lucifer's review : กล้าๆหน่อย กับ DARE MR1s

ถ้าเป็นรถหรืออุปกรณ์ที่ออกแบบมาเป็นของเสือหมอบโดยเฉพาะ เชิญเข้าห้องนี้ครับ

ผู้ดูแล: Cycling B®y, spinbike, velocity

รูปประจำตัวสมาชิก
lucifer
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6413
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
Bike: Only 2-wheels bike
ติดต่อ:

lucifer's review : กล้าๆหน่อย กับ DARE MR1s

โพสต์ โดย lucifer »

กล้าๆหน่อย กับ DARE MR1s


รูปภาพ


เราคงไม่ต้องอธิบายกันหรอกนะครับว่า เฟรมจักรยานชั้นนำโดยเฉพาะเฟรมคาร์บอนไฟเบอร์ที่เรารู้จักกันนั้น ส่วนใหญ่แล้วก็ผลิตขึ้นในไต้หวันนี่เอง ไต้หวันมีโรงงานผลิตจักรยานที่มีมาตรฐานอยู่หลายแห่งนะครับ รับงานผลิตเฟรม ไปจนถึงงาน furnishing หรือ ประกอบเป็นจักรยานสำเร็จรูปกันเลยทีเดียว แล้วก็คงมีคนสงสัยว่า แบบนี้แล้วทำไมโรงงานเหล่านี้ถึงไม่เลือกที่จะผลิตจักรยานใน Brand name ของตนเองบ้างหละ ทั้งๆที่ความจริงแล้วโรงงานเหล่านี้ก็ควรจะมีศักยภาพในการจะผลิตจักรยานใน Brand name ของตัวเองได้อยู่แล้ว เพราะการที่เป็นผู้รับจ้างผลิต ก็ย่อมจะได้รับทราบ เรียนรู้ และสะสม Know how ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการขึ้นรูป ชนิดและคุณสมบัติของเส้นใยคาร์บอนไฟเบอร์ ตลอดจนถึงการเลือกชนิดของ resin ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในการเชื่อมประสานชั้นของเส้นใยคาร์บอนไฟเบอร์เข้าด้วยกัน ผนวกเข้ากับความรู้ทางวิศวกรรมของคนไต้หวันเองก็ไม่ได้เป็นรองใคร การจะออกแบบจักรยานของตัวเองก็ไม่ใช่จะเป็นเรื่องยากมากมาย เพียงแต่ว่ามันหมายถึง”การลงทุน”

ก็เพียงแค่ต้องมี”ความกล้า”กันบ้าง กล้าที่จะมี Brand เป็นของตัวเอง กล้าที่จะคิด กล้าที่จะออกแบบ กล้าที่จะเข้าสู่วังวนแห่ง Red Ocean


รูปภาพ



DARE ผลิตโดยโรงงานของคนไต้หวันเช่นเดียวกับ Giant

โรงงานของ DAREเองก็รับจ้างผลิตเฟรมให้กับ Brandระดับแนวหน้าเช่นเดียวกัน ความรู้ความชำนาญตลอดจนความรู้ทางวิศวกรรมของการผลิตจักรยานจึงย่อมอยู่ในระดับมาตรฐานเช่นเดียวกับ Giant

เพียงแค่ว่า ณ เวลานี้ DARE เป็น Brand name น้องใหม่ที่อาจจะยังไม่คุ้นหู คุ้นตากันนัก แล้วก็ยังเลือกที่จะผลิตเพราะเฟรมคาร์บอนไฟเบอร์ในระดับตัว Top เพียงระดับเดียว โดยในขณะนี้ได้แบ่งสายการผลิตออกเป็น 4 segment ด้วยกันคือ
1. เฟรมเสือหมอบสำหรับทางเขา ( DARE MR1s )
2. เฟรมเสือหมอบแนว Aero ( DARE VSR )
3. เฟรมรถTime Trial ( DARE TSR )
4. เฟรมเสือภูเขา ( DARE X650 )

โดยแต่ละ Segment นั้น ถูกออกแบบมาโดยมุ่งเน้นที่ประสิทธิภาพ ผสมผสานคาร์บอนไฟเบอร์หลายชนิดเพื่อให้ได้จักรยานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในแต่ละแบบ รูปทรงและ Graphic design ที่สวยงาม รวมไปถึงผู้ใช้สามารถเลือกปรับแต่งรายละเอียดได้ตามที่ต้องการ ( เช่น ใน DARE VSR ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเพื่อใช้เบรคแบบ Direct mount หรือ จะใช้ Disc brake ได้ทั้ง post mount และ Flat mount เพียงแค่เลือกใช้ชุด dropout ที่ให้มาเพื่อปรับแต่งให้ใช้กับดุมล้อ 130mm หรือ ดุมดิสเบรค 135 mm ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเฟรมใหม่ ) นอกจากนี้ ผู้ใช้ก็ยังสามารถสั่ง custom สีและลวดลายได้ตามความต้องการได้อีก

