ความสบาย VS สมรรถภาพ ขอวิภากษ์สักกระทู้
ผู้ดูแล: Cycling B®y, spinbike, velocity
-
- สมาชิก
- โพสต์: 18
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 พ.ค. 2014, 06:28
- Tel: 023457788
- team: เกรียน บางนา
- Bike: Giant Propel
- ติดต่อ:
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 6786
- ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ธ.ค. 2009, 18:47
- Tel: 0994294292
- team: อิสระชล , เทศบาลเมืองบ้านบึง
- Bike: Bianchi , Madone
- ติดต่อ:
Re: ความสบาย VS สมรรถภาพ ขอวิภากษ์สักกระทู้
บ้าแล้วก็ต้องบ้าให้สุดครับ คนเค้าพูดก็ไม่สู้เท่าเราได้ลองเอง
ตอนผมเป็นมือใหม่หัดปั่นร้านแนะนำผมว่า ถ้าอยากเป็นแบบนักแข่งให้ลองเอาแหวนรองคอออกสองวง
คิดในใจว่า อะไรเนี่ย ทฤษฎีไหน แต่จะฟังและขำอยู่ในใจ
สำหรับผมความสบายกับสมรรถภาพ ถ้าเรารู้จักปรับ มันก็อยู่ในรถคันเดียวกันได้ครับ
การเซตรถที่ดูโหดๆ จอดแล้วดูสวย ไม่ใช่ว่ามันจะทำให้ขี่ดีกว่า การเซตให้เหมาะกับเรา
แล้วปั่นได้ไม่ปวดเมื่อย ออกแรงแบบหนักๆได้ต่อเนื่องไปเรื่อย โดยไม่มีอาการบาดเจ็บ
แบบนี้ต่างหากที่เหมาะสมกว่า ถ้าหาจุดนี้ไม่ได้ยอมเสียเงินไปฟิตติ้งดูครับ ป
แล้วปรับตัวเข้ากับที่ฟิตติ้งมา ถ้าอะไรไม่ชอบก็ปรับไปอีกครับ รถเราเอง ตังเราเอง
จะปรับขยับยังไง ร้านเค้าคงไม่มาด่าว่าเราหรอกครับ เค้ามีหน้าที่ฟิตติ้งตามที่เค้าศึกษามาเท่านั้น
ปล. แต่รถที่ผมขี่ ถ้าขี่ช้ามากๆมันก็เมื่อยนะ ต้องอยู่ในโซนที่ออกกำลังพอดีๆ
ไม่ใช่ขี่ 10 เมตร ฟรีขา 50 เมตร แบบนั้นก็ไม่ไหว
ตอนผมเป็นมือใหม่หัดปั่นร้านแนะนำผมว่า ถ้าอยากเป็นแบบนักแข่งให้ลองเอาแหวนรองคอออกสองวง
คิดในใจว่า อะไรเนี่ย ทฤษฎีไหน แต่จะฟังและขำอยู่ในใจ
สำหรับผมความสบายกับสมรรถภาพ ถ้าเรารู้จักปรับ มันก็อยู่ในรถคันเดียวกันได้ครับ
การเซตรถที่ดูโหดๆ จอดแล้วดูสวย ไม่ใช่ว่ามันจะทำให้ขี่ดีกว่า การเซตให้เหมาะกับเรา
แล้วปั่นได้ไม่ปวดเมื่อย ออกแรงแบบหนักๆได้ต่อเนื่องไปเรื่อย โดยไม่มีอาการบาดเจ็บ
แบบนี้ต่างหากที่เหมาะสมกว่า ถ้าหาจุดนี้ไม่ได้ยอมเสียเงินไปฟิตติ้งดูครับ ป
แล้วปรับตัวเข้ากับที่ฟิตติ้งมา ถ้าอะไรไม่ชอบก็ปรับไปอีกครับ รถเราเอง ตังเราเอง
จะปรับขยับยังไง ร้านเค้าคงไม่มาด่าว่าเราหรอกครับ เค้ามีหน้าที่ฟิตติ้งตามที่เค้าศึกษามาเท่านั้น
ปล. แต่รถที่ผมขี่ ถ้าขี่ช้ามากๆมันก็เมื่อยนะ ต้องอยู่ในโซนที่ออกกำลังพอดีๆ
ไม่ใช่ขี่ 10 เมตร ฟรีขา 50 เมตร แบบนั้นก็ไม่ไหว
- taoat
- ขาประจำ
- โพสต์: 200
- ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ค. 2013, 22:24
- Bike: MERIDA MATT5 / Infinite space comp
Re: ความสบาย VS สมรรถภาพ ขอวิภากษ์สักกระทู้
ชอบครับ โดนใจเลย...
