เรียนรู้การใช้เกียร์ บทที่ 2 เลือกเล่นเกียร์ให้ฉลาด
ผู้ดูแล: Cycling B®y, spinbike, velocity
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 3092
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 15:14
- Tel: 0865040751
- team: Team Bike And Body Cycoling
- Bike: Kemo KE-R5, Giant Propel Advance SL, Specialized Alez E5 Revolution
- ตำแหน่ง: ซอยอารีย์ พหลโยธิน กทม.
- ติดต่อ:
เรียนรู้การใช้เกียร์ บทที่ 2 เลือกเล่นเกียร์ให้ฉลาด
เรียนรู้การใช้เกียร์
บทที่ 2 เลือกเล่นเกียร์ให้ฉลาด
ต่อกันตอนที่สอง หลังจากที่พอจะเข้าใจเรื่องการใช้เกียร์พื้นฐาน เรื่องค่าเกียร์เรโชกันแล้ว ตอนนี้ลองมาเลือกใช้เกียร์ให้เหมาะและเรียกเกียร์ที่เข้ากับเส้นทางกันดูนะครับ ซึ่งสถานการณ์หลักๆที่เรามักจะต้องใช้เกียร์อย่างฉลาดก็ได้แค่ เส้นทางภูเขา เส้นทางลมแรง และการขี่กลุ่มที่มีความเร็วสูงพร้อมกับมีการเร่งความเร็วบ่อยๆ ลองมาดู"เคล็ดลับ"เล็กๆน้อยๆเมื่อเจอสถานการณ์ต่างๆกันดังนี้
1.ก่อนขึ้นเขา
ทุกท่านคงเคยเจอเหตุการณ์ขี่ทางราบมาดีๆแล้วจะต้องไปขึ้นเขาอีกไม่ไกลข้างหน้า คนทั่วไปนิยมที่จะเร่งความเร็วอัดขึ้นเขาไป แล้วไปค่อยๆไล่เกียร์เปลี่ยนเบาจนกว่าจะไหวเอาบนภูเขาซึ่งเปลืองแรง และเสี่ยงที่จะเกิดอาการ"หม้อน้ำระเบิด"มาก วิธีการใช้เกียร์อย่างฉลาดคือ ก่อนถึงภูเขาลองสับจากจานใหญ่ลงมาที่จานเล็ก และไล่เฟืองไปที่เฟืองเล็กๆเอาไว้ รอบขาอาจจัดขึ้นบ้างแต่ไม่นานอัตราทดเบาๆที่ได้จะทดแทนด้วยความชันของภูเขา และสามารถไล่เฟืองหลังได้ง่ายกว่า บนเขาเมื่อรอบขาต่ำ เกียร์จะเปลี่ยนได้ช้าลงกว่าปกติ หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนเกียร์วินาทีสุดท้ายก่อนกดบันไดไม่ไหวคือทางออกที่ดีที่สุด
2.ก่อนลงเขา
บนยอดเขาหรือยอดเนินส่วนมากความชันจะลดลง และเป็นทางลงเขาต่อ ซึ่งนักปั่นส่วนมากก็มักจะหมดแรงและปล่อยรถไหลลงเขามาฟรีขาสบายๆ แต่นักปั่นที่ชาญฉลาด จะสลับจานหน้าขึ้นไปเป็นใบใหญ่ และไล่เฟืองหลังไปเฟืองใหญ่ชดเชยเอาไว้ เมื่อถึงยอดเขาก็จะ"ควงขา"ตามบันไดเบาๆ พร้อมกับค่อยๆไล่เฟืองเล็กลงเรื่อยๆ ทำความเร็วไปได้มากกว่าคนที่ปล่อยลงมาโดยไม่ปั่น ซึ่งส่งผลช่วยให้สามารถไต่เนินต่อไปได้ง่ายขึ้น หรือประหยัดแรงในการรักษาตำแหน่งได้มากขึ้น การควงขาเบาๆตามบันไดยังช่วยคลายความเครียดและกรดแล็คติกในกล้ามเนื้อได้ดีกว่าการปล่อยขานิ่งๆดีกด้วย
3.ก่อนเข้าโค้ัง
การเข้าโค้งส่วนใหญ่เราต้องลดความเร็วลงและออกจากโค้งแล้วเร่งความเร็วต่อ ซึ่งนักปั่นส่วนมากมักปล่อยให้รถความเร็วตกลง และออกจากโค้งด้วยเกียร์ที่หนักเกินไป เมื่อลดความเร็วได้แล้วลองเตรียมเกียร์ที่เบากว่าเดิมสัก 1-2 เกียร์และออกจากโค้งด้วยเกียร์ที่เบาก่อน จากนั้นเร่งความเร็วกลับขึ้นไปอีกครั้ง วิธีนี้จะทำให้รักษารอบขาและถนอมแรงได้ดีกว่าการคอยกระแทกเกียร์หนักเร่งความเร็วทุกครั้งที่ต้องเข้าโค้งหรือชลอความเร็ว
4.ยอดนักสปรินท์
