Power2Max กับ Rotor INPower อันไหนดีครับ
ผู้ดูแล: Cycling B®y, spinbike, velocity
-
- สมาชิก
- โพสต์: 13
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2013, 07:35
- Bike: Canyon Aeroad CF SLX
- ติดต่อ:
Power2Max กับ Rotor INPower อันไหนดีครับ
รบกวนสอบถามน้าๆ นิดนึงครับ
1. ความเสถียร สองตัวนี้ ตัวไหน เอ๋อ บ่อยกว่ากันครับผม
2. ลูกเล่นต่างๆ เพื่อประโยชน์การฝึกซ้อม
3. การแสดงค่าต่างๆ เช่น balance, smoothness, TE อันไหน แสดงผลได้ดีกว่ากันครับ หรือมีฟังก์ชั่นไหน ที่ตัวไหนทำไม่ได้บ้างหรือเปล่าครับ
ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
1. ความเสถียร สองตัวนี้ ตัวไหน เอ๋อ บ่อยกว่ากันครับผม
2. ลูกเล่นต่างๆ เพื่อประโยชน์การฝึกซ้อม
3. การแสดงค่าต่างๆ เช่น balance, smoothness, TE อันไหน แสดงผลได้ดีกว่ากันครับ หรือมีฟังก์ชั่นไหน ที่ตัวไหนทำไม่ได้บ้างหรือเปล่าครับ
ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 247
- ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2012, 18:57
- team: Audax Independent
- Bike: BH Quartz 2015
Re: Power2Max กับ Rotor INPower อันไหนดีครับ
คำถามน่าสนใจ มาติดตามด้วยคน
- name_joker
- ขาประจำ
- โพสต์: 707
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 08:29
- Tel: 0894888XXX
- team: Y@H / BRC
- Bike: EV4
Re: Power2Max กับ Rotor INPower อันไหนดีครับ
เปิดมาเรียกน้าๆแบบนี้...
น้องๆไม่กล้าตอบเลยครับ ...
น้องๆไม่กล้าตอบเลยครับ ...
Sketcher Shop
ขายปลีก ขายส่ง อุปกรณ์ศิลปะ เครื่องเขียนทุกประเภท จัดส่งทั่วไทย
Line ID : kitchai1965
Tel: 092-403-6476
facebook : sketcher shop
by Siam Sketch Supply Co,.Ltd
ขายปลีก ขายส่ง อุปกรณ์ศิลปะ เครื่องเขียนทุกประเภท จัดส่งทั่วไทย
Line ID : kitchai1965
Tel: 092-403-6476
facebook : sketcher shop
by Siam Sketch Supply Co,.Ltd
-
- สมาชิก
- โพสต์: 13
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2013, 07:35
- Bike: Canyon Aeroad CF SLX
- ติดต่อ:
Re: Power2Max กับ Rotor INPower อันไหนดีครับ
อินเทรนด์ครับ 555 เห็นวงการจักรยาน ชอบเรียก น้าๆ กันครับ เลยลองดูบ้างครับname_joker เขียน:เปิดมาเรียกน้าๆแบบนี้...
น้องๆไม่กล้าตอบเลยครับ ...
- lucifer
- ขาประจำ
- โพสต์: 6413
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
- team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
- Bike: Only 2-wheels bike
- ติดต่อ:
Re: Power2Max กับ Rotor INPower อันไหนดีครับ
เรื่องความเสถียร ผมว่า ตอนนี้คงจะต้องใช้ความพยายาม ในการจะหาคนมาบอกว่า Rotor INPower เป็นยังไง เพราะว่ามันเพิ่งเข้ามาในตลาดไม่นาน จำนวนคนที่ใช้อาจจะยังไม่มากนัก แต่ถ้าเป็น Power2Max Type S นี่ ตัวผมใช้มานานพอสมควรแล้ว เท่าที่ใช้มา ก็ไม่เคยเอ๋อ ไม่เคยรวน เสถียรมากๆตัวหนึ่ง ที่สำคัญกินไฟน้อยกว่าที่คิด ตัวเก่า classic ใช้มาประมาณ 1ปีจึงเปลี่ยนถ่านjarjarbing เขียน:รบกวนสอบถามน้าๆ นิดนึงครับ
1. ความเสถียร สองตัวนี้ ตัวไหน เอ๋อ บ่อยกว่ากันครับผม
2. ลูกเล่นต่างๆ เพื่อประโยชน์การฝึกซ้อม
3. การแสดงค่าต่างๆ เช่น balance, smoothness, TE อันไหน แสดงผลได้ดีกว่ากันครับ หรือมีฟังก์ชั่นไหน ที่ตัวไหนทำไม่ได้บ้างหรือเปล่าครับ
ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
ส่วนลูกเล่นต่างๆในการฝึกนั้น ความเห็นส่วนตัวของผมนะ ผมว่าคงมีน้อยคนที่จะได้เอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดนะครับ เพราะปัจจัยเกี่ยวข้องมันเยอะ
ก่อนอื่น ต้องเข้าใจในหลักการนิดหนึ่งนะครับ ว่า
Power2Max นั้นวัด torque ที่เกิดขึ้นมาจากขาจานทั้งสองข้างมารวมกันที่ตัว crank
ส่วน INPower วัดtorqueที่เกิดขึ้นกับขาจานด้านซ้ายเพียงด้านเดียว แล้วอนุมานด้วยการคูณ2 ดังนั้น INPower จะวัดค่า Balance ไม่ได้ แต่พวกค่า Smoothness และ Torque effectiveness นั้นจะวัดจากขาจานเพียงข้างเดียว
