นาฬิกาวัดอัตราการเต้นของหัวใจโดยไม่ใช้สายคาดอก มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้างสำหรับนักปั่น

ถ้าเป็นรถหรืออุปกรณ์ที่ออกแบบมาเป็นของเสือหมอบโดยเฉพาะ เชิญเข้าห้องนี้ครับ

ผู้ดูแล: Cycling B®y, spinbike, velocity

รูปประจำตัวสมาชิก
วรรณเพชร
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 404
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2011, 07:49
team: ยังไม่มี
Bike: MERIDA เก่าๆ
ตำแหน่ง: อำเภอเมือง จ้งหวัดขอนแก่น

นาฬิกาวัดอัตราการเต้นของหัวใจโดยไม่ใช้สายคาดอก มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้างสำหรับนักปั่น

โพสต์ โดย วรรณเพชร »

โดยเฉพาะ Mio Alpha หรือยี่ห้ออื่นๆ
อยากมีไว้ใช้แต่ยังไม่แน่ใจครับ อยากทราบข้อดีข้อเสีย ขอบคุณครับ
ไฟล์แนบ
UhkBIT.jpg
UhkBIT.jpg (18.5 KiB) เข้าดูแล้ว 6233 ครั้ง
รักกันไว้เถิด
รูปประจำตัวสมาชิก
pickm05
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 174
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2014, 13:07
Bike: Java Siluro hybird, giant TCR 0 ปี 2014+MAVIC Ksyrium ELITE S

Re: นาฬิกาวัดอัตราการเต้นของหัวใจโดยไม่ใช้สายคาดอก มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้างสำหรับนักปั่น

โพสต์ โดย pickm05 »

ผมเคยหาข้อมูล+ถามนักวิ่ง แบบไม่มีสายคาดอก จะจับชีพจรที่ ข้อมือ ซึ่งห่างจากไกลหัวใจมาก จะได้ค่า heart rate คลาดเคลื่อนได้ ไม่เสถียร +ใส่ข้อมือ เวาปั่นจักรยาน ยกมือดูนาฟิกาลำบากหน่อย ไม่ค่อยสะดวก
สุดท้าย ผมก็ซื้อ แบบคาดอก ดีกว่า ตอนนี้ใช้ตัว polar ft 7 ลองใช้งานจริงแ้ว คาดอก ก็ไม่อึดอัด ใส่สบาย ตัวนาฟิกา สามารถวางไว้ที่ แฮนด์ และก้มมองดูสะดวกกว่าได้
Gigabank
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 421
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.ย. 2013, 21:56
Bike: Neilpryde Alize & Corima Aero+
ติดต่อ:

Re: นาฬิกาวัดอัตราการเต้นของหัวใจโดยไม่ใช้สายคาดอก มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้างสำหรับนักปั่น

โพสต์ โดย Gigabank »

ของผมใช้ Mio link คู่กับ Garmin ครับ ถ้าพูดถึงเฉพาะเรื่องข้อดี-ข้อเสีย ของตัวสายรัดข้อมือ หลังจากที่ใช้ได้สักมาพักนึง

ข้อดี : สวมใส่สะดวกมาก ไม่อึดอัด

ข้อเสีย : อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ค่อนข้างสั้น ประมาณ 8-10 ชั่วโมง
เวลาจะดู HR ต้องยกแขนบ่อยๆ คงไม่สะดวกยิ่งเวลาขึ้นเขาชันๆ ยิ่งแล้วใหญ่
ถ้ารัดสายไม่แน่นพอ เวลาเหงื่อออกมากๆจะทำให้สายรัดเคลื่อนและจะทำให้ค่า HR คลาดเคลื่อนไปด้วย
แก้ไขล่าสุดโดย Gigabank เมื่อ 03 ก.ย. 2014, 12:46, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
มีทุกอย่างยกเว้น ....แรง....แต่พอเริ่มมีแรงเมียดันไม่ให้ปั่น :lol: :lol:
รูปประจำตัวสมาชิก
Tdf
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1707
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2012, 22:06

Re: นาฬิกาวัดอัตราการเต้นของหัวใจโดยไม่ใช้สายคาดอก มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้างสำหรับนักปั่น

โพสต์ โดย Tdf »