สำหรับนักปั่นที่มีประสพการณ์และแรงดีๆนิยมสปรินท์เร่งความเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการเร่งความเร็วจของกลุ่มหรือที่เรียกกันว่า"กระชาก" หรือการต้องการออกจากกลุ่มไปด้านหน้าแล้วเปิดช่องว่างออกไปหรือเรียกกันง่ายๆว่า"ยิง" และการสปรินท์จบสุดท้ายเพื่อเข้าไปสู่เส้นชัยที่หมาย บ่อยครั้งที่นักปั่นทรงพลังเหล่นี้นิยมที่จะใล่เฟืองไปที่เฟืองเล็กมากๆและลดรอบขาลง จากนั้นก็ใช้วิธีกระแทกแรงทั้งหมดที่มีลงไปที่บันได ผลที่ได้คืออัตราเร่งที่รุนแรง ยากต่อการไล่ตามของคนอื่น ทว่าต้องแลกมาด้วยพลังงานมหาศาลเช่นกัน ดังนั้นแต่ละคนมีปัจจัยยต่างกัน การสปรินท์จึงเป็นสิ่งที่เฉพาะตัวมากกว่า ไม่มีสูตรตายตัว
5.ลมแรงทางราบ
ลมแรงทางราบไม่ว่าจะลมสวนด้านหน้า หรือลมด้านข้าง เส้นทางแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับเนินเขา และเพิ่มความยากหากลมนั้นมากระแทกเป็นระลอก เช่นลมทะเล หรือเส้นทางคดเคั้ยวที่ลมเปลี่ยนทิศทางบ่อยๆ การใช้เกียร์ในสถานการณ์นี้ถือว่ายากที่สุด เพราะนักปั่นต้องฉลาดเลือกใช้เกียร์ทั้งหมดที่มีสัมพันธ์กันทั้งจานใหญ่และเล็กสลับไปมาเพื่อรักษาอัตราทดเอาไว้ให้ได้คงที่ ถ้าสังเกตุดีๆจะเห็นว่าจะเปลี่ยนเกียร์ไปมาทั้งจานหน้าและเฟืองหลังทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงของลม ซึ่งต้องอาศัยความ"เก๋า"และเข้าใจรถของตนเองด้วยว่าต้องชดเชยเฟืองหลังเท่าไหร่ึงจะได้อัตราทดใกล้เดิมมากที่สุด
การใช้เกียร์เป็นเรื่องที่ไม่ยากที่จะทำความเข้าใจ แต่เป็นสิ่งที่น้อยคนที่มาเริ่มหัดปั่นจักรยานจะใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว ลแะการเลือกใช้อัตราทดเกียร์ก็เป็นอีกเรื่องที่นิยมถามกันบ่อยๆ thaimtb ถือว่าเป็นเืองยอดนิยมของเกียร์ก็ว่าได้ ทั้งเกียร์แบบธรรมดา 53/39 หรือเกียร์แบบ compact 50/34 และเกียร์แบบผสมอย่าง 52/36 หลายๆคนคงสงสัยว่าแตกต่างกันอย่างไรและจะเลือกใช้อย่างไรดี??ลองสังเกตุตารางประกอบทั้ง 3 ภาพ เป็นตารางแสดงเกียร์เรโช และความเร็วเทียบเคียงของล้อ 700x23 ที่รอบขา 90 รอบต่อนาทีของเกียร์ที่ได้จากชุดขับเคลื่อนทั้ง 3 แบบ
ลองพิจารณาเฉพาะชุดเกียร์เบาๆสำหรับไต่เขาผ่อนแรงขาของเกียร์ที่ได้จากจาน 39, 36 และ 34 พบว่า ที่เฟืองขนาดเท่าๆกันจาน compact มีอัตราทดเกียร์เบากว่าจานธรรมดามาก เรียกว่าที่เฟือง 28 จาน 39 ฟันยังมีอัตราทดหนักกว่าเกียร์ที่ได้จากจาน compact เฟือง 25 เสียอีก
ซึ่งความยุ่งยากของการเลือกใช้จานกับเฟืองจะอยู่ที่กรณีขึ้นเขาที่หลายๆคนมองหาอัตราทดที่ช่วยมากๆ เช่นเฟือง 32 หรือแม้แต่ทำการดัดแปลงเอาเฟือง 34 มาใช้งาน ยกตัวอย่างเช่นจานธรรมดากับเฟือง 32 ฟันจะได้อัตราทด 1.22 ซึ่งใกล้เคียงกับจาน compact เฟือง 28
ดังนั้นหากพบว่าต้องการใช้จานธรรมดาแต่อยากได้อัตราทดสบายๆแบบจาน compact ก็ควรเลือกใช้เฟือง 32 ก็จะได้อัตราทดใกล้ๆกัน
แต่ความยุ่งยากจริงๆแล้วอยู๋ที่จานใหญ่ เพราะนักปั่นระดับขาแรงส่วนมากมักใช้จาน compact แล้วพบว่าไม่สามารถทำความเร็วตามกลุ่มได้ทัน ยกตัวอย่างเข่นหากเป็นการลงเขาทางไม่ชันมากแต่เป็นเนินซึมๆ ความเร็วระดับ 55-60 กม./ชม. จะสามารถใช้จานธรรมดาปั่นจาน 53 และเฟือง 11 ได้ในรอบขอประมาณ 100 รอบตอ่นาที แต่ถ้าเป็นจาน compact ต้องควงขามากกว่าอีกประมาณ 10 รอบต่อนาทีจึงจะได้ความเร็วเดียวกัน ซึ่งจะยิ่งทวีความต่างมากขึ้นเมื่อความเร็วสูงขึ้นเรื่อยๆ
แล้วอะไรคือปัจจัยที่เราจะนำมาเป็นแนวทางในการเลือกใช้ชนิดของจานหน้าได้??
