สงสัยคับทำไมรถ time trial ไม่ค่อยมีเพื่อน ๆ พี่ๆ พูดคุยกัน

[konameirda]

รบกวนสอบถามสมาชิก thai mtb เพื่อน ๆ พี่ ๆ คับ ทำไมไม่ค่อยเห็นมีกระทู้การพูดคุยหรือลงขาย รถ Time Trial เลย รถโคตรสวย แล้วประมาณฟิลลิ่งที่ชอบความเร็วแบบหมุดลม ราคาก็ประมาณ เสือหมอบ อะไหล่ก็ใช้กันได้แถบเกือบทุกชิ้น

[lucifer]

อะไรนะ ราคาประมาณเสือหมอบจริงๆเหรอ แหะ แหะ
รถเสือหมอบราคาเริ่มต้น ซื้อรถTTระดับเริ่มต้นยังไม่ได้เลยครับ

รถTTส่วนใหญ่ มักจะsetรถออกมาในแนวรถไตรกีฬากันมากกว่า

พูดกันตรงๆ สรีระคนไทยส่วนใหญ่ ทำให้การเซทรถตามกติกา TimeTrial เป๊ะๆได้ค่อนข้างยาก

ศาสตร์ของการเซทรถไตร กับ รถถนน มันแตกต่างกันมากมายครับ คนทำfittingรถไตรเก่งๆมีน้อยครับ

อันที่จริงตอนนี้ตลาดรถไตรขยายตัวขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะกิจกรรมไตรกีฬาและทวิกีฬาเริ่มเป็นที่นิยมกัน เพียงแต่ว่าก็ยังกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มเล็กกว่ากลุ่มรถถนน

อะไหล่รถไตรแตกต่างจากรถถนนอยู่หลายชิ้นเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นแฮนด์ ( base bar และ aerobar ) ก้ามมือเบรค มือเกียร์ อาน ( ถ้าเข้าถึงรถไตรจริงๆ จะพบว่า อานจมูกแคบแหลมๆแบบรถถนนจะไม่เหมาะสำหรับการใช้งานบนรถไตร ) นอกจากนี้แล้ว หากจริงๆจังๆมากๆ ขาจานเองก็ยังสั้นกว่าขาจานของรถถนนเสียอีก เพราะท่าปั่นที่แตกต่างกัน ตำแหน่งเบาะหน้า-หลังก็ต่างกัน วิธีการใช้แรงก็แตกต่างกัน

ต้องลองสัมผัสและใช้งานจริงๆครับ ปั่นรถถนน 100 กม. กับ ปั่นรถไตร 100 กม. มันเป็นหนังคนละม้วนกันจริงๆ

