ยาคลายกล้ามเนื้อ มีประโยชน์จริงหรือ?
- พล 347
- ขาประจำ
- โพสต์: 1101
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 20:24
- team: 347 Cycling Team
- Bike: Cannondale EVO
- ติดต่อ:
ยาคลายกล้ามเนื้อ มีประโยชน์จริงหรือ?
ผมโพสต์เรื่องนี้ไว้ในกระทู้ห้อง 347 ขอนำมาแบ่งปันไว้ที่นี่ด้วยครับ
นักปั่นหลายคน ถามไถ่ เสาะหากันมามากมาย เรื่องยาคลายกล้ามเนื้อและ ยาแก้ปวดข้อ เอ็น ต่าง ๆ
หรือแม้กระทั่งอาการบาดเจ็บหลังการออกกำลังกายหรือการปั่นหนัก ๆ
ผมเจอเรื่องนี้ถูกใจพอดีขอนำมาแบ่งปันกันครับ
ยาแก้ปวดคลายกล้ามเนื้อ ตระกูล NSAIDs (Non-steroidal anti-inflammatory drugs)
ที่รู้จักกันทั่วไปก็พวก aspirin กับ ibuprofen หรือชื่อการค้า Arcoxia กับ Celebrax
ได้รับความนิยมกันแพร่หลายในหมู่นักกีฬาทั่วไป แน่นอนรวมถึงนักกีฬาโดยเฉพาะนักปั่นบ้านเราด้วย
เหตุผลหนึ่งก็คือหาซื้อได้ง่าย ไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์
มีการสำรวจครั้งหนึ่งพบว่าในหมู่นักไตรกีฬา ระดับชาติ ปี 2008 ประเทศหนึ่ง
แน่นอนว่าไม่ใช่บ้านเรา เพราะว่าบ้านเราไม่เคยมีทำสถิติพวกนี้
พบว่ามีการใช้ยาพวกนี้ถึง 60% ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา
อีกรายงานหนึ่งที่คล้าย ๆ กัน ตรวจพบว่าในกีฬาโอลิมปิคที่ Sydney ปี 2000
นักกีฬา 25% ตรวจพบสาร NSAIDs ในรอบแค่ 3 วันที่ผ่านมา
อีกเหตุผลหนึ่งที่ยาพวกนี้ได้รับความนิยมมากก็เพราะว่า มันได้ผลจริง ครับ
ไม่สงสัยเลยว่า ยานี้ส่งผลชะงัดนักในการระงับความเจ็บปวด ไข้
จากการใช้งานกล้ามเนื้อหนัก ๆ เช่น ถ้าคุณเกิดบิดแขนจนกล้ามเนื้อช้ำ
ฉีกขาด ยาพวกนี้จัดการได้เด็ดขาด
นักปั่นหลายคน ถามไถ่ เสาะหากันมามากมาย เรื่องยาคลายกล้ามเนื้อและ ยาแก้ปวดข้อ เอ็น ต่าง ๆ
หรือแม้กระทั่งอาการบาดเจ็บหลังการออกกำลังกายหรือการปั่นหนัก ๆ
ผมเจอเรื่องนี้ถูกใจพอดีขอนำมาแบ่งปันกันครับ
ยาแก้ปวดคลายกล้ามเนื้อ ตระกูล NSAIDs (Non-steroidal anti-inflammatory drugs)
ที่รู้จักกันทั่วไปก็พวก aspirin กับ ibuprofen หรือชื่อการค้า Arcoxia กับ Celebrax
ได้รับความนิยมกันแพร่หลายในหมู่นักกีฬาทั่วไป แน่นอนรวมถึงนักกีฬาโดยเฉพาะนักปั่นบ้านเราด้วย
เหตุผลหนึ่งก็คือหาซื้อได้ง่าย ไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์
มีการสำรวจครั้งหนึ่งพบว่าในหมู่นักไตรกีฬา ระดับชาติ ปี 2008 ประเทศหนึ่ง
แน่นอนว่าไม่ใช่บ้านเรา เพราะว่าบ้านเราไม่เคยมีทำสถิติพวกนี้
พบว่ามีการใช้ยาพวกนี้ถึง 60% ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา
อีกรายงานหนึ่งที่คล้าย ๆ กัน ตรวจพบว่าในกีฬาโอลิมปิคที่ Sydney ปี 2000
นักกีฬา 25% ตรวจพบสาร NSAIDs ในรอบแค่ 3 วันที่ผ่านมา
อีกเหตุผลหนึ่งที่ยาพวกนี้ได้รับความนิยมมากก็เพราะว่า มันได้ผลจริง ครับ
ไม่สงสัยเลยว่า ยานี้ส่งผลชะงัดนักในการระงับความเจ็บปวด ไข้
จากการใช้งานกล้ามเนื้อหนัก ๆ เช่น ถ้าคุณเกิดบิดแขนจนกล้ามเนื้อช้ำ
ฉีกขาด ยาพวกนี้จัดการได้เด็ดขาด
- พล 347
- ขาประจำ
- โพสต์: 1101
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 20:24
- team: 347 Cycling Team
- Bike: Cannondale EVO
- ติดต่อ:
Re: ยาคลายกล้ามเนื้อ มีประโยชน์จริงหรือ?
