นักไตรกีฬามีจุดด้อย ขอปรึกษาเรื่องแนวทางเลือกจักรยานคันที่ 2
ผู้ดูแล: Cycling B®y, spinbike, velocity
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 180
- ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2015, 17:19
- ติดต่อ:
นักไตรกีฬามีจุดด้อย ขอปรึกษาเรื่องแนวทางเลือกจักรยานคันที่ 2
ตอนนี้ผมอายุ 38 ปี สูง 169 cm. หนัก 55 กก. FTP 180 (Power to weight = 3.27 W/kg) ใช้จักรยาน trek 1.1 ล้อ zonda ติด aerobar น้ำหนักรวมกระเป๋าใต้อาน น้ำ 2 กระติก ประมาณ 12-13 kg
เล่นไตรมา 2 ปีกว่า ผ่าน Sprint 3 สนาม, Standard 4 สนาม,Challenge (70.3) 1 สนาม และสนามล่าสุด คนเหล็กไทย (ระยะ 5k/100k/10k)
จุดด้อยของผมคือเป็นคนผอม ซึ่งน้ำหนักที่น้อยมันก็ทำให้กล้ามเนื้อน้อยตามไปด้วย (คนหนัก 55 จักยานหนัก 10 กิโล)
ในการแข่ง การซ้อมปกติ น้ำหนักจักรยาน ไม่ค่อยมีผลกับผมซักเท่าไหร่ เพราะผมปั่นเดี่ยว ความเร็วคงที่ ไม่หมก ไม่กระชาก น้ำหนักจักรยานเยอะออกจะดีด้วยซ้ำ รักษาความเร็วได้คงที่ดี
แต่เมื่อปลายปีที่แล้วปัญหาใหญ่เกิดขึ้น คือผมได้ลงแข่ง Challenge กาญจนบุรี (ระยะ 70.3) ซื่งเส้นทางปั่น 90k เป็นทางเขา คือตอนซ้อมทดสอบเส้นทางก็ไม่ได้หนักใจอะไร เพราะจักรยานเราหนัก เราก็ค่อย ๆ ไต่ข้ึนเรื่อย ๆ ช้า ๆ สะสมพลังงานเอาไว้ แล้วไปเอาคืนช่วงลงเขา ตามกฏการทรงพลังงาน จักรยานหนัก ๆ จะลงเขาได้เร็ว ชดเชยกับความช้าตอนไต่ ทำให้ได้ av ที่ยอมรับได้ (ทัน cut off) แต่ตอนแข่งจริงมันไม่ใด้เป็นแบบซ้อม เพราะตอนลงเขาจะมีนักกีฬาที่ทักษะลงเขาไม่ดี ขี่ชะลอความเร็วขวางหน้าอยู่ (ติดธงแดง ธงส้ม แซงไม่ได้) ที่เคยซ้อมลงเขาแบบไม่ต้องเบรคเยอะ (Max Speed 70กว่า ๆ) กลายเป็นต้องเลียเบรคชะลอตลอดทางลงเขา (เหลือ Max speed แค่ 50 กว่า ๆ) และเป็นลักษณะนี้อยู่เกือบ 50% ของเส้นทาง คือตอนปั่นขึ้นเนินปล่อยคนตัวใหญ่รถเบา ๆ เค้าแซงไปก่อน แต่ตอนขาลงปล่อยไหลไปทันก็ต้องเบรคชะลอตามตูด แซงคืนไม่ได้ (ทางแคบ คดเคี้ยว ธงแดง) ตอนแข่งก็ได้รู้ซึ้งถึงข้อด้อยของจักรยานหนัก ๆ กฏการทรงพลังงานของนิวตั้น นำมาใช้ไม่ได้กับสนามนี้
ตอนนี้มีโครงการหยอดกระปุก งอกจักรยานคันใหม่ครับ
เคยปรึกษาเพื่อน ๆ พี่ ๆ นักไตร ว่าจักรยานใหม่ของผมจะเป็นแบบไหนดี ส่วนใหญ่จะแนะนำให้ถอยจักยาน TT คาร์บอนไปเลย มีเหตุผลว่า aero กว่า ท่าปั่นสบายกว่า ยังไงซะเล่นไตร ก็ต้อง TT อยู่ดี
แต่ด้วยงบที่จำกัดไว้แค่ 60-70k จักรยาน TT ในงบนี้มันจะหนักประมาณ 10 กิโล ซึ่งน้ำหนักมันก็ไม่ได้ต่างจาก trek 1.1 คันเดิมของผมซักเท่าไหร่
และอีกอย่างที่ยังคาใจคือ ผมแตกต่างจากนักไตรทั่ว ๆ ไปที่มีหุ่นชายไทยมาตรฐาน น้ำหนักประมาณ 65-80 กก. แต่ผมหนักแค่ 55 กก.
ยกตัวอย่างความเสียเปรียบ
ถ้าคู่แข่งที่หนัก 70 กก. มี
Power to weight Ratio = 3.27 W/kg (เท่า ๆ กับผม)
จะมี FTP = 229 W
ใช้ TT หนัก 10 kg รวมกระติดน้ำ และ อื่น ๆ เป็น 12 kg.
น้ำหนักรวมคนกับจักรยานจะเป็น 82 kg
เมื่อคิด Power to weight Ratio ใหม่จะได้ 2.79 W/kg (229W/82kg)
ส่วนผมหนัก 55 มี FTP 180
ถ้าเลือกงอก TT หนัก 10 kg รวมกระติดน้ำ และ อื่น ๆ เป็น 12 kg. เหมือนกัน
น้ำหนักรวมคนกับจักรยานจะเป็น 67 kg
เมื่อคิด Power to weight Ratio ใหม่จะได้ 2.69 W/kg (น้อยกว่าคู่แข่งอยู่ 4.5%)
อันนี้ยังไม่นับพวกหนัก 75 ร่างกายกำยำล่ำสัน+น่องโตที่ใช้จักรยานหนัก 8 กิโลนะ มีเยอะแยะ
ผมคิดไว้มีอีกทางเลือก ในงบนี้หาหมอบหนัก 7 โลครึ่งได้ไม่ยาก ใส่ Aerobar หนักประมาณ 3-4 ขีดเพิ่ม
รวม ๆ หนักประมาณ 7.9 กิโล และถ้ารวมกระติก+น้ำและอื่น ๆ ตีว่า 10 กิโล
คำนวน Power to weight Ratio จากน้ำหนักรวม ใหม่ จะได้ 2.76 W/kg ซึ่งสูสีกับคู่แข่ง
จาก Case ของผมเพื่อน ๆ พี่ ๆ (ทั้งนักไตรและนักปั่น) มีความเห็นอย่างไรบ้างครับ ผมควรจะเลือก TT หรือ หมอบเบา ๆ มาเป็นจักรยานคันที่ 2 รบกวนขอความเห็นของทุกท่านครับ ขอบคุณทุกความคิดเห็น
เล่นไตรมา 2 ปีกว่า ผ่าน Sprint 3 สนาม, Standard 4 สนาม,Challenge (70.3) 1 สนาม และสนามล่าสุด คนเหล็กไทย (ระยะ 5k/100k/10k)
จุดด้อยของผมคือเป็นคนผอม ซึ่งน้ำหนักที่น้อยมันก็ทำให้กล้ามเนื้อน้อยตามไปด้วย (คนหนัก 55 จักยานหนัก 10 กิโล)
ในการแข่ง การซ้อมปกติ น้ำหนักจักรยาน ไม่ค่อยมีผลกับผมซักเท่าไหร่ เพราะผมปั่นเดี่ยว ความเร็วคงที่ ไม่หมก ไม่กระชาก น้ำหนักจักรยานเยอะออกจะดีด้วยซ้ำ รักษาความเร็วได้คงที่ดี
แต่เมื่อปลายปีที่แล้วปัญหาใหญ่เกิดขึ้น คือผมได้ลงแข่ง Challenge กาญจนบุรี (ระยะ 70.3) ซื่งเส้นทางปั่น 90k เป็นทางเขา คือตอนซ้อมทดสอบเส้นทางก็ไม่ได้หนักใจอะไร เพราะจักรยานเราหนัก เราก็ค่อย ๆ ไต่ข้ึนเรื่อย ๆ ช้า ๆ สะสมพลังงานเอาไว้ แล้วไปเอาคืนช่วงลงเขา ตามกฏการทรงพลังงาน จักรยานหนัก ๆ จะลงเขาได้เร็ว ชดเชยกับความช้าตอนไต่ ทำให้ได้ av ที่ยอมรับได้ (ทัน cut off) แต่ตอนแข่งจริงมันไม่ใด้เป็นแบบซ้อม เพราะตอนลงเขาจะมีนักกีฬาที่ทักษะลงเขาไม่ดี ขี่ชะลอความเร็วขวางหน้าอยู่ (ติดธงแดง ธงส้ม แซงไม่ได้) ที่เคยซ้อมลงเขาแบบไม่ต้องเบรคเยอะ (Max Speed 70กว่า ๆ) กลายเป็นต้องเลียเบรคชะลอตลอดทางลงเขา (เหลือ Max speed แค่ 50 กว่า ๆ) และเป็นลักษณะนี้อยู่เกือบ 50% ของเส้นทาง คือตอนปั่นขึ้นเนินปล่อยคนตัวใหญ่รถเบา ๆ เค้าแซงไปก่อน แต่ตอนขาลงปล่อยไหลไปทันก็ต้องเบรคชะลอตามตูด แซงคืนไม่ได้ (ทางแคบ คดเคี้ยว ธงแดง) ตอนแข่งก็ได้รู้ซึ้งถึงข้อด้อยของจักรยานหนัก ๆ กฏการทรงพลังงานของนิวตั้น นำมาใช้ไม่ได้กับสนามนี้
ตอนนี้มีโครงการหยอดกระปุก งอกจักรยานคันใหม่ครับ
เคยปรึกษาเพื่อน ๆ พี่ ๆ นักไตร ว่าจักรยานใหม่ของผมจะเป็นแบบไหนดี ส่วนใหญ่จะแนะนำให้ถอยจักยาน TT คาร์บอนไปเลย มีเหตุผลว่า aero กว่า ท่าปั่นสบายกว่า ยังไงซะเล่นไตร ก็ต้อง TT อยู่ดี
แต่ด้วยงบที่จำกัดไว้แค่ 60-70k จักรยาน TT ในงบนี้มันจะหนักประมาณ 10 กิโล ซึ่งน้ำหนักมันก็ไม่ได้ต่างจาก trek 1.1 คันเดิมของผมซักเท่าไหร่
และอีกอย่างที่ยังคาใจคือ ผมแตกต่างจากนักไตรทั่ว ๆ ไปที่มีหุ่นชายไทยมาตรฐาน น้ำหนักประมาณ 65-80 กก. แต่ผมหนักแค่ 55 กก.
ยกตัวอย่างความเสียเปรียบ
ถ้าคู่แข่งที่หนัก 70 กก. มี
Power to weight Ratio = 3.27 W/kg (เท่า ๆ กับผม)
จะมี FTP = 229 W
ใช้ TT หนัก 10 kg รวมกระติดน้ำ และ อื่น ๆ เป็น 12 kg.
