ผมปั่นบนถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา-พระรามเก้า ไปที่ทำงานใกล้สวนลุมพินี ประมาณ 20 km ต่อเที่ยว จันทร์-ศุกร์ เป็นประจำ เวลาดีที่สุดคือ 40/43 นาที (เสือหมอบ/MTB)
เย็นวันนึงเจอขาแรงปั่นเสืออะไรไม่รู้อยู่ข้างหน้าไม่ถึงร้อยเมตร รถติดๆกะว่าจะเร่งตามไปทักหน่อย แป๊บเดียวเค้าอัดขึ้นสะพานข้ามแยกลาดพร้าวหายลิบเลย สายโหดน่าดู
อยากรู้ว่านักปั่นในเมืองมีเทคนิคยังไงในการจัดการ work load ในการปั่นให้มีประสิทธิภาพ
แล้วช่วง 10 กิโลแรกนี่เน้นอะไรดีกว่ากันระหว่างรอบขากับแรงขา หรือควรมีสปริ้นท์บ้าง
(ผมสังเกตตัวเองจะเริ่มปั่นได้เร็วและนานขึ้นเมื่อพ้นระยะ 15 km แรก ซึ่งก็เกือบถึงบ้านพอดี)
จำเป็นต้องมีช่วงที่เน้นๆ ใช้ maximum effort บ้างหรือไม่และควรจะอยู่ช่วงไหนดี (บางทีควันไอเสียเยอะก็ไม่กล้าอัดแรง)
Average Speed ในเมือง
- ziasong
- ขาประจำ
- โพสต์: 202
- ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ย. 2011, 22:58
- Bike: Trek Superfly 100 AL Elite '13, Trek 2.1 '10, Schwinn Town & Country (Trike), Alvlayz folding bike
- ตำแหน่ง: Ramindra 34, Bangkok
Average Speed ในเมือง
อุปสรรคยิ่งใหญ่ที่สุดของการเดินทางด้วยจักรยาน คือการตัดสินใจเริ่มต้น...
ZiaSong
ZiaSong
- people
- ขาประจำ
- โพสต์: 150
- ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2011, 18:19
- Bike: Specialized, Louis Garneau, Dahon
Re: Average Speed ในเมือง
คำถามนี้ดีมาก รอฟังคำตอบด้วยคนค่ะ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1088
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.พ. 2011, 00:11
Re: Average Speed ในเมือง
เลียบทางด่วนช่วงตรงนี้จะมีเห็นแรงๆอยู่หลายคนที่ชอบอัดขึ้นสะพานลอยลาดพร้าว กับสะพานลอยข้ามถ.เพชรบุรีตัดใหม่ครับ
เคยเจอเหมือนกัน ทั้งเสือภูเขา หมอบ แม้แต่รถพับ แต่ถนนช่วงนี้ถ้าปั่นข้างล่างส่วนตัวจะใช้ความระมัดระวังมากครับ ถึงกับติดกระจกมองหลัง
ต้องคอยเหลือบสายตาบ่อยๆ ไม่ห่วงรถมาเกี่ยว แต่กลัวเวลาเค้าบวกกันแล้วพลาด กวาดเราไปโดยไม่ทันได้ตั้งตัวเลยครับ
อีกพวกหนึ่งที่ที่เห็นแล้วอาจจะไม่มีอะไร แต่อย่าไปไล่กวดนะครับ เขาทิ้งได้ง่ายๆเลย พวกนี้ก็คือ รปภ ที่ขี่เสือภูเขาที่ดูแสนเรียบง่าย ธรรมดา
แต่ด้วยการที่เขาขี่ทุกวันเป็นประจำ ตรงเส้นนี้จะมีอยู่สองคนที่จำได้ เคยขี่เจอกันบ่อยๆ
ส่วนตัวปั่นแต่ในเมืองล้วนๆ ถ้าถนนที่ติดมากๆ ใช้ความเร็วไม่ได้มาก จะใช้รถ single speed ครับ โดยเฉพาะเวลาอัดขึ้นสะพานไม่ต้อง
