ทดสอบหมวกเสือหมอบแบบ Aero
ผู้ดูแล: Cycling B®y, spinbike, velocity
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 3092
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 15:14
- Tel: 0865040751
- team: Team Bike And Body Cycoling
- Bike: Kemo KE-R5, Giant Propel Advance SL, Specialized Alez E5 Revolution
- ตำแหน่ง: ซอยอารีย์ พหลโยธิน กทม.
- ติดต่อ:
ทดสอบหมวกเสือหมอบแบบ Aero
การทดสอบหมวกเสือหมอบแบบ Aero
หมวกเสือหมอบแบบแอโร่ฯกลายเป็นแนวโน้มความนิยมที่มาแรงในช่วง 3 ปีล่าสุด เมื่อนักแข่งและนักปั่นทุกคนต้องการประโยชน์จากความได้เปรียบด้านอากาศพลศาสตร์มาช่วยให้สามารถไปได้เร็วชึ้น โดยที่ออกแรงเท่าเดิม ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งในการแข่งขัน และกลายเป็น"แฟชั่น"ที่ยั่วใจบรรดานักปั่นต่างๆในยุคเสือหมอบเฟื่องฟูของประเทศไทย ให้หันมาสนใจจับจองทั้งแนวคิดการได้เรปียบเล็กๆน้อยผสมกันจนได้ประโยชน์รวมอันยิ่งใหญ่ หรือแม้แต่สายแฟชั่นที่ตักตวงความ"หล่อ"(หรือเท่ห์)ที่ได้จากหมวกแอโร่ฯกันทั่วเมือง
สำนัก Bikeradar ได้นำเอาหมวกแอโร่ฯที่มีอยู่ในตลาดมาชนกันทดสอบอย่างเป็นระบบในอุโมงค์ลมที่มีส่วนในการพัฒนาออกแบบหมวกแอโร่ฯแบรนด์ดังและคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์นี้ดี ที่อุโมงค์ลม "FASTER" ที่เมืองสก็อตเดล มลรัฐเอริโซน่า สหรัฐอเมริกา มีกระบวนการจำแนกหัวข้อการทดสอบดังนี้
แอโร่ไดนามิคส์
บทความโดย ไบค์เรดาร์
แปล/เรียบเรียง giro ThaiMTB.com
การทดสอบทำด้วยการจำลองความเร็ว 32 กม./ชม.และ และ ประมาณ 25 กม/ชม ทนที่จะใช้ความเร็ว 48 กม./ชม. เนื่องจากความเป็นจริงที่นักจักรยานโดยทั่วไปไม่ได้ใช้ความเร็วระดับนั้นได้ต่อเนื่องนานๆ แน่นอนว่าถึงหมวกเหล่นี้จะถูกออกแบบมาสำหรับการแข่งขัน แต่คงต้องยอมรับว่าบรรดานักปั่นทั่วโลกใช้ความเร็วน้อยกว่านักปั่นอาชีพเหล่านั้นมาก ที่สำคัญ แอรอน โรส ผู้อำนวยการด้านชีวะกลไกและเทคโนโลยีให้ความเห็นว่าเราไม่สามารถทำนายผลของอากาศพลศาสตร์เป็นกราฟเชิงเส้นได้ การเปลี่ยนระดับความเร็วส่งผลถึงประสิทธิภาพและอันดับอย่างแน่นอน ค่าเฉลี่ยความเร็วที่ได้มาจากฐานข้อมูลนักจักรยานที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง "สตราวา" นั่นเอง การทดสอบทั้งหมดทำที่มุม 0, 5, 10 และ 15 องศา จากนั้นนำมาหาค่าเฉลี่ยออกมาเป็นประสิทธิภาพรวมของหมวกรุ่นนั้น การระบายอากาศที่ความเร็วสุง
คณะทดสอบประเมินความสามารถของหมวกในการระบายอากาศเข้าไปในศีรษะจากรูระบายอากาศที่ความเร็ว 28-40 กม./ชม. และที่ความเร็วสูงขณะลงเขา ในเวลากลางวันแดดจัดที่โคโรราโด สหรัฐอเมริกา หมวกส่วนใหญ่ในตลาดทำงานได้อยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ หมวกบางตัวที่ระบายอากาศได้ดีอย่างน่าทึ่ง ในขณะที่บางตัวก็น่าผิดหวังในด้านนี้ การระบายอากาศที่ความเร็วต่ำ
การดักลมเข้าไประบายความร้อนในหมวกที่ความเร็วสูงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไร แต่การจะระบายอากาศร้อนๆรอบศีรษะในวันที่อากาศร้อนสุดๆของหน้าร้อน ขณะที่กำลังไต่เขายาวๆ ความเร็วไม่มากนักเป็นเรื่องที่สำคัญต่อนักปั่นมาก การทดสอบหมวกต่างๆบนการไต่เขาหลายๆลกที่ความเร็วประมาณ 16 กม./ชม. ส่งผลที่ไม่น่าแปลกใจเมื่อหมวกส่วนมากมีประสิทธิภาพการระบายอากาศในปัจจัยนี้ไม่ดีนัก เพราะนักออกแบบทำงานได้ง่ายกว่าถ้าไม่ต้องมาพะวงเรื่องรูระบายอากาศบนหมวกเพื่อพัฒนาแอโร่ฯที่ดีที่สุด ความสวยงาม
ความสวยงามเป็นเรื่องที่จับต้องได้ยาก และแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ แถมถูกการตลาดส่งให้แต่ละคนมีมุมมองความงามที่แตกต่างกันไปตามแต่ละยุคสมัย คณะทดสอบของไบค์เรดาร์ลองสอบถามกลุ่มตัวอย่างนักปั่นแบบสุ่มเพื่อเก็บข้อมูลความเห็นเกี่ยวกับการออกแบบหมวกแอโร่ฯ นำมาเปรียบเทียบเป็นแนวทางในการประเมินความสวยของหมวกเพื่อให้คะแนน น้ำหนัก
น้ำหนักของหมวกแอโร่ฯย่อมหนักกว่าหมวกปกติอยู่แล้ว แต่น้ำหนักที่ดูแตกต่างกันเพียง 40-50 กรัมดูน้อยนิดในกระดาษข้อมูลผลิตภัณฑ์นั้นเป็นปัจจัยที่ส่งผลถึงระดับ"รู้สึกได้"ในการขี่ยาวๆ 4 ชม. สำหรับจักรยานนั้นเป็นเรื่องปกติมากที่จะพูดว่า "เบากว่าย่อมดีกว่า" เสมอ ราคา
จากกลุ่มตัวอย่างพบว่าราคาของหมวกแอโร่ฯที่แตกต่างกันระหว่างตัวที่แพงที่สุดและถูกที่สุดต่างกันมากถึง 2:1 การประเมินราคาของหมวกแอโร่ฯใช้เกณฑ์ในการให้คะแนน หมวกที่ถูกกว่าย่อมมีคะแนนดีกว่าในด้านราคา
*สำหรับประเทศไทย หมวกต่างๆถูกปรับให้มีราคาแตกต่างจากตลาดอื่นๆในโลกอาจถูกหรือแพงกว่าขึ้นอยู่กับปัจจัยการนำเข้าและตั้งราคา ดังนั้นหมวดนี้อาจไม่ได้สอดคล้องกับบริบทของบ้านเรานะครับ ดังนั้นผมจะไม่เอาราคามาลง ผลการให้คะแนนโดยไบค์เรดาร์ อันดับ 1 บอนเทรเจอร์ "บาลิสต้า"
บอนเทรเจอร์ส่งหมวกแอโร่ฯ"บาลิสต้า"ออกสู่ตลาดช้ากว่าเพื่อนด้วยการออกจัดจำหน่ายไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาในช่วงเริ่มแข่งรายการ Tour de France นี้เอง และแน่นอนว่าได้ทำการศึกษาพัฒนาต่อยอดจากข้อสเีย และจุดด้อยของหมวกคู่แข่งมาแล้วเป็นอย่างดี ทำให้ไบค์เรดาร์ให้คะแนนรวมของบาลิสต้าขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาหมวกที่นำมาทดสอบทั้งหมด