รถอะไรๆก็ปั่นด้วยกันได้...ถ้ามันคือ จักรยาน
- ทรงวุฒิ
- ขาประจำ
- โพสต์: 264
- ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2012, 20:41
- Bike: CAAD10/Bianchi
Re: ความสบาย VS สมรรถภาพ ขอวิภากษ์สักกระทู้
จขกท.เคยเจ็บมาก่อน ถือว่าแบ่งปันประสบการณ์ครับ
แต่ ความสุขและความพอใจ เงินในกระเป๋าของแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ
ปั่นแรกๆ พี่ในกลุ่มบอก น้องอยากรู้ต้องใช้เงินทำความรู้จัก แต่รู้แล้วไม่ได้หมายความว่าจะชอบ
ตอนนี้อยากรู้จักแต่ไม่มีเงิน แหะๆ
เหมือนกระทู้ท่านก่อนๆ แนะนำ ใช้จ่ายตามฐานะจะได้ไม่เดือดร้อน
และผมก็มีความสุขกับการปั่นจักรยานของผมดี
ปั่นจักรยานให้สนุกเช่นกันครับ
แต่ ความสุขและความพอใจ เงินในกระเป๋าของแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ
ปั่นแรกๆ พี่ในกลุ่มบอก น้องอยากรู้ต้องใช้เงินทำความรู้จัก แต่รู้แล้วไม่ได้หมายความว่าจะชอบ
ตอนนี้อยากรู้จักแต่ไม่มีเงิน แหะๆ
เหมือนกระทู้ท่านก่อนๆ แนะนำ ใช้จ่ายตามฐานะจะได้ไม่เดือดร้อน
และผมก็มีความสุขกับการปั่นจักรยานของผมดี
ปั่นจักรยานให้สนุกเช่นกันครับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 275
- ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2012, 23:02
- Tel: 0840127009
- team: Pantera
- Bike: ,merida scultura903 , an.design
Re: ความสบาย VS สมรรถภาพ ขอวิภากษ์สักกระทู้
เดี๋ยวกลับมาอ่าน
- สตก
- ขาประจำ
- โพสต์: 337
- ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 11:30
- team: คนเดียวเดี่ยวๆ
- Bike: KLEIN 2007, KONA KAPU
Re: ความสบาย VS สมรรถภาพ ขอวิภากษ์สักกระทู้
ขอบคุณ สำหรับสิ่งดีๆ ที่มอบให้ ครับballbeing เขียน:ผม จขกท. ขอน้อมรับทั้งคำติและคำชมครับ
ในการเขียนบทความสักบทความ ผมเองใช้สำนวนในการสร้างสีสรรให้ขำขันชวนอ่าน มิได้มีเจตนาว่ากล่าว ดูหมิ่นหรือชวนให้ทำตาม ในทางตรงกันข้าม ผมอยากให้เกิดการคิด และตระหนักรู้ต่างหาก ถ้าได้อ่านกันอย่างพินิจพิจารณา จะเห็นว่าผมได้สรุปความไว้ชัดเจนในตอนท้ายซึ่งขอคัดลอกมาให้ดูอีกสักครั้ง