น้ำหนักรวมคนกับจักรยานจะเป็น 82 kg
เมื่อคิด Power to weight Ratio ใหม่จะได้ 2.79 W/kg (229W/82kg)
ส่วนผมหนัก 55 มี FTP 180
ถ้าเลือกงอก TT หนัก 10 kg รวมกระติดน้ำ และ อื่น ๆ เป็น 12 kg. เหมือนกัน
น้ำหนักรวมคนกับจักรยานจะเป็น 67 kg
เมื่อคิด Power to weight Ratio ใหม่จะได้ 2.69 W/kg (น้อยกว่าคู่แข่งอยู่ 4.5%)
อันนี้ยังไม่นับพวกหนัก 75 ร่างกายกำยำล่ำสัน+น่องโตที่ใช้จักรยานหนัก 8 กิโลนะ มีเยอะแยะ
ผมคิดไว้มีอีกทางเลือก ในงบนี้หาหมอบหนัก 7 โลครึ่งได้ไม่ยาก ใส่ Aerobar หนักประมาณ 3-4 ขีดเพิ่ม
รวม ๆ หนักประมาณ 7.9 กิโล และถ้ารวมกระติก+น้ำและอื่น ๆ ตีว่า 10 กิโล
คำนวน Power to weight Ratio จากน้ำหนักรวม ใหม่ จะได้ 2.76 W/kg ซึ่งสูสีกับคู่แข่ง
จาก Case ของผมเพื่อน ๆ พี่ ๆ (ทั้งนักไตรและนักปั่น) มีความเห็นอย่างไรบ้างครับ ผมควรจะเลือก TT หรือ หมอบเบา ๆ มาเป็นจักรยานคันที่ 2 รบกวนขอความเห็นของทุกท่านครับ ขอบคุณทุกความคิดเห็น
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 907
- ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ส.ค. 2015, 20:50
Re: นักไตรกีฬามีจุดด้อย ขอปรึกษาเรื่องแนวทางเลือกจักรยานคันที่ 2
ถ้าพี่เล่นไตรกีฬา พี่ต้องมองให้กว้างขึ้นครับ (ขอเรียกพี่ เพราะอาวุโสกว่านะครับ แฮ่)
ไตรกีฬามีกีฬาอยู่ 3 อย่าง คือ วิ่ง ว่ายน้ำ แล้วก็ จักรยาน
พี่ลองคิดจุดอื่นดูด้วยครับว่า นอกจากจักรยานแล้ว พี่เสียเปรียบเขาตรงไหนหรือเปล่า? อันนี้ผมลองถามพี่ดูนะครับ
เพราะไตรมันไม่ได้วัดกันที่จักรยานอย่างเดียวนั้นล่ะครับ คนตัวเบากว่า ยังไงก็วิ่งเหนื่อยน้อยกว่าคนตัวหนักกว่าแน่นอนครับ วัดกันเพียว ๆ แบบนี้เลย พื้นฐานการวิ่งระยะไกล คนตัวเบากว่าได้เปรียบเป็นกระบุงเลยครับ อันนี้กล้าพูด
ส่วนเรื่องออกรถใหม่ ผมมองว่า พี่ไหน ๆ ลงไตรมา 2 ปีแล้ว ผมว่าพี่ไม่ใช่มือใหม่ไตรแล้วล่ะ พี่ชอบเล่นแล้ว ก็ควรงอกรถไตรมาเล่นเลยครับ Trek 1.1 ติด Aero Bar มันช่วยพี่ได้ถึงแค่จุด ๆ หนึ่ง ความต่างมันเยอะอยู่นะครับ วัดกันที่ระยะทางเท่า ๆ กัน เงื่อนไขเหมือนกัน
และเรื่อง Power to Weight อันนี้บอกตรง ๆ ผมไม่ค่อยปึ๊ก วิธีเพิ่ม Ratio ไม่มีอะไรไปมากกว่า 1.) ลดน้ำหนักที่ไร้ประโยชน์ เช่น ไขมัน แต่ไม่ลดพลังกล้ามเนื้อ กับ 2.) เพิ่มกล้ามเนื้อ เพิ่มพลังกล้ามเนื้อ แต่ไม่เพิ่มน้ำหนัก "dead weight" ที่เปล่าประโยชน์จากการเล่นกล้าม เช่น นักปั่นจักรยานไม่จำเป็นต้องกล้ามใหญ่แบบนักยกเวท เพราะไม่มีประโยชน์ และ เป็นน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากการเล่นกล้าม โดยไม่ทำประโยชน์
ผมแนะนำไม่ได้เรื่อง Power per Weight ไม่ค่อยเชี่ยวเรื่องนี้ แฮ่
ทั้งหมดเป็นความเห็นครับผม ฟังหูไว้หูก็พอนะครับ
ไตรกีฬามีกีฬาอยู่ 3 อย่าง คือ วิ่ง ว่ายน้ำ แล้วก็ จักรยาน
พี่ลองคิดจุดอื่นดูด้วยครับว่า นอกจากจักรยานแล้ว พี่เสียเปรียบเขาตรงไหนหรือเปล่า? อันนี้ผมลองถามพี่ดูนะครับ
เพราะไตรมันไม่ได้วัดกันที่จักรยานอย่างเดียวนั้นล่ะครับ คนตัวเบากว่า ยังไงก็วิ่งเหนื่อยน้อยกว่าคนตัวหนักกว่าแน่นอนครับ วัดกันเพียว ๆ แบบนี้เลย พื้นฐานการวิ่งระยะไกล คนตัวเบากว่าได้เปรียบเป็นกระบุงเลยครับ อันนี้กล้าพูด
ส่วนเรื่องออกรถใหม่ ผมมองว่า พี่ไหน ๆ ลงไตรมา 2 ปีแล้ว ผมว่าพี่ไม่ใช่มือใหม่ไตรแล้วล่ะ พี่ชอบเล่นแล้ว ก็ควรงอกรถไตรมาเล่นเลยครับ Trek 1.1 ติด Aero Bar มันช่วยพี่ได้ถึงแค่จุด ๆ หนึ่ง ความต่างมันเยอะอยู่นะครับ วัดกันที่ระยะทางเท่า ๆ กัน เงื่อนไขเหมือนกัน
และเรื่อง Power to Weight อันนี้บอกตรง ๆ ผมไม่ค่อยปึ๊ก วิธีเพิ่ม Ratio ไม่มีอะไรไปมากกว่า 1.) ลดน้ำหนักที่ไร้ประโยชน์ เช่น ไขมัน แต่ไม่ลดพลังกล้ามเนื้อ กับ 2.) เพิ่มกล้ามเนื้อ เพิ่มพลังกล้ามเนื้อ แต่ไม่เพิ่มน้ำหนัก "dead weight" ที่เปล่าประโยชน์จากการเล่นกล้าม เช่น นักปั่นจักรยานไม่จำเป็นต้องกล้ามใหญ่แบบนักยกเวท เพราะไม่มีประโยชน์ และ เป็นน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากการเล่นกล้าม โดยไม่ทำประโยชน์
ผมแนะนำไม่ได้เรื่อง Power per Weight ไม่ค่อยเชี่ยวเรื่องนี้ แฮ่
ทั้งหมดเป็นความเห็นครับผม ฟังหูไว้หูก็พอนะครับ
หึม...? ผมไม่ได้ปั่นจักรยาน แต่ผมขี่ยานรบต่างหาก!
คิดให้ดี โทษเทคนิคตัวเองก่อนจะโทษจักรยาน
มันไม่ใช่เป็นเพราะจักรยานที่แกปั่น แต่อยู่ที่แกปั่นมันยังไง?
มันไม่ใช่เพราะจักรยานมันงี่เง่าเฮงซวย แต่มันคือแกทำให้มันดูงี่เง่าปัญญาอ่อน
คิดให้ดี โทษเทคนิคตัวเองก่อนจะโทษจักรยาน
มันไม่ใช่เป็นเพราะจักรยานที่แกปั่น แต่อยู่ที่แกปั่นมันยังไง?
