ช่วยแก้อาการโอเวอร์เทรนนิ่งหน่อยครับ

[ภาคิน]

คือผมอายุ46ปีเพิ่งหัดปั่นได้ราวๆ7เดือนช่วงแรกๆนี่มุ่งมั่นตั้งใจมากแบบว่าเห่อจักรยานหัดปั่นหัดนับรอบขาไปแบบงูๆปลาๆไปเรื่อย พอครบรอบวันเกิดอยากให้ของขัวญตัวเองปั่นซัก40โลทำเวลาซัก1.30 ชม มันทำได้ก็ดีใจสำหรับผมซึ่งมันเทียบไม่ได้แน่กับพี่น้องนักปั่นท่านอื่นที่แข็งแรง ด้วยโรคเบาหวานและเอ็นเข่าขาดได้เท่านี้ก็ดีใจหลายละ แต่พอหลังจากนั้นมาสังเกตุว่าตัวเองปั่นแย่ลงๆ ปวดตัวใจสั่นไข้จับเรื่อยสงสัยว่าน่าจะเป็นอาการโอเวอร์เทรนอย่างที่เคยอ่านๆเจอพักไป4-5วันกลับไปปั่นก็ยังไม่ดีขึ้น อยากขอคำแนะว่ามีวิธีทำให้ร่างกายฟิ้นตัวฟิตเพิ่มขึ้นอย่างไรกันบ้างครับ ขอบคุณครับ

[saroch paripaibool]

ผมเป็นครับขณะนี้ร่วมสี่เดือนแล้วยังไม่พื้นเลย
อาการเริ่มแรกจากการปั่นรถทุกวันวันละ 50 กม.พยายามทำความเร็วให้เพิ่มขึ้น แช่ความเร็วนานๆในระดับเดิม ปรากฏว่าในวันที่จะเป็นโอเว่อร์เทรนนิ่งเป็นหวัดฝืนออกไปปั่นก่อนเดินทางไปต่างประเทศ นัดสั่งลาว่างั้นเถอะ ปรากฏว่าปั่นไปได้ 40 กม.ช่วง 10 กม.สุดท้ายปั่นไม่ได้ไม่มีแรงกดบัได ปวดขามากปวดแบบล้าสุดๆค่อยปั่นแบบคลานกลับบ้าน คืนนั้นนอนแทบไม่ได้ ขยับร่างการตรงไหนตะคิวจะขึ้นตรงนั้น หัวใจเต้นผิดปกติเต้นแบบกระตุกๆ ปวดหัว กล้ามเนื้อเริ่มฝ่อเห็นๆเลย กางเกงจักรยานที่ฟิตหลวมโครกเครกเดินเหินจะเหนื่อยหอบ ได้เริ่มค้นหาในเน็ต สอบถามผู้รู้ว่าจะมีทางแก้ไขอะไรได้มั่ง กลับไม่ได้รับคำตอบชัดเจน ถามว่ามีตัวยาหรืออะไรที่จะมาทำให้กรดแล็คตริกในเลือดเจือจางลงได้บ้าง เพียงได้รับคำตอบว่าต้องใช้เวลาเป็นเดือนเพื่อให้มันเจือจางลง สำหรับผมสามเดือนยังไม่พื้นตัวเลย น้ำหนักลดลง 10 กว่ากิโล ผอมจนแห้งเสื้อผ้าทุกตัวหลวมโคลก
ตอนนี้เริ่มผืนร่างการกลับมาปั่นรถอีกโดยเริ่มจากศูนย์เลยที่เดียว มีการวอร์มอัฟ คลายกล้ามเนื้อ กำหนดการหายใจเพื่อดึงอ๊อกชิเจนเข้าปอดให้ได้มากๆ ลักษณะเหมือนหอบ กำหนดการดื่มน้ำให้มากก่อนปั่น และช่วงปั่นดื่มน้ำให้บ่อยที่สุดไม่ต้องรอกระหาย อาการเริ่มดีขึ้นทีละนิด
แต่กล้ามเนื้อก็ยังฝ่ออยู่เลย น้ำหนักก็ยังไม่กลับมา อาการศีรษะเหวี่ยงยังมีอยู่ ก็พยายามอดทนที่ละนิด จัดตารางการปั่น กำหนดวันพัก ที่หลเหลืออยู่ตอนนี้คือรูปร่างยังกะมือโปรเลย จะเป็นแบบแห้งๆ
ขอแค่นี้ก่อนน่ะครับหากมีไรเพิ่มเติมจะมาเล่าให้ฟังครับ

