เรื่องการซ้อมกับการปั่นทัวริ่งครับ
- Dhandranunda
- ขาประจำ
- โพสต์: 9598
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 พ.ค. 2010, 20:58
- Tel: 083970โหลโหลโหล
- team: ไม่มี
- Bike: Merida Matts 70d /Masi Triple CX
เรื่องการซ้อมกับการปั่นทัวริ่งครับ
คือช่วงหลังนี่ผมฮึดซ้อมปั่นทุกวันเพราะหลุดกลุ่ม (ตัวเองปั่นไซโครครอส/ไลท์ทัวริ่ง แฮนด์หมอบ ล้อ 700c x38 ชุดเกียร์ 24 สปีด)
ตอนนี้ผมซ้อมปั่นทุกวันแทบจะไม่ได้หยุด (ยกเว้นวันนี้ครับ ไม่ได้ออกปั่น) วันละ 50+- (ใช้ช่วงเวลาก่อนไปทำงานออกไปปั่น เสร็จแล้วก็อาบน้ำที่ทำงานครับ ระยะทางนี้ไม่รวมปั่นขากลับจากทำงาน)
ความเร็วในการปั่นก็พยายามยืนที่ 30+- ทุกวันก็ต้องแบกสัมภาระติดหลังบ้าง กระเป๋า pannier บ้างเพราะต้องไปเปลี่ยนที่ทำงานครับ
อะไรมันก็โอเค พัฒนากำลังและรอบขา (จะสลับปั่นขาเดียวด้วยแต่ไม่ได้กำหนดตายตัวว่ากี่รอบ เอาเป็นเมื่อยก็สลับอีกข้าง)
ปัญหาหลักคือ ผมมีเวลาซ้อมปั่นแต่กลางคืนครับ ไม่ได้ปั่นกลางวันกลางแดดเปรี้ยงเลย ออกทริปกลางคืนตลอด
การปั่นทัวริ่งระยะทางปานกลางถึงไกล ก็ต้องปั่นกลางวัน
คิดว่า ควรมีเวลาซ้อมในช่วงกลางวันซักกี่วันต่อสัปดาห์ดีครับพอที่ร่างกายจะปรับตัวได้
สังเกตุว่า ปั่นซ้อมกลางคืน น้ำแค่ 2 กระติกก็ยังพอ ไม่ได้ทานอาหารหนักระหว่างซ้อมปั่น แต่กลางวันนี่หมดเงินไปกับค่าน้ำดื่มและของกินมากเลย
ตอนนี้ผมซ้อมปั่นทุกวันแทบจะไม่ได้หยุด (ยกเว้นวันนี้ครับ ไม่ได้ออกปั่น) วันละ 50+- (ใช้ช่วงเวลาก่อนไปทำงานออกไปปั่น เสร็จแล้วก็อาบน้ำที่ทำงานครับ ระยะทางนี้ไม่รวมปั่นขากลับจากทำงาน)
ความเร็วในการปั่นก็พยายามยืนที่ 30+- ทุกวันก็ต้องแบกสัมภาระติดหลังบ้าง กระเป๋า pannier บ้างเพราะต้องไปเปลี่ยนที่ทำงานครับ
อะไรมันก็โอเค พัฒนากำลังและรอบขา (จะสลับปั่นขาเดียวด้วยแต่ไม่ได้กำหนดตายตัวว่ากี่รอบ เอาเป็นเมื่อยก็สลับอีกข้าง)
ปัญหาหลักคือ ผมมีเวลาซ้อมปั่นแต่กลางคืนครับ ไม่ได้ปั่นกลางวันกลางแดดเปรี้ยงเลย ออกทริปกลางคืนตลอด
การปั่นทัวริ่งระยะทางปานกลางถึงไกล ก็ต้องปั่นกลางวัน
