พรีวิว : JAMIS Xenith Comp เสือหมอบแข่งขันคันเดียวครบเครื่อง

ถ้าเป็นรถหรืออุปกรณ์ที่ออกแบบมาเป็นของเสือหมอบโดยเฉพาะ เชิญเข้าห้องนี้ครับ

ผู้ดูแล: Cycling B®y, spinbike, velocity

ตอบกลับ
giro
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 3092
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 15:14
Tel: 0865040751
team: Team Bike And Body Cycoling
Bike: Kemo KE-R5, Giant Propel Advance SL, Specialized Alez E5 Revolution
ตำแหน่ง: ซอยอารีย์ พหลโยธิน กทม.
ติดต่อ:

พรีวิว : JAMIS Xenith Comp เสือหมอบแข่งขันคันเดียวครบเครื่อง

โพสต์ โดย giro »

JAMIS XENITH COMP
จามิส ซีนิธ คอมพ์


รูปภาพ
"จามิส" เป็นแบรนด์จักรยานที่มีขายในบ้านเรามาเป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่หลายๆคนก็ยังไม่คุ้นตา ไม่คุ้นหูกับนามของแบรนด์นี้ และในยุคที่สินค้าหลากหลายแบรนด์หลั่งไหลเข้าสู่ตลาดนักปั่นบ้านเรา แบรนด์ไหนที่ฟังแล้วไม่คุ้นชิน ไม่เห็นในโปรทัวร์ ก็มักจะถูกเหมาไปก่อนแล้วว่าจะต้องเป็น แบรนด์จีน หรือ แบรนด์ไทย จากน้นด้วยที่มาที่คาดเดาถึงสัญชาติผิดไป เมื่อรู้ราคาก็รุ็สึกว่า แพงจนไม่น่าจะมีเหตุผล ซึ่งเป็นปัญหาหลักๆของแบรนด์ที่ไม่ได้คุ้นตลาดมากนัก วันนี้ลองมาทำความรู็จักกับทั้งแบรนด์"จามิส" และเจ้า "ซีนิธ คอมพ์" หนึ่งในรถเสือหมอบระดับกลางที่บรรดาสำนักรีวิวต่างให้คะแนนระดับเกรด A พร้อมด้วยการันตีคุณภาพระดับสนามแข่งขันกันได้เลย
รูปภาพ


