????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

บอร์ดสำหรับ นักปั่นทัวร์ริ่ง นักปั่นระยะทางไกล พูดคุยเรื่องอุปกรณ์ เทคนิตการปั่น ที่พัก หรือการกินอยู่
กฏการใช้บอร์ด
บอร์ดสำหรับ นักปั่นทัวร์ริ่ง นักปั่นระยะทางไกล พูดคุยเรื่องอุปกรณ์ เทคนิตการปั่น ที่พัก หรือการกินอยู่
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4364
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:idea: :idea: สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรังสี) วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ ท่านได้เทศน์เรื่องทำบุญไว้ว่า "ทำไมต้องทำบุญ?" ..เพราะ บุญ เป็นพลังงาน ที่มีพลังดึงดูด ความเจริญ มาสู่ชีวิต เป็นต้นเหตุ แห่งความสุข ความสำเร็จ ในชีวิต

..ถ้าบุญน้อย อุปสรรคในชีวิตก็มาก
..ถ้าบุญมาก อุปสรรคในชีวิตก็น้อย
..ถ้าบุญอ่อนกำลังลง หรือ บุญหมด..
..บาปที่เคยทำไว้ ก็จะได้โอกาส ส่งผล
..ทำให้ชีวิต มีอุปสรรค ต่างๆนานา

..เช่น เจ็บไข้ได้ป่วย ไม่มีความสุข หมดอำนาจวาสนา เสียชื่อเสียงเกียรติยศ แม้คนที่รักกันก็หมดรัก แม้ทรัพย์ที่มีอยู่น้อยนิด ก็ยังรักษาไว้ไม่ได้ ..ฉะนั้น การจะมี ทรัพย์สมบัติทุกอย่าง และ ความสมบูรณ์พร้อมในชีวิต ก็ต้องมีบุญ ที่มากเพียงพอ ..ซึ่งไม่ว่า จะอยู่ในสถานภาพใด ล้วนต้องอาศัยบุญทั้งนั้น ไม่ว่าจะอยากอยู่แบบพอมีพอกิน หรือ คิดจะเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี หรือ พระเจ้าจักรพรรดิ

..แม้กระทั่ง ปรารถนา ที่จะหมดกิเลส บรรลุมรรคผล นิพพาน เป็นพระอรหันต์ เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ต้องมีบุญถึง บารมีถึง ถึงจะดำรงอยู่ในสภาวะนั้น ได้อย่างมั่นคง และมีความสุข
..ด้วยเหตุนี้ เราจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะสั่งสมบุญ

..เพราะบุญ คือ เบื้องหลัง ความสุข ความสำเร็จ ในชีวิตทุกระดับ อย่างแท้จริง..
:idea: :idea:

:) :D อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ จากหนังสือทุกข์ให้เห็นสุขให้เป็น ของท่าน ปอ.ยุตโต ซึ่งได้นำเสนอไปแล้ว ๒ ตอนคือ ๑.ความจริงในธรรม ๒.ความเข้าใจในชีวิต หนังสือเล่มนี้มี ๓ ตอน ตั้งแต่เช้านี้เป็นต้นไปผมจะนำเสนอตอนที่ ๓ คือ ความสุขในใจ ซึ่งก็มี ๑๐ ตอนเช่นกัน ท่านที่เข้ามาใหม่ก็ขอให้ย้อนหลังไปทบทวนอีกสักเล็กน้อยนะครับ :) :D
ไฟล์แนบ
เมื่อวานนี้ได้มีพิธีฌาปนกิจศพแม่ชี วนิดา ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์เป็นที่เรียบร้อย ผมซึ่งอยู่ในระยะพักฟื้นไม่ได้ไปร่วมงาน รู้สึกผิดจริง ๆ แต่ก็ได้แต่อ้อนวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้นำพาดวงวิญญาณของแม่ชีขึ้นสู่สรวงสวรรค์ เราเคยไปมาหาสู่สนทนาแลกเปลี่ยนผลการปฏิบัติธรรม ทางโทรศัพท์เป็นประจำ และเมื่อมีโอกาสก็จะเดินทางไปร่วมบุญกันเป็นประจำเช่นกัน<br /><br />เมื่อครั้งที่มีชีวิตผมเป็นมะเร็งแม่ชีคือหนึ่งของผู้ที่เป็นกำลังใจ อย่างดีเยี่ยม และต่อมาสักปีกว่า ๆ แม่ชีก็มาเป็นมะเร็งเหมือนผม เราคุยกันแม่ชียังพูดว่า &quot;ผู้พันมีบุญมากจึงรอดตายมาสร้างบุญบารมีเพิ่มเติม ส่วนแม่ชีเองไม่รู้นะว่า จะตายเมื่อไหร่ แต่ก็จะสู้เหมือนที่ผู้พันได้ต่อสู้จนชนะ ส่วนจะสู้ได้แค่ไหนอย่างไรก็แล้วแต่่วาสนาบารมี&quot; ผมก็ได้ให้กำลังในแม่ชีมาโดยตลอด สุดท้านเมื่อ ๒  เดือนก่อนแม่ชีจะสิ้น เราได้โทรศัพท์คุยกัน เสียงแม่ชีอ่อนลง แม่ชีบอกว่า &quot;ต่อไปนี้ใครจะไปก่อนใตรก็เป็นเรื่องของธรรมชาติ เราทำดีที่สุดแล้ว ผู้พันอย่ากลัวความตายนะ แม่ชีพร้อมแล้ว&quot; ผมไม่นึกนะว่าจะเป็นการได้คุยกันครั้งสุดท้าย ผมสูญเสียกัลญาณมิตรที่ดีมากไปอีกคนแล้ว ขอแม่ชีเดินทางไปสู่สวรรค์ชั้นฟ้าภพภูมิที่สูงที่สุดครับ.
เมื่อวานนี้ได้มีพิธีฌาปนกิจศพแม่ชี วนิดา ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์เป็นที่เรียบร้อย ผมซึ่งอยู่ในระยะพักฟื้นไม่ได้ไปร่วมงาน รู้สึกผิดจริง ๆ แต่ก็ได้แต่อ้อนวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้นำพาดวงวิญญาณของแม่ชีขึ้นสู่สรวงสวรรค์ เราเคยไปมาหาสู่สนทนาแลกเปลี่ยนผลการปฏิบัติธรรม ทางโทรศัพท์เป็นประจำ และเมื่อมีโอกาสก็จะเดินทางไปร่วมบุญกันเป็นประจำเช่นกัน

เมื่อครั้งที่มีชีวิตผมเป็นมะเร็งแม่ชีคือหนึ่งของผู้ที่เป็นกำลังใจ อย่างดีเยี่ยม และต่อมาสักปีกว่า ๆ แม่ชีก็มาเป็นมะเร็งเหมือนผม เราคุยกันแม่ชียังพูดว่า "ผู้พันมีบุญมากจึงรอดตายมาสร้างบุญบารมีเพิ่มเติม ส่วนแม่ชีเองไม่รู้นะว่า จะตายเมื่อไหร่ แต่ก็จะสู้เหมือนที่ผู้พันได้ต่อสู้จนชนะ ส่วนจะสู้ได้แค่ไหนอย่างไรก็แล้วแต่่วาสนาบารมี" ผมก็ได้ให้กำลังในแม่ชีมาโดยตลอด สุดท้านเมื่อ ๒ เดือนก่อนแม่ชีจะสิ้น เราได้โทรศัพท์คุยกัน เสียงแม่ชีอ่อนลง แม่ชีบอกว่า "ต่อไปนี้ใครจะไปก่อนใตรก็เป็นเรื่องของธรรมชาติ เราทำดีที่สุดแล้ว ผู้พันอย่ากลัวความตายนะ แม่ชีพร้อมแล้ว" ผมไม่นึกนะว่าจะเป็นการได้คุยกันครั้งสุดท้าย ผมสูญเสียกัลญาณมิตรที่ดีมากไปอีกคนแล้ว ขอแม่ชีเดินทางไปสู่สวรรค์ชั้นฟ้าภพภูมิที่สูงที่สุดครับ.
S__51265538.jpg (248.73 KiB) เข้าดูแล้ว 448 ครั้ง
น้องสาวและน้องเขยเดินทางจากเอมริกาเพื่อมาเยี่ยมคุณแม่แต่ ๒๔/๑ - ๒/๒/๖๓ เมื่อวันที่ ๒ ก.พ.ก็ได้เดินทางจากเชียงใหม่บินกลับบ้านที่อเมริกา มาครั้งนี้ไม่ได้พาทั้งสองไปเที่ยวแห่งหนตำบลใดเลย เพราะความเจ็บไข้ได้ป่วย แต่ก็นับเป็นการดี ที่ทั้งสองจะได้มีเวลาดูแลพูดคุยอยู่กับบ้านจริง ๆ ดั่งตั้งใจ<br /><br />ที่อเมริกาเป็นประเทศกว้างใหญ่ไพศาลไปอยู่เป็นปีก็เที่ยวไม่ทั่วถึง ผมไป ๒ หนเที่ยวได้ไม่กี่ที่ ครั้งนี้มีโปรแกรมกับน้องเขยว่าจะไปเที่ยวอเมริกาอีกสักครั้ง แต่ขอเน้นเป็นที่ฮาวาย น้องเขยซึ่งเป็นคนอิสลามแต่เป็นอิสลามหัวใจประชาธิปไตยไม่บังคับลูกเมีย ต้องมานับถืออิสลามเหมือนตน ใครจะนับถือใครศาสนาไหนตามสะดวก หลาน ๒ คนคือลูกเขาค่อนข้างสนใจ พุทธศาสนาชอบนั่งสมาธิภาวนา แกก็ไม่ว่าอะไรสนับสนุนทันที ขอให้เป็นคนดีมีคุณธรรม เราเคยคุยกันเรื่องของศาสนาในทุกกรณี สรุปว่าคำสอนของศาสนาเป็นสากลคือ เน้นที่การทำดีมีคุณธรรม ไม่ฆ่า ไม่ลักโขมย ไม่เป็นชู้ ไม่โกหกตอแหล ไม่ติดของมีนเมา อยู่กันด้วยความรักความสามัคคี ให้เกิดสันติสุข ส่วนใครที่ทำนอกเหนือจากนี้ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน นรกคือที่ไป เหมือนกันทุกศาสนา<br /><br />เมื่อวานส่งข่าวมาถึงบ้านที่อเมริกาเรียบร้อย ก็ขอให้น้องทั้งสองมีความสุขแบบนี้ตลอดไป ไว้เจอกันปีหน้า
น้องสาวและน้องเขยเดินทางจากเอมริกาเพื่อมาเยี่ยมคุณแม่แต่ ๒๔/๑ - ๒/๒/๖๓ เมื่อวันที่ ๒ ก.พ.ก็ได้เดินทางจากเชียงใหม่บินกลับบ้านที่อเมริกา มาครั้งนี้ไม่ได้พาทั้งสองไปเที่ยวแห่งหนตำบลใดเลย เพราะความเจ็บไข้ได้ป่วย แต่ก็นับเป็นการดี ที่ทั้งสองจะได้มีเวลาดูแลพูดคุยอยู่กับบ้านจริง ๆ ดั่งตั้งใจ

ที่อเมริกาเป็นประเทศกว้างใหญ่ไพศาลไปอยู่เป็นปีก็เที่ยวไม่ทั่วถึง ผมไป ๒ หนเที่ยวได้ไม่กี่ที่ ครั้งนี้มีโปรแกรมกับน้องเขยว่าจะไปเที่ยวอเมริกาอีกสักครั้ง แต่ขอเน้นเป็นที่ฮาวาย น้องเขยซึ่งเป็นคนอิสลามแต่เป็นอิสลามหัวใจประชาธิปไตยไม่บังคับลูกเมีย ต้องมานับถืออิสลามเหมือนตน ใครจะนับถือใครศาสนาไหนตามสะดวก หลาน ๒ คนคือลูกเขาค่อนข้างสนใจ พุทธศาสนาชอบนั่งสมาธิภาวนา แกก็ไม่ว่าอะไรสนับสนุนทันที ขอให้เป็นคนดีมีคุณธรรม เราเคยคุยกันเรื่องของศาสนาในทุกกรณี สรุปว่าคำสอนของศาสนาเป็นสากลคือ เน้นที่การทำดีมีคุณธรรม ไม่ฆ่า ไม่ลักโขมย ไม่เป็นชู้ ไม่โกหกตอแหล ไม่ติดของมีนเมา อยู่กันด้วยความรักความสามัคคี ให้เกิดสันติสุข ส่วนใครที่ทำนอกเหนือจากนี้ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน นรกคือที่ไป เหมือนกันทุกศาสนา

