อยากขอปรึกษาเรื่องการอาการบาดเจ็บ และการฟิตติ้งครับ

ถ้าเป็นรถหรืออุปกรณ์ที่ออกแบบมาเป็นของเสือหมอบโดยเฉพาะ เชิญเข้าห้องนี้ครับ

ผู้ดูแล: Cycling B®y, spinbike, velocity

ตอบกลับ
napontr
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2015, 09:31
Bike: Giant Propel SL

อยากขอปรึกษาเรื่องการอาการบาดเจ็บ และการฟิตติ้งครับ

โพสต์ โดย napontr »

ตอนนี้ผมปั่นมาราวๆ ปีกว่าๆ แล้วครับ

แต่ผมมีปัญหาบาดเจ็บเรื้อรังที่เข่าซ้ายอยู่ โดยมีข้อมูลเบื้องต้นดังนี้ครับ
- เข่าผมเป็นประเภท Knock Knee (Valgum)
- ขาซ้ายผมยาวกว่าขาขวา ประมาณ 1 cm ->> ทราบโดย fitter
- เข่าซ้ายผมมีปัญหาคือ ที่ผิวสะบ้าเสื่อม ->> แพทย์บอก ต้องรักษาแบบค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ สร้างกล้ามเนื้อ

ตอนใช้เฟรมเก่าก็เคยไปลอง Dynamic fitting มาแล้ว แต่กลับมาลองปั่นก็เป็นเจ็บไป 2 เดือน
เลยมาปรับโน้นนี่นั่นเอง ทำให้อาการเจ็บเบาลง แล้วจึงไปทำการ followup แต่กลับมาลองปั่นก็ยังมีอาการตรึงๆ อยู่ กลัวเจ็บจึงกลับมาปรับเองใหม่ ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ (กึ่งๆ มั่ว) จนมีอาการน้อยที่สุด
ดังนั้นผมเลยเข้าใจว่า ค่าสถิติการ fitting อาจจะไม่เหมาะกับผมนัก (ไม่แน่ใจครับ)

และตอนนี้ผมเปลี่ยนเฟรมใหม่ ก็เลยปรับค่าเอง จน ok ในระดับนึง (เจ็บนิดๆ บ้าง แต่ไม่มาก)

แต่ล่าสุด ได้ลองเปลี่ยนรองเท้าคลีท จากเดิม คลีทเสือภูเขา เป็นคลีทหมอบ อาการเจ็บมันกลับมาอีกครั้ง
จากที่สังเกตุอาการเจ็บของผม มักจะมาตอนที่ยืดขาจนสุด

ตอนนี้เหมือนมืดๆ แปดด้าน
-> จะปล่อยไว้ แล้วใช้คลีทภูเขาแบบเดิม ก็กลัวเจ็บสะสม จนมีผลตอนแก่
-> อยากไปใช้คลีทหมอบ แบบชาวบ้านบ้าง ก็ปรับไม่เป็น (ลองใช้แล้วเจ็บทั้งซ้าย ทั้งขวาเลย)
-> จะไปฟิตติ้งใหม่ก็กลัวจะไม่จบอีก เพราะงบแทบไม่เหลือแล้วด้วย T_T

รบกวนขอคำแนะนำผู้รู้ครับ เคสแบบผม ควรไปทางไหนดี

ขอบคุณมากครับผม
Kize
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 79
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ธ.ค. 2015, 10:08

Re: อยากขอปรึกษาเรื่องการอาการบาดเจ็บ และการฟิตติ้งครับ

โพสต์ โดย Kize »

ลองปรึกษาช่างจั๊มดูครับ หรือฟิตเตอร์ท่านอื่นที่มีความเข้าใจในกายวิภาคศาสตร์ดีหน่อย คิดว่าน่าจะช่วยจัดท่าปั่นที่เหมาะสมได้

แต่ถึงอย่างไรก็ต้องปั่นจักรยานแบบช้าๆเบาๆไปสักพักใหญ่ๆ
เพื่อสร้างกล้ามเนื้อมาช่วยพยุงข้อเข่าตามความเห็นของแพทย์ที่ให้ไว้ร่วมด้วยอยู่ดีครับ
suwaree
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 39
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 11:45
Tel: 038921999
team: NONE
Bike: TREK6000
ติดต่อ:

Re: อยากขอปรึกษาเรื่องการอาการบาดเจ็บ และการฟิตติ้งครับ

โพสต์ โดย suwaree »

เคยผ่าตัดข้อศอกและข้อเข่า แต่ยังไม่เคยfitting เคยให้ที่ร้านปรับให้คร่าวคร่าวข้างทีผ่ามันจะสั้นกว่าปกติ อุปกรณ์ที่เป็นลักษณะสมมาตรเช่นบันไดหรือแฮนด์ น่าจะปรับลำบาก ตอนนั้นปรับแต่aerobarซึงเลื่อนเข้ามาให้สั้นแต่ก็มีปัญหาการกดshifterลำบาก
ส่วนการใช้ครีทหมอบแล้วเจ็บลองปรึกษาคนขายช่วยขยับให้ น่าจะใช้ต้นทุนต่ำสุด เคยเจ็บตรงball of foot เปลี่ยนรองเท้าและครีทก็ดีขึ้น รอฟังความเห็นท่านอื่นนะคะ
Gok See
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 449
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2016, 08:18
ติดต่อ:

Re: อยากขอปรึกษาเรื่องการอาการบาดเจ็บ และการฟิตติ้งครับ

โพสต์ โดย Gok See »