มันไม่ใช่เพราะจักรยานมันงี่เง่าเฮงซวย แต่มันคือแกทำให้มันดูงี่เง่าปัญญาอ่อน
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 654
- ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.ย. 2014, 17:10
- Bike: cBoardman elite air 9.2s
- ติดต่อ:
Re: นักไตรกีฬามีจุดด้อย ขอปรึกษาเรื่องแนวทางเลือกจักรยานคันที่ 2
แชร์ความคิดเห็นครับ ผมเล่นไตรด้วย เพิ่มเริ่ม ลงแต่สปริ้นท เคยคิดจะออกรถไตร ตัวเริ่มประมานแปดหมื่น แต่ไม่เอาดีกว่า ใช้หมอบติดแโร่บาร์ก์ได้ คิดว่าถ้าเราเล่นระยะสแตนดาร์ดนี่ผมว่า หมอบติดแอโร่ก็เหลือเฟือ รถไตรจะเสียเปรียบเรื่องขึ้นเขาฉะนั้นถ้างบไม่ถึงรุ่นกลางๆ ผมว่าหมอบ 8 กก ติดบาร์จะคุ้มกว่า ระยะ 45 กม.นี่ไม่เสียเปรียบรถไตรเท่าไร แต่ถ้าเล่น 70.3 นี่ถอยรถไตรเลย รุ่นเริ่มก็ยังดี
ปล. ผมอาจคิดผิดเพราะยังไม่มีรถไตร ถ้าได้ใช้อาจคิดอีกอย่าง
ปล. ผมอาจคิดผิดเพราะยังไม่มีรถไตร ถ้าได้ใช้อาจคิดอีกอย่าง
-
- สมาชิก
- โพสต์: 34
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2015, 10:51
- Bike: gios felleo 2013 / cervelo p2 2009
- ติดต่อ:
Re: นักไตรกีฬามีจุดด้อย ขอปรึกษาเรื่องแนวทางเลือกจักรยานคันที่ 2
ผมมองอีกมุมนึงนะครับ การเลือกรถหมอบเเข่งในสนามที่เป็นเขาอาจถูกต้องแล้วครับ
ผมว่ากรณีสนามที่พี่ยกมาเป็นเรื่องของแทคติคมากกว่าครับ ยกตัวอย่างพี่ ขี่รถไตร
แล้วมาถึงถึงเขาช่วงลงเขาเร็วกว่าเดิมหลายนาที พี่ก้ออาจจะติดนักเเข่งคันข้างหน้า
ทำให้ลงเขาไม่เร็วอย่างที่คิดก้อเป็นได้ครับ ซึ่งรถไตรที่พี่ขี่ อาจไปชดเชยความเร็วช่วง
ท้ายเรียบ ๆ ได้นิดหน่อยครับ แต่ ความคมในการเข้าโค้งที่ลดลง
โดยส่วนตัวผมชอบทรงของรถไตร มากกว่าหมอบนะครับ มันเท่ดี
ผมว่ากรณีสนามที่พี่ยกมาเป็นเรื่องของแทคติคมากกว่าครับ ยกตัวอย่างพี่ ขี่รถไตร
แล้วมาถึงถึงเขาช่วงลงเขาเร็วกว่าเดิมหลายนาที พี่ก้ออาจจะติดนักเเข่งคันข้างหน้า
ทำให้ลงเขาไม่เร็วอย่างที่คิดก้อเป็นได้ครับ ซึ่งรถไตรที่พี่ขี่ อาจไปชดเชยความเร็วช่วง
ท้ายเรียบ ๆ ได้นิดหน่อยครับ แต่ ความคมในการเข้าโค้งที่ลดลง
โดยส่วนตัวผมชอบทรงของรถไตร มากกว่าหมอบนะครับ มันเท่ดี
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1311
- ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ย. 2011, 10:20
- Bike: Cannondale Supersix
Re: นักไตรกีฬามีจุดด้อย ขอปรึกษาเรื่องแนวทางเลือกจักรยานคันที่ 2
ถ้ามองเฉพาะช่วงที่ปั่นตามโจทย์จขกท.ผมจะเลือกหมอบแอโร่แล้วติดแอโร่บาร์ครับ ถ้าสนามเป็นทางราบตรงยาวยังไงคนตัวหนานิดวัตตเยอะก็ได้เปรียบครับ ยิ่งมีลมนี่ยิ่งเห้นชัด แต่ผมว่าไตรนี่ช่วงปั่นมันไม่น่าต่างกันมาก มาวัดกันตอนวิ่งซะส่วนใหญ่ ผมว่าต้องดูภาพรวมมากกว่าครับ
- วันชัย คำแพง
- ขาประจำ
- โพสต์: 1666
- ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ส.ค. 2008, 07:13
- Tel: 0626825062
- team: ชมรมวิ่ง พิทักษืหัวหิน
- Bike: เหล็กตราหมากลุ๊ก หนักโคตรแต่ทน
Re: นักไตรกีฬามีจุดด้อย ขอปรึกษาเรื่องแนวทางเลือกจักรยานคันที่ 2
เป็นความรู้สึกที่ผมเคยคาใจมาตลอด ผมไม่เคยผ่าน 70.3 แต่ลงไตรมาตลอดทุกปี ไม่ได้เน้นเวลามากนัก
เน้นเอาสนุกและสุขภาพ ใช้เบี่ยงคี่นิโรเน่ ชุดเกียร์ปลายแฮนด์ สแรมแทน หนัก 10.3 โล
ผม อายุ 42 สูง 160 หนักน้อยหน่อย แค่ 48 ตลอดชาติ หมดปัญญาจะเพิ่มแล้วด้วย
ออกปั่นทุกครั้ง จะพาลคาใจตลอดเมื่อเห็นเพื่อนๆตัวหนาๆน่องโตๆ คิดตลอดว่าถ้าเราเพิ่มนำ้หนักได้คงดีกว่านี้แน่ๆ
ผมสังเกกตุหรือจิตตกไปเองก็ไม่ทราบ ว่า ถ้าปั่นระยะไกลๆ(50-100โล)ผมจะพาลหมดก่อนเพื่อนตลอดหรือถ้าไม่หมดก็คิดว่าตัวเองเหนื่อยก่วาเพื่อนอยู่ดี
แต่อาการนี้ไม่มีผลกับการปั่นระยะสั้น(ไม่เกิน 50โล)
จากประสบการณ์จริง ถ้าเป็นผมก็คงสอยรถไตรเลย ถึงจะเป็นตัวเริ่มต้น แต่ก็คิดว่ายิ่งระยะไกลๆ มันจะช่วยออมแรงจากการปั่น
ได้เยอะ ถึงแม้เวลาอาจไม่ได้ดีขึ้นเยอะนัก แต่ถ้าลงรถแล้วอาการสดกว่าผมว่ามาใล่เก็บคืนตอนวิ่งแทน เพิกค์แน่นอน
วกไปวนมาไม่รู้เป็นประโยชน์บ้างใหมนี่ เชียร์ รถไตรเลยยยยย
เพิ่งจะเห็นข้อดีเต็มก็งานที่ราชบุรีครับ(แต่ไม่ได้ไปลอง)เพราะแบ่งตามรุ่นน้ำหนัก55 ผมดูผู้สมัครรุ่นไม่เกิน50 แทบจะมี
แต่เด็กกับสตรีไม่กี่คนเอง ขึ้นโพเดียมเห็นๆ ไม่รู้จะมีที่อื่นอีกใหม
เน้นเอาสนุกและสุขภาพ ใช้เบี่ยงคี่นิโรเน่ ชุดเกียร์ปลายแฮนด์ สแรมแทน หนัก 10.3 โล
ผม อายุ 42 สูง 160 หนักน้อยหน่อย แค่ 48 ตลอดชาติ หมดปัญญาจะเพิ่มแล้วด้วย
ออกปั่นทุกครั้ง จะพาลคาใจตลอดเมื่อเห็นเพื่อนๆตัวหนาๆน่องโตๆ คิดตลอดว่าถ้าเราเพิ่มนำ้หนักได้คงดีกว่านี้แน่ๆ
ผมสังเกกตุหรือจิตตกไปเองก็ไม่ทราบ ว่า ถ้าปั่นระยะไกลๆ(50-100โล)ผมจะพาลหมดก่อนเพื่อนตลอดหรือถ้าไม่หมดก็คิดว่าตัวเองเหนื่อยก่วาเพื่อนอยู่ดี
แต่อาการนี้ไม่มีผลกับการปั่นระยะสั้น(ไม่เกิน 50โล)
จากประสบการณ์จริง ถ้าเป็นผมก็คงสอยรถไตรเลย ถึงจะเป็นตัวเริ่มต้น แต่ก็คิดว่ายิ่งระยะไกลๆ มันจะช่วยออมแรงจากการปั่น
ได้เยอะ ถึงแม้เวลาอาจไม่ได้ดีขึ้นเยอะนัก แต่ถ้าลงรถแล้วอาการสดกว่าผมว่ามาใล่เก็บคืนตอนวิ่งแทน เพิกค์แน่นอน
วกไปวนมาไม่รู้เป็นประโยชน์บ้างใหมนี่ เชียร์ รถไตรเลยยยยย
เพิ่งจะเห็นข้อดีเต็มก็งานที่ราชบุรีครับ(แต่ไม่ได้ไปลอง)เพราะแบ่งตามรุ่นน้ำหนัก55 ผมดูผู้สมัครรุ่นไม่เกิน50 แทบจะมี
แต่เด็กกับสตรีไม่กี่คนเอง ขึ้นโพเดียมเห็นๆ ไม่รู้จะมีที่อื่นอีกใหม
- lucifer
- ขาประจำ
- โพสต์: 6413
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
- team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
- Bike: Only 2-wheels bike
- ติดต่อ:
Re: นักไตรกีฬามีจุดด้อย ขอปรึกษาเรื่องแนวทางเลือกจักรยานคันที่ 2
ผมคงให้ความเห็นเฉพาะจักรยานอย่างเดียวนะ เรื่องวิ่งกับว่ายน้ำต้องไปคุยกับผู้ที่เขาชำนาญ
แข่งไตรผมก็ไม่เคยแข่ง เคยคิดจะแข่งทวิ ก็เกียจคร้านเรื่องซ้อมวิ่ง
เลยเหลือแต่ปั่นจักรยานเพื่อความสนุก สนองความบ้าและเมามันส์ ได้ของแถมคือสุขภาพกลับมา
วกมาที่จักรยานกันดีกว่า คุยเรื่องที่ผมถนัดหน่อย
แข่งไตร ก็ควรจะใช้รถไตร เพราะมันได้เปรียบอย่างชัดเจน ( ยกเว้นจะเจอสนามที่ต้องขึ้นเขาลงเขากันเป็นลูกๆแบบเส้นเขาโจด )
ทำไม? เอาแค่ท่าปั่นก่อนเลย ถ้าคุณปั่นรถไตรแท้ๆในท่าปั่นแบบรถไตร คือ เซทเบาะไปข้างหน้า ปั่นในท่าที่เหมือนกับจะวิ่งอยู่บนบันได คุณได้วงรอบการทำงานของกล้ามเนื้อที่ไม่ขัดแย้งกับการวิ่งนัก แล้วคนที่เขาเล่นด้านนี้มา เขาบอกเลยว่า เขายังเหลือความสดของกล้ามเนื้อมัดที่ใช้สำหรับวิ่งได้มากกว่า ( อันนี้ต้องลองนะ แล้วถ้าคุณไปคบกับ Dr Egg เจ้าของ Innovation ใบเบี้ยวที่ทำมาให้นักไตรใช้ด้วยแล้ว คุณจะพบเลยว่า การ"เหลือกล้ามเนื้อสำหรับวิ่ง" เป็นอย่างไร )
ในท่าปั่นของรถไตรแท้ๆ นอกจากคุณจะได้ Aerodynamic กลับมาแล้ว มุมสะโพกคุณจะยังเปิดกว้างมากกว่าการใช้รถถนนแล้วใส่ aerobar ผลพวงโดยรวมคือ คุณออกแรงกระทำกับบันไดได้มากขึ้น คิดดูนะ เหนื่อยเท่าเดิม แต่ออกแรงได้ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะตอนที่คุณนั่งรถถนนแล้วหมอบบน aerobar คุณอาจจะได้ aerodynamicเพิ่มขึ้น แต่ ลดประสิทธิภาพของการปั่น เพราะคุณออกแรงกล้ามเนื้อก้นย้อยอันทำหน้าที่เป็นเกียร์ 1 ของการออกแรงถีบลูกบันไดได้น้อยลง
เอาเป็นว่าถ้าคุณปั่นรถไตร คุณได้ความเร็วเพิ่มขึ้นจากเดิมไม่น้อยกว่า 2 km/hr โดยไม่ต้องลงทุนโหนหัวใจเพิ่มขึ้นมาเลย แล้วเมื่อทวนลม คุณสามารถคงความเร็วไว้ได้นานและดีกว่ารถถนน ( ลองปั่นสุวรรณภูมิ สกายเลน ดู แล้วจะเห็นเอง ผมพิสูจน์มาหลายครั้งแล้ว )
วกมาเรื่อง Power to weight Ratio 3.27 Watt/kg FTP 180 วัตต์ เพศชาย อายุ 38ปี หนัก 55 กก.