ส่วน P2M typeS จะวัด power โดยการแบ่งคาบการหมุนออกเป็น 2 ฝั่ง คาบด้านขวาจะประกอบด้วยแรงถีบของด้านขวา+แรงดึงของด้านซ้าย และ คาบด้านซ้ายจะประกอบด้วยแรงถีบของด้านซ้าย+แรงดึงของด้านขวา ค่า balance ที่แสดงออกมาจึงอิงจากหลักการที่บอก ไม่ใช่มาจากแรงกระทำที่ขาขานด้านขวาทั้งหมด : ด้านซ้ายทั้งหมด
P2m typeS ไม่แสดงผลค่า smoothness และ TE
โดยหลักการแล้ว การแสดงผลที่ตัว Head Unit จะประกอบด้วยปัจจัย 2 อย่าง คือ
1. refresh rate ของ Head unit ซึ่งโดยมาตรฐานของทุกยีห้อจะบันทึกข้อมูลและrefresh ข้อมูลใหม่ให้ดูทุกๆ 1 วินาที ถ้าสังเกตให้ดีเราจะพบว่าตัวเลขทุกอย่างบนจอจะเปลี่ยนไปทุกๆ 1 วินาที และไม่ใช่การแสดงผลแบบต่อเนื่องเหมือนกับเข็มไมล์บนหน้าปัทม์รถยนต์ที่กวาดไปมา การวัดอะไรออกมาให้เราเห็น จึงเป็นเพียงการอนุมาณว่า ระหว่างวินาทีที่แล้วกับวินาทีนี้ ไม่ได้มีอะไรที่กระโดดขึ้นหรือกระโดดลง ซึ่งอาจจะไม่ใช่ค่าที่แท้จริง มันอาจจะเป็นค่าที่อาจจะเกิดขึ้นเฉพาะตรงจุดนั้นก็ได้ หรือ ค่าเฉลี่ย 1 วินาทีก็ได้ ส่วนจะแม่นยำแค่ไหนก็ยังขึ้นกับ algorithm ของ ตัวpower meter และ head unit อยู่ดี ว่าถูกออกแบบมายังไง
2. Sampling rate ของ power meter ตัว power meter เองก็ใช่ว่าจะปล่อยค่าที่วัดออกมาได้ตลอดเวลา แต่ก็จะปล่อยออกมาเป็นชุดๆตาม sampling rate ที่ถูกออกแบบไว้
การแสดงผลของpower meter ผ่าน head unit จะหน่วงทุกตัวครับ ขึ้นกับความเร็วในการประมวลผลของ CPU ของ Head unit เองว่าเร็วแค่ไหน และยังขึ้นกับอัตรา Sampling rate ของตัวPower meter เองมาถี่มากน้อยแค่ไหน ตามเอกสารอ้างอิงของPower Rotor ที่วัดแบบ 2 ขาพร้อมๆกัน บอกเลยว่า มีอัตรา Sampling rate ที่สูงมาก สิ่งที่เกิดติดตามมาก็คือ Head Unit จะใช้เวลาในการประมวลผลนานขึ้น กว่าจะแสดงผลออกมาก็เลยหน่วงจนหลายๆคนรู้สึกว่าแปลก โดยเฉพาะการแสดงรอบขาที่มักจะมาช้ากว่าความเป็นจริง
สิ่งที่ผมสรุปเช่นนี้ก็เพราะว่า ผมฝึกบนเทรนเนอร์บ่อยๆ โดยใช้โปรแกรม Trainerroad ซึ่งการประมวลผลจะใช้ CPU ของคอมพิวเตอร์ PC ซึ่งคงไม่ต้องเถียงกันมากว่า Core i7 มันทำงานเร็วกว่า CPU ของ Garmin EDGE810 แน่ๆ ผมพบเลยว่า ขนาดใช้ P2M type S ที่มี sampling rate ไม่ได้สูงมากมายแบบ Power Rotor ก็ยังพบว่าค่าpowerที่เห็นบน EDGE810 ยังแสดงตามหลังค่าที่เห็นบนจอคอมพ์
การใช้ค่า Smoothness และ TE มาประกอบการฝึก จะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับการจะดูกันแบบ real time เพราะข้อจำกัดของ refresh rate ของ Head unit แต่จะต้องดูกันผ่านโปรแกรมของ Rotor บนจอ PC ซึ่งบอกเลยว่า อยากใช้กล้องส่องทางไกลติดลูกตาเวลาที่ปั่นเทรนเนอร์จริงๆ Interface และ display มันไม่ค่อยโดนใจเท่าไหร่ครับ
โดยส่วนตัวนะครับ ถ้าต้องการฝึก Smoothness และ TE ต้องคบกับ Power meter ที่วัดจริงทั้ง 2 ข้าง เช่น Rotor Power ตัว top หรือ Garmin Vector
ถ้าต้องการฝึก Balance แบบ real time มีทางเลือก 2 ทาง คือ
1. ฝึกกับ Power meter ที่วัดจริงทั้ง 2 ข้าง เช่น ใช้ Rotor power ตัวทอป บนโปรแกรม Utility ของRotor เอง ซึ่งก็บอกแล้วว่า display มันไม่ค่อยโดนใจ ซึ่งค่า Balance ที่ได้จาก Rotor power ตัวทอปนี้ คือ torqueรวมของขาแต่ละข้าง torqueรวมที่เกิดจากทุกๆองศาของคาบการหมุนตาม sampling rate ของpower meter
2. ฝึกกับ โปรแกรม spin scan ซึ่งใช้ร่วมกับ RacerMate ที่ run กับเทรนเนอร์ Computrainer ซึ่งหลักการก็เหมือนกับการวัดtorqueของ P2M typeS เช่นกัน เพียงแต่มันทำงานร่วมกับ PC ไม่ต้องกังวลเรื่อง Sampling rate และ Refresh rate
โปรแกรม Spin Scan จะบอกเลยว่า Balance เป็นอย่างไร , ลักษณะการออกแรงโดยรวมของคาบขวา กับ คาบซ้าย แตกต่างกันอย่างไร ตำแหน่งPeak torque เกิดขึ้นที่ตำแหน่งไหนของคาบองศาการหมุนของขาจาน ( ตรงนี้ต้องวาง cadence sensor ให้ถูกตำแหน่งด้วย ไม่งั้นองศาเพี้ยน ) ซึ่งนั่นก็สามารถเอามาเซทตำแหน่งรู OCP ได้ด้วย ( การใช้โปรแกรม Utility ของ Rotor เอง ก็ยังสามารถเอามาใช้เป็นข้อมูลให้มันสรุปมาให้ได้ว่า จะเลือกใช้ รู OCPเบอร์ไหนถึงจะดีที่สุด ) นอกจากนี้ spin scan ยังบอกค่า %ของการออกแรงในแต่ละคาบองศา ซึ่งเอามาเทียบเป็น smoothness ได้อีกด้วย