[kommand]

ผมเป็นครับขณะนี้ร่วมสี่เดือนแล้วยังไม่พื้นเลย
อาการเริ่มแรกจากการปั่นรถทุกวันวันละ 50 กม.พยายามทำความเร็วให้เพิ่มขึ้น แช่ความเร็วนานๆในระดับเดิม ปรากฏว่าในวันที่จะเป็นโอเว่อร์เทรนนิ่งเป็นหวัดฝืนออกไปปั่นก่อนเดินทางไปต่างประเทศ นัดสั่งลาว่างั้นเถอะ ปรากฏว่าปั่นไปได้ 40 กม.ช่วง 10 กม.สุดท้ายปั่นไม่ได้ไม่มีแรงกดบัได ปวดขามากปวดแบบล้าสุดๆค่อยปั่นแบบคลานกลับบ้าน คืนนั้นนอนแทบไม่ได้ ขยับร่างการตรงไหนตะคิวจะขึ้นตรงนั้น หัวใจเต้นผิดปกติเต้นแบบกระตุกๆ ปวดหัว กล้ามเนื้อเริ่มฝ่อเห็นๆเลย กางเกงจักรยานที่ฟิตหลวมโครกเครกเดินเหินจะเหนื่อยหอบ ได้เริ่มค้นหาในเน็ต สอบถามผู้รู้ว่าจะมีทางแก้ไขอะไรได้มั่ง กลับไม่ได้รับคำตอบชัดเจน ถามว่ามีตัวยาหรืออะไรที่จะมาทำให้กรดแล็คตริกในเลือดเจือจางลงได้บ้าง เพียงได้รับคำตอบว่าต้องใช้เวลาเป็นเดือนเพื่อให้มันเจือจางลง สำหรับผมสามเดือนยังไม่พื้นตัวเลย น้ำหนักลดลง 10 กว่ากิโล ผอมจนแห้งเสื้อผ้าทุกตัวหลวมโคลก
ตอนนี้เริ่มผืนร่างการกลับมาปั่นรถอีกโดยเริ่มจากศูนย์เลยที่เดียว มีการวอร์มอัฟ คลายกล้ามเนื้อ กำหนดการหายใจเพื่อดึงอ๊อกชิเจนเข้าปอดให้ได้มากๆ ลักษณะเหมือนหอบ กำหนดการดื่มน้ำให้มากก่อนปั่น และช่วงปั่นดื่มน้ำให้บ่อยที่สุดไม่ต้องรอกระหาย อาการเริ่มดีขึ้นทีละนิด
แต่กล้ามเนื้อก็ยังฝ่ออยู่เลย น้ำหนักก็ยังไม่กลับมา อาการศีรษะเหวี่ยงยังมีอยู่ ก็พยายามอดทนที่ละนิด จัดตารางการปั่น กำหนดวันพัก ที่หลเหลืออยู่ตอนนี้คือรูปร่างยังกะมือโปรเลย จะเป็นแบบแห้งๆ
ขอแค่นี้ก่อนน่ะครับหากมีไรเพิ่มเติมจะมาเล่าให้ฟังครับ

ใช้ฮาร์ทเรตวัดหัวใจบ้างเปล่าครับเนี่ย

[infoligence]

ปั่นแบบเบสเทรนนิ่งก่อนเลยครับ

[aobbyx]

อะไรมากไปก็ไม่ดีครับ น้อยไปก็ไม่ดีเช่นกัน ฉะนั้นเอาแต่พอดีนะครับ การปั่นจักรยานก็ใช้หลักการนี้ได้(ถ้าไม่ได้จะไปแข่งกับใคร)

