ทำไมถึงเป็นแชมป์ 6

[Ole_Chanthana]

ไม่ได้เข้ามานานเลย เพราะว่าย้ายที่อยู่ ลืมรหัสผ่านอันเก่าไปแล้วด้วย เลยต้องสมัครใหม่ มีอะไรจะถาม ก็ถามได้นะคะ

[JETMAN]

ไม่ได้เข้ามานานเลย เพราะว่าย้ายที่อยู่ ลืมรหัสผ่านอันเก่าไปแล้วด้วย เลยต้องสมัครใหม่ มีอะไรจะถาม ก็ถามได้นะคะ

พี่โอเล่กลับมาแล้วมารอฟังข้อมูลดีๆครับ

[rockwaylife]

ตอนแรกเข้ามา เพราะ งงๆชื่อกระทู้ แต่พอได้อ่าน โอโห้ สุดยอดความรู้ขอบคุณครับ

[benpariwat]

ปักครับ

endurance เยอะมากครับ

[first cars]

+++ ขออนุญาติสอบถามครับ +++
- endurance, hills, spin, big gear, interval คุณพี่โอเล่ ควบคุม hrm. อย่างไรครับ กี่ % ของ max.hr. ???

- อีกข้อหนึ่ง พี่โอเล่ มีวิธี "สร้างแรงจูงใจ" ในการปั่น, ในการซ้อม อย่างไรครับ ???

...ขอบคุณครับ

ตามอัตราการเต้นของหัวใจของตัวเองเลยค่ะ ตารางซ้อมให้ขี่ endurance ก็คือขี่เพื่อความทนทาน
ซ้อมเบาๆให้ใช้ G1 G1 LOWคืออัตราการเต้นของหัวใจในระดับผ่อนคลายที่ต่ำสุด
G1 MAXคืออัตราการเต้นของหัวใจในระดับผ่อนคลายที่สูงสุด
ซ้อมเพื่อเพิ่มความทนทานให้ใช้G2 G2 LOWคืออัตราการเต้นของหัวใจเพื่อเพิ่มความทนทานที่ต่ำสุด
G2 MAXคืออัตราการเต้นของหัวใจเพื่อเพิ่มความทนทานที่สูงสุด
ซ้อมเพื่อพัฒนาความเร็วให้ใช้G3 G3 LOWคืออัตราการเต้นของหัวใจเพื่อพัฒนาความเร็วที่ต่ำสุด
G3 MAXคืออัตราการเต้นของหัวใจเพื่พัฒนาความเร็วที่สูงสุด
เวลาซ้อมถ้าวันไหนขี่เบาๆก็ให้ชีพจรอยู่ที่ G1โดยมีข้อแม้ว่าห้ามให้หัวใจเต้นต่ำกว่า G1 LOWและห้ามสูงกว่าG1 MAX
ถ้าวันไหนขี่ไกลๆเพื่อเพิ่มความทนทานก็ใช้ G2 โดยมีข้อแม้เหมือนกัน
ถ้าวันไหนขี่ทำอินเทอร์วอลก็ใช้ G3
แต่ ส่วนมากแล้วเวลาที่ซ้อมกันจะใช้เฉพาะG1 MAX,G2 MAX,G3 MAXเท่านั้นG LOWคือถ้าเราพยามปั่น MAX แล้วขึ้น MAX ของ G นั้นไม่สำเร็จ ก็ให้พยายามรักษาอัตตราการเต้นของหัวใจไม่ให้ต่ำกว่า LOW ของ G นั้นๆ
-วันไหนขี่endurance hill ก็ขี่ตามอัตราการเต้นหัวใจของตัวเองที่ขี่เพื่อความทนทาน แต่ใช้เส้นทางที่มีเขาสลับทางเรียบ
-วันไหนขี่endurance spin ก็ขี่ตามอัตราการเต้นหัวใจของตัวเองที่ขี่เพื่อความทนทาน แต่ใช้เกียร์ซอยหน้าเล็กหลังใหญ่ เน้นรอบขาจัด 90-100
-วันไหนขี่endurance big gear ก็ขี่ตามอัตราการเต้นหัวใจของตัวเองที่ขี่เพื่อความทนทาน แต่ใช้เกียร์หนักหน้าใหญ่หลังเล็ก
-ส่วนวันที่มี interval เช่นวันนี้ขี่1ชั่วโมง endurance และมี 4x10 interval เราก็เลือกเอาว่าจะเลือกทำ interval ช่วงไหนใน1ชั่วโมงนี้แทรกเข้าไปในการซ้อม วิธีทำ interval ให้เร่งเต็มที่ ให้อัตรการเต้นของหัวใจขึ้นในระดับ G3 max ถ้าทำไม่ไหวก็อย่าให้ต่ำกว่า G3 low ทำ 10 นาที พักกี่นาทีก็ได้ แต่ขอให้ครบ 4 เซต ภายใน 1 ชม.ที่ซ้อม
-เวลาที่หมดกำลังใจไม่อยากซ้อม บางครั้งก็จะบอกตัวเองว่า ' ออกไปขี่ก่อน เดี๋ยวหมดแรงค่อยหยุด ถ้าขี่ไม่ไหวก็จอด แต่พอไปขี่จริงๆ มันก็หยุดไม่ได้ เพราะว่าถ้าเราหยุด เรามันก็ขี้แพ้ รู้สึกละอายใจ เวลาใครถาม ซ้อมวันนี้เป็นยังไง ก็พูดได้ไม่เต็มปาก ' บางครั้งที่ซ้อม หมดแรงมากๆ ขี่ขึ้นเขาจะไม่ไหว อยากจะจอดแล้วเข็นขึ้น ก็จะบอกตัวเองว่า ' เดี๋ยวรอบหน้าค่อยเข็น รอบนี้ขี่ขึ้นไปให้ได้ก่อน ' แต่พอรอบหน้ามาถึงก็คิดเหมือนเดิม พอซ้อมเสร็จ หายเหนื่อย ก็รู้สึกว่าโชคดีที่เราไม่ได้เข็น เคยถามเล็ก สุรจิตร์ เหมือนกันว่า ตอนขี่ขึ้นเขาชันๆ รู้สึกอยากจูงบ้างไหม พอเขาตอบมาไม่อยากจะเชื่อ เป็นเหมือนเราเลย ความรู้สึกเหมือนกัน ที่อยากจะจูงจักรยานแต่ เอาไว้รอบหน้า แล้วพอหายเหนื่อย เล็กก็บอกว่า อยากจะลองขึ้นไปขี่มันเดี๋ยวนี้ ว่าทำไม มันยากตรงไหน