แต่ ... เสียเพียงแต่ว่า การใช้ยาอาจไม่ใช่วิธีเดียวหรือวิธีที่ถูกต้องเท่าไรนักหรอกครับ
ที่จะแก้ปัญหาพวกกล้ามเนื้อบาดเจ็บ
มีรายงานหลายครั้งที่บอกว่า ขณะที่ยาพวกนี้ลดอาการปวดกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย
ได้จริง ๆ แต่ที่ยาพวกนี้ไม่ได้ทำก็คือไม่ได้ช่วยเร่งการซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่สึกหรอ
บอบช้ำเลยซักนิดเดียว แถมยังขัดขวางเสียอีก มีหลักฐานว่าการกินยาพวก
นี้ในเวลาที่มีการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง รุนแรง
จะส่งผลให้ไปขัดขวางกระบวนการซ่อมแซม ฟื้นฟูกล้ามเนื้ออันเป็นกระบวน
การปกติของร่างกายให้ช้าลงอีกด้วย
อ้าง รายงานวิจัยจากนักเคมีรางวัลโนเบล John Vane ปี 1970 โน่น
ศึกษาผลกระทบของสาร NSAIDs ไว้ รายละเอียดไม่เล่าละเอาแค่ที่รู้เรื่องก็พอ บอกว่า...
อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นเป็นปกติในหนึ่งหรือสองวันหลังการออกกำลังกายหนัก ๆ
นั้นก็เพราะว่าร่างกายได้เริ่มต้นกระบวนซ่อมแซมส่วนที่สึกหรออย่างขมักเขม้นครับ
ซึ่งก็คือเส้นใยกล้ามเนื้อ และ ปลายประสาทขนาดเล็ก ๆ ทีฉีกขาดไปนั่นแหละ
ซึ่งหลังจากการซ่อมแซมแล้วมันจะทำให้กล้ามเนื้อพวกนี้แข็งแรงขึ้นนั่นเอง
กระบวนการซ่อมแซมเหล่านี้แหละครับ โดยเฉพาะพวกปลายประสาทนั่น
ทำให้เรารู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว ส่วนจะแถมหัวใจไปด้วย
อันเนื่องมาจากนางเอกนักปั่นคนไหนไม่มาให้ยลโฉม อันนี้ไม่เกี่ยวครับ
ก็จงภูมิใจเถอะครับ ว่าเราได้ออกกำลังกายในระดับที่จะยกความสามารถ
ของกล้ามเนื้อไปแล้วอีกขึ้นหนึ่ง
ทีนี้ยาพวกนี้ เมื่อใช้เป็นประจำ ด้วยกระบวนการเคมีร่างกายอันซับซ้อน
ที่ผมมิอาจเข้าใจได้ เช่น prostaglandins, collagen, musculoskeletal..
.(อ้างไว้หน่อย เผื่อมีคนคิดว่านั่งเทียน)
ผลก็คือจะไปขัดขวาง ยกเลิกการปรับตัวของร่างกายในการฟื้นสภาพของกล้ามเนื้อ
แถมยังลามปามไปถึงขัดขวางกระบวนการซ่อมกระดูก การแตกร้าวย่อย ๆ
ของกระดูก bone fracture เอ็นยึดข้อต่าง ๆ tendons, ligaments อีกด้วย
ว่ากันง่าย ๆ ถ้าการการซ่อมแซมปลายประสาท เอ็น เส้นใยกล้ามเนื้อทำให้เราปวด
อันเป็นเรื่องธรรมชาติ การกินยาลดการปวด ก็เหมือนกับการไปขัดขวางไม่ให้ซ่อมแซม
หรือซ่อมแซมน้อยลงนั่นเอง
นักปั่นมือโปรบ้านเราบางคนชอบใช้ยาตระกูล NSAIDs เป็นประจำทั้งก่อน
และขณะปั่นแบบหนัก ๆ โดยมีความเชื่่อว่าจะทำให้อึดขึ้น ขยันปั่นขึ้น
ลดการเจ็บปวด กล้ามเนื้ออันเกิดขณะปั่นและหลังการปั่นได้
จริงหรือไม่จริง อ่านต่อครับ..