...คงต้องย้อนถามนักปั่นทุกท่านว่า เกียร์จักรยานของท่านนั้นท่านได้ใช้จานหน้า 53 ฟัน กับเฟือง 11 ฟันบ่อยแค่ไหน? บ่อยคร้งพบว่านักปั่นไม่มีแรงพอจะกดเฟืองคู๋นี้ลงในทางราบปกติ จะได้ใช้ก็ต่อเมื่อปั่นลงเขาเท่านั้น ดังนั้นอัตราทดดังกล่าวแม้ว่าจะสร้าง top speed ได้สูงกว่าจานอีกสองแบบ แต่หากกดไม่ลงก็คงไร้ประโยชน์ นักปั่นแบบนี้อาจจะเหมาะกับจานแบบ compact มากกว่า ซึ่งการสำรวจพบว่ามือใหม่โดยทั่วไปเหมาะสมกับจาน 50/34 และเฟืองอัตราทดปกติมากกว่า
แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เริ่มออกทริปหรือแข่งขันเส้นทางหลากหลายมากขึ้น จาน compact ก็จะพบขีดจำกัดของความเร็วสูงสุด ดังนั้นหากนักปั่นมั่นใจว่าไม่ได้ต้องการความเร็วระดับนั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่จะมองหาจาน 53/39 มาใช้ ส่วนนักปั่นที่ต้องการพิกัดความเร็วสูงๆทั้งจากแรงกดสปรินท์หรือการลงเขาก็ไม่เหมาะที่จะเล่นจาน compact และควรเล่นอัตราทดเฟืองใหญ่ๆมาแทนในกรณีขึ้นเขา
ส่วนจาน 52/36 นั้นเป็นอัตราผสมตรงกลางของทั้งสองกรณีและทวีความนิยมมากขึ้นในระยะ 2-3 ปีมานี้ เนื่องจากตอบสนองความต้องการของนักปั่นได้ทั้งเส้นทางราบและภูเขา มี top speed ใกล้เคียงกับจาน 53 ฟัน และผ่อนแรงช่วยบนเขาได้มาก ยิ่งถ้าจับคู๋กับเฟืองใหญ่กว่าจาน compact ก็สามารถทดแรงได้เบากว่าอีกด้วย ข้อเสียเดียวของจานกลุ่มนี้คือระยะห่างระหว่างขอบใบจานและหมุดยึดจานมีระยะทางมาก และอาจเกิดอาการ"ให้ตัว"ได้เวลาสรปนิท์แรงๆ ส่งผลให้เสียแรงส่งกำลังไปบ้างบางส่วน นักปั่นที่เป็นขาแรง ร่างใหญ่ สปรินท์ระเบิดพลังได้ดีจึงไม่นิยมจานกลุ่มนี้
thaimtb จึงขอให้ความเห็นปิดท้ายเรื่องการเลือกใช้อัตราทดเกียร์ว่าลองเลือกเกียร์ให้เหมาะสมกับตนเองดีที่สุด ไม่มีใครรู้ตัวเราดีไปกว่าตัวของเรา และการใช้จาน compact ไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกว่าท่านไม่ดูโปรแต่อย่างใด เพราะปัจจุบันนี้นักแข่งระดับอาชีพเองก็ใช้จาน compact ในเส้นทางภูเขาเป็นเรื่องปกติมาหลายปีแล้ว จาน compact จึงเป็นทางเลือกที่แท้จริงแล้วเหมาะกับนักปั่นส่วนมากจริงๆ เพราะโอกาสจะสัมผัสกับความเร็วระดับ 60 กม./ชม. นั้นน้อยมาก ปีหนึ่งๆจะมีเพียงไม่กี่ครั้งที่ต้องขี่ความเร็วนี้นานๆ แถมมีอัตราทดตัวช่วยบนเขาได้อีกต่างหาก เพราะบนเขาไม่มีอะไรย่ำแย่ไปกว่าสถานการณ์"เกียร์หมด" อีกแล้ว แรงกดไม่มีเหลือ แรงใจหายยังไม่เท่าไหร่ ถ้ามาพร้อมกับสถานการณ์เกียร์หมดไม่มีเฟืองให้ไล่แล้ว ไม่นานก็จะจบลงด้วย .... เข็น[homeimg=300,250]http://www.thaimtb.com/forum/picture_mt ... 844591.jpg[/homeimg]
บทที่ 2 เลือกเล่นเกียร์ให้ฉลาด