รายละเอียด สามารถหาได้ในเวปไซท์ของ DARE นะครับ



รูปภาพ


DARE MR1s เป็นจักรยานที่ผมได้รับเกียรติจากผู้นำเข้าสำหรับนำไปทดสอบ โดยเปิดไฟเขียวให้เต็มที่สำหรับการปรับแต่งให้มันลงตัวกับตัวผมมากที่สุด ก่อนที่ผมจะเล่าผลการทดสอบให้อ่านกันนั้น ผมอยากจะให้มาดูกันที่ พื้นฐานของแนวความคิด และการออกแบบ ตลอดจนการเลือกใช้วัสดุ ซึ่งดูแล้วเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

DARE MR1s ย่อมาจาก Mountain Race 1 supreme ชื่อก็บอกถึงวัตถุประสงค์ของการออกแบบให้เป็นรถสำหรับการแข่งขันในเส้นทางไต่ทางชัน โดยผู้ผลิตได้ออกแบบจักรยานโดยใช้ท่อที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดใหญ่ ผนังบาง ซึ่งสามารถลดน้ำหนักของท่อต่างๆโดยยังคงไว้ซึ่งความแข็งแรงตามวัตถุประสงค์

DARE MR1s ถูกผลิตขึ้นจากคาร์บอนไฟเบอร์ของ TORAY โดยใช้การผสมผสานกันระหว่าง T1000 ซึ่งเป็น High tension carbon fiber กับ M40J + M46J ซึ่งเป็น High Modulus carbon fiber เพื่อให้ได้เฟรมที่มีความ stiff ถ่ายทอดแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่มีการบิดย้วยของเฟรม น้ำหนักเบา และเป็นเฟรมที่สามารถซับแรงกระแทกได้อย่างดี ซึ่งนั่นหมายถึง เสถียรภาพ การบังคับควบคุม รวมไปถึงความสบายตัว

โดยแบ่งเฟรมจักรยานออกเป็น 2 Zones คือ
1. Power zone ซึ่งได้แก่บริเวณกระโหลก ท่อล่างและตะเกียบในส่วนที่อยู่ติดกับท่อคอ โดยออกแบบให้มีความ Stiff ที่เหมาะสมเพื่อให้สามารถถ่ายทอดแรงออกไปได้โดยไม่เสียไปกับการบิดย้วยของเฟรม
2. Comfort zone ซึ่งได้แก่บริเวณปลายตะเกียบหน้า ตะเกียบอาน ( seat stay ) และส่วนบรรจบระหว่าง ท่อนั่ง-ตะเกียบอาน-ท่อบน โดยมีการเซาะร่องในส่วนของปลายท่อบนที่มาบรรจบกับท่อนั่ง ซึ่งเป็นการยิงนกสองตัว คือ ได้ทั้งเรื่องของการซับแรงกระแทก และยังสามารถลดน้ำหนักของเฟรมลงไปได้อีก

ข้อมูลจากผู้ผลิต เฟรมมีน้ำหนักอยู่แถวๆ 800กรัม ( จริงๆก็เกือบจะรื้อมาชั่งเองแล้ว แต่ติดที่กระโหลกเซรามิคของ WishBone มันรื้อยาก ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ ) ส่วนตะเกียบเปล่า ( ตัดซางแล้ว ) ชั่งเองหนัก 310 กรัม ( ขนาดทำสีไว้ซะแจ่ม และหนาขนาดนั้น ยังเบากว่าตะเกียบหน้าของ SuperSix Evo Himod ที่ผมใช้เสียอีก ) ประกอบเป็นรถทั้งคัน น้ำหนักรวมๆก็ไม่ได้แตกต่างไปจากรถคันที่ผมใช้ ( ชุดอะไหล่คล้ายๆกัน และใช้ล้อชุดเดียวกัน )



รูปภาพ





รูปภาพ

ท่อบนในส่วนที่บรรจบกับท่อนั่ง ได้รับการออกแบบในลักษณะที่เซาะเป็นรูโหว่ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ได้ stiffness to weight ratio ที่สูงที่สุด โดยยังคงความสามารถในการซับแรง และความต้านทานต่อการย้วยผิดรูป ในภาพจะเห็นเงาสะท้อนที่เป็นลวดลายรูปเกล็ดปลาของ Sigmatex carbon fiber ภายใต้เทคโนโลยี่ที่เรียกว่า Flakamor technology ซึ่งนอกจากจะให้ประโยชน์ในเรื่องของน้ำหนักที่เบาลงแล้ว ก็ยังให้ลวดลายที่ดูแปลกตาไปด้วย



