user review KEMO KE-R8 5KS

[giro]

KEMO (เคโม) KE-R8 5KS ในทรรศนะของข้าพเจ้า

รถยี่ห้อไม่คุ้นหู แต่คุ้นตาแฟนจักรยาน คันนี้เป็นคันที่ 2 ที่ผมได้รับจากบริษํทที่นำเข้ามาให้"ลอง" หลังจากที่ได้เอา KE-R5 เฟรมแอโร่บุคลิกแปลกมาลอง โครงการสำคัญ ของดีต้องรอกินทีหลังคือ KE-R8 5KS หนึ่งในรถไต่เขาที่ได้รับการพูดถึงมากในงานจักรยานสากล เพราะเฟรมตัวนี้มากับการออกแบบที่ "มั่นใจ" มากๆ โดยนักออกแบบเฟรมจักรยาน มาริโอ โคมาลี่ อดีตผู้ออกแบบจักรยานยี่ห้อ KUOTA ที่โด่งดัง อย่าถามผมนะครับว่าทำไมมันแยกมาทำ ...มีแต่เทียนนั่งเดาครับ ไม่รู้จริงๆว่าไม่พอใจอะไรกัน เอาเป็นว่าเค้าถอนตัวออกมาแบบเป็นทางการ บริษัทแม่ที่ดูแลแบรนด์ K ตัวเก่า ก็แถลงว่าได้ทำการถอนทุนและปล่อยยี่ห้อเดิมพร้อมเปิดตัวการทำจักรยานยี่ห้อ KEMO อย่างเต็มตัว และเรือธงแรกที่ยี่ห้อนี้ปล่อยออกมาก็คือ KE-R8 5KS นี่แหละครับ ที่มาพร้อมกับการเลือกวัสดุได้ "แหวก"มาก ในขณะที่โลกนี้นิยมคาร์บอนสายพันธุ์เอเชียตระกูลรหัส T ต่างๆ แต่ลุงโคมาลี่แกไปเอาคาร์บอนยี่ห้อ Textreme มา ซึ่งมีราคาสูงกว่า ถ้าไม่คุ้นหู มันคือยี่ห้อคาร์บอนเดียวกับที่จักรยาน FELT เลือกใช้นั่นแหละครับ ด้วยข้อดีของตัวนี้ที่แปลกกว่าชาวบ้านตรงที่มันแข็งมากแต่ส่งแรงสั่นสะเทือนน้อยกว่าปกติ

คงไม่ต้องเดานะครับว่ารถคันนี้จะออกมาอย่างไร แต่ก่อนอื่นเผื่อใครไม่คุ้น มาดูโปรไฟล์เก่าของรถนี้ เมื่อเริ่มดำเนินกิจการ KEMO ไม่รอช้ารีบทุ่มทุนสนับสนุนทีมจักรยานอาชีพฝรั่งเศสหนึ่งทีมทันที ทีมที่จับมือกันได้ลงตัวคือทีมดิวิชั่นสอง (Pro Continental) อย่าง Bretagne Seche Environmenti ที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วม Tour de France ปี 2014 ด้วยในฐานะทีม wildcard ซึ่งรถที่นักแข่งทีมนี้ใช้ก็คือตัวนี้แหละครับ

k02.jpg (125.72 KiB) เข้าดูแล้ว 5849 ครั้ง

จากหลายๆปัจจัย แฟนๆลงมติกันว่ารถทีมนี้มัน"สวย" ได้ใจด้วยทั้งสีสัน เส้นสาย ที่ไม่ทิ้งเชื้ออิตาลี และทรงท่อและการออกแบบที่ไม่เหมือนค่ายไหน เพราะมีการวิจัยวิศวกรรมที่สวิสฯ ทรงท่อเค้าดูแปลกตาดีครับ ถ้าจะว่ากันตามตรงก็เหมือนเอาข้อเด่นของหลายๆยี่ห้อมารวมๆกัน แต่งานสีและการออกแบบลวดลายนั้น ผมค่อนข้างประทับใจเลย เพราะเหมือนกับตัว R5 ที่เคยรีวิวไปแล้ว งานสีที่ใช้คำว่า Finished in Italy ทำออกมาได้เหนือคาดมาก ปกติงานสีอิตาลีจะเด่นร่ำลือเรื่องปูดบ้าง รูบ้าง ไม่เรียบบ้าง เคลือบแหว่งบ้าง เค้าว่ามันเป็นเสน่ห์งานมือ แต่ยี่ห้อนี้ดูแล้วลุงแกเคี่ยว(เข็น)ดีครับ ไม่มีสีตำหนิหลุดมาเลย