เวลาปั่นจริงๆถ้ากำลังคับขันอยู่ไม่ค่อยมีจังหวะยกแขนขึ้นมาดูหน้าจอหรอกครับ มันไม่สะดวก ดูที่ไมล์ยังไม่ค่อยทันเลย อีกหน่อยจะต้องดูผ่านจอบนแว่นตากันแล้ว
jaggaj
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 323
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ธ.ค. 2010, 08:23
team: แก๊งขาอ่อน
Bike: Gary Fisher Marlin2010,Giant Tcr Aluxx 2012
ติดต่อ:

Re: นาฬิกาวัดอัตราการเต้นของหัวใจโดยไม่ใช้สายคาดอก มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้างสำหรับนักปั่น

โพสต์ โดย jaggaj »

แล้วแบบนี้มีใครเคยลองใช้หรือยังครับ อยากรู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง (ขออภัยด้วย ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนขายหรือขายนะครับ พอดีเก็บลิงค์ไว้เพราะสนใจน่ะครับ)
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... &t=1049728
Gigabank
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 421
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.ย. 2013, 21:56
Bike: Neilpryde Alize & Corima Aero+
ติดต่อ:

Re: นาฬิกาวัดอัตราการเต้นของหัวใจโดยไม่ใช้สายคาดอก มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้างสำหรับนักปั่น

โพสต์ โดย Gigabank »

jaggaj เขียน:แล้วแบบนี้มีใครเคยลองใช้หรือยังครับ อยากรู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง (ขออภัยด้วย ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนขายหรือขายนะครับ พอดีเก็บลิงค์ไว้เพราะสนใจน่ะครับ)
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... &t=1049728

ผมใช้ตัว Miolink อยู่ครับส่วนตัวคิดว่าถ้าเอามาใช้กับ Garmin หรือ Smartphone นี่โอเคเลย ผมเองก็ตั้งใจเอามาใช้แทนสายคาดอกของ Garmin อยู่แล้ว ซึ่งการใช้งานจริงก็ถอดใส่สะดวกดีมาก ไม่อึดอัด
ข้อเสียอย่างเดียวคือเรื่องแบตครับ ต้องชาร์จเกือบทุกวัน อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ออกทริปทีละนานๆ
สำหรับเจ้าตัว Miolink มันจะไม่มีจอแสดงผลนะครับถ้าจะเอามาใช้โดดๆ เลยผมว่าไม่ค่อยโอเคนะ เพราะมันจะดูได้แค่ Zone HR อย่างเดียว
IMG_2005.JPG
IMG_2005.JPG (116.32 KiB) เข้าดูแล้ว 6056 ครั้ง
มีทุกอย่างยกเว้น ....แรง....แต่พอเริ่มมีแรงเมียดันไม่ให้ปั่น :lol: :lol:
รูปประจำตัวสมาชิก
lucifer
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6413
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
Bike: Only 2-wheels bike
ติดต่อ:

Re: นาฬิกาวัดอัตราการเต้นของหัวใจโดยไม่ใช้สายคาดอก มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้างสำหรับนักปั่น

โพสต์ โดย lucifer »

วรรณเพชร เขียน:โดยเฉพาะ Mio Alpha หรือยี่ห้ออื่นๆ
อยากมีไว้ใช้แต่ยังไม่แน่ใจครับ อยากทราบข้อดีข้อเสีย ขอบคุณครับ
ความแตกต่างกันระหว่างเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ทั้ง 2 แบบ คือ

1. แบบคาดอก เป็นคำนวณจากคลื่นไฟฟ้าหัวใจ แล้วแปลผลเป็นอัตราการเต้นของหัวใจ ( Heart rate , HR ) แต่แบบ Mio ในภาพ เป็นการคำนวณโดยการจับการไหลของเลือด แล้วแปลผลเป็นอัตราชีพจร หรือ Pulse rate ( PR ) , สำหรับกรณีทั่วไป HR กับ PR จะมีค่าเท่ากัน แต่สำหรับในบางกรณีเช่น คลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ HR ที่ได้จากการคำนวณจะไม่ตรงกับ PR เพราะในบางครั้งเกิดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ แต่ไม่มีการส่งเลือดออกไปยังปลายทาง หรือ บางครั้งคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ผิดปกติมากๆ อาจจะทำให้ HR มีค่าสูงกว่า PR มากๆ ซึ่งก็เป็นข้อดีที่ทำให้ผู้ใช้ได้ตระหนักถึงภาวะที่ไม่ปกติดังกล่าว และพาตัวเองไปพบแพทย์ได้ ซึ่งสมาชิกใน ThaiMTBหลายคนก็พบความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจจากการใช้ HRMแบบสายคาดอกนี้