รูปภาพ
รูปภาพ

เฟรมถูกออกแบบให้ตะเกียบโซ่ หรือ Chain Stay มีขนาดที่อวบใหญ่ เพื่อความ stiff สูงสุด ในขณะที่ตะเกียบอาน หรือ Seat Stay มีขนาดเบาบาง เพื่อช่วยให้สามารถซับแรงสะเทือน ซึ่งจะส่งผลในเรื่องของความสบายตัว




รูปภาพ
กระโหลกอวบใหญ่ เพื่อความstiffสูงสุด ระบบกระโหลกเป็น BB86 ซึ่งแปลว่า ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ได้ทั้ง Shimano และ SRAM GXP
แถมยังมี chain catcher มาให้จากโรงงาน ไม่ต้องดิ้นรนไปซื้อหามาเพิ่มเติมอีกต่อไป






รูปภาพ

สมกับเป็นโรงงานผู้ผลิตมาเอง บรรดาองคาพยบไม่ว่าจะเป็นชุดถ้วยคอ Stem HandleBar แม้แต่หลักอานก็ยังแปะยี่ห้อ DAREไว้หมด สิ่งที่ประทับใจก็คงจะเป็นบริเวณที่ปลอกสายเกียร์มุดเข้าไปในส่วนของท่อล่าง เพราะผู้ผลิตออกแบบฝาปิดนี้มา 2 ชุด ชุดแรกคือที่เห็นในภาพ เป็นฝาปิดที่เป็น stopper ของปลอกสายเกียร์ ส่วนอีกชุดหนึ่งจะเป็นฝาปิดในกรณีที่เลือกใช้ชุดเกียร์ไฟฟ้า เป็นรถที่เน้นการออกแบบจริงๆเลย





ภาคทดสอบการใช้งานจริง

รถคันนี้เป็นรถขนาด 48 ซึ่งเทียบได้กับรถขนาด XS ของหลายๆค่าย ( Geometry โดยละเอียด คลิกเข้าไปดูที่ http://dare-bikes.com/mr1s/#geometry นะครับ )

สิ่งที่ผมโปรดปรานมากคือ ค่า Reach , Stack , มุมท่อนั่ง และ มุมคอ แทบจะไม่ได้แตกต่างไปจากรถที่ผมใช้งานประจำเลย จะมีต่างบ้างก็คือ ท่อคอเอียงลาดกว่านิดหนึ่ง คือ จาก 71.5องศา เหลืออยู่แค่ 71องศา ส่วนกระโหลกต่ำลงกว่ากันแค่ 0.5mm สำหรับผม ปรับตัวเพียงเล็กน้อยก็ไม่มีปัญหาแล้ว

ความที่ผมได้มีโอกาสลองจักรยานหลายๆยี่ห้อ หลายๆรุ่น และขี่จักรยานมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ยังไม่นับประสพการณ์ที่ได้จากการขี่เสือภูเขามาก่อนในหลายๆลักษณะเส้นทาง อย่างน้อยก็ทำให้ผมพอจะมีทักษะในการบังคับจักรยานอยู่ในระดับที่สามารถเอาตัวรอดได้ในหลายๆสถานะการณ์ ดังนั้นสิ่งที่ผมให้ความสำคัญมากทีสุดสำหรับจักรยานแต่ละคัน ก็คือ การบังคับควบคุม

โดยส่วนตัวแล้ว ผมชอบขี่จักรยานที่มีขนาดเล็กกว่าขนาดมาตรฐานที่ผู้ผลิตแนะนำให้กับผู้ขี่ในระดับเริ่มต้น เพราะรถที่เล็กลงไปอีก 1 ขนาด จะมีน้ำหนักที่เบาลง Stiffเพิ่มขึ้น ว่องไวต่อการบังคับควบคุมได้มากขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่า ความว่องไวที่เพิ่มขึ้นก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดีในทุกๆครั้ง เพราะนั่นหมายความว่านอกจากผู้ขี่จะต้องมีทักษะในการบังคับรถได้ดีแล้ว ก็ควรจะมีร่างกายที่แข็งแรงและมีสมาธิในการบังคับควบคุมมันในระดับที่ดีด้วยเช่นกัน รวมไปถึงความยืดหยุ่นของร่างกายที่อยู่ในระดับที่ดี

ผมแบ่งการทดสอบรถคันนี้เป็นสองภาคคือ
1. ภาคถนนธรรมดา โดยผมเจตนานำไปปั่นบนถนนสายนครปฐม-บ้านแพ้ว ซึ่งเป็นถนนที่ตรง และมีลมพัดในแนวยาว ซึ่งช่วงเดือนนี้คือ จะปั่นสวนลมในช่วงขาไป ยิ่งใกล้บ้านแพ้วเท่าไหร่ ลมจะยิ่งแรงเท่านั้น และขากลับก็จะปั่นตามลม

