การวิ่งให้ HR อยู่ Zone2 เเทนการปั่นจักรยาน ได้ผลเดียวกันไหมครับ

[FinalB]

มันเหนื่อยเพราะรอบขาสูงนี่แหละครับ วิ่งรอบขาสูงคงทำได้แค่วิ่งสปริ้นไกล้ไม่เกิน 100 เมตร
แค่จักรยานมันสปริ้นไปได้ไกลกว่าเท่านั้นเอง แต่เหนื่อยพอๆกัน

[noyviz]

เดี๋ยวนี้ วิ่งโซน2กำลังเป็นที่นิยม โดยกลุ่มวิ่งเฟซบุ๊ค GPS runner group ครับ https://goo.gl/N7WxBi
ซึ่งเป็น กลุ่มผู้ใช้อุปกรณ์GPSในการซ้อมวิ่ง ด้วยนาฬิกาGPSหรือโทรศัพท์Smartphone จะมีการแสดงผลของหน้าจอไม่ต่างจากไมล์จักรยาน HR zone,Cadence วิ่งโซน2เป็นหนึ่งในตารางซ้อมเพื่อการสร้างความทนทานพื้นฐานที่เรียกว่าการสะสมEBT(endurance base training)ให้กับร่างกาย แนวทางประยุกต์ใช้มาจากองค์ความรุ้ของครูนักปั่นชื่อ น้าเป้ มหาชัย 100RPM room แต่เดิมไม่มีใครวิ่งโซน2ได้สำเร็จ เนื่องจากในวงการวิ่งยังไม่มีความเข้าใจเรื่องโซนในการออกกำลังกาย คิดว่าการวิ่งมีอยุ่ท่าเดียวคือการวิ่งเร็วๆ(เหมือนการปั่นจักรยานหน้าใหม่จะชอบปั่นด้วยจานหน้าใหญ่) ไม่มีอุปกรณ์ที่สามารถบ่งชี้เหมือนจักรยาน ปัจจุบันนาฬิกาGPSแพร่หลายขึ้น มีmenuฟังค์ชั่น HRzone,Max hr,Hrr,Cadence อื่นๆ อีกมากมาย ที่สำคัญ เริ่มมีความเข้าใจในท่าวิ่งที่จะใช้สำหรับวิ่งโซน2 ซึ่งต้องไม่ใช่ท่าวิ่งปกติ เพราะโซน2เป็นเพียงการวิ่งเพื่อสร้างระบบภายในร่างกาย ไม่ใช่การสร้างกล้ามเนื้อภายนอก ดังนั้นจึงต้องมีการปรับท่าวิ่งให้สอดคล้องกับการคุมโซนหัวใจ ด้วยแนวทาง วิ่งด้วยรอบ ไม่ได้เคลื่อนด้วยแรงจากมัดกล้ามเนื้อ เหมือนจักรยานที่ปั่นโซน2ได้เพราะส่วนหนึ่งมาจากลักษณะเกียร์ของจักรยาน ด้วยการเลือกเฟืองเบาเคลื่อนที่ช้าๆด้วยรอบขาRPM สำหรับการวิ่ง ร่างกายเราก็มีเกียร์เหมือนกัน เฟืองชั้นดีก็คือขาสองข้าง ทีมีเกียร์ให้เลือกได้มากมายใช้ เมื่อคลี่คลายจุดนี้ได้ กลางปี2558จึงถือกำเนิดแนวทางการวิ่งโซน2อย่างเป็นระบบขึ้น และปัจจุบันได้แพร่หลายมากในวงการวิ่ง เพราะทำให้นักวิ่งเก่งๆได้มีวันวิ่งเบาที่ถูกต้องขึ้น คนธรรมดาสามารถวิ่งได้นานขึ้นอึดขึ้น จากเดิมเคยวิ่งได้แค่3นาที ก็สามารถวิ่งต่อเนื่องได้เกิน30นาทีทันทีที่เริ่มฝึก ครับ ส่วนการพัฒนาการวิ่งให้มีประสิทธิภาพขึ้น ก็จะมีตารางซ้อมในโซนอื่นๆสลับแทรกสลับปรับเปลี่ยนหมุนเวียนวนกันไปต่อสัปดาห์ ครับ

[bootsreview]

โซน 2 เน้นสำหรับการการ "recovery" หรือ "พักฟื้น" หรือ "ฝึกซ้อม endurance" แบบยาวๆน่าเบื่อๆ ถ้าทนได้ก็ได้ผลจริงครับ ทั้งการวิ่งและการปั่นจักรยาน เช่น การซ้อมวิ่ง 100 โล, ปั่นเก็บระยะสัก 100-200 โล ถ้าคุมโซนได้และทำสม่ำเสมอ เกิดการพัฒนาแน่นอน

แต่ถ้าปั่นหรือวิ่งตามปกติไม่กั๊ก ไม่คุมโซน เราน่าจะรู้สึกได้จริงๆว่า เราควรออกแรงประมาณโซน 3 ถึงจะเหนื่อยและไม่น่าเบื่อจนเกินไปนัก...

แต่สุดท้าย พอไปลงสนามจริง หัวใจทะลุตลอด 555
สรุป เอาในระดับที่เรารู้สึกสนุกกับการออกกำลังกายดีกว่าครับ ช้าไปก็น่าเบื่อ หนักไปก็เหนื่อย แต่ถ้าเพื่อเป้าหมายในการแข่งขัน ผมยังมองว่าการคุมโซนนั้นสำคัญครับ

[kkk95]

การวิ่งช่วยเรื่องความทนทานของหัวใจคับ ไม่ได้ช่วยเรื่องการปั่นแต่อย่างใด แต่คิดว่าขาน่าจะแข็งแรงขึ้น วิ่งอยู่คับแต่ไม่นาน พอเห็นผลอยู่คับ ช่วงที่หัวใจขึ้นโซน 4-5 แช่ได้นานขึ้นคับ