เมื่อวานส่งข่าวมาถึงบ้านที่อเมริกาเรียบร้อย ก็ขอให้น้องทั้งสองมีความสุขแบบนี้ตลอดไป ไว้เจอกันปีหน้า
S__51273730.jpg (222.1 KiB) เข้าดูแล้ว 448 ครั้ง
S__50929667.jpg
S__50929667.jpg (139.33 KiB) เข้าดูแล้ว 448 ครั้ง
เมือ่ ๒ / ๒ / ๖๓ หลังจากที่ส่งน้องสาวและน้องเขยกลับอเมริกาบ้านเมืองของเขา ผมและคุณนายก็ต้องเดินทางกลับเชียงราย เนื่องจากเจ้าหลานน้อย ขอให้กลับเป็นห่วงคุณปู่ อยากอยู่กับปู่ - ย่า ยิ่งเห็นปู่นอน รพ.ก็ตกใจ &quot;ปู่ อย่าเป็นอะไรนะ&quot; ภาษาของเด็กทำให้ความรักล้นหัวใจ ถึงได้ตระหนักนะครับว่า &quot;รักหลานยิ่งกว่าลูก&quot; เออ....มันเป็นเช่นนี้เอง ช่วงนี้จะอยู่พักฟื้นที่เชียงรายจนถึงวันที่ ๑๒ ก.พ.จะเดินทางกลับไปตามหมอนัดใน ๑๓ ก.พ.ครับ
เมือ่ ๒ / ๒ / ๖๓ หลังจากที่ส่งน้องสาวและน้องเขยกลับอเมริกาบ้านเมืองของเขา ผมและคุณนายก็ต้องเดินทางกลับเชียงราย เนื่องจากเจ้าหลานน้อย ขอให้กลับเป็นห่วงคุณปู่ อยากอยู่กับปู่ - ย่า ยิ่งเห็นปู่นอน รพ.ก็ตกใจ "ปู่ อย่าเป็นอะไรนะ" ภาษาของเด็กทำให้ความรักล้นหัวใจ ถึงได้ตระหนักนะครับว่า "รักหลานยิ่งกว่าลูก" เออ....มันเป็นเช่นนี้เอง ช่วงนี้จะอยู่พักฟื้นที่เชียงรายจนถึงวันที่ ๑๒ ก.พ.จะเดินทางกลับไปตามหมอนัดใน ๑๓ ก.พ.ครับ
S__51257363.jpg (95.12 KiB) เข้าดูแล้ว 448 ครั้ง
S__51257347.jpg
S__51257347.jpg (105.66 KiB) เข้าดูแล้ว 448 ครั้ง
การที่จะมีความสุขที่แท้จริงนั้น มิใช่อยู่ที่การปรารถนาแล้ว ได้สมปรารถนาทุกอย่าง หาเป็นเช่นนั้นไม่<br /><br />แต่อยู่ที่ว่า เราทำอย่างไรจะรู้จักว่าสมความปรารถนาของเราแล้ว ทำให้อยู่ได้เป็นสุข ทำจิตใจของเราให้เป็นสุขได้ อันนั้นก็จะทำให้ได้ความสุขที่แท้จริง ความสุขแท้มิใช่อยู่ที่การสนองความปรารถนาเรื่อยไป ที่ไม่จบสิ้น <br /><br />มนุษย์ปรารถนาสิ่งใหม่เข้ามาอยู่เรื่อย ๆ ก็ต้องรู้จักปฏิบัติให้ถูกต้องต่อเรื่องความใหม่และความเก่า ความใหม่บางทีเราก็ไม่อาจจะได้เรื่อยไป<br /><br />ยกตัวอย่างง่ายๆ ร่างกายของเรา เราไม่สามารถจะให้เป็นร่างกายที่ใหม่ได้ตลอดกาล เมื่อวันเวลาล่วงผ่านมันก็เป็นไปตามธรรมชาติ <br /><br />ทีนี้ ถ้าเราปรับใจไม่ได้ เราต้องการแต่ความใหม่เรื่อยไป ก็เกิดการขัดแย้งกับความปรารถนา เพราะคนเราไม่อาจจะได้ใหม่เรื่อยไป แต่จะต้องเจอกับเก่าด้วย เพราะมีสิ่งที่จำเป็นจะต้องเก่า และสิ่งใหม่ที่มี ก็จะกลายเป็นเก่า
การที่จะมีความสุขที่แท้จริงนั้น มิใช่อยู่ที่การปรารถนาแล้ว ได้สมปรารถนาทุกอย่าง หาเป็นเช่นนั้นไม่

แต่อยู่ที่ว่า เราทำอย่างไรจะรู้จักว่าสมความปรารถนาของเราแล้ว ทำให้อยู่ได้เป็นสุข ทำจิตใจของเราให้เป็นสุขได้ อันนั้นก็จะทำให้ได้ความสุขที่แท้จริง ความสุขแท้มิใช่อยู่ที่การสนองความปรารถนาเรื่อยไป ที่ไม่จบสิ้น

มนุษย์ปรารถนาสิ่งใหม่เข้ามาอยู่เรื่อย ๆ ก็ต้องรู้จักปฏิบัติให้ถูกต้องต่อเรื่องความใหม่และความเก่า ความใหม่บางทีเราก็ไม่อาจจะได้เรื่อยไป

ยกตัวอย่างง่ายๆ ร่างกายของเรา เราไม่สามารถจะให้เป็นร่างกายที่ใหม่ได้ตลอดกาล เมื่อวันเวลาล่วงผ่านมันก็เป็นไปตามธรรมชาติ

ทีนี้ ถ้าเราปรับใจไม่ได้ เราต้องการแต่ความใหม่เรื่อยไป ก็เกิดการขัดแย้งกับความปรารถนา เพราะคนเราไม่อาจจะได้ใหม่เรื่อยไป แต่จะต้องเจอกับเก่าด้วย เพราะมีสิ่งที่จำเป็นจะต้องเก่า และสิ่งใหม่ที่มี ก็จะกลายเป็นเก่า
S__51257349.jpg (191.89 KiB) เข้าดูแล้ว 448 ครั้ง
เราไปชมพิพิธภัณฑ์ไร่แม่ฟ้าหลวงกันต่อครับ เราเข้าไปชมร้านของที่ระลึกเรียบร้อย ทางขวามือจะเป็น &quot; หอแก้ว &quot; ซึ่งจะแสดงสิ่งที่น่าสนใจมากมาย และภาพประวัติของสมเด็จย่า ก็จะอยู่ที่หอนี้ครับ
เราไปชมพิพิธภัณฑ์ไร่แม่ฟ้าหลวงกันต่อครับ เราเข้าไปชมร้านของที่ระลึกเรียบร้อย ทางขวามือจะเป็น " หอแก้ว " ซึ่งจะแสดงสิ่งที่น่าสนใจมากมาย และภาพประวัติของสมเด็จย่า ก็จะอยู่ที่หอนี้ครับ
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (108).JPG (199.79 KiB) เข้าดูแล้ว 448 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (109).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (109).JPG (222.29 KiB) เข้าดูแล้ว 448 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (110).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (110).JPG (223.98 KiB) เข้าดูแล้ว 448 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (114).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (114).JPG (176.41 KiB) เข้าดูแล้ว 448 ครั้ง
218720.jpg
218720.jpg (130.6 KiB) เข้าดูแล้ว 448 ครั้ง
218721.jpg
218721.jpg (144.64 KiB) เข้าดูแล้ว 448 ครั้ง
218722.jpg
218722.jpg (124.57 KiB) เข้าดูแล้ว 448 ครั้ง
218723.jpg
218723.jpg (125.94 KiB) เข้าดูแล้ว 448 ครั้ง
218725.jpg
218725.jpg (79.57 KiB) เข้าดูแล้ว 448 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (115).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (115).JPG (168.16 KiB) เข้าดูแล้ว 448 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (116).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (116).JPG (223 KiB) เข้าดูแล้ว 448 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (118).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (118).JPG (155.1 KiB) เข้าดูแล้ว 448 ครั้ง
ท่านใดที่ไปเยี่ยมชมหอแก้ว ก่อนเข้าเดินชมอย่าลืมไปกดปุ่ม เพื่อฟังเพลงเพราะ ๆ ตลอดกาลเดินชมจะเพิ่มอรรถรสของการชม เรียกว่าเพลิดเพลินเจริญใจ แทบไม่อยากออกจาก หอแก้ว ครับ มีความสุขสุด ๆ ยิ่งได้เห็นภาพสมเด็จย่า บอกได้คำเดียวว่า &quot;คิดถึงพระองค์ท่านมากครับ&quot; หาโอกาสไปเยี่ยมชมกันนะครับ.
ท่านใดที่ไปเยี่ยมชมหอแก้ว ก่อนเข้าเดินชมอย่าลืมไปกดปุ่ม เพื่อฟังเพลงเพราะ ๆ ตลอดกาลเดินชมจะเพิ่มอรรถรสของการชม เรียกว่าเพลิดเพลินเจริญใจ แทบไม่อยากออกจาก หอแก้ว ครับ มีความสุขสุด ๆ ยิ่งได้เห็นภาพสมเด็จย่า บอกได้คำเดียวว่า "คิดถึงพระองค์ท่านมากครับ" หาโอกาสไปเยี่ยมชมกันนะครับ.
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (119).JPG (132.51 KiB) เข้าดูแล้ว 448 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
pol noenpijit
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 605
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.ย. 2013, 16:34
Tel: 093-7328041
team: นาหม่อม

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย pol noenpijit »

ติดตามด้วยคนครับ
ปั่นสบายๆ ไปกับสองล้อคู่ใจ http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 5&t=351111

ปั่นสบายๆ ไปกับสองล้อคู่ใจ ตอน อพยพตามความฝันhttp://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... &t=1361518
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4364
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

pol noenpijit เขียน:ติดตามด้วยคนครับ
:) :D อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติและคุณ pol noenpijit ที่เคารพ ด้วยความยินดีและขอบพระคุณมากๆ ที่ท่านได้กรุณาติดตาม ซึ่งถือได้ว่า เป็นกำลังใจมากครับและผมจะพยายามคิด ค้น เสาะหา สิ่งที่เป็นประโยชน์นำมาให้ได้ติดตามกันต่อ ๆ ไป อย่าลืมถ้าพบเห็นสิ่งที่ผิดพลาด ไม่ถูกต้อง เมตตาชี้แนะเพื่อจะได้รีบแก้ไขด้วยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจเพื่อความถูกต้องถูกธรรม ที่สำคัญจะร่วมแสดงความคิดเห็นหรือเผยแพร่ความรู้เป็นวิทยาทาน ของเรียนเชิญได้เลยครับ ขอบพระคุณครับ :) :D

:( :( บ้านเมืองของเรานับวันยิ่งเหมือนจะใกล้สู่ความหายนะไปทุกวันๆ ไหนจะภัยธรรมชาติ ไหนจะภัยจากภายใน(การเมือง)ที่ไม่มีวันหยุดนิ่ง ช่วงนี้ถ้าติดตามกันทุกวันๆ หาความสุขไม่ได้เลย บังเอิญมีข้อความทางไลน์ส่งมา ไม่ทราบว่าใครนะแต่ง ตลกน้ำตาซึม ช่างกระแนะกระแหนความเป็นจริงในบ้านเมืองเราเวลานี้ ลองเข้าไปอ่านดูครับ

พระเจ้าสร้างโลก (ภาคพิสดาร)

เมื่อกาลก่อน โบราณ ตำนานเล่า
มีเรื่องราว เก่าก่อน ตอนสร้างโลก
เป็นนิทาน ขานไข ไปสุดโตก
เป็นเรื่องโจ๊ก เล่าสนุก ให้สุขใจ

พระเจ้าเรียก ประชุม กลุ่มเทวา
มาปรึกษา หารือ เรื่องงานใหญ่
จะสร้างโลก เลิศหรู ดูกว้างไกล
ให้สดใส สวยล้ำ ฉ่ำชีวัน

ให้มีคน น้ำสัตว์ มีต้นไม้
จัดแบ่งไว้ เป็นประเทศ ขอบเขตขัณฑ์
มอบสิ่งดี ให้สิ่งแย่ ไม่แพ้กัน
แบ่งจัดสรร บริสุทธิ์ ยุติธรรม

พระเจ้ามี ถุงวิเศษ อยู่สองถุง
ขวาสายรุ้ง แต่สิ่งดี ที่เลิศล้ำ
ซ้ายสิแย่ แค่เห็น ให้ระกำ
จึงรีบนำ สะพายบ่า พาบินไป

ถึงลุงแซม ให้น้ำตก เเองการ่า
เทือกเขาคว้า ร็อกกี้ นี้ไปให้
อริโซน่า เพิ่มอีก ทะเลทราย
ต่อแถมท้าย ด้วยพายุ ทอร์นาโด

ครั้นมาถึง บราซิล ถิ่นแซมบ้า
เลือกให้ป่า อเมซอน ก่อนตามโผ
เขียวขจี มีต้นไม้ สัตว์ใหญ่โต
แต่พิโธ่ ให้ไข้ป่า มาคุกคาม

ถึงตะวัน ออกกลาง สร้างภัยแล้ง
แดดร้อนแรง ทะเลทราย มีล้นหลาม
แต่ก็ใส่ บ่อน้ำมัน มากลั่นตาม
ไม่ครั่นคร้าม พอได้ช่วย ร่ำรวยไป

ถึงญี่ปุ่น ให้มี ภัยพิบัติ
ท่านเลยจัด ฟูจี แผ่นดินไหว
ทั้งหิมะ สินามิ ภูเขาไฟ
แต่ก็ให้ คนมีใจ วินัยดี

พระเจ้าให้ แบ่งปัน ไปจนครบ
แต่กลับพบ ยังขาดไทย ให้ด่วนจี๋
รีบเดินทาง ไปจัดการ ในทันที
ถึงขวานทอง ถิ่นนี้ ที่ลืมไป