คิดว่า ควรมีเวลาซ้อมในช่วงกลางวันซักกี่วันต่อสัปดาห์ดีครับพอที่ร่างกายจะปรับตัวได้
สังเกตุว่า ปั่นซ้อมกลางคืน น้ำแค่ 2 กระติกก็ยังพอ ไม่ได้ทานอาหารหนักระหว่างซ้อมปั่น แต่กลางวันนี่หมดเงินไปกับค่าน้ำดื่มและของกินมากเลย
ขวด
The Power Of Slow Ride
The Power Of Slow Ride
- เสือ Spectrum
- ขาประจำ
- โพสต์: 4450
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 12:58
- Tel: -
- team: 99 City Bike
- Bike: LA Spectrum
Re: เรื่องการซ้อมกับการปั่นทัวริ่งครับ
กลางวันมักเจออากาศร้อนครับ น้ำเป็นเรื่องสำคัญ ประมาณคร่าวๆ 1 ชั่วโมงเราจะเสียน้ำไปกับเหงื่อโดยอาจจะไม่รู้ตัวราวๆ 800 CC. ถึง 1 ลิตร หลักการคร่าวๆ คือเสียน้ำไปเท่าไรก็ควรจะเติมกลับไปเท่านั้น แต่หากใช้วิธีเติมกลับรวดเดียวคือตอนจอดพักก็จะไม่ค่อยได้ประโยชน์เท่าไรครับ
กระเพาะของเราจุน้ำได้ราวๆ 200 CC. หากดื่มมากกว่านั้นก็จะรู้สึกจุก สังเกตุจากน้ำอัดลมที่มีความจุประมาณ 250 CC. ถ้าดื่มรวดเดียวหมดขวดเรามักรู้สึกจุก (ส่วนหนึ่งเพราะแก๊สด้วย) ประสิทธิภาพการดูดซึมน้ำเข้าร่างกายทำไม่ได้เต็มที่ ดังนั้นจิบน้ำเป็นระยะๆ (ประมาณ 15 - 20 นาที/ครั้ง) จะดีกว่าครับ
ถ้าปริมาณน้ำในร่างกายที่ระยะเวลาหนึ่งน้อยกว่าปรกติเราก็จะเจอภาวะ "เลือดข้น" การหมุนเวียนของเลือดทำได้ลำบากขึ้น
ปั่นฯ ทางไกล ความสมดุลย์ของระบบต่างๆ ในร่างกายเป็นเรื่องสำคัญครับ พูดง่ายๆ เราอาศัยร่างกายแทนเครื่องยนต์ ถ้า "เครื่องร้อน" ทุกอย่างก็ "จบ" ครับ
อาหารก็เปรียบเหมือน "น้ำมัน" เวลาน้ำมันหมดยังไงก็ต้องเติม เพราะหากเราอึดไม่เติมน้ำมันพอมันหมด "ก๊อก 2" นี่บางทีหมดแล้วหมดเลยนะครับ (เรื่องจริงคือต้องใช้เวลาที่นานมากกว่าร่างกายจะฟื้นตัวจากอาการ "หมดแรง" ครับ)
พอเรารู้วิธีที่จะรักษา "เครื่องยนต์" ให้อยู่ในภาวะ "ปรกติ" ตลอดเวลาแล้วที่เหลือก็แล้วแต่สไตล์การปั่นฯ ครับ
บางท่านใช้ความเร็วเฉลี่ยแค่ 15 กม./ชม.ก็มีครับ เพราะ 4 ชั่วโมงก็ได้ 60 กม. แล้ว ปั่นฯ 1 วัน 8 ชั่วโมงก็ 120 กม. ครับ หรือไม่ชอบดูวิวข้างทางใช้ความเร็วเฉลี่ย 20 หรือ 25 กม./ชม. ก็ใช้เวลากับระยะทาง 120 กม. อยู่ระหว่าง 5 - 6 ชม. เท่านั้น จะปั่นฯ อย่างไรขึ้นอยู่กับระยะทางที่คาดหมายและแผนการเดินทางครับ ว่าจะปั่นฯ รวดเดียวหรือแบ่งครึ่ง เช้า/บ่าย
