แลเขาดูเรา : ระบบการจัดการการแข่งจักรยานเมืองฝรั่ง รากฐานการพัฒนาจากรากสู่จุดสูงสุดแห่งความสำเร็จ
ผู้ดูแล: Cycling B®y, spinbike, velocity
- T39
- ขาประจำ
- โพสต์: 498
- ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ย. 2008, 20:18
- Tel: 0817676XXX
- team: แสงดาวแห่งศรัทธา
- Bike: Gary Fisher ,TREK,Specialized S-Work M5 2010,Mustang by Ford
Re: แลเขาดูเรา : ระบบการจัดการการแข่งจักรยานเมืองฝรั่ง รากฐานการพัฒนาจากรากสู่จุดสูงสุดแห่งความสำเร็จ
สุดยอดครับ
ขอบคุณกระทู้นี้...ได้แง่คิดที่ดีมาก ผมว่ามันถึงจุดเปลี่ยนได้แล้ว
ขอบคุณกระทู้นี้...ได้แง่คิดที่ดีมาก ผมว่ามันถึงจุดเปลี่ยนได้แล้ว
"ไปถีบรถกันดีกว่า"
anybody who rides a bike is a friend of mine...Gary Fisher
anybody who rides a bike is a friend of mine...Gary Fisher
- kritsang
- ขาประจำ
- โพสต์: 166
- ลงทะเบียนเมื่อ: 17 เม.ย. 2013, 19:10
- Tel: 08144792ห้าห้า
- team: เดี่ยว
- Bike: Schwinn
Re: แลเขาดูเรา : ระบบการจัดการการแข่งจักรยานเมืองฝรั่ง รากฐานการพัฒนาจากรากสู่จุดสูงสุดแห่งความสำเร็จ
ดูคลิป cat5 แล้วมันไม่ใช่ปั่นชิวๆ แบบที่คิดไว้ตอนแรกเลยครับ
- นคร บริการ
- ขาประจำ
- โพสต์: 122
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2013, 08:47
- Tel: 093-8969419
- team: bowin
- Bike: มีอยู่ 2-3คัน
Re: แลเขาดูเรา : ระบบการจัดการการแข่งจักรยานเมืองฝรั่ง รากฐานการพัฒนาจากรากสู่จุดสูงสุดแห่งความสำเร็จ
ถ้าเรามองถึงบางประเทศ ที่มีการพัฒนาด้านจักรยานแล้วมาเปรียบเทียบกับเรา มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก มันไกลตัว เราควรจะเริ่มในแบบของเราเอาแบบอย่างเขามาปรับปรุงให้สอดคร้องกับบ้านเรา น่าจะดีกว่า ค่อยๆก้าวแต่ต้องเริ่มมีแผนงาน อย่าทำด้วยใจ เพราะวันไหนหมดใจก็จบกัน การดำเนินงาน มันมีค่าใช้จ่าย สารพัด คนเราต้องใช้เงิน ต้องกินต้องใช้ ให้มันเป็นธุระกิจ แต่ต้องมีมาตรฐานต้องมีการควบคุม เราต้องมองโลกของความเป็นจริง เราพร้อมกันจริงหรือแน่ใจที่จะไปถึงจุดนั้นแบบอย่างของเรา แต่ถ้าให้มองย้อนกลับไป ไอ้งานใจเกินร้อย มันก็สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนเริ่มปั่นได้ไม่น้อย ผมว่ามันเป็นจุดเริ่มน่ะ และทุกวันนี้งานแข่งต่างๆ เขาก็พัฒนาขึ้นพอสมควร แต่ผมเชื่อสักวันมาตรฐานงานแข่งบ้านเรามันจะสูงขึ้นเรื่อยๆ งานแข่งชิงแชมป์ประเทศไทยก็มีน่ะครับผมเห็นคนแข่งน้อยมาก น่าจะยังมีพื้นที่ให้กับเราๆอีกมากเลย ไปแข่งซิครับ ก็งานของสมาคมเรายังไม่เห็นไปกันเลยไปเยอะๆซิครับ มาตรฐานมันจะได้สูงขึ้น...พัฒนาขึ้นเราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลง เรามานั่งพูดกันอาจไม่เกิดปรโยชน์ ใครไปแข่งก็ออกใบ certificate ให้ ทางสมาคมได้รับรองมาในระดับนึงก็จะเป็นการต่อยอดสู่การพัฒนา ผมว่ามันเจ๋งดีน่ะครับ
LIFE IS BEAUTIFUL
- Kan-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1608
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ก.ค. 2010, 16:51
- team: แสงเพชร
- Bike: TREK 2.5 TREK 8500 TREK 8900 Specialized SL3 tamrac S-Work กำลังหา TREK 6.9 SSL
Re: แลเขาดูเรา : ระบบการจัดการการแข่งจักรยานเมืองฝรั่ง รากฐานการพัฒนาจากรากสู่จุดสูงสุดแห่งความสำเร็จ
งานของสมาคมจัดผมว่าจัดกระจุกตัวมากเกินไปครับ ผมว่าควรจะจัดให้กระจายทุกภาคของประเทศ ไม่ใช่คนที่อยู่ใต้สุดของประเทศต้องเสียค่าเดินทางไปแข่งทางเหนือสุดของประเทศยังนี้ก็ไม่ใหวครับปีหนึ่งมี 5-6 สนามก็อยู่โซนเดียวกันหมดแค่คิดจะส่งเด็กไปแข่ง คิดถึงค่าเดินทางแต่ละครั้งก็จบแล้วครับ...นคร บริการ เขียน:ถ้าเรามองถึงบางประเทศ ที่มีการพัฒนาด้านจักรยานแล้วมาเปรียบเทียบกับเรา มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก มันไกลตัว เราควรจะเริ่มในแบบของเราเอาแบบอย่างเขามาปรับปรุงให้สอดคร้องกับบ้านเรา น่าจะดีกว่า ค่อยๆก้าวแต่ต้องเริ่มมีแผนงาน อย่าทำด้วยใจ เพราะวันไหนหมดใจก็จบกัน การดำเนินงาน มันมีค่าใช้จ่าย สารพัด คนเราต้องใช้เงิน ต้องกินต้องใช้ ให้มันเป็นธุระกิจ แต่ต้องมีมาตรฐานต้องมีการควบคุม เราต้องมองโลกของความเป็นจริง เราพร้อมกันจริงหรือแน่ใจที่จะไปถึงจุดนั้นแบบอย่างของเรา แต่ถ้าให้มองย้อนกลับไป ไอ้งานใจเกินร้อย มันก็สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนเริ่มปั่นได้ไม่น้อย ผมว่ามันเป็นจุดเริ่มน่ะ และทุกวันนี้งานแข่งต่างๆ เขาก็พัฒนาขึ้นพอสมควร แต่ผมเชื่อสักวันมาตรฐานงานแข่งบ้านเรามันจะสูงขึ้นเรื่อยๆ งานแข่งชิงแชมป์ประเทศไทยก็มีน่ะครับผมเห็นคนแข่งน้อยมาก น่าจะยังมีพื้นที่ให้กับเราๆอีกมากเลย ไปแข่งซิครับ ก็งานของสมาคมเรายังไม่เห็นไปกันเลยไปเยอะๆซิครับ มาตรฐานมันจะได้สูงขึ้น...พัฒนาขึ้นเราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลง เรามานั่งพูดกันอาจไม่เกิดปรโยชน์ ใครไปแข่งก็ออกใบ certificate ให้ ทางสมาคมได้รับรองมาในระดับนึงก็จะเป็นการต่อยอดสู่การพัฒนา ผมว่ามันเจ๋งดีน่ะครับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 3092
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 15:14
- Tel: 0865040751
- team: Team Bike And Body Cycoling
- Bike: Kemo KE-R5, Giant Propel Advance SL, Specialized Alez E5 Revolution
- ตำแหน่ง: ซอยอารีย์ พหลโยธิน กทม.