ใส่คีทเจ็บเข่านี่ การตั้งคลีทให้ปลายนิ้วเท้าเท้าแปออกหรือหุบเข้าในมีผลมาก ๆ ถ้าท้าแปไม่ได้ระยะเจ็บเข่า เรื่องระยะเบาะต่าง ๆ นี่ก็ต้องปรับทีละมิลสองมิล ตรงนี้ช่างฟิตติ้งมันก็บอกไม่ถูกหรอก

เอาจริง ๆ นะ ลองคิดวาคุณเป็นช่างฟิตติ้ง ถ้าปรับเบาะลูกค้านิด ยกแฮนด์หน่อย จะกล้าคิดตัง 4-5 พันมั้ย จะเอาตังก็ต้องอ้างนั่นนี่เยอะ ๆ ปรับนาน ๆ ทั้งที่จริงดูท่านั่งกะด้วยสายตาก็รู้แล้ว ผมเห็นเครื่องมือช่างฟิตทำเป็นคาดสายวัด หรือไม้บรรทัด
ผมนี่เห็นแล้วขำ เครื่องมือพวกนี้ เวลาวัดมันจะมีค่า human eror ไปหลายมิลครับ ค่าที่ช่างฟิตติ้งวัดได้มันคลาดเคลื่อนเยอะกว่าความคลาดเคลื่อนที่เราต้องการจริง ๆ แต่คิดตังค์ไปลูกค้าสบายใจ รู้สึกคุ้มค่า ทั้งที่จริงกลับไปปั่นก็ยังเจ็บเหมือนเดิม
รูปประจำตัวสมาชิก
kai9121
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 438
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 21:15

Re: อยากขอปรึกษาเรื่องการอาการบาดเจ็บ และการฟิตติ้งครับ

โพสต์ โดย kai9121 »

เจ้าของกระทู้เป็นเหมือนผม เจ็บเข่าซ้ายข้างเดียว ขาซ้ายยาวกว่าขาขวาเซนต์นนึงโดยประมาณ ผมไปฟิตติ้งที่ในบอร์ดบอกว่าดี แต่ไม่ใช่ช่างจั้มนะครับ ปั่นไม่ได้เลยปวดข้างขวาเพิ่มมาด้วย ก็เลยคิดว่าคงไม่กลับไปหาช่างฟิตติ้งแล้ว เอาค่าเดิมที่วัดไว้ก่อนไปทำฟิตติ้งมาปรับกลับอย่างเดิม ก็ปั่นได้แต่เจ็บเข่าซ้าย เลยเริ่มปรับเองลองวัดขาดูจึงรู้ว่าขายาวไม่เท่ากัน เลยไปซื้อแผ่นรองคลีทเสริมความสูง เสริมไป
4 มิล แล้วปรับความสูงอานขึ้นมา 4 มิลเช่นกัน อาการปวดลดลงแบบเห็นได้ชัด แต่ปั่นแล้วรู้สึกแปลกๆที่ขาขวาเท้ามันลอยๆแปลกๆเนื่องจากความสูงของแผ่นที่เสริมความสูงเข้าไป ผมเลยถอดออกแต่ไม่ปรับลดหลักอาน ก็ปั่นได้แต่ขาขวาจะเหยียดๆนิดๆ ปั่นไปสักพักก็เริ่มชิน อาการเข่าซ้ายที่เคยปวดก็หายไปด้วย ยกเว้นกดหนักๆก็มีปวดบ้างแป๊บเดียวก็หาย เล่าสู่กันฟังครับเผื่อจะมีประโยชน์
รูปประจำตัวสมาชิก
Chiny
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 570
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 พ.ค. 2012, 12:48
ติดต่อ:

Re: อยากขอปรึกษาเรื่องการอาการบาดเจ็บ และการฟิตติ้งครับ

โพสต์ โดย Chiny »

อยากให้ลองปรับตั้งระยะติดตั้งแผ่นคลีตให้ได้ตำแหน่งที่ถูกต้อง ถ้าแท้าเอียงอาจต้องใช้แผ่นลองช่วยปรับระนาบเท้ากับบันได และใช้แผ่นคลีตที่มี float มากๆ เพื่อให้เข่าให้ตัวได้ขณะปั่นเช่นถ้า shimano ก็สีเหลือง ลองดูครับ
Don't Stop Believin' - "Steel still ROCK"
จานไข่ Dr.Egg viewtopic.php?f=60&t=515279
โครงการ มินิ กัดยางหมอบ เวอชั่นบ้านๆ viewtopic.php?f=63&t=488360
Dr.EGG Facebook Fan Page: http://www.facebook.com/pages/DrEGG/418740011510449
รูปประจำตัวสมาชิก
lucifer
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6413
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
Bike: Only 2-wheels bike
ติดต่อ:

Re: อยากขอปรึกษาเรื่องการอาการบาดเจ็บ และการฟิตติ้งครับ

โพสต์ โดย lucifer »

napontr เขียน:ตอนนี้ผมปั่นมาราวๆ ปีกว่าๆ แล้วครับ

แต่ผมมีปัญหาบาดเจ็บเรื้อรังที่เข่าซ้ายอยู่ โดยมีข้อมูลเบื้องต้นดังนี้ครับ
- เข่าผมเป็นประเภท Knock Knee (Valgum)
- ขาซ้ายผมยาวกว่าขาขวา ประมาณ 1 cm ->> ทราบโดย fitter
- เข่าซ้ายผมมีปัญหาคือ ที่ผิวสะบ้าเสื่อม ->> แพทย์บอก ต้องรักษาแบบค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ สร้างกล้ามเนื้อ