ผมว่าเหตุผลของ Touring ที่ระยะทางเดียวกันต่างกับ Racing หรือการปั่นฯ แข่นขันกับความเร็วครับ Touring เน้นไปถึงปลายทางให้สบายและบอบข้ำน้อยที่สุด แต่ Racing เลือกประเด็น "เร็วที่สุด" มากกว่าครับ
กระเพาะของเราจุน้ำได้ราวๆ 200 CC. หากดื่มมากกว่านั้นก็จะรู้สึกจุก สังเกตุจากน้ำอัดลมที่มีความจุประมาณ 250 CC. ถ้าดื่มรวดเดียวหมดขวดเรามักรู้สึกจุก (ส่วนหนึ่งเพราะแก๊สด้วย) ประสิทธิภาพการดูดซึมน้ำเข้าร่างกายทำไม่ได้เต็มที่ ดังนั้นจิบน้ำเป็นระยะๆ (ประมาณ 15 - 20 นาที/ครั้ง) จะดีกว่าครับ
ถ้าปริมาณน้ำในร่างกายที่ระยะเวลาหนึ่งน้อยกว่าปรกติเราก็จะเจอภาวะ "เลือดข้น" การหมุนเวียนของเลือดทำได้ลำบากขึ้น
ปั่นฯ ทางไกล ความสมดุลย์ของระบบต่างๆ ในร่างกายเป็นเรื่องสำคัญครับ พูดง่ายๆ เราอาศัยร่างกายแทนเครื่องยนต์ ถ้า "เครื่องร้อน" ทุกอย่างก็ "จบ" ครับ
อาหารก็เปรียบเหมือน "น้ำมัน" เวลาน้ำมันหมดยังไงก็ต้องเติม เพราะหากเราอึดไม่เติมน้ำมันพอมันหมด "ก๊อก 2" นี่บางทีหมดแล้วหมดเลยนะครับ (เรื่องจริงคือต้องใช้เวลาที่นานมากกว่าร่างกายจะฟื้นตัวจากอาการ "หมดแรง" ครับ)
พอเรารู้วิธีที่จะรักษา "เครื่องยนต์" ให้อยู่ในภาวะ "ปรกติ" ตลอดเวลาแล้วที่เหลือก็แล้วแต่สไตล์การปั่นฯ ครับ
บางท่านใช้ความเร็วเฉลี่ยแค่ 15 กม./ชม.ก็มีครับ เพราะ 4 ชั่วโมงก็ได้ 60 กม. แล้ว ปั่นฯ 1 วัน 8 ชั่วโมงก็ 120 กม. ครับ หรือไม่ชอบดูวิวข้างทางใช้ความเร็วเฉลี่ย 20 หรือ 25 กม./ชม. ก็ใช้เวลากับระยะทาง 120 กม. อยู่ระหว่าง 5 - 6 ชม. เท่านั้น จะปั่นฯ อย่างไรขึ้นอยู่กับระยะทางที่คาดหมายและแผนการเดินทางครับ ว่าจะปั่นฯ รวดเดียวหรือแบ่งครึ่ง เช้า/บ่าย
ผมว่าเหตุผลของ Touring ที่ระยะทางเดียวกันต่างกับ Racing หรือการปั่นฯ แข่นขันกับความเร็วครับ Touring เน้นไปถึงปลายทางให้สบายและบอบข้ำน้อยที่สุด แต่ Racing เลือกประเด็น "เร็วที่สุด" มากกว่าครับ
เมื่อพ้นไปจากการ "แพ้" หรือ "ชนะ" เราก็จะได้อยู่ในที่ที่ไม่มี "ความทุกข์ใจ"