ว่ากันตรงๆ คุณยังเพิ่ม FTP ได้อีกนะครับ เพราะถ้าไม่ได้ขึ้นเขาแข่งกับใคร Power to weight ratio เป็นเรื่องที่ผมไม่สนใจเลยจริงๆ ผมสนใจแต่ gross watt ที่ผลิตออกมาเท่านั้น ยิ่งมี power meter ใช้ในระหว่างแข่งด้วย ผมว่าคุณสามารถใช้ประโยชน์จากมันในการเกลี่ยกำลังในแต่ละสถานการณ์ได้นะ เพราะบางคนวัตต์มากกว่านี้ แต่ไม่เคยใช้ประโยชน์จากpower meter แล้วมันก็ไปไม่รอด
เวทเทรนนิ่งคือ สิ่งที่คุณควรจะไปฝึกเพิ่ม อย่าไปกังวลว่านน.ตัวจะเพิ่มขึ้น เพราะน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น มันเพิ่มกำลังของกล้ามเนื้อด้วย แล้วเมื่อคุณเล่นไตร ร่างกายส่วนบนของคุณก็ยังจำเป็นต้องถูกใช้ ไม่ว่าจะเป็นว่ายน้ำ แม้แต่การวิ่งก็ยังใช้กล้ามเนื้อส่วนบนของร่างกายในการช่วยเร่งความเร็ว ( ถ้าเคยฝึกวิ่งจริงๆ โดยเฉพาะฝึกวิ่งเพื่อทำความเร็ว จะรู้ว่า"ท่าร่าง"มันสำคัญมากทีเดียวเลยหละ สับแขนยังไง ช่วยให้คุณวิ่งได้เร็วขึ้น เพราะในบางครั้ง ความเร็วก็เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ ) การเล่นเวทเทรนนิ่งเสริมท่อนบนจึงเป็นประโยชน์สำหรับคุณเองอย่างแน่นอน
Lance Armstrong ก่อนจะเปลี่ยนชีวิตตัวเองเป็นนักจักรยาน ก่อนที่จะมีเรื่องอื้อฉาวเรื่องการdope ลุงแลนซ์แกเป็นนักไตรที่มีฝีมือมากๆคนหนึ่ง เคยแข่งไตรล่ารางวัลมามากมาย แล้วแกบอกว่าเมื่อแกมาปั่นจักรยาน แกยอมลดความ"บึก"ของกล้ามเนื้อท่อบนลงเพื่อลดน้ำหนัก เพราะจักรยานมันไม่มีความจำเป้นต้องใช้มันเหมือนกับการเป็นนัก"ไตรกีฬา" แปลย้อนกลับคือ ความบึกของร่างกายส่วนบน ช่วยเอื้อต่อการเป็นนักไตรกีฬานั่นเอง
FTP เพิ่มได้หลายวิธีครับ ตำรา รวมทั้งโปรแกรมการฝึกซ้อมในยุคนี้ หาได้ไม่ยากอีกต่อไปแล้ว แต่เวทเทรนนิ่งก็ยังเป็นอีกหนทางในการช่วยเพิ่ม FTP ให้เราได้ เพียงแต่เวทเทรนนิ่งเองก็มีวิธีการเล่นหลายวิธี เล่นเวทใช่ว่าจะต้องตัวใหญ่เป็นเจ้าฮัล์คตัวเขียวเสมอไปนะครับ ผมเล่นเวท แต่เล่นแล้วตัวlean fit firm ปั่นจักรยานดีขึ้นภายในเวลา 2 สัปดาห์
ลองหายิมแถวบ้านที่มีเครื่อง leg press , leg curl , Bench Press , Back Extension Bar , Abdominal crunch แค่นี้คุณก็ได้กำลังขา และ กล้ามเนื้อแกนกลาง ร่วมกับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแขน ไหล่ เอาไว้คอนจักรยานแล้ว ปั่นจักรยานดีขึ้นกว่าเดิมอีกเยอะเลย น้ำหนักขึ้นไม่เกิน 0.5 กก. แต่ power to weight ratio เพิ่มขึ้นแน่นอน ถ้าจะเน้นว่ายน้ำด้วย ก็ลองไปค้นตำราเวทเทรนนิ่งสำหรับการว่ายน้ำมาอ่านดู ( เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยศึกษา จึงขอไม่ออกความเห็น )
การเล่นเวทนั้น มีการเล่นอยู่ 4 - 5 จุดประสงค์ ซึ่งกรรมวิธีแตกต่างกัน ได้แก่ Endurance , Power , Strength ( ยังสงสัยเหมือนกันว่า เขาแยก strength กับ power ออกเป้น 2 กลุ่มทำไม ) , Body fit และสุดท้าย เพื่อ Hypertrophy ของกล้ามเนื้อ ซึ่งทั้งหมดนี้ กำหนดน้ำหนักในการยกที่แตกต่างกัน จำนวนsetและระยะพักที่แตกต่างกัน น้ำหนักคิดจาก %ของ Max. One-rep. ซึ่งมีเวปไซท์ใจดี ทำเครื่องมือให้คุณกรอกข้อมูล แล้วมันคำนวณให้เลย
คนส่วนใหญ่ที่กลัวว่าเล่นเวทแล้วจะตัวใหญ่ น้ำหนักมาก เพราะเขามองเห็นรูปแบบมาจากนักเพาะกาย ซึ่งเล่นเพื่อเน้น Hypertrophy ซึ่งคนกลุ่มนี้เจอได้ทั่วไปในยิม แล้วผมก็ชอบที่จะได้พบกับคนกลุ่มนี้ เพราะเขาจะไม่ค่อยมาแย่งผมเล่น leg press และ leg curl เนื่องจาก คนกลุ่มนี้ไม่ได้เน้นประกวดเพาะกาย แล้วก็อยากจะเล่นเฉพาะท่อนบน ในขณะที่ชาวจักรยานจะเน้น ท่อนล่างและลำตัว
สุดท้าย รถไตรไม่ได้แพงอย่างที่คิด complete bike ในระดับ 70K ยังไงๆก็ไปได้เร็วกว่า Trek 1.1 อย่างแน่นอนครับ แล้วคุณบอกว่า คุณลงเขา max 70 แปลว่า ทักษะบนจักรยานของคุณอยู่ในระดับที่เยี่ยมมาก การขี่รถไตรลงเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะถ้า fitting กันดีๆแล้ว การจับที่ basebar ก็ยังช่วยให้คุณบังคับรถได้อย่างดี แล้วที่สำคัญคือ สนามไตรส่วนใหญ่ไม่ได้มีเขาชันๆให้ลงได้เร็วๆแบบนี้ ยังไงเสียในทางราบหรือช่วงที่ความเร็วคุณลอยตัวแล้ว รถไตรไปได้เร็วกว่าดังที่ผมบอกไว้ข้างต้น
รถไตรคุณภาพดีๆ ในราคาไม่สูงนักมีให้เลือกเยอะนะครับ รถมือสองก็มีขายพอสมควร ลองค้นในเฟสบุค https://www.facebook.com/groups/2485561 ... 8/?fref=nf อาจจะเจอรถที่คุณต้องการ
ถ้ากลัวจะซื้อรถผิดไซส์ ลองไปหาร้าน fitting ลงทุนจำลองสัดส่วนของรถแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ เพื่อเป็นแนวทางว่า เซทแล้วขีได้หรือไม่
ชีวิตยังอีกยาวครับ มองยาวๆด้วยเช่นกัน
แข่งไตรผมก็ไม่เคยแข่ง เคยคิดจะแข่งทวิ ก็เกียจคร้านเรื่องซ้อมวิ่ง
เลยเหลือแต่ปั่นจักรยานเพื่อความสนุก สนองความบ้าและเมามันส์ ได้ของแถมคือสุขภาพกลับมา
วกมาที่จักรยานกันดีกว่า คุยเรื่องที่ผมถนัดหน่อย
แข่งไตร ก็ควรจะใช้รถไตร เพราะมันได้เปรียบอย่างชัดเจน ( ยกเว้นจะเจอสนามที่ต้องขึ้นเขาลงเขากันเป็นลูกๆแบบเส้นเขาโจด )
ทำไม? เอาแค่ท่าปั่นก่อนเลย ถ้าคุณปั่นรถไตรแท้ๆในท่าปั่นแบบรถไตร คือ เซทเบาะไปข้างหน้า ปั่นในท่าที่เหมือนกับจะวิ่งอยู่บนบันได คุณได้วงรอบการทำงานของกล้ามเนื้อที่ไม่ขัดแย้งกับการวิ่งนัก แล้วคนที่เขาเล่นด้านนี้มา เขาบอกเลยว่า เขายังเหลือความสดของกล้ามเนื้อมัดที่ใช้สำหรับวิ่งได้มากกว่า ( อันนี้ต้องลองนะ แล้วถ้าคุณไปคบกับ Dr Egg เจ้าของ Innovation ใบเบี้ยวที่ทำมาให้นักไตรใช้ด้วยแล้ว คุณจะพบเลยว่า การ"เหลือกล้ามเนื้อสำหรับวิ่ง" เป็นอย่างไร )
ในท่าปั่นของรถไตรแท้ๆ นอกจากคุณจะได้ Aerodynamic กลับมาแล้ว มุมสะโพกคุณจะยังเปิดกว้างมากกว่าการใช้รถถนนแล้วใส่ aerobar ผลพวงโดยรวมคือ คุณออกแรงกระทำกับบันไดได้มากขึ้น คิดดูนะ เหนื่อยเท่าเดิม แต่ออกแรงได้ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะตอนที่คุณนั่งรถถนนแล้วหมอบบน aerobar คุณอาจจะได้ aerodynamicเพิ่มขึ้น แต่ ลดประสิทธิภาพของการปั่น เพราะคุณออกแรงกล้ามเนื้อก้นย้อยอันทำหน้าที่เป็นเกียร์ 1 ของการออกแรงถีบลูกบันไดได้น้อยลง
เอาเป็นว่าถ้าคุณปั่นรถไตร คุณได้ความเร็วเพิ่มขึ้นจากเดิมไม่น้อยกว่า 2 km/hr โดยไม่ต้องลงทุนโหนหัวใจเพิ่มขึ้นมาเลย แล้วเมื่อทวนลม คุณสามารถคงความเร็วไว้ได้นานและดีกว่ารถถนน ( ลองปั่นสุวรรณภูมิ สกายเลน ดู แล้วจะเห็นเอง ผมพิสูจน์มาหลายครั้งแล้ว )
วกมาเรื่อง Power to weight Ratio 3.27 Watt/kg FTP 180 วัตต์ เพศชาย อายุ 38ปี หนัก 55 กก.