ที่จะแก้ปัญหาพวกกล้ามเนื้อบาดเจ็บ
มีรายงานหลายครั้งที่บอกว่า ขณะที่ยาพวกนี้ลดอาการปวดกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย
ได้จริง ๆ แต่ที่ยาพวกนี้ไม่ได้ทำก็คือไม่ได้ช่วยเร่งการซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่สึกหรอ
บอบช้ำเลยซักนิดเดียว แถมยังขัดขวางเสียอีก มีหลักฐานว่าการกินยาพวก
นี้ในเวลาที่มีการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง รุนแรง
จะส่งผลให้ไปขัดขวางกระบวนการซ่อมแซม ฟื้นฟูกล้ามเนื้ออันเป็นกระบวน
การปกติของร่างกายให้ช้าลงอีกด้วย
อ้าง รายงานวิจัยจากนักเคมีรางวัลโนเบล John Vane ปี 1970 โน่น
ศึกษาผลกระทบของสาร NSAIDs ไว้ รายละเอียดไม่เล่าละเอาแค่ที่รู้เรื่องก็พอ บอกว่า...
อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นเป็นปกติในหนึ่งหรือสองวันหลังการออกกำลังกายหนัก ๆ
นั้นก็เพราะว่าร่างกายได้เริ่มต้นกระบวนซ่อมแซมส่วนที่สึกหรออย่างขมักเขม้นครับ
ซึ่งก็คือเส้นใยกล้ามเนื้อ และ ปลายประสาทขนาดเล็ก ๆ ทีฉีกขาดไปนั่นแหละ
ซึ่งหลังจากการซ่อมแซมแล้วมันจะทำให้กล้ามเนื้อพวกนี้แข็งแรงขึ้นนั่นเอง
กระบวนการซ่อมแซมเหล่านี้แหละครับ โดยเฉพาะพวกปลายประสาทนั่น
ทำให้เรารู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว ส่วนจะแถมหัวใจไปด้วย
อันเนื่องมาจากนางเอกนักปั่นคนไหนไม่มาให้ยลโฉม อันนี้ไม่เกี่ยวครับ
ก็จงภูมิใจเถอะครับ ว่าเราได้ออกกำลังกายในระดับที่จะยกความสามารถ
ของกล้ามเนื้อไปแล้วอีกขึ้นหนึ่ง
ทีนี้ยาพวกนี้ เมื่อใช้เป็นประจำ ด้วยกระบวนการเคมีร่างกายอันซับซ้อน
ที่ผมมิอาจเข้าใจได้ เช่น prostaglandins, collagen, musculoskeletal..
.(อ้างไว้หน่อย เผื่อมีคนคิดว่านั่งเทียน)
ผลก็คือจะไปขัดขวาง ยกเลิกการปรับตัวของร่างกายในการฟื้นสภาพของกล้ามเนื้อ
แถมยังลามปามไปถึงขัดขวางกระบวนการซ่อมกระดูก การแตกร้าวย่อย ๆ
ของกระดูก bone fracture เอ็นยึดข้อต่าง ๆ tendons, ligaments อีกด้วย
ว่ากันง่าย ๆ ถ้าการการซ่อมแซมปลายประสาท เอ็น เส้นใยกล้ามเนื้อทำให้เราปวด
อันเป็นเรื่องธรรมชาติ การกินยาลดการปวด ก็เหมือนกับการไปขัดขวางไม่ให้ซ่อมแซม
หรือซ่อมแซมน้อยลงนั่นเอง
นักปั่นมือโปรบ้านเราบางคนชอบใช้ยาตระกูล NSAIDs เป็นประจำทั้งก่อน
และขณะปั่นแบบหนัก ๆ โดยมีความเชื่่อว่าจะทำให้อึดขึ้น ขยันปั่นขึ้น
ลดการเจ็บปวด กล้ามเนื้ออันเกิดขณะปั่นและหลังการปั่นได้
จริงหรือไม่จริง อ่านต่อครับ..
- พล 347
- ขาประจำ
- โพสต์: 1101
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 20:24
- team: 347 Cycling Team
- Bike: Cannondale EVO
- ติดต่อ:
Re: ยาคลายกล้ามเนื้อ มีประโยชน์จริงหรือ?