จึงเหาะเหิน เดินทาง ระหว่างเขา
ผ่านเลยเข้า เทือกเขา ที่สูงใหญ่
เป็นชะง่อน ซับซ้อน ยอกย้อนไกล
เฉี่ยวไถล ถุงของดี จนมีรู

ของที่ดี ตกไป ให้ไทยหมด
ความสวยสด งดงาม ธรรมชาติหรู
ความอุดม สมบูรณ์ พูนพรั่งพรู
กว่าจะรู้ ก็สายไป ให้กังวล

ครั้นจะใส่ ภัยธรรมชาติ ดังคาดหวัง
แต่แย่จัง ให้ไปหมด จนสับสน
ในที่สุด คิดขึ้นได้ ไร้กังวล
จึงส่งคน สันดานชั่ว ตัวทำลาย

ให้มันคอย กอบโกย ขโมยชาติ
แพร่ระบาด ชาติชั่ว ตัวฉิบหาย
ถ่วงให้ไทย ไม่เจริญ เกินบรรยาย
ไทยจึงได้ อย่างที่เห็น เช่นทุกวัน.....!!!!
:( :(
ไฟล์แนบ
ท่านใดที่พึ่งเข้ามาเยี่ยมชม ขอทบทวนให้ทราบว่าขณะนี้เป็นตอนที่ ๓ ของหนังสือ เรื่อง &quot;ทุกข์ให้เห็น สุขให้เป็น&quot; ของท่านสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตโต) ถ้าสนใจให้ย้อนกลับไปหน้าหลังๆ นะครับ ตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายแล้ว สามตอนได้แก่ ๑.ความจริงในธรรม ๒.ความเข้าใจในชีวิต และ ๓.ความสุขในใจ ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
ท่านใดที่พึ่งเข้ามาเยี่ยมชม ขอทบทวนให้ทราบว่าขณะนี้เป็นตอนที่ ๓ ของหนังสือ เรื่อง "ทุกข์ให้เห็น สุขให้เป็น" ของท่านสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตโต) ถ้าสนใจให้ย้อนกลับไปหน้าหลังๆ นะครับ ตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายแล้ว สามตอนได้แก่ ๑.ความจริงในธรรม ๒.ความเข้าใจในชีวิต และ ๓.ความสุขในใจ ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
S__51257347.jpg (105.66 KiB) เข้าดูแล้ว 791 ครั้ง
อะไรต่างๆ นี่ โดยมากมันจะเกิดเป็นปัญหาเพราะเราไปรับกระทบ ถ้าเราไม่รับกระทบ มันก็เป็นเพียงการเรียนรู้<br /><br />บางที่เราทำใจให้ถูกต้องกว่านั้น ก็คือ คิดจะฝึกตนเอง พอเราทำใจว่าจะฝึกตนเอง เราจะมองทุกอย่างในแง่มุมใหม่ แม้แต่สิ่งไม่ดีไม่น่าชอบใจ เราก็จะมองเป็นบททดสอบ พอมองเป็นบททดสอบทีไร เราก็ได้ทุกที ไม่ว่าดีหรือร้ายเข้ามา ก็เป็นบททดสอบใจและทดสอบสติปัญญาความสามารถทั้งนั้น ก็ทำให้เราเข้มแข็งยิ่งขึ้น เพราะเราได้ฝึกฝน เราได้พัฒนาตัวเรา เลยกลายเป็นดีไปหมด <br /><br />(อย่าลืมอ่านทบทวนหลายๆ ครั้งแล้วนำไปฝึกหัดปฏิบัติ เราก็จะพบว่าอะไรเกิด ดี - ร้าย ไม่จีรัง เดี๋ยวมันก็ผ่านไป อยู่ให้เป็นสุขดีกว่า แต่ อย่าลืมหน้าที่ศีลธรรมนะครับ)
อะไรต่างๆ นี่ โดยมากมันจะเกิดเป็นปัญหาเพราะเราไปรับกระทบ ถ้าเราไม่รับกระทบ มันก็เป็นเพียงการเรียนรู้

บางที่เราทำใจให้ถูกต้องกว่านั้น ก็คือ คิดจะฝึกตนเอง พอเราทำใจว่าจะฝึกตนเอง เราจะมองทุกอย่างในแง่มุมใหม่ แม้แต่สิ่งไม่ดีไม่น่าชอบใจ เราก็จะมองเป็นบททดสอบ พอมองเป็นบททดสอบทีไร เราก็ได้ทุกที ไม่ว่าดีหรือร้ายเข้ามา ก็เป็นบททดสอบใจและทดสอบสติปัญญาความสามารถทั้งนั้น ก็ทำให้เราเข้มแข็งยิ่งขึ้น เพราะเราได้ฝึกฝน เราได้พัฒนาตัวเรา เลยกลายเป็นดีไปหมด

(อย่าลืมอ่านทบทวนหลายๆ ครั้งแล้วนำไปฝึกหัดปฏิบัติ เราก็จะพบว่าอะไรเกิด ดี - ร้าย ไม่จีรัง เดี๋ยวมันก็ผ่านไป อยู่ให้เป็นสุขดีกว่า แต่ อย่าลืมหน้าที่ศีลธรรมนะครับ)
S__51257350.jpg (171.71 KiB) เข้าดูแล้ว 791 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (124).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (124).JPG (118.69 KiB) เข้าดูแล้ว 791 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (123).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (123).JPG (174.37 KiB) เข้าดูแล้ว 791 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (120).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (120).JPG (157.77 KiB) เข้าดูแล้ว 791 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (121).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (121).JPG (167.03 KiB) เข้าดูแล้ว 791 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (122).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (122).JPG (224.13 KiB) เข้าดูแล้ว 791 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (125).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (125).JPG (211.86 KiB) เข้าดูแล้ว 791 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (126).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (126).JPG (216.19 KiB) เข้าดูแล้ว 791 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (127).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (127).JPG (185.25 KiB) เข้าดูแล้ว 791 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (128).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (128).JPG (164.71 KiB) เข้าดูแล้ว 791 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (130).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (130).JPG (195.68 KiB) เข้าดูแล้ว 791 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (131).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (131).JPG (171.34 KiB) เข้าดูแล้ว 791 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (132).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (132).JPG (190.37 KiB) เข้าดูแล้ว 791 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (133).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (133).JPG (205.33 KiB) เข้าดูแล้ว 791 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (134).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (134).JPG (167.99 KiB) เข้าดูแล้ว 791 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4364
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:idea: :idea: ดูกรภิกษุทั้งหลาย เครื่องจองจำที่ทำด้วยเชือก เหล็กหรือโซ่ตรวนใดๆเราไม่กล่าวว่าเป็นเครื่องจองจำที่แข็งแรงทนทานเลย แต่เครื่องจองจำ คือ บุตรภรรยาและทรัพย์สมบัตินี่แลตรึงมัดรัดผูกสัตว์ให้ติดอยู่ในภพอันไม่มีที่สิ้นสุด เครื่องผูกที่ผูกหย่อนๆคือ บุตร ภรรยาและทรัพย์สมบัตินี่เอง รูป เสียง กลิ่น รสและโผฏฐัพพะเป็นเหยื่อของโลกเมื่อบุคคลยังติดอยู่ในรูปเป็นต้นนั้น เขาจะพ้นจากโลกมิได้เลย ” :idea: :idea:

:) :D สวัสดียามเย็นของ ๙/๒/๖๓ เมื่อวานวันมาฆบูชา เราพาลูก หลานไปวัดเพื่อทำบุญเนื่องในวันสำคัญทางพุทธศาสนา ต้องแปลกใจมาก คนไปวัดน้อยมากน้อยจนเรียกว่าผิดปกติ เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่ผิดปกติ น่าจะมีผลมาจากไวรัสโคโรนา เที่ยงกว่า ๆ กลับบ้าน บ่าย ๆ ได้ยินข่าวทางทีวีมีการกราดยิงที่โคราช โดยจ่าสิบเอกทหารคนหนึ่ง จากนั้นก็นั่งติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด จนถึงบ่ายวันนี้ ทราบว่าจ่าโหดถูกวิสามัญเรียบร้อย สรุปมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด ๒๗ ศพรวมทั้งตัวจ่าคลั่งด้วย ผู้บาดเจ็บอีก ๕๗ คน จากปากของคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีครับ

เสียดายที่จ่าคลั่งต้องตายไป หากไม่ตายเราอาจจะได้ความจริงจากปากของเขา อะไรที่เป็นเหตุให้กระทำ เรื่องนี้มันต้องมีแรงบันดาลใจครับ ประสบกับตัวเองมาแล้วโชคดีที่ผมสามารถหลุดจากวงจร โลภ โกรธ หลงมาได้แบบหวุดหวิด แต่สำหรับบุรุษใจเด็ดอำมหิตแบนี้ ยากที่จะจับเป็นได้ จึงสมควรแล้ว เสียดายความจริงที่ตายไปกับตัวเขา เราเลยไม่ได้ข้อจริงครับ
:( :(
ไฟล์แนบ
ปีนี้คนเข้าวัดน้อยมาก ๆ มากจนผิดสังเกตุครับ ขอแจ้งเตือนครับ อย่าละเลยนะครับ
ปีนี้คนเข้าวัดน้อยมาก ๆ มากจนผิดสังเกตุครับ ขอแจ้งเตือนครับ อย่าละเลยนะครับ
S__52166792.jpg (113.05 KiB) เข้าดูแล้ว 780 ครั้ง
ขอไว้อาลัยกับตำรวจที่พลีชีพเพื่อความสงบสุขของประชาชน ตามหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ สำหรับผู้บาดเจ็บก็ขอให้หายวันหายคืนกลับมารับใช้พ่อแม่พี่น้องอีกครับ
ขอไว้อาลัยกับตำรวจที่พลีชีพเพื่อความสงบสุขของประชาชน ตามหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ สำหรับผู้บาดเจ็บก็ขอให้หายวันหายคืนกลับมารับใช้พ่อแม่พี่น้องอีกครับ
S__51798019.jpg (211.24 KiB) เข้าดูแล้ว 780 ครั้ง
....ท่านว่า &quot;ไม่ละทิ้งสุขที่ชอบธรรม &quot; สุขที่ชอบธรรมคือ สุขที่เราควรได้ควรมีตามเหตุปัจจัย ทีหลายขั้นหลายระดับ เรามีสิทธิ์ที่จะได้รับความสุขเหล่านั้น แต่ให้เป็นไปโดยชอบธรรมเช่น ถ้าเป็นความสุขทางวัตถุ ก็ไม่ให้เป็นสุขที่เบียดเบียน ก่อความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น แต่ควรจะเป็นความสุขที่เผื่อแผ่ จึงช่วยให้เกิดความสุขขยายกว้างขวางออกไป <br /><br />ถ้าสุขของเราที่เกิดขึ้นโดยตั้งอยู่บนความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่ดี ไม่ชอบธรรม เพราะฉะนั้น จึงต้องให้เป็นความสุขที่ชอบธรรม เราสุขผู้อื่นก็ไม่ทุกข์ ถ้าให้ดียิ่งกว่านั้น ก็ให้เป็นสุขด้วยกัน<br /><br />สุขนี้มีหลายแบบ หรือหลายระดับ คือ<br /><br />๑.สุขแบบแย่งกัน<br />๒.สุขแบบไปด้วยกัน หรือสุขแบบประสานกัน<br />๓.สุขแบบอิสระ<br /><br />พระพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้าเป็นความสุขโดยชอบธรรมแล้ว ไม่ต้องไปสละละทิ้ง แต่ต้องสอนไม่ให้หยุดแค่นี้ เพราะถ้าเราปฏิบัติผิด พอเรามีความสุขแล้ว เราก็อาจจะพลาด <br /><br />จุดที่จะพลาดอยู่ตรงนี้ คือ เรามีสิทธิ์ที่จะสุข และเราก็สุขแล้ว แต่เราหลงไปเพลิดเพลินมัวเมา พอเราหลงเพลิดเพลินมัวเมา ความสุขนั้นก็จะกลับกลายเป็นปัจจัยของความทุกข์ได้ พอถึงตอนนี้ก็จะเสีย เพราะฉะนั้น ความสุขนั้นเราจะต้องรู้ทันด้วย<br /><br />ความสุขก็เป็นโลกธรรมอย่างหนึ่ง คือ มันเกิดขึ้นแล้วก็ตั้งอยู่และดับไป เป็นอนิจจัง เปลี่ยนแปลงได้ <br /><br />ถ้าเรารู้ทันความจริงนี้ เมื่อสุข เราก็เสวยสุขนั้นโดยชอบธรรม แต่เราไม่หลงใหลมัวเมาในความสุขนั้น เมื่อรู้เท่าทันไม่หลงใหลมัวเมาแล้ว มันก็ไม่เป็นปัจจัยให้เกิดทุกข์<br /><br />แต่ถ้าหลงมัวเมา สุขก็เป็นปัจจัยแก่ทุกข์ อย่างน้อยก็ทำให้ติด แล้วก็เพลิดเพลิน หลงมัวเมา ไม่ทำอะไร ทำให้เกิดความประมาท
....ท่านว่า "ไม่ละทิ้งสุขที่ชอบธรรม " สุขที่ชอบธรรมคือ สุขที่เราควรได้ควรมีตามเหตุปัจจัย ทีหลายขั้นหลายระดับ เรามีสิทธิ์ที่จะได้รับความสุขเหล่านั้น แต่ให้เป็นไปโดยชอบธรรมเช่น ถ้าเป็นความสุขทางวัตถุ ก็ไม่ให้เป็นสุขที่เบียดเบียน ก่อความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น แต่ควรจะเป็นความสุขที่เผื่อแผ่ จึงช่วยให้เกิดความสุขขยายกว้างขวางออกไป