ต่อกันตอนที่สอง หลังจากที่พอจะเข้าใจเรื่องการใช้เกียร์พื้นฐาน เรื่องค่าเกียร์เรโชกันแล้ว ตอนนี้ลองมาเลือกใช้เกียร์ให้เหมาะและเรียกเกียร์ที่เข้ากับเส้นทางกันดูนะครับ ซึ่งสถานการณ์หลักๆที่เรามักจะต้องใช้เกียร์อย่างฉลาดก็ได้แค่ เส้นทางภูเขา เส้นทางลมแรง และการขี่กลุ่มที่มีความเร็วสูงพร้อมกับมีการเร่งความเร็วบ่อยๆ ลองมาดู"เคล็ดลับ"เล็กๆน้อยๆเมื่อเจอสถานการณ์ต่างๆกันดังนี้
1.ก่อนขึ้นเขา
ทุกท่านคงเคยเจอเหตุการณ์ขี่ทางราบมาดีๆแล้วจะต้องไปขึ้นเขาอีกไม่ไกลข้างหน้า คนทั่วไปนิยมที่จะเร่งความเร็วอัดขึ้นเขาไป แล้วไปค่อยๆไล่เกียร์เปลี่ยนเบาจนกว่าจะไหวเอาบนภูเขาซึ่งเปลืองแรง และเสี่ยงที่จะเกิดอาการ"หม้อน้ำระเบิด"มาก วิธีการใช้เกียร์อย่างฉลาดคือ ก่อนถึงภูเขาลองสับจากจานใหญ่ลงมาที่จานเล็ก และไล่เฟืองไปที่เฟืองเล็กๆเอาไว้ รอบขาอาจจัดขึ้นบ้างแต่ไม่นานอัตราทดเบาๆที่ได้จะทดแทนด้วยความชันของภูเขา และสามารถไล่เฟืองหลังได้ง่ายกว่า บนเขาเมื่อรอบขาต่ำ เกียร์จะเปลี่ยนได้ช้าลงกว่าปกติ หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนเกียร์วินาทีสุดท้ายก่อนกดบันไดไม่ไหวคือทางออกที่ดีที่สุด
2.ก่อนลงเขา
บนยอดเขาหรือยอดเนินส่วนมากความชันจะลดลง และเป็นทางลงเขาต่อ ซึ่งนักปั่นส่วนมากก็มักจะหมดแรงและปล่อยรถไหลลงเขามาฟรีขาสบายๆ แต่นักปั่นที่ชาญฉลาด จะสลับจานหน้าขึ้นไปเป็นใบใหญ่ และไล่เฟืองหลังไปเฟืองใหญ่ชดเชยเอาไว้ เมื่อถึงยอดเขาก็จะ"ควงขา"ตามบันไดเบาๆ พร้อมกับค่อยๆไล่เฟืองเล็กลงเรื่อยๆ ทำความเร็วไปได้มากกว่าคนที่ปล่อยลงมาโดยไม่ปั่น ซึ่งส่งผลช่วยให้สามารถไต่เนินต่อไปได้ง่ายขึ้น หรือประหยัดแรงในการรักษาตำแหน่งได้มากขึ้น การควงขาเบาๆตามบันไดยังช่วยคลายความเครียดและกรดแล็คติกในกล้ามเนื้อได้ดีกว่าการปล่อยขานิ่งๆดีกด้วย
3.ก่อนเข้าโค้ัง
การเข้าโค้งส่วนใหญ่เราต้องลดความเร็วลงและออกจากโค้งแล้วเร่งความเร็วต่อ ซึ่งนักปั่นส่วนมากมักปล่อยให้รถความเร็วตกลง และออกจากโค้งด้วยเกียร์ที่หนักเกินไป เมื่อลดความเร็วได้แล้วลองเตรียมเกียร์ที่เบากว่าเดิมสัก 1-2 เกียร์และออกจากโค้งด้วยเกียร์ที่เบาก่อน จากนั้นเร่งความเร็วกลับขึ้นไปอีกครั้ง วิธีนี้จะทำให้รักษารอบขาและถนอมแรงได้ดีกว่าการคอยกระแทกเกียร์หนักเร่งความเร็วทุกครั้งที่ต้องเข้าโค้งหรือชลอความเร็ว
4.ยอดนักสปรินท์
สำหรับนักปั่นที่มีประสพการณ์และแรงดีๆนิยมสปรินท์เร่งความเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการเร่งความเร็วจของกลุ่มหรือที่เรียกกันว่า"กระชาก" หรือการต้องการออกจากกลุ่มไปด้านหน้าแล้วเปิดช่องว่างออกไปหรือเรียกกันง่ายๆว่า"ยิง" และการสปรินท์จบสุดท้ายเพื่อเข้าไปสู่เส้นชัยที่หมาย บ่อยครั้งที่นักปั่นทรงพลังเหล่นี้นิยมที่จะใล่เฟืองไปที่เฟืองเล็กมากๆและลดรอบขาลง จากนั้นก็ใช้วิธีกระแทกแรงทั้งหมดที่มีลงไปที่บันได ผลที่ได้คืออัตราเร่งที่รุนแรง ยากต่อการไล่ตามของคนอื่น ทว่าต้องแลกมาด้วยพลังงานมหาศาลเช่นกัน ดังนั้นแต่ละคนมีปัจจัยยต่างกัน การสปรินท์จึงเป็นสิ่งที่เฉพาะตัวมากกว่า ไม่มีสูตรตายตัว