หลังจากที่เสียเงินใช้ power meter มาพักหนึ่ง ผมมีความเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับลูกเล่นพวกนี้ดังนี้
1. Balance ไม่ใช่สาระมากนัก เพราะเคยเทียบ Balance จาก Head unit กับ spin scan ขณะปั่นจริง ด้วยข้อจำกัดของ Refresh rate ค่าbalanceในขณะนั้นๆบน Head unit อาจจะไม่ใช่ค่าที่แท้จริง ผิดกับค่าที่ได้จาก spin scan ที่มีparameterอื่นมาสนับสนุน แต่ค่าเฉลี่ยตลอดทริปของค่า Balance จะเป็นตัวบอกว่า คาบการปั่นขวา กับ ซ้ายแตกต่างกันอย่างไร แต่ถ้าเราไม่เข้าใจที่มาของ balance ที่ได้มาว่าวัดมาอย่างไร เราก็ไม่มีทางปรับการออกแรงของเราได้เช่นกัน
2. ค่า Smoothness กับ TE ในขณะปั่นจักรยานบนถนนจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะให้สาระและประโยชน์ แต่จะมีประโยชน์เมื่อฝึกปั่นอยู่บนเทรนเนอร์ และนั่งดูผ่านจอคอมพ์ เพราะ refresh rate ของ PC มันแทบจะ real time เห็นกันขณะนั้น ปรับวิธีการออกแรงก็จะเห็นค่าที่เปลี่ยนแปลงไปเลยทันที
3. สิ่งสำคัญที่สุดที่เป็นแก่นของ Power meter ก็คือ การหามาซึ่งค่า FTP และ CP5sec , 1min , 5min และ 20min เพราะมันเป็นตัวบอกถึงการพัฒนาในหลายๆจุดของเรา ส่วนใครจะวัด CP1sec , 3sec ก็แล้วแต่ความสบายใจ แต่ตราบใดที่วัดจาก Head unit ที่มีค่า refresh rate ทุกๆ 1 วินาที ค่าเหล่านี้ก็จะมี varient มากมาย ( เอาที่สบายใจก็แล้วกัน )
4. จาก FTP นำมาเข้าสู่โปรแกรมการฝึก ซึ่งหลักการไม่มีอะไรมากไปกว่า การฝึกที่ระดับความหนักใด จะฝึกอยู่นานแค่ไหน ไม่ควรหนักกว่านั้นเพราะอะไร ประเภทนั้นแหละ
5. สิ่งที่ผมใช้ทุกวันนี้ก็ คือ ความสัมพันธ์ระหว่าง power และ HR ซึ่งสามารถใช้เป็นตัวบอกถึงความก้าวหน้าในการฝึกได้ ในขณะที่ค่าต่างๆนั้น ผมเฉยๆมาก มีให้ใช้ก็ยินดีใช้ ไม่มีให้ใช้ก็เฉยๆ
คราวนี้มาถึงคำถามสุดท้าย ก็คือ การจะให้ออกความเห็นแบบฟันธงว่า ควรจะซื้ออะไรดี ระหว่าง P2M กับ INPower
คำตอบของผมคือ "เอาที่สบายใจ"
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 228
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2014, 12:52
- Bike: CROSSWAY XT
Re: Power2Max กับ Rotor INPower อันไหนดีครับ
โชคดีของผมจริงๆ ที่ไม่ได้ใช้ ไม่งั้นคงมานั่งปวดหัวศึกษาพวกนี้อีก ตายๆๆ 555
- name_joker
- ขาประจำ
- โพสต์: 707
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 08:29
- Tel: 0894888XXX
- team: Y@H / BRC
- Bike: EV4
Re: Power2Max กับ Rotor INPower อันไหนดีครับ
ว่ากันตามตรง ตามที่ป๋าลูว่าครับ
สุดท้ายเราโดนการตลาดชักจูงกันไปมากอยู่ ความสมูทการควงบันไดเอย ความแม่นยำ2%เอย วัดสองข้างเอย และอื่นๆอีกมากมาย
เราสนใจพวกนี้กันจริงๆก็ตอนซื้อ แต่เอาเข้าจริงเราค่าพวกนี้ใช้ไปซักสองเดือนเราก็ไม่ได้สนใจมันกันแล้ว ผ่านไปซักปีเราจะลืมแล้วด้วยซ้ำว่า PM ของฉันมันแม่นยำกี่%??? ก่อนจะซื้ออยากให้ดูจริงๆมากกว่าที่เราสนใจมันคืออะไร ส่วนใหญ่ที่เป็นประเด็นเลยคือความเสถียร สองคือเรื่องแบตเตอรี่ สามเรื่องความทน ประกัน และการเคลม ซึ่งเรานี้ต่างหากที่ส่งผลต่อเราปุถุชนคนเดินดินที่ปั่นกันแบบไม่มีช่างส่วนตัวหรือสปอนเซอร์หนุนหลังต้องการ ยังไงอยากลองดูพวกนี้ด้วยครับ
"เอาที่สบายใจ" <<< จริง
ปล. inpower มาไม่นาน ราคาไม่แพง รอซักพักน่าจะมี long term review มาให้เห็นกันนะ ลองติดตามดูในบล๊อกของ DCrainmaker ดูนะ คิดว่าเดี๋ยวพี่แกก็จะหามารีวิวแบบอ่านกันให้ตาแฉะเร็วๆนี้แน่นอน
สุดท้ายเราโดนการตลาดชักจูงกันไปมากอยู่ ความสมูทการควงบันไดเอย ความแม่นยำ2%เอย วัดสองข้างเอย และอื่นๆอีกมากมาย
เราสนใจพวกนี้กันจริงๆก็ตอนซื้อ แต่เอาเข้าจริงเราค่าพวกนี้ใช้ไปซักสองเดือนเราก็ไม่ได้สนใจมันกันแล้ว ผ่านไปซักปีเราจะลืมแล้วด้วยซ้ำว่า PM ของฉันมันแม่นยำกี่%??? ก่อนจะซื้ออยากให้ดูจริงๆมากกว่าที่เราสนใจมันคืออะไร ส่วนใหญ่ที่เป็นประเด็นเลยคือความเสถียร สองคือเรื่องแบตเตอรี่ สามเรื่องความทน ประกัน และการเคลม ซึ่งเรานี้ต่างหากที่ส่งผลต่อเราปุถุชนคนเดินดินที่ปั่นกันแบบไม่มีช่างส่วนตัวหรือสปอนเซอร์หนุนหลังต้องการ ยังไงอยากลองดูพวกนี้ด้วยครับ
"เอาที่สบายใจ" <<< จริง
