หน้า 2 จากทั้งหมด 5

Re: สงสัยเรื่องระยะ Reach กับ Stack ครับ

โพสต์: 23 เม.ย. 2013, 12:30
โดย beeggs
ค่าReachที่เราจะใช้มาคำนวณ ความยาวstemต้องวัดเองด้วยตลับเมตรนะครับ ห้ามเชื่อเอาตามสเปค
ผมนำค่าจากบริษัทมาคำนวณปรากฏว่าstemยาวเกินไป 1ซม จากค่าความหนาของคอที่ไม่เท่ากันในแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น/ไซส์

Re: สงสัยเรื่องระยะ Reach กับ Stack ครับ

โพสต์: 23 เม.ย. 2013, 12:33
โดย Teerayui
:D :D ปัก แบบมึน ๆ เดี๋ยวกลับมาอ่านอีกซัก 2 รอบ
ขอบคุณมากครับ

Re: สงสัยเรื่องระยะ Reach กับ Stack ครับ

โพสต์: 23 เม.ย. 2013, 13:38
โดย พ่อนินา
:idea:

Re: สงสัยเรื่องระยะ Reach กับ Stack ครับ

โพสต์: 23 เม.ย. 2013, 15:14
โดย voody
:) :) :)

โพสต์: 25 เม.ย. 2013, 00:59
โดย tataum
ความรู้เน้นๆ

Re: สงสัยเรื่องระยะ Reach กับ Stack ครับ

โพสต์: 25 เม.ย. 2013, 09:59
โดย Ton TWS
8-) 8-) 8-)

Re: สงสัยเรื่องระยะ Reach กับ Stack ครับ

โพสต์: 14 ม.ค. 2014, 12:28
โดย Ton Realistic
lucifer เขียน:
geo_stack_reach.jpg
ดูรูปข้างบนแล้วพยายามจินตนาการสักหน่อยนะครับ

ทำไมรถบางคันที่มีขนาดเท่าๆกัน แต่ขึ้นไปนั่งแล้วเอื้อมแตกต่างกัน ทั้งนี้ก็เพราะรถแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อนั้น ถ้าเป็นในอดีตที่เป็นเฟรมแบบท่อบนขนานพื้นโลก ก็จะกำหนดขนาดของรถโดยวัดจากความยาวของท่อนั่งเป็นสำคัญ

แต่ในปัจจุบันที่รถเกือบจะทุกๆค่ายทำมาเป็นเฟรมแบบ compact หรือไม่ก็เฟรม slope กันหมด หลายค่ายจึงกำหนดขนาดของรถโดยอ้างจากการลากเส้นสมมติตามแนวท่อนั่งขึ้นไปตัดกับเส้นที่ใช้วัด ETT ( effective top tube ) กลายมาเป็นขนาดของรถที่เอามาใช้ขาย ดังนั้นความยาวท่อนั่ง ( seat tube length ในรถหลายๆยี่ห้อ หลายๆรุ่น จึงสั้นกว่าขนาดของรถที่ผู้ผลิตกำหนดมา )

พอรถถูกเปลี่ยนมาตรฐานใหม่ วิธีการทำfittingรถ ก็เริ่มเปลี่ยนมามุ่งประเด็นไปที่ความยาวของท่อนอน โดยจะใช้ความยาวของท่อบนที่ขนานกับพื้นโลก หรือ ETT , Effective top tube length เป็นตัวมากำหนดความเหมาะสมของรถที่จะลงตัวกับผู้ขับขี่ เพราะว่า ขนาดของรถบอกคร่าวๆว่าเราจะขึ้นลงรถลำบากแค่ไหน หรือ เหลือระยะปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน ( อันนี้ต้องวัด Stand-over height หรือ ระยะยืนคร่อม ) ซึ่งตรงนี้ขนาดของรถก็น่าจะใช้อ้างอิงกับความยาว inseem ได้สิ แต่อันที่จริงแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าควรจะใช้ความยาว inseemเป็นตัวกำหนดหรือเลือกขนาดของรถที่เหมาะสมได้เสมอไป เพราะบางคนขาสั้นตัวยาว , ขายาวตัวสั้น แต่ดันสูงเท่ากัน เวลาเลือกรถก็ได้รถที่แตกต่างกัน เพราะหากมามองกันที่ ETT แล้ว คนที่ช่วงตัวยาวจะขี่รถที่มีระยะ ETT ยาวได้สบายกว่าคนที่ช่วงตัวสั้น ในขณะเดียวกันคนที่ช่วงตัวสั้นก็จะเหมาะสำหรับรถที่มีค่า ETT สั้นกว่าหละสิ ก็อาจจะใช่ แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆมาเกี่ยวข้องกันอีก