ถ้าสุขของเราที่เกิดขึ้นโดยตั้งอยู่บนความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่ดี ไม่ชอบธรรม เพราะฉะนั้น จึงต้องให้เป็นความสุขที่ชอบธรรม เราสุขผู้อื่นก็ไม่ทุกข์ ถ้าให้ดียิ่งกว่านั้น ก็ให้เป็นสุขด้วยกัน

สุขนี้มีหลายแบบ หรือหลายระดับ คือ

๑.สุขแบบแย่งกัน
๒.สุขแบบไปด้วยกัน หรือสุขแบบประสานกัน
๓.สุขแบบอิสระ

พระพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้าเป็นความสุขโดยชอบธรรมแล้ว ไม่ต้องไปสละละทิ้ง แต่ต้องสอนไม่ให้หยุดแค่นี้ เพราะถ้าเราปฏิบัติผิด พอเรามีความสุขแล้ว เราก็อาจจะพลาด

จุดที่จะพลาดอยู่ตรงนี้ คือ เรามีสิทธิ์ที่จะสุข และเราก็สุขแล้ว แต่เราหลงไปเพลิดเพลินมัวเมา พอเราหลงเพลิดเพลินมัวเมา ความสุขนั้นก็จะกลับกลายเป็นปัจจัยของความทุกข์ได้ พอถึงตอนนี้ก็จะเสีย เพราะฉะนั้น ความสุขนั้นเราจะต้องรู้ทันด้วย

ความสุขก็เป็นโลกธรรมอย่างหนึ่ง คือ มันเกิดขึ้นแล้วก็ตั้งอยู่และดับไป เป็นอนิจจัง เปลี่ยนแปลงได้

ถ้าเรารู้ทันความจริงนี้ เมื่อสุข เราก็เสวยสุขนั้นโดยชอบธรรม แต่เราไม่หลงใหลมัวเมาในความสุขนั้น เมื่อรู้เท่าทันไม่หลงใหลมัวเมาแล้ว มันก็ไม่เป็นปัจจัยให้เกิดทุกข์

แต่ถ้าหลงมัวเมา สุขก็เป็นปัจจัยแก่ทุกข์ อย่างน้อยก็ทำให้ติด แล้วก็เพลิดเพลิน หลงมัวเมา ไม่ทำอะไร ทำให้เกิดความประมาท
S__51257351.jpg (166.92 KiB) เข้าดูแล้ว 780 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (135).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (135).JPG (184.1 KiB) เข้าดูแล้ว 780 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (136).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (136).JPG (199.09 KiB) เข้าดูแล้ว 780 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (137).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (137).JPG (191.62 KiB) เข้าดูแล้ว 780 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (138).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (138).JPG (158.12 KiB) เข้าดูแล้ว 780 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (139).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (139).JPG (194.17 KiB) เข้าดูแล้ว 780 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (140).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (140).JPG (161.16 KiB) เข้าดูแล้ว 780 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (141).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (141).JPG (149.36 KiB) เข้าดูแล้ว 780 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (142).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (142).JPG (185.24 KiB) เข้าดูแล้ว 780 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (143).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (143).JPG (166.35 KiB) เข้าดูแล้ว 780 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (144).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (144).JPG (253.05 KiB) เข้าดูแล้ว 780 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (145).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (145).JPG (249.42 KiB) เข้าดูแล้ว 780 ครั้ง
218728.jpg
218728.jpg (100.9 KiB) เข้าดูแล้ว 780 ครั้ง
218729.jpg
218729.jpg (149.48 KiB) เข้าดูแล้ว 780 ครั้ง
ขอให้สังเกตุภาพแกะสลักชุดนี้ให้ดี ๆ ครับ มีมุขขบขันซ่อนเงื่อนงำไว้ให้ได้ยล นี่คือความตลกคะนองของศิลปินที่มีทุกยุคทุกสมัยครับ
ขอให้สังเกตุภาพแกะสลักชุดนี้ให้ดี ๆ ครับ มีมุขขบขันซ่อนเงื่อนงำไว้ให้ได้ยล นี่คือความตลกคะนองของศิลปินที่มีทุกยุคทุกสมัยครับ
218730.jpg (131.75 KiB) เข้าดูแล้ว 780 ครั้ง
218731.jpg
218731.jpg (121.77 KiB) เข้าดูแล้ว 780 ครั้ง
218732.jpg
218732.jpg (97.74 KiB) เข้าดูแล้ว 780 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4364
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:idea: :idea: “ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลาภและยศนั้นเป็นเหยื่อของโลกที่น้อยคนนักจะสละละวางได้ จึงแย่งลาภและยศกันอยู่เสมอเหมือนปลาที่แย่งเหยื่อกันกิน แต่หารู้ไม่ว่าเหยื่อนั้นมีเบ็ดเกี่ยวอยู่ด้วยหรือเหมือนไก่ที่แย่งไส้เดือนกัน จิกตีกัน ทำลายกันจนพินาศกันทั้งสองฝ่าย

น่าสังเวชสลดจิตยิ่งนักถ้ามนุษย์ในโลกนี้ลดความโลภลง มีการเผื่อแผ่เจือจานโอบอ้อมอารี ถ้าเขาลดโทสะลง มีความเห็นอกเห็นใจกันมีเมตตากรุณาต่อกัน และลดโมหะลง ไม่หลงงมงาย ใช้เหตุผลในการตัดสินปัญหาและดำเนินชีวิตโลกนี้จะน่าอยู่อีกมาก แต่ช่างเขาเถิดหน้าที่โดยตรงและเร่งด่วนของเธอ คือ ลดความโลภความโกรธและความหลงของเธอเองให้น้อยลง แล้วจะประสบความสุขเยือกเย็นขึ้นมาก เหมือนคนลดไข้ได้มากเท่าใดความสบายกายก็มีมากขึ้นเท่านั้น ”
:idea: :idea:

:) :D อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ ช่วงแต่ ๘ - ๑๑ /๒ / ๖๓ ประเทศไทยเจอเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอาการสาหัสเข้าไปอีก สรุปว่าตั้งแต่ขึ้นศักราชใหม่ ๒๕๖๓ ประเทศไทยบอบช้ำเกินเยียวยาซะแล้ว ใจเย็นๆ ครับเรายังมีที่พึ่งมันจะไม่ร้ายไปตลอดทั้งปี เรามาร่วมกันสวดมนต์ ภาวนา แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรของบ้านเมือง อธิษฐานจิตขอให้เรื่องร้าย ๆ กลับกลายเป็นดีโดยเร็วกันนะครับ...ไม่มีอะไรจะดีกว่านี้อีกแล้ว

ชั่วชีวิตผม ๗๐ ปีถึงวันนี้ ผมเจอคนอยู่ ๓ ประเภท ๑.คนมีเงิน ๒.คนมีอำนาจ คนสองประเภทนี้น่าสงสารมาก ๆ ครับ สมัยผมเป็นผู้บังคับหมวดใหม่ ๆ เพื่อนไม่สนิทกัน (ถ้าเอ่ยนามสกุลทุกท่านร้อง..อ๋อ..ขอสงวนครับ ) รวยมากหอบเงินติดตัวเงินสด ๆ ล้านกว่าบาทประมาณนี้ ขึ้นไปนอนดอยกับผมที่ บ.เมืองงาม อ.ท่าตอน จ.เชียงใหม่ นั่งดื่มเหล้าด้วยกัน อยู่ ๆ ก็ร้องไห้ บอกชีวิตเพื่อน (ผม) ช่างเป็นอิสระมีความสุขเหลือเกินแตกต่างกับมันสิ้นเชิง..อูว....ได้ไง (งง) ผมต่างหากที่อิจฉามัน ผมพาลาดตระเวนไปตามหมู่บ้าน มันมีความสุขชีวิตตื่นเต้นดี อยู่กับผมได้ ๓ วันก็ต้องกลับ ก่อนกลับมันกราบผมอย่างงาม พร้อมคำขอบคุณที่ทำให้ชีวิตมันเปลี่ยนแปลงได้ ต่อไปมันจะใช้ชีวิตให้เกิดประโยชน์เช่นที่ ตชด.ได้พากระทำ...เออ..เอา ๆ :lol: :lol:

คนประเภที่ ๒ คนมีอำนาจ ในฐานะที่เป็น ตชด.เรามีระบบการบังคับบัญชา (เจ้านาย) เรียกว่าผมเจอทุกรูปแบบครับ คนมีอำนาจไร้คุณธรรมเยอะแต่คนมีอำนาจมีคุณธรรมก็มากครับ ผมชะตาฟ้าลิขิตให้เจอคนมีอำนาจขาดคุณธรรม มันกลั่นแกล้ง ยังไม่พอมันไปสอพลอเจ้านายหูเบา เรียกว่า ๒ อย่างบาท ผมตกที่นั่งลำบากซิครับ ในขณะที่สถานการณ์กำลังเลวร้าย ก็มีพระเอกม้าขาวมาช่วย มากันหลายคนด้วย มาสั่งและกำกับดูแลผมและบอกผมว่า "มึงอย่าทำอะไรบ้า ๆ นะ ใจเย็น ๆ กูจะดูแลมึงเอง" ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ปฏิบัติธรรมและประกาศตัวเป็นพุทธบุตร เลิกอบายมุขทั้งหมดทั้งสิ้นแล้ว สวดมนต์ภาวนาจงกรมอย่างอุกฤต ทำให้ผมควบคุม "สติ" ของตนเองได้ ไม่งั้นจ่าคลั่งชิดซ้ายครับ..จริง ๆ

จ่าคลั่ง ผมนับถือน้ำใจแต่ไม่ยกย่อง เพราะเจ็บแค้นที่หนึ่งแต่ไปทำอีกที่หนึ่ง โดยเฉพาะกับประชาชน เสียหายมาก ถ้าแน่จริง รอเวลาหาลู่ทางจัดการที่กองบัญชาการกองทัพบกเลย นี่ซิผมจะสรรเสริญ สำหรับผมถือว่า "บุญ บารมี " ที่สั่งสมมาทั้งในอดีตชาติ และปัจจุบันชาติจึงผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้แบบเส้นยาแดงผ่า ๘ ครับ

คนประเภที่ ๓ คนมีธรรม คนประเภทนี้แหละครับที่จะนำพาชีวิตของเราไปสู่เป้าหมายของความเป็น "มนุษย์" ที่แท้จริง เขามีความสงบ เย็น เป็นมิตร ก้มหน้าก้มตาทำงานไปตามหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเชื่อเรื่องของ กรรม และผลของกรรมตามที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอน มีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย สบาย ๆ ไม่หวือหวา คงเส้นคงวา สังเกตุง่าย ๆ คนพวกนี้ชอบเข้าวัดฟังธรรมครับ
:) :D
ไฟล์แนบ
เป็นธรรมดาว่า เมื่อเราอยากให้เขาเป็นสุข เราก็ต้องพยายามทำให้เขาเป็นสุข และเราจะเป็นสุขก็ต่อเมื่อเขาเป็นสุข จึงเป็นการแน่นอนว่าความรักประเภทนี้จะทำให้เกิดความสัมพันธ์โยงใยที่ยึดเหนี่ยวจิตใจกัน เพราะว่าความสุขอย่างนี้ เป็นสุขด้วยกันและอาศัยกัน<br /><br />เหมือนอย่างคุณพ่อคุณแม่ที่ฝากความสุขไว้กับลูก เมื่อเห็นลูกมีความสุข คุณแม่ก็มีความสุข คุณพ่อก็มีความสุข แต่ถ้าลูกยังไม่สุข คุณพ่อคุณแม่ก็เป็นห่วงเป็นกังวล บางทีก็เป็นทุกข์ไปเลย เพราะฉะนั้นอย่างน้อยก็ให้ท่านมีความหวังว่า ลูกจะเป็นสุข พอมีความหวัง ท่านก็อิ่มใจสบายใจ.
เป็นธรรมดาว่า เมื่อเราอยากให้เขาเป็นสุข เราก็ต้องพยายามทำให้เขาเป็นสุข และเราจะเป็นสุขก็ต่อเมื่อเขาเป็นสุข จึงเป็นการแน่นอนว่าความรักประเภทนี้จะทำให้เกิดความสัมพันธ์โยงใยที่ยึดเหนี่ยวจิตใจกัน เพราะว่าความสุขอย่างนี้ เป็นสุขด้วยกันและอาศัยกัน