อ้างงานวิจัย โดยให้นักวิ่งอุลตร้ามาราธอนใช้ยาพวกนี้แหละ
ทั้งก่อนและขณะลงสนามแข่ง พบว่ากลุ่มที่ใช้ยาไม่ได้ทำเวลาเร็วกว่าพวกที่ไม่ใช้เลยซักนิด
และยังตรวจพบว่าระดับของการสึกหรอของกล้ามเนื้อ อาการปวดเมื่อย
ตามร่างกาย หลังการแข่งขันก็ไม่แตกต่างกันอีกด้วย
แต่ที่น่ากลุ้มใจกว่าก็คือผลการตรวจเลือดที่บ่งบอกว่าในกลุ่มที่ใช้ยา
มีระดับเรียกว่า สภาวะ endotoxemia สูงขึ้น แปลง่าย ๆ ก็คือ
มีการตรวจเจอความเป็นพิษในระบบไหลเวียนของเลือดสูงขึ้น
อันเกิดจากการการฉีกขาดรั่วไหล ปนเปื้อน จากระบบลำไส้เข้ามา
ลองนึกดู คราวนี้คงยุ่งพิลึกละ
นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่การใช้ยาพวกนี้ที่เกินขนาด หรือผิดประเภทมักมีปํญหาเรื่องท้องไส้
ตามมา ไม่ว่าจะเป็นภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร หรือโรคกระเพาะ
สัญญาณเตือนพวกนี้แม้อาจบอกว่า NSAIDs อาจดูเป็นตัวอันตราย
จนดูเหมือนต้องหลีกเลี่ยงหรือต้องห้ามจนสุดชิวิต ก็หาไม่นะครับ
มันไม่ได้ดูแย่ขนาดนั้นหรอก ยาพวกนี้ยังมีประโยชน์มากอยู่
อย่างที่เกริ่นมาตั้งแต่ต้น เมื่อใช้ให้ถูกต้อง ถูกเวลา ถูกกาละ ถูกเทศะ ว่าไปนั่น
แต่ไม่ถูกต้องถ้าเราต้องใช้เป็นประจำ สม่ำเสมอ หรือใช้เพื่อรักษาอาการเรื้อรัง
โดยไม่มีเหตุอันควร หรือพยายามใช้ยาเพื่อป้องกันการเจ็บปวด ล่วงหน้า
ก่อนเกิดการเจ็บปวดจริง เกิดขึ้นทำนองนั้น
แต่ถ้าคุณเกิดบาดเจ็บและทรมานทรกรรมจาการเจ็บปวดจริง ๆ
จากการออกกำลังกายหนัก จริง ๆหรืออาจจะไม่ใช่เกิดจากการออกกำลังกายก็ได้
ก็จงใช้ยาเถอะครับ แต่ก็ไม่ควรเกิน 7 วันต่อเนื่องกัน
หรือจะให้ดีกว่านั้นก็ควรให้อยู่ในคำสั่งของแพทย์ครับ
ใครมีประสบการณ์การใช้ยาพวกนี้โดยตรง แนะนำหรือเผยแพร่กันมากันได้เลยครับ
ทั้งก่อนและขณะลงสนามแข่ง พบว่ากลุ่มที่ใช้ยาไม่ได้ทำเวลาเร็วกว่าพวกที่ไม่ใช้เลยซักนิด
และยังตรวจพบว่าระดับของการสึกหรอของกล้ามเนื้อ อาการปวดเมื่อย
ตามร่างกาย หลังการแข่งขันก็ไม่แตกต่างกันอีกด้วย
แต่ที่น่ากลุ้มใจกว่าก็คือผลการตรวจเลือดที่บ่งบอกว่าในกลุ่มที่ใช้ยา
มีระดับเรียกว่า สภาวะ endotoxemia สูงขึ้น แปลง่าย ๆ ก็คือ
มีการตรวจเจอความเป็นพิษในระบบไหลเวียนของเลือดสูงขึ้น
อันเกิดจากการการฉีกขาดรั่วไหล ปนเปื้อน จากระบบลำไส้เข้ามา
ลองนึกดู คราวนี้คงยุ่งพิลึกละ
นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่การใช้ยาพวกนี้ที่เกินขนาด หรือผิดประเภทมักมีปํญหาเรื่องท้องไส้
ตามมา ไม่ว่าจะเป็นภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร หรือโรคกระเพาะ
สัญญาณเตือนพวกนี้แม้อาจบอกว่า NSAIDs อาจดูเป็นตัวอันตราย
จนดูเหมือนต้องหลีกเลี่ยงหรือต้องห้ามจนสุดชิวิต ก็หาไม่นะครับ
มันไม่ได้ดูแย่ขนาดนั้นหรอก ยาพวกนี้ยังมีประโยชน์มากอยู่
อย่างที่เกริ่นมาตั้งแต่ต้น เมื่อใช้ให้ถูกต้อง ถูกเวลา ถูกกาละ ถูกเทศะ ว่าไปนั่น
แต่ไม่ถูกต้องถ้าเราต้องใช้เป็นประจำ สม่ำเสมอ หรือใช้เพื่อรักษาอาการเรื้อรัง
โดยไม่มีเหตุอันควร หรือพยายามใช้ยาเพื่อป้องกันการเจ็บปวด ล่วงหน้า