5.ลมแรงทางราบ
ลมแรงทางราบไม่ว่าจะลมสวนด้านหน้า หรือลมด้านข้าง เส้นทางแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับเนินเขา และเพิ่มความยากหากลมนั้นมากระแทกเป็นระลอก เช่นลมทะเล หรือเส้นทางคดเคั้ยวที่ลมเปลี่ยนทิศทางบ่อยๆ การใช้เกียร์ในสถานการณ์นี้ถือว่ายากที่สุด เพราะนักปั่นต้องฉลาดเลือกใช้เกียร์ทั้งหมดที่มีสัมพันธ์กันทั้งจานใหญ่และเล็กสลับไปมาเพื่อรักษาอัตราทดเอาไว้ให้ได้คงที่ ถ้าสังเกตุดีๆจะเห็นว่าจะเปลี่ยนเกียร์ไปมาทั้งจานหน้าและเฟืองหลังทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงของลม ซึ่งต้องอาศัยความ"เก๋า"และเข้าใจรถของตนเองด้วยว่าต้องชดเชยเฟืองหลังเท่าไหร่ึงจะได้อัตราทดใกล้เดิมมากที่สุด
การใช้เกียร์เป็นเรื่องที่ไม่ยากที่จะทำความเข้าใจ แต่เป็นสิ่งที่น้อยคนที่มาเริ่มหัดปั่นจักรยานจะใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว ลแะการเลือกใช้อัตราทดเกียร์ก็เป็นอีกเรื่องที่นิยมถามกันบ่อยๆ thaimtb ถือว่าเป็นเืองยอดนิยมของเกียร์ก็ว่าได้ ทั้งเกียร์แบบธรรมดา 53/39 หรือเกียร์แบบ compact 50/34 และเกียร์แบบผสมอย่าง 52/36 หลายๆคนคงสงสัยว่าแตกต่างกันอย่างไรและจะเลือกใช้อย่างไรดี??ลองสังเกตุตารางประกอบทั้ง 3 ภาพ เป็นตารางแสดงเกียร์เรโช และความเร็วเทียบเคียงของล้อ 700x23 ที่รอบขา 90 รอบต่อนาทีของเกียร์ที่ได้จากชุดขับเคลื่อนทั้ง 3 แบบ
ลองพิจารณาเฉพาะชุดเกียร์เบาๆสำหรับไต่เขาผ่อนแรงขาของเกียร์ที่ได้จากจาน 39, 36 และ 34 พบว่า ที่เฟืองขนาดเท่าๆกันจาน compact มีอัตราทดเกียร์เบากว่าจานธรรมดามาก เรียกว่าที่เฟือง 28 จาน 39 ฟันยังมีอัตราทดหนักกว่าเกียร์ที่ได้จากจาน compact เฟือง 25 เสียอีก
ซึ่งความยุ่งยากของการเลือกใช้จานกับเฟืองจะอยู่ที่กรณีขึ้นเขาที่หลายๆคนมองหาอัตราทดที่ช่วยมากๆ เช่นเฟือง 32 หรือแม้แต่ทำการดัดแปลงเอาเฟือง 34 มาใช้งาน ยกตัวอย่างเช่นจานธรรมดากับเฟือง 32 ฟันจะได้อัตราทด 1.22 ซึ่งใกล้เคียงกับจาน compact เฟือง 28
ดังนั้นหากพบว่าต้องการใช้จานธรรมดาแต่อยากได้อัตราทดสบายๆแบบจาน compact ก็ควรเลือกใช้เฟือง 32 ก็จะได้อัตราทดใกล้ๆกัน
แต่ความยุ่งยากจริงๆแล้วอยู๋ที่จานใหญ่ เพราะนักปั่นระดับขาแรงส่วนมากมักใช้จาน compact แล้วพบว่าไม่สามารถทำความเร็วตามกลุ่มได้ทัน ยกตัวอย่างเข่นหากเป็นการลงเขาทางไม่ชันมากแต่เป็นเนินซึมๆ ความเร็วระดับ 55-60 กม./ชม. จะสามารถใช้จานธรรมดาปั่นจาน 53 และเฟือง 11 ได้ในรอบขอประมาณ 100 รอบตอ่นาที แต่ถ้าเป็นจาน compact ต้องควงขามากกว่าอีกประมาณ 10 รอบต่อนาทีจึงจะได้ความเร็วเดียวกัน ซึ่งจะยิ่งทวีความต่างมากขึ้นเมื่อความเร็วสูงขึ้นเรื่อยๆ
แล้วอะไรคือปัจจัยที่เราจะนำมาเป็นแนวทางในการเลือกใช้ชนิดของจานหน้าได้??