พอยุคสมัยเปลี่ยนไป จักรยานมันถูกออกแบบมาหลายหลากขึ้น มันก็เริ่มมีvariation มากขึ้นเรื่อย ถ้าเราจะมาดู ETT length เราก็จะเห็นว่าความยาว ETT นั้นจะขึ้นกับ
1. มุมของท่อนั่ง ( seat tube angle ) ต่อให้รถ 2 คัน มีความยาวท่อคอเท่ากัน มุมท่อคอเท่ากัน ฐานล้อเท่ากันทุกอย่าง แต่มุมท่อนั่ง ( seat tube angle )แตกต่างกัน ก็จะทำให้ค่า ETT มีความแตกต่างกันในทันที แล้วถ้าให้ผมประกอบรถ 2 คัน แล้วเซทปรับระยะเบาะหน้า-หลังตามลักษณะที่ผมทำประจำ รถ 2 คันนี้ก็จะไม่มีความแตกต่างกัน เพราะรถคันที่ ETT ยาวกว่าเนื่องจากมุมท่อนั่งเอียงกว่า จะถูกชดเชยด้วยการขยับเบาะมาด้านหน้า
2. ท่อคอ ถ้าหากท่อคอยาวขึ้นแต่มุมท่อคอเท่าเดิม หรือ มุมท่อคอเปลี่ยนไปแต่ความยาวท่อคอเท่าเดิม ก็ส่งผลให้ ETT lenth เปลี่ยนไปเช่นกัน เพียงแต่จะไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกขนาด เพราะส่วนที่ส่งผลนั้นมีผลต่อระยะเอื้อมโดยตรง

พอมาดูความยาวของท่อคอกัน เราก็อาจจะใช้ความยาวท่อคอเป็นตัวตัดสินว่ารถคันนี้จะหมอบได้มากน้อยแค่ไหน จะหมอบไหวไหมหนอ จะต้องรองแหวนรองคอกลายเป็นกระเหรี่ยงคอยาวไหม หรือ จะหมอบได้นิดเดียวหรือไม่ ---> แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันบอกอะไรแทบจะไม่ได้เลย เพราะรถแต่ละคัน แต่ละค่าย มีความแตกต่างกันในเรื่องของมุมท่อคอ ความยาวของตะเกียบ และความสูงของกระโหลก ( ผมเคยเจอรถกระโหลกสูง แต่ตัดซางโดยอ้างอิงกับรถคันเดิมที่กระโหลกต่ำกว่า ผลก็คือ ต้องกล้ำกลืนฝืนก้มจนกระทั่งก้มได้แบบจำใจ , ปกติแล้ว หลังจากผมปั่นไปสักระยะ ปรับตัวได้ ผมก็จะค่อยๆลดแหวนรองคอออกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะก้มไม่ไหว , คราวนี้เลยต้องจำก้ม ก้มจนปรับตัวได้แบบจำใจในที่สุด :lol: )


สุดท้ายก็เริ่มมีการวัดสัดส่วนเพิ่มขึ้นอีก 2 ค่า ก็คือ ค่า Stack ซึ่งเป็น ความสูงที่วัดจากกระโหลกถึงปลายท่อคอ ซึ่งจะบอกให้รู้ว่ารถคันนี้จะก้มจะหมอบได้มากน้อยกว่าอีกคันแค่ไหน โดยไม่ต้องใส่ใจว่ารถจะมีกระโหลกสูงต่ำเพียงใด เพราะสุดท้ายความสูงของอานก็ยังจะต้องสัมพันธ์กับความยาวinseem ซึ่งเป็นระยะที่เหมาะสมที่วัดห่างจากกระโหลกอยู่ดี แล้วก็อีกค่าก็คือ ค่า reach ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของความยาว ETT โดยไม่ต้องสนใจมุมของท่อนั่งที่ส่งผลต่อความยาว ETT


