คิดว่าปั่นบนเทรนเนอร์หรือ ปั่นถนนสภาพลมปกติ ลาดเอียงปกติ อันไหนเหนื่อยกว่ากันครับ

ถ้าเป็นรถหรืออุปกรณ์ที่ออกแบบมาเป็นของเสือหมอบโดยเฉพาะ เชิญเข้าห้องนี้ครับ

ผู้ดูแล: Cycling B®y, spinbike, velocity

รูปประจำตัวสมาชิก
Juhaha
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 105
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2016, 07:19

คิดว่าปั่นบนเทรนเนอร์หรือ ปั่นถนนสภาพลมปกติ ลาดเอียงปกติ อันไหนเหนื่อยกว่ากันครับ

โพสต์ โดย Juhaha »

คิดว่าปั่นบนเทรนเนอร์หรือ ปั่นถนนสภาพลมปกติ ลาดเอียงปกติ อันไหนเหนื่อยกว่ากันครับ หมายถึงเทรนเนอร์จับดุมหลังนะครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
Garminbikerun
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 59
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 13:10
Tel: 0808171670
team: Garminbikerun
Bike: Propel advance Pro

Re: คิดว่าปั่นบนเทรนเนอร์หรือ ปั่นถนนสภาพลมปกติ ลาดเอียงปกติ อันไหนเหนื่อยกว่ากันครับ

โพสต์ โดย Garminbikerun »

เทรนเนอร์ หนักกว่าเพราะไม่มี โมเม้นต้ำให้รถไหลไปข้างหน้า เบาขา มันพร้อมจะหยุดล้อเลย
จำหน่าย // สายสำรอง HR // Barflay Powerbank //อะไหร่อุปกร ตกแต่ง อุปกรณ์ซ่อมบำรุงจักยาน //Pre Oder สินค้าจากต่างประเทศ///สินค้าภายในร้านรับสิทธ ประกัน ทุกประเภท

https://www.facebook.com/nattapongbike/
Logxx
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 41
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ส.ค. 2013, 21:23

Re: คิดว่าปั่นบนเทรนเนอร์หรือ ปั่นถนนสภาพลมปกติ ลาดเอียงปกติ อันไหนเหนื่อยกว่ากันครับ

โพสต์ โดย Logxx »

ถ้ายึดความเร็วที่เท่ากัน ปั่นถนนเหนื่อยกว่าครับ ถนนจริงมีลมมาตลอด เหนือยกว่าครับ ปล.ผมใช้เทรนเนอร์แบบ3ลูกกลิ้ง
รูปประจำตัวสมาชิก
lucifer
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6413
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
Bike: Only 2-wheels bike
ติดต่อ:

Re: คิดว่าปั่นบนเทรนเนอร์หรือ ปั่นถนนสภาพลมปกติ ลาดเอียงปกติ อันไหนเหนื่อยกว่ากันครับ

โพสต์ โดย lucifer »

ปั่นด้วยวัตต์เท่าๆกัน เหนื่อยเท่ากันครับ ฮ่า ฮ่า

ปั่นด้วยความเร็วเท่ากัน เทรนเนอร์ระบบหน่วงด้วยน้ำมันหนักที่สุด เทรนเนอร์จำพวก3ลูกกลิ้งที่ไม่มีระบบหน่วงความเร็วจะเบาที่สุด ขนาดจัดหนักหน้าใหญ่สุด หลังใหญ่สุดนี่ ยังเรียกวัตต์ได้ไม่เท่าไหร่เอง ก็มันแทบจะไม่มีความฝืดเลย ปกติเทรนเนอร์แบบ 3 ลูกกลิ้งจะเหมาะสำหรับฝึกการทรงตัว ปั่นแบบพักผ่อน หรือ อย่างมากก็ aerobic กับ วอร์มอัพก่อนแข่ง


แต่เทรนเนอร์น่าเบื่อกว่า ร้อนกว่า เหงื่อโชกยังกับอาบน้ำมากกว่า เจ็บก้นกว่า โดยเฉพาะถ้านั่งต่อเนื่องกันเกิน 1.5 ชม. เพราะหยุดเมื่อไหร่ ร่วงเมื่อนั้น

ถ้าฝึกแบบจริงจัง เป็นระบบ เทรนเนอร์แบบจับดุมหลัง มีระบบหน่วงหรือสร้างความหนืด จะเหมาะสำหรับการฝึก interval แบบได้ประสิทธิภาพมากกว่าปั่นถนน เพราะไม่มีอุปสรรคทำให้เสียจังหวะ เน้นเลยว่า เซทนี้ จัดหนัก 3 นาทีห้ามยก ห้ามถอน แล้วพัก 5 นาที สำหรับบนถนนแล้ว จัดหนัก 3 นาทีต่อเนื่องนี่ไม่ง่ายนะ หาถนนที่ไหนที่อัดแช่ยาว 3 นาทีโดยไม่มีอะไรมาขัดขวาง แค่รถวิ่งผ่าน ความหนักก็ตกลงแล้ว