ประสิทธิภาพด้านแอโร่ฯของบาลิสต้าได้อันดับที่สอง แต่ผลรวมได้จากความสามารถในการระบายอากาศที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งที่ความเร็วสูงและความเร็วต่ำ ผู้สวมใส่สามารถรู้สึกถึงอากาศที่ผ่านเข้าไปในหมวกได้ ช่องระบายอากาศด้านหน้าอยู๋ในตำแหน่งที่สามารถให้ลมผ่านเข้าไประบายอากาศร้อนในความเร็วต่ำได้เป็นอย่างดี มีราคาอยู่ในระดับเกือบๆถูกที่สุด มีหน้าตาอยู่ในกลุ่มที่จัดว่าหน้าตาดีจากกลุ่มตัวอย่าง รวมถึงมีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบาอันดับต้นๆ อันดับ 2 หลุยส์กาโนร์ "คอร์ส"
รูปทรงของหมวกหลุยส์กาโนร์อาจดูไม่เหมือนหมวกแอโร่ฯ แต่ผลการทดสอบที่สามารถทำประสิทธิภาพได้อยู๋ในระดับกลางตารางของพิสูจน์ให้เห็นว่าการออกแบบรูระบายอากาศที่ดีสามารถสร้างการระบายอากาศที่ดีแต่ยังได้เปรียบด้านแอโร่ฯได้ด้วย การระบายอากาศทำได้ดีมากทั้งที่ความเร็วสุงและความเร็วต่ำ ทำให้คณะกรรมการที่ทำการทดสอบลงมติกันยกให้"คอร์ส" เป็นหมวกแอโร่ฯที่ดีที่สุดเป็นอันดับที่สอง ด้วยสมรรทนะโดยรวมอยู่ในระดับกลางทุกอย่าง ถ้าคุณจะเลือกมหวกสำหรับพื้นที่อากาศร้อน ชื้น อบอ้าว หมวกหลุยส์กาโนร์ คอร์ส เป็นหมวกแอโร่ที่น่าสนใจที่สุดจากจุดเด่นด้านช่องระบายอากาศนั่นเอง อันดับ 3 แคสค์ "โปรโทน"
รูปทรงของหมวกที่อาศัยการพัฒนามาหลายรุ่นส่งผลให้หมวกมีขนาดกระทัดรัดเรียบติดกับรูปทรงของศีรษะที่สุด เพื่อลดผลกระทบต่อกระแสอากาศที่ผ่านไปให้มากที่สุด ช่องระบายอากาศด้านหน้าถูกออกแบบและวางตำแหน่งมาเป็นอย่างดี ส่วนบนของหมวกทึบตันให้อากาศไหลผ่านเรียบไปกับหมวกได้ เช่นเดียวกับคอร์ส หมวกโปรโทนทำประสิทธิภาพได้ดีในระดับกลางๆด้านแอโร่ฯ แต่มีความโดดเด่นมากในด้านการระบายอากาศที่ความเร็วสูง ที่ความเร็วต่ำทำงานได้ไม่เด่นมากตามคาดเมื่อขาดช่องระบายอากาศในส่วนด้านบนของหมวก ด้านความสวยงามหมวกโปรโทนจัดว่าสวยที่สุดในอันดับต้นๆจากรูปทรงที่ดูเร็วแต่ไม่ได้ล้ำหน้ามากจนเหมือนหลุดมาจากนิยายวิทยาศาสตร์ ข้อเสียสำคัญคือเป็นหนึ่งในหมวกที่ราคาแพงที่สุดด้วยเช่นกัน อันดับ 4 เสปเชียลไลซ์ เอส-เวิร์คส์ "อีเวด"
ความที่"อีเวด"เป็นหมวกแอโร่ฯรุ่นแรกๆดูเหมือนว่าความเก่าแก่จะด้อยในการรับมือกับคู่แข่งหน้าใหม่ๆ เนื่องจากด้านราคาก็เป็นหนึ่งในหมกที่แพงที่สุดในตลาด ด้านการระบายอากาศที่ทำได้ในความเร็วสูงแต่ที่ความเร็วต่ำดูจะเป็นปัญหาเมื่ออากาศไม่สามารถผ่านเข้าไปในหมวกทรงหยดน้ำลู่ลมได้ ที่สำคัญ เป็นหนึ่งในหมวกที่หนักที่สุดในตลาด ด้านความเร็วที่ทดสอบได้ค่าเฉลี่ยเป็นอันดับที่ 4 ในด้านแอโร่ไดนามิคส์ จัดว่าเป็นจุดเด่นของหมวกอีเวดที่ยังอยู่ในระดับแนวหน้าได้ อันดับ 5 เบลล์ "สตาร์โปร"
เบลล์ "สตาร์โปร" ได้อันดับหนึ่งอย่างชัดเจนในด้านแอโร่ไดนามิคส์ ในทุกมุมองศาของกระแสลม ถ้าความเร็วคือปัจจัยที่คุณต้องการ สตาร์โปรตอบโจทย์ได้ดีที่สุด เบลล์พยยามพัฒนาระบบการปรับเปิด-ปิดช่องระบายอากาศบนหมวกได้อย่างงา่ยๆเพียงเลื่อนปุ่ม แต่การทดสอบพบว่าผลต่างของช่องระบายอากาศที่เปิดหรือปิดอยู่มีผลน้อยมากจนใกล้ 0 ซึ่งกลายเป็นข้อเสียทันทีเมื่อพูดถึงด้านการระบายอากาศเพราะมีลมเข้าไประบายความร้อนด้านในน้อยมาก คุณอาจรู้สึกเย็นขึ้นบ้างถ้าขยับหัวปรับมุมขึ้นลง แต่การออกแบบที่ว่างภายในและตำแหน่งช่องอากาศที่ทำให้ลมเข้าไปได้ยากกลายเป็นปัญหาที่เปลี่ยนหมวกให้กลายเป็นหม้ออบไอน้ำเวลาไต่เขาได้ทันที ระบบกลไกลต่างๆก็เป็นคำถามถึงเรื่องอายุการใช้งานระยะยาว เพราะหมวกเหมือนถูกออกแบบมาเป็นสองขั้นซ้อนแซนวิชกันอยู่ นักทดสอบบางคนให้ความเห็นว่าหมวกสตาร์โปรเหมาะกับช่วงอากาศเย็นๆก่อนฤดูหนาว(บ้านเราก็หน้าหนาว) ในการแข่งไซโคลครอสที่เริ่มด้วยการปิดรูระบายเพื่อให้ภายในหมวกอุ่นและเปิดออกระบายเมื่อเริ่มปั่นไปได้สักระยะ อันดับ 6 พ็อค "อ็อคตัล แอโร่"
ไม่น่าแปลกใจที่หมวก"อ็อคตัล แอโร่ฯ"จะทำประสิทธิภาพได้ดีเป็นอันดับที่ 3 ในแง่ของการทดสอบด้านแอโร่ไดนามิคส์จากรูปทรงที่เรียบ ผิวด้านนอกของหมวกแทบไม่มีรูอะไรมารบกวนกระแสอากาศที่วิ่งผ่านไปเลย แต่ก็คงไม่ยากถ้าจะตั้งข้อสงสัยในด้านการระบายอากาศของหมวกนี้ตามมาด้วย โครงสร้างหมวกภายในเป็นตัวเดียวกับ"อ็อคตัล"ธรรมดาแต่เปลี่ยนผิวหุ้มด้านนอกให้ปิดเรียบ ดังนั้นหมวกจึงมีช่องว่างระหว่างผิวของหมวกและศีรษะมากว่าปกติ มีช่องว่างระหว่างรูระบายอากาศและหน้าผากที่ลมสามารถผา่นเข้าไปได้และออกด้านหลังที่มีช่องระบายขนาดใหญ่ ดังนั้นที่ความเร็วสูง หมวกสามารถระบายความร้อนได้ แต่เมื่อความเร็วต่ำลงความสามารถในการระบายอากาศลดฮวบลงทันที ปัญหาในการเข้าไต่อันดับต้นๆอยู่ที่หน้าตาของหมวก(ที่มีกลุ่มตัวอย่างบอกว่ามันคือลูกโบวลิ่ง) และราคาที่สูงลิ่วเป็นปัจจัยสำคัญ อันดับ 7 จิโร่ "ซินธ์"
จุดเด่นด้านการระบายอากาศดีเยี่ยมยอดทั้งความเร็วสูงและต่ำ น้ำหนักหมวกที่สมเหตุสมผล รวมถึงหน้าตาที่สวยจนเป็นที่ยอมรับของกลุ่มตัวอย่าง แต่ปัจจัยหลักที่ทำให้ได้อันดับคะแนนรวมต่ำกว่าที่ควรคือความสามารถด้านแอโร่ฯของหมวกที่น้อยกว่าคู่แข่ง จากการทดสอบที่จำลองการใช้งานจริงของนักจักรยานทั่วไปมากกว่านักแข่งที่หมวกถูกออกแบบมา หากเราปรับมุมของศีรษะให้ก้มกว่านี้ และใช้ความเร็วสูงขึ้นระดับโปร หมวก"ซีนธ์"จะมีความสามารถด้านแอโร่ฯที่ดีมากตัวหนึ่ง แต่ที่ความเร็วใช้งานจริงที่องศาต่างๆส่งผลให้"ซีนธ์"มีแรง drag เกิดมากที่สุด(แอโร่น้อยสุด) มากยิ่งกว่าหมวกเสือหมอบปกติ เอส-เวิร์คส์ "พรีเวลล์" ของเสปเชียลไลซ์เสียอีก (ผมเคยบอกใครหลายคนว่า "พรีเวลล์"เป็นหมวกที่ถูกพัฒนามาให้คาเวนดิชใส่ในระยะนั้นและชูธงความแอโร่มากๆตัวหนึ่งเลยทีเดียว) อันดับ 8 ไจแอ็นท์ "รีเว็ท"