ชอบความเร็วหรือครับ ? อันนี้เป็นสิ่งเดียวที่เป็นไปตามความคาดหวัง
ชอบความสบาย ? รับรองว่า ผิดหวัง ยกเว้นว่าจะ fittingมาได้อย่างลงตัว ร่วมกับปรับตัวได้และเสริมสร้างร่างกายในส่วนแกนกลางให้แข็งแรงเพียงพอ
นั่งสบาย ? ระยะแรกๆบอกเลยว่า โคตรจะเจ็บ เพราะว่าพื้นฐานในการนั่ง จุดรับน้ำหนัก มันเป็นหนังคนละม้วนกับรถถนน ( เบาะรถไตรจึงต้องออกแบบมาให้แตกต่างไปจากเบาะรถถนนไง )
รถนิ่ง ทรงตัวได้ดี ? ถ้ามองแค่ geometry เพียงอย่างเดียวก็ใช่ แต่ถ้าไม่เคยขี่มาก่อน วันแรกๆที่ขึ้นไปปั่นแล้วก้มลงไปจับ aerobar ก็จะพบว่ารถมันช่าง"น่ากลัว"จริงๆ แค่เหลียวหน้านิดเดียวรถก็แวบแล้ว ทำให้เวลาปั่นบนถนนชนบท แล้วมีรถมอเตอร์ไซค์ชอบสวนเลนมาชิดขอบทางด้านซ้าย จะพบว่ามันไม่สนุกเลย เพราะเวลาที่ก้มจับaerobar การเหลียวหน้ากลับไปมองด้านหลังเพื่อดูว่ามีรถกำลังแซงขวามานั้น มันเป็นเรื่องที่ลำบากมาก เพราะทันทีที่เหลียวหลังไปทางขวา รถก็แทบจะเปลี่ยนทิศในทันที ( ธรรมเนียมท้องถิ่น : มอไซค์สวนเลน จะชิดขอบทางมากที่สุด คนที่มาในทาง จะต้องเบี่ยงออกขวาเพื่อหลบกัน เหมือนกับแซงหมาที่เดินชิดขอบทางนั่นแหละ ถ้าเบี่ยงซ้ายก็ชนกับหมาหนะสิ ก็เลยต้องหันไปมองด้านหลังก่อนว่ามีรถตามหลังไหม จึงจะเบี่ยงขวาหลบกันได้ ) ระยะหลังเวลาอยากจะปั่นรถไตร ก็จะขนกลับไปปั่นที่ สกายเลน แทน สบายใจกว่าปั่นรถถนนเยอะ
รถไตรไม่คล่องแคล่วเท่ารถถนน ? ก็จริงในบางครั้ง แต่สุดท้ายขึ้นกับทักษะในการบังคับรถเป็นสำคัญ แต่ถึงจะแร่ดได้แค่ไหน ก็ยังไม่สามารถแร่ดได้เท่ากับรถถนนอยู่ดี

อยากรู้ว่าเป็นไง ก็ต้องลองดู

อันที่จริง ตลาดมือสองก็มีขายกันให้เห็นบ้างนะครับ ในปีก่อนๆก็เคยเห็น Cervelo P2 ทั้งคันขายอยู่ หรือ P5 ในราคาสุดโหด ( มือ 1 ยิ่งโหดขนลุก ) ช่วงหลังๆไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ แต่มือสองราคาไม่ใจร้ายนัก ต้องไปหากันใน Page FB ครับ พรรคพวกกันเขาเปิดshop รับฝากขายอยู่

[Tdf]

ตอนนี้ราคามือสองลงมาจับต้องได้มากขึ้นแล้วครับ ระดับราคา 3-5 หมื่นมีหลุดมาบ่อยๆ เมื่อปลายปีเพิ่งมีล้างสต็อกรถใหม่ giant trinity advanced ห้าหมื่นกว่าเอง ซื้อไม่ทัน ประมาณเดือนเมษาเห็นว่าจะมีของ java ราคาห้ากว่าๆ

ที่ไม่ค่อยเห็นประกาศขายมือสองเพราะเขามีกลุ่ม fb เฉพาะเขาครับ เขาไม่มาลงในเว็บนี้ แต่รถมีมาลงขายตลอดอยู่แล้ว

กำลังสนใจเหมือนกัน เหตุผลเพราะปั่นแต่สกายเลนเป็นหลัก เวลาโต้ลมแรงๆเห็น tt แซงไปแต่ละคันนี่หมอบได้แต่มอง คือความเร็วมันต่างกันมาก และอีกเหตุผลคือปั่นหมอบนานๆแล้วเจ็บมือเจ็บไหล่ อยากลองขี่แบบวางน้ำหนักตัวบนศอกดูบ้าง จะใส่แอโร่บารกับหมอบการเซ็ตเบาะก็ไม่เหมือนขี้เกียจปรับไปมา พูดง่ายๆคืออยากลองของแท้นั่นแหละครับ

[konameirda]