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1125
- ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ต.ค. 2013, 17:24
- Tel: 083-025-1064
- team: ปั่นเป็นปั่น(แก๊งค์กระจอก)
- Bike: Xds Fat-bike สีดำ////Ridley fenixสีดำ
- ตำแหน่ง: 110/96-97 อ.เมือง ต.ในเมือง จ.พิษณุโลก
Re: เรื่องการซ้อมกับการปั่นทัวริ่งครับ
ที่ผมปั่นประจำคือ 80 กม. ครับ คือจะไม่เน้นความเร็ว แต่เน้นที่รอบขา90-100 รอบต่อนาทีให้ได้ตลอดทาง จิบน้ำตลอดให้หมดขวดป(650 cc)แต่ผมจะพักที่40 กม. แล้วกินขนม กินน้ำ และเติมน้ำ (จีบสาวเซเว่น) ขากลับอีก40กม. ชอบลืมตัว ปั่นชมนกชมไม้ไปเรื่อยๆ ถ้ารู้ตัวจะคงรอบขาไว้ที่100รอบต่อนาที ความเร็วที่ได้ประมาณ28-30 กม./นาที หัวใจจะคุมไม่ให้เกิน 160 ครั้งต่อนาที ที่สังเกตสำหรับผมคือถ้าตั้งใจคุมจังหวะดึงลูกบันไดให้ได้ 100รอบ ความเร็วจะมากเกินกว่า35 กม./ชม. ซึ่งคิดว่าด้วยความเร็วนี้จะทำให้เหนื่อย ไม่จบทริปแน่ๆ เคยตั้งใจทำรอบขาให้กลมมีจังหวะลาก กด ดึง ไสแล้ว ผลที่ได้คือเวลาในทริปลดลง แต่เหนื่อยเกินไปครับ ทำงานเป็นผีดิบเลย (อยากนอนมาก) ปั่นเสร็จรู้สึกโหย กินเป็นพายุ ข้อเสนอแนะของผมสำหรับน้าคือ พักบ้าง การพักถือเป็นการฝึกด้วยนะ ปั่นเร็วไม่มีอะไรเลย สู้ปั่นช้าแบบถูกต้องน้าจะนั่งบนอานได้นานๆ เก็บบรรยายกาศ2ข้างทางไปเรื่อย(ดีกว่าวิ่งเป็นไหนๆ) เพลินดี ใช้รอบขาให้สม่ำเสมอ ความเร็วจะเท่าไรอย่าสนใจครับ มันไม่ต่างกันมากหรอก แต่การปั่นแบบพวกเราน่ะเค้าต้องใช้เวลาเยอะ นั่งบนอานแข็งๆได้นานๆ มือไม่ชาขาไม่ปวด ก้นไม่ระบม ขาไม่เป็นตะคริว สบายใจจะตายไป ถ้ามีเวลาอยากปั่นไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมาย ค่ำไหนนอนนั่น เบื่อเมีย ไม่น่าแต่งงานเลย พลาดๆ
ปล. ผมชอบปั่นเย็นถึงกลางคืนครับ เพราะ 1. ไม่ร้อน สำอางอ่ะกลัวตากแดดแล้วไม่หล่อ 2. ชีวิตกลางวันผมเร่งรีบแบกรับภาระเกือบทุกอย่างไว้ เมียเยอะ ลูกแยะ พ่อแม่แก่ชรา 3.เส้นทางที่ใช้ของผมคือชนบท มีนาข้าว บ่อหลาริมทาง วิถีชีวิตคนบ้านนอกแบบผม หลายคนอิจฉาละกันล่ะ