ยกตัวอย่างรถค่ายหนึ่ง ขนาด 46 , 50 , 53 รถ 3 ขนาดนี้ มีค่า ETT 520,525,535 mm ตามลำดับ แต่มีค่า reach 375 ,376 ,377 mm ตามลำดับ ดูเผินจะนึกว่ารถมีขนาดสั้นยาวแตกต่างกัน แต่พอเซทขี่แล้ว ก็อาจจะพบว่ามันแทบจะมีระยะเอื้อมที่ไม่ได้แตกต่างกันเลย แต่สิ่งที่แตกต่างกันมากๆก็คือ ค่า stack ที่มีค่า 515 , 531 ,546 mm ตามลำดับ

ถ้ามองกันให้ลึกต่อไปอีก ค่า reach นั้นไม่ได้เอาความสูงของแหวนรองคอมาเกี่ยวข้องด้วย ถ้าเราเลือกรถขนาดเล็ก ค่าstackน้อย แล้วก้มไม่ไหว พอเราหนุนแหวนรองคอให้สูงขึ้น ระยะห่างระหว่างstem กับกึ่งกลางกระโหลกก็จะสั้นลงไปอีก จะยิ่งกลายเป็นรถที่สั้นลง หรืออย่างในกรณีที่รถมีค่า stack ที่เพิ่มขึ้น แต่reachใกล้เคียงกัน เมื่อพิจารณาสัดส่วนโดยรวมๆ ก็จะเห็นว่ามันมีความยาวฐานล้อมากขึ้นไปอีก

เป็นไงครับ มึนดีไหม อธิบายสั้นๆแบบที่ คุณ pigman ก็เข้าใจง่ายดีแล้ว แต่พอเอามาขยายความขึ้น มันก็จะยิ่งงงขึ้นไปอีกใช่ปะ


ดังนั้นลำพังเพียงค่า reach อย่างเดียวก็คงจะไม่เพียงพอในการใช้เลือกขนาดของรถเช่นกัน เพราะต้องดูกันที่ค่า stack ว่ามากน้อยเพียงใด ก้มเงยได้แค่ไหน , ความสูงของท่อนอน หรือ stand-over height ว่าจะยืนคร่อมได้อย่างปลอดภัยไหม , ความยาวฐานล้อรวมๆ ที่จะส่งผลต่ออุปนิสัยของรถว่าจะกลายเป็นรถคล่องตัวหรือไม่

ยกตัวอย่างรถค่ายข้างบน คนที่สูง 167 ซม อย่างผม จะขี่รถขนาด 50 ก็ยังไหว เพราะเขาออกแบบรถมาเป็นแบบ C2C เพื่อให้นั่งสบาย มุมหลังไม่ต้องก้มมาก แต่ผมเองช่วงตัวสั้น ก้มได้มากพอสมควร ผมก็เลยเลือกขนาด 46 เพราะระยะเอื้อมไม่แตกต่าง แต่ระยะstackที่เตี้ยลงทำให้ผมสามารถก้มหมอบได้มากขึ้นกว่าเดิม สามารถเปลี่ยนนิสัยของรถได้มาก แต่ถ้าจะให้คนสูง 175 - 176 ซม. ที่น่าจะเหมาะกับรถขนาด 53 มาขี่รถขนาด 46 เพราะค่า reachพอๆกันหละก้อ ผมว่าก็คงจะขี่ไม่ถนัด เพราะต้องก้มลงมาก พอสวมแหวนรองคอให้เป็นกระเหรี่ยงคอยาว ก็จะกลายเป็นรถที่สั้นมากเช่นกัน เพราะท่อคอมันเอียงลาดกว่าท่อนั่งเสมอๆ ยิ่งยกให้stemลอยขึ้นมามากขึ้นเท่าไหร่ ระยะเอื้อมระหว่างstemกับเส้นแนวกระโหลกก็จะยิ่งสั้นลงมาเท่านั้น ยิ่งกลายเป็นรถสั้นมากไปในที่สุด

ยิ่งคิดรายละเอียดปลีกย่อยเยอะขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งหยุมหยิม ยิ่งปวดหัว ยิ่งวุ่นวาย สูตรสำเร็จที่ผู้ผลิตทำรถออกมาให้ลงตัวกับกลุ่มประชากรที่ระดับความสูงต่างๆ ก็ยังคงเป็นสิ่งที่สามารถนำมาใช้เทียบเพื่อเลือกขนาดรถได้เช่นเดิม รายละเอียดปลีกย่อยก็เป็นสิ่งที่จะบอกลึกลงไปได้อีกว่าควรจะปรับแต่งรถอย่างไร