ตอนใช้เฟรมเก่าก็เคยไปลอง Dynamic fitting มาแล้ว แต่กลับมาลองปั่นก็เป็นเจ็บไป 2 เดือน
เลยมาปรับโน้นนี่นั่นเอง ทำให้อาการเจ็บเบาลง แล้วจึงไปทำการ followup แต่กลับมาลองปั่นก็ยังมีอาการตรึงๆ อยู่ กลัวเจ็บจึงกลับมาปรับเองใหม่ ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ (กึ่งๆ มั่ว) จนมีอาการน้อยที่สุด
ดังนั้นผมเลยเข้าใจว่า ค่าสถิติการ fitting อาจจะไม่เหมาะกับผมนัก (ไม่แน่ใจครับ)

และตอนนี้ผมเปลี่ยนเฟรมใหม่ ก็เลยปรับค่าเอง จน ok ในระดับนึง (เจ็บนิดๆ บ้าง แต่ไม่มาก)

แต่ล่าสุด ได้ลองเปลี่ยนรองเท้าคลีท จากเดิม คลีทเสือภูเขา เป็นคลีทหมอบ อาการเจ็บมันกลับมาอีกครั้ง
จากที่สังเกตุอาการเจ็บของผม มักจะมาตอนที่ยืดขาจนสุด

ตอนนี้เหมือนมืดๆ แปดด้าน
-> จะปล่อยไว้ แล้วใช้คลีทภูเขาแบบเดิม ก็กลัวเจ็บสะสม จนมีผลตอนแก่
-> อยากไปใช้คลีทหมอบ แบบชาวบ้านบ้าง ก็ปรับไม่เป็น (ลองใช้แล้วเจ็บทั้งซ้าย ทั้งขวาเลย)
-> จะไปฟิตติ้งใหม่ก็กลัวจะไม่จบอีก เพราะงบแทบไม่เหลือแล้วด้วย T_T

รบกวนขอคำแนะนำผู้รู้ครับ เคสแบบผม ควรไปทางไหนดี

ขอบคุณมากครับผม

ปัญหาค่อนข้างซับซ้อนครับ
อย่างแรก ควรจะทำความเข้าใจก่อนว่า การทำ dynamic fitting โดยให้คนปั่นขึ้นรถ แปะเซนเซอร์ แล้วปั่นๆๆๆๆ อ่านค่าตัวเลขแล้วปรับแก้ มันก็ไม่ได้แตกต่างจากการเอารถไปตั้งศูนย์ล้อด้วยเครื่องตั้งล้อระบบdigitalในปัจจุบัน ที่แค่ปรับทุกตัวจนกลายเป็น 0 แล้วก็จบ

ความจริงแล้ว ศาสตร์เรื่องการ fitting มันมีมากกว่านั้น เพราะมันเหมือนกับการตั้งศูนย์ล้อในสมัยก่อน ที่ดูว่า ได้ค่า caster เท่านั้น campber เท่านี้ toe-in หรือ out แค่นี้ หรือ ค่า King pin angleเท่านี้ ช่างสมัยก่อนจะแปลผลเลยว่า รถคันนี้จะเป็นอย่างไร วิ่งแล้วจะกินซ้ายขวา ปล่อยมือพวงมาลัยตรงไหม เลี้ยวซ้ายกับขวาอันไหนเลี้ยวง่ายกว่า หรือ กินยางแค่ไหน

ความแตกต่างกันก็คือ ช่างสมัยเก่ามีความรู้ มีความเข้าใจ ไม่ได้ดูแค่ตัวเลขอย่างเดียว แต่เอาทุกๆค่ามาแปลผลประกอบกัน

ดังนั้นผมขอถามคุณเจ้าของกระทู้ว่า ก่อนทำ dynamic fitting เขาทำอะไรกับคุณบ้าง
ตรวจร่างกายแค่ไหน แค่วัดความยาขาเพียงอย่างเดียวไหม หรือ ว่าทำมากกว่านั้น เช่น ดูflexibilityของร่างกาย มุมวิกฤตของสะโพกแค่ไหน มุมข้อเท้าเป็นอย่างไร มีเท้าหุบ เท้าแป ไหม รวมไปถึงดูระดับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เพราะพวกนี้มีผลทั้งสิ้นครับ

Fitterไม่แตกต่างจากหมอที่จะต้องตรวจร่างกายนักปั่นให้ดีก่อน แล้วจึงเอามาขึ้นจักรยาน ถ้าเป็นกรณีของคุณที่กายวิภาคไม่ได้เหมือนกับคนส่วนใหญ่ การทำ static fitting จะเป็นสิ่งที่สมควรทำมากกว่าจะเอาไปทำ dynamic fitting อาจจะต้องพิจารณาเสริมแผ่นรอง cleat สำหรับเท้าขวาให้สูงขึ้น หรือ หนุนแก้เอียงให้ลงตัว ดูความสบายในท่าปั่น บ่อยครั้งอาจจะต้องใช้เวลานานถึง 2 ชม. กว่าจะจบกระบวนการ

กลุ่ม Knock knee ต้องจับเอามาปั่นแล้วดู static fitting กันก่อนเลยที่จะเอาไปเข้า retul เพราะมันจะมี variation ของมุมเข่า รวมถึงมุมของปลายเท้า ส่งผลให้การปรับมุมของcleatผิดไปจากกลุ่มคนปกติ

ขาที่ยาวกว่ากัน ก็ต้องดูกันเลยว่า อะไรที่ยาวกว่า กระดูกต้นขาหรือกระดูกปลายขา หรือ ทั้ง 2 ส่วนที่ส่งผลให้ขาซ้ายยาวกว่าขาขวา กรณีแบบนี้ static fitter จับแล้วแก้อาการได้ง่ายกว่า