ผมเคยเป็นเหมือนกัน โอเวอร์เทรนปั่นติดกัน 7 วันไม่มีวันพัก ก็ง่อยรับประทานไป แต่ผมยังดีว่าไม่ได้ฝืนปั่นหนัก หรือบ้าเลือดอะไรมาก

แค่เป็นหวัด กับมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงชั่วคราว สุดท้ายต้องถามตัวเองครับ ว่าปั่นเพื่ออะไร แล้วก็จะได้ปั่นจักรยาน(ออกกำลังกาย)อย่างมีความสุขครับ

[เสือกินปลาทู]

ทั้งสองท่านด้านบนอาการน่าจะหนักอยู่นะครับ..ไม่ลองปรึกษาแพทย์ล่ะครับ
ปกติอาการโอเวอร์เทรน เป็นกันอย่างเก่งก็ไม่กี่วันเองอะครับ..นี่ล่อเข้าไปสามสี่เดือนมันผิดปกติไปนิดอ่ะครับ

[AstroKAney]

ทั้งสองท่านด้านบนอาการน่าจะหนักอยู่นะครับ..ไม่ลองปรึกษาแพทย์ล่ะครับ
ปกติอาการโอเวอร์เทรน เป็นกันอย่างเก่งก็ไม่กี่วันเองอะครับ..นี่ล่อเข้าไปสามสี่เดือนมันผิดปกติไปนิดอ่ะครับ

เห็นด้วยเลยครับ นน. พี่เค้าลดเยอะขนาดนั้น น่ากลัวอยู่ครับ

[chalit_lee]

นน.ลดเองร่วมสิบกว่าโล ถ้าไม่ได้ตั้งใจลดน้ำหนักนี่ผิดปกติแล้วนะครับ อาจจะเกิดได้จากหลายโรค ลองสังเกตุดูว่ามีอาการอื่นๆร่วมด้วยมั้ย ยังไงลองไปพบแพทย์ตรวจร่างกายตรวจเลือดนะครับ

[46g]

หัวใจ รอบขา วัตต์ "น้อยไปนิดดีกว่ามากไปหน่อย" ครับ

[depressedfish]

Overtraining = Not enough rest ครับ

ซ้อมมาก ก็กินมาก พักมาก ให้เพียงพอ แค่นี้ครับ

แต่เท่าที่อ่านดูถ้าพักยาวๆ 1-2 อาทิตย์ แล้วยังไม่หาย นี่ไม่น่าใช่อาการ Overtraining แล้วนะครับ ลองตรวจร่างกายและหัวใจดูครับ

[wheeler 168]

นน.ลดเองร่วมสิบกว่าโล ถ้าไม่ได้ตั้งใจลดน้ำหนักนี่ผิดปกติแล้วนะครับ อาจจะเกิดได้จากหลายโรค ลองสังเกตุดูว่ามีอาการอื่นๆร่วมด้วยมั้ย ยังไงลองไปพบแพทย์ตรวจร่างกายตรวจเลือดนะครับ

สำหรับคนเป็นเบาหวานที่เริ่มออกกำลัง+ ถ้าคุมอาหารด้วยนี่ไม่แปลกนะครับ
เพราะผมก็ลดไป 18 โล ตั้งแต่เริ่มรู้ว่าเป็นเบาหวาน ก็เลยคุมอาหาร + ซ้อมเป็นระบบ
ปัญหาของ จขกท น่าจะมาจากการปั่นที่หนักและการเติมสารอาหารกลับสู่ร่างกายอย่างไม่เหมาะสมครับ
โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานที่ร่างกายเผาผลาญเร็วผิดปกติ ต้องมีเรื่องโภชนาการเข้ามาเกี่ยวข้อง
การพักผ่อนที่เพียงพอก็สำคัญ ที่สำคัญคือตอนปั่นต้องสังเกตุตัวเองและคุมระดับน้ำตาลให้ดี