ปล. inpower มาไม่นาน ราคาไม่แพง รอซักพักน่าจะมี long term review มาให้เห็นกันนะ ลองติดตามดูในบล๊อกของ DCrainmaker ดูนะ คิดว่าเดี๋ยวพี่แกก็จะหามารีวิวแบบอ่านกันให้ตาแฉะเร็วๆนี้แน่นอน
Sketcher Shop
ขายปลีก ขายส่ง อุปกรณ์ศิลปะ เครื่องเขียนทุกประเภท จัดส่งทั่วไทย
Line ID : kitchai1965
Tel: 092-403-6476
facebook : sketcher shop
by Siam Sketch Supply Co,.Ltd
ขายปลีก ขายส่ง อุปกรณ์ศิลปะ เครื่องเขียนทุกประเภท จัดส่งทั่วไทย
Line ID : kitchai1965
Tel: 092-403-6476
facebook : sketcher shop
by Siam Sketch Supply Co,.Ltd
-
- สมาชิก
- โพสต์: 13
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2013, 07:35
- Bike: Canyon Aeroad CF SLX
- ติดต่อ:
Re: Power2Max กับ Rotor INPower อันไหนดีครับ
ชัดเจนครับ ขอบคุณมากครับ อ.ลู ^^lucifer เขียน:เรื่องความเสถียร ผมว่า ตอนนี้คงจะต้องใช้ความพยายาม ในการจะหาคนมาบอกว่า Rotor INPower เป็นยังไง เพราะว่ามันเพิ่งเข้ามาในตลาดไม่นาน จำนวนคนที่ใช้อาจจะยังไม่มากนัก แต่ถ้าเป็น Power2Max Type S นี่ ตัวผมใช้มานานพอสมควรแล้ว เท่าที่ใช้มา ก็ไม่เคยเอ๋อ ไม่เคยรวน เสถียรมากๆตัวหนึ่ง ที่สำคัญกินไฟน้อยกว่าที่คิด ตัวเก่า classic ใช้มาประมาณ 1ปีจึงเปลี่ยนถ่านjarjarbing เขียน:รบกวนสอบถามน้าๆ นิดนึงครับ
1. ความเสถียร สองตัวนี้ ตัวไหน เอ๋อ บ่อยกว่ากันครับผม
2. ลูกเล่นต่างๆ เพื่อประโยชน์การฝึกซ้อม
3. การแสดงค่าต่างๆ เช่น balance, smoothness, TE อันไหน แสดงผลได้ดีกว่ากันครับ หรือมีฟังก์ชั่นไหน ที่ตัวไหนทำไม่ได้บ้างหรือเปล่าครับ
ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
ส่วนลูกเล่นต่างๆในการฝึกนั้น ความเห็นส่วนตัวของผมนะ ผมว่าคงมีน้อยคนที่จะได้เอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดนะครับ เพราะปัจจัยเกี่ยวข้องมันเยอะ
ก่อนอื่น ต้องเข้าใจในหลักการนิดหนึ่งนะครับ ว่า
Power2Max นั้นวัด torque ที่เกิดขึ้นมาจากขาจานทั้งสองข้างมารวมกันที่ตัว crank
ส่วน INPower วัดtorqueที่เกิดขึ้นกับขาจานด้านซ้ายเพียงด้านเดียว แล้วอนุมานด้วยการคูณ2 ดังนั้น INPower จะวัดค่า Balance ไม่ได้ แต่พวกค่า Smoothness และ Torque effectiveness นั้นจะวัดจากขาจานเพียงข้างเดียว
ส่วน P2M typeS จะวัด power โดยการแบ่งคาบการหมุนออกเป็น 2 ฝั่ง คาบด้านขวาจะประกอบด้วยแรงถีบของด้านขวา+แรงดึงของด้านซ้าย และ คาบด้านซ้ายจะประกอบด้วยแรงถีบของด้านซ้าย+แรงดึงของด้านขวา ค่า balance ที่แสดงออกมาจึงอิงจากหลักการที่บอก ไม่ใช่มาจากแรงกระทำที่ขาขานด้านขวาทั้งหมด : ด้านซ้ายทั้งหมด
P2m typeS ไม่แสดงผลค่า smoothness และ TE
โดยหลักการแล้ว การแสดงผลที่ตัว Head Unit จะประกอบด้วยปัจจัย 2 อย่าง คือ
1. refresh rate ของ Head unit ซึ่งโดยมาตรฐานของทุกยีห้อจะบันทึกข้อมูลและrefresh ข้อมูลใหม่ให้ดูทุกๆ 1 วินาที ถ้าสังเกตให้ดีเราจะพบว่าตัวเลขทุกอย่างบนจอจะเปลี่ยนไปทุกๆ 1 วินาที และไม่ใช่การแสดงผลแบบต่อเนื่องเหมือนกับเข็มไมล์บนหน้าปัทม์รถยนต์ที่กวาดไปมา การวัดอะไรออกมาให้เราเห็น จึงเป็นเพียงการอนุมาณว่า ระหว่างวินาทีที่แล้วกับวินาทีนี้ ไม่ได้มีอะไรที่กระโดดขึ้นหรือกระโดดลง ซึ่งอาจจะไม่ใช่ค่าที่แท้จริง มันอาจจะเป็นค่าที่อาจจะเกิดขึ้นเฉพาะตรงจุดนั้นก็ได้ หรือ ค่าเฉลี่ย 1 วินาทีก็ได้ ส่วนจะแม่นยำแค่ไหนก็ยังขึ้นกับ algorithm ของ ตัวpower meter และ head unit อยู่ดี ว่าถูกออกแบบมายังไง
2. Sampling rate ของ power meter ตัว power meter เองก็ใช่ว่าจะปล่อยค่าที่วัดออกมาได้ตลอดเวลา แต่ก็จะปล่อยออกมาเป็นชุดๆตาม sampling rate ที่ถูกออกแบบไว้
การแสดงผลของpower meter ผ่าน head unit จะหน่วงทุกตัวครับ ขึ้นกับความเร็วในการประมวลผลของ CPU ของ Head unit เองว่าเร็วแค่ไหน และยังขึ้นกับอัตรา Sampling rate ของตัวPower meter เองมาถี่มากน้อยแค่ไหน ตามเอกสารอ้างอิงของPower Rotor ที่วัดแบบ 2 ขาพร้อมๆกัน บอกเลยว่า มีอัตรา Sampling rate ที่สูงมาก สิ่งที่เกิดติดตามมาก็คือ Head Unit จะใช้เวลาในการประมวลผลนานขึ้น กว่าจะแสดงผลออกมาก็เลยหน่วงจนหลายๆคนรู้สึกว่าแปลก โดยเฉพาะการแสดงรอบขาที่มักจะมาช้ากว่าความเป็นจริง