หลังจากผ่านขั้นตอนของ static fitting แล้ว ก็จะให้กลับไปปั่น แล้วกลับมา follow up เพื่อปรับแต่งอีกครั้ง ซึ่งก็อาจจะไม่จบ เพราะหลังจากปั่นจนเข้าที่เข้าทางแล้ว ตรงนี้ค่อยกลับมาขึน Retul เพื่อดู dynamic position กันอีกทีว่าเข้ารูป เข้ารอย ไหม อย่างไร ต้องปรับอะไรอีกมากน้อยแค่ไหน

ที่เล่ามานี่ จะเห็นว่าจริงๆแล้ว ขั้นตอนมันมากกว่านั้น
ปัญหาของผู้ปั่นเองก็ไม่ใช่น้อย เช่น เคยชินกับอะไรที่มันไม่ปกติๆมานาน ทนได้จนเคยตัว กล้ามเนื้อส่วนอื่นๆเช่นกล้ามเนื้อแกนกลางก็ยังไม่แข็งแรงดี พอได้รับการปรับแต่งให้อยู่ในท่าที่ดีขึ้น บางครั้งกลับรู้สึกไม่สบาย แล้วก็ยอมแพ้ ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงนั้น แล้วก็ปรับแต่งรถเองใหม่อีก ( แล้วจะเสียเงินไปทำ fitting ไปทำไมนะ :lol: ) ประเภทนี้ผมก็เจอมาเยอะเช่นกัน น้องๆในกลุ่มก็มี ประเภทดื้อเป้ง พูดแล้วก็รำคาญ ตัดบทกลายเป็นเลิกให้คำแนะนำไป เพราะป่วยการ พูดไปก็ไม่รับฟัง อธิบายไปก็เอาหูทวนลม สรุปให้ดักดานกันต่อไป

บ่นไปยาว :lol: :lol: :lol:

ถ้าคิดว่า ซีเรียสกับการปั่นจักรยาน ผมเองก็รู้จักแค่ช่างจ้ำคนเดียว เพราะผูกปีกันมาตลอด เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งอาจารย์ แลกเปลี่ยนความรู้กันตลอดมา ผมว่าถ้าคุณเจ้าของกระทู้ยังซีเรียสอยู่ และอยากปั่นจักรยานต่อไป อยากจะให้ลองปรึกษากับช่างจ้ำดู ที่อยู่ ก็หาเอาใน facebook ก็ได้ หรือหาจากในกูเกิ้ลก็ได้ครับ น่าจะหาไม่ยากหรอก

คิวยาวหนะยาวแน่ ยิ่งเป็น case ที่ซับซ้อนด้วยแล้ว ผมเชื่อว่าช่างจ้ำจะดูแลให้เอง เพราะบอกไปแล้วว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังชีวิตม้วนยาว ไม่ใช่หนังสั้นตอนเดียวจบครับ

ผมเองปั่นจักรยานมานาน ปรับตัว ปรับท่าตัวเองจนบางทีผิดท่าทางไปโดยไม่รู้ตัว ทุกวันนี้เวลาไปพบช่างจ้ำ ก็ยังต้องคอยหมั่นแก้ท่าทางกันอยู่ไม่น้อย ไม้แก่มันดัดค่อนข้างจะยากอยู่
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน
napontr
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2015, 09:31
Bike: Giant Propel SL

Re: อยากขอปรึกษาเรื่องการอาการบาดเจ็บ และการฟิตติ้งครับ

โพสต์ โดย napontr »

Kize เขียน:ลองปรึกษาช่างจั๊มดูครับ หรือฟิตเตอร์ท่านอื่นที่มีความเข้าใจในกายวิภาคศาสตร์ดีหน่อย คิดว่าน่าจะช่วยจัดท่าปั่นที่เหมาะสมได้

แต่ถึงอย่างไรก็ต้องปั่นจักรยานแบบช้าๆเบาๆไปสักพักใหญ่ๆ
เพื่อสร้างกล้ามเนื้อมาช่วยพยุงข้อเข่าตามความเห็นของแพทย์ที่ให้ไว้ร่วมด้วยอยู่ดีครับ
ตอนนี้ผมฝึกตามตารางครับ Endu 3 วัน interval 1 วัน ปั่นกลุ่ม(หรือ tempo คนเดียว) อีก 1 วัน
มันจะเจ็บเอาวันที่ interval บนเทรนเนอร์ครับ ปั่นกลุ่มไม่เจ็บมาก
ว่าจะลองติดต่อ jumm's bike ดูครับ ขอบคุณครับ
suwaree เขียน:เคยผ่าตัดข้อศอกและข้อเข่า แต่ยังไม่เคยfitting เคยให้ที่ร้านปรับให้คร่าวคร่าวข้างทีผ่ามันจะสั้นกว่าปกติ อุปกรณ์ที่เป็นลักษณะสมมาตรเช่นบันไดหรือแฮนด์ น่าจะปรับลำบาก ตอนนั้นปรับแต่aerobarซึงเลื่อนเข้ามาให้สั้นแต่ก็มีปัญหาการกดshifterลำบาก
ส่วนการใช้ครีทหมอบแล้วเจ็บลองปรึกษาคนขายช่วยขยับให้ น่าจะใช้ต้นทุนต่ำสุด เคยเจ็บตรงball of foot เปลี่ยนรองเท้าและครีทก็ดีขึ้น รอฟังความเห็นท่านอื่นนะคะ
ให้คนขายตั้งมาเหมือนกันครับ เจ็บตั้งแต่วันแรกเลย ฮ่าๆ
Gok See เขียน:ใส่คีทเจ็บเข่านี่ การตั้งคลีทให้ปลายนิ้วเท้าเท้าแปออกหรือหุบเข้าในมีผลมาก ๆ ถ้าท้าแปไม่ได้ระยะเจ็บเข่า เรื่องระยะเบาะต่าง ๆ นี่ก็ต้องปรับทีละมิลสองมิล ตรงนี้ช่างฟิตติ้งมันก็บอกไม่ถูกหรอก