ก่อนเกิดการเจ็บปวดจริง เกิดขึ้นทำนองนั้น
แต่ถ้าคุณเกิดบาดเจ็บและทรมานทรกรรมจาการเจ็บปวดจริง ๆ
จากการออกกำลังกายหนัก จริง ๆหรืออาจจะไม่ใช่เกิดจากการออกกำลังกายก็ได้
ก็จงใช้ยาเถอะครับ แต่ก็ไม่ควรเกิน 7 วันต่อเนื่องกัน
หรือจะให้ดีกว่านั้นก็ควรให้อยู่ในคำสั่งของแพทย์ครับ
ใครมีประสบการณ์การใช้ยาพวกนี้โดยตรง แนะนำหรือเผยแพร่กันมากันได้เลยครับ
แก้ไขล่าสุดโดย พล 347 เมื่อ 09 มิ.ย. 2012, 21:56, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
- พล 347
- ขาประจำ
- โพสต์: 1101
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 20:24
- team: 347 Cycling Team
- Bike: Cannondale EVO
- ติดต่อ:
Re: ยาคลายกล้ามเนื้อ มีประโยชน์จริงหรือ?
ส่วนข้างล่างนี่ google มาครับ
1. ยา Celebrex (Celecoxib), Arcoxia (Etoricoxib), Voltaren (Diclofenac)
เป็นยาตระกูลเดียวกัน คือกลุ่ม NSAID หรือ non steroid anti-inflamatory drug
มีพิษเหมือนกันเกือบทุกประการ เกือบนะครับ ไม่เหมือนกันทั้งหมด แต่ผลข้างเคียงที่สาหัสเช่นพิษต่อไต
พิษต่อหัวใจ ล้วนแรงพอๆกัน
2. กลไกการออกฤทธิ์ของยาในกลุ่มนี้คือไประงับการสร้างสารก่อการอักเสบชื่อ prostaglandin
โดยวิธีไประงับเอ็นไซม์ชื่อ cyclooxygenase (COX) ซึ่ง COX นี้ก็มีอยู่สองแบบคือ COX-1
ซึ่งช่วยผลิต prostaglandin ที่กระเพาะอาหารซึ่งถ้าไประงับมันจะมีผลเสียคือจะไปลดเมือกเคลือบ
กระเพาะ อาหารด้วย ทำให้เลือดออกในกระเพาะง่าย กับ COX-2 ซึ่งช่วยผลิต prostaglandin
ที่อื่นทั่วร่างกายรวมทั้งตามข้อด้วย ถ้าไประงับมันก็จะเป็นการระงับการอักเสบของข้อซึ่งตรงวัตถุประสงค์
ยากลุ่มนี้รุ่นแรกๆที่ออกมาเช่น Voltaren (Diclofenac) Iprobufen, Aspirin ล้วนมีฤทธิ์ระงับ
COX แบบรูดมหาราชทั้ง COX1 และ COX2 ทำให้กัดกระเพาะและเลือดออกในกระเพาะง่าย
ต่อมีจึงมีผู้ผลิตยารุ่นใหม่เช่น Celebrex (Celecoxib)และ Arcoxia (Etoricoxib)
ซึ่งมีฤทธิ์ที่ระงับเฉพาะ COX-2 ไม่ระงับ COX-1 จึงไม่ค่อยกัดกระเพาะเท่าไร
หรือจะพูดให้ถูกต้องพูดว่ากัดเหมือนกันแต่กัดน้อยกว่า แต่ก็มีฤทธิ์ข้างเคียงต่อหัวใจ
ที่โดดเด่นคือทำให้ตายจากโรคหลอดเลือดหัวใจ มากขึ้น จนยาในกลุ่มระงับ COX-2
ที่มีชื่อเสียงมากตัวหนึ่งคือ Viox ต้องถอนตัวออกจากตลาดไปอย่างเงียบๆเพราะมี
รายงานทางการแพทย์ว่าทำให้คนกิน ตายจากอุบัติการณ์ลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดและหัวใจขาดเลือดมากขึ้น
3. ยาแก้ปวดแก้อักเสบในกลุ่ม NSAID เป็นดาบสองคม สมัยก่อนที่คนเรายังโง่อยู่
เรากินยาพวกนี้กันอย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนชาวไร่ชาวนากิน “ยาขยัน”
กินกันวันละสามเวลาหลังอาหาร กินกันตลอดชีพ แต่เดี๋ยวนี้เรารู้แล้วว่ายากลุ่มนี้ทำให้ไตพัง
ทำให้หัวใจล้มเหลว แพทย์จึงจ่ายยาแบบ PRN คือให้กินเฉพาะเมื่อมีอาการมากเท่านั้น
พออาการทุเลาแล้วก็หยุด แต่คนไข้หรือประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ยังซื้อกินกันสามเวลาหลังอาหาร