ปล. ผมชอบปั่นเย็นถึงกลางคืนครับ เพราะ 1. ไม่ร้อน สำอางอ่ะกลัวตากแดดแล้วไม่หล่อ 2. ชีวิตกลางวันผมเร่งรีบแบกรับภาระเกือบทุกอย่างไว้ เมียเยอะ ลูกแยะ พ่อแม่แก่ชรา 3.เส้นทางที่ใช้ของผมคือชนบท มีนาข้าว บ่อหลาริมทาง วิถีชีวิตคนบ้านนอกแบบผม หลายคนอิจฉาละกันล่ะ
- anurat
- สมาชิก
- โพสต์: 51
- ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.พ. 2014, 16:48
- team: ครอบครัวแสนสุข
- Bike: Trek Fule 70 / Bianchi Cielo / Trek 3900 / Peugeot Metro
- ตำแหน่ง: หนองมน-บางพระ
Re: เรื่องการซ้อมกับการปั่นทัวริ่งครับ
ผมก็อยู่ในช่วงฝึกปั่นทรัวรั่งอยู่เหมือนกันครับ จะซ้อมช่วงเช้ากับช่วงค่ำๆ ใส่ load กลางๆ (โดยช่วงแรกๆ ก็ใส่แต่กระเป๋าเปล่ายัดด้วยกล่องเปล่าก่อนแล้วค่อยๆเติมสิ่งของที่จะใช้ไปเรื่อยๆ) แรกๆก็เน้นที่รอบขาก่อน แค่ประมาณ 70-80 เท่านั้น ความเร็วก็อยู่ที่ ไม่เกิน 25 แต่พอวันหยุดปั่นจริง เฉลี่ย ไม่เกิน 18 ครับ เพราะเร็วกว่านั้น ดูอะไรไม่ทันครับ ปั่นแล้วไม่มีความสุข ไม่ได้เห็นอะไรเลย ทุกอย่างมันจะผ่านเราไปเร็วมาก ดังนั้นก็เลยปั่นแค่ 18-20 รู้สึกว่ากำลังดีสำหรับผม ส่วนมากผมจะปั่นกับลูกครับ เปลี่ยนที่เที่ยวไปเรื่อยๆ เท่าที่โอกาศจะอำนวย ไปแล้วกลับไม่ไหวก็โทรเรียก เมียมารับ(ก็มีประโยนชน์อยู่นะครับ) บางทีก็ไปด้วยกันสามคน ไม่เน้นเร็วครับ เมียก็แวะซื้อของชาวบ้านระหว่างทางที่ไป มาทำกับข้าวหลังจบทริปแต่ละวัน ยังไม่เคยไปไหนแบบไกลบ้านมากนัก เพราะอยู่ระหว่างเริ่มต้น
- ไฟล์แนบ
-
- bikerack009 [800x600].jpg (90.87 KiB) เข้าดูแล้ว 995 ครั้ง
- Dhandranunda
- ขาประจำ
- โพสต์: 9598
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 พ.ค. 2010, 20:58
- Tel: 083970โหลโหลโหล
- team: ไม่มี
- Bike: Merida Matts 70d /Masi Triple CX
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 234
- ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ส.ค. 2013, 23:36
Re: เรื่องการซ้อมกับการปั่นทัวริ่งครับ
ได้อ่านข้อเขียนของท่านทั้งหลายแล้วมีความสุขมากๆ.
ตาร้อนผ่าวเลย แต่ต้องทำใจ.
ตาร้อนผ่าวเลย แต่ต้องทำใจ.