สิ่งที่ผมสรุปเช่นนี้ก็เพราะว่า ผมฝึกบนเทรนเนอร์บ่อยๆ โดยใช้โปรแกรม Trainerroad ซึ่งการประมวลผลจะใช้ CPU ของคอมพิวเตอร์ PC ซึ่งคงไม่ต้องเถียงกันมากว่า Core i7 มันทำงานเร็วกว่า CPU ของ Garmin EDGE810 แน่ๆ ผมพบเลยว่า ขนาดใช้ P2M type S ที่มี sampling rate ไม่ได้สูงมากมายแบบ Power Rotor ก็ยังพบว่าค่าpowerที่เห็นบน EDGE810 ยังแสดงตามหลังค่าที่เห็นบนจอคอมพ์
การใช้ค่า Smoothness และ TE มาประกอบการฝึก จะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับการจะดูกันแบบ real time เพราะข้อจำกัดของ refresh rate ของ Head unit แต่จะต้องดูกันผ่านโปรแกรมของ Rotor บนจอ PC ซึ่งบอกเลยว่า อยากใช้กล้องส่องทางไกลติดลูกตาเวลาที่ปั่นเทรนเนอร์จริงๆ Interface และ display มันไม่ค่อยโดนใจเท่าไหร่ครับ
โดยส่วนตัวนะครับ ถ้าต้องการฝึก Smoothness และ TE ต้องคบกับ Power meter ที่วัดจริงทั้ง 2 ข้าง เช่น Rotor Power ตัว top หรือ Garmin Vector
ถ้าต้องการฝึก Balance แบบ real time มีทางเลือก 2 ทาง คือ
1. ฝึกกับ Power meter ที่วัดจริงทั้ง 2 ข้าง เช่น ใช้ Rotor power ตัวทอป บนโปรแกรม Utility ของRotor เอง ซึ่งก็บอกแล้วว่า display มันไม่ค่อยโดนใจ ซึ่งค่า Balance ที่ได้จาก Rotor power ตัวทอปนี้ คือ torqueรวมของขาแต่ละข้าง torqueรวมที่เกิดจากทุกๆองศาของคาบการหมุนตาม sampling rate ของpower meter
2. ฝึกกับ โปรแกรม spin scan ซึ่งใช้ร่วมกับ RacerMate ที่ run กับเทรนเนอร์ Computrainer ซึ่งหลักการก็เหมือนกับการวัดtorqueของ P2M typeS เช่นกัน เพียงแต่มันทำงานร่วมกับ PC ไม่ต้องกังวลเรื่อง Sampling rate และ Refresh rate
โปรแกรม Spin Scan จะบอกเลยว่า Balance เป็นอย่างไร , ลักษณะการออกแรงโดยรวมของคาบขวา กับ คาบซ้าย แตกต่างกันอย่างไร ตำแหน่งPeak torque เกิดขึ้นที่ตำแหน่งไหนของคาบองศาการหมุนของขาจาน ( ตรงนี้ต้องวาง cadence sensor ให้ถูกตำแหน่งด้วย ไม่งั้นองศาเพี้ยน ) ซึ่งนั่นก็สามารถเอามาเซทตำแหน่งรู OCP ได้ด้วย ( การใช้โปรแกรม Utility ของ Rotor เอง ก็ยังสามารถเอามาใช้เป็นข้อมูลให้มันสรุปมาให้ได้ว่า จะเลือกใช้ รู OCPเบอร์ไหนถึงจะดีที่สุด ) นอกจากนี้ spin scan ยังบอกค่า %ของการออกแรงในแต่ละคาบองศา ซึ่งเอามาเทียบเป็น smoothness ได้อีกด้วย
หลังจากที่เสียเงินใช้ power meter มาพักหนึ่ง ผมมีความเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับลูกเล่นพวกนี้ดังนี้
1. Balance ไม่ใช่สาระมากนัก เพราะเคยเทียบ Balance จาก Head unit กับ spin scan ขณะปั่นจริง ด้วยข้อจำกัดของ Refresh rate ค่าbalanceในขณะนั้นๆบน Head unit อาจจะไม่ใช่ค่าที่แท้จริง ผิดกับค่าที่ได้จาก spin scan ที่มีparameterอื่นมาสนับสนุน แต่ค่าเฉลี่ยตลอดทริปของค่า Balance จะเป็นตัวบอกว่า คาบการปั่นขวา กับ ซ้ายแตกต่างกันอย่างไร แต่ถ้าเราไม่เข้าใจที่มาของ balance ที่ได้มาว่าวัดมาอย่างไร เราก็ไม่มีทางปรับการออกแรงของเราได้เช่นกัน
2. ค่า Smoothness กับ TE ในขณะปั่นจักรยานบนถนนจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะให้สาระและประโยชน์ แต่จะมีประโยชน์เมื่อฝึกปั่นอยู่บนเทรนเนอร์ และนั่งดูผ่านจอคอมพ์ เพราะ refresh rate ของ PC มันแทบจะ real time เห็นกันขณะนั้น ปรับวิธีการออกแรงก็จะเห็นค่าที่เปลี่ยนแปลงไปเลยทันที
3. สิ่งสำคัญที่สุดที่เป็นแก่นของ Power meter ก็คือ การหามาซึ่งค่า FTP และ CP5sec , 1min , 5min และ 20min เพราะมันเป็นตัวบอกถึงการพัฒนาในหลายๆจุดของเรา ส่วนใครจะวัด CP1sec , 3sec ก็แล้วแต่ความสบายใจ แต่ตราบใดที่วัดจาก Head unit ที่มีค่า refresh rate ทุกๆ 1 วินาที ค่าเหล่านี้ก็จะมี varient มากมาย ( เอาที่สบายใจก็แล้วกัน )
4. จาก FTP นำมาเข้าสู่โปรแกรมการฝึก ซึ่งหลักการไม่มีอะไรมากไปกว่า การฝึกที่ระดับความหนักใด จะฝึกอยู่นานแค่ไหน ไม่ควรหนักกว่านั้นเพราะอะไร ประเภทนั้นแหละ
5. สิ่งที่ผมใช้ทุกวันนี้ก็ คือ ความสัมพันธ์ระหว่าง power และ HR ซึ่งสามารถใช้เป็นตัวบอกถึงความก้าวหน้าในการฝึกได้ ในขณะที่ค่าต่างๆนั้น ผมเฉยๆมาก มีให้ใช้ก็ยินดีใช้ ไม่มีให้ใช้ก็เฉยๆ