เอาจริง ๆ นะ ลองคิดวาคุณเป็นช่างฟิตติ้ง ถ้าปรับเบาะลูกค้านิด ยกแฮนด์หน่อย จะกล้าคิดตัง 4-5 พันมั้ย จะเอาตังก็ต้องอ้างนั่นนี่เยอะ ๆ ปรับนาน ๆ ทั้งที่จริงดูท่านั่งกะด้วยสายตาก็รู้แล้ว ผมเห็นเครื่องมือช่างฟิตทำเป็นคาดสายวัด หรือไม้บรรทัด
ผมนี่เห็นแล้วขำ เครื่องมือพวกนี้ เวลาวัดมันจะมีค่า human eror ไปหลายมิลครับ ค่าที่ช่างฟิตติ้งวัดได้มันคลาดเคลื่อนเยอะกว่าความคลาดเคลื่อนที่เราต้องการจริง ๆ แต่คิดตังค์ไปลูกค้าสบายใจ รู้สึกคุ้มค่า ทั้งที่จริงกลับไปปั่นก็ยังเจ็บเหมือนเดิม
ผมปรับเองก็ไม่รอด เลยต้องอยากได้ฟิตเตอร์ที่ชำนาญเรื่องแบบนี้จริงๆ ครับ
napontr
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2015, 09:31
Bike: Giant Propel SL

Re: อยากขอปรึกษาเรื่องการอาการบาดเจ็บ และการฟิตติ้งครับ

โพสต์ โดย napontr »

kai9121 เขียน:เจ้าของกระทู้เป็นเหมือนผม เจ็บเข่าซ้ายข้างเดียว ขาซ้ายยาวกว่าขาขวาเซนต์นนึงโดยประมาณ ผมไปฟิตติ้งที่ในบอร์ดบอกว่าดี แต่ไม่ใช่ช่างจั้มนะครับ ปั่นไม่ได้เลยปวดข้างขวาเพิ่มมาด้วย ก็เลยคิดว่าคงไม่กลับไปหาช่างฟิตติ้งแล้ว เอาค่าเดิมที่วัดไว้ก่อนไปทำฟิตติ้งมาปรับกลับอย่างเดิม ก็ปั่นได้แต่เจ็บเข่าซ้าย เลยเริ่มปรับเองลองวัดขาดูจึงรู้ว่าขายาวไม่เท่ากัน เลยไปซื้อแผ่นรองคลีทเสริมความสูง เสริมไป
4 มิล แล้วปรับความสูงอานขึ้นมา 4 มิลเช่นกัน อาการปวดลดลงแบบเห็นได้ชัด แต่ปั่นแล้วรู้สึกแปลกๆที่ขาขวาเท้ามันลอยๆแปลกๆเนื่องจากความสูงของแผ่นที่เสริมความสูงเข้าไป ผมเลยถอดออกแต่ไม่ปรับลดหลักอาน ก็ปั่นได้แต่ขาขวาจะเหยียดๆนิดๆ ปั่นไปสักพักก็เริ่มชิน อาการเข่าซ้ายที่เคยปวดก็หายไปด้วย ยกเว้นกดหนักๆก็มีปวดบ้างแป๊บเดียวก็หาย เล่าสู่กันฟังครับเผื่อจะมีประโยชน์
ผมก็ไปฟิตติ้งตามในบอร์ดแนะนำเหมือนกันครับ
แต่เคสผม จะมีอาการหนักถ้าเบาะสูงไปครับ (ยืดขามากเกินไป)
Chiny เขียน:อยากให้ลองปรับตั้งระยะติดตั้งแผ่นคลีตให้ได้ตำแหน่งที่ถูกต้อง ถ้าแท้าเอียงอาจต้องใช้แผ่นลองช่วยปรับระนาบเท้ากับบันได และใช้แผ่นคลีตที่มี float มากๆ เพื่อให้เข่าให้ตัวได้ขณะปั่นเช่นถ้า shimano ก็สีเหลือง ลองดูครับ
เรื่องของเรื่อง คือผมตั้งคลีทหมอบไม่เป็นครับ (ก่อนหน้านี้ใช้แต่คลีทภูเขา)
ลอง search วิธี แล้วทำตาม เจ็บไป 2 สัปดาห์ ฮ่าๆ
ตอนนี้ผมใช้คลีทสีเหลืองครับ
napontr
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2015, 09:31
Bike: Giant Propel SL

Re: อยากขอปรึกษาเรื่องการอาการบาดเจ็บ และการฟิตติ้งครับ

โพสต์ โดย napontr »

lucifer เขียน:ปัญหาค่อนข้างซับซ้อนครับ
อย่างแรก ควรจะทำความเข้าใจก่อนว่า การทำ dynamic fitting โดยให้คนปั่นขึ้นรถ แปะเซนเซอร์ แล้วปั่นๆๆๆๆ อ่านค่าตัวเลขแล้วปรับแก้ มันก็ไม่ได้แตกต่างจากการเอารถไปตั้งศูนย์ล้อด้วยเครื่องตั้งล้อระบบdigitalในปัจจุบัน ที่แค่ปรับทุกตัวจนกลายเป็น 0 แล้วก็จบ

