ขอความรู้จากคุณหมอ หรือผู้ที่มีความรู้เรื่อง HDL LDL Cholesterol Triglycerides

[griz]

ผมได้ตรวจร่างกายประจำทุกปี จะวัดค่าต่างๆเบื้องต้น
Cholesterol, HDLs, LDLs, Triglycerides
ปีนี้ได้ค่าต่างๆตามลำดับ 222, 68, 141, 63
ในข้อสรุป BMI 23.9 เนื่องจากค่า Cholesterol 222 เกิน มีคำแนะนำให้ออกกำลังกาย งดบุหรี่
ซึ่งผมไม่สูบบุหรี่ แล้วก็ออกกำลังเป็นประจำ

คำถามเบื้องต้น ค่าทั้งสี่ค่าด้านบน มีความสัมพันธ์กันไหมครับ

อีกคำถามคือ เมื่อก่อนผมปั่นออกทริปกับเพื่อนเป็นประจำ มีค่า Cholesterol จะสูงกว่านี้ แต่ค่า HDL ก็สูง LDL จะต่ำกว่านี้
พอตอนนี้ออกกำลังสม่ำเสมอ แต่ไม่ได้ปั่นยาวๆแบบทั้งวันแล้ว ค่า HDL นี่กลับต่ำลงทุกๆปี
การเพิ่มค่า HDL และลด LDL นี่ต้องออกกำลังอย่างไรจึงเหมาะสม

พยายามหาข้อมูลการออกกำลังหรือการกินที่สร้าง HDL นี่ไม่ค่อยมี มีแต่แนะนำเบื้องต้น

ขอบคุณครับ

[nuitsm]

ตามความเข้าใจส่วนตัว LDL , HDL มันต้องปรับที่การรับประทานอาหารครับ การออกกำลังกายเป็นส่วนเสริมเท่านั้นแต่ไม่ใช่ปัจจัยหลัก
เพราะการออกกำลังกาย มันจะมีผลต่อ ออกซิเจนในเลือด และกล้ามเนื้อหัวใจ กล้ามเนื้อส่วนอื่นๆของร่างกาย
แต่สิ่งที่ได้ตามมาก็คือ การเผาผลาญไขมัน ต่อให้ออกกำลังกายประจำ แต่ไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทาน
อาหาร โดยเฉพาะ ของทอด ดื่มเบียร์ หรือเหล้าประจำ ยังไงก็ไม่ลดครับ หลายท่านคิดว่า ออกกำลังกายเยอะๆ
ร่างกายเผาผลาญเยอะ เลยต้องอัดทดแทนเข้าไป เป็นอีกสาเหตุหนึ่งครับที่ทำให้ คลอเรสเตอรอลสูง จึงควรทานอาหาร
ชดเชยในปริมาณที่เหมาะ โดยเฉพาะพวกแป้ง เดี๋ยวนี้ผมใช้วิธีทานสปาเกตตี้ที่ทำเองโดยใช้น้ำมันมะกอกในการปรุงสุก
อย่างพวกนักกีฬาขับ F1 นี่เค้าอัดสปาเกตตี้ก่อนแข่งเป็นกาละมังย่อมๆเลยครับ

ผมเองก่อนขี่จักรยาน มีปัญหา ไตรกีเซอร์ไลน์ กระโดดไป 3 ร้อยกว่า แต่พอปั่นจักรยานประจำ ลงมาปกติ
เพราะว่าร่างกายเผาผลาญพลังงาน ส่วน LDL, HDL ปกติเพราะคุมเรื่องอาหาร โดยเฉพาะการทานผักสดอย่างน้อย
1-2 serve ใน 1 สัปดาห์ แต่อาหารทุกมื้อ จะต้องมีผักประกอบ ของทอดๆนี่แทบไม่แตะเลยครับ ไม่ดื่มเบียร์
แต่พวกมันๆยังทานอยู่บ้าง