ขอบคุณ อาจารย์ มากครับที่ให้มุมมอง หลาย ๆ มิติ
ประมาณส่วนตัวนะคับ เกิดความอยากลอง ฟิลลิ่งเป็นแบบไหน ถ้ามีโอกาสก็อยากจะหาลองแต่อยากลองมือสองก่อนเพื่อจะได้เรียนรู้และหากมันไม่ใช่ก็จะได้ไม่เจ็บตัวมาก แต่ถ้าลองแล้วแบบว่าสนุกก็จะได้ขยับระดับต่อไปครับ

[konameirda]

เรียนปรึกษาอาจารย์อีกนิดครับ ผมสูง 176 ซม อินซีม 80 ซม. ขี่ TT ไซด์ไหนเหมาะกับผมครับ

[ลิงกังปั่นหมอบ]

Time Trial หรือ Triathlon ผมขอเรียกรวม ๆ เป็นรถ T ก็แล้วกัน (เพื่อให้เรียกง่ายเข้าไว้)

รถ T ไม่เหมาะวิ่งในเมือง อันนี้มันไม่ได้ออกแบบมาวิ่งในเมืองอยู่แล้วล่ะ แค่พอวิ่งได้เท่านั้น ต้องงัดทักษะกันมากหน่อย (มากจริง ๆ ครับ มันนั่งท่ายาก) แต่แค่พอวิ่งได้มันจะไปสนุกอะไร? แม้กระทั่งถนนต่างจังหวัดบ้านเรา ก็ยังไม่ค่อยเหมาะเลย ระดับหลาน ๆ Roubaix เอารถ T มาวิ่ง . .

พูดตามประสบการณ์ปั่นในเมืองและออกนอกเมืองนะครับ เสือหมอบบ้านเราวิ่งได้แค่ "ถูไถ" สนุกพอได้ มันส์พอได้ เร็วพอได้ ระดับบ้านเรามันต้องกึ่ง ๆ เสือภูเขาทางเรียบ (ไฮบริด) ด้วยซ้ำ . . . ไม่ได้เกินจริง ล้อ 23C นะ วิ่งได้ แต่ขอบอกว่าไม่เต็ม 100 !!! ต้องมีเผื่อเจอฝาท่อ ร่อง หลุม หรืออะไรที่มันยื่น ๆ โผล่ออกมาจากถนน แล้วนับประสาอะไรรถไตรที่นิยมใส่ยาง 20-23C จะมาแล่นให้เห็นในเมืองหรือต่างจังหวัด ถ้าใส่ 25-28C มันจะประหลาดตรงที่ว่า เฮ้ย ถ้าแกจะขี่รถ T ใส่ยาง 28C เพื่อไปขี่ในเมืองเอาความนุ่มสบาย? แกเอาเสือหมอบไปขี่มันจะมีความสุขกว่ามั้ย? รถ T มันรถเพื่อความเร็ว เฮ้ย ไม่ใช่รถให้แกมานั่งนุ่ม ๆ สบาย ๆ ยางโต ๆ

เรียกว่าใช้งานไม่ถูกประเภทครับ รถ T มันต้องเฉพาะงานจริง ๆ แล้วมันต้องมีที่ให้เล่นครับ

มันไม่มีที่ให้เล่นครับ นอกจากสนามจักรยานกับเวโลโดม พวกนี้ หรือ ถนนที่เขาจัดเอาไว้ให้วิ่งโดยเฉพาะ

อีกอย่างคือ รถ T น่าจะ Demand น้อย ทำให้ราคามันสูงด้วยครับ เพราะส่วนนึงคือ คนไม่รู้จะชื้อรถ T ไปทำไม นั่งท่ายาก ขี่ในเมืองก็พิลึก ๆ (อันนี้มันแน่นอนล่ะ ใครเขาขี่รถ T ในเมืองกัน) จะขี่ไปเที่ยวก็ยังพิลึก คือมันไม่ให้อารมณ์ รถมอเตอร์ไซค์ Big Bike เลยนะ ถ้าจะให้เทียบแบบมอเตอร์ไซค์ 555+ ทำความเร็วก็ไม่ได้ คนเขาก็จะมองว่า แล้วสูท่านจะเอารถ T มาวิ่งทำไมครับเนี่ย วิ่งได้แค่นี้ ขี่เสือหมอบสบาย ๆ สนุก ๆ ชีวิตมันจะมีความสุขกว่ามั้ย? ติด Aero Bar เอามันจะง่ายกว่ามั้ย? อยากจะ TT ขึ้นมาก็ยังพอเสพสุขรสชาติ TT ได้