ดูรถโปรไปแล้ว มาดูรถขาอ่อนอย่างผมกันบ้างครับ วันนี้ไปทดสอบมันมาที่ๆมันถูกออกแบบมา ...ภูเขานั่นเอง

เสป็คตามภาพเลยครับ ส่วนหลักๆก็ได้แก่ เฟรม KE-R8 5KS ชุดขับเคลื่อน Shimano Dura Ace Di2 ล้อ/เสต็ม/แฮนด์/ขากระติก Lightweight พาวเวอร์มิเตอร์และใบจาน Rotor กับบันไดที่ทำให้รถคันนี้เสื่อมราศีลงไป Look Keo Classic (ของผมเอง) ไมล์ Garmin Edge 510 ...อยากรู้น้ำหนักรถมั้ยครับ เสป็คนี้อาวุธหนักทั้งนั้น น้ำหนักออกมา 6 โลครับ สะใจกันเลยทีเดียว ส่วนภาพหัวกระทู้เป็นล้ออลูฯที่ปกติใช้งาน น้ำหนักก็มากกว่าเดิมหน่อยเดียวครับ ขึ้นมาเป็น เกือบ 7 โล

ไหนๆก็พูดถึงน้ำหนักกันแล้ว ผมจะลงน้ำหนักของเฟรมตัวนี้ให้ได้ชมกันก่อน แม้ว่าจะไม่ใช่เฟรมที่เบาหวิวๆอย่างที่ทุกวันนี้หากันได้ เจ็ดขีด เจ็ดขีดกว่า แต่ลองมาดูเสป็คน้ำหนักกันก่อนครับ
เฟรม 880 กรัม (รวมฮาร์ดแวร์อย่างที่ห้อยสับจาน ดร็อปเอาท์ ทีร้อยสาย)
ตะเกียบ(ไม่ตัด) 320 กรัม
หลักอาน 190 กรัม
ชุดถ้วยคอ 110 กรัม
รวมเฟรมเซ็ทพร้อมใช้งาน 1500 กรัมพอดิบพอดี ฟังดูเยอะนะครับ เพราะค่ายต่างๆเดี๋ยวนี้ลงน้ำหนักอวดกัน 1400 กรัม หรือลงไป 13xx กันเป็นปกติ ... แต่ผมสะใจตรงที่น้ำหนักนี้มัน"ทั้งพวง" ดีจริงๆครับเล่นเอาถ้วยคอกับพวกที่ยึดสับจานมาชั่งกันด้วย ค่ายอื่นเค้ากลัวไม่เบาพ่อเล่นไม่ติดอะไรเลยแถมไม่ทำสียังมี
...จับลอกคราบให้หมด มันก็เป็น้ำหนักเฟรมที่จัดว่า"เบา" ปกติตัวหนึ่ง แน่นอนว่าไม่ได้เบาหวิวๆแบบยี่ห้อ T รุ่นอี... หรือยี่ห้อ M สัญชาติไต้หวันรุ่นใหม่เพิ่งเปิดตัวในจิโร่ดิตาเลีย น้ำหนักอาจจะออกมาแพ้ฟัดเหวี่ยงกับยี่ห้อ C จากแคนาดารุ่น "อะฮ้าาาา"
แต่สำหรับผมที่ไม่ได้บ้าเบาอะไรมาก ผมจึงไม่ได้ตื่นเต้นรอมันเรื่องน้ำหนักครับ ผมสนใจ stiffness-to-weight และองศาเฟรมที่พอทำการบ้านแล้วมีสมมุติฐานว่ามันขี่สบายกว่าที่คิดแน่