2. การวัดของพวก Mio นั้น หลักการคือ การปล่อยแสงในช่วง Infrared ( IR ) ออกมา เม็ดเลือดแดงที่เคลื่อนที่มาตามจังหวะของการบีบตัวของหัวใจ จะดูดกลืนคลื่น IR ตามจังหวะ แล้วจะมีตัววัดค่าความเข้มข้นที่เปลี่ยนแปลงไปจังหวะการไหลของเลือด แปลผลกลับมาเป็นค่า PR , ปกติแล้วเทคโนโลยี่แบบนี้มีใช้ในทางการแพทย์ โดยใช้ชื่อว่า Pulse Oxymeter แต่จะซับซ้อนกว่าเพราะใช้ IR 2 ช่วงคลื่น วัดและคำนวณหาความอิ่มตัวของออกซิเจนที่เม็ดเลือดแดงจับ และยังคำนวณPR ออกมา ข้อจำกัดของเครื่องมือพวกนี้มีค่อนข้างมาก อย่างแรกคือความเข้มข้นของแสง IR ที่ส่องผ่านไปนั้นจะต้องมากพอ อุปกรณ์เหล่านี้จะใช้การวัดค่า IR ที่ส่องทะลุปลายนิ้ว ปลายติ่งหู แต่เจ้า Mio จะใช้การส่องไปตรงๆ และวัดกันตรงๆ ( คล้ายๆกับ App Heart Rate ใน iPhone ที่จะใช้แสงจากหลอดLED ที่ทำหน้าที่เป็นflash ยิ่งไปที่นิ้ว และใช้CCDที่เป็นกล้องถ่ายรูปวัดค่า IR ที่เปลี่ยนไปตามจังหวะการไหลของเลือด ) ปัญหาข้อจำกัดก็คือ ถ้าอยู่ในที่ที่อากาศเย็นจัด หลอดเลือดปลายทางบีบตัว อุปกรณ์เหล่านี้จะทำงานผิดพลาดได้มากๆ , การรบกวนจากแสงภายนอกเป็นสิ่งที่สร้างปัญหามากอยู่เช่นกัน ดังนั้นอุปกรณ์เหล่านี้จะต้องมีชีลด์ในการกันแสงภายนอกมารบกวน ถ้าเป็นนาฬิกาแบบนี้ ก็จะต้องรัดให้แนบชิดกับผิวหนัง อย่าให้มีแสงสว่างมารบกวน ถ้าใช้ในที่อากาศเย็นจัดๆ ในระยะแรกก็อาจจะยังทำงานได้ไม่ดี ( เช่นกันกับแบบคาดอก ถ้าอากาศเย็น หนังแห้ง ไร้เหงื่อ มันก็ใบ้กินเหมือนกัน ) , ปัญหาเรื่องการสั่นสะเทือน การกระแทกทำให้มีการขยับตัวของตัวอ่าน ก็อาจจะรบกวนการแปลผลได้เช่นกัน แต่ถ้าสายคาดแน่นพอ เซนเซอร์แนบสนิทกับผิวหนังมากพอ ก็จะแก้ปัญหานี้ได้ , แน่นอนครับ การใช้หลอด LED ที่ปล่อย IR ออกมา ย่อมต้องใช้พลังงานพอสมควร น่าจะต้องเปลืองถ่านกว่าแบบสายคาดอก


สำหรับการปั่นจักรยานที่อาจจะมีท่วงท่าลีลาที่แตกต่างกัน Cyclocomputer ที่ติดตั้งอยู่ด้านหน้า ย่อมจะมองได้ง่ายกว่าการยกข้อมือมาดูอย่างแน่นอน
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน
MicGodJi
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 163
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2013, 08:08
team: RPM Cycling Team
Bike: GIANT PROPEL,TCR SLR,NICH Kem,BS RADAC

Re: นาฬิกาวัดอัตราการเต้นของหัวใจโดยไม่ใช้สายคาดอก มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้างสำหรับนักปั่น

โพสต์ โดย MicGodJi »

lucifer เขียน:
วรรณเพชร เขียน:โดยเฉพาะ Mio Alpha หรือยี่ห้ออื่นๆ
อยากมีไว้ใช้แต่ยังไม่แน่ใจครับ อยากทราบข้อดีข้อเสีย ขอบคุณครับ
ความแตกต่างกันระหว่างเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ทั้ง 2 แบบ คือ