ขออนุญาติสอบถามครับ
ตามโปรแกรม วันที่ 1 ถึงวันที่ 15 นั้น มีendurance เวลา1.30,2.00,2.30,3.00,4.30,5.30 ชม.และ ทั้ง endurnce,endurance hills,endurance spin,endurance big gear,เหล่า endurance เหล่านี้ใช้ความหนักที่ G ไหนบ้างครับ ไม่รู้ว่าจะใช้อัตราการเต้นหัวใจในระดับผ่อนคลายสูงสุด(G1 max)หรืออัตราการเต้นของหัวใจเพื่อเพิ่มความทนทานสูงที่สุด(G2 max) ขอรบกวนคุณโอเล่ช่วยไขความสว่างให้ด้วยครับ +++ขอบคุณครับ+++

[Ole_Chanthana]

[qoute="first cars"]ขออนุญาติสอบถามครับ
ตามโปรแกรม วันที่ 1 ถึงวันที่ 15 นั้น มีendurance เวลา1.30,2.00,2.30,3.00,4.30,5.30 ชม.และ ทั้ง endurnce,endurance hills,endurance spin,endurance big gear,เหล่า endurance เหล่านี้ใช้ความหนักที่ G ไหนบ้างครับ ไม่รู้ว่าจะใช้อัตราการเต้นหัวใจในระดับผ่อนคลายสูงสุด(G1 max)หรืออัตราการเต้นของหัวใจเพื่อเพิ่มความทนทานสูงที่สุด(G2 max) ขอรบกวนคุณโอเล่ช่วยไขความสว่างให้ด้วยครับ +++ขอบคุณครับ+++ [/quote]

ใช้ G2Max ค่ะ ปรกติเวลาที่ซ้อมกันจะใช้ G 1Max G2 Max G3 Max ส่วนที่เป็นG1-2-3 Low จะ
ใช้เพื่อดุระดับการเต้นของหัวใจไม่ใ้ห้ต่ำลงกว่านั้น เช่นวันนี้ขี่ enduranc ไม่ว่าจะเป็น spinหรือ big gear ก็ต้องให้หัวใจเต้นที่ G2 Max ตลอดเส้นทางหรือในเลาที่กำหนด สิ่งที่ต้องคอยดูก็คือ พยายามไม่ให้หัวใจเต้นต่ำกว่า G2 Low และไม่สูงเกิน G2 Max ค่ะ