ผมเปลี่ยนอานมาเป็นของ SQ.Lab ซึ่งดูแล้วน่าจะถูกโฉลกกับก้นของผมมากกว่าเบาะที่มากับรถ เซทความสูงของแฮนด์ให้อยู่ในตำแหน่งที่สามารถก้มได้อย่างมีความสุข แล้วเลือกใช้ล้อ ENVE 3.4 ใครที่คุ้นเคยกับล้อรุ่นนี้ จะเห็นด้วยกับผมว่า ล้อชุดนี้”มีความกระด้าง” เพราะผมต้องการพิสูจน์ความนุ่มของเฟรมตัวนี้

ครับ มันเป็นเฟรมที่นุ่ม ขี่สบายตัวมาก ตะเกียบหน้าไม่ได้แข็งกระด้างแบบคันที่ผมใช้ เวลาที่”ตั้งใจ”ขี่รูดเส้นนูนขาว ที่เขาทาผิวถนนเพื่อเตือนให้คนขับรถชะลอความเร็ว ใครที่เคยขี่จักรยานรูดเจ้าเส้นนูนขาวพวกนี้จะทราบดีว่า “สะท้าน สะเทือน” เพียงใด

ครับ มันรูดผ่านไปได้แบบสบายและมีความสุข ไม่ส่งผ่านความกระด้างและสะเทือนมายังแฮนด์ และมายังมือของผมเลย ( ซึ่งโดยปกติแล้ว feeling สะท้านสะเทือนที่ส่งมายังมือ จะพบในรถคันเก่งของผมแบบจัดเต็ม และไม่รีรอ ) ในขณะที่แรงสะเทือนที่ส่งผ่านขึ้นมาจากล้อหลังก็ยังจัดว่ามันรูดผ่านได้อย่างสบาย ไม่ว่าจะเป็นการปั่นหรือ ปล่อยรูดไปเฉยๆ เพราะถ้าเป็นเจ้าคันเก่งของผม มันจะผ่านแบบสบายเฉพาะในจังหวะที่ออกแรงปั่นจักรยานเท่านั้น แต่ถ้าปล่อยไหลรูดไปอย่างเดียว จะสัมผัสแรงสะเทือนกลับมาได้มากกว่า

สรุปว่า หากเทียบความนุ่มนวล ขี่แล้วสบายตัวแล้ว MR1sเอาไปกินครับ สบายกว่า นุ่มกว่าทั้งหน้าและหลัง โดยเฉพาะด้านหน้านี่กินขาดเลย ส่วนด้านหลังจะสบายกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกันในจังหวะที่ออกแรงปั่นผ่านบันได แต่จะดีกว่าแบบรู้สึกได้เลยว่าแตกต่างก็จะเป็นจังหวะที่ปล่อยให้รถไหลรูดผ่านไปเฉยๆนั่นแหละ

ถ้ามันเป็นเฟรมที่นุ่ม แล้วมันจะย้วยไหม อยากรู้ต้องยืนย่ำ แล้วโยก แล้วสะบัดแฮนด์แรงๆ ตอบเลยว่า ด้วยแรงและกำลังที่ผมสามารถเค้นออกมา ผมไม่สามารถสัมผัสกับอาการ”ย้วย”ได้เลย รถตอบสนองต่อการออกแรงได้อย่างดีมากๆ เหมือนมันจะไม่รั้งรอที่จะส่งแรงไปยังล้อ มีความรู้สึกเหมือนว่ามันจะไม่วิ่งเท่าไหร่ แต่พอดูไมล์แล้ว มันก็ไม่ใช่แบบที่รู้สึกเลย อารมณ์คล้ายเหยียบคันเร่งรถเก๋งญี่ปุ่น กับ รถยุโรป ออกตัวไปเร็วพอๆกัน แต่อารมณ์ในรถยุโรปเหมือนรถมันวิ่งไม่เร็ว ประมาณนั้น

จากการปั่นทวนลมในขาไป ทำให้ผมเพิ่งเข้าใจชัดเจนว่า อาการนุ่มแล้วไหล มันเป็นแบบนี้นี่เอง

ความรู้สึกคล้ายๆกันนี้ ผมเองเคยเจอในสมัยที่ปั่นเสือภูเขาบนทางลูกรัง ผมพบว่ารถ Full Suspension สามารถรักษาความเร็วในการปั่นได้ดีกว่า รถ HardTail เพราะ แรงที่เรากระทำกับบันไดไม่ต้องถูกหักล้างด้วยแรงที่ส่งขึ้นมาจากผิวทาง พอมาเป็นเสือหมอบที่สามารถ damp ความสะเทือนจากผิวทางได้ดี ในขณะที่กำลังทวนลมอยู่นั้น ผมมองเห็นความเร็วมันค่อยๆขึ้นไปอย่างช้าๆ ในขณะที่ผมไม่ต้องเพิ่มค่าวัตต์ไปมากมายเลย