เหมือนอย่างคุณพ่อคุณแม่ที่ฝากความสุขไว้กับลูก เมื่อเห็นลูกมีความสุข คุณแม่ก็มีความสุข คุณพ่อก็มีความสุข แต่ถ้าลูกยังไม่สุข คุณพ่อคุณแม่ก็เป็นห่วงเป็นกังวล บางทีก็เป็นทุกข์ไปเลย เพราะฉะนั้นอย่างน้อยก็ให้ท่านมีความหวังว่า ลูกจะเป็นสุข พอมีความหวัง ท่านก็อิ่มใจสบายใจ.
S__51257352.jpg (157.71 KiB) เข้าดูแล้ว 800 ครั้ง
S__52174850.jpg
S__52174850.jpg (75.47 KiB) เข้าดูแล้ว 800 ครั้ง
S__52174852.jpg
S__52174852.jpg (98.75 KiB) เข้าดูแล้ว 800 ครั้ง
S__52174853.jpg
S__52174853.jpg (130.71 KiB) เข้าดูแล้ว 800 ครั้ง
จ่าแม่นปืนทะลุปรอทคลั่ง ยิงไป เซลฟี่ไป พูดจา ทำหน้าทำตา ราวกับกำลังเล่นเกมตามสวนสนุก<br /><br />ถ้าคิดว่านั่นคือข่าวน่าตกใจ ลองดูข้อความในทวิตเตอร์ ที่ผมแคปมาประกอบรูปสเตตัส ซึ่งเป็นของจริง มีตัวตนคนเขียนเชียร์อย่างนั้นจริงๆ แล้วคุณจะเห็นว่าข่าวจ่าคลั่ง ยังไม่ใช่เรื่องน่าตกใจที่สุด ฝูงคนคลั่งที่ยังซุ่มเงียบ รอเอาเยี่ยงเอาอย่างตามต่างหาก ที่ใช่<br /><br />จากข่าว ผอ.กอล์ฟ ถึงจ่าจักรพันธ์ ถึงเวลาลืมตาตื่นขึ้นมาตระหนักว่า เราไม่ได้รบกับคนเลวคนใดคนหนึ่ง แต่เรากำลังรบกับโรคทางใจของคนยุคใหม่ที่กำลังคุกคามทุกคนในโลก แบบซับซ้อนพิสดาร เดาทางกันไม่ถูก การก่นด่าหรือฆ่าคนร้ายเพียงคนเดียวไม่ได้ทำให้เรื่องจบ  หมอกพิษหมอกภัยของโรคร้ายยังไม่หายไปไหน<br /><br />ต่อแต่นี้ไป ข่าวยิงกราดอาจจะไม่ใช่เรื่องไกลตัว ที่ต้องฟังจากฝั่งอเมริกาอีกต่อไป และคนร้ายที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญคนทั้งประเทศ ก็เริ่มหน้าตาดี ดูเหมือนคนดีๆ ที่อยู่ใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกทีด้วย บางท่านที่จัดค่ายเยาวชนให้ข้อมูลว่า ปีหลังๆพบเด็กชอบเล่นเกมกราดยิงและบอกว่าสะใจเวลาเห็นข่าวกราดยิงเสียด้วย<br /><br />ข่าวยิงกราดเป็นเหมือนโรคติดต่อได้อย่างไร? จริงๆคือใจคนจำนวนหนึ่ง พร้อมจะคลุ้มคลั่งอาละวาดอยู่แล้วสงสารตัวเอง เก็บกด และเกลียดโลกอยู่แล้ว ต่อเมื่อมีชนวนปะทุเหมือนส่งสัญญาณ เรียกพวกเดียวกันออกมา จึงใจกล้า และไม่สนอะไรอีก อย่างเช่นกรณีของจ่าจักรพันธ์ ก่อนที่เฟสของเขาจะถูกลบ มีคนให้ผมดูว่าจ่าเคยแชร์รูป ผอ.กอล์ฟ<br /><br />ตอนนั้นเพื่อนๆจ่ารู้ว่าจ่าแชร์ แต่ไม่รู้หรอกว่าจ่าแอบคิดอะไรอยู่ ไม่รู้หรอกว่าจ่าเห็น ผอ.กอล์ฟ เป็นแรงบันดาลโทสะ ให้อยากเข้าร่วมประชาทัณฑ์หรือเป็นแรงบันดาลใจ ให้อยาก เข้าร่วมขบวนการ<br /><br />ว่ากันเฉพาะกรณีจ่าจักรพันธุ์ เขาโดนผู้บังคับบัญชาโกงค่านายหน้าที่ดิน ซึ่งเมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรมจากโลก เลยตอบสนองด้วยการให้ความ ไม่เป็นธรรมกับโลกบ้าง แม้จะเป็นคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็ตาม<br /><br />หลังจากเข่นฆ่าประชาชนไปเป็นจำนวนมาก จ่าบ่นว่าเหนื่อยเหลือเกินหรืออย่างที่บอกเพื่อนว่า สังหารประชาชน ตามถนนเพื่อป้องกันตัวเอง นั่นเป็นสัญญาณบอกว่าเขามีความสงสารตัวเองสูง จะเรียกว่าเข้าขั้นผิดปกติก็ได้ เพราะในหัวมีแต่ภาพของตนเองเป็นผู้ถูกกระทำ แต่ที่กระทำกับคนอื่น ไม่อยู่ในใจเลย<br /><br />คนยุคเราพกระเบิดเวลาไว้ในหัวคนละลูก มีคนอีกมากที่สงสารตัวเองสูง เท่ากับหรืออาจจะมากกว่าจ่าจักรพันธ์ หลักฐานคือมีแฟนคลับของจ่า<br />เกิดขึ้นทันทีมากมาย หลายคนไม่สนใจว่าผู้บริสุทธิ์ต้องล้มตายกันเท่าไร ได้แต่พูดแสดงความเห็นใจจ่าคลั่ง ประมาณว่า ก็คนมันโดนกดขี่มาก่อน เหมือนถูกบีบให้ต้องทำอย่างนี้<br /><br />ครั้งนี้ คนที่ระเบิดเวลาปะทุ ดันเป็นผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธและเก่งขนาดเอาตัวรอด ด้วยการสังหารหน่วยอรินทราชได้ เราแค่ยังไม่รู้ว่าคนมีศักยภาพแบบเดียวกัน เป็นจำนวนเท่าใด ที่แอบชื่นชม  และอาจกำลังวางแผนเอาตาม มนุษย์ไม่อาจสัมผัสนรกหลังความตาย แต่เมื่อลิ้มรสนรกบนดินจนทนไม่ไหว ก็เลิกกลัวนรกหลังความตายกันไปหมด<br /><br />ข่าว ผอ.กอล์ฟ เราได้บทเรียน คือ อย่าปล่อยให้ลูกหลานฟุ้งเฟ้อเกินไป ส่วนข่าวจ่าจักรพันธ์ เราได้บทเรียน คือ อย่ากดขี่ผู้น้อย อย่าย่ามใจว่าเขาด้อยกว่า<br /><br />แต่บทเรียนที่แท้จริงที่ควรช่วยๆกัน ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุยิงกราดขึ้นอีกคือ อย่าปล่อยใจ เผลอสะสมความคลุ้มคลั่ง ตามเขาไปโดยไม่รู้ตัว<br /><br />ถ้าคิดว่าเราทำอะไรให้ดีขึ้นไม่ได้ แนวโน้มคือ เราจะช่วยซ้ำเติม ให้อะไรๆแย่ลงไปอีก! ...Cr Dungtrin
จ่าแม่นปืนทะลุปรอทคลั่ง ยิงไป เซลฟี่ไป พูดจา ทำหน้าทำตา ราวกับกำลังเล่นเกมตามสวนสนุก

ถ้าคิดว่านั่นคือข่าวน่าตกใจ ลองดูข้อความในทวิตเตอร์ ที่ผมแคปมาประกอบรูปสเตตัส ซึ่งเป็นของจริง มีตัวตนคนเขียนเชียร์อย่างนั้นจริงๆ แล้วคุณจะเห็นว่าข่าวจ่าคลั่ง ยังไม่ใช่เรื่องน่าตกใจที่สุด ฝูงคนคลั่งที่ยังซุ่มเงียบ รอเอาเยี่ยงเอาอย่างตามต่างหาก ที่ใช่

จากข่าว ผอ.กอล์ฟ ถึงจ่าจักรพันธ์ ถึงเวลาลืมตาตื่นขึ้นมาตระหนักว่า เราไม่ได้รบกับคนเลวคนใดคนหนึ่ง แต่เรากำลังรบกับโรคทางใจของคนยุคใหม่ที่กำลังคุกคามทุกคนในโลก แบบซับซ้อนพิสดาร เดาทางกันไม่ถูก การก่นด่าหรือฆ่าคนร้ายเพียงคนเดียวไม่ได้ทำให้เรื่องจบ หมอกพิษหมอกภัยของโรคร้ายยังไม่หายไปไหน

ต่อแต่นี้ไป ข่าวยิงกราดอาจจะไม่ใช่เรื่องไกลตัว ที่ต้องฟังจากฝั่งอเมริกาอีกต่อไป และคนร้ายที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญคนทั้งประเทศ ก็เริ่มหน้าตาดี ดูเหมือนคนดีๆ ที่อยู่ใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกทีด้วย บางท่านที่จัดค่ายเยาวชนให้ข้อมูลว่า ปีหลังๆพบเด็กชอบเล่นเกมกราดยิงและบอกว่าสะใจเวลาเห็นข่าวกราดยิงเสียด้วย

ข่าวยิงกราดเป็นเหมือนโรคติดต่อได้อย่างไร? จริงๆคือใจคนจำนวนหนึ่ง พร้อมจะคลุ้มคลั่งอาละวาดอยู่แล้วสงสารตัวเอง เก็บกด และเกลียดโลกอยู่แล้ว ต่อเมื่อมีชนวนปะทุเหมือนส่งสัญญาณ เรียกพวกเดียวกันออกมา จึงใจกล้า และไม่สนอะไรอีก อย่างเช่นกรณีของจ่าจักรพันธ์ ก่อนที่เฟสของเขาจะถูกลบ มีคนให้ผมดูว่าจ่าเคยแชร์รูป ผอ.กอล์ฟ

ตอนนั้นเพื่อนๆจ่ารู้ว่าจ่าแชร์ แต่ไม่รู้หรอกว่าจ่าแอบคิดอะไรอยู่ ไม่รู้หรอกว่าจ่าเห็น ผอ.กอล์ฟ เป็นแรงบันดาลโทสะ ให้อยากเข้าร่วมประชาทัณฑ์หรือเป็นแรงบันดาลใจ ให้อยาก เข้าร่วมขบวนการ

ว่ากันเฉพาะกรณีจ่าจักรพันธุ์ เขาโดนผู้บังคับบัญชาโกงค่านายหน้าที่ดิน ซึ่งเมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรมจากโลก เลยตอบสนองด้วยการให้ความ ไม่เป็นธรรมกับโลกบ้าง แม้จะเป็นคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็ตาม

หลังจากเข่นฆ่าประชาชนไปเป็นจำนวนมาก จ่าบ่นว่าเหนื่อยเหลือเกินหรืออย่างที่บอกเพื่อนว่า สังหารประชาชน ตามถนนเพื่อป้องกันตัวเอง นั่นเป็นสัญญาณบอกว่าเขามีความสงสารตัวเองสูง จะเรียกว่าเข้าขั้นผิดปกติก็ได้ เพราะในหัวมีแต่ภาพของตนเองเป็นผู้ถูกกระทำ แต่ที่กระทำกับคนอื่น ไม่อยู่ในใจเลย

คนยุคเราพกระเบิดเวลาไว้ในหัวคนละลูก มีคนอีกมากที่สงสารตัวเองสูง เท่ากับหรืออาจจะมากกว่าจ่าจักรพันธ์ หลักฐานคือมีแฟนคลับของจ่า
เกิดขึ้นทันทีมากมาย หลายคนไม่สนใจว่าผู้บริสุทธิ์ต้องล้มตายกันเท่าไร ได้แต่พูดแสดงความเห็นใจจ่าคลั่ง ประมาณว่า ก็คนมันโดนกดขี่มาก่อน เหมือนถูกบีบให้ต้องทำอย่างนี้

ครั้งนี้ คนที่ระเบิดเวลาปะทุ ดันเป็นผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธและเก่งขนาดเอาตัวรอด ด้วยการสังหารหน่วยอรินทราชได้ เราแค่ยังไม่รู้ว่าคนมีศักยภาพแบบเดียวกัน เป็นจำนวนเท่าใด ที่แอบชื่นชม และอาจกำลังวางแผนเอาตาม มนุษย์ไม่อาจสัมผัสนรกหลังความตาย แต่เมื่อลิ้มรสนรกบนดินจนทนไม่ไหว ก็เลิกกลัวนรกหลังความตายกันไปหมด

ข่าว ผอ.กอล์ฟ เราได้บทเรียน คือ อย่าปล่อยให้ลูกหลานฟุ้งเฟ้อเกินไป ส่วนข่าวจ่าจักรพันธ์ เราได้บทเรียน คือ อย่ากดขี่ผู้น้อย อย่าย่ามใจว่าเขาด้อยกว่า

แต่บทเรียนที่แท้จริงที่ควรช่วยๆกัน ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุยิงกราดขึ้นอีกคือ อย่าปล่อยใจ เผลอสะสมความคลุ้มคลั่ง ตามเขาไปโดยไม่รู้ตัว