คราวนี้มาถึงคำถามสุดท้าย ก็คือ การจะให้ออกความเห็นแบบฟันธงว่า ควรจะซื้ออะไรดี ระหว่าง P2M กับ INPower
คำตอบของผมคือ "เอาที่สบายใจ"
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 882
- ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ย. 2010, 21:00
- ติดต่อ:
Re: Power2Max กับ Rotor INPower อันไหนดีครับ
ขอเพิ่มเติม ROTOR inpower/LT/LT-R นั้นมี strain guage แค่เฉพาะด้านถ้ากดอีกด้าน power จะไม่ขึ้น
ROTOR inpower วัดวัตต์ด้านซ้าย รุ่นใหม่ แบต AA เคลมไว้ 300ชม จริงๆแล้วไม่ถึงเพียงแค่รถขยับนิดขยับหน่อย ตัวขาก็ทำงานแล้วทั้งๆไม่ได้เปิด Garmin ไว้ก็ตาม ตั้งแต่ใช้มาผมใช้เวลาเดินทางไปกลับด้วยรถอาทิตย์ละ 6 ชม + ปั่นอาทิตย์ละ 12 ชม + ขนย้ายนิดๆหน่อยๆ 2 ชม/เดือน ผมสังเวยแบตไปแล้วเดือนละก้อน เปลืองมาก
ROTOR LT วัดวัตต์ด้านซ้าย แบตจำรุ่นไม่ได้ แต่เป็นแบตกระดุมแบบหน้า อายุประมาณ 6 เดือน สบายๆ
ROTOR LTR วัดวัตต์ด้านขวา แบตจำรุ่นไม่ได้ แต่เป็นแบตกระดุมแบบหน้า อายุประมาณ 6 เดือน สบายๆ
ทั้ง 3 รุ่นที่กล่าวมาปัญหาที่พบแทบไม่มี การเชื่อมต่อเป็น auto ทุกครั้ง มันจะขึ้น sensor found เสมอไม่เคยหาไม่เจอ
ข้อเสียคือรุ่นเดียวคือ Inpower ที่แบตหมดเร็วไปหน่อยแต่ก็หาเปลี่ยนได้ง่ายเช่นกัน
ROTOR inpower วัดวัตต์ด้านซ้าย รุ่นใหม่ แบต AA เคลมไว้ 300ชม จริงๆแล้วไม่ถึงเพียงแค่รถขยับนิดขยับหน่อย ตัวขาก็ทำงานแล้วทั้งๆไม่ได้เปิด Garmin ไว้ก็ตาม ตั้งแต่ใช้มาผมใช้เวลาเดินทางไปกลับด้วยรถอาทิตย์ละ 6 ชม + ปั่นอาทิตย์ละ 12 ชม + ขนย้ายนิดๆหน่อยๆ 2 ชม/เดือน ผมสังเวยแบตไปแล้วเดือนละก้อน เปลืองมาก
ROTOR LT วัดวัตต์ด้านซ้าย แบตจำรุ่นไม่ได้ แต่เป็นแบตกระดุมแบบหน้า อายุประมาณ 6 เดือน สบายๆ
ROTOR LTR วัดวัตต์ด้านขวา แบตจำรุ่นไม่ได้ แต่เป็นแบตกระดุมแบบหน้า อายุประมาณ 6 เดือน สบายๆ
ทั้ง 3 รุ่นที่กล่าวมาปัญหาที่พบแทบไม่มี การเชื่อมต่อเป็น auto ทุกครั้ง มันจะขึ้น sensor found เสมอไม่เคยหาไม่เจอ
ข้อเสียคือรุ่นเดียวคือ Inpower ที่แบตหมดเร็วไปหน่อยแต่ก็หาเปลี่ยนได้ง่ายเช่นกัน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รับประกอบจักรยาน 24ชม. 0850222217
สนใจคลิก https://www.facebook.com/pages/TM-Bike- ... k=timeline
รับประกอบจักรยาน 24ชม. 0850222217
สนใจคลิก https://www.facebook.com/pages/TM-Bike- ... k=timeline
- DayWalker
- ขาประจำ
- โพสต์: 960
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ส.ค. 2012, 09:53
- team: Tiger Hack & Speed Limit AV 25
- Bike: Pinarello Dogma 65.1 Think 2 & Colnago Master X-Light Rabobank team & De Rosa MERAK
Re: Power2Max กับ Rotor INPower อันไหนดีครับ
ตามที่คุณหมอลูบอกไว้
เอาที่สบายใจ
ผมก็ใช้หลักการที่เคยใช้สมัยที่เล่นกล้องอยู่ คือ ซื้อของที่ดีที่สุดท๊อปที่สุดเท่าที่เราซื้อได้ในขณะนั้น ใช้ได้ครบไม่ครบไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
เลยจัด Rotor Power มาแล้วก็ไม่ได้ใช้ feature ของมันอย่างจริงๆจังๆเลย ซ้อมก็ไม่ค่อยได้ซ้อม
แต่จัดมาให้มันหายคาใจ ไม่งั้นก็จะคอยบอกแต่ รู้งี้เอาตัวนั้นมา รู้งี้เอาแบบนี้มา ดีกว่าอยู่นั่นแหละ
เอาที่สบายใจ
ผมก็ใช้หลักการที่เคยใช้สมัยที่เล่นกล้องอยู่ คือ ซื้อของที่ดีที่สุดท๊อปที่สุดเท่าที่เราซื้อได้ในขณะนั้น ใช้ได้ครบไม่ครบไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
เลยจัด Rotor Power มาแล้วก็ไม่ได้ใช้ feature ของมันอย่างจริงๆจังๆเลย ซ้อมก็ไม่ค่อยได้ซ้อม
แต่จัดมาให้มันหายคาใจ ไม่งั้นก็จะคอยบอกแต่ รู้งี้เอาตัวนั้นมา รู้งี้เอาแบบนี้มา ดีกว่าอยู่นั่นแหละ
- lucifer
- ขาประจำ
- โพสต์: 6413
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
- team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
- Bike: Only 2-wheels bike
- ติดต่อ:
Re: Power2Max กับ Rotor INPower อันไหนดีครับ
เสริมให้นิดหนึ่งครับtumtabang เขียน:ขอเพิ่มเติม ROTOR inpower/LT/LT-R นั้นมี strain guage แค่เฉพาะด้านถ้ากดอีกด้าน power จะไม่ขึ้น