กังวลเรื่องเปลี่ยนเกียร์ ตั้งหลักดีๆแล้วอัดขึ้นเลย แถมขึ้นได้เร็วกกว่ารถเกียร์เสียอีก แต่ถ้าวันไหนใช้เสือภูเขา ช่วงแรกๆจะไม่อัดครับ
ปล่อยไปเรื่อยๆตามจังหวะแรงขา เก็บแรงเอาไว้ตอนขึ้นสะพาน และตอนจังหวะที่ต้องใช้ความเร็วเพื่อหนีการจราจรที่ไล่หลังมา จริงๆเส้นทางนี้
ไม่ต้องเล่นกับแรงก็ได้ครับ เล่นกับรอบเพราะช่วงถนนไม่ยาวมาก และต้องคอยระวังรถเลี้ยวเข้าออกตามห้าง ตามตรอกซอกซอยด้วย
ปั่นในเมือง ปกติจะไม่กำหนดหลักเกณฑ์ครับ การจราจรมันคาดการณ์ยาก แล้วแต่สถานการณ์ตอนนั้นเลย ถ้าถนนว่าง ก็อัดช่วงระหว่างแยกชนแยก
ถ้ารถแน่น ก็เลี้ยงรอบพอ แต่ไม่อัดเร็วสลับกับเบาครับ จะเหนื่อยมาก ไหนจะต้องเจอกับควันรถด้วย
เคยเจอเหมือนกัน ทั้งเสือภูเขา หมอบ แม้แต่รถพับ แต่ถนนช่วงนี้ถ้าปั่นข้างล่างส่วนตัวจะใช้ความระมัดระวังมากครับ ถึงกับติดกระจกมองหลัง
ต้องคอยเหลือบสายตาบ่อยๆ ไม่ห่วงรถมาเกี่ยว แต่กลัวเวลาเค้าบวกกันแล้วพลาด กวาดเราไปโดยไม่ทันได้ตั้งตัวเลยครับ
อีกพวกหนึ่งที่ที่เห็นแล้วอาจจะไม่มีอะไร แต่อย่าไปไล่กวดนะครับ เขาทิ้งได้ง่ายๆเลย พวกนี้ก็คือ รปภ ที่ขี่เสือภูเขาที่ดูแสนเรียบง่าย ธรรมดา
แต่ด้วยการที่เขาขี่ทุกวันเป็นประจำ ตรงเส้นนี้จะมีอยู่สองคนที่จำได้ เคยขี่เจอกันบ่อยๆ
ส่วนตัวปั่นแต่ในเมืองล้วนๆ ถ้าถนนที่ติดมากๆ ใช้ความเร็วไม่ได้มาก จะใช้รถ single speed ครับ โดยเฉพาะเวลาอัดขึ้นสะพานไม่ต้อง
กังวลเรื่องเปลี่ยนเกียร์ ตั้งหลักดีๆแล้วอัดขึ้นเลย แถมขึ้นได้เร็วกกว่ารถเกียร์เสียอีก แต่ถ้าวันไหนใช้เสือภูเขา ช่วงแรกๆจะไม่อัดครับ
ปล่อยไปเรื่อยๆตามจังหวะแรงขา เก็บแรงเอาไว้ตอนขึ้นสะพาน และตอนจังหวะที่ต้องใช้ความเร็วเพื่อหนีการจราจรที่ไล่หลังมา จริงๆเส้นทางนี้
ไม่ต้องเล่นกับแรงก็ได้ครับ เล่นกับรอบเพราะช่วงถนนไม่ยาวมาก และต้องคอยระวังรถเลี้ยวเข้าออกตามห้าง ตามตรอกซอกซอยด้วย
ปั่นในเมือง ปกติจะไม่กำหนดหลักเกณฑ์ครับ การจราจรมันคาดการณ์ยาก แล้วแต่สถานการณ์ตอนนั้นเลย ถ้าถนนว่าง ก็อัดช่วงระหว่างแยกชนแยก
ถ้ารถแน่น ก็เลี้ยงรอบพอ แต่ไม่อัดเร็วสลับกับเบาครับ จะเหนื่อยมาก ไหนจะต้องเจอกับควันรถด้วย
- Machonut
- ขาประจำ
- โพสต์: 1842
- ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.พ. 2012, 03:31
- Tel: 0845355858
- team: Bike Thailand & Novice Bkk
- Bike: Phaesant ,Radac ,Ecciti
- ตำแหน่ง: เสนานิคม1
Re: Average Speed ในเมือง
เบรคให้น้อย
มุดให้รอด
เห็นไฟแดงก็ฟรีขา
กะให้พอดีเขียว
ออกตัวไม่ต้องกระชาก(ประหยัดแรง)