- ติดต่อ:
Re: แลเขาดูเรา : ระบบการจัดการการแข่งจักรยานเมืองฝรั่ง รากฐานการพัฒนาจากรากสู่จุดสูงสุดแห่งความสำเร็จ
เป็นความเห็นที่ดีครับแต่มีจุดอ่อน ลองฟังนะครับว่าทำไมผมถึงทำบทความนี้
ไปดูคลิปที่่มีคนมาแปะ "cat 5 ไม่ได้ขี่ชิวๆเลย" เพราะอะไร?
ลองอ่านบทความดีๆ *ทุก cat ออกแบบให้เหมาะกับการพัฒนา และศักยภาพของคนแข่งแ่ละระดับ* นี่คือกุญแจสำคัญครับ
cat5 ในคลิปที่นำมา ระยะเวลาแข่งจริงๆราวๆ 30-40 นาทีเท่านั้น *มันคือระยะที่คนซ้อมสัปดาห์ละ 2-3 ชม. ก็แข่งได้และออกแรงได้เต็มที่จริงๆครับ การเอาคนที่มีเวลาซื้อแค่นั้น ไปตะบันแข่งใจเกินร้อยระยะ 60-70 กม. แล้วขี่กัน 2 ชม. ลุ้นเอาถ้วยจบ แบบนั้นไม่ใช่ RACE ครับ มันแค่กิจกรรมท้าทาย ซึ่งเป็นคนละประเภทกับสิ่งที่เอามาคุยกันครับ ไครทีเรีย่มที่ยก กระชากกันทุกเลี้ยว หรือแมสสตาร์ทที่กระชากเล่น หนีกัน ลาก ไล่ เชื่อม ของพวกนี้จะทำได้ร่างกายต้องมีความแข็งแรงพอดีกับระยะนั้นๆ
บ้านเรามีมั้ยครับ? ใจเกินร้อยผมก็แข่ง พาเพื่อนพาทีมไปแข่งกันเพราะอะไร? เพราะมันไม่มีงานที่ตอบโจทย์กว่านี้ครับ แต่ครึ่งหนึ่งของการแข่งคือคนที่ต้องการขี่เพื่อ"วัดใจ" มันคนละอย่างครับ มีเพียงครึ่งเดียว(หรือแค่ 20-30 คน) ที่เล่นเกมส์ กระชาก ลาก ไล่กันแบบกีฬาจักรยาน และอีกหลายคนที่ลองเล่นแล้วหมดจนกรอบไปก่อนถึงเส้นชัยเพราะระยะเวลาแข่ง 1.30-2 ชม. ไม่ใช่ว่าขี่แค่สัปดาห์ละ 2-3 ชม. จะมาแข่งแล้วพัฒนาตามได้ครับ เกาะๆหมกๆไปน่ะได้ แล้วได้อะไรครับ?
มาตรฐานการแข่งที่บอกว่าดีขึ้น คืออะไร? ของแจกมากขึ้น มราร์แชลเก่งขึ้น อาหารดี เสื้อสวย ถ้วยเพียบ หรือว่า "การตอบโจทย์เชิงวิทยาศาสตร์การกีฬา"
งานสมาคม ผมกล้าบอกเลย ถ้าขีสัปดาห์ละ 4-5 ชม. อย่าไปแข่งครับเสียเวลาขับรถไป ต่อให้รุ่นอายุก็เหอะ เพื่อนผมบ้านอยู่อีสาน เมื่อก่อนงานแข่งไม่มากมันต้องไปลงงานสมาคม แล้วไงครับ มันไม่มีเวลาซ้อม เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย งานเยอะ สอน วิจัย แต่ใจรัก ลงบ่อยมากๆ หลุดทุกสนาม ไม่จบตลอดแต่ก็ลง เค้าผิดรึเปล่าที่ขาไม่ถึง? ต้องถามกลับว่าคนจัดแข่ง มองถึงการพัฒนากลุ่มนี้มั้ย?