เดี๋ยวจะหาว่าเชียร์กันเยอะ ผมขอเปิดด้วยข้อเสียก่อนดีกว่ามั้ยครับ? ... ผมทดลองขี่คันนี้อยู่ร่วมๆเดือน และแน่นอนว่าผมขี่แต่ทางราบเป็นหลักเพราะกรุงเทพจะหาเขาหาเนินได้สาระก็คงไม่มี อย่างมากก็มอเตอร์เวย์บ้าง สนามเขียวบ้าง ผมจำได้ว่าเวลาขี่คันนี้ผมจะรู้สึกว่ามันช่าง "ไร้ความแอโร่ฯเอาเสียเหลือเกิน" ...ถูกต้องเลยครับ มันเป็นอาการเดียวกันกับพวกเฟรมสายไต่เขา สายทั่วไปทุกตัวที่แคร์ความสติฟ เบา และสบายมาก่อน ไม่เคยสนใจว่าท่อมันต้องรีดอากาศแบบไหน อย่างไรจะไหลได้ดี ขี่คนเดียวเจอลมอัดเข้าปุ้บ ... หน่วงทันที ตอบสนองไวทั้งแรงส่งและแรงต้านมาก ขี่กลุ่มสบายๆ ออกมาหน้ากลุ่มหนักอึ้ง แถมถ้ายิงหนีเดี่ยวออกมา อย่าได้พูดถึงครับ ถ้าไม่ได้ล้อขอบสูงมาช่วย เติมกันทุกวินาที คำว่าไหลอย่าไปคาดหวัง
ใครชอบรถค่ายอื่นๆประเภททั่วไปยี่ห้อสายฟ้า ตัวนี้ แสบทรวงพอกัน- ลมมาแล้วหนึบๆ เติมกันบ่อยๆ

แต่ในทางกลับกัน เดากันไม่ยากใช่มั้ยครับ ถ้ามันไม่แคร์ลมขนาดนี้ ท่อทรงอวกาศเหลี่ยมไปเหลี่ยมมาของมันจะมาพร้อมกับความ "สติฟ" ที่เหลือเกินมาก มากเกินกว่าที่คนตัวเท่าผมจะถามหาความย้วยจากมันได้ และทำให้ทุกครั้งที่"กระทืบ" แรงไม่ว่าจะทางราบหรือเนิน มันจะตอบสนองได้เร็วและสนุกมาก ทำให้ผมนึกถึงรถไต่เขายี่ห้อหนึ่งที่เคยใช้เลย มันตอบสนองได้สนุกแบบนั้นแหละครับ แต่ด้วยรายละเอียดหลายๆอย่างทำให้มันมี"รถ"ที่ต่างกันไป
คันนี้องศาของเฟรมไม่ได้ compact ,ากนัก ดูดีๆท่อบนค่อนข้างราบ แม้ว่าจะไม่ขนานพื้นเหมือนทรง traditional geometry แต่แค่นี้ก็ทำให้ฟิลลิ่งรถต่างไปจากรถพวกที่ compact มากๆได้ครับ เฟรมพุ่งดีจริงแต่เวลาขี่ทางตรงๆยาวๆก็นิ่งดีด้วย เป็นข้อดีที่มาพร้อมความไม่ปราดเปรียวมากนัก ไม่ได้ออกมาซุกซนแบบรถเฟรม slope มากๆที่ได้อาการโยกมันส์

ดังนั้นบนทางราบเจ้ารถคันนี้พุ่งครับแต่ไม่ได้ซ่อกแซ่กได้มากแบบแวัดเฉวียนปาดไปมาได้แบบนั้น แต่ถามผม ผมก็ขอบอกว่าเสือหมอบขี่กันไม่ได้จำเป็นต้องไปขนาดนั้น มันอาจจะส่งผลกับฟิลลิ่งการเทโค้งบ้าง แต่ทำความคุ้นเคยกันก็เอาอยู๋ไม่ยากครับ

จุดเด่นสุดๆของเฟรมนี้อีกอย่างอยู่ที่มิติระยะต่างๆของเฟรมที่ลุงโคมาลี่แกจงใจออกแบบมาได้ "แปลก" ครับ ระยะรถสั้นเอาใจคนตัวไม่สูง แถมมีท่อคอและ stack ที่ไม่ก้มมาก ทำให้รถคันนี้ทั้งๆที่มีบุคลิกภาพ"โหด" ชนิดพุ่งแข็งสนุก กลับมาท่าขี่ที่ไม่ได้ก้มมากนัก ถ้าใครเป็นขาโหดซิ่งๆ เตรียมหาเสต็ม -17 รอไว้ได้เลยครับ แต่ท่านจะได้ฟิลลิ่งรถโปรเพราะเสต็มจะยาวกว่าไซส์ปกติที่ใช้งานกันแน่ๆ ท่อนอนสั้น reach สั้น