ก็ประมาณนี้อ่ะครับ

[lucifer]

เรียนปรึกษาอาจารย์อีกนิดครับ ผมสูง 176 ซม อินซีม 80 ซม. ขี่ TT ไซด์ไหนเหมาะกับผมครับ

บอกตรงๆเลยนะ ผมกะขนาดให้ไม่ถูกหรอกครับ เพราะ TTเป็นอะไรที่"เรื่องมาก" มากจริงๆ รถแต่ละค่ายก็ใช่ว่าจะมีองคาพยบเหมือนกัน ผมเคยเกือบซื้อรถผิดมาแล้ว ร้านที่สนิทกัน นำเสนอเฟรมลดราคาให้แบบว่า"สั่น"เลยแหละ แล้วเราก็เอาขนาดของเสือหมอบมาเทียบเคียง เช็คระยะกันแล้ว "มันน่า" แต่ก็ไม่ได้ผลีผลามเพราะสมัยปั่นเสือภูเขาครั้งแรก ก็ซื้อใหญ่เกินไป 1 size ก็เลยคิดว่าน่าจะลองหาทาง simulation กันก่อนดีกว่ามั๊ย ก็เลยแวะไปหา"ช่างจ้ำ" ใช้เครื่อง Guru จำลอง รถยี่ห้อนั้น รุ่นนั้น ขนาดนั้นขึ้นมา แล้วลองประกอบ basebar กับ aerobar เข้าไป ปรากฏว่า ขี่ไม่ได้ซะงั้นแหละ

คำว่า"ขี่ไม่ได้"ของผม หมายถึงว่าขี่แล้วไม่สามารถทำให้มันได้ประสิทธิภาพคุ้มค่าที่สุด โดยที่เรายังคงความสบายไว้ได้นะ พวกค่า reach ค่าstackอะไรพวกนี้ ยังไม่นับความหลากหลายของ AeroBar กับ BaseBar ของผู้ผลิตแต่ละค่าย บางค่ายนี่สวยมากแต่ปรับแต่งอะไรได้น้อยมาก

สุดท้ายช่างจ้ำก็เทียบเคียงว่า ถ้าเป็นอีกค่าย ขนาดที่เล็กที่สุด ผมน่าจะขี่ได้ อะไรประมาณนั้นครับ


ถ้าอยากจะลองจริงๆ ผมแนะนำว่าไม่จำเป็นต้องยอมเจ็บก่อนจะเข้าใจหรอกครับ เดี๋ยวนี้ช่างfitting หลายแห่งเขาสามารถ simulation รถแต่ละค่ายในแต่ละขนาด แล้วให้เราทดลองปั่นดูกันก่อน ถ้าปั่นได้ ค่อยจัดทีหลังดีกว่าครับ

ก็อย่างที่บอกครับ ศาสตร์ของรถ TT มันเป็นคนละตำรากับรถถนน เอามาเทียบเคียงกันยังยากเลยครับ

[konameirda]

บางครั้งตำราหรือทฤษฎีก็ยังสู้ริ้วรอยของประสบการณ์ของกูรูไม่ได้จริง ๆ คับ คำนี้ยังใช้ได้ดีในแนวคิดของผม การเดินตามผู้รู้แล้วนำมาไตร่ตรองก็ยังเป็นหนทางในการชี้นำผู้ที่รู้น้อยหรือยังสงสัยได้ดีจากในอดีตจนถึงปัจจุบัน ขอขอบคุณมากครับสำหรับคำชี้แนะที่มีให้ ขอคารวะด้วยใจจริง (จะได้หายอยากแบบไร้เหตุผล ฮา ๆๆๆๆๆๆๆ)