ลองคิดดีๆครับ ถ้าระบบแบบนี้มัน work ดีไปนานแล้วคุณ ..... เค้าไม่ไปแข่งเพราะเค้าแข่งไม่ได้ครับ อายุ 27 ทำงานออฟฟิศ ปั่นเป็นกีฬาสนุกๆ ไปลงรุ่นอะไรครับ? ทั่วไป เจอ ทอ. เจอ สตช. แบบนั้นหรอครับ?? แล้วเรียกร้องให้คนไปแข่งมากๆ คนที่มีเวลาขี่สัปดาห์ละ 12-15 ชม. ขึ้นไป มีกี่คนครับ?ลองคิดดูดีๆ มันคือการสร้างแรงบันดาลใจ หรือการทำร้ายให้เลิกสนุกกับกีฬาจักรยานกันแน่
ใจเกินร้อย เป็นก้าวแรกที่ดีครับผมเห็นด้วย แต่ไม่ใช่ว่าดีท้งหมด ลองมองจุดดีของระบบที่ยกเอามาเป็นตัวอย่างดูครับ แม้แต่ญี่ปุ่นที่ไม่มีระบบคลาส(แบ่งระดับ) แต่การแข่งรายการบุคคลทั่วไป ระยะทางและความยากก็ไม่ได้โหดมาก ที่สำคัญมีการแบ่งระดับเส้นทางในแต่ละรุ่นครับ มีตั้งแต่ 40 ไปจน 160 กม. ในรายการเดียว เพื่อให้แต่ละรุ่นได้มีโอกาสพัฒนาไต่ระดับ
จุดเด่นของระบบที่นำมาคือการ"วางากฐาน"และไต่ระดับ ซึ่งไม่เพียงส่งผลต่อการพัฒนากีฬาจักรยาน แต่มันช่วยกระตุ้นให้กระแสกีฬาจักรยานที่เริ่มมาจนเข้าสู่ช่วงที่คนเชื่อว่าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ยังคง"มีชีวิต"ต่อไป ถ้าหวังกับงานสมาคมฯ รอช้อนของมือสองได้เลยครับ อีกไม่นานคนเลิกขี่เพียบ
ลองถามตัวเองดีๆครับว่ามองข้ามประเด็นเหล่านี้ไป เพราะคิดในมุมมองของคนที่แข่งระดับสูงมาแล้ว ผ่านถ้วย ผ่านเวทีแข่งมาแล้วเยอะ หรือเปล่า?
ปัญหามันมีอยู๋แล้วครับ ....ผมในฐานะคนเขียนบทความนี้ เพียงอยากเสนอมุมมองใหม่ และจุดด้อยที่เรามองขาดข้ามมันไปอย่างไม่รู็ตัว เพื่อให้เกิดสิ่งที่สร้างสรรค์แก้ปัญหาครับ ไม่ใช่เพื่อให้ดำเนินตามเขา บอกไว้ชัดเจน
ตอนนี้ถ้าสังเกตุดีๆ งานจัดต่างๆถ้าเริ่มแรงมากๆ คนก็จะน้อยลง งานไหนง่ายหน่อยคนก็ล้นหลาม มันบ่งชี้ชัดเจน ส่วนงานดังๆ จัดระยะทางไกลๆ หรือความเร็วสูงๆ คนไปกันเพียบ แต่มีแค่ส่วนหนึ่งที่ขี่และแข่งอย่างมีคุณภาพ อีกส่วน(ใหญ่) จบแบบไม่มีความเป็นเกมส์กีฬาจักรยาน ...... บางคนแข่งมาเพียบ ลุ้นติดโพเดี้ยมมาแล้วก็หลายรายการ เชื่อมั้ยครับว่าดูแข่งจักรยานเมืองนอกไม่รู็เรื่องซักนิด เพราะอะไร? เพราะเค้าไม่มีความเข้าใจระบบเกมส์กีฬานี้จริง ที่ทำได้เพราะมีเวลาขี่เยอะ ร่างกายแข็งแรง มีกี่คน กี่ทีม ที่เป็นทีมสมัครเล่นท่ซ้อมบนรากฐานของคนทำงานทำมาหากินได้จริง สัปดาห์ละ 12 ชม. (นี่คือระยะเวลาที่เค้าวิจัยในเมืองนอกว่า 12-15 ชม. คือพื้นฐานสำคัญของสมัครเล่นและเป็นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในคนทำงานปกติ ลองบวกลบคุณหารดีๆ มันแทบไม่เหลือเวลาทำอะไร งานการ ครอบครัว แล้วนะครับ) อย่ายกตัวอย่างว่าคนนั้น โปรคนนี้(โปรไทย) ทำได้ .... ลองดูดีๆว่า"โปร" แต่ละคนที่ดังๆของไทย ทำอะไรและปั่นแค่ไหน
ที่สำคัญ ผมอธิบายวิเคราะห์ชัดเจนครับ เราไม่ได้มาสร้างนักปั่นเท่านั้น การที่มี"นักกีฬาจักรยาน" มันหมายถึงการมีคนดูจักรยาน มีประชากรกีฬานี้มาก นักปั่นอาชีพคือยอดปิรามิดครับ ฐานปิรามิดของกีฬานี้คือคนปั่นสมัครเล่น CAT แมวน้อยๆ ที่ตามดูรายการต่างๆ และก่อให้เกิดมูลค่าทางการตลาดจริงๆ แข่งกันไปสิครับสมาคมฯ ... แต่ละทีมที่ขี่รถทีสปอนเซอร์ลองไปถามเจ้าของบริษัทนำเข้ามั้ยครับว่ามันตีมูลค่าทางการตลาดได้เท่าไหร่?? ลองถามคนซื้อมั้ยครับ เคยสนใจมองมั้ยว่าแต่ละทีมใช้รถอะไรกันบ้าง ทอ. ขี่อะไร สตช. ชี่อะไร ย้ายค่ายสนับสนุนไปขี่ตัวไหน ใครได้แชมป์ประเทศไทย สังกัดทีมอะไร ขี่รถอะไร ก็เพราะ "จำกัด" วงการแข่งให้แคบในระดับที่มองว่า"สำคัญ" นั่นแหละครับคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผมมองต่างตรงนี้
มันอาจจะไม่ถูกก็ได้ครับ สิ่งที่ทำอยู่อาจจะดีที่สุดแล้วก็ได้ ไม่มีข้อยุติอะไรทั้งนั้นในที่นี้ ไม่ต้องเชื่อผม ไม่ต้องเชื่อฝรั่ง ไม่ต้องเห็นด้วย แต่ถ้าอ่านแล้ว รู้สึกว่า ... มันน่าจะได้อะไรมากกว่านี้ แล้วทำอย่างไรล่ะ? ต่างคนต่างมีสิทธิคิดครับ
แต่ถ้าบอกว่าให้ไปลงงานสมาคมสิ ผมไปลงเมื่อปีแรกที่เปิดรุ่นอายุมาแล้ว บอกได้เลยว่า ไม่เวิร์คกับคนทั่วไปอย่างชัดเจนครับ ไม่ใช่เฉพาะทำเล แต่ด้วยเนื้อหาการจัดทั้งปวง จัดโดยมองจากมุมบนลงล่างครับ ไม่ได้มองจากฐานล่างขึ้นด้านบน อาจเพราะผมอ่อนครับ เลยมองในมุมของนักปั่นอ่อนๆในสังคมคนชอบกีฬาจักรยาน
ไปดูคลิปที่่มีคนมาแปะ "cat 5 ไม่ได้ขี่ชิวๆเลย" เพราะอะไร?
