมด หลาย ๆ อย่างมันขัดกันเองในตัว
ปล. ผมยอมใช้ชีวิตให้มีความสุข สุนทรีกับ อาหาร กาแฟ ไอติม เหล้า เบียร์ ไวน์
ดีกว่า อยู่จนแก่ตายเป็นร้อยปี แต่ทั้งชีวิตดื่มน้ำเปล่าไม่เย็นกับชาจีน
แต่อยากทราบว่ามีหลักฐาน เอกสาร งานวิจัย หรืออะไรมาอ้างอิงมั้ยครับ
เพราะว่าหลาย ๆ อย่างมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเอง
อย่างที่อ่านบทความด้านบน
อ่านมาสักพัก ชาบรรจุขวดมีแต่น้ำตาล คาเฟอีน ไม่ควรกิน
แต่บอกว่าชาร้อนให้กินหลังอาหารได้
แล้วไอ้ชาร้อนที่ชงเองมันไม่มี คาเฟอีนเหรอ ?
สงสัยนะครับเหมือนจะมี bias ในบทความนี้พอสมควร
หรืออย่าง ตื่นมาให้ดื่มน้ำ 2-5 แก้ว เพื่อช่วยในการขับถ่าย
ตื่นมาดื่มน้ำ ทานอาหารเช้า
น้ำเต็มกระเพราะ น้ำย่อยไม่จางหมดแล้วเหรอครับ ?
มันต่างอะไรกับ ดื่มน้ำหลังอาหาร ในเมื่อก่อนอาหารน้ำยังอยู่ในกระเพาะเกือบ 1 ลิตร ?
หรือว่าดื่ม 2-5 แก้ว อาบน้ำ ขับถ่ายเสร็จ เกิดรถไปติดอยู่บนทางด่วน
เกิดปวดขึ้นมาต้องกลั้นไว้ ไม่ดีอีก
ทำอะไรก็ผิดไปหมด หลาย ๆ อย่างมันขัดกันเองในตัว
ปล. ผมยอมใช้ชีวิตให้มีความสุข สุนทรีกับ อาหาร กาแฟ ไอติม เหล้า เบียร์ ไวน์
ดีกว่า อยู่จนแก่ตายเป็นร้อยปี แต่ทั้งชีวิตดื่มน้ำเปล่าไม่เย็นกับชาจีน
FUJI SLM LTD 7.27 kg
MTB 30sp - 7.6 kg
BIKE n DELICIOUS
Ratchapruek Rd.-Rama IV Bridge
รายชื่ิอหมวกจักรยานที่ผ่านมาตรฐาน SNELL ครับ
MTB 30sp - 7.6 kg
BIKE n DELICIOUS
Ratchapruek Rd.-Rama IV Bridge
รายชื่ิอหมวกจักรยานที่ผ่านมาตรฐาน SNELL ครับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1060
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ต.ค. 2008, 22:29
- team: ยังไม่กล้าสมัคร
- Bike: ยังไม่มีเลย เก็บเงินอยู่ครับ
Re: ดืมน้ำให้เป็น
ลองไปถามตาม linkที่ผมว่างไว้ให้เลยครับ
แค่เอามาแชร์ให้อ่านกันครับ
ถ้ามัน...ก็ข้ามมันไปครับ
แค่เอามาแชร์ให้อ่านกันครับ
ถ้ามัน...ก็ข้ามมันไปครับ
-
- สมาชิก
- โพสต์: 74
- ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ต.ค. 2008, 18:17
- Tel: 0896927895
- team: -
- Bike: MERIDA MATT40D
Re: ดืมน้ำให้เป็น
ขอบคุณมากๆครับ
- krich
- ขาประจำ
- โพสต์: 351
- ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ส.ค. 2008, 13:54
- Bike: Trek8500
Re: ดืมน้ำให้เป็น
ดีครับ แต่คงทำได้ไม่ครบทุกข้อ