- เสือ Spectrum
- ขาประจำ
- โพสต์: 4450
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 12:58
- Tel: -
- team: 99 City Bike
- Bike: LA Spectrum
Re: เรื่องการซ้อมกับการปั่นทัวริ่งครับ
เสริมนิดหนึ่งครับ
ปั่นฯ Touring ส่วนมากในที่สุดแล้วไม่ว่าจะปั่นฯ คนเดียวหรือไปกลับกลุ่มสัก 2 - 3 คน สไตล์ที่ใช้จะค่อนข้างไปทางการปั่นฯ เดี่ยว ซึ่งแตกต่างจากการปั่นฯ เป็นกลุ่มแบบทำความเร็วที่จะมีความกดดันหลายอย่างครับ ไม่ว่าจะเรื่องความเร็วเดินทางที่ใช้ ค่า AV การกำหนดเส้นทางและจุดพัก
ปั่นฯ สไตล์ Touring ความกดดันในเรื่องที่กล่าวมาแทบไม่มีเลยครับ เราสู้กับตัวเองล้วนๆ ประเด็นหลักๆ มีอยู่แค่นิดเดียวเท่านั้นเองคือ ไปให้(ถึงจุดหมาย)ได้-กลับให้ถึง(บ้าน) เท่านั้นเอง ที่เหลือคือการข้ามอุปสรรค์และเรื่องอันตรายคือถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรปั่นฯ เกินเวลาที่มีแสงแดด และเรื่องของลมแรง แดดร้อนเท่านั้นเองครับ
ปั่นฯ Touring ส่วนมากในที่สุดแล้วไม่ว่าจะปั่นฯ คนเดียวหรือไปกลับกลุ่มสัก 2 - 3 คน สไตล์ที่ใช้จะค่อนข้างไปทางการปั่นฯ เดี่ยว ซึ่งแตกต่างจากการปั่นฯ เป็นกลุ่มแบบทำความเร็วที่จะมีความกดดันหลายอย่างครับ ไม่ว่าจะเรื่องความเร็วเดินทางที่ใช้ ค่า AV การกำหนดเส้นทางและจุดพัก
ปั่นฯ สไตล์ Touring ความกดดันในเรื่องที่กล่าวมาแทบไม่มีเลยครับ เราสู้กับตัวเองล้วนๆ ประเด็นหลักๆ มีอยู่แค่นิดเดียวเท่านั้นเองคือ ไปให้(ถึงจุดหมาย)ได้-กลับให้ถึง(บ้าน) เท่านั้นเอง ที่เหลือคือการข้ามอุปสรรค์และเรื่องอันตรายคือถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรปั่นฯ เกินเวลาที่มีแสงแดด และเรื่องของลมแรง แดดร้อนเท่านั้นเองครับ
เมื่อพ้นไปจากการ "แพ้" หรือ "ชนะ" เราก็จะได้อยู่ในที่ที่ไม่มี "ความทุกข์ใจ"
- Dhandranunda
- ขาประจำ
- โพสต์: 9598
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 พ.ค. 2010, 20:58
- Tel: 083970โหลโหลโหล
- team: ไม่มี
- Bike: Merida Matts 70d /Masi Triple CX
Re: เรื่องการซ้อมกับการปั่นทัวริ่งครับ
ผมดูสารคดีท่องเที่ยวด้วยจักรยานของญี่ปุ่นช่อง NHK เค้าปั่นกันมา 5 คัน แต่ก็ดูเหมือนต่างคนต่างปั่น มีฟรีขา มีชะลอ การปั่นก็ไม่ได้ตามจ่อกันล้อต่อล้อ มีแวะทักทายชาวบ้าน มีแวะไปชิมนั่นนี่โน่นรายทาง
แหม ชนบทของญี่ปุ่น ถนนหนทางนี่ มันน่าปั่นมากๆ ครับ รถไม่เยอะ มอไซค์นี่แทบไม่มีผ่านมาให้เห็นเลยครับ ถนนก็ไม่ได้กว้างใหญ่อะไร คนขับรถเขาก็ไม่ได้ขับกันใกล้กับจักรยาน
แหม ชนบทของญี่ปุ่น ถนนหนทางนี่ มันน่าปั่นมากๆ ครับ รถไม่เยอะ มอไซค์นี่แทบไม่มีผ่านมาให้เห็นเลยครับ ถนนก็ไม่ได้กว้างใหญ่อะไร คนขับรถเขาก็ไม่ได้ขับกันใกล้กับจักรยาน
ขวด
The Power Of Slow Ride