อันนี้ผมยกมาจากในเว็บนะครับ http://www.doctor.or.th/ask/detail/2236



๑. HDL ย่อมาจากคำว่า high density lipoprotein คือ ไขมันที่มีความหนาแน่นสูง เป็นไขมันที่ดีสำหรับหลอดเลือดแดงเพราะจะป้องกันไม่ให้ไขมันที่ไม่ดี คือ โคเลสเตอรอล, ไตรกลีเซอไรด์ และ LDL ไปพอกสะสมในหลอดเลือดแดง ถ้ามีระดับ HDL ในเลือดต่ำ ก็จะเพิ่มโอกาส เพิ่มปัจจัยเสี่ยงในการเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง เช่น โรคหลอดเลือดสมองหรือ หลอดเลือดหัวใจตีบ เป็นต้น ระดับปกติในผู้ที่ยังไม่เป็นโรคหลอดเลือดแดงแข็งควรจะไม่ต่ำกว่า ๔๐ มก./ดล. ระดับ HDL ในเลือดของคุณอยู่ในระดับสูงกว่าปกติ ซึ่งเป็นผลดี

ส่วน LDL ย่อมาจากคำว่า low density lipoprotein คือ ไขมันที่ความหนาแน่นต่ำ เป็นไขมันที่ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง วิธีการวัดระดับ LDL ในเลือด ทำได้ ๒ วิธี คือ วิธีคำนวณค่า LDL จากค่าโคเลสเตอรอล, ไตรกลีเซอไรด์และ HDL ในเลือด โดยใช้สูตร LDL= โคเลสเตอรอล-(ไตรกลีเซอไรด์/5) -HDL ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันอยู่ทั่วไป ส่วนอีกวิธีหนึ่งเป็นวิธีหาค่า LDL โดยตรงจากเลือด ทำได้บางโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เท่านั้น

ผลระดับไขมันในเลือดของคุณ โคเลสเตอรอล ๒๓๔, ไตรกลีเซอไรด์ ๕๘, HDL ๗๕ คำนวณแล้ว ค่า LDL ควรจะเป็น ๒๓๔-(๕๘/๕)-๗๕=๑๔๗.๔ มก./ดล. ซึ่งไม่เท่า กับค่า ๑๘๑ ที่รายงานมา เข้าใจว่าเป็นเพราะใช้วิธีการวัดระดับ LDL โดยตรงจากเลือดหรือคำนวณค่า LDL ผิด อีกประการหนึ่ง ค่าไตรกลีเซอไรด์ดูเหมือนจะต่ำกว่าระดับปกติมาก (๑๕๐-๒๐๐ มก./ดล.) และค่า HDL ก็ดูเหมือนจะสูงกว่าปกติมาก ( ๔๐ มก./ดล.) ทำให้ชวนสงสัยว่า ค่าระดับไขมันในเลือดที่ให้มานี้ถูกต้องหรือไม่

๒. ระดับ LDL ปกติในคนทั่วไปสูงไม่เกิน ๑๓๐ มก./ดล. ถ้าระดับ LDL ในเลือดระหว่าง ๑๓๐-๑๕๙ ถือว่าสูงปานกลาง ๑๖๐-๑๘๙ ถือว่าสูง ระดับมากกว่า ๑๙๐ ถือว่า สูงมาก ระดับ LDL ของคุณอยู่ในระดับสูงปานกลางซึ่งส่วนใหญ่เกิดจาก การบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง คือ

๑. อาหารที่มีกรดไขมันอิ่มตัวมาก เช่น กะทิ น้ำมันปาล์ม หมู ๓ ชั้น หรือเนื้อสัตว์ที่มีไขมันมาก หนังสัตว์ เนย ไส้กรอก เป็นต้น

๒. อาหารที่มีโคเลสเตอรอลสูง เช่น ไข่แดง เครื่องในสัตว์ หอยนางรม เป็นต้น

ระดับโคเลสเตอรอล และ LDL ของคุณสูงกว่าปกติ ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็งได้ ดังนั้นจึงควรลดการกินอาหารที่มีกรดไขมัน อิ่มตัว และโคเลสเตอรอลสูงดังกล่าวข้างต้น กินอาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น ข้าว ถั่ว ธัญพืช งา สาหร่าย เห็ด เต้าหู้ วุ้นเส้น และใช้น้ำมันพืช (ยกเว้นน้ำมันมะพร้าวและน้ำมันปาล์ม) ในการปรุงอาหาร งดของหวานที่มีนมเนย เช่น ขนมเค้ก คุกกี้ ไอศกรีม เป็นต้น

[griz]