ว่ากันตรงๆ คุณยังเพิ่ม FTP ได้อีกนะครับ เพราะถ้าไม่ได้ขึ้นเขาแข่งกับใคร Power to weight ratio เป็นเรื่องที่ผมไม่สนใจเลยจริงๆ ผมสนใจแต่ gross watt ที่ผลิตออกมาเท่านั้น ยิ่งมี power meter ใช้ในระหว่างแข่งด้วย ผมว่าคุณสามารถใช้ประโยชน์จากมันในการเกลี่ยกำลังในแต่ละสถานการณ์ได้นะ เพราะบางคนวัตต์มากกว่านี้ แต่ไม่เคยใช้ประโยชน์จากpower meter แล้วมันก็ไปไม่รอด
เวทเทรนนิ่งคือ สิ่งที่คุณควรจะไปฝึกเพิ่ม อย่าไปกังวลว่านน.ตัวจะเพิ่มขึ้น เพราะน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น มันเพิ่มกำลังของกล้ามเนื้อด้วย แล้วเมื่อคุณเล่นไตร ร่างกายส่วนบนของคุณก็ยังจำเป็นต้องถูกใช้ ไม่ว่าจะเป็นว่ายน้ำ แม้แต่การวิ่งก็ยังใช้กล้ามเนื้อส่วนบนของร่างกายในการช่วยเร่งความเร็ว ( ถ้าเคยฝึกวิ่งจริงๆ โดยเฉพาะฝึกวิ่งเพื่อทำความเร็ว จะรู้ว่า"ท่าร่าง"มันสำคัญมากทีเดียวเลยหละ สับแขนยังไง ช่วยให้คุณวิ่งได้เร็วขึ้น เพราะในบางครั้ง ความเร็วก็เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ ) การเล่นเวทเทรนนิ่งเสริมท่อนบนจึงเป็นประโยชน์สำหรับคุณเองอย่างแน่นอน
Lance Armstrong ก่อนจะเปลี่ยนชีวิตตัวเองเป็นนักจักรยาน ก่อนที่จะมีเรื่องอื้อฉาวเรื่องการdope ลุงแลนซ์แกเป็นนักไตรที่มีฝีมือมากๆคนหนึ่ง เคยแข่งไตรล่ารางวัลมามากมาย แล้วแกบอกว่าเมื่อแกมาปั่นจักรยาน แกยอมลดความ"บึก"ของกล้ามเนื้อท่อบนลงเพื่อลดน้ำหนัก เพราะจักรยานมันไม่มีความจำเป้นต้องใช้มันเหมือนกับการเป็นนัก"ไตรกีฬา" แปลย้อนกลับคือ ความบึกของร่างกายส่วนบน ช่วยเอื้อต่อการเป็นนักไตรกีฬานั่นเอง
FTP เพิ่มได้หลายวิธีครับ ตำรา รวมทั้งโปรแกรมการฝึกซ้อมในยุคนี้ หาได้ไม่ยากอีกต่อไปแล้ว แต่เวทเทรนนิ่งก็ยังเป็นอีกหนทางในการช่วยเพิ่ม FTP ให้เราได้ เพียงแต่เวทเทรนนิ่งเองก็มีวิธีการเล่นหลายวิธี เล่นเวทใช่ว่าจะต้องตัวใหญ่เป็นเจ้าฮัล์คตัวเขียวเสมอไปนะครับ ผมเล่นเวท แต่เล่นแล้วตัวlean fit firm ปั่นจักรยานดีขึ้นภายในเวลา 2 สัปดาห์
ลองหายิมแถวบ้านที่มีเครื่อง leg press , leg curl , Bench Press , Back Extension Bar , Abdominal crunch แค่นี้คุณก็ได้กำลังขา และ กล้ามเนื้อแกนกลาง ร่วมกับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแขน ไหล่ เอาไว้คอนจักรยานแล้ว ปั่นจักรยานดีขึ้นกว่าเดิมอีกเยอะเลย น้ำหนักขึ้นไม่เกิน 0.5 กก. แต่ power to weight ratio เพิ่มขึ้นแน่นอน ถ้าจะเน้นว่ายน้ำด้วย ก็ลองไปค้นตำราเวทเทรนนิ่งสำหรับการว่ายน้ำมาอ่านดู ( เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยศึกษา จึงขอไม่ออกความเห็น )
การเล่นเวทนั้น มีการเล่นอยู่ 4 - 5 จุดประสงค์ ซึ่งกรรมวิธีแตกต่างกัน ได้แก่ Endurance , Power , Strength ( ยังสงสัยเหมือนกันว่า เขาแยก strength กับ power ออกเป้น 2 กลุ่มทำไม ) , Body fit และสุดท้าย เพื่อ Hypertrophy ของกล้ามเนื้อ ซึ่งทั้งหมดนี้ กำหนดน้ำหนักในการยกที่แตกต่างกัน จำนวนsetและระยะพักที่แตกต่างกัน น้ำหนักคิดจาก %ของ Max. One-rep. ซึ่งมีเวปไซท์ใจดี ทำเครื่องมือให้คุณกรอกข้อมูล แล้วมันคำนวณให้เลย
คนส่วนใหญ่ที่กลัวว่าเล่นเวทแล้วจะตัวใหญ่ น้ำหนักมาก เพราะเขามองเห็นรูปแบบมาจากนักเพาะกาย ซึ่งเล่นเพื่อเน้น Hypertrophy ซึ่งคนกลุ่มนี้เจอได้ทั่วไปในยิม แล้วผมก็ชอบที่จะได้พบกับคนกลุ่มนี้ เพราะเขาจะไม่ค่อยมาแย่งผมเล่น leg press และ leg curl เนื่องจาก คนกลุ่มนี้ไม่ได้เน้นประกวดเพาะกาย แล้วก็อยากจะเล่นเฉพาะท่อนบน ในขณะที่ชาวจักรยานจะเน้น ท่อนล่างและลำตัว
สุดท้าย รถไตรไม่ได้แพงอย่างที่คิด complete bike ในระดับ 70K ยังไงๆก็ไปได้เร็วกว่า Trek 1.1 อย่างแน่นอนครับ แล้วคุณบอกว่า คุณลงเขา max 70 แปลว่า ทักษะบนจักรยานของคุณอยู่ในระดับที่เยี่ยมมาก การขี่รถไตรลงเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะถ้า fitting กันดีๆแล้ว การจับที่ basebar ก็ยังช่วยให้คุณบังคับรถได้อย่างดี แล้วที่สำคัญคือ สนามไตรส่วนใหญ่ไม่ได้มีเขาชันๆให้ลงได้เร็วๆแบบนี้ ยังไงเสียในทางราบหรือช่วงที่ความเร็วคุณลอยตัวแล้ว รถไตรไปได้เร็วกว่าดังที่ผมบอกไว้ข้างต้น
รถไตรคุณภาพดีๆ ในราคาไม่สูงนักมีให้เลือกเยอะนะครับ รถมือสองก็มีขายพอสมควร ลองค้นในเฟสบุค https://www.facebook.com/groups/2485561 ... 8/?fref=nf อาจจะเจอรถที่คุณต้องการ
ถ้ากลัวจะซื้อรถผิดไซส์ ลองไปหาร้าน fitting ลงทุนจำลองสัดส่วนของรถแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ เพื่อเป็นแนวทางว่า เซทแล้วขีได้หรือไม่
ชีวิตยังอีกยาวครับ มองยาวๆด้วยเช่นกัน
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 180
- ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2015, 17:19
- ติดต่อ:
Re: นักไตรกีฬามีจุดด้อย ขอปรึกษาเรื่องแนวทางเลือกจักรยานคันที่ 2
ขอบคุณอาจารย์ มาก ๆ ครับ ที่ช่วยมาเปิดโลกทัศน์lucifer เขียน:ผมคงให้ความเห็นเฉพาะจักรยานอย่างเดียวนะ เรื่องวิ่งกับว่ายน้ำต้องไปคุยกับผู้ที่เขาชำนาญ
แข่งไตรผมก็ไม่เคยแข่ง เคยคิดจะแข่งทวิ ก็เกียจคร้านเรื่องซ้อมวิ่ง
เลยเหลือแต่ปั่นจักรยานเพื่อความสนุก สนองความบ้าและเมามันส์ ได้ของแถมคือสุขภาพกลับมา
วกมาที่จักรยานกันดีกว่า คุยเรื่องที่ผมถนัดหน่อย
แข่งไตร ก็ควรจะใช้รถไตร เพราะมันได้เปรียบอย่างชัดเจน ( ยกเว้นจะเจอสนามที่ต้องขึ้นเขาลงเขากันเป็นลูกๆแบบเส้นเขาโจด )
ทำไม? เอาแค่ท่าปั่นก่อนเลย ถ้าคุณปั่นรถไตรแท้ๆในท่าปั่นแบบรถไตร คือ เซทเบาะไปข้างหน้า ปั่นในท่าที่เหมือนกับจะวิ่งอยู่บนบันได คุณได้วงรอบการทำงานของกล้ามเนื้อที่ไม่ขัดแย้งกับการวิ่งนัก แล้วคนที่เขาเล่นด้านนี้มา เขาบอกเลยว่า เขายังเหลือความสดของกล้ามเนื้อมัดที่ใช้สำหรับวิ่งได้มากกว่า ( อันนี้ต้องลองนะ แล้วถ้าคุณไปคบกับ Dr Egg เจ้าของ Innovation ใบเบี้ยวที่ทำมาให้นักไตรใช้ด้วยแล้ว คุณจะพบเลยว่า การ"เหลือกล้ามเนื้อสำหรับวิ่ง" เป็นอย่างไร )
ในท่าปั่นของรถไตรแท้ๆ นอกจากคุณจะได้ Aerodynamic กลับมาแล้ว มุมสะโพกคุณจะยังเปิดกว้างมากกว่าการใช้รถถนนแล้วใส่ aerobar ผลพวงโดยรวมคือ คุณออกแรงกระทำกับบันไดได้มากขึ้น คิดดูนะ เหนื่อยเท่าเดิม แต่ออกแรงได้ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะตอนที่คุณนั่งรถถนนแล้วหมอบบน aerobar คุณอาจจะได้ aerodynamicเพิ่มขึ้น แต่ ลดประสิทธิภาพของการปั่น เพราะคุณออกแรงกล้ามเนื้อก้นย้อยอันทำหน้าที่เป็นเกียร์ 1 ของการออกแรงถีบลูกบันไดได้น้อยลง
เอาเป็นว่าถ้าคุณปั่นรถไตร คุณได้ความเร็วเพิ่มขึ้นจากเดิมไม่น้อยกว่า 2 km/hr โดยไม่ต้องลงทุนโหนหัวใจเพิ่มขึ้นมาเลย แล้วเมื่อทวนลม คุณสามารถคงความเร็วไว้ได้นานและดีกว่ารถถนน ( ลองปั่นสุวรรณภูมิ สกายเลน ดู แล้วจะเห็นเอง ผมพิสูจน์มาหลายครั้งแล้ว )
วกมาเรื่อง Power to weight Ratio 3.27 Watt/kg FTP 180 วัตต์ เพศชาย อายุ 38ปี หนัก 55 กก.