"ย้ำอีกครั้งครับ อุปกรณ์ทุกอย่างเขาทำออกมาดี ใช้แล้วก็ย่อมดี ราคาก็แพงดี ใครใช้แล้วดีก็ใช้ต่อไป เพียงแต่สำหรับท่านๆ ที่เบี้ยน้อยหอยน้อย เราต้องรู้ต่อไปว่า มันดีมาก ดีน้อย ดีพอ และพอดีมันอยู่ตรงไหนก็เท่านั้นครับ"
นั่นหละครับ ถ้าขณะอ่านเราไม่โดนอารมณ์บดบัด หรือความไม่เข้าตาความไม่เข้าหูทำให้มองข้ามหลักใหญ่ใจความไป ก็พอจะเข้าใจได้ว่า ผมเคารพสิทธิ์ของทุกคน และก็ยืนยันว่าใครใช้แล้วก็ใช้ต่อไปเพราะของเขาก็ทำออกมาดี เพียงแต่คนกลุ่มหนึ่ง ก็ให้พิจารณามากขึ้นถึงรายละเอียด เพื่อจะนำไปสู่จุดที่พอดีของแต่ละคน เท่าที่ผมลองย้อนอ่านดูยังไม่มีบันทัดไหนเลยครับ ที่ผมสื่อว่าใครต้องเชื่อ ต้องทำตาม หรือผมไปชี้แนะให้ใครทำอะไร มันคืออีกมุมมองหนึ่งในสังคมครับ ที่ทั้งผมและท่านๆ ต้องเสพ ต้องใจกว้าง และต้องรู้เท่าทัน
ผมยืนยันในเจตนาว่าผมสื่อให้ฉุกคิด ไม่ได้สื่อให้เชื่อ และท่านจะคิดกันแบบใดย่อมเป็นสิทธิ์ของท่านแต่โดยดีครับ และผมสนับสนุนอย่างยิ่งว่าอย่าได้เชื่ออะไรหรือใครง่ายๆ โดยปราศจากการฉุกคิด หรือใช้ปัญญากรั่นกรอง ผมว่าผมอาจจะเขียนยาวไปสักนิด บางทีการอ่านเพียงรอบเดียว ก็อาจทำให้พลาดประเด็นสำคัญ ยิ่งถ้าขณะอ่านเกิดความรู้สึกไม่พอใจเกิดขึ้น ก็เป็นอันว่าได้บทสรุปในใจเรียบร้อย อันนี้ผมเข้าใจได้ครับ และขอบคุณทุกการแลกเปลี่ยนครับ ทุกความแตกต่างทำให้เกิดการพัฒนา ทุกความขัดแย้งเป็นช่องทางให้เกิดปัญญาครับ ถ้าเรารู้จักใช้ .... ขอให้ทุกท่านมีความสุขและสนุกกับการปั่นนะครับ
http://dukulele.blogspot.com
มาทำ Ukulele เล่นเองสนุกๆ
มาทำ Ukulele เล่นเองสนุกๆ
-
- สมาชิก
- โพสต์: 31
- ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ค. 2011, 02:59
- Tel: 0818989456
Re: ความสบาย VS สมรรถภาพ ขอวิภากษ์สักกระทู้
ชอบมากครับได้มุมมองดีให้คิดพิจารณาตามความเหมาะสม
-
- สมาชิก
- โพสต์: 87
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 23:08
- Bike: klein
Re: ความสบาย VS สมรรถภาพ ขอวิภากษ์สักกระทู้
อย่าซีเรียสครับ ทางใดทางมัน ครับ เงินใครเงินมันครับ ผมหมอบคาบอนติดแอโรบาร์ปั่น AV30-33 ยังไม่สนใจเลยว่าใครจะว่า ติดแอโรบาร์เพื่อ?