The Power Of Slow Ride
- เสือ Spectrum
- ขาประจำ
- โพสต์: 4450
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 12:58
- Tel: -
- team: 99 City Bike
- Bike: LA Spectrum
Re: เรื่องการซ้อมกับการปั่นทัวริ่งครับ
ปั่นฯ Touring ก็คงออกแนวอย่างที่คุณ Dhandranunda เล่ามาครับ เมื่อยก็ฟรีขาได้ เพราะช้าหรือเร็วกว่ากันยังไงก็เจอกันที่ปลายทางอยู่แล้ว
Touring เป็นการซึมซับเอาบรรยากาศ และอรรถรสการปั่นฯ มากกว่าสู้กับความเร็วครับ
Touring เป็นการซึมซับเอาบรรยากาศ และอรรถรสการปั่นฯ มากกว่าสู้กับความเร็วครับ
เมื่อพ้นไปจากการ "แพ้" หรือ "ชนะ" เราก็จะได้อยู่ในที่ที่ไม่มี "ความทุกข์ใจ"
- techno00
- ขาประจำ
- โพสต์: 493
- ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2012, 10:08
Re: เรื่องการซ้อมกับการปั่นทัวริ่งครับ
ผมกับมารายงานตัวครับ เพิ่งฟื้นหนึ่งปีกว่า Touring เป็นการซึมซับเอาบรรยากาศ และอรรถรสการปั่นฯ มากกว่าสู้กับความเร็วครับ กินใจคำนี้
- Dhandranunda
- ขาประจำ
- โพสต์: 9598
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 พ.ค. 2010, 20:58
- Tel: 083970โหลโหลโหล
- team: ไม่มี
- Bike: Merida Matts 70d /Masi Triple CX
Re: เรื่องการซ้อมกับการปั่นทัวริ่งครับ
เมื่อคืนไปปั่นซ้อมกับกลุ่ม เน้นแนว racing เค้าอัดกัน 40++ ผมเกาะกลุ่มไปได้ระยะทางนึงก็ต้องยอมหลุดครับ เหนื่อย ซ้อมแนว endurance น้อยไป ทำให้หัวใจอยู่ในโซนสูงตลอดจนไม่ไหว พอเบาขาสักพักก็สามารถปั่นไปได้ปกติ ไม่มีอาการหมด หรือตะคริว
อีกรอบก็ปั่น 35++ อีกรอบ ทีนี้ก็หลุดอีก ฮา
max 39 av 23.5 มีตอนลงสะพาน 49 ระยะทาง 80 กว่ากิโล ก็ถือว่าพัฒนาฝีเท้ามากขึ้นแต่ยังคงต้องซ้อมแนว ทนทาน ให้มากขึ้นจะได้รักษาระดับความเร็ว
แต่อย่างที่ว่า ปั่นทัวริ่งจริงๆ ก็ไม่ได้อัดกันเร็วๆ จะเน้นแนวปั่นทนทานมากกว่า
อีกรอบก็ปั่น 35++ อีกรอบ ทีนี้ก็หลุดอีก ฮา
max 39 av 23.5 มีตอนลงสะพาน 49 ระยะทาง 80 กว่ากิโล ก็ถือว่าพัฒนาฝีเท้ามากขึ้นแต่ยังคงต้องซ้อมแนว ทนทาน ให้มากขึ้นจะได้รักษาระดับความเร็ว
แต่อย่างที่ว่า ปั่นทัวริ่งจริงๆ ก็ไม่ได้อัดกันเร็วๆ จะเน้นแนวปั่นทนทานมากกว่า
ขวด
The Power Of Slow Ride
The Power Of Slow Ride
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 3158
- ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ส.ค. 2008, 16:58
- Tel: 081-813-6627
- team: Authentic Bike Packer / Travelling Solo
- Bike: ธนูไฟ
- ตำแหน่ง: Bkk, TH
- ติดต่อ:
Re: เรื่องการซ้อมกับการปั่นทัวริ่งครับ
ผมคงไม่ใช่มาตรฐานของนักกีฬาจักรยาน เพราะขี่มานานมาก แต่ก็ไม่เคยซ้อมอะไรสักอย่าง มีแต่ออกเดินทางเลย อย่างเก่งก็เตรียมรถนิดๆ หน่อยๆ
fear is a mind killer