1. แบบคาดอก เป็นคำนวณจากคลื่นไฟฟ้าหัวใจ แล้วแปลผลเป็นอัตราการเต้นของหัวใจ ( Heart rate , HR ) แต่แบบ Mio ในภาพ เป็นการคำนวณโดยการจับการไหลของเลือด แล้วแปลผลเป็นอัตราชีพจร หรือ Pulse rate ( PR ) , สำหรับกรณีทั่วไป HR กับ PR จะมีค่าเท่ากัน แต่สำหรับในบางกรณีเช่น คลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ HR ที่ได้จากการคำนวณจะไม่ตรงกับ PR เพราะในบางครั้งเกิดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ แต่ไม่มีการส่งเลือดออกไปยังปลายทาง หรือ บางครั้งคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ผิดปกติมากๆ อาจจะทำให้ HR มีค่าสูงกว่า PR มากๆ ซึ่งก็เป็นข้อดีที่ทำให้ผู้ใช้ได้ตระหนักถึงภาวะที่ไม่ปกติดังกล่าว และพาตัวเองไปพบแพทย์ได้ ซึ่งสมาชิกใน ThaiMTBหลายคนก็พบความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจจากการใช้ HRMแบบสายคาดอกนี้

2. การวัดของพวก Mio นั้น หลักการคือ การปล่อยแสงในช่วง Infrared ( IR ) ออกมา เม็ดเลือดแดงที่เคลื่อนที่มาตามจังหวะของการบีบตัวของหัวใจ จะดูดกลืนคลื่น IR ตามจังหวะ แล้วจะมีตัววัดค่าความเข้มข้นที่เปลี่ยนแปลงไปจังหวะการไหลของเลือด แปลผลกลับมาเป็นค่า PR , ปกติแล้วเทคโนโลยี่แบบนี้มีใช้ในทางการแพทย์ โดยใช้ชื่อว่า Pulse Oxymeter แต่จะซับซ้อนกว่าเพราะใช้ IR 2 ช่วงคลื่น วัดและคำนวณหาความอิ่มตัวของออกซิเจนที่เม็ดเลือดแดงจับ และยังคำนวณPR ออกมา ข้อจำกัดของเครื่องมือพวกนี้มีค่อนข้างมาก อย่างแรกคือความเข้มข้นของแสง IR ที่ส่องผ่านไปนั้นจะต้องมากพอ อุปกรณ์เหล่านี้จะใช้การวัดค่า IR ที่ส่องทะลุปลายนิ้ว ปลายติ่งหู แต่เจ้า Mio จะใช้การส่องไปตรงๆ และวัดกันตรงๆ ( คล้ายๆกับ App Heart Rate ใน iPhone ที่จะใช้แสงจากหลอดLED ที่ทำหน้าที่เป็นflash ยิ่งไปที่นิ้ว และใช้CCDที่เป็นกล้องถ่ายรูปวัดค่า IR ที่เปลี่ยนไปตามจังหวะการไหลของเลือด ) ปัญหาข้อจำกัดก็คือ ถ้าอยู่ในที่ที่อากาศเย็นจัด หลอดเลือดปลายทางบีบตัว อุปกรณ์เหล่านี้จะทำงานผิดพลาดได้มากๆ , การรบกวนจากแสงภายนอกเป็นสิ่งที่สร้างปัญหามากอยู่เช่นกัน ดังนั้นอุปกรณ์เหล่านี้จะต้องมีชีลด์ในการกันแสงภายนอกมารบกวน ถ้าเป็นนาฬิกาแบบนี้ ก็จะต้องรัดให้แนบชิดกับผิวหนัง อย่าให้มีแสงสว่างมารบกวน ถ้าใช้ในที่อากาศเย็นจัดๆ ในระยะแรกก็อาจจะยังทำงานได้ไม่ดี ( เช่นกันกับแบบคาดอก ถ้าอากาศเย็น หนังแห้ง ไร้เหงื่อ มันก็ใบ้กินเหมือนกัน ) , ปัญหาเรื่องการสั่นสะเทือน การกระแทกทำให้มีการขยับตัวของตัวอ่าน ก็อาจจะรบกวนการแปลผลได้เช่นกัน แต่ถ้าสายคาดแน่นพอ เซนเซอร์แนบสนิทกับผิวหนังมากพอ ก็จะแก้ปัญหานี้ได้ , แน่นอนครับ การใช้หลอด LED ที่ปล่อย IR ออกมา ย่อมต้องใช้พลังงานพอสมควร น่าจะต้องเปลืองถ่านกว่าแบบสายคาดอก