ถ้านับชม.บนจักรยานแล้ว ผมว่าผมมีชม.บนเทรนเนอร์มากกว่าบนถนนเยอะ ทำให้ระยะทางบนstrava น้อยกว่าที่อยากให้เป้น เพราะบนเทรนเนอร์ จัดหนัก 1ชมครึ่ง คิดเป็นระยะทางไม่ถึง 25 กม.ด้วยซ้ำไป คิดดูสิว่า มันหนักกว่าถนนแค่ไหน ที่ความเร็ว 32 กม.ต่อชม. มันเรียกวัตต์ได้ 190 กว่าวัตต์ แต่บนถนน ผมใช้ไม่ถึง 150 วัตต์ด้วยซ้ำไป
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน
visual3dmax
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1356
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ส.ค. 2014, 11:44

Re: คิดว่าปั่นบนเทรนเนอร์หรือ ปั่นถนนสภาพลมปกติ ลาดเอียงปกติ อันไหนเหนื่อยกว่ากันครับ

โพสต์ โดย visual3dmax »

lucifer เขียน:ปั่นด้วยวัตต์เท่าๆกัน เหนื่อยเท่ากันครับ ฮ่า ฮ่า

ปั่นด้วยความเร็วเท่ากัน เทรนเนอร์ระบบหน่วงด้วยน้ำมันหนักที่สุด เทรนเนอร์จำพวก3ลูกกลิ้งที่ไม่มีระบบหน่วงความเร็วจะเบาที่สุด ขนาดจัดหนักหน้าใหญ่สุด หลังใหญ่สุดนี่ ยังเรียกวัตต์ได้ไม่เท่าไหร่เอง ก็มันแทบจะไม่มีความฝืดเลย ปกติเทรนเนอร์แบบ 3 ลูกกลิ้งจะเหมาะสำหรับฝึกการทรงตัว ปั่นแบบพักผ่อน หรือ อย่างมากก็ aerobic กับ วอร์มอัพก่อนแข่ง


แต่เทรนเนอร์น่าเบื่อกว่า ร้อนกว่า เหงื่อโชกยังกับอาบน้ำมากกว่า เจ็บก้นกว่า โดยเฉพาะถ้านั่งต่อเนื่องกันเกิน 1.5 ชม. เพราะหยุดเมื่อไหร่ ร่วงเมื่อนั้น

ถ้าฝึกแบบจริงจัง เป็นระบบ เทรนเนอร์แบบจับดุมหลัง มีระบบหน่วงหรือสร้างความหนืด จะเหมาะสำหรับการฝึก interval แบบได้ประสิทธิภาพมากกว่าปั่นถนน เพราะไม่มีอุปสรรคทำให้เสียจังหวะ เน้นเลยว่า เซทนี้ จัดหนัก 3 นาทีห้ามยก ห้ามถอน แล้วพัก 5 นาที สำหรับบนถนนแล้ว จัดหนัก 3 นาทีต่อเนื่องนี่ไม่ง่ายนะ หาถนนที่ไหนที่อัดแช่ยาว 3 นาทีโดยไม่มีอะไรมาขัดขวาง แค่รถวิ่งผ่าน ความหนักก็ตกลงแล้ว

ถ้านับชม.บนจักรยานแล้ว ผมว่าผมมีชม.บนเทรนเนอร์มากกว่าบนถนนเยอะ ทำให้ระยะทางบนstrava น้อยกว่าที่อยากให้เป้น เพราะบนเทรนเนอร์ จัดหนัก 1ชมครึ่ง คิดเป็นระยะทางไม่ถึง 25 กม.ด้วยซ้ำไป คิดดูสิว่า มันหนักกว่าถนนแค่ไหน ที่ความเร็ว 32 กม.ต่อชม. มันเรียกวัตต์ได้ 190 กว่าวัตต์ แต่บนถนน ผมใช้ไม่ถึง 150 วัตต์ด้วยซ้ำไป

ขอเสริมขอ ป๋าลู หน่อย Trainner ที่มี mode ERG ซ้อม set ได้ดี แต่ชอบมีปัญหากับ พวก Hiit interval sprint full gass 5 sec 10 sec และ 30 sec อาจจะปรับไม่ทันหรือ เปล่า หรือ มันหน่วงเพื่อหา รอบขา เพื่อคำนวน watt /// อันที่เป็น Base 2 นาที ขึ้นไปพวก ERG ทำงานได้ดีมาก ถ้าซ้อม set ปลาย set มันชอบแกล้งนะครับ เพราะเมื่อเราปั่นไม่ไหวรอบขาตก เช่นปั่นที่ 300w หมดแรง รอบขา เหลือ 70 นั้นแหละตัวดี มันคิดว่าเราจะซ้อมรอบขาน้อย watt สูง จัดให้ จริงๆแล้วหมดแรง :mrgreen: :mrgreen:


เสริมข้อมูล https://www.youtube.com/watch?v=LbeliW8uObk
รูปประจำตัวสมาชิก
Juhaha
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 105
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2016, 07:19