ไม่ต้องลากเกียร์ให้สุด
ขี่แค่80%ของความเร็วสูงสุดที่ทำได้(30-35-40)
อัดสุดเมื่อเหลืออีก3กมถึงปลายทาง
มุดให้รอด
เห็นไฟแดงก็ฟรีขา
กะให้พอดีเขียว
ออกตัวไม่ต้องกระชาก(ประหยัดแรง)
ไม่ต้องลากเกียร์ให้สุด
ขี่แค่80%ของความเร็วสูงสุดที่ทำได้(30-35-40)
อัดสุดเมื่อเหลืออีก3กมถึงปลายทาง
TS57.3 CS35± AV28 LT240
- เสือ Spectrum
- ขาประจำ
- โพสต์: 4450
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 12:58
- Tel: -
- team: 99 City Bike
- Bike: LA Spectrum
Re: Average Speed ในเมือง
มุมมองส่วนตัวนะครับ
ผมปั่นฯ ในเมืองโดยไม่เน้นเทคนิคการปั่นฯ หรือค่าเฉลี่ยความเร็วเลย มองเป้าหมายแค่ ไปให้ถึงที่หมายโดยไม่มีอุบัติเหตุระหว่างทางและเหนื่อยแค่ปานกลางเท่านั้นเองครับ ในเมืองไอเสียเยอะ เหนื่อยมากก็ต้องหายใจเอาควันพิษเข้าไปมากกว่าปรกติครับ
ถ้าไม่ได้ปั่นฯ เส้นทางประจำและเวลาประจำตลอดที่สามารถเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ ผมว่าการปั่นฯ ในเมืองมีตัวแปรหลากหลาย
เทคนิคที่ใช้เป็นแค่เพียงเทคนิคเอาตัวรอดจากปัญหาหลากหลายบนถนนเท่านั้นเองครับ
การปั่นฯ ในเมืองมักไม่ค่อยมีโอกาสปั่นฯ ยาวๆ ต่อเนื่องเหมือนปั่นฯ ออกนอกเมืองถ้าจะพูดถึงเทคนิคน่าจะเป็น
- เทคนิคการผ่านจุดตัด/ทางแยกอย่างไรให้รวดเร็วและปลอดภัย
- การเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาในทางแยกไปพร้อมๆ กับมอเตอร์ไซด์หรือรถยนต์โดยไม่เกิดอุบัติเหตุ
- การออกตัวที่แยกพร้อมสัญญาณไฟจราจรให้คล่องตัว ลื่นไหล ไม่สะดุด ฯลฯ
จริงๆ ยังมีอีกหลายเรื่องหลายปัญหาอย่างเช่นการปั่นฯ ตามทางลัดในซอยซึ่งแตกต่างจากการปั่นฯ บนถนนสายหลักซึ่งมีการจราจรคับคั่ง หรือถนนเส้นใหญ่ที่การจราจรคล่องตัวก็มีความแตกต่างไปอีกลักษณะหนึ่ง แต่ละแบบก็ใช้ทักษะการปั่นฯ แตกต่างกันพอสมควรครับ
ถ้ามีโอกาสปั่นฯ ทางยาวๆ และได้ใช้เทคนิคการปั่นฯ + ออกกำลังไปในตัวก็เป็นเรื่องที่ดีครับ แต่จากสภาวะการจราจรที่ชักจะใกล้จลาจลของถนนในกทม. ผมว่าแค่ "ได้ปั่นฯ " ก็เป็นเรื่องดีแล้วละครับ
ผมปั่นฯ ในเมืองโดยไม่เน้นเทคนิคการปั่นฯ หรือค่าเฉลี่ยความเร็วเลย มองเป้าหมายแค่ ไปให้ถึงที่หมายโดยไม่มีอุบัติเหตุระหว่างทางและเหนื่อยแค่ปานกลางเท่านั้นเองครับ ในเมืองไอเสียเยอะ เหนื่อยมากก็ต้องหายใจเอาควันพิษเข้าไปมากกว่าปรกติครับ
ถ้าไม่ได้ปั่นฯ เส้นทางประจำและเวลาประจำตลอดที่สามารถเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ ผมว่าการปั่นฯ ในเมืองมีตัวแปรหลากหลาย
เทคนิคที่ใช้เป็นแค่เพียงเทคนิคเอาตัวรอดจากปัญหาหลากหลายบนถนนเท่านั้นเองครับ