ROTOR inpower วัดวัตต์ด้านซ้าย รุ่นใหม่ แบต AA เคลมไว้ 300ชม จริงๆแล้วไม่ถึงเพียงแค่รถขยับนิดขยับหน่อย ตัวขาก็ทำงานแล้วทั้งๆไม่ได้เปิด Garmin ไว้ก็ตาม ตั้งแต่ใช้มาผมใช้เวลาเดินทางไปกลับด้วยรถอาทิตย์ละ 6 ชม + ปั่นอาทิตย์ละ 12 ชม + ขนย้ายนิดๆหน่อยๆ 2 ชม/เดือน ผมสังเวยแบตไปแล้วเดือนละก้อน เปลืองมาก
ROTOR LT วัดวัตต์ด้านซ้าย แบตจำรุ่นไม่ได้ แต่เป็นแบตกระดุมแบบหน้า อายุประมาณ 6 เดือน สบายๆ
ROTOR LTR วัดวัตต์ด้านขวา แบตจำรุ่นไม่ได้ แต่เป็นแบตกระดุมแบบหน้า อายุประมาณ 6 เดือน สบายๆ
ทั้ง 3 รุ่นที่กล่าวมาปัญหาที่พบแทบไม่มี การเชื่อมต่อเป็น auto ทุกครั้ง มันจะขึ้น sensor found เสมอไม่เคยหาไม่เจอ
ข้อเสียคือรุ่นเดียวคือ Inpower ที่แบตหมดเร็วไปหน่อยแต่ก็หาเปลี่ยนได้ง่ายเช่นกัน
Rotor LT กับ LTR และ Rotor Power ใช้แบต CR2477 ซึ่งเป็นแบตกระดุมที่มีความจุสูงมาก
ปัญหาเล็กๆ Rotor powermeter มีความไวที่จะ"ตื่น"จากภาวะหลับได้เร็วมากครับ แค่ขยับขาจานนิดเดียว ( ขยับนะครับ ไม่ใช่หมุน ) มันก็ตื่นแล้ว ปัญหาที่ตามมาก็คือ มันตื่นง่ายเกินไป ก็เลยทำให้เปลืองไฟโดยปล่าวประโยชน์ แล้วก็หลับช้าเกินไปอีกต่างหาก
ประสพการณ์นี้เจอเต็มๆกับ Rotor Power ที่วัด 2 ขา แบบว่าแบตถูกใส่ไว้ในขาทั้ง2ข้างมาเลย เพื่อนเอามาใช้ปรากฏว่าประกอบเสร็จ Pairไม่ได้ หาสาเหตุกันอยู่นาน สุดท้ายก็เอามิเตอร์วัดไฟมาวัด อ้าว ถ่านอ่อนทั้ง 2 ด้าน ซึ่งก็คล้ายๆกันกับ PowerTap ซึ่งไม่รู้เป็นไง ชอบยัด CR-2032 เอาไว้ในดุมมาจากโรงงาน แทนที่จะแยกมันออกมาเหมือนกับที่หลายๆเจ้าเขาทำกัน เพราะพอมาถึงมือทีไร ประกอบเข้ารถ ใช้แป๊บเดียวมันก็ร้อง"Low Batt"ขึ้นมาบนหน้าจอ ต้องหาถ่านใหม่มารอไว้ทุกที ( ก็แน่นอนแหละ เพราะมันตื่นง่ายเกินไป แค่แรงเขย่าจากการขนส่ง หรือ ใส่รถไปปั่น มันก็อาจจะถูกปลุกให้ตื่นตลอดทางได้ง่าย ขอแค่สะเทือนได้มากพอ ก็ปลุกได้ ผิดกับ P2M นั่นต้องหมุนขาจานให้ Cadence sensor ภายในของมันทำงาน มันจึงจะตื่น )
สุดท้ายตัว Rotor Power จึงต้องออก firmware 0.9 ออกมาแก้ปัญหาเรื่อง"ตื่นไว" ให้กลายเป็นว่าต้องแรงกดที่บันไดอย่างน้อย 1.5 กก. จึงจะปลุกให้มันตื่นได้ ผลจากการออกfirmwareใหม่นี้ ทำให้เพื่อนผมคนหนึ่งโทรมาถามว่า ทำไมใส่เข้าไปในจักรยานแล้วถึงไม่สามารถpair ได้ หมุนบันไดไปตั้งหลายรอบ ก็ยังไม่เจอ สุดท้ายผมจึงบอกว่า ใส่บันไดลงไป แล้วกดเบรค แล้วเหยียบบันไดสิ มันก็จะตื่นขึ้นมา เรื่องจึงจบลง ซึ่งสิ่งที่พบก็เหมือนกับว่ามันจะหลับเร็วขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งมันคงจะไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด เพราะยี่ห้อนี้เขาไม่เน้นว่าต้องมาทำ Zero calibrate กันบ่อยๆ แบบว่าทำครั้งเดียวพอแล้ว ปลุกให้ตื่นก็ใช้งานได้เลย
เรื่อง INPower ถ่านหมดไวจากกรณีปลุกตื่นง่ายไปหน่อย ก็คงจะต้องรอ firmware ใหม่ออกมา (จริงๆประสพการณ์เดิมจาก Rotor Power น่าจะนำมาใช้ปรับปรุงปัญหานะ )
ส่วนเรื่องที่บอกว่า 300Hr นั้น แล้วใช้จริงไม่ถึง ก็คงจะมีประเด็นแยกย่อยกันอีก อาทิเช่น ใช้งานมากน้อยแค่ไหนตามจริง ( ผู้ผลิตจะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป ) และที่สำคัญคือ แบตเตอรี่ AA มี varient มากทีเดียว ลำพัง ถ่าน Alkaline เองก็ยังมีหลายยี่ห้อ ความจุแต่ละยี่ห้ออาจจะใกล้เคียงกันก็จริง แต่ก็ยังมีเรื่องของคุณภาพการผลิตที่อาจจะทำให้ถ่านหมดช้าเร็วต่างกัน ข้อดีคือ ซื้อง่ายและราคาประหยัดกว่า CR-2477 ที่สามารถหาซื้อมาได้โดยผู้นำเข้าอิสระในราคาเพียงก้อนละ 100 บาทก็ตาม และเมื่อมองกันในเรื่องใช้กันจนหมด ( ไม่นับค่าแรงงงานในการเปลี่ยน , และค่าจัดหา ) ผมว่า AA ถึงจะหมดเร็ว แต่รวมๆกันแล้วน่าจะเสียค่าถ่านโดยรวมต่ำกว่าเช่นกัน
แถมให้ PowerTap เองบอกว่าใช้งานได้ประมาณ300-350 ชม. ผมเองก็ไม่เคยใช้ได้ถึงเหมือนกัน แล้วยิ่งถ่าน CR-2032 นี่ ยิ่งมี varient มากกว่าถ่าน AA alkaline เสียอีก เพราะบางยี่ห้อหมดเร็วมาก ขนาดไปได้ยี่ห้อที่พบแล้วว่าใช้ได้นานที่สุดมา ก็ยังต้องมีถ่านสำรองติดตัวไปด้วยเสมอๆ 1คืนก่อนออกทริปยาวต้องมาปลุกให้มันตื่นแล้วเช็คสถานะแบตเตอรี่ดู เคยเจอถ่านหมดในเช้าวันออกทริปยาว ต้องเปลี่ยนถ่านกันแบบฉุกละหุก ก็ยังเคย