อยู่เหมือนเดิม ทั้งๆที่มันเป็นยาต้องให้แพทย์สั่ง แต่เมืองไทยเรานี้แสนดีหนักหนา
ใครใคร่กินยา..กิน ถือหลักว่าไตของใครก็ไตของมัน ทุกคนมีสิทธิทำไตของตัวเองพังแล้ว
ไปเบิกค่าล้างไตเอาทีหลังได้ คนอื่นไม่เกี่ยว.. อามิตตาพุทธ
1. ยา Celebrex (Celecoxib), Arcoxia (Etoricoxib), Voltaren (Diclofenac)
เป็นยาตระกูลเดียวกัน คือกลุ่ม NSAID หรือ non steroid anti-inflamatory drug
มีพิษเหมือนกันเกือบทุกประการ เกือบนะครับ ไม่เหมือนกันทั้งหมด แต่ผลข้างเคียงที่สาหัสเช่นพิษต่อไต
พิษต่อหัวใจ ล้วนแรงพอๆกัน
2. กลไกการออกฤทธิ์ของยาในกลุ่มนี้คือไประงับการสร้างสารก่อการอักเสบชื่อ prostaglandin
โดยวิธีไประงับเอ็นไซม์ชื่อ cyclooxygenase (COX) ซึ่ง COX นี้ก็มีอยู่สองแบบคือ COX-1
ซึ่งช่วยผลิต prostaglandin ที่กระเพาะอาหารซึ่งถ้าไประงับมันจะมีผลเสียคือจะไปลดเมือกเคลือบ
กระเพาะ อาหารด้วย ทำให้เลือดออกในกระเพาะง่าย กับ COX-2 ซึ่งช่วยผลิต prostaglandin
ที่อื่นทั่วร่างกายรวมทั้งตามข้อด้วย ถ้าไประงับมันก็จะเป็นการระงับการอักเสบของข้อซึ่งตรงวัตถุประสงค์
ยากลุ่มนี้รุ่นแรกๆที่ออกมาเช่น Voltaren (Diclofenac) Iprobufen, Aspirin ล้วนมีฤทธิ์ระงับ
COX แบบรูดมหาราชทั้ง COX1 และ COX2 ทำให้กัดกระเพาะและเลือดออกในกระเพาะง่าย
ต่อมีจึงมีผู้ผลิตยารุ่นใหม่เช่น Celebrex (Celecoxib)และ Arcoxia (Etoricoxib)
ซึ่งมีฤทธิ์ที่ระงับเฉพาะ COX-2 ไม่ระงับ COX-1 จึงไม่ค่อยกัดกระเพาะเท่าไร
หรือจะพูดให้ถูกต้องพูดว่ากัดเหมือนกันแต่กัดน้อยกว่า แต่ก็มีฤทธิ์ข้างเคียงต่อหัวใจ
ที่โดดเด่นคือทำให้ตายจากโรคหลอดเลือดหัวใจ มากขึ้น จนยาในกลุ่มระงับ COX-2
ที่มีชื่อเสียงมากตัวหนึ่งคือ Viox ต้องถอนตัวออกจากตลาดไปอย่างเงียบๆเพราะมี
รายงานทางการแพทย์ว่าทำให้คนกิน ตายจากอุบัติการณ์ลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดและหัวใจขาดเลือดมากขึ้น
3. ยาแก้ปวดแก้อักเสบในกลุ่ม NSAID เป็นดาบสองคม สมัยก่อนที่คนเรายังโง่อยู่
เรากินยาพวกนี้กันอย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนชาวไร่ชาวนากิน “ยาขยัน”
กินกันวันละสามเวลาหลังอาหาร กินกันตลอดชีพ แต่เดี๋ยวนี้เรารู้แล้วว่ายากลุ่มนี้ทำให้ไตพัง
ทำให้หัวใจล้มเหลว แพทย์จึงจ่ายยาแบบ PRN คือให้กินเฉพาะเมื่อมีอาการมากเท่านั้น
พออาการทุเลาแล้วก็หยุด แต่คนไข้หรือประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ยังซื้อกินกันสามเวลาหลังอาหาร
อยู่เหมือนเดิม ทั้งๆที่มันเป็นยาต้องให้แพทย์สั่ง แต่เมืองไทยเรานี้แสนดีหนักหนา
ใครใคร่กินยา..กิน ถือหลักว่าไตของใครก็ไตของมัน ทุกคนมีสิทธิทำไตของตัวเองพังแล้ว
ไปเบิกค่าล้างไตเอาทีหลังได้ คนอื่นไม่เกี่ยว.. อามิตตาพุทธ
- พล 347
- ขาประจำ
- โพสต์: 1101
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 20:24
- team: 347 Cycling Team
- Bike: Cannondale EVO
- ติดต่อ:
Re: ยาคลายกล้ามเนื้อ มีประโยชน์จริงหรือ?