ถ้าคิดว่าเราทำอะไรให้ดีขึ้นไม่ได้ แนวโน้มคือ เราจะช่วยซ้ำเติม ให้อะไรๆแย่ลงไปอีก! ...Cr Dungtrin
S__52174855.jpg (202.09 KiB) เข้าดูแล้ว 800 ครั้ง
S__52174857.jpg
S__52174857.jpg (84.5 KiB) เข้าดูแล้ว 800 ครั้ง
S__52174858.jpg
S__52174858.jpg (84.58 KiB) เข้าดูแล้ว 800 ครั้ง
S__52174860.jpg
S__52174860.jpg (182.54 KiB) เข้าดูแล้ว 800 ครั้ง
S__52174861.jpg
S__52174861.jpg (66.04 KiB) เข้าดูแล้ว 800 ครั้ง
S__52174863.jpg
S__52174863.jpg (99.35 KiB) เข้าดูแล้ว 800 ครั้ง
S__52174864.jpg
S__52174864.jpg (88.86 KiB) เข้าดูแล้ว 800 ครั้ง
S__52174865.jpg
S__52174865.jpg (99.85 KiB) เข้าดูแล้ว 800 ครั้ง
S__52174866.jpg
S__52174866.jpg (103.54 KiB) เข้าดูแล้ว 800 ครั้ง
S__52174867.jpg
S__52174867.jpg (96.11 KiB) เข้าดูแล้ว 800 ครั้ง
“ได้ธงไว้คลุมโรงศพลูกผู้ชาย ก็เพียงพอ ไม่เคยคิดจะขอให้ใครร้องไห้ นอนกลางดินแล้วกินกลางทราย ชีวิตดังเส้นด้าย ความตายเรื่องธรรมดา”<br /><br />น้อง..ทำหน้าที่ได้สมเกียรติและสมศักดิ์ศรีแล้ว พี่ขอเชิดชูและขอสดุดีวีรกรรมที่กล้าหาญในครั้งนี้ ชีวิตตำรวจ ไม่มีอะไรมากไปกว่าบั้นปลายชีวิต &quot;หากจะตายขอให้ได้ธงไตรรงค์คลุมร่าง&quot; แค่นี้จริง ๆ ในชีวิตของความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฏร์<br /><br />ไปดีและขอให้สู่สุคติภพตามวาสนาบารมีของน้อง ที่สั่งสมมาทั้งในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ ถ้าเป็นไปได้ ขอวิญญาณน้องจงปกป้องผืนแผ่นดินไทย ขอให้ทุกอย่างสงบ เย็น เป็นปกติโดยเร็ว และช่วยกำจัดไอ้..ระยำทั้งหลายให้พ้นจากแผ่นดิน ไม่ว่ามันจะวาสนาบารมีสูงส่งเพียงใด หากคิดคดทรยศต่อประชาชน จงพินาศ ๆ ๆ .
“ได้ธงไว้คลุมโรงศพลูกผู้ชาย ก็เพียงพอ ไม่เคยคิดจะขอให้ใครร้องไห้ นอนกลางดินแล้วกินกลางทราย ชีวิตดังเส้นด้าย ความตายเรื่องธรรมดา”

น้อง..ทำหน้าที่ได้สมเกียรติและสมศักดิ์ศรีแล้ว พี่ขอเชิดชูและขอสดุดีวีรกรรมที่กล้าหาญในครั้งนี้ ชีวิตตำรวจ ไม่มีอะไรมากไปกว่าบั้นปลายชีวิต "หากจะตายขอให้ได้ธงไตรรงค์คลุมร่าง" แค่นี้จริง ๆ ในชีวิตของความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฏร์

ไปดีและขอให้สู่สุคติภพตามวาสนาบารมีของน้อง ที่สั่งสมมาทั้งในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ ถ้าเป็นไปได้ ขอวิญญาณน้องจงปกป้องผืนแผ่นดินไทย ขอให้ทุกอย่างสงบ เย็น เป็นปกติโดยเร็ว และช่วยกำจัดไอ้..ระยำทั้งหลายให้พ้นจากแผ่นดิน ไม่ว่ามันจะวาสนาบารมีสูงส่งเพียงใด หากคิดคดทรยศต่อประชาชน จงพินาศ ๆ ๆ .
S__52174868.jpg (90.28 KiB) เข้าดูแล้ว 800 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4364
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:idea: :idea: “ ดูกรภิกษุทั้งหลาย กลิ่นดอกไม้กลิ่นจันทน์ไม่สามารถหอมหวนทวนลมได้แต่กลิ่นแห่งเกียรติคุณความดีงามของสัตบุรุษนั้นแล สามารถจะหอมไปได้ทั้งตามลมและทวนลมคนดีย่อมมีเกียรติคุณฟุ้งขจรไปได้ทั่วทุกทิศ กลิ่นจันทน์แดง กลิ่นอุบล กลิ่นดอกมะลิจัดว่าเป็นดอกไม้กลิ่นหอม แต่ยังสู้กลิ่นศีลไม่ได้ กลิ่นศีลยอดเยี่ยมกว่ากลิ่นทั้งมวลถ้าภิกษุหวังจะให้เป็นที่รักที่เคารพ เป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจารีแล้วพึงเป็นผู้ทำตนให้สมบูรณ์ด้วยศีลเถิด " :idea: :idea:

:) :D อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ เช้านี้ผมจะพาท่านไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ไร่แม่ฟ้าหลวงต่อนะครับ จากหอแก้ว ก็จะมีหอคำ เป็นเป้าหมาย ก่อนที่จะถึงหอคำเราเดินเลาะทางเดินเล็ก ๆ ไปออกสนามกว้างเขียวขจีด้วยหญ้ามาเลย์ปกคลุมพื้นที่ ปลายทางซ้ายมือจะมองเห็นอนุสาวรีย์สมเด็จย่านั่งเสมือนท่านกำลังชมสวนของพระองค์ท่าน มองไกล ๆ ก็ทราบว่าเป็นพระองค์ท่าน ผมยืนเพ่งมองน้ำตาซึม คิดถึงพระองค์ท่านครับไม่มีใครในโลกนี้ ที่จะรักและเมตตา ตชด.เสมอเหมือนพระองค์ท่าน และพวกเราก็ไม่เคยทำให้พระองค์ท่านต้องเสียพระทัยผิดหวัง พวกเราตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ดำเนินชีวิตตามแบบที่พระองค์สอน (ปัจจุบันไม่มั่นใจคนรุ่นใหม่) :) :D
ไฟล์แนบ
ตามหลักพระพุทธศาสนาถือว่า ในการดำรงชีวิตของมนุษย์นั้น ความขัดข้องปรวนแปร ความเดือดร้อนลำบาก ความเจ็บปวด ความสูญเสีย ความพลัดพราก และปัญหาชีวิตต่าง ๆ  ซึ่งทางพุทธศาสนาเรียกรวมว่าความทุกข์นั้น เป็นสิ่งที่มีอยู่ มนุษย์จะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องและได้ประสบแน่นอน ไม่ว่ามนุษย์จะต้องการหรือไม่ต้องการ จะยอมรับว่ามันมีอยู่หรือไม่ยอมรับ หรือแม้จะเบือนหน้าหนีอย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นเช่นนี้หากมนุษย์ต้องการมีชีวิตอย่างดีที่สุด มนุษย์จะต้องยอมรับความจริงอันนี้ จะรับรู้สู้หน้า และพร้อมที่จะจัดการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้ดีที่สุด<br /><br />ชีวิตที่เป็นอยู่อย่างดีและมีความสุขที่สุด คือ ชีวิตที่กล้ารับรู้ต่อปัญหาทุกอย่าง ตั้งทัศนคติถูกต้องต่อปัญหาเหล่านั้นและจัดการแก้ไขด้วยวิธีที่ถูกต้อง การหลีกเลี่ยงที่จะรับรู้ก็ดี การนึกวาดภาพให้เป็นอย่างที่ตนชอบก็ดี เป็นการปิดตาหรือหลอกตนเอง ไม่ช่วยให้พ้นจากความทุกข์ ไม่เป็นการแก้ปัญหาและให้ได้พบความสุขอย่างแท้จริง อย่างน้อยก็เป็นการฝังเอาความกลัว ซึ่งเป็นเชื้อแห่งความทุกข์เข้าไว้ในจิตใจอย่างลึกซึ้ง
ตามหลักพระพุทธศาสนาถือว่า ในการดำรงชีวิตของมนุษย์นั้น ความขัดข้องปรวนแปร ความเดือดร้อนลำบาก ความเจ็บปวด ความสูญเสีย ความพลัดพราก และปัญหาชีวิตต่าง ๆ ซึ่งทางพุทธศาสนาเรียกรวมว่าความทุกข์นั้น เป็นสิ่งที่มีอยู่ มนุษย์จะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องและได้ประสบแน่นอน ไม่ว่ามนุษย์จะต้องการหรือไม่ต้องการ จะยอมรับว่ามันมีอยู่หรือไม่ยอมรับ หรือแม้จะเบือนหน้าหนีอย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นเช่นนี้หากมนุษย์ต้องการมีชีวิตอย่างดีที่สุด มนุษย์จะต้องยอมรับความจริงอันนี้ จะรับรู้สู้หน้า และพร้อมที่จะจัดการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้ดีที่สุด

ชีวิตที่เป็นอยู่อย่างดีและมีความสุขที่สุด คือ ชีวิตที่กล้ารับรู้ต่อปัญหาทุกอย่าง ตั้งทัศนคติถูกต้องต่อปัญหาเหล่านั้นและจัดการแก้ไขด้วยวิธีที่ถูกต้อง การหลีกเลี่ยงที่จะรับรู้ก็ดี การนึกวาดภาพให้เป็นอย่างที่ตนชอบก็ดี เป็นการปิดตาหรือหลอกตนเอง ไม่ช่วยให้พ้นจากความทุกข์ ไม่เป็นการแก้ปัญหาและให้ได้พบความสุขอย่างแท้จริง อย่างน้อยก็เป็นการฝังเอาความกลัว ซึ่งเป็นเชื้อแห่งความทุกข์เข้าไว้ในจิตใจอย่างลึกซึ้ง
S__51257353.jpg (190.38 KiB) เข้าดูแล้ว 788 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (150).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (150).JPG (321.27 KiB) เข้าดูแล้ว 788 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (151).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (151).JPG (338.63 KiB) เข้าดูแล้ว 788 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (152).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (152).JPG (350.98 KiB) เข้าดูแล้ว 788 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (153).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (153).JPG (373.26 KiB) เข้าดูแล้ว 788 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (154).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (154).JPG (383.07 KiB) เข้าดูแล้ว 788 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (155).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (155).JPG (343.32 KiB) เข้าดูแล้ว 788 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (156).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (156).JPG (401.25 KiB) เข้าดูแล้ว 788 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (157).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (157).JPG (389.81 KiB) เข้าดูแล้ว 788 ครั้ง
จะด้วยฌานหรือญาณวิถีใด ๆ ข้าพระองค์ขอรบกวนใต้ฝ่าพระบาท ที่ทรงสถิตอยู่ในสรวงสวรรค์ หากพระองค์จะทรงรับรู้ว่าบ้านเมือง อันเป็นที่รักและห่วงใยของพระองค์ท่าน กำลังอยู่ในวิกฤตอันตรายจากพวกเหล่าคนพาล ขอเมตตาพระองค์ท่านได้ทรงพระกรุณาเสด็จมาดลบันดาลจัดการให้คนเหล่านั้น จงพินาศเพื่อความอยู่รอดของพสกนิกรอันเป็นที่รักของพระองค์ด้วยเถิด ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
จะด้วยฌานหรือญาณวิถีใด ๆ ข้าพระองค์ขอรบกวนใต้ฝ่าพระบาท ที่ทรงสถิตอยู่ในสรวงสวรรค์ หากพระองค์จะทรงรับรู้ว่าบ้านเมือง อันเป็นที่รักและห่วงใยของพระองค์ท่าน กำลังอยู่ในวิกฤตอันตรายจากพวกเหล่าคนพาล ขอเมตตาพระองค์ท่านได้ทรงพระกรุณาเสด็จมาดลบันดาลจัดการให้คนเหล่านั้น จงพินาศเพื่อความอยู่รอดของพสกนิกรอันเป็นที่รักของพระองค์ด้วยเถิด ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (159).JPG (391.6 KiB) เข้าดูแล้ว 788 ครั้ง
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (162).JPG
ไร่แม่ฟ้าหลวง ๑๔ ม.ค.๖๓ (162).JPG (365.43 KiB) เข้าดูแล้ว 788 ครั้ง
S__52428802.jpg
S__52428802.jpg (239.96 KiB) เข้าดูแล้ว 788 ครั้ง
ผมไปอยู่พักฟื้นร่างกายหลังการผ่าตัดที่เชียงรายกับลูกชายและหลานน้อย ได้เวลาตามหมอนัด follow up วันที่ ๑๒/๒/๖๓ ก็นั่งรถเมล์เขียวกลับบ้านเชียงใหม่ และไปตามที่หมอนัด หมอทำอัลตาซาวด์ตรวดูขาทั้ง ๒ ข้าง วันนี้หมอให้นักศึกษาแพทย์มาศึกษาเป็น case study ซึ่งนักศึกษาก็ต้องไปตรวจดูย้อนหลังในประวัติการรักษา ทุกคนก็จะมารุมตรวจขาซ้าย สอบถามนั่นโน่นนี่ ผมก็พยายามบอกว่าผมผ่าตัดขาขวานะ เหล่านักศึกษาก็ งง (ในประวัติยังไม่ update) กว่าจะคุยรู้เรื่องใช้เวลาซักกันพอสมควร สำหรับตัวผมนั้นได้มอบร่างกายให้ รพ.เพื่อเป็นครูใหญ่เรียบร้อยไปแล้ว เมื่อ ๒๐ กว่าปี ดังนั้นเมื่อนักศึกษาแพทย์มารุมซักถามใด ๆ จะไม่หงุดหงิด แม้เด็ก ๆ จะแสดงอาการให้รู้ว่า &quot;ผมเพี้ยนหรือเปล่า&quot; เพราะหลักฐานเดิมมันเป็นขาซ้าย <br /><br />ผลการ follow up หมอบอกอาการน่าพอใจ แต่ยังมีที่ผิดปกติอยู่บ้างทั้ง ๒ ข้าง หมอขอดูเวลาอาจจะเปลี่ยนแปลงไปอีก นัดมาตรวจอีกครั้ง ๔ เดือน คือ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๓ ซึ่งแปลกมาก ๆ หมอนัดครั้งนี้ไปตรงกับวันเกิดของคุณนายพอดี ใจอยากจะขอเลื่อนไปวันอื่น แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เพราะมันมีปัญหาตั้งแต่เริ่มนัดผ่าตัดครั้งแรก ๆ แล้ว จะดูซิว่าในวันนั้นจะมีอะไรให้มาตื่นเต้นอีก
ผมไปอยู่พักฟื้นร่างกายหลังการผ่าตัดที่เชียงรายกับลูกชายและหลานน้อย ได้เวลาตามหมอนัด follow up วันที่ ๑๒/๒/๖๓ ก็นั่งรถเมล์เขียวกลับบ้านเชียงใหม่ และไปตามที่หมอนัด หมอทำอัลตาซาวด์ตรวดูขาทั้ง ๒ ข้าง วันนี้หมอให้นักศึกษาแพทย์มาศึกษาเป็น case study ซึ่งนักศึกษาก็ต้องไปตรวจดูย้อนหลังในประวัติการรักษา ทุกคนก็จะมารุมตรวจขาซ้าย สอบถามนั่นโน่นนี่ ผมก็พยายามบอกว่าผมผ่าตัดขาขวานะ เหล่านักศึกษาก็ งง (ในประวัติยังไม่ update) กว่าจะคุยรู้เรื่องใช้เวลาซักกันพอสมควร สำหรับตัวผมนั้นได้มอบร่างกายให้ รพ.เพื่อเป็นครูใหญ่เรียบร้อยไปแล้ว เมื่อ ๒๐ กว่าปี ดังนั้นเมื่อนักศึกษาแพทย์มารุมซักถามใด ๆ จะไม่หงุดหงิด แม้เด็ก ๆ จะแสดงอาการให้รู้ว่า "ผมเพี้ยนหรือเปล่า" เพราะหลักฐานเดิมมันเป็นขาซ้าย

