teemai เขียน:มีวัตต์+ใช้เป็น ก็เหมือนการจูนรถหัวฉีด บนไดโน
ดูแค่ตัวเลข เเล้วก็จูนกล่องเพิ่มลดน้ำมัน
ไม่มีวัตต์ ก็เหมือนจูนรถคาร์บิว บนถนน
ออกไปลอง ถอดหัวเทียนมาดูสี แกะคาร์บิวมากเพิ่ม/ลดขนาดนมหนู
ผมเทียบอย่างงี้ พอจะไปในทางเดียวกันมั้ยครับ
ชอบจริงๆครับ เจ้าของอู่สีเทาจูนนิ่งที่ระยอง พี่แกเรียนน้อย แต่แต่งรถอันดับต้นๆของประเทศไทยในยุค ประมาณยี่สิบปีก่อน ทั้งๆที่พี่แกเรียนน้อย
ผมไปเจอช่างประสบการสูงที่ขอนแก่น จูนPeugeot 405 GR ผม ทั้งประหยัดทั้งวิ่ง ไปอู่ใหนก็ตกใจว่า
วิ่งมาได้อย่างไร 350,000 กว่ากิโล
วันหนึ่งขับไป กทม ท่าจะไม่รอดเลยแวะ เอาไปจอดใว้ที่ปั๊ม คนรุ่นเก่านั่งอยู่ในร้านกาแฟพากันมอง ถามกันว่ามันยังมีอะใหล่หรือรถรุ่นนี้ สักพักผมนั่งมอไซด์ ไปซื้อโมดูลจุดระเบิดมาเปลี่ยน พวกนั้นมองพูดว่า ซ่อมเองซะด้วย
คนรุ่นใหม่ใช้ HRM ใช้ Garmin ใช้โปรแกรมต่างๆ วิเคราะห์กันไป ซ้อมตามโปรแกรมนั้น
คนรุ่นเก่าอยู่กับโค้ชรุ่นเก่า รับใบสั่งวันนี้ซ้อมกี่กิโล ปันความเร็วเท่าไร ไปเส้นทางใหน
ถึงเวลา ก็ทดสอบด้วยการปั่นเดี่ยวจับเวลา สอนเทคนิคการปั่นเพี่อแข่งให้ชนะ สอนเล่ห์เหลี่ยมต่างๆมากมาย สอนการวิเคราะเส้นทาง สอนการวิเคราะห์คู่แข่ง
พยากรได้กระทั่งว่าแข่งคราวนี้ใครจะชนะ ด้วยเหตุด้วยผลอะไร ด้วยเงื่อนไขอะไร จึงเปลี่ยนผลการแข่งขันได้
ว่างๆก็ดูทีวีการแข่งกีฬาต่างประเทศ ดูไป วิเคราะห์ไป จนรอบรู้ในกีฬาทุกชนิด
ไม่ทราบว่า อุปกรณ์รุ่นใหม่ โปรแกรมรุ่นใหม่ จะมาแทนคนเหล่านี้ได้อย่างไร
ยิ่งวงการมวยด้วยแล้ว โค้ซ สำคัญที่สุด ยังจำได้ใหม คนในวงการมวย คุยฟุ้งออกทีวี ไปโอลิมปิกไม่จำเป็นต้องใช้โค้ชนอกคุยซะจนนายกเคลิ้มตาม
ผลสุดท้ายเป็นอย่างที่รู้ๆกัน ที่คุยฟุ้งใว้หายหน้าไปใหน?
จะเฝ้าดู จะรอดู วงการจักรยานไทยไปเรื่อยตราบใดที่ยังไม่เบื่อ