ลองอ่านบทความดีๆ *ทุก cat ออกแบบให้เหมาะกับการพัฒนา และศักยภาพของคนแข่งแ่ละระดับ* นี่คือกุญแจสำคัญครับ
cat5 ในคลิปที่นำมา ระยะเวลาแข่งจริงๆราวๆ 30-40 นาทีเท่านั้น *มันคือระยะที่คนซ้อมสัปดาห์ละ 2-3 ชม. ก็แข่งได้และออกแรงได้เต็มที่จริงๆครับ การเอาคนที่มีเวลาซื้อแค่นั้น ไปตะบันแข่งใจเกินร้อยระยะ 60-70 กม. แล้วขี่กัน 2 ชม. ลุ้นเอาถ้วยจบ แบบนั้นไม่ใช่ RACE ครับ มันแค่กิจกรรมท้าทาย ซึ่งเป็นคนละประเภทกับสิ่งที่เอามาคุยกันครับ ไครทีเรีย่มที่ยก กระชากกันทุกเลี้ยว หรือแมสสตาร์ทที่กระชากเล่น หนีกัน ลาก ไล่ เชื่อม ของพวกนี้จะทำได้ร่างกายต้องมีความแข็งแรงพอดีกับระยะนั้นๆ
บ้านเรามีมั้ยครับ? ใจเกินร้อยผมก็แข่ง พาเพื่อนพาทีมไปแข่งกันเพราะอะไร? เพราะมันไม่มีงานที่ตอบโจทย์กว่านี้ครับ แต่ครึ่งหนึ่งของการแข่งคือคนที่ต้องการขี่เพื่อ"วัดใจ" มันคนละอย่างครับ มีเพียงครึ่งเดียว(หรือแค่ 20-30 คน) ที่เล่นเกมส์ กระชาก ลาก ไล่กันแบบกีฬาจักรยาน และอีกหลายคนที่ลองเล่นแล้วหมดจนกรอบไปก่อนถึงเส้นชัยเพราะระยะเวลาแข่ง 1.30-2 ชม. ไม่ใช่ว่าขี่แค่สัปดาห์ละ 2-3 ชม. จะมาแข่งแล้วพัฒนาตามได้ครับ เกาะๆหมกๆไปน่ะได้ แล้วได้อะไรครับ?
มาตรฐานการแข่งที่บอกว่าดีขึ้น คืออะไร? ของแจกมากขึ้น มราร์แชลเก่งขึ้น อาหารดี เสื้อสวย ถ้วยเพียบ หรือว่า "การตอบโจทย์เชิงวิทยาศาสตร์การกีฬา"
งานสมาคม ผมกล้าบอกเลย ถ้าขีสัปดาห์ละ 4-5 ชม. อย่าไปแข่งครับเสียเวลาขับรถไป ต่อให้รุ่นอายุก็เหอะ เพื่อนผมบ้านอยู่อีสาน เมื่อก่อนงานแข่งไม่มากมันต้องไปลงงานสมาคม แล้วไงครับ มันไม่มีเวลาซ้อม เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย งานเยอะ สอน วิจัย แต่ใจรัก ลงบ่อยมากๆ หลุดทุกสนาม ไม่จบตลอดแต่ก็ลง เค้าผิดรึเปล่าที่ขาไม่ถึง? ต้องถามกลับว่าคนจัดแข่ง มองถึงการพัฒนากลุ่มนี้มั้ย?
ลองคิดดีๆครับ ถ้าระบบแบบนี้มัน work ดีไปนานแล้วคุณ ..... เค้าไม่ไปแข่งเพราะเค้าแข่งไม่ได้ครับ อายุ 27 ทำงานออฟฟิศ ปั่นเป็นกีฬาสนุกๆ ไปลงรุ่นอะไรครับ? ทั่วไป เจอ ทอ. เจอ สตช. แบบนั้นหรอครับ?? แล้วเรียกร้องให้คนไปแข่งมากๆ คนที่มีเวลาขี่สัปดาห์ละ 12-15 ชม. ขึ้นไป มีกี่คนครับ?ลองคิดดูดีๆ มันคือการสร้างแรงบันดาลใจ หรือการทำร้ายให้เลิกสนุกกับกีฬาจักรยานกันแน่
ใจเกินร้อย เป็นก้าวแรกที่ดีครับผมเห็นด้วย แต่ไม่ใช่ว่าดีท้งหมด ลองมองจุดดีของระบบที่ยกเอามาเป็นตัวอย่างดูครับ แม้แต่ญี่ปุ่นที่ไม่มีระบบคลาส(แบ่งระดับ) แต่การแข่งรายการบุคคลทั่วไป ระยะทางและความยากก็ไม่ได้โหดมาก ที่สำคัญมีการแบ่งระดับเส้นทางในแต่ละรุ่นครับ มีตั้งแต่ 40 ไปจน 160 กม. ในรายการเดียว เพื่อให้แต่ละรุ่นได้มีโอกาสพัฒนาไต่ระดับ
จุดเด่นของระบบที่นำมาคือการ"วางากฐาน"และไต่ระดับ ซึ่งไม่เพียงส่งผลต่อการพัฒนากีฬาจักรยาน แต่มันช่วยกระตุ้นให้กระแสกีฬาจักรยานที่เริ่มมาจนเข้าสู่ช่วงที่คนเชื่อว่าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ยังคง"มีชีวิต"ต่อไป ถ้าหวังกับงานสมาคมฯ รอช้อนของมือสองได้เลยครับ อีกไม่นานคนเลิกขี่เพียบ
ลองถามตัวเองดีๆครับว่ามองข้ามประเด็นเหล่านี้ไป เพราะคิดในมุมมองของคนที่แข่งระดับสูงมาแล้ว ผ่านถ้วย ผ่านเวทีแข่งมาแล้วเยอะ หรือเปล่า?