ผลการ follow up หมอบอกอาการน่าพอใจ แต่ยังมีที่ผิดปกติอยู่บ้างทั้ง ๒ ข้าง หมอขอดูเวลาอาจจะเปลี่ยนแปลงไปอีก นัดมาตรวจอีกครั้ง ๔ เดือน คือ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๓ ซึ่งแปลกมาก ๆ หมอนัดครั้งนี้ไปตรงกับวันเกิดของคุณนายพอดี ใจอยากจะขอเลื่อนไปวันอื่น แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เพราะมันมีปัญหาตั้งแต่เริ่มนัดผ่าตัดครั้งแรก ๆ แล้ว จะดูซิว่าในวันนั้นจะมีอะไรให้มาตื่นเต้นอีก
S__52428804.jpg (187.49 KiB) เข้าดูแล้ว 788 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4364
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:( :( สวัสดียามบ่ายครับท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ จนบัดนี้แนบไฟล์ยังใช้ไม่ได้ ไม่ทราบว่าขัดข้องด้วยเหตุใด ? หรือว่าทางเวปป์จะไม่ให้ใช้ ก็คงต้องรอไปอีกนะครับ น่าจะอยู่ระหว่างการปรับปรุง เรามาฟังพระธรรมเทศนากันดีกว่าครับ :) :)

http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4364
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:idea: :idea: “ชีวิตคือของขวัญ”

๑. ถ้าคุณกำลังค้นหาใครสักคนที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณแล้วล่ะก็...จงเดินไปที่กระจก.
๒. คนปัญญาอ่อนที่รู้จักคิดวางแผนล่วงหน้า สามารถเอาชนะอัจฉริยะที่ไม่เคยวางแผน
๓. เรียนรู้จากทุกคน แต่ไม่เดินตามก้นใคร
๔. บางครั้งความเจ็บปวดก็เป็นแรงขับ
๕. ความยาก ไม่ได้แปลว่าเป็นไปไม่ได้ แต่มันหมายความว่าคุณต้องทำงานให้หนักขึ้น
๖. จิตใจคนเราเป็นสิ่งที่ต้องบังคับฝึกฝน มิฉะนั้นมันจะฟุ้งซ่านไปได้สารพัด
๗. จิตใจที่ได้รับการฝึกฝน จะมีความสงบได้ในทุกสถานการณ์
๘. หากคุณอยากรู้จักจิตใจคน ให้ฟังสิ่งที่เขาพูด ถ้าคุณอยากรู้จักหัวใจคน ให้ดูสิ่งที่เขาทำ
๙. การแบกภาระว่าคนอื่นคิดอย่างไรกับคุณนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะแม้แต่เรื่องตัวเอง คนส่วนมากก็ไม่ค่อยรู้อะไรจริงๆ เลยสักนิด
๑๐. ชีวิตคือของขวัญ จงตื่นขึ้นมาทุกๆ วันด้วยความเชื่อว่ามันเป็นของขวัญ
:idea: :idea:

:) :D สวัสดียามสายใกล้ๆ เที่ยง ผมพยายามรอเพื่อแนบไฟล์รูปภาพ จนบัดนี้ก็ไม่สามารถที่จะส่งภาพได้ สำหรับไร่แม่ฟ้าหลวงนี้ก็เหลือเพียงจุดที่หอคำแห่งเดียว และที่หอคำนี้ก็ห้ามถ่ายภาพด้วย สรุปในหอคำไม่มีภาพครับ จากหอคำเราก็ปั่นกลับบ้านเลย เอาเป็นว่าผมขออนุญาตุจบพาเที่ยวไร่แม่ฟ้าหลวงแต่เพียงนี้ สำหรับภาพหอคำผมเข้าไปค้นหาในยูทูปก็ไปเจอที่เขาพากันไปเป็นคณะ และได้บันทึกเป็นวีดีโอมาให้ชม ก็พอกล้อมแกล้มดูได้ หากต้องการเห็นความยิ่งใหญ่สวยงาม ต้องไปเองและให้น้อง ๆ มัคคุเทศน์นำเที่ยวจะได้ความรู้เยอะมาก แล้วจะรักไร่แม่ฟ้าหลวงและคิดถึงสมเด็จย่าไปอีกนาน :) :D


http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4364
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ หลายวันมาแล้วที่ผมพยายามเข้าห้องของตัวเอง จนแล้วจนรอดก็เข้าไม่ได้เช้านี้หาวิธีอีกครั้ง เข้าได้แต่ไม่เสถียรกลับไปกลับมา ไม่ทราบสาเหตุเกิดอะไรขึ้น ยังมีเรื่องที่ค้างคาอยากจะนำเสนออยู่อีกหลายเรื่อง ก็ต้องรอจนกว่าทุกอย่างจะเข้าที่นะครับ ในช่วงที่รอและทดสอบเราก็มาฟังสิ่งที่เป็นประโยชน์และเป็นกำลังใจสำหรับการดำเนินชีวิตไปพราง ๆ ก่อน ก็แล้วกัน :( :(

ไฟล์แนบ
การปล่อยตัวให้อ่อนแอลงไปตามความสะดวกสบายที่เกิดจากเทคโนโลยี โดยมัวเพลิดเพลิน สำเริงสำราญ ขาดการฝึกตนให้เข้มแข็งอดทนมีภูมิต้านทานความทุกข์ มนุษย์ในยุคเทคโนโลยีนี้ถ้าขาดการฝึกฝนพัฒนาตนเสียแล้ว ก็มีโอกาสมากที่จะเป็นคนที่มีความสุขยาก และมีทุกข์ได้ง่ายอย่างที่ว่าเมื่อกี้ ฉะนั้น พร้อมกับความเจริญแบบนี้ ก็ยิ่งมีความจำเป็นที่มนุษย์จะต้องฝึกฝนตนเองให้มีสติ มีความยับยั้งชั่งใจ มีความหนักแน่นอดทน มีภูมิต้านทานต่อความทุกข์มากยิ่งขึ้น อย่าปล่อยให้ความสะดวกสบายและอิทธิพลการปรนเปรอของเทคโนโลยี มาทำลายศักยภาพที่จะมีความสุขที่มีอยู่ในตัวเอง
การปล่อยตัวให้อ่อนแอลงไปตามความสะดวกสบายที่เกิดจากเทคโนโลยี โดยมัวเพลิดเพลิน สำเริงสำราญ ขาดการฝึกตนให้เข้มแข็งอดทนมีภูมิต้านทานความทุกข์ มนุษย์ในยุคเทคโนโลยีนี้ถ้าขาดการฝึกฝนพัฒนาตนเสียแล้ว ก็มีโอกาสมากที่จะเป็นคนที่มีความสุขยาก และมีทุกข์ได้ง่ายอย่างที่ว่าเมื่อกี้ ฉะนั้น พร้อมกับความเจริญแบบนี้ ก็ยิ่งมีความจำเป็นที่มนุษย์จะต้องฝึกฝนตนเองให้มีสติ มีความยับยั้งชั่งใจ มีความหนักแน่นอดทน มีภูมิต้านทานต่อความทุกข์มากยิ่งขึ้น อย่าปล่อยให้ความสะดวกสบายและอิทธิพลการปรนเปรอของเทคโนโลยี มาทำลายศักยภาพที่จะมีความสุขที่มีอยู่ในตัวเอง
S__51257354.jpg (187.11 KiB) เข้าดูแล้ว 704 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4364
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:idea: :idea: ฉิคคฬสูตรที่ ๒ ว่าด้วยการได้ความเป็นมนุษย์ยาก

[๑๗๔๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนมหาปฐพีนี้มีน้ำเป็นอันเดียวกัน บุรุษโยนแอกซึ่งมีช่องเดียวลงไปในมหาปฐพีนั้น ลมทิศบูรพาพัดเอาแอกนั้นไปทางทิศประจิม ลมทิศประจิมพัดเอาไปทางทิศบูรพา ลมทิศอุดรพัดเอาไปทางทิศทักษิณ ลมทิศทักษิณพัดเอาไปทางทิศอุดร เต่าตาบอดมีอยู่ในมหาปฐพีนั้น ต่อล่วงร้อยปีๆ มันจะโผล่ขึ้นคราวหนึ่งๆ เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เต่าตาบอดนั้น ต่อล่วงร้อยปีๆ มันจะโผล่ขึ้นคราวหนึ่งๆ จะสอดคอให้เข้าไปในแอกซึ่งมีช่องเดียวโน้นได้บ้างหรือหนอ? ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่เต่าตาบอด ต่อล่วงร้อยปีๆ มันจะโผล่ขึ้นคราวหนึ่งๆ จะสอดคอเข้าไปในแอกซึ่งมีช่องเดียวโน้นเป็นของยาก

พ. ฉันนั้นภิกษุทั้งหลาย การได้ความเป็นมนุษย์เป็นของยาก พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจะอุบัติในโลกเป็นของยาก ธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้วจะรุ่งเรืองในโลก ก็เป็นของยาก ความเป็นมนุษย์นี้เขาได้แล้ว พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติแล้วในโลกและธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้วก็รุ่งเรืองอยู่ในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละเธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
จบ สูตรที่ ๘
:idea: :idea:

:) :D สวัสดีครับท่านผู้มีเกียรติที่เคารพทุกท่าน ขณะนี้ระบบคงยังไม่เสถียรผมพยายามเข้ากระทู้ในลุงกู(ที่เคยเข้าอยู่เป็นประจำ) เข้าไม่ได้ระบบสั่งว่า ต้องสมัครใหม่ (ไม่สมัคร..กลัวข้อมูลเดิมหาย) ทดลองมาเปลี่ยนเป็นซาฟารี..เอ้าเข้าได้ ตั้งแต่ตี ๓ ที่ตื่นขึ้นมานั่ง "งม" สุดท้ายมาตัดสินใจ "รอ" จนกว่าระบบจะเสถียร ประกอบกับช่วงนี้ Covid-19 กำลังรุกหนักไปทั่วโลกและร่างกายผมหมอให้พักผ่อน ยังไม่อนุญาตุให้ออกกำลังกาย การท่องเที่ยวเมืองรองที่หยุดไปหลายเดือน ประมาณว่าจะเริ่มเดินทางในต้นมีนาคมนี้ ก็คงต้องหยุดไปก่อนจนกว่า ๑.ร่างกายพร้อม ๒.ไวรัสโคโรนา จืดจาง ก็จะเริ่มเดินทางใหม่ ช่วงนี้ก็จะพยายามสรรหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิต มานำเสนอแทนการไปเที่ยวทั่วไทยในเมืองรอง อย่าลืมติดตามเป็นกำลังใจนะครับ :) :)