ส่วน LDL ย่อมาจากคำว่า low density lipoprotein คือ ไขมันที่ความหนาแน่นต่ำ เป็นไขมันที่ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง วิธีการวัดระดับ LDL ในเลือด ทำได้ ๒ วิธี คือ วิธีคำนวณค่า LDL จากค่าโคเลสเตอรอล, ไตรกลีเซอไรด์และ HDL ในเลือด โดยใช้สูตร LDL= โคเลสเตอรอล-(ไตรกลีเซอไรด์/5) -HDL ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันอยู่ทั่วไป ส่วนอีกวิธีหนึ่งเป็นวิธีหาค่า LDL โดยตรงจากเลือด ทำได้บางโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เท่านั้น

ผลระดับไขมันในเลือดของคุณ โคเลสเตอรอล ๒๓๔, ไตรกลีเซอไรด์ ๕๘, HDL ๗๕ คำนวณแล้ว ค่า LDL ควรจะเป็น ๒๓๔-(๕๘/๕)-๗๕=๑๔๗.๔ มก./ดล. ซึ่งไม่เท่า กับค่า ๑๘๑ ที่รายงานมา เข้าใจว่าเป็นเพราะใช้วิธีการวัดระดับ LDL โดยตรงจากเลือดหรือคำนวณค่า LDL ผิด อีกประการหนึ่ง ค่าไตรกลีเซอไรด์ดูเหมือนจะต่ำกว่าระดับปกติมาก (๑๕๐-๒๐๐ มก./ดล.) และค่า HDL ก็ดูเหมือนจะสูงกว่าปกติมาก ( ๔๐ มก./ดล.) ทำให้ชวนสงสัยว่า ค่าระดับไขมันในเลือดที่ให้มานี้ถูกต้องหรือไม่

ค่าที่บอกไม่ผิดครับ.. โคเลสเตอรอลนี่ผมเกิน 200 ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา อยู่ระหว่าง 212-245 ส่วน HDL นี่ก็ปีนี้น้อยสุด เคยอยู่ 68-85 ส่วน LDL นี่ก็อยู่ประมาณนี้ ขึ้นลงตามโคเลสเตอรอล ส่วนไตรกลีเซอไรค์ ผมต่ำตลอด ไม่เคยเกิน 80 ผมวัดแบบเสียเงินเพิ่ม ทุกอย่างวัดจากเลือดครับ

ขอบคุณครับ จะลองปรับเรื่องกินดู เพราะปีนี้ปรับการกินเยอะ ไม่กินข้าวเย็น ไม่กินเหล้า เบียร์ ไม่กินอาหารทอดน้ำมันปาล์ม กินข้าวกล้องวันละ 1 ถ้วยตวง

[nuitsm]

ส่วน LDL ย่อมาจากคำว่า low density lipoprotein คือ ไขมันที่ความหนาแน่นต่ำ เป็นไขมันที่ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง วิธีการวัดระดับ LDL ในเลือด ทำได้ ๒ วิธี คือ วิธีคำนวณค่า LDL จากค่าโคเลสเตอรอล, ไตรกลีเซอไรด์และ HDL ในเลือด โดยใช้สูตร LDL= โคเลสเตอรอล-(ไตรกลีเซอไรด์/5) -HDL ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันอยู่ทั่วไป ส่วนอีกวิธีหนึ่งเป็นวิธีหาค่า LDL โดยตรงจากเลือด ทำได้บางโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เท่านั้น

ผลระดับไขมันในเลือดของคุณ โคเลสเตอรอล ๒๓๔, ไตรกลีเซอไรด์ ๕๘, HDL ๗๕ คำนวณแล้ว ค่า LDL ควรจะเป็น ๒๓๔-(๕๘/๕)-๗๕=๑๔๗.๔ มก./ดล. ซึ่งไม่เท่า กับค่า ๑๘๑ ที่รายงานมา เข้าใจว่าเป็นเพราะใช้วิธีการวัดระดับ LDL โดยตรงจากเลือดหรือคำนวณค่า LDL ผิด อีกประการหนึ่ง ค่าไตรกลีเซอไรด์ดูเหมือนจะต่ำกว่าระดับปกติมาก (๑๕๐-๒๐๐ มก./ดล.) และค่า HDL ก็ดูเหมือนจะสูงกว่าปกติมาก ( ๔๐ มก./ดล.) ทำให้ชวนสงสัยว่า ค่าระดับไขมันในเลือดที่ให้มานี้ถูกต้องหรือไม่