Re: คิดว่าปั่นบนเทรนเนอร์หรือ ปั่นถนนสภาพลมปกติ ลาดเอียงปกติ อันไหนเหนื่อยกว่ากันครับ

โพสต์ โดย Juhaha »

lucifer เขียน:ปั่นด้วยวัตต์เท่าๆกัน เหนื่อยเท่ากันครับ ฮ่า ฮ่า

ปั่นด้วยความเร็วเท่ากัน เทรนเนอร์ระบบหน่วงด้วยน้ำมันหนักที่สุด เทรนเนอร์จำพวก3ลูกกลิ้งที่ไม่มีระบบหน่วงความเร็วจะเบาที่สุด ขนาดจัดหนักหน้าใหญ่สุด หลังใหญ่สุดนี่ ยังเรียกวัตต์ได้ไม่เท่าไหร่เอง ก็มันแทบจะไม่มีความฝืดเลย ปกติเทรนเนอร์แบบ 3 ลูกกลิ้งจะเหมาะสำหรับฝึกการทรงตัว ปั่นแบบพักผ่อน หรือ อย่างมากก็ aerobic กับ วอร์มอัพก่อนแข่ง


แต่เทรนเนอร์น่าเบื่อกว่า ร้อนกว่า เหงื่อโชกยังกับอาบน้ำมากกว่า เจ็บก้นกว่า โดยเฉพาะถ้านั่งต่อเนื่องกันเกิน 1.5 ชม. เพราะหยุดเมื่อไหร่ ร่วงเมื่อนั้น

ถ้าฝึกแบบจริงจัง เป็นระบบ เทรนเนอร์แบบจับดุมหลัง มีระบบหน่วงหรือสร้างความหนืด จะเหมาะสำหรับการฝึก interval แบบได้ประสิทธิภาพมากกว่าปั่นถนน เพราะไม่มีอุปสรรคทำให้เสียจังหวะ เน้นเลยว่า เซทนี้ จัดหนัก 3 นาทีห้ามยก ห้ามถอน แล้วพัก 5 นาที สำหรับบนถนนแล้ว จัดหนัก 3 นาทีต่อเนื่องนี่ไม่ง่ายนะ หาถนนที่ไหนที่อัดแช่ยาว 3 นาทีโดยไม่มีอะไรมาขัดขวาง แค่รถวิ่งผ่าน ความหนักก็ตกลงแล้ว

ถ้านับชม.บนจักรยานแล้ว ผมว่าผมมีชม.บนเทรนเนอร์มากกว่าบนถนนเยอะ ทำให้ระยะทางบนstrava น้อยกว่าที่อยากให้เป้น เพราะบนเทรนเนอร์ จัดหนัก 1ชมครึ่ง คิดเป็นระยะทางไม่ถึง 25 กม.ด้วยซ้ำไป คิดดูสิว่า มันหนักกว่าถนนแค่ไหน ที่ความเร็ว 32 กม.ต่อชม. มันเรียกวัตต์ได้ 190 กว่าวัตต์ แต่บนถนน ผมใช้ไม่ถึง 150 วัตต์ด้วยซ้ำไป
เยียมครับ ชัดเจน

แล้วมีเทรนเนอร์จับดุม พอแนะนำมั้ยครับ ที่เวลาเราฝึกสปรินท์หนักๆ รอบขาสูงๆ แล้วมันไม่ฟรีมั้ยครับ ใช้ elite nova อยู่เหมือนว่าเวลาที่อัดเต็มๆ มันจะฟรีขึ้น แต่เป็นแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น

ขอบคุณมากครับ
visual3dmax
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1356
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ส.ค. 2014, 11:44

Re: คิดว่าปั่นบนเทรนเนอร์หรือ ปั่นถนนสภาพลมปกติ ลาดเอียงปกติ อันไหนเหนื่อยกว่ากันครับ

โพสต์ โดย visual3dmax »

Juhaha เขียน:
lucifer เขียน:ปั่นด้วยวัตต์เท่าๆกัน เหนื่อยเท่ากันครับ ฮ่า ฮ่า

ปั่นด้วยความเร็วเท่ากัน เทรนเนอร์ระบบหน่วงด้วยน้ำมันหนักที่สุด เทรนเนอร์จำพวก3ลูกกลิ้งที่ไม่มีระบบหน่วงความเร็วจะเบาที่สุด ขนาดจัดหนักหน้าใหญ่สุด หลังใหญ่สุดนี่ ยังเรียกวัตต์ได้ไม่เท่าไหร่เอง ก็มันแทบจะไม่มีความฝืดเลย ปกติเทรนเนอร์แบบ 3 ลูกกลิ้งจะเหมาะสำหรับฝึกการทรงตัว ปั่นแบบพักผ่อน หรือ อย่างมากก็ aerobic กับ วอร์มอัพก่อนแข่ง


แต่เทรนเนอร์น่าเบื่อกว่า ร้อนกว่า เหงื่อโชกยังกับอาบน้ำมากกว่า เจ็บก้นกว่า โดยเฉพาะถ้านั่งต่อเนื่องกันเกิน 1.5 ชม. เพราะหยุดเมื่อไหร่ ร่วงเมื่อนั้น