ว่ากันตรงๆ คุณยังเพิ่ม FTP ได้อีกนะครับ เพราะถ้าไม่ได้ขึ้นเขาแข่งกับใคร Power to weight ratio เป็นเรื่องที่ผมไม่สนใจเลยจริงๆ ผมสนใจแต่ gross watt ที่ผลิตออกมาเท่านั้น ยิ่งมี power meter ใช้ในระหว่างแข่งด้วย ผมว่าคุณสามารถใช้ประโยชน์จากมันในการเกลี่ยกำลังในแต่ละสถานการณ์ได้นะ เพราะบางคนวัตต์มากกว่านี้ แต่ไม่เคยใช้ประโยชน์จากpower meter แล้วมันก็ไปไม่รอด
เวทเทรนนิ่งคือ สิ่งที่คุณควรจะไปฝึกเพิ่ม อย่าไปกังวลว่านน.ตัวจะเพิ่มขึ้น เพราะน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น มันเพิ่มกำลังของกล้ามเนื้อด้วย แล้วเมื่อคุณเล่นไตร ร่างกายส่วนบนของคุณก็ยังจำเป็นต้องถูกใช้ ไม่ว่าจะเป็นว่ายน้ำ แม้แต่การวิ่งก็ยังใช้กล้ามเนื้อส่วนบนของร่างกายในการช่วยเร่งความเร็ว ( ถ้าเคยฝึกวิ่งจริงๆ โดยเฉพาะฝึกวิ่งเพื่อทำความเร็ว จะรู้ว่า"ท่าร่าง"มันสำคัญมากทีเดียวเลยหละ สับแขนยังไง ช่วยให้คุณวิ่งได้เร็วขึ้น เพราะในบางครั้ง ความเร็วก็เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ ) การเล่นเวทเทรนนิ่งเสริมท่อนบนจึงเป็นประโยชน์สำหรับคุณเองอย่างแน่นอน
Lance Armstrong ก่อนจะเปลี่ยนชีวิตตัวเองเป็นนักจักรยาน ก่อนที่จะมีเรื่องอื้อฉาวเรื่องการdope ลุงแลนซ์แกเป็นนักไตรที่มีฝีมือมากๆคนหนึ่ง เคยแข่งไตรล่ารางวัลมามากมาย แล้วแกบอกว่าเมื่อแกมาปั่นจักรยาน แกยอมลดความ"บึก"ของกล้ามเนื้อท่อบนลงเพื่อลดน้ำหนัก เพราะจักรยานมันไม่มีความจำเป้นต้องใช้มันเหมือนกับการเป็นนัก"ไตรกีฬา" แปลย้อนกลับคือ ความบึกของร่างกายส่วนบน ช่วยเอื้อต่อการเป็นนักไตรกีฬานั่นเอง
FTP เพิ่มได้หลายวิธีครับ ตำรา รวมทั้งโปรแกรมการฝึกซ้อมในยุคนี้ หาได้ไม่ยากอีกต่อไปแล้ว แต่เวทเทรนนิ่งก็ยังเป็นอีกหนทางในการช่วยเพิ่ม FTP ให้เราได้ เพียงแต่เวทเทรนนิ่งเองก็มีวิธีการเล่นหลายวิธี เล่นเวทใช่ว่าจะต้องตัวใหญ่เป็นเจ้าฮัล์คตัวเขียวเสมอไปนะครับ ผมเล่นเวท แต่เล่นแล้วตัวlean fit firm ปั่นจักรยานดีขึ้นภายในเวลา 2 สัปดาห์
ลองหายิมแถวบ้านที่มีเครื่อง leg press , leg curl , Bench Press , Back Extension Bar , Abdominal crunch แค่นี้คุณก็ได้กำลังขา และ กล้ามเนื้อแกนกลาง ร่วมกับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแขน ไหล่ เอาไว้คอนจักรยานแล้ว ปั่นจักรยานดีขึ้นกว่าเดิมอีกเยอะเลย น้ำหนักขึ้นไม่เกิน 0.5 กก. แต่ power to weight ratio เพิ่มขึ้นแน่นอน ถ้าจะเน้นว่ายน้ำด้วย ก็ลองไปค้นตำราเวทเทรนนิ่งสำหรับการว่ายน้ำมาอ่านดู ( เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยศึกษา จึงขอไม่ออกความเห็น )
การเล่นเวทนั้น มีการเล่นอยู่ 4 - 5 จุดประสงค์ ซึ่งกรรมวิธีแตกต่างกัน ได้แก่ Endurance , Power , Strength ( ยังสงสัยเหมือนกันว่า เขาแยก strength กับ power ออกเป้น 2 กลุ่มทำไม ) , Body fit และสุดท้าย เพื่อ Hypertrophy ของกล้ามเนื้อ ซึ่งทั้งหมดนี้ กำหนดน้ำหนักในการยกที่แตกต่างกัน จำนวนsetและระยะพักที่แตกต่างกัน น้ำหนักคิดจาก %ของ Max. One-rep. ซึ่งมีเวปไซท์ใจดี ทำเครื่องมือให้คุณกรอกข้อมูล แล้วมันคำนวณให้เลย
คนส่วนใหญ่ที่กลัวว่าเล่นเวทแล้วจะตัวใหญ่ น้ำหนักมาก เพราะเขามองเห็นรูปแบบมาจากนักเพาะกาย ซึ่งเล่นเพื่อเน้น Hypertrophy ซึ่งคนกลุ่มนี้เจอได้ทั่วไปในยิม แล้วผมก็ชอบที่จะได้พบกับคนกลุ่มนี้ เพราะเขาจะไม่ค่อยมาแย่งผมเล่น leg press และ leg curl เนื่องจาก คนกลุ่มนี้ไม่ได้เน้นประกวดเพาะกาย แล้วก็อยากจะเล่นเฉพาะท่อนบน ในขณะที่ชาวจักรยานจะเน้น ท่อนล่างและลำตัว
สุดท้าย รถไตรไม่ได้แพงอย่างที่คิด complete bike ในระดับ 70K ยังไงๆก็ไปได้เร็วกว่า Trek 1.1 อย่างแน่นอนครับ แล้วคุณบอกว่า คุณลงเขา max 70 แปลว่า ทักษะบนจักรยานของคุณอยู่ในระดับที่เยี่ยมมาก การขี่รถไตรลงเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะถ้า fitting กันดีๆแล้ว การจับที่ basebar ก็ยังช่วยให้คุณบังคับรถได้อย่างดี แล้วที่สำคัญคือ สนามไตรส่วนใหญ่ไม่ได้มีเขาชันๆให้ลงได้เร็วๆแบบนี้ ยังไงเสียในทางราบหรือช่วงที่ความเร็วคุณลอยตัวแล้ว รถไตรไปได้เร็วกว่าดังที่ผมบอกไว้ข้างต้น
รถไตรคุณภาพดีๆ ในราคาไม่สูงนักมีให้เลือกเยอะนะครับ รถมือสองก็มีขายพอสมควร ลองค้นในเฟสบุค https://www.facebook.com/groups/2485561 ... 8/?fref=nf อาจจะเจอรถที่คุณต้องการ
ถ้ากลัวจะซื้อรถผิดไซส์ ลองไปหาร้าน fitting ลงทุนจำลองสัดส่วนของรถแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ เพื่อเป็นแนวทางว่า เซทแล้วขีได้หรือไม่
ชีวิตยังอีกยาวครับ มองยาวๆด้วยเช่นกัน
ผมคงต้องเริ่มจากทำ Dynamic Fitting ก่อน
ชอบคำคมอาจารย์มากครับ "ชีวิตยังอีกยาว มองยาวๆด้วยเช่นกัน"
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 180
- ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2015, 17:19
- ติดต่อ:
Re: นักไตรกีฬามีจุดด้อย ขอปรึกษาเรื่องแนวทางเลือกจักรยานคันที่ 2
ขอบคุณอีก 5 ความเห็นข้างบนด้วยครับ
และขอบคุณพี่เบิร์ด นักปั่น ที่โทรมาแนะนำเมื่อคืนด้วยครับ
พี่วันชัย
70.3 พี่ไปได้แน่ครับ ซ้อมปั่นกับวิ่ง ยาว ๆ บ่อย ๆ จบได้แน่ครับ
และขอบคุณพี่เบิร์ด นักปั่น ที่โทรมาแนะนำเมื่อคืนด้วยครับ
พี่วันชัย
70.3 พี่ไปได้แน่ครับ ซ้อมปั่นกับวิ่ง ยาว ๆ บ่อย ๆ จบได้แน่ครับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1148
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 เม.ย. 2016, 08:17
- Tel: 0806364263
- team: กาฬสินธุ์
- Bike: Nich
Re: นักไตรกีฬามีจุดด้อย ขอปรึกษาเรื่องแนวทางเลือกจักรยานคันที่ 2
ลองอ่านนี่ดูนะครับNok_Tri เขียน:ตอนนี้ผมอายุ 38 ปี สูง 169 cm. หนัก 55 กก. FTP 180 (Power to weight = 3.27 W/kg) ใช้จักรยาน trek 1.1 ล้อ zonda ติด aerobar น้ำหนักรวมกระเป๋าใต้อาน น้ำ 2 กระติก ประมาณ 12-13 kg
เล่นไตรมา 2 ปีกว่า ผ่าน Sprint 3 สนาม, Standard 4 สนาม,Challenge (70.3) 1 สนาม และสนามล่าสุด คนเหล็กไทย (ระยะ 5k/100k/10k)
จุดด้อยของผมคือเป็นคนผอม ซึ่งน้ำหนักที่น้อยมันก็ทำให้กล้ามเนื้อน้อยตามไปด้วย (คนหนัก 55 จักยานหนัก 10 กิโล)
ในการแข่ง การซ้อมปกติ น้ำหนักจักรยาน ไม่ค่อยมีผลกับผมซักเท่าไหร่ เพราะผมปั่นเดี่ยว ความเร็วคงที่ ไม่หมก ไม่กระชาก น้ำหนักจักรยานเยอะออกจะดีด้วยซ้ำ รักษาความเร็วได้คงที่ดี
แต่เมื่อปลายปีที่แล้วปัญหาใหญ่เกิดขึ้น คือผมได้ลงแข่ง Challenge กาญจนบุรี (ระยะ 70.3) ซื่งเส้นทางปั่น 90k เป็นทางเขา คือตอนซ้อมทดสอบเส้นทางก็ไม่ได้หนักใจอะไร เพราะจักรยานเราหนัก เราก็ค่อย ๆ ไต่ข้ึนเรื่อย ๆ ช้า ๆ สะสมพลังงานเอาไว้ แล้วไปเอาคืนช่วงลงเขา ตามกฏการทรงพลังงาน จักรยานหนัก ๆ จะลงเขาได้เร็ว ชดเชยกับความช้าตอนไต่ ทำให้ได้ av ที่ยอมรับได้ (ทัน cut off) แต่ตอนแข่งจริงมันไม่ใด้เป็นแบบซ้อม เพราะตอนลงเขาจะมีนักกีฬาที่ทักษะลงเขาไม่ดี ขี่ชะลอความเร็วขวางหน้าอยู่ (ติดธงแดง ธงส้ม แซงไม่ได้) ที่เคยซ้อมลงเขาแบบไม่ต้องเบรคเยอะ (Max Speed 70กว่า ๆ) กลายเป็นต้องเลียเบรคชะลอตลอดทางลงเขา (เหลือ Max speed แค่ 50 กว่า ๆ) และเป็นลักษณะนี้อยู่เกือบ 50% ของเส้นทาง คือตอนปั่นขึ้นเนินปล่อยคนตัวใหญ่รถเบา ๆ เค้าแซงไปก่อน แต่ตอนขาลงปล่อยไหลไปทันก็ต้องเบรคชะลอตามตูด แซงคืนไม่ได้ (ทางแคบ คดเคี้ยว ธงแดง) ตอนแข่งก็ได้รู้ซึ้งถึงข้อด้อยของจักรยานหนัก ๆ กฏการทรงพลังงานของนิวตั้น นำมาใช้ไม่ได้กับสนามนี้
ตอนนี้มีโครงการหยอดกระปุก งอกจักรยานคันใหม่ครับ
เคยปรึกษาเพื่อน ๆ พี่ ๆ นักไตร ว่าจักรยานใหม่ของผมจะเป็นแบบไหนดี ส่วนใหญ่จะแนะนำให้ถอยจักยาน TT คาร์บอนไปเลย มีเหตุผลว่า aero กว่า ท่าปั่นสบายกว่า ยังไงซะเล่นไตร ก็ต้อง TT อยู่ดี
แต่ด้วยงบที่จำกัดไว้แค่ 60-70k จักรยาน TT ในงบนี้มันจะหนักประมาณ 10 กิโล ซึ่งน้ำหนักมันก็ไม่ได้ต่างจาก trek 1.1 คันเดิมของผมซักเท่าไหร่
และอีกอย่างที่ยังคาใจคือ ผมแตกต่างจากนักไตรทั่ว ๆ ไปที่มีหุ่นชายไทยมาตรฐาน น้ำหนักประมาณ 65-80 กก. แต่ผมหนักแค่ 55 กก.