ค่าที่บอกไม่ผิดครับ.. โคเลสเตอรอลนี่ผมเกิน 200 ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา อยู่ระหว่าง 212-245 ส่วน HDL นี่ก็ปีนี้น้อยสุด เคยอยู่ 68-85 ส่วน LDL นี่ก็อยู่ประมาณนี้ ขึ้นลงตามโคเลสเตอรอล ส่วนไตรกลีเซอไรค์ ผมต่ำตลอด ไม่เคยเกิน 80 ผมวัดแบบเสียเงินเพิ่ม ทุกอย่างวัดจากเลือดครับ

ขอบคุณครับ จะลองปรับเรื่องกินดู เพราะปีนี้ปรับการกินเยอะ ไม่กินข้าวเย็น ไม่กินเหล้า เบียร์ ไม่กินอาหารทอดน้ำมันปาล์ม กินข้าวกล้องวันละ 1 ถ้วยตวง

ลองดูครับ ถ้าควบคุมสม่ำเสมอเชื่อว่าต้องดีขึ้นแน่นอนครับ ฝากเรื่องผักสดด้วยครับ ช่วยได้เยอะจริงๆ

[fifaff]

เห็นอ่านว่า นักกีฬา f1 ต้องฝึกร่างกายอย่างหนักมากเหมือนกัน ต้องทั้งว่ายน้ำ จักรยาน เพราะอะไรครับผม

[griz]

เห็นอ่านว่า นักกีฬา f1 ต้องฝึกร่างกายอย่างหนักมากเหมือนกัน ต้องทั้งว่ายน้ำ จักรยาน เพราะอะไรครับผม

ไม่รู้เพราะอะไร คนขับ F1 แข็งแรงมาก มีคนที่เป็นแชมป์เล่นไตรกีฬา ระดับแชมป์กลุ่มอายุของยุโรปเลยทีเดียว
อีกคนขับ indy500 ก็เล่นระยะ ironman เลย

[fifaff]

สงสัยจะเกี่ยวกับแรง G

[griz]

คลิปนี้ที่เคยดู


คนนี้ที่เป็นแชมป์

[phongsiri]

อู้ว ขี่จักรยานยาน Mecedes-Benz กันเลยทีเดียว

[nuitsm]

เห็นอ่านว่า นักกีฬา f1 ต้องฝึกร่างกายอย่างหนักมากเหมือนกัน ต้องทั้งว่ายน้ำ จักรยาน เพราะอะไรครับผม

ไม่รู้เพราะอะไร คนขับ F1 แข็งแรงมาก มีคนที่เป็นแชมป์เล่นไตรกีฬา ระดับแชมป์กลุ่มอายุของยุโรปเลยทีเดียว
อีกคนขับ indy500 ก็เล่นระยะ ironman เลย

ขับ F1 ต้องใช้สมาธิและกำลังร่างกายเป็นอย่างมากครับ ทั้งแขน ขา คอ และช่วงตัว ร่างกายต้องแข็งแรง เพราะขับกันไม่ต่ำกว่า 3-5 ชั่วโมงต่อเนื่อง บางสนามปาไป 50-60 รอบสนาม ความยาวทางแข่งอยู่ที่ประมาณ 5-7 กม. รวมแล้วขับไม่น้อยกว่า 300 กม. และอยู่ในชุดแข่งที่เป็นผ้าป้องกันไฟอึดอัดแน่นอนครับ จะเห็นนักแข่งส่วนใหญ่ พอลงจากรถ เหงื่อยังกะไปอาบน้ำมาเลยครับ เค้าถึงต้องอัดคาร์โบไฮเดรตเยอะๆก่อนแข่ง

เราๆท่านๆ แค่ขับทางไกล 100 กว่าโลก็ต้องพักเท้าแล้ว แต่นักขับ F1 ไม่มีได้พักเท้าเลยครับ ต้องเล่นกับคันเร่งและเบรคตลอด โชคดีที่
ไม่ต้องใช้เท้าซ้ายเปลี่ยนเกียร์เพราะเป็น paddle shift หมดแล้ว

[fifaff]

คลิปนี้ที่เคยดู


คนนี้ที่เป็นแชมป์

เจสัน บัตตัน โคตรเท่ห์เลย