อาการนี้คล้ายๆกับสมัยที่ผมเคยปั่น BMC SLR01 บนเส้นทางนี้ แบบใดแบบนั้นเลยครับ ที่ทั้งนุ่ม และไหล ( เสียดายตรงที่มันไม่ยอมทำหลักอานตรงมาให้ใช้ ทำfitting ยังไงๆก็รีดประสิทธิภาพสูงสุดของมันไม่ได้ )

และอาการนี้ก็ตรงกันข้ามกับ Principia Rex E pro ซึ่งเฟรมอลูมิเนียมตัวนั้นมีความกระด้างแบบจัดเต็ม เวลาย่ำบันได รถกระด้างจะให้ความรู้สึกว่าตอบสนองเร็วมาก แต่เมื่อเจอผิวทางที่ไม่เรียบ ก็จะเกิดแรงต้านกับการออกแรงกดบันได ทำให้ต้องเพิ่มแรงมากขึ้นเพื่อที่จะรักษาความเร็วเอาไว้

Handling และ Cornering เป็นยังไง ปั่นถนนในเมือง บอกได้อย่างเดียวว่า เป็นรถที่เสถียรมาก ขี่ง่าย ในขณะที่การเข้าโค้งหรือที่ฝรั่งเรียกว่า Cornering มันให้ความรู้สึกที่แน่นอน สุขุม ไม่ดูซุกซน วอกแวก เหมือนกับSuperSix Evo HiMod ตัวที่ผมใช้อยู่




2. ภาคทางขึ้นลงเนิน ตัดโค้งด้วยความเร็วสูง
ผมมีโอกาสไปร่วมกิจกรรมกับทางหนังสือ CyclingPlus Thailand ปั่นจากบริเวณโรงแรมเขาใหญ่จุลดิส เดินทางไปทางเส้นวังน้ำเขียว เพื่อไปร่วมกิจกรรมบริจาคทุนและสิ่งของ ที่รร.สอนคนตาบอดมงกุฏคีรีวัน ใครที่เคยปั่นเส้นทางนี้ก็จะรู้ว่าเป็นเนินชันๆ และสามารถทดสอบทำ high speed cornering ได้หลายจุด

ความรู้สึกที่ได้ก็ไม่ได้แตกต่างจากการทดสอบในทางราบ คือ รถก็ยังคงมีความนุ่มและไหลให้สัมผัสได้ตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะในช่วงที่ผิวทางชำรุด ยางมะตอยที่ราดผิวถนนมีการหลุดลอกไปจนถึงก้อนกรวดที่อยู่ด้านล่าง ผิวทางจึงขรุขระเพราะต้องปั่นอยู่บนก้อนกรวด เพื่อนร่วมทางหันหน้ามามองพร้อมกับอาการเขย่าของแขน และพยักหน้าเล็กๆ ในขณะที่ผมยังยิ้ม สบายๆ รู้แหละว่าทางมันขรุขระนะ แต่มันไม่ได้สะท้านมาที่มือเลย ถ้าเป็น SuperSix EVo ที่ใช้อยู่ก็คงจะสะเทือนถึงมือได้บ้าง เพราะตะเกียบมันแข็งกว่า

ในช่วงที่ไต่เนิน หรือ ยืนย่ำเพื่อขึ้นเนิน บอกได้เลยว่า รถ”รับ”เอาแรงทั้งหมดที่ใส่ลงไป ส่งต่อไปหมุนล้อได้อย่างไม่ตกหล่นไปไหน ยืนยันและตอกย้ำความstiff ของรถ

ในช่วงขากลับ ก็เป็นการปั่นส่ง และไหลลงเนินยาวๆ แล้วมีหลายช่วงที่ต้องหักเลี้ยวเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงๆ ความรู้สึกเดิมที่ว่ามันไม่ค่อยจะซุกซนก็เริ่มจะหายไป ส่วนหนึ่งมาจากการที่รถมันสามารถซับแรงสะเทือนเอาไว้ได้มาก รวมถึงเสถียรภาพในการทรงตัวอยู่ในขั้นดี ทำให้การบังคับรถเข้าโค้งแคบๆที่ความเร็วสูงๆกลายเป็นเรื่องที่ทำได้โดยง่าย ไม่มีความรู้สึกหลอนว่าจะแหกโค้ง และเมื่อออกจากโค้งก็สามารถดึงรถกลับมาวิ่งในทางตรงได้อย่างง่ายดาย การหักหลบหลุมบ่อแบบฉุกเฉินก็สามารถทำได้ในทันทีทันใด โดยไม่เกิดอาการตอบสนองแบบน่าหวาดเสียว