การออกแบบของไจแอ็นท์ถือว่ามาด้วยแนวทางการออกแบบหมวกแอโร่แบบใหม่ที่ออกแบบให้หมวกมีรูปทรงที่เรียบที่สุด ท้ายหมวกสั้นและกลมมนไปกับรูปทรงของศีรษะผู้สวมใส่ ช่องระบายอากาศและพื้นที่ว่างทางเดินอากาศภายในช่วยระบายความร้อนได้ดีในความเร็วสูง แต่ที่ความเร็วต่ำยังถือว่าระบายความร้อนได้ไม่ดีนัก จุดเด่นของหมวก รีเว็ท ได้แก่ราคาที่ต่ำที่สุดในท้องตลาดด้วยราคาเพียงครึ่งเดียวของหมวกโปรโทน แต่ข้อด้อยคล้ายกับ"ซีนธ์" เมื่อความเร็วไม่ได้สูงมากถึงระดับโปร หมวกรีเว็ททำประสิทธิภาพด้านแอโร่ฯได้ต่ำที่สุดเป็นอันดับที่สามจากท้ายตาราง ซึ่งกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดคะแนนลงมา และเป็นหมวกแอโร่ฯอีกตัวที่ทำประสิทธิภาพด้านแอโร่ฯได้น้อยกว่า"พรีเวลล์" อันดับ 9 จิโร่ "แอร์ แอ็ทแทค"
เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่หมวก"แอร์ แอ็ทแทค" ที่เปิดตัวในปี 2012 และเป็นจุดเริ่มของตลาดหมวกเสือหมอบแบบแอโร่ฯกลับกลายเป็นหมวกที่มีอันดับต่ำในการทดสอบ ด้วยประสิทธิภาพในอุโมงค์ลมต่ำที่สุด มีค่าเฉลี่ยของแรง drag แย่ที่สุด พ่วงมากับการระบายอากาศที่ไม่ดีในความเร็วต่ำและแค่พอใช้ที่ความเร็วสูง ร่วมกับน้ำหนักของตัวมันเอง ที่สำคัญคือความสวยที่กลุ่มตัวอย่างมองว่าเป็นหมวกที่ขาดความสวยงาม ถึงแม้จะไม่ใช่หมวกที่แย่อะไรมากนัก แต่ด้วยเหตุผลท้้งหมด แอร์ แอ็ทแทคควรทำได้ดีกว่านี้
เราควรสนใจหมวกแอโร่ฯจริงหรือ?
ในขณะที่ทีมงานไบค์เรดาร์กำลังทดสอบหาหมวกแอโร่ฯที่ดีที่สุดนั้น ก็เกิดคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้ว่า"แท้จริงแล้วเราควรสนใจหมวกแอโร่ฯหรือ?" มันเป็นความจริงทางวิทยาศาสตร์ที่หมวกที่แอโร่ฯมากกว่าเป็นตัวช่วยได้จริง ทำให้ไปได้เร็วขึ้น ไกลขึ้น ใช้แรงเท่าเดิม หรือทำให้ใช้แรงน้อยลงในความเร็วที่คงที่เหมือนกันเทียบกับหมวกแบบธรรมดา
แต่ความต่างของข้อได้เรปียบเหล่านั้นจะมากขึ้นถ้าความเร็วสูงขึ้น ในทางกลับกันถ้าไม่เร็วมาก ความได้เปรียบนั้นก็น้อยนิดจนไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลในการเลือกใช้ โดยเฉพาะถ้าคุณเพียงต้องการการออกกำลังกายที่ดี หรือขี่ตัรกรยานไปร้านโปรด นอกซะจากว่าคุณคือนักแข่งที่ต้องการความได้เปรียบอันน้อยนิดจากหมวกแอโร่ฯที่มาช่วยให้ขี่ได้เร็วขึ้น
หมวกทั้งหมดถูกอ้างจากผู้ผลิตว่าเป็นนวัตกรรมใหม่แห่งการออกแบบด้านแอโร่ฯ และมีสรรพคุณด้านต่างๆมากมายแต่ในการทดสอบที่เราตั้งมาให้ใกล้เคียงกับการใช้งานจริงๆของนักจักรยานโดยรวมกลับได้ผลการทดสอบที่ต่างออกไป หมวกอย่าง"รีเว็ท","ซีนธ์" และ "แอร์ แอ็ทแทค" กลับสร้างแรงต้านทางอากาศมากกว่าหมวกที่ไบค์เรดาร์นำมาเป็นตัวเทียบที่เป็นหมวกทั่วไปอย่าง"พรีเวลล์" (อย่าลืมว่าผลจะเปลี่ยนเมื่อใช้รูปแบบการทดสอบเปลี่ยนไป) พรีเวลล์เป็นหมวกที่มีการระบายอากาศที่ดีและน้ำหนักที่เบามาก นี่อาจไม่ใช่การทดสอบหมวกแอโร่ฯที่ดีที่สุดของไบค์เรดาร์ แต่ปีหน้า ไบค์เรดาร์จะทำการทดสอบหมวกให้ละเอียดอีกครั้ง โดยรวมเอาหมวกปกติเข้าร่วมทดสอบด้วย
มาดูตารางคะแนนที่ไบค์เรดาร์ให้ในผลการทดสอบกัน ค่าเฉลี่ยการทดสอบแอโร่ไดนามิคส์ความเร็ว 32 กม./ชม. การทดสอบแอโร่ไดนามิคส์ความเร็ว 32 กม./ชม. แต่ไบค์เรดาร์ก็ไม่ได้ย่อท้อกับผลการทดสอบที่ได้นะครับ ยังคงให้ความเป็นธรรมกับผลิตภัณฑ์ในฐานะสื่อชั้นยอดของโลกด้วยการนำคำคอมเมนท์จาก ร็อบ เวสสัน ผู้อำนวยการแผนกพัฒนาหมวกของบริษัทจิโร่มาลงเอาไว้ ซึ่งเป็นจุด"กังวล"กับผลการทดสอบในหลายๆด้านเช่นการใส่หมวกที่หุ่นจำลองที่สายรัดอาจส่งผลรบกวนค่าที่ได้, ขนาดของหมวกและหัวหุ่นจำลองไม่พอดีกันทำให้หมวกเชิดเกินไป แม้กระทั่งการวัดค่าเฉลี่ยจากมุมที่กว้างถึง 20 องศาเพราะนักจักรยานจะรับกระแสอากาศที่หมวกที่ระยะ 5 องศาเป็นส่วนมาก หมวกจึงออกแบบมาให้รับอากาศในช่วงนั้น
ทาง FASTER ที่เป็นผู้ดำเนินการทดสอบร่วมกับไบค์เรดาร์เองก็ออกมาชี้แจงถึงกระบวนการต่างๆมากมายที่"คาใจ" แต่สุดท้ายสรุปความได้ว่า
"การทดสอบนี้ควรเป็นเพียงแนวทางในการพิจารณา ไม่ได้ทำเพื่อจัดอันดับว่ามีลำดับต่างกันอย่างไร"
...แล้วเราๆล่ะครับ คิดเห็นอย่างไรกับหมวกแอโร่ฯทั้งหลาย ตัวไหนที่คิดว่าดีที่สุด เร็วที่สุด สบายที่สุด ใส่แล้วเย็น หรือใส่แล้วร้อนอบหัว ... ผมว่าต่างคนก็ต่างมีคำตอบในใจตัวเองทั้งนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่สังเกตุได้จากการทดสอบนี้คือ การจะเลือกใช้อะไร เลือกที่เหมาะสมและถูกกับปัจจัยการใช้งาน น่าจะสบายใจที่สุด
สนใจอ่านตัวเต็มๆได้ที่
http://www.bikeradar.com/road/gear/arti ... ted-44719/[homeimg=300,200]http://www.thaimtb.com/forum/picture_mt ... f193-0.jpg[/homeimg]
บทความโดย ไบค์เรดาร์
แปล/เรียบเรียง giro ThaiMTB.com