สวัสดีครับ :)

จากที่อ่านแล้วพอเข้าใจระดับนึง ซึ่งผมสูง 169 , Inseam 77 ผมสามารถขี่ Bianchi Sempre Pro ไซส์ 53 ได้ไหมฮะ
เพราะค่า reach มันเท่ากับไซส์ 50 แต่ค่า stack สูงกว่า 2cm ดูแล้วถ้าโดนไซส์ 50 คงได้ก้มเยอะ ถ้าก้มไม่ไหวคงเป็นกระเหลี่ยงคอยาวแน่เลยฮะ

ขอบคุณครับ

Re: สงสัยเรื่องระยะ Reach กับ Stack ครับ

โพสต์: 14 ม.ค. 2014, 12:41
โดย pairuch
ปักไว้ก่อน...เดี๋ยวมาอ่าน...ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ ครับ :)

Re: สงสัยเรื่องระยะ Reach กับ Stack ครับ

โพสต์: 14 ม.ค. 2014, 13:30
โดย Cycling B®y
รถผมสองคัน วัดความยาวท่อบนได้เท่ากัน..แต่ต้องเซ็ทต่างกันมาก เพราะออกแบบมาให้ใช้งานไม่เหมือนกัน...

Re: สงสัยเรื่องระยะ Reach กับ Stack ครับ

โพสต์: 14 ม.ค. 2014, 13:43
โดย lucifer
Ton Realistic เขียน:
lucifer เขียน:
geo_stack_reach.jpg
ดูรูปข้างบนแล้วพยายามจินตนาการสักหน่อยนะครับ

ทำไมรถบางคันที่มีขนาดเท่าๆกัน แต่ขึ้นไปนั่งแล้วเอื้อมแตกต่างกัน ทั้งนี้ก็เพราะรถแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อนั้น ถ้าเป็นในอดีตที่เป็นเฟรมแบบท่อบนขนานพื้นโลก ก็จะกำหนดขนาดของรถโดยวัดจากความยาวของท่อนั่งเป็นสำคัญ

แต่ในปัจจุบันที่รถเกือบจะทุกๆค่ายทำมาเป็นเฟรมแบบ compact หรือไม่ก็เฟรม slope กันหมด หลายค่ายจึงกำหนดขนาดของรถโดยอ้างจากการลากเส้นสมมติตามแนวท่อนั่งขึ้นไปตัดกับเส้นที่ใช้วัด ETT ( effective top tube ) กลายมาเป็นขนาดของรถที่เอามาใช้ขาย ดังนั้นความยาวท่อนั่ง ( seat tube length ในรถหลายๆยี่ห้อ หลายๆรุ่น จึงสั้นกว่าขนาดของรถที่ผู้ผลิตกำหนดมา )

พอรถถูกเปลี่ยนมาตรฐานใหม่ วิธีการทำfittingรถ ก็เริ่มเปลี่ยนมามุ่งประเด็นไปที่ความยาวของท่อนอน โดยจะใช้ความยาวของท่อบนที่ขนานกับพื้นโลก หรือ ETT , Effective top tube length เป็นตัวมากำหนดความเหมาะสมของรถที่จะลงตัวกับผู้ขับขี่ เพราะว่า ขนาดของรถบอกคร่าวๆว่าเราจะขึ้นลงรถลำบากแค่ไหน หรือ เหลือระยะปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน ( อันนี้ต้องวัด Stand-over height หรือ ระยะยืนคร่อม ) ซึ่งตรงนี้ขนาดของรถก็น่าจะใช้อ้างอิงกับความยาว inseem ได้สิ แต่อันที่จริงแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าควรจะใช้ความยาว inseemเป็นตัวกำหนดหรือเลือกขนาดของรถที่เหมาะสมได้เสมอไป เพราะบางคนขาสั้นตัวยาว , ขายาวตัวสั้น แต่ดันสูงเท่ากัน เวลาเลือกรถก็ได้รถที่แตกต่างกัน เพราะหากมามองกันที่ ETT แล้ว คนที่ช่วงตัวยาวจะขี่รถที่มีระยะ ETT ยาวได้สบายกว่าคนที่ช่วงตัวสั้น ในขณะเดียวกันคนที่ช่วงตัวสั้นก็จะเหมาะสำหรับรถที่มีค่า ETT สั้นกว่าหละสิ ก็อาจจะใช่ แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆมาเกี่ยวข้องกันอีก