ปัญหามันมีอยู๋แล้วครับ ....ผมในฐานะคนเขียนบทความนี้ เพียงอยากเสนอมุมมองใหม่ และจุดด้อยที่เรามองขาดข้ามมันไปอย่างไม่รู็ตัว เพื่อให้เกิดสิ่งที่สร้างสรรค์แก้ปัญหาครับ ไม่ใช่เพื่อให้ดำเนินตามเขา บอกไว้ชัดเจน
ตอนนี้ถ้าสังเกตุดีๆ งานจัดต่างๆถ้าเริ่มแรงมากๆ คนก็จะน้อยลง งานไหนง่ายหน่อยคนก็ล้นหลาม มันบ่งชี้ชัดเจน ส่วนงานดังๆ จัดระยะทางไกลๆ หรือความเร็วสูงๆ คนไปกันเพียบ แต่มีแค่ส่วนหนึ่งที่ขี่และแข่งอย่างมีคุณภาพ อีกส่วน(ใหญ่) จบแบบไม่มีความเป็นเกมส์กีฬาจักรยาน ...... บางคนแข่งมาเพียบ ลุ้นติดโพเดี้ยมมาแล้วก็หลายรายการ เชื่อมั้ยครับว่าดูแข่งจักรยานเมืองนอกไม่รู็เรื่องซักนิด เพราะอะไร? เพราะเค้าไม่มีความเข้าใจระบบเกมส์กีฬานี้จริง ที่ทำได้เพราะมีเวลาขี่เยอะ ร่างกายแข็งแรง มีกี่คน กี่ทีม ที่เป็นทีมสมัครเล่นท่ซ้อมบนรากฐานของคนทำงานทำมาหากินได้จริง สัปดาห์ละ 12 ชม. (นี่คือระยะเวลาที่เค้าวิจัยในเมืองนอกว่า 12-15 ชม. คือพื้นฐานสำคัญของสมัครเล่นและเป็นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในคนทำงานปกติ ลองบวกลบคุณหารดีๆ มันแทบไม่เหลือเวลาทำอะไร งานการ ครอบครัว แล้วนะครับ) อย่ายกตัวอย่างว่าคนนั้น โปรคนนี้(โปรไทย) ทำได้ .... ลองดูดีๆว่า"โปร" แต่ละคนที่ดังๆของไทย ทำอะไรและปั่นแค่ไหน
ที่สำคัญ ผมอธิบายวิเคราะห์ชัดเจนครับ เราไม่ได้มาสร้างนักปั่นเท่านั้น การที่มี"นักกีฬาจักรยาน" มันหมายถึงการมีคนดูจักรยาน มีประชากรกีฬานี้มาก นักปั่นอาชีพคือยอดปิรามิดครับ ฐานปิรามิดของกีฬานี้คือคนปั่นสมัครเล่น CAT แมวน้อยๆ ที่ตามดูรายการต่างๆ และก่อให้เกิดมูลค่าทางการตลาดจริงๆ แข่งกันไปสิครับสมาคมฯ ... แต่ละทีมที่ขี่รถทีสปอนเซอร์ลองไปถามเจ้าของบริษัทนำเข้ามั้ยครับว่ามันตีมูลค่าทางการตลาดได้เท่าไหร่?? ลองถามคนซื้อมั้ยครับ เคยสนใจมองมั้ยว่าแต่ละทีมใช้รถอะไรกันบ้าง ทอ. ขี่อะไร สตช. ชี่อะไร ย้ายค่ายสนับสนุนไปขี่ตัวไหน ใครได้แชมป์ประเทศไทย สังกัดทีมอะไร ขี่รถอะไร ก็เพราะ "จำกัด" วงการแข่งให้แคบในระดับที่มองว่า"สำคัญ" นั่นแหละครับคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผมมองต่างตรงนี้
มันอาจจะไม่ถูกก็ได้ครับ สิ่งที่ทำอยู่อาจจะดีที่สุดแล้วก็ได้ ไม่มีข้อยุติอะไรทั้งนั้นในที่นี้ ไม่ต้องเชื่อผม ไม่ต้องเชื่อฝรั่ง ไม่ต้องเห็นด้วย แต่ถ้าอ่านแล้ว รู้สึกว่า ... มันน่าจะได้อะไรมากกว่านี้ แล้วทำอย่างไรล่ะ? ต่างคนต่างมีสิทธิคิดครับ
แต่ถ้าบอกว่าให้ไปลงงานสมาคมสิ ผมไปลงเมื่อปีแรกที่เปิดรุ่นอายุมาแล้ว บอกได้เลยว่า ไม่เวิร์คกับคนทั่วไปอย่างชัดเจนครับ ไม่ใช่เฉพาะทำเล แต่ด้วยเนื้อหาการจัดทั้งปวง จัดโดยมองจากมุมบนลงล่างครับ ไม่ได้มองจากฐานล่างขึ้นด้านบน อาจเพราะผมอ่อนครับ เลยมองในมุมของนักปั่นอ่อนๆในสังคมคนชอบกีฬาจักรยาน
ฟังสาระจักรยาน Podcast
https://open.spotify.com/show/76iDUCWXgqqixg1CmoSDIp
ข่าวสารจัรกยาน
https://www.facebook.com/cyclinghubthailand/
https://open.spotify.com/show/76iDUCWXgqqixg1CmoSDIp
ข่าวสารจัรกยาน
https://www.facebook.com/cyclinghubthailand/
- sen111
- สมาชิก
- โพสต์: 40
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.ค. 2015, 08:00
- Tel: 0877364443
- team: ท่าอุแทไบค์
- Bike: หมอบ
- ตาโจ
- ขาประจำ
- โพสต์: 4200
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ม.ค. 2011, 16:38
- ติดต่อ:
Re: แลเขาดูเรา : ระบบการจัดการการแข่งจักรยานเมืองฝรั่ง รากฐานการพัฒนาจากรากสู่จุดสูงสุดแห่งความสำเร็จ
ต้องเอามาใช้ในบ้านเราบ้างจะได้พัฒนากันมากกว่านี้
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 177
- ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ย. 2015, 13:08
Re: แลเขาดูเรา : ระบบการจัดการการแข่งจักรยานเมืองฝรั่ง รากฐานการพัฒนาจากรากสู่จุดสูงสุดแห่งความสำเร็จ
เห็นด้วยกับกระทู้นี้เลยครับ
งานแข่งขันในบ้านเราถ้าไม่ปรับเปลี่ยน ผมว่านับวันคนที่ปั่นคนที่ไปสมัครยิ่งลดน้อยลงนะคับ คนที่ปั่นอยู่ก็ได้แต่ร้อง "กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง....