ข้างล่างนี่นักปั่นรุ่นเดอะคนหนึ่งโพสต์ต่อมาครับ ขออนุญาตเผยแพร่ต่อครับ
ขอคุยเพิ่มเติมจาก พล347
ผม ได้ใช้ยาcox-2 ตั้งแต่สมัยผ่าตัดหัวใจเมื่อ12ปีที่แล้ว หมอหัวใจเป็นคนสั่งแก้ปวด viox.
ซึ่งขายดีมากทั่วโลก โดยเฉพาะคนไข้ที่ทรมานจากโรคปวดข้อต่างๆรวมทั้งเก๊าส์ด้วย
ทำให้บริษัทคู่แข่งขายยาได้ลดลงตอนหลังบริษัทยาคู่แข่งได้จ้างให้คนทำวิจัย
กับคนอายุ50ปีขึ้นไป พบว่าคนที่กินviox เป็นโรคหัวใจกันภายหลัง
ทำให้ บริษัทที่ผลิตviox ถอนยาออกจากตลาด เพราะไม่อยากโดนฟ้องจากคนไข้
ซึ่งตามจริงแล้ว คนที่อายุ50ปีup มีโอกาศเป็นโรคหัวใจมากกว่าคนธรรมดาอยู่แล้ว
ไม่เกี่ยวกับจะกินยาvioxหรือไม่ ตามที่ได้ฟังจากแฟนเพื่อนที่ทำงานในบริษัทที่พลิตViox
เล่าให้ฟังว่า ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนที่ค้นพบยาตัวนี้ที่ไปหยุดcox2 เป็นหมอคนไทยที่ทำงาน
ให้บริษัทยาในแคนนาดา จริงๆหมอแกก็ตั้งชื่อเป็นภาษาไทยนะครับ viox(ไวออก)
คือออกฤทธิ์ไวครับ ตอนหลังมีการเปลี่ยนชื้อยามาเป็นArcoxiaไม่แน่ใจว่ามีการแก้สูตรหรือเปล่า
ยาตัวนี้FDA(อ.ย.อเมริกา)ไม่อนุญาติให้ใช้ในอเมริกาครับ ใครไปเมกาทีเพื่อนๆทางโน้นก็จะสั่งให้ฝากไปครั้งละมากๆ
ขอคุยเพิ่มเติมจาก พล347
ผม ได้ใช้ยาcox-2 ตั้งแต่สมัยผ่าตัดหัวใจเมื่อ12ปีที่แล้ว หมอหัวใจเป็นคนสั่งแก้ปวด viox.
ซึ่งขายดีมากทั่วโลก โดยเฉพาะคนไข้ที่ทรมานจากโรคปวดข้อต่างๆรวมทั้งเก๊าส์ด้วย
ทำให้บริษัทคู่แข่งขายยาได้ลดลงตอนหลังบริษัทยาคู่แข่งได้จ้างให้คนทำวิจัย
กับคนอายุ50ปีขึ้นไป พบว่าคนที่กินviox เป็นโรคหัวใจกันภายหลัง
ทำให้ บริษัทที่ผลิตviox ถอนยาออกจากตลาด เพราะไม่อยากโดนฟ้องจากคนไข้
ซึ่งตามจริงแล้ว คนที่อายุ50ปีup มีโอกาศเป็นโรคหัวใจมากกว่าคนธรรมดาอยู่แล้ว
ไม่เกี่ยวกับจะกินยาvioxหรือไม่ ตามที่ได้ฟังจากแฟนเพื่อนที่ทำงานในบริษัทที่พลิตViox
เล่าให้ฟังว่า ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนที่ค้นพบยาตัวนี้ที่ไปหยุดcox2 เป็นหมอคนไทยที่ทำงาน
ให้บริษัทยาในแคนนาดา จริงๆหมอแกก็ตั้งชื่อเป็นภาษาไทยนะครับ viox(ไวออก)
คือออกฤทธิ์ไวครับ ตอนหลังมีการเปลี่ยนชื้อยามาเป็นArcoxiaไม่แน่ใจว่ามีการแก้สูตรหรือเปล่า
ยาตัวนี้FDA(อ.ย.อเมริกา)ไม่อนุญาติให้ใช้ในอเมริกาครับ ใครไปเมกาทีเพื่อนๆทางโน้นก็จะสั่งให้ฝากไปครั้งละมากๆ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1088
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.พ. 2011, 00:11
Re: ยาคลายกล้ามเนื้อ มีประโยชน์จริงหรือ?