...คงต้องย้อนถามนักปั่นทุกท่านว่า เกียร์จักรยานของท่านนั้นท่านได้ใช้จานหน้า 53 ฟัน กับเฟือง 11 ฟันบ่อยแค่ไหน? บ่อยคร้งพบว่านักปั่นไม่มีแรงพอจะกดเฟืองคู๋นี้ลงในทางราบปกติ จะได้ใช้ก็ต่อเมื่อปั่นลงเขาเท่านั้น ดังนั้นอัตราทดดังกล่าวแม้ว่าจะสร้าง top speed ได้สูงกว่าจานอีกสองแบบ แต่หากกดไม่ลงก็คงไร้ประโยชน์ นักปั่นแบบนี้อาจจะเหมาะกับจานแบบ compact มากกว่า ซึ่งการสำรวจพบว่ามือใหม่โดยทั่วไปเหมาะสมกับจาน 50/34 และเฟืองอัตราทดปกติมากกว่า
แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เริ่มออกทริปหรือแข่งขันเส้นทางหลากหลายมากขึ้น จาน compact ก็จะพบขีดจำกัดของความเร็วสูงสุด ดังนั้นหากนักปั่นมั่นใจว่าไม่ได้ต้องการความเร็วระดับนั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่จะมองหาจาน 53/39 มาใช้ ส่วนนักปั่นที่ต้องการพิกัดความเร็วสูงๆทั้งจากแรงกดสปรินท์หรือการลงเขาก็ไม่เหมาะที่จะเล่นจาน compact และควรเล่นอัตราทดเฟืองใหญ่ๆมาแทนในกรณีขึ้นเขา
ส่วนจาน 52/36 นั้นเป็นอัตราผสมตรงกลางของทั้งสองกรณีและทวีความนิยมมากขึ้นในระยะ 2-3 ปีมานี้ เนื่องจากตอบสนองความต้องการของนักปั่นได้ทั้งเส้นทางราบและภูเขา มี top speed ใกล้เคียงกับจาน 53 ฟัน และผ่อนแรงช่วยบนเขาได้มาก ยิ่งถ้าจับคู๋กับเฟืองใหญ่กว่าจาน compact ก็สามารถทดแรงได้เบากว่าอีกด้วย ข้อเสียเดียวของจานกลุ่มนี้คือระยะห่างระหว่างขอบใบจานและหมุดยึดจานมีระยะทางมาก และอาจเกิดอาการ"ให้ตัว"ได้เวลาสรปนิท์แรงๆ ส่งผลให้เสียแรงส่งกำลังไปบ้างบางส่วน นักปั่นที่เป็นขาแรง ร่างใหญ่ สปรินท์ระเบิดพลังได้ดีจึงไม่นิยมจานกลุ่มนี้
thaimtb จึงขอให้ความเห็นปิดท้ายเรื่องการเลือกใช้อัตราทดเกียร์ว่าลองเลือกเกียร์ให้เหมาะสมกับตนเองดีที่สุด ไม่มีใครรู้ตัวเราดีไปกว่าตัวของเรา และการใช้จาน compact ไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกว่าท่านไม่ดูโปรแต่อย่างใด เพราะปัจจุบันนี้นักแข่งระดับอาชีพเองก็ใช้จาน compact ในเส้นทางภูเขาเป็นเรื่องปกติมาหลายปีแล้ว จาน compact จึงเป็นทางเลือกที่แท้จริงแล้วเหมาะกับนักปั่นส่วนมากจริงๆ เพราะโอกาสจะสัมผัสกับความเร็วระดับ 60 กม./ชม. นั้นน้อยมาก ปีหนึ่งๆจะมีเพียงไม่กี่ครั้งที่ต้องขี่ความเร็วนี้นานๆ แถมมีอัตราทดตัวช่วยบนเขาได้อีกต่างหาก เพราะบนเขาไม่มีอะไรย่ำแย่ไปกว่าสถานการณ์"เกียร์หมด" อีกแล้ว แรงกดไม่มีเหลือ แรงใจหายยังไม่เท่าไหร่ ถ้ามาพร้อมกับสถานการณ์เกียร์หมดไม่มีเฟืองให้ไล่แล้ว ไม่นานก็จะจบลงด้วย .... เข็น[homeimg=300,250]http://www.thaimtb.com/forum/picture_mt ... 844591.jpg[/homeimg]
ฟังสาระจักรยาน Podcast
https://open.spotify.com/show/76iDUCWXgqqixg1CmoSDIp
ข่าวสารจัรกยาน
https://www.facebook.com/cyclinghubthailand/
https://open.spotify.com/show/76iDUCWXgqqixg1CmoSDIp
ข่าวสารจัรกยาน
https://www.facebook.com/cyclinghubthailand/
- error
- ขาประจำ
- โพสต์: 160
- ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2013, 10:57
- Tel: 0894200xx
- Bike: Rocky Mountain Vertex 10
Re: เรียนรู้การใช้เกียร์ บทที่ 2 เลือกเล่นเกียร์ให้ฉลาด
ปัก
[url]<a href="https://www.mx7.com/view2/zHtghxUN1OBHjzk1" target="_blank"><img border="0" src="https://www.mx7.com/t/dc6/yvIzJx.jpg" /></a>[img]