สำหรับการปั่นจักรยานที่อาจจะมีท่วงท่าลีลาที่แตกต่างกัน Cyclocomputer ที่ติดตั้งอยู่ด้านหน้า ย่อมจะมองได้ง่ายกว่าการยกข้อมือมาดูอย่างแน่นอน
ชัดเจนครับ ขอบคุณสำหรับความรู้
IN GOD WE TRUST
Ramp
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 227
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 มี.ค. 2014, 16:37
Bike: Past : Archer P18; Trek Madone 1.1 2014; Trek Madone 2.1 2014; Trek Madone 3.1 2014 : Now : Cannondale Synapse Carbon 2014 : Cervelo Team S5

Re: นาฬิกาวัดอัตราการเต้นของหัวใจโดยไม่ใช้สายคาดอก มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้างสำหรับนักปั่น

โพสต์ โดย Ramp »

ใช้แบบสายคาดอก มา 3 ยี่ห้อ
Sigma, Polar, และ Bontrager ก็รู้สึก โอเคนะครับ ใส่แล้วไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือไม่สบายตัวเลยครับ
ยังไม่เคยใช้แบบวัดที่ข้อมือครับ

แบบวัดข้อมือต้องสวมแนบเนื้อที่ข้อมือ ก็สนใจเหมือนกัน
เวลาใส่เสื้อแขนยาวหรือปลอกแขนก็คงต้องใส่ไว้ข้างในหรือไม่ก็ต้องเลิกปลายแขนเสื้อขึ้นมา
ขอถามผู้เคยใช้ ถ้าตากแดดจัดๆ ตรงข้อมือเป็นรองคาดหรือปล่าวครับ
ThaNanSak
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1224
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 15:04
Tel: 0869637278
team: No
Bike: Giant XTC 29er
ตำแหน่ง: 635 หมู่ 1 ถ. บ้านหน้าควนลัง-บ้านพรุ ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90114

Re: นาฬิกาวัดอัตราการเต้นของหัวใจโดยไม่ใช้สายคาดอก มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้างสำหรับนักปั่น

โพสต์ โดย ThaNanSak »

ขอเก็บข้อมูลครับ :mrgreen: :mrgreen:
เสือเอก 2 ทะเล
รูปประจำตัวสมาชิก
one2wheel
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 895
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ม.ค. 2011, 23:24
team: changply bike-Chiang mai
Bike: เปลี่ยนไปเรื่อยครับ
ตำแหน่ง: hangdong chiangmai

Re: นาฬิกาวัดอัตราการเต้นของหัวใจโดยไม่ใช้สายคาดอก มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้างสำหรับนักปั่น

โพสต์ โดย one2wheel »

ขอถามต่อผู้รู้ครับ ว่าสายยี่ห้ออื่นๆ สามารถใช้กับ garmin ได้มั๊ย
ชีวิตต้องปั่น : ทำงาน เก็บเงิน ซื้อจักรยาน เที่ยวรอบโลก
รูปประจำตัวสมาชิก
unggoonk
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 110
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2014, 07:43

Re: นาฬิกาวัดอัตราการเต้นของหัวใจโดยไม่ใช้สายคาดอก มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้างสำหรับนักปั่น

โพสต์ โดย unggoonk »

ผมมีสายคาดอก Bryton กับนาฬิกา garmin forerunner 235(firmware ล่าสุด)
ค่าที่ได้เท่ากันเปะๆครับ หากเลี้ยงหัวใจให้นิ่งๆ
แต่นาฬิกามีข้อเสียคือ
1.ดีเลประมาณนึง +3-5วิ เทียบกับคาดอก
2.บางครั้งเพี้ยน อยู่ๆก็มีค่าแปลกๆขึ้นมา เช่น วอร์มๆอยู่ หัวใจเต้น170+(นานๆครั้ง)
3.ต้องรัดสายให้พอดี ถ้ามีการหักข้อมือตอนปั่น บางครั้งค่าเพี้ยน-หาค่าไม่เจอ
https://www.facebook.com/unggoonkasemsuk
Gok See
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 449
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2016, 08:18
ติดต่อ:

Re: นาฬิกาวัดอัตราการเต้นของหัวใจโดยไม่ใช้สายคาดอก มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้างสำหรับนักปั่น

โพสต์ โดย Gok See »

ใช้อยู่ เสียดายเงิน วัดไม่เคยตรง เสียง่าย อย่าได้ใช้ครับ นอกจากเล่นของไฮเอนด์
ตอบกลับ

กลับไปยัง “เสือหมอบ (roadbike)”