ถ้าฝึกแบบจริงจัง เป็นระบบ เทรนเนอร์แบบจับดุมหลัง มีระบบหน่วงหรือสร้างความหนืด จะเหมาะสำหรับการฝึก interval แบบได้ประสิทธิภาพมากกว่าปั่นถนน เพราะไม่มีอุปสรรคทำให้เสียจังหวะ เน้นเลยว่า เซทนี้ จัดหนัก 3 นาทีห้ามยก ห้ามถอน แล้วพัก 5 นาที สำหรับบนถนนแล้ว จัดหนัก 3 นาทีต่อเนื่องนี่ไม่ง่ายนะ หาถนนที่ไหนที่อัดแช่ยาว 3 นาทีโดยไม่มีอะไรมาขัดขวาง แค่รถวิ่งผ่าน ความหนักก็ตกลงแล้ว

ถ้านับชม.บนจักรยานแล้ว ผมว่าผมมีชม.บนเทรนเนอร์มากกว่าบนถนนเยอะ ทำให้ระยะทางบนstrava น้อยกว่าที่อยากให้เป้น เพราะบนเทรนเนอร์ จัดหนัก 1ชมครึ่ง คิดเป็นระยะทางไม่ถึง 25 กม.ด้วยซ้ำไป คิดดูสิว่า มันหนักกว่าถนนแค่ไหน ที่ความเร็ว 32 กม.ต่อชม. มันเรียกวัตต์ได้ 190 กว่าวัตต์ แต่บนถนน ผมใช้ไม่ถึง 150 วัตต์ด้วยซ้ำไป
เยียมครับ ชัดเจน

แล้วมีเทรนเนอร์จับดุม พอแนะนำมั้ยครับ ที่เวลาเราฝึกสปรินท์หนักๆ รอบขาสูงๆ แล้วมันไม่ฟรีมั้ยครับ ใช้ elite nova อยู่เหมือนว่าเวลาที่อัดเต็มๆ มันจะฟรีขึ้น แต่เป็นแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น

ขอบคุณมากครับ
ถ้าจะเอาไม่ฟรีเลย direct-drive คือคำตอบครับ เอาแบบสมาท ก่ได้ไม่ สมาท ก่ได้ แต่ควร เช็คเรื่องเสียง บางรุ่น และหลายรุ่น ใช้ระบบใบพัดเสียงจะดังหน่อย แต่ แล้วแต่กำลังเงินทองครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
Juhaha
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 105
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2016, 07:19

Re: คิดว่าปั่นบนเทรนเนอร์หรือ ปั่นถนนสภาพลมปกติ ลาดเอียงปกติ อันไหนเหนื่อยกว่ากันครับ

โพสต์ โดย Juhaha »

visual3dmax เขียน:
Juhaha เขียน:
lucifer เขียน:ปั่นด้วยวัตต์เท่าๆกัน เหนื่อยเท่ากันครับ ฮ่า ฮ่า

ปั่นด้วยความเร็วเท่ากัน เทรนเนอร์ระบบหน่วงด้วยน้ำมันหนักที่สุด เทรนเนอร์จำพวก3ลูกกลิ้งที่ไม่มีระบบหน่วงความเร็วจะเบาที่สุด ขนาดจัดหนักหน้าใหญ่สุด หลังใหญ่สุดนี่ ยังเรียกวัตต์ได้ไม่เท่าไหร่เอง ก็มันแทบจะไม่มีความฝืดเลย ปกติเทรนเนอร์แบบ 3 ลูกกลิ้งจะเหมาะสำหรับฝึกการทรงตัว ปั่นแบบพักผ่อน หรือ อย่างมากก็ aerobic กับ วอร์มอัพก่อนแข่ง


แต่เทรนเนอร์น่าเบื่อกว่า ร้อนกว่า เหงื่อโชกยังกับอาบน้ำมากกว่า เจ็บก้นกว่า โดยเฉพาะถ้านั่งต่อเนื่องกันเกิน 1.5 ชม. เพราะหยุดเมื่อไหร่ ร่วงเมื่อนั้น

ถ้าฝึกแบบจริงจัง เป็นระบบ เทรนเนอร์แบบจับดุมหลัง มีระบบหน่วงหรือสร้างความหนืด จะเหมาะสำหรับการฝึก interval แบบได้ประสิทธิภาพมากกว่าปั่นถนน เพราะไม่มีอุปสรรคทำให้เสียจังหวะ เน้นเลยว่า เซทนี้ จัดหนัก 3 นาทีห้ามยก ห้ามถอน แล้วพัก 5 นาที สำหรับบนถนนแล้ว จัดหนัก 3 นาทีต่อเนื่องนี่ไม่ง่ายนะ หาถนนที่ไหนที่อัดแช่ยาว 3 นาทีโดยไม่มีอะไรมาขัดขวาง แค่รถวิ่งผ่าน ความหนักก็ตกลงแล้ว