ใหญ่แร้วอดเอา
ใหญ่แร้วอดเอา
- Korkiert
- สมาชิก
- โพสต์: 86
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ส.ค. 2015, 13:14
- Tel: 0894658901
- team: pattani
- Bike: trek alr 5
- วันชัย คำแพง
- ขาประจำ
- โพสต์: 1666
- ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ส.ค. 2008, 07:13
- Tel: 0626825062
- team: ชมรมวิ่ง พิทักษืหัวหิน
- Bike: เหล็กตราหมากลุ๊ก หนักโคตรแต่ทน
Re: เรียนรู้การใช้เกียร์ บทที่ 2 เลือกเล่นเกียร์ให้ฉลาด
ไม่มีทางเลือก ได้ชุดขับมา 53/39 รู้วาหนักมากกกกกกกกกกแต่ก็ต้องทนใช้
- tiww
- สมาชิก
- โพสต์: 34
- ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ธ.ค. 2010, 18:39
- Tel: 0898820320
- Bike: Custom Wood bikes / Teschner Track / Armand Deroy1985
- ตำแหน่ง: ปทุมธานี
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 509
- ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ม.ค. 2016, 08:28
- Bike: Avenger R8
- ตำแหน่ง: Louiaiana
Re: เรียนรู้การใช้เกียร์ บทที่ 2 เลือกเล่นเกียร์ให้ฉลาด
อันนี้ไม่ต้องประมาณครับ 53/50=1.06 คือต่าง 6% ไม่ว่าจะเป็นความเร็วไหนgiro เขียน: แต่ความยุ่งยากจริงๆแล้วอยู๋ที่จานใหญ่ เพราะนักปั่นระดับขาแรงส่วนมากมักใช้จาน compact แล้วพบว่าไม่สามารถทำความเร็วตามกลุ่มได้ทัน ยกตัวอย่างเข่นหากเป็นการลงเขาทางไม่ชันมากแต่เป็นเนินซึมๆ ความเร็วระดับ 55-60 กม./ชม. จะสามารถใช้จานธรรมดาปั่นจาน 53 และเฟือง 11 ได้ในรอบขอประมาณ 100 รอบตอ่นาที แต่ถ้าเป็นจาน compact ต้องควงขามากกว่าอีกประมาณ 10 รอบต่อนาทีจึงจะได้ความเร็วเดียวกัน ซึ่งจะยิ่งทวีความต่างมากขึ้นเมื่อความเร็วสูงขึ้นเรื่อยๆ
แล้วอะไรคือปัจจัยที่เราจะนำมาเป็นแนวทางในการเลือกใช้ชนิดของจานหน้าได้??
ปั่น 53 100รอบ ก็ใช้ 50 ที่ 106 รอบ
ปั่น 53 80รอบ ก็ใช้ 50 ที่ 84.8 รอบครับ
อันนี้ขึ้นอยู่กับโครงสร้างใบจานครับ ว่าออกแบบมายังไง Stiff แค่ไหนgiro เขียน: ส่วนจาน 52/36 นั้น ข้อเสียเดียวของจานกลุ่มนี้คือระยะห่างระหว่างขอบใบจานและหมุดยึดจานมีระยะทางมาก และอาจเกิดอาการ"ให้ตัว"ได้เวลาสรปนิท์แรงๆ ส่งผลให้เสียแรงส่งกำลังไปบ้างบางส่วน นักปั่นที่เป็นขาแรง ร่างใหญ่ สปรินท์ระเบิดพลังได้ดีจึงไม่นิยมจานกลุ่มนี้
Shimano รุ่นใหม่ๆ ใช้ BCD 110 หมดทุกขนาด 50,52,53,54,55 ดังนั้นใบ 52 Stiff กว่า 53 ด้วยซ้ำ
Sram red รุ่นใหม่, Praxis และอีกหลายๆค่ายมีโครงสร้างใบจานที่แข็งมาก แม้ใบ 53 จะใช้ BCD 130 ส่วน 52 ใช้ 110 แต่ใบจานแข็งเกินพอที่จะไม่งอ ดังนั้นเรื่องนี้ก็ไม่ต้องห่วงครับ ที่น่าห่วงคือพวกใบบางๆซะมากกว่าว่ามันจะแข็งจริงไหม
ผมว่าที่โปรระดับนั้นไม่ใช้ก็เพราะเขาไม่ต้องการใบ 36 มากกว่า มีแรงระเบิด Sprint จนใบงอได้นั้น ย่อมมีแรงถีบ 39x25 หรือ 39x28 ขึ้นเขาอยู่แล้ว แถม 53 ก็ใหญ่กว่า 52 อยู่ เลยไม่มีเหตุให้ใช้ 52/36 ครับ
เสริมอีกนิดนึง
การคำนวนอัตราทดและความเร็ว ผมแนะนำเว็บนี้ครับ
gear-calculator.com
กดเข้าไปจะพบเซ็ตติ้งที่ผมลองเทียบไว้ให้ 52/36+11-28 (SRAM version เรียง 11-28 ไม่เหมือน Shimano) เทียบ 50/34+11-26 โดยใช้ล้อขนาด 700c 23mm และ Cadence 90 RPM