จะให้ดีรีบปรึกษาแพทย์ดีกว่าครับ

[sexton]

พี่ทั้งสองท่านแรกไปหาหมอก่อนครับ ให้รู้ว่าเราเป็นอะไรหรือเปล่า แล้วค่อยกลับมากำหนดการซ้อมให้เหมาะกับสภาพร่างกายครับ... โอเวอร์เทรนนิ่งเอฟเฟ็คไม่น่านานขนาดนี้น่ะครับ เท่าที่รู้โอเวอร์เทรนนิ่งคืออาการจะไม่อยากกลับมาซ้อมเพราะการโหมซ้อมที่หนักเกินไป...คือมันจะท้อจะล้าเบื่อหดถอยเพราะปั่นจนร่างกายกรอบแล้วยังไม่พัฒนา คือใจเหี่ยวเพราะร่างกายล้าเลยเลิกไม่เอาแล้วดีกว่าเหนื่อยเจ็บปวดร่างกายไปเพื่ออะไรว่ะ อะไรแบบนั้น แต่ซักพักร่างกายฟื้นจิตใจก็ลืมๆความท้อที่เกิดขึ้นมามันก็จะอยากกลับไปปั่นอีกครับ ไปปั่นด้วยร่างกายที่ไม่ทรมาณด้วยเพราะมันได้รับการพักผ่อนมาในระยะหนึ่งแล้ว ก็ไปเริ่มนับกันใหม่อะไรแบบนั้นครับ...ไม่ใช่แบบพี่ท่านที่สองที่จิตใจยังสู้ยังอยากซ้อมแต่ร่างกายมันเหมือนไม่ไปด้วยครับ

ในขณะนี้ผมก็ซ้อมหนักมาหลายเดือนแล้ว พร้อมลด น้ำหนัก ไปด้วย จาก 103 มา 78 เป้าหมายคือ 68-69 แต่สามารถซ้อมได้ทุกวันครับ สแตนดาร์ดการซ้อมที่ สกายเลนส์สองรอบ ด้วยโซนแอโรบิกครับดูหัวใจเป็นหลักก่อนเลย มีบางวันอยากเร็วก็ดราฟท์ชาวบ้านมั่ง ลากมั่ง ตามอารมณ์แต่ไม่ใช่ไปลากเพิ่มสปีดกันทุกๆวัน...สร้างพลังร่างกายก็เหมือนปลูกบ้านครับฐานดีแน่นหนาบ้านก็แข็งแรงทนทาน ฐานสร้างแบบลวกๆเอาเสร็จมันก็ส่งผลไปหมดทั้งบ้านครับ แป๊บๆก็พังหมด การซ้อมด้วยแอโรบิคโซนสามารถทำได้ทุกวันมากน้อยตามโอกาสและสังขารครับแล้วร่างกายจะไม่โอเวอร์เทรนนิ่งครับ

จาก ปสก ส่วนตัวครับ ผิดพลาดประการใดขออภัย แต่เรื่องไปหาหมอนั่นชัวร์สุดครับผม

[peep_bmw]

ผมเคยบ้าฝืนปั่น เพื่อเอาระยะทางใน Endo / Strava มากเกินไป ขนาดที่ว่าไม่มีอารมณ์ออกไปปั่นก็ยังฝืนออก ขณะปั่นอ่อนล้าจนแทบจะหลับคาได้เลย

พอดีกับที่เข้าหน้าฝน ร่างกายได้พักมากขึ้น ปั่นน้อยลง ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น มีความอยากปั่นมากขึ้น แต่โดยรวมแล้วผมคิดว่าความสดของร่างกายก็ยังไม่ได้ฟื้นตัวเต็มที่เหมือนสมัยก่อนจะมาบ้าเก็บระยะทาง กรณีของผมน่าจะต้องพักผ่อน นอนหลับให้มากกว่านี้เพราะเป็นคนนอนน้อยครับ

ของพี่สองท่าน น่าจะปรึกษาแพทย์ดูนะครับ โดยเฉพาะเคสที่น้ำหนักลงเยอะแบบนั้น