การทดสอบทำด้วยการจำลองความเร็ว 32 กม./ชม.และ และ ประมาณ 25 กม/ชม ทนที่จะใช้ความเร็ว 48 กม./ชม. เนื่องจากความเป็นจริงที่นักจักรยานโดยทั่วไปไม่ได้ใช้ความเร็วระดับนั้นได้ต่อเนื่องนานๆ แน่นอนว่าถึงหมวกเหล่นี้จะถูกออกแบบมาสำหรับการแข่งขัน แต่คงต้องยอมรับว่าบรรดานักปั่นทั่วโลกใช้ความเร็วน้อยกว่านักปั่นอาชีพเหล่านั้นมาก ที่สำคัญ แอรอน โรส ผู้อำนวยการด้านชีวะกลไกและเทคโนโลยีให้ความเห็นว่าเราไม่สามารถทำนายผลของอากาศพลศาสตร์เป็นกราฟเชิงเส้นได้ การเปลี่ยนระดับความเร็วส่งผลถึงประสิทธิภาพและอันดับอย่างแน่นอน ค่าเฉลี่ยความเร็วที่ได้มาจากฐานข้อมูลนักจักรยานที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง "สตราวา" นั่นเอง การทดสอบทั้งหมดทำที่มุม 0, 5, 10 และ 15 องศา จากนั้นนำมาหาค่าเฉลี่ยออกมาเป็นประสิทธิภาพรวมของหมวกรุ่นนั้น การระบายอากาศที่ความเร็วสุง
คณะทดสอบประเมินความสามารถของหมวกในการระบายอากาศเข้าไปในศีรษะจากรูระบายอากาศที่ความเร็ว 28-40 กม./ชม. และที่ความเร็วสูงขณะลงเขา ในเวลากลางวันแดดจัดที่โคโรราโด สหรัฐอเมริกา หมวกส่วนใหญ่ในตลาดทำงานได้อยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ หมวกบางตัวที่ระบายอากาศได้ดีอย่างน่าทึ่ง ในขณะที่บางตัวก็น่าผิดหวังในด้านนี้ การระบายอากาศที่ความเร็วต่ำ
การดักลมเข้าไประบายความร้อนในหมวกที่ความเร็วสูงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไร แต่การจะระบายอากาศร้อนๆรอบศีรษะในวันที่อากาศร้อนสุดๆของหน้าร้อน ขณะที่กำลังไต่เขายาวๆ ความเร็วไม่มากนักเป็นเรื่องที่สำคัญต่อนักปั่นมาก การทดสอบหมวกต่างๆบนการไต่เขาหลายๆลกที่ความเร็วประมาณ 16 กม./ชม. ส่งผลที่ไม่น่าแปลกใจเมื่อหมวกส่วนมากมีประสิทธิภาพการระบายอากาศในปัจจัยนี้ไม่ดีนัก เพราะนักออกแบบทำงานได้ง่ายกว่าถ้าไม่ต้องมาพะวงเรื่องรูระบายอากาศบนหมวกเพื่อพัฒนาแอโร่ฯที่ดีที่สุด ความสวยงาม
ความสวยงามเป็นเรื่องที่จับต้องได้ยาก และแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ แถมถูกการตลาดส่งให้แต่ละคนมีมุมมองความงามที่แตกต่างกันไปตามแต่ละยุคสมัย คณะทดสอบของไบค์เรดาร์ลองสอบถามกลุ่มตัวอย่างนักปั่นแบบสุ่มเพื่อเก็บข้อมูลความเห็นเกี่ยวกับการออกแบบหมวกแอโร่ฯ นำมาเปรียบเทียบเป็นแนวทางในการประเมินความสวยของหมวกเพื่อให้คะแนน น้ำหนัก
น้ำหนักของหมวกแอโร่ฯย่อมหนักกว่าหมวกปกติอยู่แล้ว แต่น้ำหนักที่ดูแตกต่างกันเพียง 40-50 กรัมดูน้อยนิดในกระดาษข้อมูลผลิตภัณฑ์นั้นเป็นปัจจัยที่ส่งผลถึงระดับ"รู้สึกได้"ในการขี่ยาวๆ 4 ชม. สำหรับจักรยานนั้นเป็นเรื่องปกติมากที่จะพูดว่า "เบากว่าย่อมดีกว่า" เสมอ ราคา
จากกลุ่มตัวอย่างพบว่าราคาของหมวกแอโร่ฯที่แตกต่างกันระหว่างตัวที่แพงที่สุดและถูกที่สุดต่างกันมากถึง 2:1 การประเมินราคาของหมวกแอโร่ฯใช้เกณฑ์ในการให้คะแนน หมวกที่ถูกกว่าย่อมมีคะแนนดีกว่าในด้านราคา
*สำหรับประเทศไทย หมวกต่างๆถูกปรับให้มีราคาแตกต่างจากตลาดอื่นๆในโลกอาจถูกหรือแพงกว่าขึ้นอยู่กับปัจจัยการนำเข้าและตั้งราคา ดังนั้นหมวดนี้อาจไม่ได้สอดคล้องกับบริบทของบ้านเรานะครับ ดังนั้นผมจะไม่เอาราคามาลง ผลการให้คะแนนโดยไบค์เรดาร์ อันดับ 1 บอนเทรเจอร์ "บาลิสต้า"
บอนเทรเจอร์ส่งหมวกแอโร่ฯ"บาลิสต้า"ออกสู่ตลาดช้ากว่าเพื่อนด้วยการออกจัดจำหน่ายไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาในช่วงเริ่มแข่งรายการ Tour de France นี้เอง และแน่นอนว่าได้ทำการศึกษาพัฒนาต่อยอดจากข้อสเีย และจุดด้อยของหมวกคู่แข่งมาแล้วเป็นอย่างดี ทำให้ไบค์เรดาร์ให้คะแนนรวมของบาลิสต้าขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาหมวกที่นำมาทดสอบทั้งหมด
ประสิทธิภาพด้านแอโร่ฯของบาลิสต้าได้อันดับที่สอง แต่ผลรวมได้จากความสามารถในการระบายอากาศที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งที่ความเร็วสูงและความเร็วต่ำ ผู้สวมใส่สามารถรู้สึกถึงอากาศที่ผ่านเข้าไปในหมวกได้ ช่องระบายอากาศด้านหน้าอยู๋ในตำแหน่งที่สามารถให้ลมผ่านเข้าไประบายอากาศร้อนในความเร็วต่ำได้เป็นอย่างดี มีราคาอยู่ในระดับเกือบๆถูกที่สุด มีหน้าตาอยู่ในกลุ่มที่จัดว่าหน้าตาดีจากกลุ่มตัวอย่าง รวมถึงมีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบาอันดับต้นๆ อันดับ 2 หลุยส์กาโนร์ "คอร์ส"
รูปทรงของหมวกหลุยส์กาโนร์อาจดูไม่เหมือนหมวกแอโร่ฯ แต่ผลการทดสอบที่สามารถทำประสิทธิภาพได้อยู๋ในระดับกลางตารางของพิสูจน์ให้เห็นว่าการออกแบบรูระบายอากาศที่ดีสามารถสร้างการระบายอากาศที่ดีแต่ยังได้เปรียบด้านแอโร่ฯได้ด้วย การระบายอากาศทำได้ดีมากทั้งที่ความเร็วสุงและความเร็วต่ำ ทำให้คณะกรรมการที่ทำการทดสอบลงมติกันยกให้"คอร์ส" เป็นหมวกแอโร่ฯที่ดีที่สุดเป็นอันดับที่สอง ด้วยสมรรทนะโดยรวมอยู่ในระดับกลางทุกอย่าง ถ้าคุณจะเลือกมหวกสำหรับพื้นที่อากาศร้อน ชื้น อบอ้าว หมวกหลุยส์กาโนร์ คอร์ส เป็นหมวกแอโร่ที่น่าสนใจที่สุดจากจุดเด่นด้านช่องระบายอากาศนั่นเอง อันดับ 3 แคสค์ "โปรโทน"
รูปทรงของหมวกที่อาศัยการพัฒนามาหลายรุ่นส่งผลให้หมวกมีขนาดกระทัดรัดเรียบติดกับรูปทรงของศีรษะที่สุด เพื่อลดผลกระทบต่อกระแสอากาศที่ผ่านไปให้มากที่สุด ช่องระบายอากาศด้านหน้าถูกออกแบบและวางตำแหน่งมาเป็นอย่างดี ส่วนบนของหมวกทึบตันให้อากาศไหลผ่านเรียบไปกับหมวกได้ เช่นเดียวกับคอร์ส หมวกโปรโทนทำประสิทธิภาพได้ดีในระดับกลางๆด้านแอโร่ฯ แต่มีความโดดเด่นมากในด้านการระบายอากาศที่ความเร็วสูง ที่ความเร็วต่ำทำงานได้ไม่เด่นมากตามคาดเมื่อขาดช่องระบายอากาศในส่วนด้านบนของหมวก ด้านความสวยงามหมวกโปรโทนจัดว่าสวยที่สุดในอันดับต้นๆจากรูปทรงที่ดูเร็วแต่ไม่ได้ล้ำหน้ามากจนเหมือนหลุดมาจากนิยายวิทยาศาสตร์ ข้อเสียสำคัญคือเป็นหนึ่งในหมวกที่ราคาแพงที่สุดด้วยเช่นกัน อันดับ 4 เสปเชียลไลซ์ เอส-เวิร์คส์ "อีเวด"