พอยุคสมัยเปลี่ยนไป จักรยานมันถูกออกแบบมาหลายหลากขึ้น มันก็เริ่มมีvariation มากขึ้นเรื่อย ถ้าเราจะมาดู ETT length เราก็จะเห็นว่าความยาว ETT นั้นจะขึ้นกับ
1. มุมของท่อนั่ง ( seat tube angle ) ต่อให้รถ 2 คัน มีความยาวท่อคอเท่ากัน มุมท่อคอเท่ากัน ฐานล้อเท่ากันทุกอย่าง แต่มุมท่อนั่ง ( seat tube angle )แตกต่างกัน ก็จะทำให้ค่า ETT มีความแตกต่างกันในทันที แล้วถ้าให้ผมประกอบรถ 2 คัน แล้วเซทปรับระยะเบาะหน้า-หลังตามลักษณะที่ผมทำประจำ รถ 2 คันนี้ก็จะไม่มีความแตกต่างกัน เพราะรถคันที่ ETT ยาวกว่าเนื่องจากมุมท่อนั่งเอียงกว่า จะถูกชดเชยด้วยการขยับเบาะมาด้านหน้า
2. ท่อคอ ถ้าหากท่อคอยาวขึ้นแต่มุมท่อคอเท่าเดิม หรือ มุมท่อคอเปลี่ยนไปแต่ความยาวท่อคอเท่าเดิม ก็ส่งผลให้ ETT lenth เปลี่ยนไปเช่นกัน เพียงแต่จะไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกขนาด เพราะส่วนที่ส่งผลนั้นมีผลต่อระยะเอื้อมโดยตรง

พอมาดูความยาวของท่อคอกัน เราก็อาจจะใช้ความยาวท่อคอเป็นตัวตัดสินว่ารถคันนี้จะหมอบได้มากน้อยแค่ไหน จะหมอบไหวไหมหนอ จะต้องรองแหวนรองคอกลายเป็นกระเหรี่ยงคอยาวไหม หรือ จะหมอบได้นิดเดียวหรือไม่ ---> แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันบอกอะไรแทบจะไม่ได้เลย เพราะรถแต่ละคัน แต่ละค่าย มีความแตกต่างกันในเรื่องของมุมท่อคอ ความยาวของตะเกียบ และความสูงของกระโหลก ( ผมเคยเจอรถกระโหลกสูง แต่ตัดซางโดยอ้างอิงกับรถคันเดิมที่กระโหลกต่ำกว่า ผลก็คือ ต้องกล้ำกลืนฝืนก้มจนกระทั่งก้มได้แบบจำใจ , ปกติแล้ว หลังจากผมปั่นไปสักระยะ ปรับตัวได้ ผมก็จะค่อยๆลดแหวนรองคอออกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะก้มไม่ไหว , คราวนี้เลยต้องจำก้ม ก้มจนปรับตัวได้แบบจำใจในที่สุด :lol: )


สุดท้ายก็เริ่มมีการวัดสัดส่วนเพิ่มขึ้นอีก 2 ค่า ก็คือ ค่า Stack ซึ่งเป็น ความสูงที่วัดจากกระโหลกถึงปลายท่อคอ ซึ่งจะบอกให้รู้ว่ารถคันนี้จะก้มจะหมอบได้มากน้อยกว่าอีกคันแค่ไหน โดยไม่ต้องใส่ใจว่ารถจะมีกระโหลกสูงต่ำเพียงใด เพราะสุดท้ายความสูงของอานก็ยังจะต้องสัมพันธ์กับความยาวinseem ซึ่งเป็นระยะที่เหมาะสมที่วัดห่างจากกระโหลกอยู่ดี แล้วก็อีกค่าก็คือ ค่า reach ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของความยาว ETT โดยไม่ต้องสนใจมุมของท่อนั่งที่ส่งผลต่อความยาว ETT


ยกตัวอย่างรถค่ายหนึ่ง ขนาด 46 , 50 , 53 รถ 3 ขนาดนี้ มีค่า ETT 520,525,535 mm ตามลำดับ แต่มีค่า reach 375 ,376 ,377 mm ตามลำดับ ดูเผินจะนึกว่ารถมีขนาดสั้นยาวแตกต่างกัน แต่พอเซทขี่แล้ว ก็อาจจะพบว่ามันแทบจะมีระยะเอื้อมที่ไม่ได้แตกต่างกันเลย แต่สิ่งที่แตกต่างกันมากๆก็คือ ค่า stack ที่มีค่า 515 , 531 ,546 mm ตามลำดับ