ซึ่งปัจจัยนี้เองที่มาส่งผลดีพิลึกบนเขาครับ ถึงรถจะไม่ได้ compact มากแต่ด้วยความที่รถมันสั้น เวลาโยกขึ้นเขา มันให้ความรู้สึก"แน่น" ดีไปอีกแบบ ใครเคยเล่นพวกรถเฟรม slope มากๆจะรู็ว่าการโยกมันส์เป็นอย่างไร เทียบกับเฟรมขนานพื้นหรือเกือบขนาน เจ้าตัวนี้ต่างออกไปตรงที่เฟรมท่อนอนเกือบๆขนาน กลับรู็สึก"กระชับ" ดี มุมน้ำหนักศูนย์ถ่วงอาจจะแปลกๆไปบ้าง เพราะน้ำหนักเราเทหน้าเยอะกว่ารถไต่เขาทั่วๆไป ใครชอบก็ชอบไม่ชอบก็อาจจะไม่โดนใจ แต่ผมสัมผัสได้ง่ายๆว่า เวลานั่งท้ายเบาะ ยันรขึ้นทางชันมากๆ อาการหน้าลอยน้อยกว่าเดิมเยอะครับ
...ส่วนเรื่องความสบาย ส่วนตัวผมจัดว่ามัน"ดิบ"ครับ ไม่ใช่เฟรมสบายนิ่มแบบเฟรม endurance แน่นอน เพราะแค่เทียบกับยักษ์รุ่นแอโร่ฯ เจ้านี่ยังสะท้านกว่าเลยครับ จะดีก็ตรงที่มุมท่าขี่มันไม่ได้ดุมาก อาการสะท้านเลยไม่ได้ส่งผลเยอะๆ แต่ถ้าถามว่าสะท้านขนาดไหน คงบอกให้เข้าใจกันยาก ต่างคนต่างขี่มาไม่เหมือนกัน ครั้นจะไปเทียบกับยี่ห้ออื่นๆให้หมดก็คงจะไม่งาม ขอสรุปสั้นๆให้นะครับ

อยากหารถขี่สบายๆ KEMO R8 ไม่ใช่รถแบบนั้น
อยากหารถเบาๆพุ่งๆ KEMO R8 ถูกใจแน่นอน
อยากได้ฟิลลิ่งซนไวปานวอกสาดโค้งได้สะใจ R8 ไม่ใช่คำตอบเช่นกัน
อยากได้รถโหดที่ขี่ทางยาวแบบเกมส์เสือหมอบถนน เขากระชาก ยิงทางเนินซึม R8 เป็นตัวเลือกที่ดี
ตัวเล็ก สั้น ไซส์มินิ อยากได้รถโหดๆ หรือสาวๆนักปั่นอยากได้อาวุธหนัก R8 เท่านั้นเลยครับ มีไม่มากที่จะทำไซส์ออกมาเอาใจคนตัวเล็กขนาดนี้

อย่าเพิ่งบ่นว่าอยากได้เสป็คชัดๆนะครับ อดใจรอ เดี๋ยวทำรีวิวแบรนด์นี้ และข้อมูลลึกๆของทั้ง R8 และ R5 อีกตัว พร้อมเจาะลึกองศาเฟรมว่าทำไมถึงบอกว่ามัน"แปลก" และมาหาคำตอบกันว่าแปลกแบบนี้ ส่งผลกับฟิลลิ่งได้ขนาดไหน เพราะนอกจากหน้าตา สีสันจะไม่เหมือนใคร มันยังมีบุคลิกภาพแปลกๆอีกด้วยครับ

ขอบคุณบริษัท Bike and Body ที่ให้ยืมรถมาขี่สนุกได้จนคุ้นเท้าเลย

ชมรีวิว KEMO KE-R5 เฟรมแอโร่ฯจากค่ายเดียวกันได้ที่นี่
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... &t=1214377

โปรโมชั่นเปิดตัว ลดทันที 30% จากผู้นำเข้าครับ
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... #p12000165

[OSK 97]

รีวิวแจ่มแจ้งดีครับ

[SeeFaa]

ขอบคุณครับ

[giro]

ผู้นำเข้าเตรยีมจัดโปรฯ ลดกระหน่ำ 30% เปิดตัวรถยี่ห้อนี้
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... #p12000165

[bad lawyer]

ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆ ครับ

[pj-hks]

ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆครับ

[O2]

มีทางเลือกเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ทางเลือกสำหรับคนตัวเล็ก

[Vichurly]

น้ำลายหก นิดหน่อย KeR8 เส้นสายลายสี สวยดีครับ

[ศิลป์เสรีฯ 59]

รีวิวซะอยากลองเรย อิอิ

[sunmatesport]

มีความอยากได้ขึ้นมาทันที