ความที่"อีเวด"เป็นหมวกแอโร่ฯรุ่นแรกๆดูเหมือนว่าความเก่าแก่จะด้อยในการรับมือกับคู่แข่งหน้าใหม่ๆ เนื่องจากด้านราคาก็เป็นหนึ่งในหมกที่แพงที่สุดในตลาด ด้านการระบายอากาศที่ทำได้ในความเร็วสูงแต่ที่ความเร็วต่ำดูจะเป็นปัญหาเมื่ออากาศไม่สามารถผ่านเข้าไปในหมวกทรงหยดน้ำลู่ลมได้ ที่สำคัญ เป็นหนึ่งในหมวกที่หนักที่สุดในตลาด ด้านความเร็วที่ทดสอบได้ค่าเฉลี่ยเป็นอันดับที่ 4 ในด้านแอโร่ไดนามิคส์ จัดว่าเป็นจุดเด่นของหมวกอีเวดที่ยังอยู่ในระดับแนวหน้าได้ อันดับ 5 เบลล์ "สตาร์โปร"
เบลล์ "สตาร์โปร" ได้อันดับหนึ่งอย่างชัดเจนในด้านแอโร่ไดนามิคส์ ในทุกมุมองศาของกระแสลม ถ้าความเร็วคือปัจจัยที่คุณต้องการ สตาร์โปรตอบโจทย์ได้ดีที่สุด เบลล์พยยามพัฒนาระบบการปรับเปิด-ปิดช่องระบายอากาศบนหมวกได้อย่างงา่ยๆเพียงเลื่อนปุ่ม แต่การทดสอบพบว่าผลต่างของช่องระบายอากาศที่เปิดหรือปิดอยู่มีผลน้อยมากจนใกล้ 0 ซึ่งกลายเป็นข้อเสียทันทีเมื่อพูดถึงด้านการระบายอากาศเพราะมีลมเข้าไประบายความร้อนด้านในน้อยมาก คุณอาจรู้สึกเย็นขึ้นบ้างถ้าขยับหัวปรับมุมขึ้นลง แต่การออกแบบที่ว่างภายในและตำแหน่งช่องอากาศที่ทำให้ลมเข้าไปได้ยากกลายเป็นปัญหาที่เปลี่ยนหมวกให้กลายเป็นหม้ออบไอน้ำเวลาไต่เขาได้ทันที ระบบกลไกลต่างๆก็เป็นคำถามถึงเรื่องอายุการใช้งานระยะยาว เพราะหมวกเหมือนถูกออกแบบมาเป็นสองขั้นซ้อนแซนวิชกันอยู่ นักทดสอบบางคนให้ความเห็นว่าหมวกสตาร์โปรเหมาะกับช่วงอากาศเย็นๆก่อนฤดูหนาว(บ้านเราก็หน้าหนาว) ในการแข่งไซโคลครอสที่เริ่มด้วยการปิดรูระบายเพื่อให้ภายในหมวกอุ่นและเปิดออกระบายเมื่อเริ่มปั่นไปได้สักระยะ อันดับ 6 พ็อค "อ็อคตัล แอโร่"
ไม่น่าแปลกใจที่หมวก"อ็อคตัล แอโร่ฯ"จะทำประสิทธิภาพได้ดีเป็นอันดับที่ 3 ในแง่ของการทดสอบด้านแอโร่ไดนามิคส์จากรูปทรงที่เรียบ ผิวด้านนอกของหมวกแทบไม่มีรูอะไรมารบกวนกระแสอากาศที่วิ่งผ่านไปเลย แต่ก็คงไม่ยากถ้าจะตั้งข้อสงสัยในด้านการระบายอากาศของหมวกนี้ตามมาด้วย โครงสร้างหมวกภายในเป็นตัวเดียวกับ"อ็อคตัล"ธรรมดาแต่เปลี่ยนผิวหุ้มด้านนอกให้ปิดเรียบ ดังนั้นหมวกจึงมีช่องว่างระหว่างผิวของหมวกและศีรษะมากว่าปกติ มีช่องว่างระหว่างรูระบายอากาศและหน้าผากที่ลมสามารถผา่นเข้าไปได้และออกด้านหลังที่มีช่องระบายขนาดใหญ่ ดังนั้นที่ความเร็วสูง หมวกสามารถระบายความร้อนได้ แต่เมื่อความเร็วต่ำลงความสามารถในการระบายอากาศลดฮวบลงทันที ปัญหาในการเข้าไต่อันดับต้นๆอยู่ที่หน้าตาของหมวก(ที่มีกลุ่มตัวอย่างบอกว่ามันคือลูกโบวลิ่ง) และราคาที่สูงลิ่วเป็นปัจจัยสำคัญ อันดับ 7 จิโร่ "ซินธ์"
จุดเด่นด้านการระบายอากาศดีเยี่ยมยอดทั้งความเร็วสูงและต่ำ น้ำหนักหมวกที่สมเหตุสมผล รวมถึงหน้าตาที่สวยจนเป็นที่ยอมรับของกลุ่มตัวอย่าง แต่ปัจจัยหลักที่ทำให้ได้อันดับคะแนนรวมต่ำกว่าที่ควรคือความสามารถด้านแอโร่ฯของหมวกที่น้อยกว่าคู่แข่ง จากการทดสอบที่จำลองการใช้งานจริงของนักจักรยานทั่วไปมากกว่านักแข่งที่หมวกถูกออกแบบมา หากเราปรับมุมของศีรษะให้ก้มกว่านี้ และใช้ความเร็วสูงขึ้นระดับโปร หมวก"ซีนธ์"จะมีความสามารถด้านแอโร่ฯที่ดีมากตัวหนึ่ง แต่ที่ความเร็วใช้งานจริงที่องศาต่างๆส่งผลให้"ซีนธ์"มีแรง drag เกิดมากที่สุด(แอโร่น้อยสุด) มากยิ่งกว่าหมวกเสือหมอบปกติ เอส-เวิร์คส์ "พรีเวลล์" ของเสปเชียลไลซ์เสียอีก (ผมเคยบอกใครหลายคนว่า "พรีเวลล์"เป็นหมวกที่ถูกพัฒนามาให้คาเวนดิชใส่ในระยะนั้นและชูธงความแอโร่มากๆตัวหนึ่งเลยทีเดียว) อันดับ 8 ไจแอ็นท์ "รีเว็ท"
การออกแบบของไจแอ็นท์ถือว่ามาด้วยแนวทางการออกแบบหมวกแอโร่แบบใหม่ที่ออกแบบให้หมวกมีรูปทรงที่เรียบที่สุด ท้ายหมวกสั้นและกลมมนไปกับรูปทรงของศีรษะผู้สวมใส่ ช่องระบายอากาศและพื้นที่ว่างทางเดินอากาศภายในช่วยระบายความร้อนได้ดีในความเร็วสูง แต่ที่ความเร็วต่ำยังถือว่าระบายความร้อนได้ไม่ดีนัก จุดเด่นของหมวก รีเว็ท ได้แก่ราคาที่ต่ำที่สุดในท้องตลาดด้วยราคาเพียงครึ่งเดียวของหมวกโปรโทน แต่ข้อด้อยคล้ายกับ"ซีนธ์" เมื่อความเร็วไม่ได้สูงมากถึงระดับโปร หมวกรีเว็ททำประสิทธิภาพด้านแอโร่ฯได้ต่ำที่สุดเป็นอันดับที่สามจากท้ายตาราง ซึ่งกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดคะแนนลงมา และเป็นหมวกแอโร่ฯอีกตัวที่ทำประสิทธิภาพด้านแอโร่ฯได้น้อยกว่า"พรีเวลล์" อันดับ 9 จิโร่ "แอร์ แอ็ทแทค"
เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่หมวก"แอร์ แอ็ทแทค" ที่เปิดตัวในปี 2012 และเป็นจุดเริ่มของตลาดหมวกเสือหมอบแบบแอโร่ฯกลับกลายเป็นหมวกที่มีอันดับต่ำในการทดสอบ ด้วยประสิทธิภาพในอุโมงค์ลมต่ำที่สุด มีค่าเฉลี่ยของแรง drag แย่ที่สุด พ่วงมากับการระบายอากาศที่ไม่ดีในความเร็วต่ำและแค่พอใช้ที่ความเร็วสูง ร่วมกับน้ำหนักของตัวมันเอง ที่สำคัญคือความสวยที่กลุ่มตัวอย่างมองว่าเป็นหมวกที่ขาดความสวยงาม ถึงแม้จะไม่ใช่หมวกที่แย่อะไรมากนัก แต่ด้วยเหตุผลท้้งหมด แอร์ แอ็ทแทคควรทำได้ดีกว่านี้
เราควรสนใจหมวกแอโร่ฯจริงหรือ?