ถ้านับชม.บนจักรยานแล้ว ผมว่าผมมีชม.บนเทรนเนอร์มากกว่าบนถนนเยอะ ทำให้ระยะทางบนstrava น้อยกว่าที่อยากให้เป้น เพราะบนเทรนเนอร์ จัดหนัก 1ชมครึ่ง คิดเป็นระยะทางไม่ถึง 25 กม.ด้วยซ้ำไป คิดดูสิว่า มันหนักกว่าถนนแค่ไหน ที่ความเร็ว 32 กม.ต่อชม. มันเรียกวัตต์ได้ 190 กว่าวัตต์ แต่บนถนน ผมใช้ไม่ถึง 150 วัตต์ด้วยซ้ำไป
เยียมครับ ชัดเจน

แล้วมีเทรนเนอร์จับดุม พอแนะนำมั้ยครับ ที่เวลาเราฝึกสปรินท์หนักๆ รอบขาสูงๆ แล้วมันไม่ฟรีมั้ยครับ ใช้ elite nova อยู่เหมือนว่าเวลาที่อัดเต็มๆ มันจะฟรีขึ้น แต่เป็นแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น

ขอบคุณมากครับ
ถ้าจะเอาไม่ฟรีเลย direct-drive คือคำตอบครับ เอาแบบสมาท ก่ได้ไม่ สมาท ก่ได้ แต่ควร เช็คเรื่องเสียง บางรุ่น และหลายรุ่น ใช้ระบบใบพัดเสียงจะดังหน่อย แต่ แล้วแต่กำลังเงินทองครับ

โอ้....เท่าที่หาดู ราคาโหดร้ายมากๆเลย :cry:
รูปประจำตัวสมาชิก
lucifer
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6413
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
Bike: Only 2-wheels bike
ติดต่อ:

Re: คิดว่าปั่นบนเทรนเนอร์หรือ ปั่นถนนสภาพลมปกติ ลาดเอียงปกติ อันไหนเหนื่อยกว่ากันครับ

โพสต์ โดย lucifer »

visual3dmax เขียน:
ขอเสริมขอ ป๋าลู หน่อย Trainner ที่มี mode ERG ซ้อม set ได้ดี แต่ชอบมีปัญหากับ พวก Hiit interval sprint full gass 5 sec 10 sec และ 30 sec อาจจะปรับไม่ทันหรือ เปล่า หรือ มันหน่วงเพื่อหา รอบขา เพื่อคำนวน watt /// อันที่เป็น Base 2 นาที ขึ้นไปพวก ERG ทำงานได้ดีมาก ถ้าซ้อม set ปลาย set มันชอบแกล้งนะครับ เพราะเมื่อเราปั่นไม่ไหวรอบขาตก เช่นปั่นที่ 300w หมดแรง รอบขา เหลือ 70 นั้นแหละตัวดี มันคิดว่าเราจะซ้อมรอบขาน้อย watt สูง จัดให้ จริงๆแล้วหมดแรง :mrgreen: :mrgreen:


เสริมข้อมูล https://www.youtube.com/watch?v=LbeliW8uObk
ผมมันพวก หมูสนามจริง สิงห์เทรนเนอร์ครับ ฮ่า ฮ่า

ผมใช้เทรนเนอร์มาหลายตัวเหมือนกันนะ ( โม้เลย ) ทั้งสมาร์ท และแบบกลไกธรรมดา
ตอนนี้เหลือแค่ CompuTrainer กับ Rock'n Roll

ERG mode สำหรับผมมันดีมากสำหรับปั่นแบบยาวๆที่ไม่ต้องใช้สมาธิอะไรมากมาย เช่น ปั่นไปดูหนังไป แล้วพวกโปรแกรมบางตัวอย่าง Trainerroad มันก็มี option ให้เลือกเลยว่า จะให้power meterบนจักรยานไปคุมเทรนเนอร์ ( อันนี้เป็น default ) ซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นกับว่า power meter มันส่งสัญญาณไปออกไป แล้วคอมพิวเตอร์ของเราเอาข้อมูลผ่านant+ ส่งไปยังโปรแกรม แล้วโปรแกรมไปสั่ง Trainer ให้มัน regulate ให้มันปรับความหนืดให้เท่ากับที่โปรแกรมสั่ง แล้วเอาค่าวัตต์ที่อ่านได้จากpower ของเรามา feedback ปรับแต่งวนลูปกันไปเรื่อยๆ ถ้า"สมอง"ของเทรนเนอร์มันช้า ความสมูทของค่าวัตต์ก็จะแกว่งเยอะหน่อย แต่ถ้าสมองมันไว มันก็จะไม่ค่อยมีอาการโดดแบบที่เจอกับพวก Wahoo ( ของจีนไวกว่า regulate ได้เรียบกว่า ) แต่ตัวที่ไวที่สุดก็ยังคงเป็น CompuTrainer เพราะมันมี CPU ของมันเอง เสียตรงที่มันคุยกับใครไม่ค่อยจะรู้เรื่องนี่แหละ ส่วนอีกoption ที่ทำให้มันsmooth ขึ้น ก็คือ ใช้ค่าวัตต์ที่อ่านได้จาก power ของ Trainer เอง ตรงนี้จะมีประโยชน์กับคนที่ไม่มี power meter บนจักรยาน แต่ปัญหามันก็มีนะ เพราะ บางทีค่าที่ได้จาก 2 แหล่งก็ต่างกันมาก อย่างของผมนี่ Garmin vector กับ computrainer จะต่างกันนิดเดียว ราวๆ 2-3 วัตต์ที่ 150 วัตต์ โอเคหละ ผมถึงว่าพอใจ แต่เจ้า Wahoo หรือ ของจีนนี่ ต่างกันเยอะ จึงใช้ mode นี้ไม่ได้ แต่ Trainerroad มันก็ยังมีอีกทางเลือก คือ ใช้ power จากเทรนเนอร์เป็นหลัก โดยตั้งค่าคาบแก้เอาเองเพื่อชดเชยค่าที่แตกต่างกัน ก็โอเคดีเหมือนกัน