ผมทาน norgisic ใช้ได้ผลครับ แต่ไม่ใช้บ่อย ใช้เฉพาะเวลาปวดต้นคอเวลานั่งทำงานนานๆ
แต่ celebrex ไม่ทานครับ หลังๆหมอหลายแห่งชอบจ่ายยาตัวนี้ แรงและมี side effect พอสมควรกับบางกรณี
แต่ celebrex ไม่ทานครับ หลังๆหมอหลายแห่งชอบจ่ายยาตัวนี้ แรงและมี side effect พอสมควรกับบางกรณี
- job04
- ขาประจำ
- โพสต์: 857
- ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ต.ค. 2010, 20:11
- Tel: 0897420101
- team: AyutthayaFamily KCC 347Cycling
- Bike: KLEIN Q-Elite S-Works M5
- how4159
- ขาประจำ
- โพสต์: 194
- ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ต.ค. 2010, 19:44
- team: ----
- Bike: T-Mobile
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 2317
- ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ส.ค. 2008, 13:07
- Tel: 0898378338
- ตำแหน่ง: 53/95 ม.4 ต.นาดีอ.เมือง จ.สมุทรสาคร 74000
- ติดต่อ:
Re: ยาคลายกล้ามเนื้อ มีประโยชน์จริงหรือ?
ขอบคุณครับ
รับฝึกสอนและออกแบบโปรแกรมการฝึกซ้อมจักรยาน :https://www.facebook.com/100rpmclassroombypemahachai
กลุ่ม 100 rpm ...https://www.facebook.com/groups/615371001857266/
กลุ่ม 100 rpm ...https://www.facebook.com/groups/615371001857266/
-
- สมาชิก
- โพสต์: 89
- ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 00:15
- Bike: BMC slr01 / Caddn 10 / Java
- ตำแหน่ง: Nontaburi
- ติดต่อ:
- nuttee
- ขาประจำ
- โพสต์: 197
- ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2008, 03:26
- Bike: Scott bike
- ตำแหน่ง: bangkok
- kerksu750
- ขาประจำ
- โพสต์: 2630
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2010, 17:56
- Tel: 0865112613
- team: Free ride
- Bike: Trek 3900_08
Re: ยาคลายกล้ามเนื้อ มีประโยชน์จริงหรือ?
ได้ประโยชน์มากครับ อาจารย์พล
- Tkamazonrider
- ขาประจำ
- โพสต์: 125
- ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.พ. 2011, 18:22
- team: ST13 Team
- Bike: Dragon Team Customize
Re: ยาคลายกล้ามเนื้อ มีประโยชน์จริงหรือ?
ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้มากเลย
แล้วถ้าเป็นพวกยาทาอย่าง counterpain หรือ อื่นๆ นี่
มันจะไปยับยั้งเหมือนกันไหมครับ หรือมันจะอ่อนกว่าเพราะ
เป็นยาทามิใช่ยากิน
แล้วถ้าเป็นพวกยาทาอย่าง counterpain หรือ อื่นๆ นี่
มันจะไปยับยั้งเหมือนกันไหมครับ หรือมันจะอ่อนกว่าเพราะ
เป็นยาทามิใช่ยากิน
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1373
- ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ม.ค. 2010, 21:20
- Tel: 0819555673
- team: SAHAKIJ JOHO..KORATBIKE... P.C.S.Clycling Team Korat
- Bike: KONA KHS TREK GIANT SCOTT ANCHOR
Re: ยาคลายกล้ามเนื้อ มีประโยชน์จริงหรือ?
ขอบคุณมากครับ
- Frogman_twin
- ขาประจำ
- โพสต์: 5682
- ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2011, 19:32
- team: KCC, DEEP TEAM
- Bike: Klein
Re: ยาคลายกล้ามเนื้อ มีประโยชน์จริงหรือ?
ขอบคุณ พี่พลรูปหล่อครับ
ไม่ต้องประสบความสำเร็จทุกอย่าง แต่สิ่งที่เลือกทำขอให้ทำให้เต็มที่น๊ะลูก