ถ้ามองกันให้ลึกต่อไปอีก ค่า reach นั้นไม่ได้เอาความสูงของแหวนรองคอมาเกี่ยวข้องด้วย ถ้าเราเลือกรถขนาดเล็ก ค่าstackน้อย แล้วก้มไม่ไหว พอเราหนุนแหวนรองคอให้สูงขึ้น ระยะห่างระหว่างstem กับกึ่งกลางกระโหลกก็จะสั้นลงไปอีก จะยิ่งกลายเป็นรถที่สั้นลง หรืออย่างในกรณีที่รถมีค่า stack ที่เพิ่มขึ้น แต่reachใกล้เคียงกัน เมื่อพิจารณาสัดส่วนโดยรวมๆ ก็จะเห็นว่ามันมีความยาวฐานล้อมากขึ้นไปอีก

เป็นไงครับ มึนดีไหม อธิบายสั้นๆแบบที่ คุณ pigman ก็เข้าใจง่ายดีแล้ว แต่พอเอามาขยายความขึ้น มันก็จะยิ่งงงขึ้นไปอีกใช่ปะ


ดังนั้นลำพังเพียงค่า reach อย่างเดียวก็คงจะไม่เพียงพอในการใช้เลือกขนาดของรถเช่นกัน เพราะต้องดูกันที่ค่า stack ว่ามากน้อยเพียงใด ก้มเงยได้แค่ไหน , ความสูงของท่อนอน หรือ stand-over height ว่าจะยืนคร่อมได้อย่างปลอดภัยไหม , ความยาวฐานล้อรวมๆ ที่จะส่งผลต่ออุปนิสัยของรถว่าจะกลายเป็นรถคล่องตัวหรือไม่

ยกตัวอย่างรถค่ายข้างบน คนที่สูง 167 ซม อย่างผม จะขี่รถขนาด 50 ก็ยังไหว เพราะเขาออกแบบรถมาเป็นแบบ C2C เพื่อให้นั่งสบาย มุมหลังไม่ต้องก้มมาก แต่ผมเองช่วงตัวสั้น ก้มได้มากพอสมควร ผมก็เลยเลือกขนาด 46 เพราะระยะเอื้อมไม่แตกต่าง แต่ระยะstackที่เตี้ยลงทำให้ผมสามารถก้มหมอบได้มากขึ้นกว่าเดิม สามารถเปลี่ยนนิสัยของรถได้มาก แต่ถ้าจะให้คนสูง 175 - 176 ซม. ที่น่าจะเหมาะกับรถขนาด 53 มาขี่รถขนาด 46 เพราะค่า reachพอๆกันหละก้อ ผมว่าก็คงจะขี่ไม่ถนัด เพราะต้องก้มลงมาก พอสวมแหวนรองคอให้เป็นกระเหรี่ยงคอยาว ก็จะกลายเป็นรถที่สั้นมากเช่นกัน เพราะท่อคอมันเอียงลาดกว่าท่อนั่งเสมอๆ ยิ่งยกให้stemลอยขึ้นมามากขึ้นเท่าไหร่ ระยะเอื้อมระหว่างstemกับเส้นแนวกระโหลกก็จะยิ่งสั้นลงมาเท่านั้น ยิ่งกลายเป็นรถสั้นมากไปในที่สุด

ยิ่งคิดรายละเอียดปลีกย่อยเยอะขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งหยุมหยิม ยิ่งปวดหัว ยิ่งวุ่นวาย สูตรสำเร็จที่ผู้ผลิตทำรถออกมาให้ลงตัวกับกลุ่มประชากรที่ระดับความสูงต่างๆ ก็ยังคงเป็นสิ่งที่สามารถนำมาใช้เทียบเพื่อเลือกขนาดรถได้เช่นเดิม รายละเอียดปลีกย่อยก็เป็นสิ่งที่จะบอกลึกลงไปได้อีกว่าควรจะปรับแต่งรถอย่างไร


สวัสดีครับ :)