จามิสไบซิเคิล เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกันโดยกำเนิด เกิดและพัฒนาออกแบบมาในสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่ก่อตั้ง เน้นสร้างจักรยานที่ใช้งานได้ดี ในราคาที่คุ้มค่าตอบโจทย์ความต้องการต่างๆของอเมริกันชนในยุคเริ่มต้นเฟื่องฟูของจักรยานเสือภูเขา และตั้งแต่ปี 1990 จามิสไบซิเคิลได้อยู่ภายใต้ร่มเงาของกลุ่มทุน G. Joannou Cycle Co. ที่ได้ครอบครองกิจการของจามิสที่มีอายุในขณะนั้นกว่า 20 ปีเข้าไปแล้ว
รูปภาพ
เรืร่องมันเริ่มมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1979 เมื่อจามิสได้ก่อตั้งและทำการออกแบบจักรยานในลักษณะที่เรียกว่า"ครูซเซอร์" ออกมาจัดจำหน่ายในมลรัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา ดินแดนแห่งแสงแดดและท้องทะเล จักรยานจามิสจึงได้รับความนิยมทันทีในกลุ่มผู้คนที่ชื่นชอบชีวิตกลางแจ้ง ขี่จักรยานรับลมเลียบชายฝั่ง ด้วยการออกแบบที่เรียบง่ายและสีสันสะดุดตา ถือว่านำสมัยมากในช่วงเวลานั้น แตกต่างไปจากจักรยานทรงเดิมๆของชาวยุโรป นั่นคือจิตวิญญาณของอเมริกันชนอย่างแท้จริงที่ใส่เข้ามาในจักยานจามิสช่วงปลายทศวรรษที่ 70s และตลอดทศวรรษที่ 80s พร้อมๆกับการก้าวกระโดดของกระแส"ป็อป" พร้อมๆกับเพลงเต้นรำยุคคลาสสิค ที่เข้ามาแทนเพลงร็อคแอนด์โรล ด้วยนิยามของคำว่า "ดิสโก้" สอดคล้องกับสีสันและรูปแบบการออกแบบของจามิสในระยะแรก
รูปภาพ
หนึ่งปีต่อมา ค.ศ.1980 จากมิสได้ออกจักรยานรุ่นที่สาม โดยเป็นรุ่นแรกที่มีเกียร์เพื่อตอบสนองการใช้งานบนเส้นทางที่มีเนินเขาเลียบชายฝั่งและลมที่แรงในช่วงยามเย็น ในชื่อ "บอส ครูซซเอร์" ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดเช่นเคย และเป็นก้าวแรกๆที่ทำให้จามิสเริ่มมองหาทิศทางการออกแบบเพื่อตอบโจทย์จักรยานในกลุ่มการใช้งานที่ท้าทายมากขึ้น เพื่อพิสูจน์ว่า"จามิส" ไม่ใช่เป็นเพียงจักรยานของหนุ่มสาวสังคมรื่นเริงตามกระแสเท่านั้น
รูปภาพ
และแล้ว 1985 จามิสได้นำเสนอ "จามิส ตักการ์" จักรยานในกลุ่มที่เรียกว่า ATB(All Terrain Bike) หรือต่อมาถูกจัดเป็นกลุ่ม Mountain Bike นั่นเอง ซึ่งในขณะนั้นนอกจากแวดวงการปั่นจักรยานกินลมชมวิวก็คงไม่พ้น เสียงกีตาร์แตกพร่า จากตู้แอมป์ไฟฟ้า และเบสทุ้ม หนักแน่น พร้อมลูกกลองที่ดุดันของดันตรีร็อค 80s ที่แตกหน่อพัฒนามาจนเกิดความนิยมหลากหลายรูปแบบ ความระห่ำ ท้าทาย และดุดันของบรรดานักปั่นที่ชอบความโลดโผน ชีวิตไม่เคยอยู๋บนเส้นทางที่ขีดเอาไว้ กับดนตรีเมทัลหนักหน่วง รีฟกีตาร์เขย่าอารมณ์ ที่โลดแล่นไปบนทางแทร็ค กับลูกโซโล่เผ็ดร้อนผสานเสียงแผดกร้าวของนักร้องนำยามดิ่งลงเจาเนินเขาวิบากสูงชันสาดโค้งฝุ่นตลบ กลายเป็นตัวผลักดันให้จามิสได้รับความนิยมขึ้นทันที
รูปภาพ
จากนั้นเป็นต้นมาจามิสได้พัฒนาจักรยานทั้งในรูปแบบของเสือภูเขา, จักรยานไฮบริด และเสือหมอบออกมามากมายหลายรุ่น และก้าวขึ้นสู่ระดับโลกด้วยการ่วมมือกับค่ายผลิตชิ้นส่วนจักรยานมากมายที่จับมือกันส่งจักรยานจามิสให้ออกมาดีขึ้นเรื่อยๆอาทิเช่น เรย์โนลด์, ร็อคช็อค และ ชิมาโน่ จามิสจึงกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกของจักรยานแข่งขันสำหรับนักแข่งไปในเวลาไม่นาน จวบจนกระทั่งในปี 1998 จามิสได้ออกจักรยานคาร์บอนคันแรก ด้วยการวิจัยและพัฒนาลงทุนมหาศาลหลังจากที่ได้กลุ่มทุนเข้ามาร่วมได้ 8 ปี ออกมาเป็นจักรยาน "ไดอาโบล" ที่ในยุคนั้นถือว่ามีความทันสมัยและเทคโนโลยีที่ไม่ได้เป็นรองใครในตลาด

ทางด้านการออกแบบ จามิสได้รับรางวัลจากสื่อต่างๆมากมาย 13 รางวัลจากนิตยสารไบซิคลิ่ง และอีก 2 รางวัลจากนิตยสารเมาเท่นไบค์กิ้ง ตั้งแต่ปี 1998-2014