[lucifer]

Time Trial หรือ Triathlon ผมขอเรียกรวม ๆ เป็นรถ T ก็แล้วกัน (เพื่อให้เรียกง่ายเข้าไว้)

.............. ติด Aero Bar เอามันจะง่ายกว่ามั้ย? อยากจะ TT ขึ้นมาก็ยังพอเสพสุขรสชาติ TT ได้

ก็ประมาณนี้อ่ะครับ

นั่นแหละ พอเอา AeroBar มาติด ท่าปั่นมันก็ไม่ให้ เพราะพอก้มลงไปจับ Aerobar มุมสะโพกก็จะปิด ถ้าสังเกตดีๆก็จะพบว่าประสิทธิภาพในการปั่นลดลงไปอีก ยิ่งคนตัวเตี้ยๆแบบผมนี่ รู้เลยว่าเป็นแบบนั้น สรุปว่ามันไม่สนอง need สุดท้ายเสพติดความเร็วก็ต้องไปเอา T มาใช้อีก

จะเล่าความรู้สึกของรถ T ให้ฟังพอเป็นกิเลสบ้าง

TT ไม่ใช่ว่าจะต้องจับ Aerobar เสมอไป แต่ก็ใช่ว่าจับ BaseBarแล้วมันจะสนุกเหมือนAeroBar แต่ถ้าขนาดรถลงตัว เซตรถได้ถูกต้อง BaseBar ก็ไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพสูงสุดด้อยลงไปมากนัก

ถามว่าถนนที่บางครั้งเสือหมอบยาง 23C กระเด้ง แล้ว TT จะสนุกได้ไง ก็ตอบดังนี้ครับ รถTTในปัจจุบันส่วนใหญ่ก็ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์กันหมดแล้ว พวกเฟรมอลูมิเนียมมันหายากแล้ว เพราะเทคโนโลยี่ในการผลิตเฟรมคาร์บอนมันไปไกลจนทำให้ง่ายไปซะแล้ว แต่รถTTส่วนใหญ่มีนน.เฟรมมากกว่าครับ ประกอบเต็มคันแล้วนน.จะเยอะมาก เอาเป็นว่าทำกันออกมาแล้วจะมีแถวๆ 9 กก. คือ มันก็มีเหตุผลที่ต้องหนักนะ เพราะเฟรมมันเน้น aerodynamic มาก ก็ย่อมใช้เนื้อมวลสารมากตามมา แต่ภายใต้น้ำหนักที่มากขึ้นกว่ารถถนน มันก็มีข้อดีกว่าได้แก่
1. คง momentum ได้ดีกว่า ออกตัวช้า แต่คงความเร็วไว้ได้ง่ายกว่า สวนลมแรงๆก็ยังไม่เป็นภาระเท่ากับรถถนน
2. ตอบสนองต่อแรงสะท้อนสะเทือนจากพื้นถนนน้อยกว่ารถถนนที่เบากว่าครับ กลายเป็นว่า กดหรือย่ำขึ้น แต่ไม่กระด้างกระดอน ไม่สะท้านสะเทือน นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งของรถ TT ที่อาจจะนึกไม่ถึง

ในเมือง รถTTน่ารำคาญมาก ออกตัวก็ช้า เร่งก็ช้า พอใกล้ๆจะลอยตัวก็ต้องกดเบรคลดความเร็วซะแล้ว แถมในเมืองก็ต้องมาจับที่ basebar เพราะเบรคมันอยู่ตรงนั้น พอจะเปลี่ยนเกียร์ก็ต้องย้ายมือไปเปลี่ยนเกียร์ที่ปลายaerobar ยกเว้นว่าจะยอมลงทุนเพิ่มด้วยการใช้ชุด Di2 ซึ่งสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ทั้งที่basebar และ aerobar