ดังนั้นผมขอถามคุณเจ้าของกระทู้ว่า ก่อนทำ dynamic fitting เขาทำอะไรกับคุณบ้าง
ตรวจร่างกายแค่ไหน แค่วัดความยาขาเพียงอย่างเดียวไหม หรือ ว่าทำมากกว่านั้น เช่น ดูflexibilityของร่างกาย มุมวิกฤตของสะโพกแค่ไหน มุมข้อเท้าเป็นอย่างไร มีเท้าหุบ เท้าแป ไหม รวมไปถึงดูระดับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เพราะพวกนี้มีผลทั้งสิ้นครับ

Fitterไม่แตกต่างจากหมอที่จะต้องตรวจร่างกายนักปั่นให้ดีก่อน แล้วจึงเอามาขึ้นจักรยาน ถ้าเป็นกรณีของคุณที่กายวิภาคไม่ได้เหมือนกับคนส่วนใหญ่ การทำ static fitting จะเป็นสิ่งที่สมควรทำมากกว่าจะเอาไปทำ dynamic fitting อาจจะต้องพิจารณาเสริมแผ่นรอง cleat สำหรับเท้าขวาให้สูงขึ้น หรือ หนุนแก้เอียงให้ลงตัว ดูความสบายในท่าปั่น บ่อยครั้งอาจจะต้องใช้เวลานานถึง 2 ชม. กว่าจะจบกระบวนการ

กลุ่ม Knock knee ต้องจับเอามาปั่นแล้วดู static fitting กันก่อนเลยที่จะเอาไปเข้า retul เพราะมันจะมี variation ของมุมเข่า รวมถึงมุมของปลายเท้า ส่งผลให้การปรับมุมของcleatผิดไปจากกลุ่มคนปกติ

ขาที่ยาวกว่ากัน ก็ต้องดูกันเลยว่า อะไรที่ยาวกว่า กระดูกต้นขาหรือกระดูกปลายขา หรือ ทั้ง 2 ส่วนที่ส่งผลให้ขาซ้ายยาวกว่าขาขวา กรณีแบบนี้ static fitter จับแล้วแก้อาการได้ง่ายกว่า

หลังจากผ่านขั้นตอนของ static fitting แล้ว ก็จะให้กลับไปปั่น แล้วกลับมา follow up เพื่อปรับแต่งอีกครั้ง ซึ่งก็อาจจะไม่จบ เพราะหลังจากปั่นจนเข้าที่เข้าทางแล้ว ตรงนี้ค่อยกลับมาขึน Retul เพื่อดู dynamic position กันอีกทีว่าเข้ารูป เข้ารอย ไหม อย่างไร ต้องปรับอะไรอีกมากน้อยแค่ไหน

ที่เล่ามานี่ จะเห็นว่าจริงๆแล้ว ขั้นตอนมันมากกว่านั้น
ปัญหาของผู้ปั่นเองก็ไม่ใช่น้อย เช่น เคยชินกับอะไรที่มันไม่ปกติๆมานาน ทนได้จนเคยตัว กล้ามเนื้อส่วนอื่นๆเช่นกล้ามเนื้อแกนกลางก็ยังไม่แข็งแรงดี พอได้รับการปรับแต่งให้อยู่ในท่าที่ดีขึ้น บางครั้งกลับรู้สึกไม่สบาย แล้วก็ยอมแพ้ ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงนั้น แล้วก็ปรับแต่งรถเองใหม่อีก ( แล้วจะเสียเงินไปทำ fitting ไปทำไมนะ :lol: ) ประเภทนี้ผมก็เจอมาเยอะเช่นกัน น้องๆในกลุ่มก็มี ประเภทดื้อเป้ง พูดแล้วก็รำคาญ ตัดบทกลายเป็นเลิกให้คำแนะนำไป เพราะป่วยการ พูดไปก็ไม่รับฟัง อธิบายไปก็เอาหูทวนลม สรุปให้ดักดานกันต่อไป

บ่นไปยาว :lol: :lol: :lol:

ถ้าคิดว่า ซีเรียสกับการปั่นจักรยาน ผมเองก็รู้จักแค่ช่างจ้ำคนเดียว เพราะผูกปีกันมาตลอด เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งอาจารย์ แลกเปลี่ยนความรู้กันตลอดมา ผมว่าถ้าคุณเจ้าของกระทู้ยังซีเรียสอยู่ และอยากปั่นจักรยานต่อไป อยากจะให้ลองปรึกษากับช่างจ้ำดู ที่อยู่ ก็หาเอาใน facebook ก็ได้ หรือหาจากในกูเกิ้ลก็ได้ครับ น่าจะหาไม่ยากหรอก

คิวยาวหนะยาวแน่ ยิ่งเป็น case ที่ซับซ้อนด้วยแล้ว ผมเชื่อว่าช่างจ้ำจะดูแลให้เอง เพราะบอกไปแล้วว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังชีวิตม้วนยาว ไม่ใช่หนังสั้นตอนเดียวจบครับ

ผมเองปั่นจักรยานมานาน ปรับตัว ปรับท่าตัวเองจนบางทีผิดท่าทางไปโดยไม่รู้ตัว ทุกวันนี้เวลาไปพบช่างจ้ำ ก็ยังต้องคอยหมั่นแก้ท่าทางกันอยู่ไม่น้อย ไม้แก่มันดัดค่อนข้างจะยากอยู่
อ่านที่พี่หมอลูแนะนำ รู้สึกขอบคุณจริงๆ ครับ