รูปภาพ
สำหรับ Xenith (ซีนิธ) เป็นสายพันธุ์เสือหมอบเรือธงของจามิสที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการแข่งขันระดับโปรทัวร์ มุ่งเน้นการออกแบบและวิจัยพัฒนาให้มีสมรรถนะของเฟรมตอบสนองต่อความต้องการของนักแข่งจักรยานระดับอาชีพได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งประสบความสำเร็จมากมายในการแข่งจักรยานอาชีพทวีปอเมริกาเหนือ โดยสนับสนุนและพัฒนาร่วมกับทีม จามิส-ซุทเตอร์โฮม (Jamis-Sutter Home Pro Cycling Team) ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับทีมแข่ง เฟรม Xenith เป็นรถประจำของบรรดาโปรที่ใช้ในการแข่งโปรทัวร์นั่นเอง
รูปภาพ
ผลงานที่จามิสได้รับจากการแข่งเสือหมอบอาชีพที่เป็นที่จดจำของจามิสได้แก่การเาอชนะเสตจรายการทัวร์ ออฟ แคลิฟอร์เนีย การแข่งอาชีพที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกา เอาชัยเหนือนักแข่งโปรทีมระดับดิวิชั่นหนึ่ง(เวิลด์ทัวร์ทีม)ได้ ถือว่าเป็นความสุดยอดของทีมระดับดิวิชั่นสาม(คอนติเน็นตัลทีม)ที่ทำได้สำเร็จเกินกว่าใครจะจินตนาการได้ นอกจากนั้นก็ยังมีชัยชนะต่างๆจากรายการโปรทัวร์ทั้งในอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ ซึ่งรวมถึงการเอาชนะเสตจจากรายการ ยูเอสเอ โปรไซคลิ่งชาเลนจ์ หรือรายการที่รวมเอาทีมอาชีพทั้งหมดทุกดิวิชั่นที่จดทะเบียนสัญชาติอเมริกามาแข่งกัน
รูปภาพ


รูปภาพ
จุดเด่นของ Xenith
ซีนิธจัดเป็นเสือหมอบประเภท"ออลราวด์" หรือเน้นการออกแบบให้มีองค์ประกอบครบทุกทาง โดยคำนึงถึงความสมดุลย์ของ 3 สมรรถนะหลักได้แก่ น้ำหนักที่เบา, ความสติฟของเฟรม และความสบายในการขี่ ดังนั้นการออกแบบและเลือกใช้รูปทรงต่างๆของแต่ละชิ้่นส่วนจึงมุ่งไปหาความลงตัวมากที่สุด จะเห็นได้จากการปรับให้เบรคหลังไปอยู่ใต้ตะเกียบโซ่ ซึ่งเห็นได้บ่อยฝในรถแอโร่ฯ แต่ซีนิธ เลือกนำมาใช้เพราะสามารถออกแบบเสตย์หลังให้มีค่าคอมไพลแอนซ์หรือการให้ตัวในแนวดิ่งที่ดีที่สุด ดูดซับสลายแรงสั่นสะเทือนได้มากขึ้น เนื่องจากการออกแบบไม่ต้องกังวัลกับการรับแรงเบรคของเสตย์ด้านหลังอีกแล้วนั่นเอง
รูปภาพ
ส่วนกระโหลกเลือกใช้เสป็คกระโหลกแบบ BB386 ซึ่งถือว่าหนาแน่นบึกบึนที่สุดเป็นแกนหลักในการส่งกำลังไปสู๋ระบบขับเคลื่อน สำหรับรุ่น ซีนิธ คอมพ์ (Xenith Comp) ที่นำมาพรีวิวในรอบนี้เสป็คของกระโหลกและตะเกียบโซ่จะเหมือนกันแตกต่างจากรุ่นท็อปตรงที่การขึ้นรูปของรุ่นระดับโปรทีมจะขึ้นรูปแบบชิ้นเดียวกันตลอดสามเหลี่ยมหลังแต่ในรุ่น Comp จะเป็นชิ้นเดียวกันแค่กระโหลกและตะเกียบโซ่ ซึ่งนักออกแบบมองว่าเพียงพอแล้วสำหรับการออกแรงของนักปั่นสัมครเล่นทั่วไป (*ที่สำคัญ แม้แต่เฟรมระดับโปรบางค่ายก็ยังแยกชิ้นและเป็นเฟรมที่ได้รับรางวัลแชมป์โลกเสียด้วย)
รูปภาพ
รูปทรงของท่อทั้งหมดที่ต้องรับแรงส่งกำลังตั้งแต่ท่อล่างมาจนถึงตะเกียบโซ่ จามิสเลือกใช้รูปทรงท่อแบบหน้าตัดสามเหลี่ยม จนตะเกียบโซ่เลือกใช้หน้าตัดแบบสี่เหลี่ยมเพื่อรับแรงบิดได้หลายมุมมากขึ้น ทางด้านท่อนอนที่ออกแบบมาบึกบึนเกินตัวด้วยหน้าตัดท่อสามเหลี่ยมด้านบนเรียบเพื่มความแอโร่ไดนามิคส์ให้กับกระแสอากาศที่ผ่านด้านบน ในขณะที่ช่วยเพื่มความสติฟในการต้านแรงบิดเมื่อสปรินท์ และเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เฟรมจามิส ซีนิธ รุ่นท็อป มีน้ำหนักเฟรมไม่ถึง 900 กรัม (ในไซส์ 54 ดังนั้นมาไซส์เล็กๆ เฟรมหนักแค่แปดขีดนิดๆ และต่ำกว่าแปดขีดในไซส์เล็กสุด) จัดเป็นหนึ่งในเฟรมที่มีความสติฟต่อน้ำหนักเฟรมดีมากอันดับต้นๆของโลกเลยทีเดียว
รูปภาพ
ทางด้าน Xenith Comp ได้ทำการเปลี่ยนรหัสการเลือกใช้คาร์บอนมาเป็น T700 ซึ่งมีคุณสมบัติกระจายและซับแรงได้ดี และมีต้นทุนต่ำกว่า แต่ทำการเสริมเข้าไปจนมีความแข็งแรงในระดับใกล้เคียงกับรุ่นโปรทีมใช้ จุดที่เสียไปคือน้ำหนักที่เพิ่มเข้ามานิดหน่อย ในขณะที่คุณสมัติอื่นๆ องศา มิติ การควบคุม ไม่แตกต่างกัน ในทางกลับกัน เฟรมรุ่นรองนี้จะขี่สบายกว่ามากนั่นเอง ซึ่งจามิสมองว่านี่คือทางเลือกที่เหมาะสมที่่สุดสำหรับตลาดนักปั่นสมัครเล่นที่มองหาความลงตัวของราคาที่คุ้มค่า กับสมรรถนะที่แข่งขันได้ และเหมาะกับกายภาพของมือสมัครเล่นที่ไม่ได้มีเวลาบ่มเพาะความทนทานอยู๋บนจักรยานสัปดาห์ละ 20 ชั่วโมง
รูปภาพ