กลับมาถึงที่พัก ถ้าไม่นับจากการหาค่า FTPแล้ว ผมพบว่าได้ทำ New High 20min Avg power ไปโดยไม่รู้ตัว แถมไม่ได้รู้สึกว่าจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าอะไรมากมายเลย บางทีการที่ได้ขี่รถที่นุ่มสบาย ก็คล้ายๆกับการขับรถเก๋งซึ่งยังไงๆก็นั่งสบายและเหนื่อยน้อยกว่าขับรถกระบะท้ายแหนบที่เต้นๆ กระแทกๆ เวลาเจอทางไม่ดี เพราะแทนที่เราจะต้องเกร็งตัว หรือ ออกแรงพยุงร่างกายสู้กับแรงกระแทก เราก็มาโฟกัสไปที่การออกแรงปั่นจักรยานได้มากขึ้นกว่าเดิม ดูเส้นทางได้ชัดเจนกว่าเดิม รวมๆแล้ว มันดีจริงๆ ดีต่อกาย และดีต่อใจ




บทสรุป

DARE อาจจะเป็น Brand น้องใหม่ในตลาดจักรยานปัจจุบัน บอกตรงๆว่า ค่าตัวก็ไม่ได้ต่ำเตี้ยอย่างที่หลายๆคนต้องการ เพราะจริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่กฏเกณฑ์ตายตัวว่า รถหน้าใหม่ต้องขายในราคาถูกๆ เพราะถ้ามองกันที่การออกแบบ ชนิดของวัสดุที่ใช้ รวมไปถึง Performance ที่จัดอยู่ในระดับที่เรียกว่า outstanding ได้เลยทีเดียว ซึ่ง Performance ระดับนี้จะพบในเฟรม Brand name ที่มีระดับราคาอยู่ในชั้นแนวหน้า ที่พอเอ่ยชื่อปุ๊บ หลายคนฝันถึง แต่พอรู้ราคาปั๊บก็ เฮ่อออออออ แพงกว่า DARE เยอะ

DARE MR1s เป็นรถที่ให้ความรู้สึกนุ่มสบายตัว ไม่ว่าจะเป็นถนนลาดยาง ถนนที่ผิวทางไม่เรียบ เพราะสามารถซับแรงกระแทกและความสะเทือนได้เป็นอย่างดี ทำให้สามารถควบคุมรถได้โดยง่าย เสถียรภาพในทางตรงและทางโค้งจัดอยู่ในระดับที่ดีมาก จึงเป็นรถที่ง่ายต่อการบังคับควบคุม รถอาจจะไม่ถึงกับซุกซนนัก แต่ก็สามารถหักเข้าโค้งที่ความเร็วสูงๆได้อย่างสบายๆ ( คือไม่ใช่รถประเภทที่จะเข้าโค้งลึกๆเร็วๆ จะต้องโหนหนักๆ ซึ่งความรู้สึกนี้เคยเจอกับรถค่ายหนึ่ง แบบว่าหลอนว่าจะแหกตลอดเวลาที่ลงมาจากเขาใหญ่ )

DARE MR1s เป็นรถที่ให้”ความรู้สึกไหล”แบบแปลกๆ อธิบายได้ด้วยทฤษฎีดังนี้ “ แรงที่เราออกแรงกระทำกับบันได ไม่ถูกหักล้างจากแรงสะเทือนที่ส่งผ่านขึ้นมาในทิศทางที่ต้านกับการออกแรง ดังนั้นแรงที่เรากระทำกับบันได เมื่อรวมถึงความstiffของกระโหลกและตะเกียบโซ่ขนาดใหญ่ ย่อมทำให้ส่งแรงจากบันไดผ่านไปยังล้อหลังได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย”

DARE MR1s คันนี้ ผลิตออกมาได้เรียบร้อยและประนีตมาก งานสีสวยงาม ไม่พบริ้วรอยหรือฟองอากาศ และอาการสีเป็นคลื่น ไม่มีอาการสีกระเทาะในส่วนที่เป็นขอบมุมต่างๆ ซึ่งถ้าหากเปลี่ยนเป็นเฟรมในลักษณะสี Nude หรือ ไม่ทำสีแต่เคลือบด้วยแลคเกอร์ด้านแทน เฟรมน่าจะมีน้ำหนักเบากว่าเดิมอีกไม่ต่ำกว่า 1 ขีดได้สบายๆ

DARE อาจจะเป็น Brand ใหม่ในท้องตลาด อาจจะไม่ถูกโฉลกกับคนที่ยังยึดติดกับชื่อเสียงของBrand เก่าๆ

เมื่อเทียบระหว่าง Performance : Price ผมก็ยังยืนยันว่า เป็นรถที่น่าจะได้มีโอกาสลองใช้ดูครับ นุ่มด้วยไหลด้วย ส่วนความพุ่งถ้าคุณมีแรงยังไงๆก็พุ่งครับ เพราะแรงที่ส่งไปจะไม่หายไปไหน ต้องมองไมล์แล้วจะหายข้องใจ