ในขณะที่ทีมงานไบค์เรดาร์กำลังทดสอบหาหมวกแอโร่ฯที่ดีที่สุดนั้น ก็เกิดคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้ว่า"แท้จริงแล้วเราควรสนใจหมวกแอโร่ฯหรือ?" มันเป็นความจริงทางวิทยาศาสตร์ที่หมวกที่แอโร่ฯมากกว่าเป็นตัวช่วยได้จริง ทำให้ไปได้เร็วขึ้น ไกลขึ้น ใช้แรงเท่าเดิม หรือทำให้ใช้แรงน้อยลงในความเร็วที่คงที่เหมือนกันเทียบกับหมวกแบบธรรมดา
แต่ความต่างของข้อได้เรปียบเหล่านั้นจะมากขึ้นถ้าความเร็วสูงขึ้น ในทางกลับกันถ้าไม่เร็วมาก ความได้เปรียบนั้นก็น้อยนิดจนไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลในการเลือกใช้ โดยเฉพาะถ้าคุณเพียงต้องการการออกกำลังกายที่ดี หรือขี่ตัรกรยานไปร้านโปรด นอกซะจากว่าคุณคือนักแข่งที่ต้องการความได้เปรียบอันน้อยนิดจากหมวกแอโร่ฯที่มาช่วยให้ขี่ได้เร็วขึ้น
หมวกทั้งหมดถูกอ้างจากผู้ผลิตว่าเป็นนวัตกรรมใหม่แห่งการออกแบบด้านแอโร่ฯ และมีสรรพคุณด้านต่างๆมากมายแต่ในการทดสอบที่เราตั้งมาให้ใกล้เคียงกับการใช้งานจริงๆของนักจักรยานโดยรวมกลับได้ผลการทดสอบที่ต่างออกไป หมวกอย่าง"รีเว็ท","ซีนธ์" และ "แอร์ แอ็ทแทค" กลับสร้างแรงต้านทางอากาศมากกว่าหมวกที่ไบค์เรดาร์นำมาเป็นตัวเทียบที่เป็นหมวกทั่วไปอย่าง"พรีเวลล์" (อย่าลืมว่าผลจะเปลี่ยนเมื่อใช้รูปแบบการทดสอบเปลี่ยนไป) พรีเวลล์เป็นหมวกที่มีการระบายอากาศที่ดีและน้ำหนักที่เบามาก นี่อาจไม่ใช่การทดสอบหมวกแอโร่ฯที่ดีที่สุดของไบค์เรดาร์ แต่ปีหน้า ไบค์เรดาร์จะทำการทดสอบหมวกให้ละเอียดอีกครั้ง โดยรวมเอาหมวกปกติเข้าร่วมทดสอบด้วย
มาดูตารางคะแนนที่ไบค์เรดาร์ให้ในผลการทดสอบกัน ค่าเฉลี่ยการทดสอบแอโร่ไดนามิคส์ความเร็ว 32 กม./ชม. การทดสอบแอโร่ไดนามิคส์ความเร็ว 32 กม./ชม. แต่ไบค์เรดาร์ก็ไม่ได้ย่อท้อกับผลการทดสอบที่ได้นะครับ ยังคงให้ความเป็นธรรมกับผลิตภัณฑ์ในฐานะสื่อชั้นยอดของโลกด้วยการนำคำคอมเมนท์จาก ร็อบ เวสสัน ผู้อำนวยการแผนกพัฒนาหมวกของบริษัทจิโร่มาลงเอาไว้ ซึ่งเป็นจุด"กังวล"กับผลการทดสอบในหลายๆด้านเช่นการใส่หมวกที่หุ่นจำลองที่สายรัดอาจส่งผลรบกวนค่าที่ได้, ขนาดของหมวกและหัวหุ่นจำลองไม่พอดีกันทำให้หมวกเชิดเกินไป แม้กระทั่งการวัดค่าเฉลี่ยจากมุมที่กว้างถึง 20 องศาเพราะนักจักรยานจะรับกระแสอากาศที่หมวกที่ระยะ 5 องศาเป็นส่วนมาก หมวกจึงออกแบบมาให้รับอากาศในช่วงนั้น
ทาง FASTER ที่เป็นผู้ดำเนินการทดสอบร่วมกับไบค์เรดาร์เองก็ออกมาชี้แจงถึงกระบวนการต่างๆมากมายที่"คาใจ" แต่สุดท้ายสรุปความได้ว่า
"การทดสอบนี้ควรเป็นเพียงแนวทางในการพิจารณา ไม่ได้ทำเพื่อจัดอันดับว่ามีลำดับต่างกันอย่างไร"
...แล้วเราๆล่ะครับ คิดเห็นอย่างไรกับหมวกแอโร่ฯทั้งหลาย ตัวไหนที่คิดว่าดีที่สุด เร็วที่สุด สบายที่สุด ใส่แล้วเย็น หรือใส่แล้วร้อนอบหัว ... ผมว่าต่างคนก็ต่างมีคำตอบในใจตัวเองทั้งนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่สังเกตุได้จากการทดสอบนี้คือ การจะเลือกใช้อะไร เลือกที่เหมาะสมและถูกกับปัจจัยการใช้งาน น่าจะสบายใจที่สุด
สนใจอ่านตัวเต็มๆได้ที่
http://www.bikeradar.com/road/gear/arti ... ted-44719/[homeimg=300,200]http://www.thaimtb.com/forum/picture_mt ... f193-0.jpg[/homeimg]
ฟังสาระจักรยาน Podcast
https://open.spotify.com/show/76iDUCWXgqqixg1CmoSDIp
ข่าวสารจัรกยาน
https://www.facebook.com/cyclinghubthailand/
https://open.spotify.com/show/76iDUCWXgqqixg1CmoSDIp
ข่าวสารจัรกยาน
https://www.facebook.com/cyclinghubthailand/
- lucifer
- ขาประจำ
- โพสต์: 6413
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
- team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
- Bike: Only 2-wheels bike
- ติดต่อ:
Re: ทดสอบหมวกเสือหมอบแบบ Aero
ขอบคุณ คุณ giro ครับ
ผมมีหมวกที่ใส่ได้อยู่ไม่กี่ยี่ห้อจริงๆ ทรงของหมวกกับทรงของหัวมันไม่ค่อยจะไปด้วยกัน ในนี้ดูแล้วมีspecialized ยี่ห้อเดียวที่ลองแล้วพอดีกับหัวที่สุด ก็เลยได้ Evade มาใช้ ผลคือ Evade นี่ก็หนักจริง ไรจริง ครับ ซื้อเพราะว่ามีหมวกไม่กี่ยี่ห้อที่พอดีกับหัวที่ไม่ได้มาตรฐานของผม
เอาไปลงขี่สวนผึ้ง 100 กม.ทั้งก้ม ทั้งหมอบเพื่อความaeroสุดๆแล้ว รู้แล้วว่าที่มันเมื่อยต้นคอจุงเบย ก็มีสาเหตุมาจากน้ำหนักของหมวกนี่แหละครับ
ผมมีหมวกที่ใส่ได้อยู่ไม่กี่ยี่ห้อจริงๆ ทรงของหมวกกับทรงของหัวมันไม่ค่อยจะไปด้วยกัน ในนี้ดูแล้วมีspecialized ยี่ห้อเดียวที่ลองแล้วพอดีกับหัวที่สุด ก็เลยได้ Evade มาใช้ ผลคือ Evade นี่ก็หนักจริง ไรจริง ครับ ซื้อเพราะว่ามีหมวกไม่กี่ยี่ห้อที่พอดีกับหัวที่ไม่ได้มาตรฐานของผม
เอาไปลงขี่สวนผึ้ง 100 กม.ทั้งก้ม ทั้งหมอบเพื่อความaeroสุดๆแล้ว รู้แล้วว่าที่มันเมื่อยต้นคอจุงเบย ก็มีสาเหตุมาจากน้ำหนักของหมวกนี่แหละครับ
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน
-
- สมาชิก
- โพสต์: 74
- ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2015, 01:02
Re: ทดสอบหมวกเสือหมอบแบบ Aero
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ....