ที่ผ่านๆมาได้เสื้อ ถ้วย มาเต็มบ้าน ทำไงล่ะคับเกะกะ ไม่ได้ใช้ ผมเลยรวบรวมเสื้อลงโพสขาย (ขายตัวล่ะ 2-3ร้อย) อ่อ งานแข่งขัน อยากจะบอกว่ามีรางวัลเป็นเงินบ้างเถอะคับ นอกจากถ้วยที่ใหญ่กว่าสวยกว่าก็แนบเงินรางวัลด้วยเถอะ
ปล. อาหารในงานแข่งก็ใช่ว่า100% ทุกคนจะไปกินไปร่วมรับประทานนะครับ นอกจากน้ำดื่มและเกลือแร่
งานแข่งขันในบ้านเราถ้าไม่ปรับเปลี่ยน ผมว่านับวันคนที่ปั่นคนที่ไปสมัครยิ่งลดน้อยลงนะคับ คนที่ปั่นอยู่ก็ได้แต่ร้อง "กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง....
ที่ผ่านๆมาได้เสื้อ ถ้วย มาเต็มบ้าน ทำไงล่ะคับเกะกะ ไม่ได้ใช้ ผมเลยรวบรวมเสื้อลงโพสขาย (ขายตัวล่ะ 2-3ร้อย) อ่อ งานแข่งขัน อยากจะบอกว่ามีรางวัลเป็นเงินบ้างเถอะคับ นอกจากถ้วยที่ใหญ่กว่าสวยกว่าก็แนบเงินรางวัลด้วยเถอะ
ปล. อาหารในงานแข่งก็ใช่ว่า100% ทุกคนจะไปกินไปร่วมรับประทานนะครับ นอกจากน้ำดื่มและเกลือแร่
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 654
- ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.ย. 2014, 17:10
- Bike: cBoardman elite air 9.2s
- ติดต่อ:
Re: แลเขาดูเรา : ระบบการจัดการการแข่งจักรยานเมืองฝรั่ง รากฐานการพัฒนาจากรากสู่จุดสูงสุดแห่งความสำเร็จ
เห็นด้วยครับ อยากให้มีเวทีแข่งหลายระดับ เพื่อการพัฒนา ฐานปิรามิดกว้างๆ งานใจเกินร้อยนี่มันก็ไม่ได้ทำให้เราเก่งขึ้น แค่สนุกเท่านั้น อาจจะเก่งขึ้นกว่าเดิม เวลาดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว ดีไปเรื่อยๆ แต่ แล้วไงต่อล่ะ เราทำแบบเดิมๆ แต่หวังผลเลิศกว่าเดิมคงไม่ได้giro เขียน:เป็นความเห็นที่ดีครับแต่มีจุดอ่อน ลองฟังนะครับว่าทำไมผมถึงทำบทความนี้
ไปดูคลิปที่่มีคนมาแปะ "cat 5 ไม่ได้ขี่ชิวๆเลย" เพราะอะไร?
ลองอ่านบทความดีๆ *ทุก cat ออกแบบให้เหมาะกับการพัฒนา และศักยภาพของคนแข่งแ่ละระดับ* นี่คือกุญแจสำคัญครับ
cat5 ในคลิปที่นำมา ระยะเวลาแข่งจริงๆราวๆ 30-40 นาทีเท่านั้น *มันคือระยะที่คนซ้อมสัปดาห์ละ 2-3 ชม. ก็แข่งได้และออกแรงได้เต็มที่จริงๆครับ การเอาคนที่มีเวลาซื้อแค่นั้น ไปตะบันแข่งใจเกินร้อยระยะ 60-70 กม. แล้วขี่กัน 2 ชม. ลุ้นเอาถ้วยจบ แบบนั้นไม่ใช่ RACE ครับ มันแค่กิจกรรมท้าทาย ซึ่งเป็นคนละประเภทกับสิ่งที่เอามาคุยกันครับ ไครทีเรีย่มที่ยก กระชากกันทุกเลี้ยว หรือแมสสตาร์ทที่กระชากเล่น หนีกัน ลาก ไล่ เชื่อม ของพวกนี้จะทำได้ร่างกายต้องมีความแข็งแรงพอดีกับระยะนั้นๆ
บ้านเรามีมั้ยครับ? ใจเกินร้อยผมก็แข่ง พาเพื่อนพาทีมไปแข่งกันเพราะอะไร? เพราะมันไม่มีงานที่ตอบโจทย์กว่านี้ครับ แต่ครึ่งหนึ่งของการแข่งคือคนที่ต้องการขี่เพื่อ"วัดใจ" มันคนละอย่างครับ มีเพียงครึ่งเดียว(หรือแค่ 20-30 คน) ที่เล่นเกมส์ กระชาก ลาก ไล่กันแบบกีฬาจักรยาน และอีกหลายคนที่ลองเล่นแล้วหมดจนกรอบไปก่อนถึงเส้นชัยเพราะระยะเวลาแข่ง 1.30-2 ชม. ไม่ใช่ว่าขี่แค่สัปดาห์ละ 2-3 ชม. จะมาแข่งแล้วพัฒนาตามได้ครับ เกาะๆหมกๆไปน่ะได้ แล้วได้อะไรครับ?
มาตรฐานการแข่งที่บอกว่าดีขึ้น คืออะไร? ของแจกมากขึ้น มราร์แชลเก่งขึ้น อาหารดี เสื้อสวย ถ้วยเพียบ หรือว่า "การตอบโจทย์เชิงวิทยาศาสตร์การกีฬา"
งานสมาคม ผมกล้าบอกเลย ถ้าขีสัปดาห์ละ 4-5 ชม. อย่าไปแข่งครับเสียเวลาขับรถไป ต่อให้รุ่นอายุก็เหอะ เพื่อนผมบ้านอยู่อีสาน เมื่อก่อนงานแข่งไม่มากมันต้องไปลงงานสมาคม แล้วไงครับ มันไม่มีเวลาซ้อม เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย งานเยอะ สอน วิจัย แต่ใจรัก ลงบ่อยมากๆ หลุดทุกสนาม ไม่จบตลอดแต่ก็ลง เค้าผิดรึเปล่าที่ขาไม่ถึง? ต้องถามกลับว่าคนจัดแข่ง มองถึงการพัฒนากลุ่มนี้มั้ย?