ยกตัวอย่างความเสียเปรียบ
ถ้าคู่แข่งที่หนัก 70 กก. มี
Power to weight Ratio = 3.27 W/kg (เท่า ๆ กับผม)
จะมี FTP = 229 W
ใช้ TT หนัก 10 kg รวมกระติดน้ำ และ อื่น ๆ เป็น 12 kg.
น้ำหนักรวมคนกับจักรยานจะเป็น 82 kg
เมื่อคิด Power to weight Ratio ใหม่จะได้ 2.79 W/kg (229W/82kg)
ส่วนผมหนัก 55 มี FTP 180
ถ้าเลือกงอก TT หนัก 10 kg รวมกระติดน้ำ และ อื่น ๆ เป็น 12 kg. เหมือนกัน
น้ำหนักรวมคนกับจักรยานจะเป็น 67 kg
เมื่อคิด Power to weight Ratio ใหม่จะได้ 2.69 W/kg (น้อยกว่าคู่แข่งอยู่ 4.5%)
อันนี้ยังไม่นับพวกหนัก 75 ร่างกายกำยำล่ำสัน+น่องโตที่ใช้จักรยานหนัก 8 กิโลนะ มีเยอะแยะ
ผมคิดไว้มีอีกทางเลือก ในงบนี้หาหมอบหนัก 7 โลครึ่งได้ไม่ยาก ใส่ Aerobar หนักประมาณ 3-4 ขีดเพิ่ม
รวม ๆ หนักประมาณ 7.9 กิโล และถ้ารวมกระติก+น้ำและอื่น ๆ ตีว่า 10 กิโล
คำนวน Power to weight Ratio จากน้ำหนักรวม ใหม่ จะได้ 2.76 W/kg ซึ่งสูสีกับคู่แข่ง
จาก Case ของผมเพื่อน ๆ พี่ ๆ (ทั้งนักไตรและนักปั่น) มีความเห็นอย่างไรบ้างครับ ผมควรจะเลือก TT หรือ หมอบเบา ๆ มาเป็นจักรยานคันที่ 2 รบกวนขอความเห็นของทุกท่านครับ ขอบคุณทุกความคิดเห็น
ผมว่าคุณนี่ก็แปลก คิดจะเล่นกีฬา กลับออกแนว "มวยวัด"Paitoon1956 เขียน:เส้นทางจักรยานง่ายนิดเดียวครับ เพราะเห็นพี่ชายที่เป็นโค้ชจักรยานปั้นศิษย์มาเยอะ
นักจักรยานก็จะดั้นด้นมาหาพี่ชายที่บ้าน บอกว่าจะไปให้ถึงทีมชาติ
พี่ชายก็จะบอกว่า บันใด 4 ขั้น
1.ติดทีม จว.
2.ติดทีมเขต
3.ติดทีมชาติ
4.ติดทีม เอเชี่ยนเกม์
ช่วงที่ยังอยู่ใกล้ชิดกับพี่ชาย เท่าที่เห็นแกปั้น
1.พี่ชูศักดิ์ ศรีพล ทีมขอนแก่น เขต4 ทหารอากาศ ทีมชาติ
2.เพื่อนสุรียะ ราชไสยกิจ ทีมขอนแก่น กาฬสินธุ์ อุดร ทหารบก ทีมชาติ
ส่วนอีกจำนวนหนึ่ง มีแต่เพื่อนเล่าให้ฟัง ไม่ขอกล่าวถึง
3.น้อง มีศักดิ์ ปักชัยภูมิ ทีมขอนแก่น ทีมชาติ
โดยเฉพาะ มีศักดิ์ นี่ พี่ใหญ่โทรหาผมสิบกว่าปีก่อน วันอาทิตย์ว่างใหม เย็นวันเสาร์จะไปหาที่บ้าน วันอาทิตย์จะให้พาไปธุระหน่อย
พอมาถึงแกก็บอกว่า พาไปดูแข่งกีฬาแห่งชาติหน่อย ลูกศิษย์จะแข่งจักรยานทางไกล 150 ก.ม ที่ตัวเมืองระยอง
ไม่ต้องรีบ ปล่อยตัว ประมานเช้าๆ พอไปถึงก็ตามไปประมาณ 30 ก.ม ก็ทัน
ตามไปจนถึงจุดเลี้ยวกลับที่ อ.วังจันทร์ ก็แตกกลุ่มพอดีประมาณ 8 คน มาอีกหน่อย ประมาณ 50 ก.ม สุดท้าย ก็เหลือ 3 คน
พี่ชายบอกว่าลูกศิษย์แกติดหนึ่งในสามด้ว
พอเหลือ 25 ก.ม แกก็บอกผมให้แซงไปเลย ไปรอที่เส้นชัยเลย
พอแซงขึ้นไปผมตกใจใหญ่ ถามพี่ชายว่า "ลูกศิษย์พี่ทำใมเด็กจัง?"
แกตอบว่า "ก็เป็นเด็ก ม.ปลาย รร. กีฬา"
วันนั้นแกยังบอกว่า เหรีญทองคงไม่ได้ เหรียญเงินแล้วแต่จังหวะ เหรียญทองแดงได้แน่ๆ
ผมถามพี่ชายว่าทำใมไม่ไปก่อนแข่งแกตอบว่า
"เดียวเขาจะรู้ว่า แกจะปั้น เด็กจะโดนมาร์ค"
ผมถามว่า "ทำใมไม่ไปดูใกล้ๆ"
แกตอบว่า "เด็กจะได้ไม่เครียด และ สอนหมดทุกอย่างแล้ว"
สมัยซ้อมเดี่ยววันละ 150 ก.ม สัปดาห์ละ 5 วัน
แกถามผมว่า "เล่นทีมชาติใหม?"
ผมตอบว่า "ไม่อา"
แล้วผมก็เลือกถูก เพราะรายได้ในตะวันออกกลาง แตะ เกือบๆ 1,800 US$ ที่พัก อาหาร ฟรี มีรถใช้
ว่างก็กลับมาปั่นอีก ตอนอายุย่าง 61 นี่ล่ะ
อยากแรง อยากแกร่ง ต้องซ้อมถึง
ที่สำคัญหาโค้้ช เก่งๆให้ได้
เห็นใหม เขาปั้นเด็ก ม.ปลาย ติด 1ใน3 กีฟาแห่งชาติได้
พวกที่ว่า ขาแรง จะแน่ซักแค่ใหน?
เพราะองค์ความรู้ ชั้นเชิงอันแพรวพราว สำหรับการแข่งขัน ระดับ "สอนหมดทุกอย่างแล้ว"
มีกันหริอยัง? พร้อมจะยืนโพเดี้ยมระดับชาติหรือยัง?
หรือจะเอา เอวี ใว้ปลอบใจตัวเอง!!!!
เมื่อก่อนผมเล่นบอลล์ พี่ชูศักดิ์ ศรีพล ก่อนเล่นทีมชาติ แกมาหาพี่ชายผมที่บ้าน
แกว่า "พี่ชายเล่นจักรยานทำใมไม่เล่นตาม ไปเล่นบอลล์ เมื่อไรจะติด ทีม จ.ว ทีมเขต ทีมชาติ จักรยานไปเร็วกว่า"
ผมก็เริ่มจักรยานตั้งแต่นั้น
พี่ชายโคชน์นักปั้นของผมนี้ พี่แกสนใจไตรกีฬา ถึงขนาด ย้ายบ้านไปอยู่ภูเก็ตหลายปี
พี่สะใภ้ห่วงการศึกษาลูก จึงยอมย้ายกลับมา
จะเล่นกีฬาต้องเริ่ม โค้ช ครับ
เพราะโค้ชที่ปั้นนักกีฬา ก็ไม่ต่างจาก ศิลปินนักเขียนภาพ
ต้องเขียนออกมาให้ครบถ้วนสมบูรณ์ เหมือนที่พี่ชายผมปั้น นักปั่น ม.ปลาย ไปสู่ทีมชาติ
เหมือนที่เขาปั้น นักปั่น ม.ปลาย ไปล้มทีมชาติ เพื่อติด หนึ่งในสาม แชมป์กีฬาแห่งชาติ
ที่พีแกบอกว่า "สอนหมดทุกอย่างแล้ว" เราไม่ได้พูดกันแล่นๆนะครับ
คนที่เกิดมาเป็นโคชน์นั้น เขาเป็นนักวิเคราะห์ ขนาดนั่งดูถ่ายทอดสด ดูเดอร์ฟรอง แกยังบอกว่า
"ถ้าให้กูเป็นโค้ช ไอ้นี่มีสิทธิ์ชนะมากที่สุด"
ผมยังจำติดตา ไอ้นักปั่นคนนั้น ฉลาดเหมือน คคคคววววาาาายยยย เห็นทีไรก็ปั่นแนว หัวลาก อยู่นั่นล่ะ
แต่ตอนเขาเข้าเส้นชัย ไม่รู้ไปอยู่ใหน?
นักกีฬา ไม่มีโค้ช ก็เหมือน ผ้าใบ ฟู่กัน สี
มันจะออกมาเป็น ภาพวาดอันวิจิตรตระการตาไปได้อย่างไร?