ที่ที่ผมปั่น อาจจะโชคดีที่ถนนมันเรียบครับ หลุมขนมครกเดี๋ยวนี้ก็โดนราดยางฝังไปหมดแล้ว เหลือแต่มอไซค์ที่ชอบสวนเลนมาเป็นเรื่องปกติ ( จริงๆ ถนนชนบทแบบที่ผมปั่นหนะ อะไรที่มันมีล้อนะ มันก็วิ่งสวนเลนทั้งนั้นแหละ มากที่สุดก็เคยนับได้ 18ล้อ )

แต่สุดท้าย รถTTผมก็ถอดล้อเอามาใส่รถถนน แล้วแขวนเอาไว้ในสภาพพร้อมรบเมื่อชาติต้องการ ( แค่ใส่ล้อ เติมลม ก็วิ่งได้ )


ปอลิง แถมให้ก็แล้วกัน

รถไตร กับ รถTimeTrial แต่ก่อนจะแยกกันคนละ line การผลิต เพราะมันมีกติกาของ UCI หยุมหยิมทำให้รถไตรแท้ๆไม่สามารถลงแข่งในกติกาของ TT ได้ แต่บางค่ายผู้ผลิตก็ต้องการให้รถตัวเองสามารถขายได้ทั้ง 2 ตลาด ก็เลยทำรูปทรงให้ยังอยู่ในกติกาของ UCI แล้วออกแบบท่อนั่งให้ชันขึ้น แต่สามารถสไลด์รางอานหรือกลับหลักอานเพื่อย้ายตำแหน่งของเบาะไปด้านหน้า หรือ หลังได้ตามที่ต้องการ ทำให้สามารถเซทเพื่อลงแข่งอะไรก็ได้

เพราะรถ TT มันบังคับเรื่องระยะห่างระหว่างจมูกอานกับแนวแกนกระโหลก ท่อนั่งจึงทำมุมได้ไม่ชันนัก แต่พอเป็นรถไตร ซึ่งถ้าเซทรถกันให้สุดๆแล้ว จะได้มุมท่อนั่งที่ชัน ( วัดจากเส้นที่ลากจากอานไปยังกระโหลกนะครับ ไม่ใช่มุมของท่อนั่งแท้ๆ ) ตำแหน่งนั่งก็จะล้ำไปด้านหน้ามากขึ้น ( จมูกอานจะไปด้านหน้ามาก อาจจะแค่เสมอแนวแกนกระโหลก หรือ บางคนอาจจะล้ำหน้าไปเลย ) ที่มันต้องเป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ถ้าหากเราดันให้อานไปด้านหน้ามากเท่าที่จะลงตัวได้ ในท่าที่เราหมอบลงไปจับaerobar เราจะสามารถก้มให้หลังของเราแบนราบลงไปได้มากที่สุด พอเราดันเบาะไปด้านหน้าได้มาก ในท่านี้มุมสะโพกก็จะไม่ปิดเหมือนกับเราจับ aerobar บนรถถนน ส่งผลทำให้เราสามารถใช้กล้ามเนื้อก้นย้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ออกแรงได้หนักขึ้นกว่าเดิม กดบันไดได้หนักกว่าเดิม ร่วมกับaerodynamic ที่มากขึ้นกว่าเดิม บวกกับน้ำหนักรถที่มากขึ้น ทำให้มันสามารถคงความเร็วสูงๆได้ดีกว่ารถถนน