ลองคิดดีๆครับ ถ้าระบบแบบนี้มัน work ดีไปนานแล้วคุณ ..... เค้าไม่ไปแข่งเพราะเค้าแข่งไม่ได้ครับ อายุ 27 ทำงานออฟฟิศ ปั่นเป็นกีฬาสนุกๆ ไปลงรุ่นอะไรครับ? ทั่วไป เจอ ทอ. เจอ สตช. แบบนั้นหรอครับ?? แล้วเรียกร้องให้คนไปแข่งมากๆ คนที่มีเวลาขี่สัปดาห์ละ 12-15 ชม. ขึ้นไป มีกี่คนครับ?ลองคิดดูดีๆ มันคือการสร้างแรงบันดาลใจ หรือการทำร้ายให้เลิกสนุกกับกีฬาจักรยานกันแน่
ใจเกินร้อย เป็นก้าวแรกที่ดีครับผมเห็นด้วย แต่ไม่ใช่ว่าดีท้งหมด ลองมองจุดดีของระบบที่ยกเอามาเป็นตัวอย่างดูครับ แม้แต่ญี่ปุ่นที่ไม่มีระบบคลาส(แบ่งระดับ) แต่การแข่งรายการบุคคลทั่วไป ระยะทางและความยากก็ไม่ได้โหดมาก ที่สำคัญมีการแบ่งระดับเส้นทางในแต่ละรุ่นครับ มีตั้งแต่ 40 ไปจน 160 กม. ในรายการเดียว เพื่อให้แต่ละรุ่นได้มีโอกาสพัฒนาไต่ระดับ
จุดเด่นของระบบที่นำมาคือการ"วางากฐาน"และไต่ระดับ ซึ่งไม่เพียงส่งผลต่อการพัฒนากีฬาจักรยาน แต่มันช่วยกระตุ้นให้กระแสกีฬาจักรยานที่เริ่มมาจนเข้าสู่ช่วงที่คนเชื่อว่าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ยังคง"มีชีวิต"ต่อไป ถ้าหวังกับงานสมาคมฯ รอช้อนของมือสองได้เลยครับ อีกไม่นานคนเลิกขี่เพียบ
ลองถามตัวเองดีๆครับว่ามองข้ามประเด็นเหล่านี้ไป เพราะคิดในมุมมองของคนที่แข่งระดับสูงมาแล้ว ผ่านถ้วย ผ่านเวทีแข่งมาแล้วเยอะ หรือเปล่า?
ปัญหามันมีอยู๋แล้วครับ ....ผมในฐานะคนเขียนบทความนี้ เพียงอยากเสนอมุมมองใหม่ และจุดด้อยที่เรามองขาดข้ามมันไปอย่างไม่รู็ตัว เพื่อให้เกิดสิ่งที่สร้างสรรค์แก้ปัญหาครับ ไม่ใช่เพื่อให้ดำเนินตามเขา บอกไว้ชัดเจน
ตอนนี้ถ้าสังเกตุดีๆ งานจัดต่างๆถ้าเริ่มแรงมากๆ คนก็จะน้อยลง งานไหนง่ายหน่อยคนก็ล้นหลาม มันบ่งชี้ชัดเจน ส่วนงานดังๆ จัดระยะทางไกลๆ หรือความเร็วสูงๆ คนไปกันเพียบ แต่มีแค่ส่วนหนึ่งที่ขี่และแข่งอย่างมีคุณภาพ อีกส่วน(ใหญ่) จบแบบไม่มีความเป็นเกมส์กีฬาจักรยาน ...... บางคนแข่งมาเพียบ ลุ้นติดโพเดี้ยมมาแล้วก็หลายรายการ เชื่อมั้ยครับว่าดูแข่งจักรยานเมืองนอกไม่รู็เรื่องซักนิด เพราะอะไร? เพราะเค้าไม่มีความเข้าใจระบบเกมส์กีฬานี้จริง ที่ทำได้เพราะมีเวลาขี่เยอะ ร่างกายแข็งแรง มีกี่คน กี่ทีม ที่เป็นทีมสมัครเล่นท่ซ้อมบนรากฐานของคนทำงานทำมาหากินได้จริง สัปดาห์ละ 12 ชม. (นี่คือระยะเวลาที่เค้าวิจัยในเมืองนอกว่า 12-15 ชม. คือพื้นฐานสำคัญของสมัครเล่นและเป็นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในคนทำงานปกติ ลองบวกลบคุณหารดีๆ มันแทบไม่เหลือเวลาทำอะไร งานการ ครอบครัว แล้วนะครับ) อย่ายกตัวอย่างว่าคนนั้น โปรคนนี้(โปรไทย) ทำได้ .... ลองดูดีๆว่า"โปร" แต่ละคนที่ดังๆของไทย ทำอะไรและปั่นแค่ไหน
ที่สำคัญ ผมอธิบายวิเคราะห์ชัดเจนครับ เราไม่ได้มาสร้างนักปั่นเท่านั้น การที่มี"นักกีฬาจักรยาน" มันหมายถึงการมีคนดูจักรยาน มีประชากรกีฬานี้มาก นักปั่นอาชีพคือยอดปิรามิดครับ ฐานปิรามิดของกีฬานี้คือคนปั่นสมัครเล่น CAT แมวน้อยๆ ที่ตามดูรายการต่างๆ และก่อให้เกิดมูลค่าทางการตลาดจริงๆ แข่งกันไปสิครับสมาคมฯ ... แต่ละทีมที่ขี่รถทีสปอนเซอร์ลองไปถามเจ้าของบริษัทนำเข้ามั้ยครับว่ามันตีมูลค่าทางการตลาดได้เท่าไหร่?? ลองถามคนซื้อมั้ยครับ เคยสนใจมองมั้ยว่าแต่ละทีมใช้รถอะไรกันบ้าง ทอ. ขี่อะไร สตช. ชี่อะไร ย้ายค่ายสนับสนุนไปขี่ตัวไหน ใครได้แชมป์ประเทศไทย สังกัดทีมอะไร ขี่รถอะไร ก็เพราะ "จำกัด" วงการแข่งให้แคบในระดับที่มองว่า"สำคัญ" นั่นแหละครับคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผมมองต่างตรงนี้