- ClassiccizzalD
- ขาประจำ
- โพสต์: 257
- ลงทะเบียนเมื่อ: 13 เม.ย. 2015, 07:11
- Bike: Canyon Aeroad cf slx
Re: ทดสอบหมวกเสือหมอบแบบ Aero
ข้อมูลดีมากเลยครับ
- KleinMantra1998
- ขาประจำ
- โพสต์: 567
- ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2015, 14:48
- Bike: Trek
Re: ทดสอบหมวกเสือหมอบแบบ Aero
ขอบคุณครับ
- pskorat
- ขาประจำ
- โพสต์: 1607
- ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 07:13
- Tel: 044-257259
- Bike: TREK2300,GIANT NRS I , JAMIS XENITH
Re: ทดสอบหมวกเสือหมอบแบบ Aero
กำลังจะติงเรื่องหัวหุ่นคงที่แต่หมวกแปรเปลี่ยน อยู่พอดีครับ ... และกำลังคิดถึงแบบไม้ที่ช่างรองเท้าใช้เพื่อขยายทรงรองเท้าหนังอยู่น่ะครับ ถ้าเอามาประยุกต์กับหัวหุ่นให้กระชับกับด้านในของหมวกแต่ละทรง แต่ละยี่ห้อได้ก็น่าจะได้ค่าการทดลองทีใกล้ความจริงโดยไม่มีข้อโต้แย้งว่า..หัวหุ่น ไม่พอดีกับหมวก เพราะเวลาเราเลือกหมวก หมวกต้องพอดีกับหัว..เป็นอันดับแรกเลยใช่ไหมครับ ??? อย่างอื่นน่ามาทีหลัง(นะ..ผมว่า..!!)
-
- สมาชิก
- โพสต์: 52
- ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ต.ค. 2008, 20:01
- Tel: 0818362534
- team: อิสระ
- Bike: gary fisher:wahoo
Re: ทดสอบหมวกเสือหมอบแบบ Aero
ขอบคุณมากครับ
- irat
- ขาประจำ
- โพสต์: 879
- ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ธ.ค. 2013, 11:57
- team: 18+
Re: ทดสอบหมวกเสือหมอบแบบ Aero
เคยเอาหมวกแอโร่ไปขี่เทียบกับหมวกธรรมดา ขี่เดียวกับคุมวัตต์ ช่วงนั้นลมแรงไม่ต่างกัน
75 กิโล หมวก Evade ถึงก่อน Prevail 3 นาที
75 กิโล หมวก Evade ถึงก่อน Prevail 3 นาที
สายแฟชั่น ปั่นเรื่อยเปื่อย
- nond9972
- ขาประจำ
- โพสต์: 897
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ย. 2012, 13:10
- Tel: 0942653514
- team: Turtle Cycling Club Thailand / SoitanBKK
- Bike: Kaze Race Ronin-ER
- ตำแหน่ง: facebook : nond9972
- ติดต่อ:
Re: ทดสอบหมวกเสือหมอบแบบ Aero
หลังๆ ผมเน้นหมวกที่ใส่แล้วพอดีหัว ไม่ต้องรัดมากเพื่อให้แน่น ปรับรัดแค่พอดีๆ โดยไม่มีส่วนใดกดรอบศีรษะ
ส่วนตัว ชอบหมวกจักรยาน ลองมาก็หลายใบ ซื้อมาขายไปก็หลายใบ ตอนนี้ คงเหลืออยู่ ตามนี้ ที่เลือกแล้วว่า ใส่สบายหัวจริง (หัวผมนะ) เรื่องหมวก หัวใครหัวมัน นะครับ
สิ้นเปลือง ก็รู้นะ รู้ แต่ชอบ แม้จะมีหัวเดียวใส่ได้ทีละใบก็เหอะ
ส่วนตัว ชอบหมวกจักรยาน ลองมาก็หลายใบ ซื้อมาขายไปก็หลายใบ ตอนนี้ คงเหลืออยู่ ตามนี้ ที่เลือกแล้วว่า ใส่สบายหัวจริง (หัวผมนะ) เรื่องหมวก หัวใครหัวมัน นะครับ
สิ้นเปลือง ก็รู้นะ รู้ แต่ชอบ แม้จะมีหัวเดียวใส่ได้ทีละใบก็เหอะ
>>เรื่องปั่นเรามักท้อ เรื่องแต่ง(รถ)หล่อเราไม่เคยพอ<<
- tct14339
- ขาประจำ
- โพสต์: 250
- ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ธ.ค. 2011, 18:00
- Bike: Bianchi/Scott
- ติดต่อ:
Re: ทดสอบหมวกเสือหมอบแบบ Aero
อยากฟังเสียงรีวิวจากผุ้ใช้งานจริงบ้างครับ เป้นอย่างเค้าว่ามั้ยน้าnond9972 เขียน:หลังๆ ผมเน้นหมวกที่ใส่แล้วพอดีหัว ไม่ต้องรัดมากเพื่อให้แน่น ปรับรัดแค่พอดีๆ โดยไม่มีส่วนใดกดรอบศีรษะ
ส่วนตัว ชอบหมวกจักรยาน ลองมาก็หลายใบ ซื้อมาขายไปก็หลายใบ ตอนนี้ คงเหลืออยู่ ตามนี้ ที่เลือกแล้วว่า ใส่สบายหัวจริง (หัวผมนะ) เรื่องหมวก หัวใครหัวมัน นะครับ
สิ้นเปลือง ก็รู้นะ รู้ แต่ชอบ แม้จะมีหัวเดียวใส่ได้ทีละใบก็เหอะ
- nond9972
- ขาประจำ
- โพสต์: 897
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ย. 2012, 13:10
- Tel: 0942653514
- team: Turtle Cycling Club Thailand / SoitanBKK
- Bike: Kaze Race Ronin-ER
- ตำแหน่ง: facebook : nond9972
- ติดต่อ:
Re: ทดสอบหมวกเสือหมอบแบบ Aero
มิบังอาจลงดีเทลแบบเค้าครับtct14339 เขียน:อยากฟังเสียงรีวิวจากผุ้ใช้งานจริงบ้างครับ เป้นอย่างเค้าว่ามั้ยน้าnond9972 เขียน:หลังๆ ผมเน้นหมวกที่ใส่แล้วพอดีหัว ไม่ต้องรัดมากเพื่อให้แน่น ปรับรัดแค่พอดีๆ โดยไม่มีส่วนใดกดรอบศีรษะ
ส่วนตัว ชอบหมวกจักรยาน ลองมาก็หลายใบ ซื้อมาขายไปก็หลายใบ ตอนนี้ คงเหลืออยู่ ตามนี้ ที่เลือกแล้วว่า ใส่สบายหัวจริง (หัวผมนะ) เรื่องหมวก หัวใครหัวมัน นะครับ
สิ้นเปลือง ก็รู้นะ รู้ แต่ชอบ แม้จะมีหัวเดียวใส่ได้ทีละใบก็เหอะ
เอาแค่ ว่ามันใส่สบาย เหมาะสมกับทรงหัวเรา + ใส่แล้ว ไม่ขี้เหร่ ไม่ดูง่อย ก็พอละครับ
ส่วนเรื่องความเย็นสบาย ผมว่า ยังไงซะ ผมก็ไม่ค่อยได้ใช้ความเร็วสูงเท่าไหร่ ก็มีเพียงอีเวด ที่อาจจะหนักและร้อนกว่าใบอื่นๆ ก็เท่านั้นเอง จริงๆ ก็ไม่น่าซีเรียสอะไรหรอกครับ ใช้ไปเถอะ ขอเพียงหมวกที่มีมาตรฐานและเราฝากชีวิตและความปลอดภัยของหัวเราไว้ได้ ก็พอแล้ว
ฝากมุมบนให้ดูอีกภาพละกัน
คงพอจะดูออกนะว่า ใบไหน จะระบายอากาศได้ดี เมื่อไม่ได้ใช้ความเร็วสูง
>>เรื่องปั่นเรามักท้อ เรื่องแต่ง(รถ)หล่อเราไม่เคยพอ<<
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 3092
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 15:14
- Tel: 0865040751
- team: Team Bike And Body Cycoling
- Bike: Kemo KE-R5, Giant Propel Advance SL, Specialized Alez E5 Revolution
- ตำแหน่ง: ซอยอารีย์ พหลโยธิน กทม.