-
- สมาชิก
- โพสต์: 88
- ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2014, 11:36
- Bike: IMPULSO
- ตำแหน่ง: สันทราย เชียงใหม่
Re: ความสบาย VS สมรรถภาพ ขอวิภากษ์สักกระทู้
รอติดตามโปร อบต ต่อไปครับ
- chatsquare
- ขาประจำ
- โพสต์: 122
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2010, 10:30
- team: หลังตลาดกรุงธน
- Bike: จักรยานยนต์รับจ้าง
Re: ความสบาย VS สมรรถภาพ ขอวิภากษ์สักกระทู้
รู้กำลังทรัพย์ รู้กำลังกาย รู้จักใจของตนเอง รู้ความต้องการของเรา รู้จักตนเองนะดีที่สุด ขอให้มีความสุขคู่การปั่นทุกท่าน
- ใต้ฟ้าเดียวกัน
- ขาประจำ
- โพสต์: 2362
- ลงทะเบียนเมื่อ: 07 พ.ค. 2009, 08:11
- Tel: 0817070618
- team: Tak's spin clup
- Bike: SCOTT scale 70
Re: ความสบาย VS สมรรถภาพ ขอวิภากษ์สักกระทู้
เขียนได้ดีครับ ขอชื่นชม
- sompong39
- ขาประจำ
- โพสต์: 3149
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ส.ค. 2008, 08:33
- Tel: 0981019695
- team: แอบขี่ ...
- Bike: แม่บ้าน พับ หมอบ ภูเขา ทัวร์ริ่ง
Re: ความสบาย VS สมรรถภาพ ขอวิภากษ์สักกระทู้
เวลาไปแข่งผมเห็นรถจักรยานเสื้อผ้าหน้าผมนักปั่นแล้ว ผมโคตรขาสั่นเลย ยังกับอยู่ใน Tour de France ท่านเหล่านี้ต้องอย่างแรงแน่ๆ ออกตัวเจอไปสักสี่ห้าเนิน อ๋อ เข้าใจหละ ฮาาาดี
ผมเองก็ซื้อๆขายๆสุดท้าย พอเหอะ แนวเราคือชอบท่องโลก
ผมเองก็ซื้อๆขายๆสุดท้าย พอเหอะ แนวเราคือชอบท่องโลก
___H__
_/\ \
/\__\\__ __\
| | "" | |''''||`
~~~""""`"""""`~~* ความรัก..คือ อะไร .....
_/\ \
/\__\\__ __\
| | "" | |''''||`
~~~""""`"""""`~~* ความรัก..คือ อะไร .....
- ThinKingOFF
- ขาประจำ
- โพสต์: 155
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.พ. 2012, 15:10
- team: ทีมละคน
- Bike: รถถีบน้อย
Re: ความสบาย VS สมรรถภาพ ขอวิภากษ์สักกระทู้
ได้ข้อคิดดีมากครับ
---------------------------------------
ปั่นตามๆเค้าไปงั้นแหละ
ปั่นตามๆเค้าไปงั้นแหละ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 247
- ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2012, 18:57
- team: Audax Independent
- Bike: BH Quartz 2015
Re: ความสบาย VS สมรรถภาพ ขอวิภากษ์สักกระทู้
มุมมองเปิดโลกมากครับ นับถือ นี่คือความคิดที่ผ่านการตกผลึกมาแล้วอย่างดี ดีใจที่ได้อ่านครับgiro เขียน:ส่วนตัวผมเห็นตรงกันกับแนวคิดยกเว้นปลีกย่อยครับ