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1356
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ส.ค. 2014, 11:44
Re: นักไตรกีฬามีจุดด้อย ขอปรึกษาเรื่องแนวทางเลือกจักรยานคันที่ 2
ถ้าเน้นไตร คือ 3 แบ่งเป็น 35% ถ้าตัวเบา วิ่งดีกว่า ว่ายน้ำดีกว่า จักยาน คือข้อเสียเปรียบพี่ พี่ก่เพิ่มเวลาที่วิ่งสิครับ ว่ายน้ำเอา อย่าคิดว่ามันคืองานจัดแข่งจักยาน มันคือไตร ผมอ่านบทสมภาษหลายคน บางคนบอก ปั่นไม่เก่ง แต่ว่ายน้ำเก่ง ปั่นไม่เก่งแต่วิ่งเก่ง ก่ชนะได้ เอาสิ่งที่ถนัดที่สุดเป็นตัวตั้ง ส่วนที่ไม่ถนัด พี่ก่ทำพอกล่อมแกล่มรอดตัวไปได้ก่ ok แล้วครับ คนตัวหนักเช่นผมวิ่งนี่สาหัสมาก
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1457
- ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2011, 08:36
- Tel: 0814239028
- team: ลูกยังเล็ก เวลาไม่แน่นอน เลยแปะๆดูดๆชาวโลกเขาไปเรื่อยๆ ไม่มั่ว แต่ ทั่วถึง.555
- Bike: หมอบ/TT คันหญายๆๆๆๆ + มินิ คันเล็กๆๆๆๆๆ
- ติดต่อ:
Re: นักไตรกีฬามีจุดด้อย ขอปรึกษาเรื่องแนวทางเลือกจักรยานคันที่ 2
เสริมนิดครับ
การ set รถ Tri ไม่ใช้ การเซ็ท รถ TT นะครับ
เพียงแต่ รถมัน หน้าตาคล้ายๆกัน แถมมันดันใช้ด้วยกันได้
เลยอาจมีความเข้าใจว่า ขี่รถไตรแล้ว ต้องหมอบเกร็ง ไม่สบายตัวแบบ TT
ซึ่งจริงๆแล้วมันเซ็ทต่างกันนะครับ
ในไตร ผมวางจักรยาน เหมือน โซฟา ใหญ่ๆ
ที่พอว่ายน้ำมาเหนื่อยๆ เราต้องได้ พักแขน พักลำตัว และ วอร์ม ขา เพื่อเตรียมวิ่งครับ
เพราะ วิ่ง มันใช้พลังงานต่อระยะทางเยอะ แถม มันคือการเข้าเส้นชัย
การบริหารแรง คือ การใช้แรงที่สู้อุสาฝึกสะสมมาให้เคลื่อนตัวไปข้างหน้าให้ได้มากที่สุด
ใครบริหารแรงดีๆ หมดตรงเส้นพอดีๆ คือผู้ชนะครับ
ชนะไครไม่เท่าชนะตัวเอง...
Trek 1.1 เป็นรถที่ดี ใน class ของเขา
ใช้เป็นโซฟา ในการแข่ง พอไหว แต่คงเป็นโซฟาที่นั่งแล้ว ...หลังมันตรง
จะนอนก็แข็ง ระบายเหงื่อไม่ออก บอกไม่ถูก ไม่สบายเนื้อสบายตัวเท่าที่ควร
เอิ่มมมม..... มองไปมองมา
นี่มันเก้าอี้นี่หว่า ไม่ใช่โซฟา...555
เอาเก้าอี้มาหุ้มหนัง ใส่แอรโร่วบาร์ หาล้อดิส สุดท้าย เก้าอี้ ก็คือเก้าอี้...
trek เขาออกแบบมาให้นั่งแบบเก้าอี้ ก็ตามนั้น...
ลงจากเก้าอี้ ก็วิ่งต่อได้ครับ
แต่ถ้าเราใช้ โซฟา จะสบายกว่าไหม...
อีกอย่าง
วงปั่นสาย Tri เป็นการใช้กล้ามเนื้อในอีกลักษณะหนึ่งที่ต่างจากวงของการปั่นหมอบอย่างมากนะครับ
ปั่น Tri ควรลดรอบขาลง ฝึกสร้างแรงบิดต่อรอบให้สูงขึ้น เพื่อลดการเคลื่อนที่ของกล้ามเนื้อ
เพื่อลดภาระการจ่ายเลือดของหัวใจลง
โซฟาก็จะได้เป็นโซฟา สบายยยยยแท้
เก็บหัวใจ เอาไว้ใช้ตอนวิ่งดีกว่า...555
การ set รถ Tri ไม่ใช้ การเซ็ท รถ TT นะครับ
เพียงแต่ รถมัน หน้าตาคล้ายๆกัน แถมมันดันใช้ด้วยกันได้
เลยอาจมีความเข้าใจว่า ขี่รถไตรแล้ว ต้องหมอบเกร็ง ไม่สบายตัวแบบ TT
ซึ่งจริงๆแล้วมันเซ็ทต่างกันนะครับ
ในไตร ผมวางจักรยาน เหมือน โซฟา ใหญ่ๆ
ที่พอว่ายน้ำมาเหนื่อยๆ เราต้องได้ พักแขน พักลำตัว และ วอร์ม ขา เพื่อเตรียมวิ่งครับ
เพราะ วิ่ง มันใช้พลังงานต่อระยะทางเยอะ แถม มันคือการเข้าเส้นชัย
การบริหารแรง คือ การใช้แรงที่สู้อุสาฝึกสะสมมาให้เคลื่อนตัวไปข้างหน้าให้ได้มากที่สุด
ใครบริหารแรงดีๆ หมดตรงเส้นพอดีๆ คือผู้ชนะครับ
ชนะไครไม่เท่าชนะตัวเอง...
Trek 1.1 เป็นรถที่ดี ใน class ของเขา
ใช้เป็นโซฟา ในการแข่ง พอไหว แต่คงเป็นโซฟาที่นั่งแล้ว ...หลังมันตรง
จะนอนก็แข็ง ระบายเหงื่อไม่ออก บอกไม่ถูก ไม่สบายเนื้อสบายตัวเท่าที่ควร
เอิ่มมมม..... มองไปมองมา
นี่มันเก้าอี้นี่หว่า ไม่ใช่โซฟา...555
เอาเก้าอี้มาหุ้มหนัง ใส่แอรโร่วบาร์ หาล้อดิส สุดท้าย เก้าอี้ ก็คือเก้าอี้...
trek เขาออกแบบมาให้นั่งแบบเก้าอี้ ก็ตามนั้น...
ลงจากเก้าอี้ ก็วิ่งต่อได้ครับ
แต่ถ้าเราใช้ โซฟา จะสบายกว่าไหม...
อีกอย่าง
วงปั่นสาย Tri เป็นการใช้กล้ามเนื้อในอีกลักษณะหนึ่งที่ต่างจากวงของการปั่นหมอบอย่างมากนะครับ
ปั่น Tri ควรลดรอบขาลง ฝึกสร้างแรงบิดต่อรอบให้สูงขึ้น เพื่อลดการเคลื่อนที่ของกล้ามเนื้อ
เพื่อลดภาระการจ่ายเลือดของหัวใจลง
โซฟาก็จะได้เป็นโซฟา สบายยยยยแท้
เก็บหัวใจ เอาไว้ใช้ตอนวิ่งดีกว่า...555
จักกะยาระนัง ปะระมัง สุขขัง.
จานไข่ Dr.Egg http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 0&t=515279
Dr.EGG Facebook : http://www.facebook.com/DrEGG.DrivEmotion
ผม Dr.Egg ครับ อยู่บางแสน ติดต่อได้เวลาราชการ
หลังเวลาราชการ ขอเวลาเลี้ยงลูกนะครับ...
พี่น้องงงงง......
จานไข่ Dr.Egg http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 0&t=515279
Dr.EGG Facebook : http://www.facebook.com/DrEGG.DrivEmotion
ผม Dr.Egg ครับ อยู่บางแสน ติดต่อได้เวลาราชการ
หลังเวลาราชการ ขอเวลาเลี้ยงลูกนะครับ...
พี่น้องงงงง......
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 180
- ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2015, 17:19
- ติดต่อ:
Re: นักไตรกีฬามีจุดด้อย ขอปรึกษาเรื่องแนวทางเลือกจักรยานคันที่ 2
ลึกซึ้งดุจอ่านสามก๊ก...zzzz เขียน:เสริมนิดครับ
การ set รถ Tri ไม่ใช้ การเซ็ท รถ TT นะครับ
เพียงแต่ รถมัน หน้าตาคล้ายๆกัน แถมมันดันใช้ด้วยกันได้
เลยอาจมีความเข้าใจว่า ขี่รถไตรแล้ว ต้องหมอบเกร็ง ไม่สบายตัวแบบ TT
ซึ่งจริงๆแล้วมันเซ็ทต่างกันนะครับ
ในไตร ผมวางจักรยาน เหมือน โซฟา ใหญ่ๆ
ที่พอว่ายน้ำมาเหนื่อยๆ เราต้องได้ พักแขน พักลำตัว และ วอร์ม ขา เพื่อเตรียมวิ่งครับ
เพราะ วิ่ง มันใช้พลังงานต่อระยะทางเยอะ แถม มันคือการเข้าเส้นชัย
การบริหารแรง คือ การใช้แรงที่สู้อุสาฝึกสะสมมาให้เคลื่อนตัวไปข้างหน้าให้ได้มากที่สุด
ใครบริหารแรงดีๆ หมดตรงเส้นพอดีๆ คือผู้ชนะครับ
ชนะไครไม่เท่าชนะตัวเอง...
Trek 1.1 เป็นรถที่ดี ใน class ของเขา
ใช้เป็นโซฟา ในการแข่ง พอไหว แต่คงเป็นโซฟาที่นั่งแล้ว ...หลังมันตรง
จะนอนก็แข็ง ระบายเหงื่อไม่ออก บอกไม่ถูก ไม่สบายเนื้อสบายตัวเท่าที่ควร
เอิ่มมมม..... มองไปมองมา
นี่มันเก้าอี้นี่หว่า ไม่ใช่โซฟา...555
เอาเก้าอี้มาหุ้มหนัง ใส่แอรโร่วบาร์ หาล้อดิส สุดท้าย เก้าอี้ ก็คือเก้าอี้...
trek เขาออกแบบมาให้นั่งแบบเก้าอี้ ก็ตามนั้น...
ลงจากเก้าอี้ ก็วิ่งต่อได้ครับ
แต่ถ้าเราใช้ โซฟา จะสบายกว่าไหม...
อีกอย่าง
วงปั่นสาย Tri เป็นการใช้กล้ามเนื้อในอีกลักษณะหนึ่งที่ต่างจากวงของการปั่นหมอบอย่างมากนะครับ
ปั่น Tri ควรลดรอบขาลง ฝึกสร้างแรงบิดต่อรอบให้สูงขึ้น เพื่อลดการเคลื่อนที่ของกล้ามเนื้อ
เพื่อลดภาระการจ่ายเลือดของหัวใจลง
โซฟาก็จะได้เป็นโซฟา สบายยยยยแท้
เก็บหัวใจ เอาไว้ใช้ตอนวิ่งดีกว่า...555
อดใจไม่ไหว ต้อง Login เข้ามาชมเชยครับ
ขอบคุณมากครับ เปิดโลกทัศน์อีกแล้ว