ที่ผมเลือก Dynamic ตั้งแต่แรก เพราะผมรู้ตัวว่า ร่างกายผมมันแปลกๆ เลยนึกว่า Dynamic จะดีกว่า
แต่พอไปถึงจริงๆ ไม่ได้ตรวจ flexibility ของร่างกายซักเท่าไหร
เหมือน fitter จะใช้ประสบการณ์วิเคราะห์มากกว่า แล้วขึ้นเครื่อง ดูค่าจากเครื่องเอาครับ
ซึ่งตอนนั้นผมไม่รู้จริงๆ นึกว่า dynamic ต้องเปนแบบดูตัวเลข เขียวๆ แดงๆ ไฮเทคๆ แบบนี้

ตอนนี้ผมจองคิวช่างจ้ำเรียบร้อยแล้วครับ

สมัยผมศึกษาเรื่องกล้อง ผมก็ได้คำแนะนำดีๆ จากพี่หมอ พอมาวงการจักรยาน ผมก็ยังได้คำแนะนำดีๆ อยู่
ขอบคุณจากใจจริงๆครับ :D :D :D
รูปประจำตัวสมาชิก
kinui
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 244
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ส.ค. 2014, 10:09
Bike: intenso 2015

Re: อยากขอปรึกษาเรื่องการอาการบาดเจ็บ และการฟิตติ้งครับ

โพสต์ โดย kinui »

น่าจะยังทัน หวังว่า จขกท คงกลับเข้ามาอ่าน
ผมเนี่ยเคยเป็นครับ เค้าเรียกผิวข้อกระดูกเป็นแผล ทำให้น้ำเลี้ยงข้อน้อย เป็นข้างซ้ายเหมือนกันด้วย
แต่อาการที่ผมเป็นคือ ปั่นเบา ๆ ได้ แต่ยืนโยกไม่ได้ มันจะปวดแปร๊บขึ้นมาที่องศานึง ๆ ปวดแบบจิ๊ดเลย
สุดท้าย ยอมแพ้ ขึ้นเขียงที่ รพ พระราม9 ผ่าตัดแบบส่องกล้อง
ทุกวันนี้ ไปได้ทุกที่ ดอยอิน ทับเบิก ด่านชนด่าน 2 รอบ ในวันเดียว แถมเป็นหัวลาก ( กลุ่มเล็ก ๆ ) ให้เพื่อนได้อีก
เป็นกำลังใจให้ครับ
เผื่ออยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์ Line id kinui9
Facebook ก็ https://www.facebook.com/jacksirichao
ขอให้หายสนิทครับผม
รูปประจำตัวสมาชิก
flybigbear
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 558
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2014, 13:45
team: ชมรมจักรยานจังหวัดแพร่
Bike: NICH SIGNATURE

Re: อยากขอปรึกษาเรื่องการอาการบาดเจ็บ และการฟิตติ้งครับ

โพสต์ โดย flybigbear »

napontr เขียน:
lucifer เขียน:ปัญหาค่อนข้างซับซ้อนครับ
อย่างแรก ควรจะทำความเข้าใจก่อนว่า การทำ dynamic fitting โดยให้คนปั่นขึ้นรถ แปะเซนเซอร์ แล้วปั่นๆๆๆๆ อ่านค่าตัวเลขแล้วปรับแก้ มันก็ไม่ได้แตกต่างจากการเอารถไปตั้งศูนย์ล้อด้วยเครื่องตั้งล้อระบบdigitalในปัจจุบัน ที่แค่ปรับทุกตัวจนกลายเป็น 0 แล้วก็จบ

ดังนั้นผมขอถามคุณเจ้าของกระทู้ว่า ก่อนทำ dynamic fitting เขาทำอะไรกับคุณบ้าง
ตรวจร่างกายแค่ไหน แค่วัดความยาขาเพียงอย่างเดียวไหม หรือ ว่าทำมากกว่านั้น เช่น ดูflexibilityของร่างกาย มุมวิกฤตของสะโพกแค่ไหน มุมข้อเท้าเป็นอย่างไร มีเท้าหุบ เท้าแป ไหม รวมไปถึงดูระดับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เพราะพวกนี้มีผลทั้งสิ้นครับ

Fitterไม่แตกต่างจากหมอที่จะต้องตรวจร่างกายนักปั่นให้ดีก่อน แล้วจึงเอามาขึ้นจักรยาน ถ้าเป็นกรณีของคุณที่กายวิภาคไม่ได้เหมือนกับคนส่วนใหญ่ การทำ static fitting จะเป็นสิ่งที่สมควรทำมากกว่าจะเอาไปทำ dynamic fitting อาจจะต้องพิจารณาเสริมแผ่นรอง cleat สำหรับเท้าขวาให้สูงขึ้น หรือ หนุนแก้เอียงให้ลงตัว ดูความสบายในท่าปั่น บ่อยครั้งอาจจะต้องใช้เวลานานถึง 2 ชม. กว่าจะจบกระบวนการ

กลุ่ม Knock knee ต้องจับเอามาปั่นแล้วดู static fitting กันก่อนเลยที่จะเอาไปเข้า retul เพราะมันจะมี variation ของมุมเข่า รวมถึงมุมของปลายเท้า ส่งผลให้การปรับมุมของcleatผิดไปจากกลุ่มคนปกติ

ขาที่ยาวกว่ากัน ก็ต้องดูกันเลยว่า อะไรที่ยาวกว่า กระดูกต้นขาหรือกระดูกปลายขา หรือ ทั้ง 2 ส่วนที่ส่งผลให้ขาซ้ายยาวกว่าขาขวา กรณีแบบนี้ static fitter จับแล้วแก้อาการได้ง่ายกว่า