เสป็ตของซีนิธ คอมพ์
รูปภาพ
เฟรม
คาร์บอนไฟเบอร์ โมโนค็อก เทคโนโลยี DYAD PLUS T700/FRP และเทคโนโลยีการผลิต FEA Near Net SPV ที่ควบคุมกระบวนการวางชั้นคาร์บอนไฟเบอร์ให้ปราศจากช่องว่างระหว่างชิ้น ฟองอากาศ รองรับทั้งเกียร์สายและเกียร์ไฟฟ้า
ตะเกียบ
ตะเกียบคาร์บอน โมโนค็อกขึ้นรูปชิ้นเดียวกันทั้งอัน เพื่อความสติฟสูงสุด ปรับรูปทรงให้แบนและช่วยด้านแอโร่ไดนามิคส์มากขึ้น
ชุดล้อ
Alex AT 470 ล้ออลูมินั่มซี่ล้อแสตนเลสสตีล ขอบล้อมาพร้อมเทคโนโลยีพร้อมรองรับทั้งยางงัดและยางทิวป์เลสในตัวเดียวกัน
ยาง
Vittoria Zaffiro Slick, 700 x 23c
ตีนผี/สับจาน
Shimano 105 RD-5800/105 FD-5800
ชิฟท์เตอร์
Shimano 105, ST- 5800
โซ่/เฟือง
Shimano HG600/Shimano 11-Speed 12-25T
จานหน้า
Shimano FC-RS500 50/34
เบรค
Shimano BR-5810 direct mount/BR-5800 dual pivot
แฮนด์
Ritchey Comp Logic, 6061 aluminum
เสต็ม
Ritchey 4-Axis, 3D forged 6061 alloy
ผ้าพันแฮนด์
Fizik Superlight Microsoft Touch
เบาะ
Fizik Arione R7