- ติดต่อ:
Re: ทดสอบหมวกเสือหมอบแบบ Aero
เขานี่ตัวดีว่ากันว่า octal ระบายอากาศที่ความเร็วต่ำได้ดีกว่า ยrevail
ผมเคยเอา octal ไปซัดโครมๆลองดู มันเย็นพอๆกับ prevail นะ แต่ลืมลองตอนช้าๆไปว่ามันเป็นไงบ้าง
แต่ผมชอบ prevail ตรงที่ลมตรง ลมข้าง ลมเฉียง หมวกสามารถดักลมได้ดีมาก ในขณะที่เค้าเคลมว่ามันแอโร่ที่สุดในยุคนั้นดวย
แต่หัวผมชอบ Lazer สุด เย็นสบายเข้ากับรูปร่างหัว แต่ใส่ prevail ประชาชีลงมติว่าดูดีกว่า
หมวกแอโร่หล่อแค่ไหนผมก็ไม่ใส่ ...เพราะผมขี่นานกว่า และเรื่องมากเรื่องเหงื่อหยด รำคาญเวลามันหยดลงแว่น เช็ดก็ลำบาก ยิ่งบนเขานี่ตัวดีเลย
แต่ก็มีบาง moment ที่อยากหล่อบ้าง หวิดๆจะสอยหมวกแอโร่มาขี่สั้นๆหลายรอบละครับ แต่นึกถึงเมื่อก่อนมีหมวก TT ปีนึงใส่ 3 ครั้ง ... ใส่ไปครั้งละพันบาท รู้สึกไม่คุ้มเลย
ผมเคยเอา octal ไปซัดโครมๆลองดู มันเย็นพอๆกับ prevail นะ แต่ลืมลองตอนช้าๆไปว่ามันเป็นไงบ้าง
แต่ผมชอบ prevail ตรงที่ลมตรง ลมข้าง ลมเฉียง หมวกสามารถดักลมได้ดีมาก ในขณะที่เค้าเคลมว่ามันแอโร่ที่สุดในยุคนั้นดวย
แต่หัวผมชอบ Lazer สุด เย็นสบายเข้ากับรูปร่างหัว แต่ใส่ prevail ประชาชีลงมติว่าดูดีกว่า
หมวกแอโร่หล่อแค่ไหนผมก็ไม่ใส่ ...เพราะผมขี่นานกว่า และเรื่องมากเรื่องเหงื่อหยด รำคาญเวลามันหยดลงแว่น เช็ดก็ลำบาก ยิ่งบนเขานี่ตัวดีเลย
แต่ก็มีบาง moment ที่อยากหล่อบ้าง หวิดๆจะสอยหมวกแอโร่มาขี่สั้นๆหลายรอบละครับ แต่นึกถึงเมื่อก่อนมีหมวก TT ปีนึงใส่ 3 ครั้ง ... ใส่ไปครั้งละพันบาท รู้สึกไม่คุ้มเลย
ฟังสาระจักรยาน Podcast
https://open.spotify.com/show/76iDUCWXgqqixg1CmoSDIp
ข่าวสารจัรกยาน
https://www.facebook.com/cyclinghubthailand/
https://open.spotify.com/show/76iDUCWXgqqixg1CmoSDIp
ข่าวสารจัรกยาน
https://www.facebook.com/cyclinghubthailand/
- ballbeing
- ขาประจำ
- โพสต์: 629
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.พ. 2013, 23:29
- Bike: จักรยานตีนถีบ มือจับ สับเกียร์ หนีเมียปั่น
Re: ทดสอบหมวกเสือหมอบแบบ Aero
เยี่ยมเลยครับคุณจีโร่
ผมเองก็เก็บหมวกแอโร่ไว้ใส่เอาหล่อ เอาเร็วใบหนึ่ง
แต่ที่ใส่ประจำก็เอาแบบรูเต็มหัวระบายอากาศสุดติ่งเพราะเมืองไทยมันร้อนเหลือหลาย
ผมเองก็เก็บหมวกแอโร่ไว้ใส่เอาหล่อ เอาเร็วใบหนึ่ง
แต่ที่ใส่ประจำก็เอาแบบรูเต็มหัวระบายอากาศสุดติ่งเพราะเมืองไทยมันร้อนเหลือหลาย
-
- สมาชิก
- โพสต์: 70
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 เม.ย. 2013, 16:34
- team: Morning Tiger, True Sharing
- Bike: Giant Propel Advance ISP
Re: ทดสอบหมวกเสือหมอบแบบ Aero
ผมใช้ casco speedairo ครับเหตุทีีใช้เพราะมันมีvisorครับ เรื่ิงระบายอากาศดีครับ แต่เห็น review ของคุณgiro แอบเทใจให้ bontrager เหมือนกันครับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 3092
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 15:14
- Tel: 0865040751
- team: Team Bike And Body Cycoling
- Bike: Kemo KE-R5, Giant Propel Advance SL, Specialized Alez E5 Revolution
- ตำแหน่ง: ซอยอารีย์ พหลโยธิน กทม.
- ติดต่อ:
Re: ทดสอบหมวกเสือหมอบแบบ Aero
ไม่ใช่ของพ้มครับ ของ bikeradar เดี๋ยวจะโดนข้อหาละเมิดลิขสิทธิออนไลน์ กำลังร้อนแรงมาใหม่ อิอิ
เอาเป็นว่า แปลมาให้แบ่งปันกันครับ ครั้นจะขอซื้อจากเค้าเลยก็ ... ไม่ง่ายเสียด้วยสิ ทำตัวเป็นแผ่นผีซีดีเถื่อนไปก่อนละกันนะครับ แต่ผมตรงปกแน่นอน
เอาเป็นว่า แปลมาให้แบ่งปันกันครับ ครั้นจะขอซื้อจากเค้าเลยก็ ... ไม่ง่ายเสียด้วยสิ ทำตัวเป็นแผ่นผีซีดีเถื่อนไปก่อนละกันนะครับ แต่ผมตรงปกแน่นอน
ฟังสาระจักรยาน Podcast
https://open.spotify.com/show/76iDUCWXgqqixg1CmoSDIp
ข่าวสารจัรกยาน
https://www.facebook.com/cyclinghubthailand/
https://open.spotify.com/show/76iDUCWXgqqixg1CmoSDIp
ข่าวสารจัรกยาน
https://www.facebook.com/cyclinghubthailand/