จากกระทู้ที่ผมตั้งเรื่องประสิทธิภาพคู่จานกับเฟือง ทั้ง 2 ชุดเหมาะจะเปลี่ยนเกียร์ ณ จุด จานเล็กเฟืองที่ 6 (เฟือง 16) ขึ้นจานใหญ่ถอยเฟืองหลังสามทีมาเป็น 21 (ใน 11-26) หรือ 22 (ใน 11-28) ซึ่งจุดเปลี่ยนเกียร์จะอยู่ที่ความเร็วต่างกัน ควรเลือกชุดที่อยู่นอกสปีดที่ท่านปั่นปกติ (ไม่งั้นได้สับไปสับมาเพลินเลย ไม่ก็ต้องใช้คู่เกียร์ที่ประสิทธิภาพไม่ดีเท่าที่ควรเพราะขี้เกียจสับจานบ่อย)
เพื่อนๆลองตั้งค่าต่างๆเล่นแล้วเทียบดูครับ ว่าแบบไหนเหมาะกับท่าน
อ้อ อีกนิดนึงคือ จากเปเปอร์ของ Friction-facts.com บอกได้ว่า หากท่านไม่ใช้ความเร็งสูงระดับ 53x11 แล้ว นอกจากการลดมาใช้ 50x11 ยังมีอีกตัวเลือกนึงที่ Friction ต่ำกว่า, ประสิทธิภาพสูงกว่า คือใช้ 52x12 หรือ 53x12 เป็นเกียร์ใหญ่สุดครับ แต่ตัวเลือกไม่ค่อยมีเท่าไหร่ ณ ตอนนี้มีเพียง Shimano ที่มี 11 speed 12-25,12-28 และ Campagnolo 12-27,12-29 เท่านั้น
ตัวเล็กก็ยอมรับความจริงบ้าง อย่าหลอกตัวเองแล้วใช้อุปกรณ์ไซส์เกินตัวเลย
สูง 169cm, frame size=50, crank length=165mm, bar width=38cm
สูง 169cm, frame size=50, crank length=165mm, bar width=38cm
-
- สมาชิก
- โพสต์: 24
- ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 16:18
- Tel: 0864175117
- Bike: infinite
- ติดต่อ:
- Issaranupong
- ขาประจำ
- โพสต์: 270
- ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2012, 18:30
- team: KTB CYCLING TEAM
- Bike: Cannondale CADD10
- เสือกินใบ
- ขาประจำ
- โพสต์: 1076
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 พ.ค. 2009, 16:21
- Tel: 0904324789
- team: กาญจนบุรี เสือลูกรัง
- Bike: trek 8500
Re: เรียนรู้การใช้เกียร์ บทที่ 2 เลือกเล่นเกียร์ให้ฉลาด
อยากให้อธิบายจานเบี้ยวครับ เห็นใช้กันมาก แตกต่างจากจานกลมมากไหม
แม้นไม่มีเส้นทาง ก็จะไป
- tawat1991
- สมาชิก
- โพสต์: 94
- ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ม.ค. 2016, 13:37
-
- สมาชิก
- โพสต์: 10
- ลงทะเบียนเมื่อ: 15 มิ.ย. 2016, 11:35
- Tel: 0819540502
- team: เลาะปั่น
- Bike: merida
Re: เรียนรู้การใช้เกียร์ บทที่ 2 เลือกเล่นเกียร์ให้ฉลาด
เรื่องเกียร์ต้องเจอตัวเอง ครับ มีแต่คนโพสต์เรื่องความเร็วสูงสุด เกียร์สูง 50-60 กม./ชม. ไม่เคยใช้เกียร์ต่ำ 1 มาลองที่ภูทับเบิกเลยครับ 8-3 กม./ชม เลยครับแล้วจะรู้ว่าเกียร์หมด จะฟินมากๆๆๆ..
-
- สมาชิก
- โพสต์: 10
- ลงทะเบียนเมื่อ: 15 มิ.ย. 2016, 11:35
- Tel: 0819540502
- team: เลาะปั่น
- Bike: merida
Re: เรียนรู้การใช้เกียร์ บทที่ 2 เลือกเล่นเกียร์ให้ฉลาด
อีกนิดครับ เรื่่องการเลือกใช้เกียร์จากประสบการณ์จริงครับ ควรใช้เกียร์ให้ทั่วถึง มีอัตราทดใกล้เคียงกัน เพื่อการสึกหรอของเฟือง ขนาดใดขนาดหนึ่่ง
-
- สมาชิก
- โพสต์: 1
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ก.ค. 2016, 10:20
- Bike: giant
Re: เรียนรู้การใช้เกียร์ บทที่ 2 เลือกเล่นเกียร์ให้ฉลาด
ได้ความรู้มากเลยขอคุณครับ
- nomnao
- สมาชิก
- โพสต์: 6
- ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2016, 22:57
-
- สมาชิก
- โพสต์: 83
- ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2013, 03:01