รูปภาพ
สิ่งที่เรียกว่าคุ้มถูกใจสำหรับรถสำเร็จซีนิธ คอมพ์คันนี้ต้องยกให้กับชิ้นส่วนที่ประกอบมาให้ทั้งเบาะฟิสา และชุดค็อคพิท(แฮนด์/เสต็ม)ริทชี่ ซึ่งแตกต่างจากรถสำเร็จค่ายตลาดอื่นๆทั่วไปที่เน้นจับเอาเฮาส์แบรนด์ของตนมาประกอบให้ แน่นอนครับ ข้อดีสุดๆหนึ่งอย่างคือเมื่อเราเกิดอาการคัน หรือต้องเปลี่ยนเพื่อเหตุผลอะไรก็ตาม มันขายต่อได้ราคาดีกว่าชุดอะไหล่ชิ้นส่วนเฮาส์แบรนด์เยอะ ร่วมกับชุดล้อที่แม้จะไม่ได้มีอะไรหวือหวามากมายกับน้ำหนักและความแอโร่ฯ แต่มาพร้อมกับความสามารถในการเปลี่ยนไปใช้ทิวป์เลสได้ ทำให้กลายเป็นล้อติดรถที่เด่นกับการใช้งานที่สะดวกสบาย ขี่สบายไม่กระด้างมาก และอย่างน้อยก็รั่วยากกว่าล้อยางงัดธรรมดา ถ้าจะมองให้ดีมันก็คือล้อซ้อม ล้อลุยทุกสถานการณ์ที่ดีที่สุดคู่หนึ่ง

สำหรับน้ำหนักคันนี้ ชั่งรวมกับบันได Shimano 105 ถือว่าน้ำหนักทั้งคันพร้อมขี่อยู๋ที่ 8.97 กก. ถ้าซีเรียสจริงๆก็ถอยหลังไปนับใหม่น้ำหนักของรถเปล่าๆก็น่าจะราวๆ 8.6-8.7 กก. ถือว่าอยู๋ในเกณฑ์มาตรฐานของรถในราคาเดียวกัน ยังมีหนักกว่านี้และพวกเบากว่านี้ให้ได้เห็น (เบาที่สุดในกลุ่มราคานี้ราวๆ 82 กก. และหนักที่สุดในกลุ่มราคาและอะไหล่เดียวกันคือ 9.2 กก.) ถ้าถามผมเป็นการส่วนตัวผมมองว่าทีมงานออกแบบเกลี่ยสมดุลย์ให้รถออกมาอยู๋ในระดับกลางๆมากกว่าตั้งใจจะทำรถให้เอนไปทางใดทางหนึ่งมากเป็นพิเศษ หากต้องการให้รถเบากว่านี้ โจทย์นี้ง่ายมาก ใช้เงินแก้ปัญหาด้วยการหาล้อคู่ใหม่มาใส่แทน เพียงอย่างเดียว ถ้าหาโจทย์ดีๆในงบราวๆหมื่นถึงหมื่นต้นๆ รถจะอยู๋ที่ราวๆ 8 กก. หรือต่ำกว่าทันที
รูปภาพ
อยากเอาเบาลงอีก ก็วิ่งหาชุดขับหรือชิ้นส่วนอื่นๆมาใส่แล้วล่ะครับ แต่แน่นอนครับว่ามองคร่าวๆกะคะเนเอา รถคันนี้แต่งสุดๆ ต่ำ 7 กก. สบายๆ โดยที่ใช้ของพื้นๆรุ่นสูงแบรนด์ยอดนิยม ไม่ต้องถึงกับหาล้อ หาชิ้นส่วนแต่งเบา พวกแสนกว่าก็สามารถทำได้แล้ว (แต่รวมๆกันหมดก็แพงกว่าราคาตั้งของรถคันนี้อยู่ดี)
รูปภาพ
ความเจ๋งอีกอย่างที่มองข้ามไม่ได้คือระบบเบรคที่ติดรถมาให้ ด้านหน้าเป็นแบบดูอลไพวอท ส่วนด้านหลังเป็นแบบไดเร็คเมาท์/ดูออลไพวอท ซึ่งถือว่าทันสมัยราวกับเป็นเฟรมเรือธงรุ่นท็อปของโปรทีม จุดเด่นของดูอัลไพวอทก็คือการเกลี่ยน้ำหนักเบรคทำได้ดีกว่า การเลียเบรคอัตราแรงที่สม่ำเสมอกว่าแบรคแบบเดิม ส่วนไดเร็คเมาท์ด้านล่างยึดจับสองรู แน่นอนว่ารองรับแรงบิดที่เกิดจากการเบรคได้มากกว่าเดิม ส่งผลให้เบรคมีความมั่นคงและตอบสนองแรงเบรคได้ดีขึ้น
รูปภาพ