ใครอยากจะลอง ก็ต้องกล้าๆหน่อย
แก้ไขล่าสุดโดย lucifer เมื่อ 31 ต.ค. 2018, 13:05, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน
รูปประจำตัวสมาชิก
KleinMantra1998
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 567
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2015, 14:48
Bike: Trek

Re: lucifer's review : กล้าๆหน่อย กับ DARE MR1s

โพสต์ โดย KleinMantra1998 »

ขอบคุณครับ

คงต้องไปหาราคาดูต่อว่า เท่าไหร่
Angkhan Chuwan
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2017, 15:04
ติดต่อ:

Re: lucifer's review : กล้าๆหน่อย กับ DARE MR1s

โพสต์ โดย Angkhan Chuwan »

ขอบคุณมากครับ ข้อมูลที่ได้จากการทดสอบจริงหายากจริงๆครับรุ่นนี้
Urielius
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2016, 10:07
Bike: BMC ALR01

Re: lucifer's review : กล้าๆหน่อย กับ DARE MR1s

โพสต์ โดย Urielius »

ขอบคุณมากครับ อ่านแล้วอยากลองเลย
jojoba
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 104
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2014, 01:00
Bike: orbea alma

Re: lucifer's review : กล้าๆหน่อย กับ DARE MR1s

โพสต์ โดย jojoba »

2ปีแล้วที่ผมเองก็ใช้ยี่ห้อนี้อยู่ครับ แต่เป็นตัว MR1 ก่อนที่จะขยับเป็นตัว MR1s คุณภาพตามที่ อ.ลู่ได้กล่าวไว้
งานเนียบ งานสวย รถอะไรก้ไม่รู้ นุ่ม ไหล
ไฟล์แนบ
17457704_752830151546936_7040531548319002665_n.jpg
17457704_752830151546936_7040531548319002665_n.jpg (114.97 KiB) เข้าดูแล้ว 5739 ครั้ง
17265019_752830154880269_8194619906596461676_n.jpg
17265019_752830154880269_8194619906596461676_n.jpg (110.69 KiB) เข้าดูแล้ว 5739 ครั้ง
17458075_752830181546933_2800786195175167394_n.jpg
17458075_752830181546933_2800786195175167394_n.jpg (104.11 KiB) เข้าดูแล้ว 5739 ครั้ง
รูปประจำตัวสมาชิก
swasin185
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 247
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ธ.ค. 2011, 18:54
Bike: CANYON AEROAD
ตำแหน่ง: ภูเก็ต

Re: lucifer's review : กล้าๆหน่อย กับ DARE MR1s

โพสต์ โดย swasin185 »

เทคโนโลยีคาร์บอนเดี๋ยวนี้ทันกันหมดแล้ว อยู่ที่ผู้ผลิตจะใส่มาให้รึเปล่า จะประณีตในการผลิตแค่ไหน
แต่ผมคิดว่า Brand จะติดตลาดหรือไม่ มันขึ้นอยู่กับผลงานในสนามแข่งครับ ต้องมีทีมแข่ง
อย่าง Infinite ภาพลักษณ์ดีขึ้นมากเมื่อมีทีม สิงค์ Infinite
ขอให้สร้างความเชื่อให้ลูกค้าได้ ทุกวันนี้มูลค่าตังค์ที่เสียไปกับการอัพรถ เป็นความเชื่อล้วนๆ
รูปประจำตัวสมาชิก
unicorn.biker
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 40
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 มี.ค. 2015, 21:55
Bike: Merida Scultura 300

Re: lucifer's review : กล้าๆหน่อย กับ DARE MR1s

โพสต์ โดย unicorn.biker »

พอจะกระซิบราคาให้ฟังหน่อยได้มั้ยครับ
ปั่นเพื่อเฟรช ปั่นเพื่อฟิต :)
รูปประจำตัวสมาชิก
lucifer
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6413
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
Bike: Only 2-wheels bike
ติดต่อ:

Re: lucifer's review : กล้าๆหน่อย กับ DARE MR1s

โพสต์ โดย lucifer »

unicorn.biker เขียน:พอจะกระซิบราคาให้ฟังหน่อยได้มั้ยครับ
สอบถามกับ Bike and Body โดยตรงเลยครับ :D
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน
รูปประจำตัวสมาชิก
Bikeandbody
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 มิ.ย. 2016, 14:37
team: BikeandBody

Re: lucifer's review : กล้าๆหน่อย กับ DARE MR1s

โพสต์ โดย Bikeandbody »