การปั่นฯ ในเมืองมักไม่ค่อยมีโอกาสปั่นฯ ยาวๆ ต่อเนื่องเหมือนปั่นฯ ออกนอกเมืองถ้าจะพูดถึงเทคนิคน่าจะเป็น
- เทคนิคการผ่านจุดตัด/ทางแยกอย่างไรให้รวดเร็วและปลอดภัย
- การเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาในทางแยกไปพร้อมๆ กับมอเตอร์ไซด์หรือรถยนต์โดยไม่เกิดอุบัติเหตุ
- การออกตัวที่แยกพร้อมสัญญาณไฟจราจรให้คล่องตัว ลื่นไหล ไม่สะดุด ฯลฯ
จริงๆ ยังมีอีกหลายเรื่องหลายปัญหาอย่างเช่นการปั่นฯ ตามทางลัดในซอยซึ่งแตกต่างจากการปั่นฯ บนถนนสายหลักซึ่งมีการจราจรคับคั่ง หรือถนนเส้นใหญ่ที่การจราจรคล่องตัวก็มีความแตกต่างไปอีกลักษณะหนึ่ง แต่ละแบบก็ใช้ทักษะการปั่นฯ แตกต่างกันพอสมควรครับ
ถ้ามีโอกาสปั่นฯ ทางยาวๆ และได้ใช้เทคนิคการปั่นฯ + ออกกำลังไปในตัวก็เป็นเรื่องที่ดีครับ แต่จากสภาวะการจราจรที่ชักจะใกล้จลาจลของถนนในกทม. ผมว่าแค่ "ได้ปั่นฯ " ก็เป็นเรื่องดีแล้วละครับ
เมื่อพ้นไปจากการ "แพ้" หรือ "ชนะ" เราก็จะได้อยู่ในที่ที่ไม่มี "ความทุกข์ใจ"
- BoyMTB
- ขาประจำ
- โพสต์: 2859
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 09:36
- Tel: 084-0222-910
- team: Boy'z Bike
- Bike: Giant Anthem,Giant XTC A1,Specialized Allez Alu/Carbon
- ตำแหน่ง: เด็กดอนเมือง
- ติดต่อ:
Re: Average Speed ในเมือง
ในเมือง ไม่ได้ความเร็วเท่าไหร่หรอกครับ ได้แต่ Skill ในการซอกแซก หัดใช้สายตา เบรค เกียร์ ประสาทสัมผัส(หู ตา สมอง)
ในเมืองเร็วไม่เท่าไหร่หรอกครับ ยิ่งเร็ว ยิ่งเหนื่อย ยิงมลพิษ
ในเมืองเร็วไม่เท่าไหร่หรอกครับ ยิ่งเร็ว ยิ่งเหนื่อย ยิงมลพิษ
สินค้า
Park Tool,Hope, Buff ,Shimano, Topeak,
Line @ BoyMTB
Park Tool,Hope, Buff ,Shimano, Topeak,
Line @ BoyMTB
- ziasong
- ขาประจำ
- โพสต์: 202
- ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ย. 2011, 22:58
- Bike: Trek Superfly 100 AL Elite '13, Trek 2.1 '10, Schwinn Town & Country (Trike), Alvlayz folding bike
- ตำแหน่ง: Ramindra 34, Bangkok
Re: Average Speed ในเมือง
ขอบคุณครับ สำหรับคำแนะนำดีๆ
ที่พูดถึง Average speed ก็เพราะวันทำงานคือโอกาสเดียวที่ผมจะได้ปั่นเต็มแรงน่ะครับ วันเสาร์-อาทิตย์ เอาไว้พักฟื้นร่างกายและรองรับภารกิจทางการท่องเที่ยวอันชุกชุม
สำหรับประเด็นเรื่องเทคนิคการเผชิญกับรถบนถนน ผมพอมีแบ่งปัน ตามประสบการณ์อันเปียกโชก ในระยะ 16 ปีที่ปั่นมา