มันอาจจะไม่ถูกก็ได้ครับ สิ่งที่ทำอยู่อาจจะดีที่สุดแล้วก็ได้ ไม่มีข้อยุติอะไรทั้งนั้นในที่นี้ ไม่ต้องเชื่อผม ไม่ต้องเชื่อฝรั่ง ไม่ต้องเห็นด้วย แต่ถ้าอ่านแล้ว รู้สึกว่า ... มันน่าจะได้อะไรมากกว่านี้ แล้วทำอย่างไรล่ะ? ต่างคนต่างมีสิทธิคิดครับ
แต่ถ้าบอกว่าให้ไปลงงานสมาคมสิ ผมไปลงเมื่อปีแรกที่เปิดรุ่นอายุมาแล้ว บอกได้เลยว่า ไม่เวิร์คกับคนทั่วไปอย่างชัดเจนครับ ไม่ใช่เฉพาะทำเล แต่ด้วยเนื้อหาการจัดทั้งปวง จัดโดยมองจากมุมบนลงล่างครับ ไม่ได้มองจากฐานล่างขึ้นด้านบน อาจเพราะผมอ่อนครับ เลยมองในมุมของนักปั่นอ่อนๆในสังคมคนชอบกีฬาจักรยาน
- mazz
- ขาประจำ
- โพสต์: 817
- ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ธ.ค. 2011, 10:20
- Tel: 0815325547
- team: เสืออิสระ
- Bike: trek ,merida
- rayatanee
- สมาชิก
- โพสต์: 20
- ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ย. 2014, 11:46
- Tel: 0817347675
- Bike: Bianchi Impulso
Re: แลเขาดูเรา : ระบบการจัดการการแข่งจักรยานเมืองฝรั่ง รากฐานการพัฒนาจากรากสู่จุดสูงสุดแห่งความสำเร็จ
เห็นด้วยอย่างยิ่ง พื้นฐานการพัฒนาต้องมาจากการคิดที่มีระบบ แบบแผน เบสิค ถึงจะพัฒนาไปสู่สูงสุดได้
- swasin185
- ขาประจำ
- โพสต์: 247
- ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ธ.ค. 2011, 18:54
- Bike: CANYON AEROAD
- ตำแหน่ง: ภูเก็ต
Re: แลเขาดูเรา : ระบบการจัดการการแข่งจักรยานเมืองฝรั่ง รากฐานการพัฒนาจากรากสู่จุดสูงสุดแห่งความสำเร็จ
ผ่านมาถึงปีนี้ 2017 กระแสจักรยานเริ่มซาลงแล้ว
ผู้จัดงานใจเกินร้อยไม่ใช่จะกำไรกันได้ง่ายๆ หายไปหลายๆงาน
หันไปจัดงานวิ่งที่กำลังมาแรง ง่ายกว่ากำไรดีกว่า
ถ้าจะทำระบบเลื่อนขั้นแบบเมกา สมาคมจักรยานไทยต้องทำระบบ จดทะเบียนนักปั่นทั้งหมดในประเทศ
เก็บข้อมูลการแข่งทุกๆงาน แล้วก็ให้ผู้จัดแบ่งรุ่นตามผลงาน จากฐานข้อมูลนักปั่นที่สมาคมดูแลจัดการ
ทุกงานน่าจะมีรุ่น มือใหม่ แยกออกมาสำหรับผู้ที่ปั่นมาไม่เกิน 1-2 ปี และไม่เคยได้โพเดียม
ไม่จำกัดอายุ และมีการใช้เซ็นเซอชิพ เก็บข้อมูลผลการแข่งของทุกคนอย่างละเอียด แล้วส่งข้อมูลให้สมาคม
พวกอุปกรณ์เซ็นเซอร์และระบบฐานข้อมูล สมาคมก็ควรมีบุคลากรหรือหน่วยงานที่รับหน้าที่เป็นซับคอนแทคเตอร์
อันที่จริงระบบการรับสมัครที่เวป ThaiMTB ทำไว้นั่นก็เป็นพื้นฐานที่ดีนะครับ ต่อไปเราควรสมัครงานแข่งได้โดย
ไม่ต้องกรอกข้อมูลอะไรมากแล้ว ใส่รหัสปั๊บ รู้ชื่ออายุ เพศ ส่วนสูง น้ำหนัก กรุ๊ปเลือด วันที่เข้าวงการ อะไรทำนองนี้
ผู้จัดงานใจเกินร้อยไม่ใช่จะกำไรกันได้ง่ายๆ หายไปหลายๆงาน
หันไปจัดงานวิ่งที่กำลังมาแรง ง่ายกว่ากำไรดีกว่า
ถ้าจะทำระบบเลื่อนขั้นแบบเมกา สมาคมจักรยานไทยต้องทำระบบ จดทะเบียนนักปั่นทั้งหมดในประเทศ
เก็บข้อมูลการแข่งทุกๆงาน แล้วก็ให้ผู้จัดแบ่งรุ่นตามผลงาน จากฐานข้อมูลนักปั่นที่สมาคมดูแลจัดการ
ทุกงานน่าจะมีรุ่น มือใหม่ แยกออกมาสำหรับผู้ที่ปั่นมาไม่เกิน 1-2 ปี และไม่เคยได้โพเดียม
ไม่จำกัดอายุ และมีการใช้เซ็นเซอชิพ เก็บข้อมูลผลการแข่งของทุกคนอย่างละเอียด แล้วส่งข้อมูลให้สมาคม
พวกอุปกรณ์เซ็นเซอร์และระบบฐานข้อมูล สมาคมก็ควรมีบุคลากรหรือหน่วยงานที่รับหน้าที่เป็นซับคอนแทคเตอร์
อันที่จริงระบบการรับสมัครที่เวป ThaiMTB ทำไว้นั่นก็เป็นพื้นฐานที่ดีนะครับ ต่อไปเราควรสมัครงานแข่งได้โดย
ไม่ต้องกรอกข้อมูลอะไรมากแล้ว ใส่รหัสปั๊บ รู้ชื่ออายุ เพศ ส่วนสูง น้ำหนัก กรุ๊ปเลือด วันที่เข้าวงการ อะไรทำนองนี้