[first cars]

[qoute="first cars"]ขออนุญาติสอบถามครับ
ตามโปรแกรม วันที่ 1 ถึงวันที่ 15 นั้น มีendurance เวลา1.30,2.00,2.30,3.00,4.30,5.30 ชม.และ ทั้ง endurnce,endurance hills,endurance spin,endurance big gear,เหล่า endurance เหล่านี้ใช้ความหนักที่ G ไหนบ้างครับ ไม่รู้ว่าจะใช้อัตราการเต้นหัวใจในระดับผ่อนคลายสูงสุด(G1 max)หรืออัตราการเต้นของหัวใจเพื่อเพิ่มความทนทานสูงที่สุด(G2 max) ขอรบกวนคุณโอเล่ช่วยไขความสว่างให้ด้วยครับ +++ขอบคุณครับ+++

ใช้ G2Max ค่ะ ปรกติเวลาที่ซ้อมกันจะใช้ G 1Max G2 Max G3 Max ส่วนที่เป็นG1-2-3 Low จะ
ใช้เพื่อดุระดับการเต้นของหัวใจไม่ใ้ห้ต่ำลงกว่านั้น เช่นวันนี้ขี่ enduranc ไม่ว่าจะเป็น spinหรือ big gear ก็ต้องให้หัวใจเต้นที่ G2 Max ตลอดเส้นทางหรือในเลาที่กำหนด สิ่งที่ต้องคอยดูก็คือ พยายามไม่ให้หัวใจเต้นต่ำกว่า G2 Low และไม่สูงเกิน G2 Max ค่ะ[/quote]

+++ขอบคุณคุณโอเล่มากครับ+++
-------- ที่ชี้แจงให้เข้าใจ ---------

[Nattapon pomdam]

การขี่ endurance ก็คือขี่เพื่อความทนทาน

สอบถามต้องใช้รอบขาประมาณไหนครับ

[Ole_Chanthana]

การขี่ endurance ก็คือขี่เพื่อความทนทาน

สอบถามต้องใช้รอบขาประมาณไหนครับ

สำหรับตัวพี่กับการแข่งจักรยานมาโดยตลอด หรือการซ้อมไม่เคยต้องดูว่าเราขี่รอบขาเท่าไหร่ สิ่งที่พี่จะดูก็คือความรู้สึกของร่างกาย ขา ว่าวันนี้เวลาออกไปขี่แล้วมีอาการอย่างไร เช่น เมื่อวานซ้อมหนักวันนี้ขี่แล้วขาล้าก็จะขี่รอบชาที่ขี่แล้วทำ๋ให้รู้สึกสบายขามากขึ้น ในทางกลับกันบางวันซ้อมหนักมาแล้วแต่วันถัดมากลับยังขี่กดหนักได้ตลอด ในความคิดส่วนตัวพี่ การนั่งขี่บนจักรยานที่ให้ผลลัพธ์ออกมาดี น่าจะเป็นสิ่งที่เราต้องการมากกว่าทำตามวิธีการเป๊ะๆหรืิอคอยเครียดว่ามันจะได้100รอบต่อนาทีหรือปล่าว ตัวพี่เองจะขี่ให้รอบขาสม่ำเสมอมากที่สุด จะไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาบ่อยๆ ยกเว้นขี่ในแทรคหรือเส้นทางที่มันเปลี่ยนตามการแข่งขันแต่ถ้าเป็นทางเรียบนะพี่จะมีเทคนิคที่พี่จะใช้คือการเร่งความเร็วรอบขาขึ้นอีกหน่อยโดยดูความเร็วไมลให้เพิ่มสักอีก1-2 โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเกียร์แถมเปลืองแรงน้อย แล้วเมื่อความเร็วรถลอยแล้วการใส่เกียร์เพิ่มไปอีกเกียร์ก็ไม่ทำให้รอบขาเสียด้วย

[Nattapon pomdam]