หลังจากผ่านขั้นตอนของ static fitting แล้ว ก็จะให้กลับไปปั่น แล้วกลับมา follow up เพื่อปรับแต่งอีกครั้ง ซึ่งก็อาจจะไม่จบ เพราะหลังจากปั่นจนเข้าที่เข้าทางแล้ว ตรงนี้ค่อยกลับมาขึน Retul เพื่อดู dynamic position กันอีกทีว่าเข้ารูป เข้ารอย ไหม อย่างไร ต้องปรับอะไรอีกมากน้อยแค่ไหน

ที่เล่ามานี่ จะเห็นว่าจริงๆแล้ว ขั้นตอนมันมากกว่านั้น
ปัญหาของผู้ปั่นเองก็ไม่ใช่น้อย เช่น เคยชินกับอะไรที่มันไม่ปกติๆมานาน ทนได้จนเคยตัว กล้ามเนื้อส่วนอื่นๆเช่นกล้ามเนื้อแกนกลางก็ยังไม่แข็งแรงดี พอได้รับการปรับแต่งให้อยู่ในท่าที่ดีขึ้น บางครั้งกลับรู้สึกไม่สบาย แล้วก็ยอมแพ้ ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงนั้น แล้วก็ปรับแต่งรถเองใหม่อีก ( แล้วจะเสียเงินไปทำ fitting ไปทำไมนะ :lol: ) ประเภทนี้ผมก็เจอมาเยอะเช่นกัน น้องๆในกลุ่มก็มี ประเภทดื้อเป้ง พูดแล้วก็รำคาญ ตัดบทกลายเป็นเลิกให้คำแนะนำไป เพราะป่วยการ พูดไปก็ไม่รับฟัง อธิบายไปก็เอาหูทวนลม สรุปให้ดักดานกันต่อไป

บ่นไปยาว :lol: :lol: :lol:

ถ้าคิดว่า ซีเรียสกับการปั่นจักรยาน ผมเองก็รู้จักแค่ช่างจ้ำคนเดียว เพราะผูกปีกันมาตลอด เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งอาจารย์ แลกเปลี่ยนความรู้กันตลอดมา ผมว่าถ้าคุณเจ้าของกระทู้ยังซีเรียสอยู่ และอยากปั่นจักรยานต่อไป อยากจะให้ลองปรึกษากับช่างจ้ำดู ที่อยู่ ก็หาเอาใน facebook ก็ได้ หรือหาจากในกูเกิ้ลก็ได้ครับ น่าจะหาไม่ยากหรอก

คิวยาวหนะยาวแน่ ยิ่งเป็น case ที่ซับซ้อนด้วยแล้ว ผมเชื่อว่าช่างจ้ำจะดูแลให้เอง เพราะบอกไปแล้วว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังชีวิตม้วนยาว ไม่ใช่หนังสั้นตอนเดียวจบครับ

ผมเองปั่นจักรยานมานาน ปรับตัว ปรับท่าตัวเองจนบางทีผิดท่าทางไปโดยไม่รู้ตัว ทุกวันนี้เวลาไปพบช่างจ้ำ ก็ยังต้องคอยหมั่นแก้ท่าทางกันอยู่ไม่น้อย ไม้แก่มันดัดค่อนข้างจะยากอยู่
อ่านที่พี่หมอลูแนะนำ รู้สึกขอบคุณจริงๆ ครับ

ที่ผมเลือก Dynamic ตั้งแต่แรก เพราะผมรู้ตัวว่า ร่างกายผมมันแปลกๆ เลยนึกว่า Dynamic จะดีกว่า
แต่พอไปถึงจริงๆ ไม่ได้ตรวจ flexibility ของร่างกายซักเท่าไหร
เหมือน fitter จะใช้ประสบการณ์วิเคราะห์มากกว่า แล้วขึ้นเครื่อง ดูค่าจากเครื่องเอาครับ
ซึ่งตอนนั้นผมไม่รู้จริงๆ นึกว่า dynamic ต้องเปนแบบดูตัวเลข เขียวๆ แดงๆ ไฮเทคๆ แบบนี้

ตอนนี้ผมจองคิวช่างจ้ำเรียบร้อยแล้วครับ

สมัยผมศึกษาเรื่องกล้อง ผมก็ได้คำแนะนำดีๆ จากพี่หมอ พอมาวงการจักรยาน ผมก็ยังได้คำแนะนำดีๆ อยู่
ขอบคุณจากใจจริงๆครับ :D :D :D
จัดไปครับ ถ้าถึงวันนั้นแล้ว อย่าลืมซื้อเบียร์เข้าไปเป็นลังๆๆพร้อมกับแกล้มนะครับ ขนาดผมแค่ไม่กี่กระป๋องยังตี1ตี2เลย ถ้าเป็นลังยาวถึงเช้าแน่ๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ( ไม่รู้ว่า ช่างหมีบ่น เลิกแอลฯรึยัง)
รูปประจำตัวสมาชิก
lucifer
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6413
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
Bike: Only 2-wheels bike
ติดต่อ:

Re: อยากขอปรึกษาเรื่องการอาการบาดเจ็บ และการฟิตติ้งครับ

โพสต์ โดย lucifer »

หมีบ่น เลิกแอลไปนานแล้วครับ หิ้วสลัดผักไปดีกว่า เป็นมังสะวิรัติแล้วครับ
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน
ตอบกลับ

กลับไปยัง “เสือหมอบ (roadbike)”