แต่สำหรับ set ที่ทำ HIIT ผมว่า Rock'n Roll สนุกกว่าเยอะครับ เพราะมันฝึกให้เราเร่งรอบขาและเล่นเกียร์เพื่อให้รักษาค่าวัตต์ได้ตรงกับที่ต้องการ อาจจะมีการอัดหนักนำไปก่อนเพื่อชดเชยบางช่วง แถมสามารถพิสูจน์ตัวเองว่า แข็งแรงขึ้นแล้วนะ เพราะสามารถแช่วัตต์ได้มากกว่าเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนในworkout เดียวกัน :lol: :lol: :lol:

ผมชอบธรรมชาติของ Rock'n Roll มากกว่าพวก smart trainer ในmode resistant หรือ mode slope หรืออะไรก็ได้ที่เรียกคล้ายๆกันเนี่ย พวก Eddy current brake มันให้อารมณ์ไม่เหมือนจริงๆ โดยเฉพาะอารมณ์ที่ว่า ความหนักจะเพิ่มขึ้นเป็นทบทวีกับความเร็วที่เพิ่มขึ้น พวก Rock'n Roll มันใช้กังหันหมุนในน้ำมัน ยิ่งเร็ว ความหนืดยิ่งเพิ่มขึ้นแบบทบทวี เหมือนกับเราปั่นบนถนนจริงๆ ( แรงต้านอากาศแปรตามความเร็วยกกำลังสอง , แรงต้านการปั่นบนของเหลวเท่าที่จำได้ก็เหมือนกัน )


ปล. เรื่องยางหมุนฟรี ผมแนะนำให้เปลี่ยนยางมาใช้ยางสำหรับรถฟิกซ์ครับ ผมใช้ยางรถฟิกซ์ยี่ห้อ Duro ขอบพับเส้นละไม่เกิน 800 ใส่ยางง่ายกว่ายางสำหรับเทรนเนอร์ ราคาถูกกว่ากันแบบรู้สึกได้เลย หน้ายางแข็ง ไม่สลิปง่ายๆ ไม่สึกง่ายๆ ทนโคตรๆ ฝึก HIIT ไม่เคยมีรายการยางฟรีเลยครับ
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน
green_t
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1060
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ต.ค. 2008, 22:29
team: ยังไม่กล้าสมัคร
Bike: ยังไม่มีเลย เก็บเงินอยู่ครับ

Re: คิดว่าปั่นบนเทรนเนอร์หรือ ปั่นถนนสภาพลมปกติ ลาดเอียงปกติ อันไหนเหนื่อยกว่ากันครับ

โพสต์ โดย green_t »

lucifer เขียน:ปั่นด้วยวัตต์เท่าๆกัน เหนื่อยเท่ากันครับ ฮ่า ฮ่า

ปั่นด้วยความเร็วเท่ากัน เทรนเนอร์ระบบหน่วงด้วยน้ำมันหนักที่สุด เทรนเนอร์จำพวก3ลูกกลิ้งที่ไม่มีระบบหน่วงความเร็วจะเบาที่สุด ขนาดจัดหนักหน้าใหญ่สุด หลังใหญ่สุดนี่ ยังเรียกวัตต์ได้ไม่เท่าไหร่เอง ก็มันแทบจะไม่มีความฝืดเลย ปกติเทรนเนอร์แบบ 3 ลูกกลิ้งจะเหมาะสำหรับฝึกการทรงตัว ปั่นแบบพักผ่อน หรือ อย่างมากก็ aerobic กับ วอร์มอัพก่อนแข่ง


แต่เทรนเนอร์น่าเบื่อกว่า ร้อนกว่า เหงื่อโชกยังกับอาบน้ำมากกว่า เจ็บก้นกว่า โดยเฉพาะถ้านั่งต่อเนื่องกันเกิน 1.5 ชม. เพราะหยุดเมื่อไหร่ ร่วงเมื่อนั้น