การขี่ endurance ก็คือขี่เพื่อความทนทาน

สอบถามต้องใช้รอบขาประมาณไหนครับ

สำหรับตัวพี่กับการแข่งจักรยานมาโดยตลอด หรือการซ้อมไม่เคยต้องดูว่าเราขี่รอบขาเท่าไหร่ สิ่งที่พี่จะดูก็คือความรู้สึกของร่างกาย ขา ว่าวันนี้เวลาออกไปขี่แล้วมีอาการอย่างไร เช่น เมื่อวานซ้อมหนักวันนี้ขี่แล้วขาล้าก็จะขี่รอบชาที่ขี่แล้วทำ๋ให้รู้สึกสบายขามากขึ้น ในทางกลับกันบางวันซ้อมหนักมาแล้วแต่วันถัดมากลับยังขี่กดหนักได้ตลอด ในความคิดส่วนตัวพี่ การนั่งขี่บนจักรยานที่ให้ผลลัพธ์ออกมาดี น่าจะเป็นสิ่งที่เราต้องการมากกว่าทำตามวิธีการเป๊ะๆหรืิอคอยเครียดว่ามันจะได้100รอบต่อนาทีหรือปล่าว ตัวพี่เองจะขี่ให้รอบขาสม่ำเสมอมากที่สุด จะไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาบ่อยๆ ยกเว้นขี่ในแทรคหรือเส้นทางที่มันเปลี่ยนตามการแข่งขันแต่ถ้าเป็นทางเรียบนะพี่จะมีเทคนิคที่พี่จะใช้คือการเร่งความเร็วรอบขาขึ้นอีกหน่อยโดยดูความเร็วไมลให้เพิ่มสักอีก1-2 โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเกียร์แถมเปลืองแรงน้อย แล้วเมื่อความเร็วรถลอยแล้วการใส่เกียร์เพิ่มไปอีกเกียร์ก็ไม่ทำให้รอบขาเสียด้วย

ขอบคุณครับ

[Nattapon pomdam]

ถามอีกอย่างครับ พี่ปั่นรถอะไรครับMTBเหรอ แล้วตารางการซ้อมมันของMTBหรือเสือหมอบอะครับหรือใช้ได้หมด พอดีผมปั่นหมอบอะครับ
แต่เท่าที่ดูว่าน่าจะเป็นของหมอบเพราะมีแต่ออกถนน

[Ole_Chanthana]

ถามอีกอย่างครับ พี่ปั่นรถอะไรครับMTBเหรอ แล้วตารางการซ้อมมันของMTBหรือเสือหมอบอะครับหรือใช้ได้หมด พอดีผมปั่นหมอบอะครับ
แต่เท่าที่ดูว่าน่าจะเป็นของหมอบเพราะมีแต่ออกถนน

-พี่เป็นนักกีฬาเสือภูเขา ตาราวซ้อมส่วนมากจะเป็นขี่ในแทรคนะ แต่ก็จะมีที่ต้องขี่เอาความทนทานก็ต้องซ้อมบนถนน ตารางซ้อมที่ลงไปเพราะว่าเห็นส่วนมากนิยมปั่นบนถนนกันมากกว่าในแทรค จึงเอาคอร์สซ้อมที่เป็นแบบถนนมาลงให้เป็นแนวทางการฝึกกัน ส่วนตารางซ้อม15วัน (จริงๆมันไม่ได้มีแค่15วันแต่มันมีเป็นเล่มแล้ว ทั้งเล่มก็จะเป็นการซ้อมหนักๆเป็นวันๆแบบที่เขาใช้ซ้อมเพื่อลงแข่งทัวร์ที่ยุโรปกันแบบนั้นทั้งหมด ) แต่ที่พี่ซ้อมแค่15วันกันนั้นเป็นเพราะมันเป็นคอร์ทซ้อมช่วงสั้นๆก่อนไปแข่งทัวร์ออฟไทยแลนน์เป็นตารางซ้อมของเสือหมอบที่โค้ชชาวเยอรมันให้มาจ้ะ ซึ่งหลังจากซ้อมตามตารางนี้ความทนทานเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย (ก็จะไม่ทนขึ้นได้ไงเนาะก็ขี่เป็นวันๆ)กลับมาขี่mtb รอบขาจะเบาหวิวเลยเพิ่งเข้าใจว่าทำไมคนที่เคยเขี่เสือหมอบมาก่อน พอปลี่ยนมาขี่เสือภูเขาแล้วชอบขี่รอบขาจัดๆเป็นเพราะรถเสือถูเขาชั้นเกียร์จะหยาบกว่าเสือหมอบที่เกียร์ละเอียดกว่า ช่วงแรกๆที่หัดขี่เสือหมอบก็ปรับตัวสักพักเหมือนกันเพราะความที่เกียร์ละเอียดกว่าเวลาเปลี่ยนเกียร์เหมือนยังไม่ได้เปลี่ยนเลยต้องก้มไปมองว่าเราเปลี่ยนเกียร์หรือยังเนี่ย พี่จะถนัดเกี่ยวกับขี่รถเสือภูเขาถ้าเป็นเสือหมอบต้องถามคนที่ชำนาญเสือหมอบดีกว่าจ้ะ แต่ถ้าชอบเสือภูเขาเมื่อไหร่ถามมาได้เลยจ้ะ

