เป็นข้อความที่คัดลอกมาครับ
ทุกคนคงเคยออกกำลังกายจนกระทั่งเกิดความเจ็บปวดบริเวณกล้ามเนื้อ นั้นแหละครับที่คุณเจอฤทธิ์เดชของเจ้าตัวร้าย กรดแลคติค เข้าให้แล้ว
ก่อนอื่นโดยปกติแล้ว ในขณะที่เราออกกำลังกาย อย่าง วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ จะถือว่าเป็นการใช้พลังงานแบบแอร์โรบิคเป็นส่วนใหญ่ จะมีการใช้ออกซิเจนในการเผาผลาญพลังงาน รวมถึงไปเผาผลาญของเสียอย่างกรดแลคติคครับพี่ครับ เผากันไปเรื่อยๆ จนได้ คาร์บอนไดออกไซด์ และน้ำ ไอ้เจ้าคาร์บอนไดออกไซด์จะถูกขับออกทางลมหายใจ (ของความคิดถึง) ส่วนน้ำเก็บไว้ใช้ต่อไป
ตอนนี้เจ้ากรดแลคติคยังไม่แผลงฤทธิ์ เพราะมีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย นั้นคือออกซิเจน แต่ยามใดที่คนดีท้อแท้ คนชั่วย่อมมาครองเมือง เพราะฉะนั้นจงเลือกคนดีมาเป็นผู้ว่า กทม. เฮ้ย....มั่วแล้ว
วกกลับเข้ามาเรื่องกรดแลคติคต่อ เมื่อเราออกกำลังกายไปเรื่อยๆ หนักขึ้น หนักขึ้น นานเข้านานเข้า ออกซิเจนพระเอกของเราไม่เพียงพอ การเผาผลาญพลังงานจะกลายเป็นแบบ อแนร์โรบิค คือไม่ใช่ออกซิเจน เซลล์กล้ามเนื้อจะรับพลังงานมาจากไกลโครเจน แทนที่จะเป็นกลูโคสในเลือด เรียกว่า กระบวนการ Glycolysis ซึ่งเป็นกระบวนการที่ไกลโครเจนมีการสลายตัวเป็นชั้นๆ จาก ไกลโครเจนจะกลายเป็น น้ำตาลกลูโคสและฟรุตโตส จนได้เป็นกรด ไพรูวิก 2 โมเลกุลในที่สุด และเมื่อเราออกกำลังกายไปเรื่อยๆ เจ้ากรดไพรูวิกก็จะกลายเป็นกรดแลคติค นั้นเอง
คราวนี้แหละ เจ้าวายร้ายก็ค่อยๆสะสมสรรพกำลังเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ เมื่อออกกำลังกายหนักขึ้น กรดแลคติคก็เพิ่มขึ้น จนกระทั่งเราจะรู้สึกปวดบริเวณกล้ามเนื้อ มันเป็นสัญญาณจากร่างกายเราบอกว่า พี่ท่าน พอได้แล้ว ไปพักผ่อนหน่อยเถอะ จะออกกำลังกายอยู่ทำไมละเนี้ย สงสารตูบ้างสิ
พอถึงตอนนี้ ทางออกเดียวที่ควรทำ คือหยุดออกกำลังเสีย
แต่หากไม่ยอม เป็นคนหัวดื้อ คุณอาจจะเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่า การชนกำแพง ซึ่งเป็นอาการที่ วิ่งไม่ออก หมดเรี่ยวแรง ถ้าให้เตะปี๊ปตอนนั้น คงไม่ดัง เหตุที่เกิดเพราะวิ่งจนกล้ามเนื้อใช้กลัยโครเจนหมดไป จนไปเผาผลาญเจ้ากล้ามเนื้อเอง ถึงตรงนี้แหละคุณเอ๊ย พักยาวแน่
ที่นี้ เราก็สามารถชะลอฤทธิ์ของกรดแลคติคได้ โดยการฝึกสม่ำเสมอ ทำให้ร่าสกงายสะสมไกลโครเจนมากขึ้น จะสังเกตว่า พวกที่วิ่งสม่ำเสมอจะเมื่อยช้ากว่าพวกที่พึ่งออกกำลังกายเห็นๆ สืบเนื่องจากการสะสมไกลโครเจนนี้เอง
นอกจากนี้ การ cool down ก่อนจะที่จะหยุดการออกกำลังกายนั้นเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการลดผลกระทบจากกรดแลกติด ไม่ใช่ หยุดออกกำลังกายทันที ให้ค่อยๆหยุด เช่น จากวิ่ง ก็เปลี่ยนเป็นเดินสักรอบ 2 รอบก่อน แล้วค่อยหยุดออกกำลังกาย อย่างนี้เป็นต้น
มึนหรือยัง
ข้อมูลจาก siamfitness.com