1. สมองต้องประเมินความเสี่ยง และสถานการณ์ที่เป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น ณ วินาทีนั้นๆ มองให้กว้างไกล ต้องพร้อมสำหรับทางหนีทีไล่เสมอ ถ้ามีใครจะแซง ต้องแน่ใจว่าเราเว้นระยะห่างจากเค้าเพียงพอ และแซงแล้วไม่ไปเกะกะเราข้างหน้า และเราก็ต้องไม่เกะกะเค้าเช่นกัน
2. ถ้าจะเร็วหรือจะแซง ต้อง Aggressive บ้าง อัดบ้าง อย่างน้อย "อารยะชน" ที่ขับตามหลังจะได้เรียนรู้ว่าเราไม่ได้ช้าเกินไป และเค้าจะไม่พยายามแซงเราถ้าไม่ปลอดภัยจริงๆ
3. วันไหนรู้สึกไม่ค่อย tuned in กับจังหวะหรือความเร็วการจราจรก็ขึ้นฟุตบาท ปั่นไปช้าๆ ฝึกกระโดดเล่น ดีกว่าไปเสี่ยงบนถนน
4. ให้แน่ใจว่าคนขับรถยนต์เห็นเราและรับรู้เมื่อจะเปลี่ยนเลนหรือแซงเค้า (เหตุผลอีกอย่างว่าทำไมจึงควรอยู่ข้างหน้าเมื่อติดไฟแดง)
5. กระจกมองหลังมีแล้ว ใช้ด้วย ไม่มีก็ไม่เป็นไรแต่ลำบากหน่อยถ้าปั่นเร็ว
ที่พูดถึง Average speed ก็เพราะวันทำงานคือโอกาสเดียวที่ผมจะได้ปั่นเต็มแรงน่ะครับ วันเสาร์-อาทิตย์ เอาไว้พักฟื้นร่างกายและรองรับภารกิจทางการท่องเที่ยวอันชุกชุม
สำหรับประเด็นเรื่องเทคนิคการเผชิญกับรถบนถนน ผมพอมีแบ่งปัน ตามประสบการณ์อันเปียกโชก ในระยะ 16 ปีที่ปั่นมา
1. สมองต้องประเมินความเสี่ยง และสถานการณ์ที่เป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น ณ วินาทีนั้นๆ มองให้กว้างไกล ต้องพร้อมสำหรับทางหนีทีไล่เสมอ ถ้ามีใครจะแซง ต้องแน่ใจว่าเราเว้นระยะห่างจากเค้าเพียงพอ และแซงแล้วไม่ไปเกะกะเราข้างหน้า และเราก็ต้องไม่เกะกะเค้าเช่นกัน
2. ถ้าจะเร็วหรือจะแซง ต้อง Aggressive บ้าง อัดบ้าง อย่างน้อย "อารยะชน" ที่ขับตามหลังจะได้เรียนรู้ว่าเราไม่ได้ช้าเกินไป และเค้าจะไม่พยายามแซงเราถ้าไม่ปลอดภัยจริงๆ
3. วันไหนรู้สึกไม่ค่อย tuned in กับจังหวะหรือความเร็วการจราจรก็ขึ้นฟุตบาท ปั่นไปช้าๆ ฝึกกระโดดเล่น ดีกว่าไปเสี่ยงบนถนน
4. ให้แน่ใจว่าคนขับรถยนต์เห็นเราและรับรู้เมื่อจะเปลี่ยนเลนหรือแซงเค้า (เหตุผลอีกอย่างว่าทำไมจึงควรอยู่ข้างหน้าเมื่อติดไฟแดง)
5. กระจกมองหลังมีแล้ว ใช้ด้วย ไม่มีก็ไม่เป็นไรแต่ลำบากหน่อยถ้าปั่นเร็ว
อุปสรรคยิ่งใหญ่ที่สุดของการเดินทางด้วยจักรยาน คือการตัดสินใจเริ่มต้น...
ZiaSong
ZiaSong
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 3727
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ก.ย. 2010, 21:14
- Bike: NEObike16 14 ,Giant escept3,Peugeot crique,BSroadman,giant revice
Re: Average Speed ในเมือง
ในเมือง เต็มไปด้วยฝุ่นควันพิษ ตั้งแต่ตี3แล้วครับ รถบรรทุกแล่นกันตรึม
ความเจ็บปวดของคุณ จะกลายเป็นตัวของคุณ