บางคนก็บอกว่า รถไตรมันหนักนะ เวลาขึ้นเขาเสียเปรียบรถถนนนะ แต่กระนั้นน้องหมอที่สนิทกัน ลงแข่งไตรกีฬาในระดับ Iron Man บอกว่าระยะทาง 180 กม. บนรถไตร เขาก็ยังกดแซงรถถนนที่เอามาลงแข่งไตรบนภูเขามาแล้วบ่อยๆ เหตุผลนอกจากความแข็งแรงเฉพาะตนแล้ว การเซทรถถนนให้เป็นรถไตรทั้งๆที่มันไม่ใช่ ก็ย่อมจะเจอปัญหาเรื่อง"วิธีการ"และ"ประสิทธิภาพ"ของการออกแรง สุดท้ายทำให้เสียเปรียบในที่สุด

อยากจะใช้อะไร ก็เลือกใช้ให้เหมาะสมกับสถานะการณ์ครับ
ถ้าแข่งไตรหรือทวิกีฬาจนเข้าเส้น ก็ควรจะลงทุนกับรถไตร เพราะ นอกจากข้อได้เปรียบที่กล่าวไว้แล้ว การนั่งปั่นในท่าไตรจะทำให้ช่วง transition ไปวิ่ง ทำได้เร็วกว่า รถถนนครับ ( เขาวิเคราะห์กันมาแล้ว )
ถ้าไม่ลำบากจะหาถนนดีๆ เส้นทางดีๆ แล้วชอบความเร็วสุดๆ รถไตรหรือ TTก็ยังเป็นอีกตัวเสริม ตัวสมทบที่ช่วยให้ need นั้นสมประสงค์

[kaemart]

มาแอบเก็บความรู้ครับ เห็น อ.ลูเข้ามาเลยตามมาอ่าน ไม่ผิดหวังครับอธิบายเข้าใจง่ายอ่านสนุก ติดตามมาตั้งแต่สมัยบอร์ดแดงยันbike-loves ได้ความรู้ดีๆตลอดเลยครับ

[NAI5]

มาตามอ่านครับ ได้ความรู้อีกกระทู้ครับ
ของผมแบบขำๆปั่นเทรคเก่าๆออกทริปร้อยกว่าโลเมื่อยๆก็นั่งจมูกเบาะอารมณ์ประมาณttครับ55

[OSK 97]

ผมก็เคยใช้รถทีทีอยู่ปีกว่าๆอยากลองนะครับลองแล้วถึงรู้ว่าถนนบ้านเราไม่เหมาะกับรถทีที สนุกเวลาขี่แต่ความปลอดภัยมันต่ำกว่ารถถนน

[irat]

ปั่นรถไตรบนถนนทั่วไปนี่เสียวจริงๆ ผมขี่ได้แค่ที่อักษะกับ skylane ขี่ถนนทั่วไป แล้วต้องเปลี่ยนมาจับ base bar บ่อยมากๆ เพราะรถสวน หมาวิ่ง แมวตัดหน้า หน้ามองไปข้างหน้าตลอดก็เมื่อยคออีก ปกติก็แค่เหลือบตาไปมอง หรือมองบนเฉยๆ แค่ปั่นถนนทั่วไปต้องระวังภัยเยอะมาก เลยไม่ค่อยได้ปั่นเท่าไหร่เหมือนกัน

[konameirda]

ขอบคุณจากหลาย ๆ ประสบการณ์ ที่ชี้แนะและให้ข้อคิด สงสัยท่าจะ ต้องล้มเลิกโครงการ และเลิกเอากิเลสมากำหนดเป้าหมาย สุดท้ายเมื่อให้เวลาจัดระเบียบทางความคิด และมองตัวเองมากขึ้น เริ่มกระจ่าง ๆ เมื่อมีข้อมูลที่หลากหลาย ประกอบกับต้นทุนทางความคิดในการพิจารณา ที่ตกผลึกจนใสกระจ่าง คงต้องปฏิบัติตามคำชี้แนะเพิ่ือจะได้ไม่ต้องเสียเวลา เสียตังค์(อันนี้สำคัญ) ฮา ๆๆๆๆๆๆๆ