จากที่อ่านแล้วพอเข้าใจระดับนึง ซึ่งผมสูง 169 , Inseam 77 ผมสามารถขี่ Bianchi Sempre Pro ไซส์ 53 ได้ไหมฮะ
เพราะค่า reach มันเท่ากับไซส์ 50 แต่ค่า stack สูงกว่า 2cm ดูแล้วถ้าโดนไซส์ 50 คงได้ก้มเยอะ ถ้าก้มไม่ไหวคงเป็นกระเหลี่ยงคอยาวแน่เลยฮะ

ขอบคุณครับ
ถามว่าขี่ได้ไหม ตอบว่าขี่ได้แต่อาจจะไม่สบาย ถึงแม้ว่าระยะ Reach จะเท่ากันก็ตาม แต่มุมท่อนั่งที่ลาดเอียงกว่ากันนิดหนึ่ง จะทำให้ระยะเบาะมันถอยหลังไปอีกพอสมควร คำถามคือ
1. กระดูก femur ( กระดูกต้นขา) ยาวพอไหม? ต้องขยับเบาะชดเชยเดินหน้าไปอีกแค่ไหน ?
2. Head stack ที่สูงขึ้นมาอีก 2.6 ซม. หรือ อีกประมาณ 1 นิ้ว , ถึงแม้ว่ากระโหลกจะเตี้ยกว่าsize 50 อยู่ 10mm แต่ท่อนั่งที่ยาวกว่าเดิม 30 mm รวมๆแล้วท่อบนส่วนที่ติดกับท่องนั่งก็จะสูงกว่ากันอีก 2 ซม. ปัญหาที่ติดตามมาก็คือ คุณจะยืนคร่อม จะขึ้นจะลงรถได้สะดวกหรือเปล่า
3. ท่อนั่งที่ยาวขึ้นกว่าเดิมอีก 3 ซม ทำให้หลักอานโผล่ออกจากเฟรมลดลงไปอีก 3 ซม. เช่นกัน ทนได้กับรถที่หลักอานโผล่ออกมาจากท่อนั่งนิดเดียวไหวหรือเปล่าหละครับ ( สมัยก่อนที่รถเป็นท่อขนานนั้น หลักอานอาจจะโผล่พ้นท่อนั่งนิดเดียว แล้วก็ยังดูดี เพราะมันเป็นสมัยนิยมในสมัยก่อน แต่ปัจจุบันมันก็คงไม่ใช่ครับ )
4. คุณอาจจะขี่ได้โดยไม่ต้องใส่แหวนรองคอเลยก็ได้ แล้วถ้าอยากจะก้มลงอีกหละครับ ???

ถึงแม้ว่า Reach และ Head stack จะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ และมีแนวโน้มว่าจะถูกใช้ในการเลือกขนาดรถให้ลงตัวกับผู้ขี่ได้ดีขึ้นกว่าการเลือกดูเพียงแค่ ETT เพียงอย่างเดียวก็ตาม
แต่การพิจารณาขนาดของรถ ก็ยังต้องดูระยะอื่นๆใน geometry ของจักรยานมาประกอบด้วยเช่นกันครับ


ผมว่าคุณขี่ขนาด 50 น่าจะสนุกกว่านะครับ

Re: สงสัยเรื่องระยะ Reach กับ Stack ครับ

โพสต์: 14 ม.ค. 2014, 21:44
โดย Ton Realistic
lucifer เขียน:
ถามว่าขี่ได้ไหม ตอบว่าขี่ได้แต่อาจจะไม่สบาย ถึงแม้ว่าระยะ Reach จะเท่ากันก็ตาม แต่มุมท่อนั่งที่ลาดเอียงกว่ากันนิดหนึ่ง จะทำให้ระยะเบาะมันถอยหลังไปอีกพอสมควร คำถามคือ
1. กระดูก femur ( กระดูกต้นขา) ยาวพอไหม? ต้องขยับเบาะชดเชยเดินหน้าไปอีกแค่ไหน ?
2. Head stack ที่สูงขึ้นมาอีก 2.6 ซม. หรือ อีกประมาณ 1 นิ้ว , ถึงแม้ว่ากระโหลกจะเตี้ยกว่าsize 50 อยู่ 10mm แต่ท่อนั่งที่ยาวกว่าเดิม 30 mm รวมๆแล้วท่อบนส่วนที่ติดกับท่องนั่งก็จะสูงกว่ากันอีก 2 ซม. ปัญหาที่ติดตามมาก็คือ คุณจะยืนคร่อม จะขึ้นจะลงรถได้สะดวกหรือเปล่า
3. ท่อนั่งที่ยาวขึ้นกว่าเดิมอีก 3 ซม ทำให้หลักอานโผล่ออกจากเฟรมลดลงไปอีก 3 ซม. เช่นกัน ทนได้กับรถที่หลักอานโผล่ออกมาจากท่อนั่งนิดเดียวไหวหรือเปล่าหละครับ ( สมัยก่อนที่รถเป็นท่อขนานนั้น หลักอานอาจจะโผล่พ้นท่อนั่งนิดเดียว แล้วก็ยังดูดี เพราะมันเป็นสมัยนิยมในสมัยก่อน แต่ปัจจุบันมันก็คงไม่ใช่ครับ )
4. คุณอาจจะขี่ได้โดยไม่ต้องใส่แหวนรองคอเลยก็ได้ แล้วถ้าอยากจะก้มลงอีกหละครับ ???