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน
- ภูน้ำฟ้า
- ขาประจำ
- โพสต์: 153
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 เม.ย. 2015, 10:59
Re: Power2Max กับ Rotor INPower อันไหนดีครับ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ เผื่อมีโอกาสอยากฝึกปั่นแบบจริงๆ จังๆ มั่งครับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 228
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2014, 12:52
- Bike: CROSSWAY XT
Re: Power2Max กับ Rotor INPower อันไหนดีครับ
พึ่งบอกไปไม่นานว่าโชคดีที่ไม่ได้ใช้ แต่ตอนนี้กลายเป็นโชคร้ายซะแล้ว เพราะโดน inpower มาแล้ว คงต้องศึกษากันต่อไป
แก้ไขล่าสุดโดย noiutd เมื่อ 01 พ.ย. 2015, 12:37, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
- StoneRoses
- ขาประจำ
- โพสต์: 3149
- ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2009, 16:12
- Bike: Pinarello Dogma F8, Trek Speed Concept 9.9
Re: Power2Max กับ Rotor INPower อันไหนดีครับ
จากประสบการณ์การใช้มา 2 อย่าง คือ Powertap G3 กะตัวล่าสุด inpower
Powertap ผมใช้ไปประมาณปีนึง โดยไม่มีปัญหาไร ช่วงหลังๆ มีปัญหาแบ็ตไหล หมดเร็วจนน่าโมโห คือมันคงพังอะไรสักอย่างแหละ แต่เปลี่ยนแบ็ตก็ใช้ได้ (ผมอัพ fw ล่าสุดเสมอ)
Inpower ผมใช้ถ่านชาร์จ Eneloop Pro 2450mAh (เพราะคิดเอาเองว่าถ่านชาร์จมันไม่มีปัญหาแบ็ตรั่วเหมือนถ่าน AA ทั่วไป) ผมว่ามันก็โอเคนะ ไม่หมดเร็วอะไร
Inpower มีข้อดีสุดๆ สำหรับคนใช้จาน Q-Rings คือมันวัดค่า OCP ให้เราได้ (ต้องใช้คอมพ์และ Ant+ Stick) สุดท้ายผมใช้ 4.5 รู้สึกว่าดีกว่าตอนก่อนที่ตั้งไว้เบอร์ 3
เสริมความรู้
Power Meter ไม่ว่าจะ sample rate เท่าไหร่ในการวัด strain gauge ในโหมดปกติ เวลาส่งข้อมูลไป head unit มันส่งค่าเฉลี่ยวัตต์ 1 วินาที เป็นมาตรฐาน ดังนั้น head unit ไม่ว่าจะเป็นคอมพ์ หรือ garmin มันก็ได้ข้อมูลไปคำนวณเหมือนกัน การ delay น่าจะเป็นที่ power meter มากกว่า head เพราะผมสังเกตุว่า Inpower delay มากกว่า powertap นิดหน่อย
Power Meter บางรุ่นมีโหมดพิเศษ สำหรับเชื่อมต่อกับ app มันเอง พวกที่ดูข้อมูลการหมุนแบบ realtime เช่น inpower ตอนเชื่อมต่อกับ App มันเปลี่ยนเป็น fastmode ค่าวัตต์ใน garmin จะไม่ขึ้น
Powertap ผมใช้ไปประมาณปีนึง โดยไม่มีปัญหาไร ช่วงหลังๆ มีปัญหาแบ็ตไหล หมดเร็วจนน่าโมโห คือมันคงพังอะไรสักอย่างแหละ แต่เปลี่ยนแบ็ตก็ใช้ได้ (ผมอัพ fw ล่าสุดเสมอ)
Inpower ผมใช้ถ่านชาร์จ Eneloop Pro 2450mAh (เพราะคิดเอาเองว่าถ่านชาร์จมันไม่มีปัญหาแบ็ตรั่วเหมือนถ่าน AA ทั่วไป) ผมว่ามันก็โอเคนะ ไม่หมดเร็วอะไร
Inpower มีข้อดีสุดๆ สำหรับคนใช้จาน Q-Rings คือมันวัดค่า OCP ให้เราได้ (ต้องใช้คอมพ์และ Ant+ Stick) สุดท้ายผมใช้ 4.5 รู้สึกว่าดีกว่าตอนก่อนที่ตั้งไว้เบอร์ 3
เสริมความรู้
Power Meter ไม่ว่าจะ sample rate เท่าไหร่ในการวัด strain gauge ในโหมดปกติ เวลาส่งข้อมูลไป head unit มันส่งค่าเฉลี่ยวัตต์ 1 วินาที เป็นมาตรฐาน ดังนั้น head unit ไม่ว่าจะเป็นคอมพ์ หรือ garmin มันก็ได้ข้อมูลไปคำนวณเหมือนกัน การ delay น่าจะเป็นที่ power meter มากกว่า head เพราะผมสังเกตุว่า Inpower delay มากกว่า powertap นิดหน่อย
Power Meter บางรุ่นมีโหมดพิเศษ สำหรับเชื่อมต่อกับ app มันเอง พวกที่ดูข้อมูลการหมุนแบบ realtime เช่น inpower ตอนเชื่อมต่อกับ App มันเปลี่ยนเป็น fastmode ค่าวัตต์ใน garmin จะไม่ขึ้น
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 427
- ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2013, 08:49
- Tel: 0898554137
- team: Dr.bike club/ Fang nopburi
- Bike: Schwinn/ specialized M2/ LOOK 675
- ตำแหน่ง: ฝาง เชียงใหม่
- ติดต่อ:
Re: Power2Max กับ Rotor INPower อันไหนดีครับ
ฟังน้าๆ คุยกัน ทำท่าจะ เอาที่สบายใจ. แต่ไม่ค่อยสบายกระเป๋า แล้วละครับ ชักคัน
มนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อยอมแพ้ มนุษย์อาจถูกทำลายได้ แต่ไม่ยอมแพ้
เออร์เนส แฮมมิ่งเวย์
เออร์เนส แฮมมิ่งเวย์