ถ้าฝึกแบบจริงจัง เป็นระบบ เทรนเนอร์แบบจับดุมหลัง มีระบบหน่วงหรือสร้างความหนืด จะเหมาะสำหรับการฝึก interval แบบได้ประสิทธิภาพมากกว่าปั่นถนน เพราะไม่มีอุปสรรคทำให้เสียจังหวะ เน้นเลยว่า เซทนี้ จัดหนัก 3 นาทีห้ามยก ห้ามถอน แล้วพัก 5 นาที สำหรับบนถนนแล้ว จัดหนัก 3 นาทีต่อเนื่องนี่ไม่ง่ายนะ หาถนนที่ไหนที่อัดแช่ยาว 3 นาทีโดยไม่มีอะไรมาขัดขวาง แค่รถวิ่งผ่าน ความหนักก็ตกลงแล้ว

ถ้านับชม.บนจักรยานแล้ว ผมว่าผมมีชม.บนเทรนเนอร์มากกว่าบนถนนเยอะ ทำให้ระยะทางบนstrava น้อยกว่าที่อยากให้เป้น เพราะบนเทรนเนอร์ จัดหนัก 1ชมครึ่ง คิดเป็นระยะทางไม่ถึง 25 กม.ด้วยซ้ำไป คิดดูสิว่า มันหนักกว่าถนนแค่ไหน ที่ความเร็ว 32 กม.ต่อชม. มันเรียกวัตต์ได้ 190 กว่าวัตต์ แต่บนถนน ผมใช้ไม่ถึง 150 วัตต์ด้วยซ้ำไป
เห็นด้วยอย่างยิง
รูปประจำตัวสมาชิก
DraftBeer
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4495
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2008, 17:08
Tel: 0814461178
team: รั้งท้ายทีมลื่นไหล
Bike: Dale-Red, Venge-Red, Titanos-XX1, Tendem, CRF250X, MSX
ตำแหน่ง: 15 ซ.ผาสุก2 ถ.กาญจนวนิช อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110
ติดต่อ:

Re: คิดว่าปั่นบนเทรนเนอร์หรือ ปั่นถนนสภาพลมปกติ ลาดเอียงปกติ อันไหนเหนื่อยกว่ากันครับ

โพสต์ โดย DraftBeer »

สำหรับผม ที่วัตต์เท่ากัน เทรนเนอร์เหนื่อยกว่าเยอะครับ น่าจะเพราะไม่มีลมมาระบายกับน่าเบื่อ

ถ้าอยากได้ระยะทางเยอะๆแนะนำ 3 ลูกกลิ้งครับ เต็มลมเต็มแม็ก ผมขี่ได้ AV เกือบ 50 ใส่เต็มที่ได้ 75 (TDF อยู่แค่เอื้อม 55)
แต่ถ้า Rock'n Roll ระยะทางน้อยกว่าถนนจริง
>>ห า ด ใ ห ญ่ ลื่ น ไ ห ล ► ► ► ► ที ม เ ร า ไ ม่ ไ ด้ มี แ ค่ จั ก ร ย า น !

ถึงพวกเราจะไม่นำหน้าสุด แต่ก็ไม่เคยหลุดจากขบวน............รั้งท้าย team
รูปประจำตัวสมาชิก
Juhaha
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 105
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2016, 07:19

Re: คิดว่าปั่นบนเทรนเนอร์หรือ ปั่นถนนสภาพลมปกติ ลาดเอียงปกติ อันไหนเหนื่อยกว่ากันครับ

โพสต์ โดย Juhaha »

DraftBeer เขียน:สำหรับผม ที่วัตต์เท่ากัน เทรนเนอร์เหนื่อยกว่าเยอะครับ น่าจะเพราะไม่มีลมมาระบายกับน่าเบื่อ

ถ้าอยากได้ระยะทางเยอะๆแนะนำ 3 ลูกกลิ้งครับ เต็มลมเต็มแม็ก ผมขี่ได้ AV เกือบ 50 ใส่เต็มที่ได้ 75 (TDF อยู่แค่เอื้อม 55)
แต่ถ้า Rock'n Roll ระยะทางน้อยกว่าถนนจริง
ทำไมวัตเท่ากัน แต่เทรนเนอร์เหนื่อยกว่าอ่ะครับ มันเกิดจากร่างกายไม่ได้รีแล๊กซ์ เมื่ออยู่บนเทรนเนอร์หรือป่าวครับ จึงทำให้ร่างกายเหมือนร่างกายรับแรงกระทำตลอดเวลา ???
รูปประจำตัวสมาชิก
DraftBeer
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4495
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2008, 17:08
Tel: 0814461178
team: รั้งท้ายทีมลื่นไหล
Bike: Dale-Red, Venge-Red, Titanos-XX1, Tendem, CRF250X, MSX
ตำแหน่ง: 15 ซ.ผาสุก2 ถ.กาญจนวนิช อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110
ติดต่อ:

Re: คิดว่าปั่นบนเทรนเนอร์หรือ ปั่นถนนสภาพลมปกติ ลาดเอียงปกติ อันไหนเหนื่อยกว่ากันครับ