นักปั่นอาชีพทุกคนไม่ได้ซ้อมเพื่อวัตถุประสงค์เดียวกันแน่นอนครับ .... เบาสุดก็ไม่ได้เ)็นที่มาของกระแสแอโร่
เอ้า เอาสองดอกนี้ก่อน
นักปั่นอาชีพทั้งหมดถูกจ้างเข้าทีมด้วย"job describtion" ที่ชัดเจนของแต่ละคน วางการใช้งานในแต่ละงานแข่งของแต่ละคนเอาไว้แล้ว ดังนั้นแต่ละคนถูกฝึกไปหาเป้าหมายคนละอย่างกัน แน่นอนครับว่าฝึกไปให้"แรง"เหมือนกัน แต่ไม่ได้แปลว่า"แรง"แบบเดียวกัน โทนี่ มาร์ติน ไม่ได้ฝึกแบบเดียวกับมาร์ค คาเวนดิชน แน่นอน เป้าหมายคนละอย่างครับ เดี๋ยวจะงุนงงกันว่านักปั่นร้อยกว่าคนแข่งกันวัดแรงกันดื้อๆ อย่างทีมของมาร์เซล คิทเทล แต่ละคนเน้นฝึกเฉพาะระยะทำการของตัวเองในหน้าที่ของขบวนรถไฟสปรินท์
ดอกที่สอง เรื่องแอโร่ ถูกต้องครับว่ามันมาเป็นกระแส แต่...นึกย้อนไปดีๆนะครับ เทร็คมะดันสมัยทุเรียนสีเหลือง มีรุ่นทำท่อนั่งให้แอโร่ ไปต่อกันอีกที่สายฟ้าฟาดสมัยอีห้าอีนี่ก็มีการทำครีบให้แอโร่ ระยะสิบปีก่อนก็มียักษ์ปล่อยรถที่ทำท่อนั่งและหลักอานแอโร่มาเป็นรุ่นสปรินท์ ถ้ายังเก่าไม่สะใจ ย้อนกลับไปสมัย 1980 มีเฟรมโครโมลี่ทำท่อทรงวงรีออกมา และชูธงคำว่า"แอโร่" เอ๊ะ พอทำการบ้านดีๆเรื่องแอโร่นี่มันไม่ได้เพิ่งคันปากกันสองสามปีอย่างที่คิดหรอกครับ ที่มันบูมจริงๆเพราะเทคโนโลยีมันพร้อมจริงๆมากกว่า สมัยก่อนคาร์บอนยังต้องต่อกันด้วยข้อต่ออยู่เลย อย่าไปนั่งคิดเลยว่าจะทำให้ทรงแอโร่ พอมายุคโมโนค็อกก็ยังปวดหัวกับการทำให้ทรงมันแข็ง สติฟไม่ย้วยไปมา แต่ละแบรนด์นี่ทำออกมาเหลี่ยนเป็นบ้า ค่ายที่แอโร่ชูธงค่ายแรกก็ค่ายรถหมอบแคนาดา ที่ได้ใบบุญการเน้นทำตลาดไตรกีฬาคู่กันอย่าง เซอร์เวโล่ตระกูลเอสทั้งหลาย จำได้มั้ยครับ "โซล้อยยยย" นั่นแหละ ไหนจะไทม์ก็ตามมา เพิ่งมาติดใบวิ่งฉิวเอาตอน "เว้นจ์" แจ้งเกิดดังเป็นเทน้ำเทท่า จนตอนนี้เหลือยี่ห้อหลักเพียงยี่ห้อเดียวที่ยังไม่ออกหมอบแอโร่ อย่าง"โฟกัส" ใจเค้าแข็ง
เรือ่งชุดปั่นรัดสกิน ต้องแยกกันว่าเป็นแบบเสื้อแยกหรือพวกสูท ถ้าแบบพวกสูทเลยนี่ผมเห็นด้วยว่าไม่เหมาะกับปั่นทั่วไปแน่ แต่ก็ไม่แน่ครับ ... ส่วนแบบทั่วไปก็ไม่มีปัญหาครับ แต่ก่อนกางเกงจักรยานต้องสั้นครับ เพราะเค้าเชื่อว่าสั้นมันสบาย เสื้อจักรยานซิปยาวห้านิ้วพอ ยาวไปก็เท่านั้นรูดลงแล้วกินลม เอ๊ะพอมาปีสองพัน ไหงขากางเกงมันยาขึ้น?? อ๋อ... กางเกงยาวมีผลกับการต้านลม เฮ้ย