รูปภาพ
หากไม่ติดแบรนด์หรู หากไม่อยากได้แบรนด์ตลาด และบ่งบอกว่ารู้เลือก เข้าใจที่มาของแบรนด์ จามิส ซีนิธ คอมพ์ อยู่ในเกณฑ์ของรถราคากลางๆที่สามารถนำไปแข่ง ไปแรงได้เต็มที่ และเหมาะเกินพอสำหรับนักปั่นสมัครเล่น จนถึงขั้นอยากลงสนามแข่ง ที่สำคัญ สามารถต่อยอดไปถึงเกรดรถแข่งขาแรงได้สบายๆ ทางเลือกเล่นรุ่นรอง หรือเฟรมรอง แล้วเอางบประมาณไปลงกับชิ้นส่วนอื่นๆ เป็นทางออกยอดนิยมของนักปั่นในต่างประเทศ เพราะเทียบกับเม็ดเงินที่ลงไปแล้ว ได้มาต่อบาทต่อน้ำหนัก หรือต่อบาทต่อคุณภาพคุ้มค่ากว่ามาก
รูปภาพ[homeimg=300,250]http://www.thaimtb.com/forum/picture_mt ... 931954.jpg[/homeimg]
ฟังสาระจักรยาน Podcast
https://open.spotify.com/show/76iDUCWXgqqixg1CmoSDIp
ข่าวสารจัรกยาน
https://www.facebook.com/cyclinghubthailand/
รูปประจำตัวสมาชิก
Holanla
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 86
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 พ.ย. 2015, 19:54
Bike: Fatbike Meadow strinker

Re: พรีวิว : JAMIS Xenith Comp เสือหมอบแข่งขันคันเดียวครบเครื่อง

โพสต์ โดย Holanla »

:shock:
FATBIKE เจ้าล้อโต มาคุยกันได้ครับ
somputt
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 51
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ธ.ค. 2012, 22:13
Bike: masi
ติดต่อ:

Re: พรีวิว : JAMIS Xenith Comp เสือหมอบแข่งขันคันเดียวครบเครื่อง

โพสต์ โดย somputt »

น่าสน^^
เณรแอร์
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 2798
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2008, 01:57
team: โรงพยาบาลสกลนคร
Bike: MOSSO
ตำแหน่ง: ร.พ.สกลนคร ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร 47000
ติดต่อ:

Re: พรีวิว : JAMIS Xenith Comp เสือหมอบแข่งขันคันเดียวครบเครื่อง

โพสต์ โดย เณรแอร์ »

:idea:
Boeingzaa
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 35
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 พ.ย. 2015, 16:39
Tel: 0956622055
Bike: Bianchi,giant,merida,specialize,java

Re: พรีวิว : JAMIS Xenith Comp เสือหมอบแข่งขันคันเดียวครบเครื่อง

โพสต์ โดย Boeingzaa »

ดีไซด์อนุรักษ์นิยม
j.angkeeros
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 111
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ธ.ค. 2013, 16:07
team: Speed Monkey
ตำแหน่ง: Bangkok
ติดต่อ:

Re: พรีวิว : JAMIS Xenith Comp เสือหมอบแข่งขันคันเดียวครบเครื่อง

โพสต์ โดย j.angkeeros »

นึกว่าเข้ามาห้องสินค้าใหม่
รักกันนะ จุ๊บจุ๊บ
รูปประจำตัวสมาชิก
mtep
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ค. 2016, 21:10
Bike: TERN LINK C7

Re: พรีวิว : JAMIS Xenith Comp เสือหมอบแข่งขันคันเดียวครบเครื่อง

โพสต์ โดย mtep »

แจ่ม ^^
ตอบกลับ

กลับไปยัง “เสือหมอบ (roadbike)”