โพสต์ โดย DraftBeer »

Juhaha เขียน:
DraftBeer เขียน:สำหรับผม ที่วัตต์เท่ากัน เทรนเนอร์เหนื่อยกว่าเยอะครับ น่าจะเพราะไม่มีลมมาระบายกับน่าเบื่อ

ถ้าอยากได้ระยะทางเยอะๆแนะนำ 3 ลูกกลิ้งครับ เต็มลมเต็มแม็ก ผมขี่ได้ AV เกือบ 50 ใส่เต็มที่ได้ 75 (TDF อยู่แค่เอื้อม 55)
แต่ถ้า Rock'n Roll ระยะทางน้อยกว่าถนนจริง
ทำไมวัตเท่ากัน แต่เทรนเนอร์เหนื่อยกว่าอ่ะครับ มันเกิดจากร่างกายไม่ได้รีแล๊กซ์ เมื่ออยู่บนเทรนเนอร์หรือป่าวครับ จึงทำให้ร่างกายเหมือนร่างกายรับแรงกระทำตลอดเวลา ???
ร่างกายคนเรามันตัวแปรเยอะมากกว่าวัตต์ที่แสดงบนหน้าจอครับ เช่น สภาพแวดล้อมไม่ได้ ใจไม่สู้
แต่ก็อีกนั้นแหละ บางคนที่เคยเห็น บนเทรนเนอร์วัตต์อย่างสูง เจอของจริงก็ไปไม่เป็น
ซ้อมอย่างไหนก็ได้อย่างงั้นครับ

ตัวผมขี่เทรนเนอร์ปีนึงน่าจะไม่ถึง 200km แต่ก็หาเทรนเนอร์อย่างดีมาเก็บไว้
ประเภทที่ว่า ฝนไม่ตกหน้าบ้านก็ออก เจอฝนข้างหน้าค่อยว่ากัน
>>ห า ด ใ ห ญ่ ลื่ น ไ ห ล ► ► ► ► ที ม เ ร า ไ ม่ ไ ด้ มี แ ค่ จั ก ร ย า น !

ถึงพวกเราจะไม่นำหน้าสุด แต่ก็ไม่เคยหลุดจากขบวน............รั้งท้าย team
รูปประจำตัวสมาชิก
lucifer
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6413
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
Bike: Only 2-wheels bike
ติดต่อ:

Re: คิดว่าปั่นบนเทรนเนอร์หรือ ปั่นถนนสภาพลมปกติ ลาดเอียงปกติ อันไหนเหนื่อยกว่ากันครับ

โพสต์ โดย lucifer »

แต่ที่บอกไม่เท่ากัน จริงๆมันไม่มันใช่"ความเหนื่อยทางกายภาพ" แต่มันเป็น"ความเหนื่อยเชิงความรู้สึก"
เทรนเนอร์เป็นสิ่งเดียวที่สามารถปั่นให้ NP กับ Avg power มีค่าเท่ากันหรือใกล้เคียงกันที่สุดครับ แน่นอนคือมันไม่หยุด ถ้าถนนปั่นแบบนี้ได้ ก็เหนื่อยเท่ากัน อันนี้เป็นกายภาพครับ
แต่การปั่นบนเทรนเนอร์มันน่าเบื่อ ร้อน ไม่เกิดแรงจูงใจครับ tired จะแปลว่า เหนื่อย หรือ เบื่อ ก็ได้ครับ 5555 แล้วเมื่อไหร่ที่ความรู้สึกกลายเป็นปัจจัยหลัก HRที่สูงๆบนถนน จะรู้สึกปลอดโปร่งและสบายกว่า HR ที่สูงเท่าๆกันในเวลาที่ปั่นเทรนเนอร์ :lol:

ข้อเท็จจริง คือ ถ้าหา FTP บนเทรนเนอร์ จะได้ค่า FTP น้อยกว่าบนถนน ถนนมีแรงจูงใจและความฮึกเหิมสูงกว่า
ผมเคยอัดขึ้นเขาใหญ่เพื่อเอามาคำนวณหา FTP ปรากฏว่า ไม่สามารถเอาค่า FTPนั้นมาใช้ฝึก HIIT บนเทรนเนอร์ได้ แต่เอามาใช้ปั่นบนถนนได้ 555
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน
รูปประจำตัวสมาชิก
Juhaha
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 105
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2016, 07:19

Re: คิดว่าปั่นบนเทรนเนอร์หรือ ปั่นถนนสภาพลมปกติ ลาดเอียงปกติ อันไหนเหนื่อยกว่ากันครับ

โพสต์ โดย Juhaha »

lucifer เขียน: HRที่สูงๆบนถนน จะรู้สึกปลอดโปร่งและสบายกว่า HR ที่สูงเท่าๆกันในเวลาที่ปั่นเทรนเนอร์ :lol:

คำนี้เลยคำโดนสุดๆๆๆ :lol: :lol: แปลกใจมาก
ตอบกลับ

กลับไปยัง “เสือหมอบ (roadbike)”