ยาวกันทั้งเปโลตอง ตอนนี้ใครมีกางเกงปั่นแบบขากุดๆนี่คลาสสิควินเทจแท้ครับ เสื้อซิปยาวเล่า ... ภาพพ่อแลนซ์ หรือราสมูนเซ่น แหวกอกโบกบินขย่มเต้นขึ้นเขา กางปีเสื้อปลดซิปหมดสองข้างมันข่างหล่อเหลือกิน ใครซิปยาวหมดคือแฟชั่นสุดๆแล้ว กินลมหรือเปล่าไม่รู้ต้องรูดซิปออกให้หมดแล้วปั่นใหกระพื นี่ก็แฟชั่นที่ผ่านมาแล้วผ่านไป ตอนนี้ต่อให้ซิปยาวๆ ต้องรูดซิปติดคอครับ มันไม่แอโร่
เรื่องแว่น มันแล้วแต่คนครับ จริงๆก็ทุกอย่างครับคำว่า"ดีจนคุ้ม" มันต่างกันไปตามแต่ละคน บางคนบอกว่าแว่นอันละ 700 ดีและคุ้มมากๆ บางคนบอกว่าแพงไป 350 ก็พอกันแหละ บางคนหยิบมาส่องแล้วโยนทิ้งบอกว่ายอมเสียสองพันได้วัสดุดีกว่า และอีกคนนึงใส่แว่นอันละหมื่นแล้วบอกว่าดีที่สุดแล้วแพงแต่คุ้ม เอาเกณฑ์อะไรมาวัดดีนะครับ? เราให้ความเห็นได้แต่เราไม่สามารถไปวัดได้ว่าคนอื่นใช้จ่ายแบบไร้ความคิด หรือบอกว่า"ไม่คุ้ม" แทนใครได้แน่นอนครับ
คนขี่จักรยานมีมากขึ้น หลากหลายมากขึ้นเป็นปกติของประชากรนักปั่นที่มากขึ้น แล้วมันอย่างไรครับ? มีสายแข็ง มีขาแรง มีสายปั่นทน มีแนวแฟชั่น มีแบบเป็นกระแส มีแบบตามเพื่อน และเป็นเฟอร์นิเจอร์ ใครผิด? แล้วแบบซำเหมา สัญจร รถพับ รถเหล็ก ปั่นกินขนม ชมวิว ถ่ายลงไอจี ผิดมั้ย?? ใครเป็นคนวัดว่าจักรยานต้องขี่แบบไหนถึงจะเหมาะ ต้องทำตัวแบบใดถึงจะถูก
ไม่มีครับ
ความสุขและพอใจของคนเรานั้นต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือผม คุณ คนนั้น คนโน้น เหมือนกันคือเชื่อมโยงด้วยจักรยาน จักรยานช่วยอะไรได้บ้าง สำหรับบางคนคือมันช่วยให้โลกนี้สะอาด ท้องฟ้าสีคราม น้ำใส ทะเลสวย ใบไม้เขียว รักษ์โลก ถามหน่อยครับ ปั่นแข่งกันซ้อมตะบันเอาถ้วยพัฒนากันไป มีใครคิดบ้างว่าจะรักษ์โลก?? กินเจลเสร็จดูดจนแห้ง ทิ้งแม่งบนเขาใหญ่ กินน้ำจากมาร์แชลรับมาแล้วโยนไปนอกทาง นี่ถ้ามีกระบอกน้ำให้มันฟรีก็โยนทิ้งแบบโปรไปเลย บางคนจักรยานช่วยให้เก็บเงินเดือนอันมีค่าในชีวิตบัดซบสังคมบริโภคนี้ได้ประหยัดค่าเดินทางได้มากโข เอาเงินไปผ่อนบ้าน เาอเงินไปจ่ายค่าเทอมลูก บางคนจักรยานคือเครื่องออกกำลังกายยามว่า ก็อยากปั่นแค่นี้ อยากได้รอบสนามเขียวพอแล้ว ขับรถไปกลับ 80 โล เพื่อปั่นรอบนึงได้สุขใจแล้ว พอแล้ว ผิดมั้ย?? กระจอกหรืออ่อนน่าดูถูกรึเปล่า??? แม้แต่บางคนหามาแขวนในบ้าน เอาไว้ว่างๆเอาออกมาปั่น ก่อนปั่นถ่ายรูปลงไอจี ถ่ายเล่นครึ่งชั่วโมงปั่นครึ่งชั่วโมง รถคันละสามแสนหก ปั่นไปถ่ายรูปไป แล้วกลับบ้าน ครบชุดหัวจรดเท้า ....ผิดตรงไหนครับ ผมว่าก็ดีกว่าไปทำอย่างอื่นที่เดือดร้อนคนอื่นนะ