[Nattapon pomdam]

ถามอีกอย่างหลังซ้อมเสร็จ ต้องใช้ระยะเวลาการพักกี่วันครับถึงจะเห็นผลว่าเราพัฒนาขึ้น

[Ole_Chanthana]

ถามอีกอย่างหลังซ้อมเสร็จ ต้องใช้ระยะเวลาการพักกี่วันครับถึงจะเห็นผลว่าเราพัฒนาขึ้น

ปรกติหลังซ้อมวันนี้ อีกวันก็กลับมาซ้อมต่อได้เลยไม่จำเป็นต้องหยุด ยกเว้นวันที่ซ้อมหนักมากๆอีกวันก็หยุดพักเช่นหลังแข่งขัน หรือซ้อม6วันวันอาทิตย์ก็หยุดพักสัก1วัน การพัฒนาหรือไม่พัฒนาดูได้จากการขี่ที่ดีขึ้นหรือขี่เหมือนเดิมไง ตัวอย่างเช่นน้องเคยขี่40กิโลใช้เลา2ชั่วโมง ผ่านไป1เดือนใช้เวลา40กิโลเหลือแค่1.30ชั่วโมงแบบนี้ถึงเรีบกว่าพัฒนาขึ้น เคยเหนื่อยมากหลังๆเริ่มเหนื่อยน้อยลงก็เรียกว่าพัฒนาขึ้น เคยเปลี่ยนเกียร์ตรงเนินนี้ทุกครั้งหลังๆมานี้ย่ำเกียร์นี้ขึ้นไปได้เลยแบบนี้ก็พัฒนาขึ้น จำเอาไว้ว่าถ้าซ้อมแบบไหนแล้วไม่พัฒนาขึ้นเลิกทำแล้วหันไปใช้วิธีอื่น เพราะในเมื่อทำแล้วไม่ดีอย่ากลัวที่จะเปลี่ยน ถึงทำแบบใหม่แล้วไม่ดีขึ้นก็ไม่มีอะไรเสียนี่

[Nattapon pomdam]

ถามอีกอย่างหลังซ้อมเสร็จ ต้องใช้ระยะเวลาการพักกี่วันครับถึงจะเห็นผลว่าเราพัฒนาขึ้น

ปรกติหลังซ้อมวันนี้ อีกวันก็กลับมาซ้อมต่อได้เลยไม่จำเป็นต้องหยุด ยกเว้นวันที่ซ้อมหนักมากๆอีกวันก็หยุดพักเช่นหลังแข่งขัน หรือซ้อม6วันวันอาทิตย์ก็หยุดพักสัก1วัน การพัฒนาหรือไม่พัฒนาดูได้จากการขี่ที่ดีขึ้นหรือขี่เหมือนเดิมไง ตัวอย่างเช่นน้องเคยขี่40กิโลใช้เลา2ชั่วโมง ผ่านไป1เดือนใช้เวลา40กิโลเหลือแค่1.30ชั่วโมงแบบนี้ถึงเรีบกว่าพัฒนาขึ้น เคยเหนื่อยมากหลังๆเริ่มเหนื่อยน้อยลงก็เรียกว่าพัฒนาขึ้น เคยเปลี่ยนเกียร์ตรงเนินนี้ทุกครั้งหลังๆมานี้ย่ำเกียร์นี้ขึ้นไปได้เลยแบบนี้ก็พัฒนาขึ้น จำเอาไว้ว่าถ้าซ้อมแบบไหนแล้วไม่พัฒนาขึ้นเลิกทำแล้วหันไปใช้วิธีอื่น เพราะในเมื่อทำแล้วไม่ดีอย่ากลัวที่จะเปลี่ยน ถึงทำแบบใหม่แล้วไม่ดีขึ้นก็ไม่มีอะไรเสียนี่

ครับอันนี้เข้าใจ แต่ที่ถามคือ ถ้าซ้อมตามตารางที่โพสมา ใช้เวลาพักอย่างน้อยอย่างมากกี่วัน เพราะ15วันนี่ไม่ได้พักเลย

แต่ขอบคุณที่ตอบครับ