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านรีวิวน่ะครับ เราพยายามเต็มที่ในการทดลองให้นักปั่นหลายหลายท่านได้ลองขี่แล่ะช่วยกันติชม
อาหมอเป็นคนนึงที่เราติดตามแล่ะเชื่อในประสพการณ์ว่าจะติชมเจ้าเฟรมDareได้อย่างตรงไปตรงมา อย่างไรก้อตามสิ่งสําคัญที่สุดก่อน
ตัดสินใจเลือกเฟรมคู่ใจคือการได้ลองขี่ด้วยตัวคุณเอง หาฟิวลิ่งของการได้อยู่บนอานที่คุณชอบก่อนว่าแนวไหนชอบเช่น กระด้าง นุ่ม พุ่ง
ไหล จะได้ตัดสินใจได้อย่างมีแนวทาง เฟรมแดร์ในรืวิวราคา78,000บาทรวมแฮนคารบอนสเตมอลู ผลิตจากคารบอนToray T1000&Mitsu46แท้ ราคานี้แพงมั้ยขึ้นอยู่กับว่าคุณเทียบกับวัสดุอะไรฟินิจชิ่งแบบไหน เราจะมีการจัดให้ทดลองขี่อีกไม่นานนี็ครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
cocommnn
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 528
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 พ.ค. 2014, 23:55

Re: lucifer's review : กล้าๆหน่อย กับ DARE MR1s

โพสต์ โดย cocommnn »

ขาแรงโพเดี่ยมงานวัดงานอบต.หรือชิงแชมป์TH.ที่เคยใช้ท๊อปค่ายของแบรนด์ดังต่างๆ ก็ย้ายยานมายี่ห้อนี้เยอะ
อย่างรถTTรุ่นTSRหลายๆคนพูดเลยว่ามันเป็นรถขี้โกง เพราะรถมันว่ิ่งกว่าเค้าอย่างที่รู้สึกได้ :o :o
วันไหนขาแรงเอาTSRมาลากหมอบจะรู้สึกเลยว่ามันคืออาวุธสงคราม :twisted: :twisted:

แต่สำหรับบางคนที่ไม่รู้จักก็มองว่าแค่แบรนด์ใหม่ ไม่ได้รับรู้ถึงความพิเศษอะไร :? :?
แถมมองว่าแพงเกินตัวไปอีกทั้งๆที่ยังไม่เคยได้สัมผัส :roll: :roll:
รูปประจำตัวสมาชิก
Bikeandbody
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 มิ.ย. 2016, 14:37
team: BikeandBody

Re: lucifer's review : กล้าๆหน่อย กับ DARE MR1s

โพสต์ โดย Bikeandbody »

8-)
Gok See
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 449
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2016, 08:18
ติดต่อ:

Re: lucifer's review : กล้าๆหน่อย กับ DARE MR1s

โพสต์ โดย Gok See »

เรื่องการขายต่อล่ะครับ มันขายยากราคาตกมั้ย ถ้ามองเรื่องการเสื่อมราคา บางทีของที่ถูกอาจกลายเป็นของแพงก็ได้ รถดีแค่ไหนใช้นาน ๆ ก็เบื่อเหมือนกัน
รูปประจำตัวสมาชิก
trek3900/2009
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1953
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ส.ค. 2009, 02:31

Re: lucifer's review : กล้าๆหน่อย กับ DARE MR1s

โพสต์ โดย trek3900/2009 »

Gok See เขียน:เรื่องการขายต่อล่ะครับ มันขายยากราคาตกมั้ย ถ้ามองเรื่องการเสื่อมราคา บางทีของที่ถูกอาจกลายเป็นของแพงก็ได้ รถดีแค่ไหนใช้นาน ๆ ก็เบื่อเหมือนกัน

ผมว่าตกนะ หากไม่ใช่ยี่ห้อที่นิยม ตามธรรมขาติของผู้บริโภคขาวไทย 555
รับบริการฟิตติ้งจักรยานที่บ้านลูกค้า ราคามิตรภาพ เยี่ยมเพจได้เลยครับhttps://www.facebook.com/RasitFitter/

https://www.facebook.com/pages/Lapierre-bike-Thailand/1543570505857513

https://www.facebook.com/groups/763837143758055/
รูปประจำตัวสมาชิก
Bikeandbody
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 มิ.ย. 2016, 14:37
team: BikeandBody

Re: lucifer's review : กล้าๆหน่อย กับ DARE MR1s

โพสต์ โดย Bikeandbody »

เรียนเชิญทุกท่านที่บู้ท Dare 4-7พฤกษานี้ที่เมืองทอง พร้อมเปิดตัวรุ่นใหม่ แถมมีโปรพิเศษถูกใจแน่นอน
compass
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 806
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ส.ค. 2011, 23:16
Bike: TREK EMONDA SL6, Nich KEM, TREK MADONE 3.1 2012
ตำแหน่ง: จตุจักร กรุงเทพฯ
ติดต่อ:

Re: lucifer's review : กล้าๆหน่อย กับ DARE MR1s

โพสต์ โดย compass »

อ่านแล้วอยากลองเฟรมนี้เลย
ป.ล. พี่หมอถ่ายรูปสวยกว่าในเว็บ Dare ซะอีก ^^
ตอบกลับ

กลับไปยัง “เสือหมอบ (roadbike)”