ไม่ว่าจะขี่จักรยานด้วยเหตุผลอะไร ความสุขของคนเราก็คือความสุขที่ได้ทำอย่างที่ต้องการ จับเอาคนที่ชอบขี่ไปกินผัดไทมาซ้อมแล้วไปแข่งเขาค้อ คุณว่าเค้าจะมีสุขมั้ย?? บางครั้งเรามองอะไรในมุมมองของเราแล้วตีตราประเมินสังคมในฐานที่เราเป็นคนมองมากเกินไปครับ อะไรๆก็ดูขัดใจให้คันได้ไปหมด
ผมก็เป็น จนบางครั้งเอาเรื่องนี้มาคิดช้าๆ ขี่จักรยานไปเรื่อยๆแล้วคิด ... ได้เจอได้สัมผัส ได้เห็นนักปั่นหลายแบบ ลองสังเกตุมากกว่าแค่เห็น แล้วจะเข้าใจว่าทุกอย่างมันไม่ได้แตกต่างไปมากนัก
สิ่งท่ต่างคือจำนวน ราคา สิ่งที่เปลี่ยนคืสงครามธุรกิจของร้านค้าขายจักรยาน สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือการแข่งขันและแย่งกันออกหน้าออกตาเพื่อได้รับการยอมรับมากขึ้น สิ่งที่เหมือนเดิมคือธุรกิจจักรยานไม่ค่อยสามัคคีกัน สิ่งที่ไม่มีทางเปลี่ยนคือสมาคมฯจักรยานไม่ได้เรื่อง
.....มันก็สองล้อ เอาตีนถีบ เหมือนเดิมครับ มองผ่านๆไปเสียบ้าง เสพย์เพียงสนุกแล้วก็พอ มีความสุขกับสิ่งที่ทำและทำได้ และทำให้คนอื่นบ้างอย่าเอาแต่เข้าตัวเอง
ผมว่าจักรยานยังคงเป็นปรัชญาชีวิตที่สะท้อนหลายๆอย่างที่ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิดเดียว ท่อคอจะเปลี่ยน ไฟฟ้าจะเข้ามา กระโหลกหลายมาตรฐาน แต่เนื้อในลึกๆมันก็ยังเหมือนเดิมครับ
เพิ่มเติมหน่อย ลืมครับฝอยไกลไป
ไอ้ที่ว่ามาทั้งหมดนี้จะบอกว่า ทุกอย่างมันคือกระแสครับ การเซ็ทรถแบบต่างๆก็เ)็นกระแสครับ ดังนั้นความเชื่อในยุค 90s ก็เป็นของแปลกปลอมในยุค 80s เช่นกันครับ วันหนึ่งหากทิศทางและเหตุผลมันพาไป เสื้อผ้ารัดติ้ว หมวกกะลาครอบเจาะรูก็จะกลายเป็นของปกติ เสื้อผ้าหลวม ซิปยาวรูดห้อยไต่เขาสยายปีก็จะเ)็นลุคคนแก่ และเมื่อมันวนครบ หมวกรูเพียบ พรุนเป็นหลุมมะกรูดก็จะกลับมาอีกครั้ง เหมือนเช่นที่หมวกสมัยนี้แลไปคล้ายๆหมวกเมือ่ 20 ปีก่อนเลยนะ
ไม่ว่าจะ pwerformance นำ comfortable หรือ comfortable นำ performance มันก็ผ่านการเป็นกระแสมาแล้วและวนกลับมาเท่านั้นเองครับ
- suruchs
- สมาชิก
- โพสต์: 57
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2009, 12:39
- Tel: 08|3976620
- Bike: trek
Re: ความสบาย VS สมรรถภาพ ขอวิภากษ์สักกระทู้
ชอบครับ อ่านแล้วเพลิน สนุกดี