ถึงแม้ว่า Reach และ Head stack จะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ และมีแนวโน้มว่าจะถูกใช้ในการเลือกขนาดรถให้ลงตัวกับผู้ขี่ได้ดีขึ้นกว่าการเลือกดูเพียงแค่ ETT เพียงอย่างเดียวก็ตาม
แต่การพิจารณาขนาดของรถ ก็ยังต้องดูระยะอื่นๆใน geometry ของจักรยานมาประกอบด้วยเช่นกันครับ


ผมว่าคุณขี่ขนาด 50 น่าจะสนุกกว่านะครับ
เห็นภาพเลยครับ ขอบคุณมาก ๆ ครับ :)

Re: สงสัยเรื่องระยะ Reach กับ Stack ครับ

โพสต์: 14 ม.ค. 2014, 22:44
โดย TJA
ปัก 8-)

.-_-.

Re: สงสัยเรื่องระยะ Reach กับ Stack ครับ

โพสต์: 15 ม.ค. 2014, 08:12
โดย ThaNanSak
ปักไว้อ่านครับ :mrgreen: :mrgreen:

Re: สงสัยเรื่องระยะ Reach กับ Stack ครับ

โพสต์: 20 ม.ค. 2014, 22:55
โดย mr_young
:arrow:

Re: สงสัยเรื่องระยะ Reach กับ Stack ครับ

โพสต์: 21 ม.ค. 2014, 09:17
โดย giro
แนะนำให้คำนวน saddle to handle bar, saddle to hood saddle to center of BB, saddle height, ระยะต่างระดับแฮนดืและเบาะ
ทั้งหมดนี้คือการปรับละเอียดต่อจาก ETT, reach/stak ซึ่งชดเชยได้ในเฟรมที่ต่างกันแต่อยากได้ระยะปั่นรุ้สึกเหมือนกัน
ทว่าหากเฟรมต่างกันมากไป ฟิลลิ่งการขี่ก็จะต่างด้วยเพราะชดเชยจนน้ำหนักไม่สมดุลย์
ค่าแรกที่ควรคำนึงเมื่อเซ็ทหรือมองหาเฟรมใหม่คือ saddle setback จาก bb เพราะมันทำให้องศาการออกแรงเปลี่ยนไป ไมาใช่เพียงตั้งความสุงเบาะ จากนั้นจะคำนวนหาความยาวคอ, มุมคอ, แหวนรอง ได้

หากเฟรมยาวไป นอกจากคอหดสั้นแล้ว ยังอาจสั่งต่อให้ต้องนั่งเยื้องหน้ามาก. เฟรมที่สั้นไปก้อาจต้องยืดคอยาวและนั่่งเยื้องหลังมากๆ
ทั้งสองอย่างมีผลกับองศาการออกแรงของขา ซึ่งจริงๆต้องคำนวนจากความยาวขาทั้งสองท่องและความยืดหยุ่ง รวมถึงองศาการขยับของเข่าด้วย
ดังนั้น... reach,stak ไม่ใช่ระยะที่แน่นอนในการเลือกหาเฟรมเพราะเราสามารคำนวนชดเชยได้
แต่ต้องใช้คุ่กับ geometry เฟรมนั้นๆด้วยว่ามีองศาเท่าไหร่ เพราะองศาจะมีผลกับการปรับละเอียดต่อไป

ส่วนมากรถไตรและไทม์ไทรจะละเอียดเรื่องนี้มากกว่ารถถนนครับ