:( :( เช้านี้มีข่าวเศร้าที่ศิลปินแห่งชาติ ท่าน สุเทพ วงค์กำแหง ได้สิ้นชีวิตลาโลกไปอีกหนึ่งท่าน ขอไว้อาลัยให้กับดวงวิญญาณของท่าน จงไปสู่สุคติสัมปรายภพด้วยเทอญ สำหรับท่าน สุเทพ ฯ ผมรู้จักกับท่านตั้งแต่สมัยผมเรียนหนังสือ และเล่นดนตรีประจำวงดนตรีศรีสมเพชร(แซ็กโซโฟน) ทุกครั้งช่วงงานสงกรานต์ จ.เชียงใหม่ ท่านประสิทธิ์ ศรีสมเพชร จะจัดงานเป็นงานประจำปีของจังหวัด และต้องว่าจ้างให้นักร้องดังมาร่วมงานหนึ่งในนั้นที่ขาดไม่ได้ ก็ท่าน สุเทพ วงค์กำแหง

เมื่อผมโตขึ้นและได้รับราชการ ไปประจำอยู่ชายแดน ท่านสุเทพ ฯ ได้มีโอกาสไปกล่อมขวัญตำรวจ - ทหาร แนวชายแดน ก็ได้พบกับท่าน ท่านชอบลาบดิบสไตล์เมืองเหนือ ตชด.มีฝีมือในการทำลาบดิบได้มีโอกาสทำลาบสู่ท่าน กาลเวลาล่วงไปนานจนลืมมาทราบข่าวว่าท่านต้องมาเสียชีวิต เป็นธรรมดาที่ต้องตกใจและเสียดายท่านน่าจะอยู่ถึง ๙๐ ถ้าดวงวิญญาณท่านรับรู้ขอให้ทราบว่าเด็กหนุ่มที่ไปรับ - ส่งท่านสมัยเด็ก ยังยังรำลึกและคิดถึงท่านนะครับ
:( :(

:o :o อีกข่าวหนึ่งที่น่าตกใจก็เรื่องของไวรัสโคโรนา หรือที่วิทยาศาสตร์การแพทยตั้งชื่อใหม่ว่า Covid-19 เรื่องนี้จะเป็นข่าวปล่อยหรือข่าวจริงไม่ทราบได้ เขาว่ากันว่า มันเป็นสงครามเชื้อโรคของประเทศมหาอำนาจ อะไรจะขนาดนั้นถ้าจริงมันก็อำมหิตเกินบรรยายเพราะมันระบาดไปทั่วโลก แม้แต่ประเทศมหาอำนาจทั้งหลายก็ไม่เว้น ท่านผู้มีเกียรติมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ :roll:
ไฟล์แนบ
ศิลปินแห่งชาติ 'สุเทพ วงศ์กำแหง' เสียชีวิตแล้ว  เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ มีรายงานข่าวแจ้งว่า ร.ต.สุเทพ วงศ์กำแหง ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ขับร้องเพลงไทยสากล ได้เสียชีวิตแล้วภายใน บ้านเลขที่ 267 ซอยปรีดีพนมยงค์42 แยก 7 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ โดยมี ตำรวจนครบาลคลองตัน พร้อมแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลจุฬาฯและอาสามูลนิธิร่วมกตัญญูร่วมตรวจสอบ เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิต<br />สำหรับ สุเทพ วงศ์กำแหง ปัจจุบันอายุ 86 ปี เป็นเจ้าของเพลงลูกกรุงไพเราะอมตะมากมาย อาทิ รักคุณเข้าแล้ว, เธออยู่ไหน, เย้ยฟ้าท้าดิน, ป่าลั่น, บทเรียนก่อนวิวาห์ และ เสน่หา ด้วยน้ำเสียงหวานนุ่มทำให้ได้รับสมญานามว่าเป็น “นักร้องเสียงขยี้แพรในฟองเบียร์” โดยก่อนหน้านี้ได้เข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยตามวัย ซึ่งมีแฟนเพลงให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง
ศิลปินแห่งชาติ 'สุเทพ วงศ์กำแหง' เสียชีวิตแล้ว เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ มีรายงานข่าวแจ้งว่า ร.ต.สุเทพ วงศ์กำแหง ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ขับร้องเพลงไทยสากล ได้เสียชีวิตแล้วภายใน บ้านเลขที่ 267 ซอยปรีดีพนมยงค์42 แยก 7 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ โดยมี ตำรวจนครบาลคลองตัน พร้อมแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลจุฬาฯและอาสามูลนิธิร่วมกตัญญูร่วมตรวจสอบ เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิต
สำหรับ สุเทพ วงศ์กำแหง ปัจจุบันอายุ 86 ปี เป็นเจ้าของเพลงลูกกรุงไพเราะอมตะมากมาย อาทิ รักคุณเข้าแล้ว, เธออยู่ไหน, เย้ยฟ้าท้าดิน, ป่าลั่น, บทเรียนก่อนวิวาห์ และ เสน่หา ด้วยน้ำเสียงหวานนุ่มทำให้ได้รับสมญานามว่าเป็น “นักร้องเสียงขยี้แพรในฟองเบียร์” โดยก่อนหน้านี้ได้เข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยตามวัย ซึ่งมีแฟนเพลงให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง
S__52789311.jpg (26.5 KiB) เข้าดูแล้ว 685 ครั้ง
132424.jpg
132424.jpg (113.61 KiB) เข้าดูแล้ว 685 ครั้ง
132425.jpg
132425.jpg (114.82 KiB) เข้าดูแล้ว 685 ครั้ง
สงครามเชื้อโรค เป็นไปได้หรือ CP nameสยามรัฐ  Reporterสยามรัฐออนไลน์  Upload Date &amp; Timeเผยแพร่ 31 มกราคม 2563 เวลา 0.10 น.Update Date &amp; Timeแก้ไข 31 มกราคม 2563 เวลา 0.10 น.<br /><br />ช่วงนี้นับเป็นช่วงเวลาที่สร้างความตื่นกลัวให้กับประชาชนในระดับหนึ่ง นั่นคือข่าวการแพร่ระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์โคโรนา ซึ่งเป็นตระกูลหนึ่งของไวรัส ที่มีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ<br /><br />แต่เมื่อมันแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วจากคนสู่คน ก็ยิ่งสร้างความหวาดกลัว เพราะเชื้อโรคนี้ถ้าร่างกายไม่แข็งแรง มีอาการมากก็ทำให้เสียชีวิตได้ ด้วยปอดที่ทำหน้าที่สำคัญในระบบหายใจล้มเหลว<br /><br />ส่วนจุดเริ่มต้นที่มีการพบการแพร่ระบาดของโรคนี้ คือที่เมืองอู่ฮั่น จนรัฐบาลจีนต้องสั่งปิดเมือง แต่ก็ยังพบการระบาดในเมืองใกล้เคียงอีก 2 เมือง ซึ่งทางการจีนก็ต้องสั่งปิดอีก 2 เมือง<br /><br />จากนั้นก็มีข่าวแพร่ออกมาว่าต้นเหตุของโรคมาจากการบริโภค ซุบค้างคาว ซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมในอู่ฮั่น (ต้มสุกแล้วเชื้อโรคน่าจะตาย)<br /><br />หลายประเทศสั่งตรวจเข้มนักท่องเที่ยวจากจีน โดยเฉพาะห้ามนักท่องเที่ยวที่มาจากอู่ฮั่น แต่ก็นั่นแหละจีนเขาปิดเมืองแล้วจึงไม่มีนักท่องเที่ยวจากเมืองอู่ฮั่น นอกจากที่เดินทางเข้ามาก่อนหน้านี้แล้ว ก็ต้องมีการติดตามตัวมากักกันตรวจรักษา<br /><br />จากนั้นก็มีข่าวหลายเรื่องแพร่สะพัดต่างๆนานา ตั้งแต่การปกปิดข่าวของรัฐบาลไทย เพราะกลัวตื่นตระหนก และบางเรื่องก็อ้างว่าเพราะกลัวขาดรายได้จากนักท่องเที่ยวจีน หรือกลัวว่าคนไทยจะไปแสดงความรังเกียจต่อนักท่องเที่ยวจีน จนทำให้ไม่อยากมาไทย<br /><br />อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงทางการจีนได้สั่งการควบคุมอย่างเข้มงวดในการเดินทางทั้งขาเข้าขาออก โดยเฉพาะในบริเวณที่ต้องสงสัย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคหวัดโคโรนา<br /><br />อนึ่งยังมีข่าวมาจากญี่ปุ่นว่าพบผู้ติดเชื้อหวัดอู่ฮั่น 1 คนที่ไม่เคยไปเมืองอู่ฮั่นเลย ทำให้เกิดความเคลือบแคลงว่าแล้วแหล่งที่มาของโรคมันมาจากเมืองอู่ฮั่นแห่งเดียว หรือเมืองใกล้เคียงหรือไม่ และที่มาของโรคนั้นมาจากค้างคาวจริงหรือไม่ โดยเฉพาะตำรับอาหารซุบค้างคาวที่โจษจันกัน<br /><br />ข่าวที่สร้างความฮือฮามากที่สุดก็คือข่าวว่าโรคระบาดอู่ฮั่นนี้มิได้เกิดโดยธรรมชาติ แต่เป็นเจตนาในการแพร่เชื้อโรคจากฝ่ายสหรัฐฯอเมริกา ซึ่งนั่นคือการทำสงครามเชื้อโรค ซึ่งก็เหมือนกับเรื่องนิยายหรือภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด แต่ถ้าจะพิจารณาดูจากอดีตสงครามเชื้อโรคก็เคยเกิดมาแล้ว แม้ในปัจจุบันจะมีการทำสนธิสัญญาห้ามการผลิตและการใช้เชื้อโรคเป็นอาวุธ แต่ก็ยังมีอีก 16 ประเทศที่มีหลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่ายังมีการวิจัย และการเก็บเชื้อโรคเอาไว้เพื่อทำสงคราม แม้จะมีข้ออ้างว่าเพื่อการวิจัยและเพื่อค้นคว้าหายารักษา ซึ่งใน 16 ประเทศนี้ก็มีสหรัฐฯ รัสเซีย ไต้หวัน และจีน รวมอยู่ด้วย<br /><br />Biological weapon and bioterrorism มักจะรู้จักในชื่อเรียกรวมกันว่า Biological warefare หรือ สงครามเชื้อโรค ซึ่งเคยใช้มาแล้วในอดีต และที่มันโดนใจประชาชนจำนวนหนึ่ง ก็เพราะมีการกล่าวถึงเรื่องสงครามไฮบริด ที่หลายคนออกมาพูดโดยเฉพาะผบ.ทบ. นั่นคือรูปแบบของสงครามที่จะใช้ทุกวิถีทางในการต่อสู้ทำลายฝ่ายตรงข้าม ตั้งแต่สงครามการค้า สงครามข่าวสาร สงครามไซเบอร์ สงครามเคมี และสงครามเชื้อโรค นอกเหนือจากสงครามที่ใช้อาวุธ<br /><br />สงครามเชื้อโรคอาจรวมถึงชีวภาพต่างๆและสิ่งที่สร้างพิษอันมีที่มาจากพืชและสัตว์ ทั้งนี้ตัวสำคัญ คือ ตัวจุลชีวภาพ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา ซึ่งสิ่งเหล่านี้นอกจากจะเป็นอันตรายต่อชีวิตมนุษย์แล้ว ก็อาจมีผลในการทำลายสัตว์หรือพืช อันเป็นการตัดกำลังของฝ่ายตรงข้ามอีกด้วย<br /><br />อย่างไรก็ตามการทำสงครามเชื้อโรคนั้นควบคุมและหวังผลลำบาก เพราะเชื้อโรคเหล่านี้ต้องมีพาหะซึ่งก็คือสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ทั้งคนและสัตว์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีการเคลื่อนไหวและควบคุมได้ยาก โดยเฉพาะในยุคโลกไร้พรมแดน<br /><br />ในสมัยก่อนการทำสงครามเชื้อโรคเป็นไปได้อย่างไม่สลับซับซ้อน และใช้เทคโนโลยีโลเทคก็ดำเนินการได้แล้ว ไม่เหมือนสงครามอิเลคโทนิค หรือนิวเคลียร์<br /><br />ตัวอย่างที่เกิดขึ้นในยุคโบราณ ชาวอัสซีเรียนใช้วิธีวางยาพิษในบ่อน้ำของฝ่ายศัตรู ซึ่งพิษเหล่านั้นก็มาจากเชื้อราบางชนิด<br /><br />ในปีค.ศ.1300 เศษ ทหารตาร์ตา(มองโกล) ซึ่งทำการปิดล้อมเมือง Crimean ของอาณาจักร Kaffa ล้มตายเป็นจำนวนมากจากการติดโรคระบาดที่เกิดจากศพที่ชาวเมืองทิ้งออกมานอกกำแพงโดยเจตนา<br /><br />มีนักวิจัยบางคนเชื่อว่าการแพร่ระบาดของกาฬโรคในยุโรปที่คร่าชีวิตคนกว่า 25 ล้านคนนั้น เป็นส่วนหนึ่งของการทำสงครามเชื้อโรคโดยฝ่ายตรงข้าม<br /><br />ในปี 1763 กองทัพอังกฤษพยายามใช้ไข้ทรพิษในการสังหารชาวพื้นเมืองอเมริกัน (อินเดียนแดง) ในการรบที่ Fort Pitt โดยการแจกผ้าห่มให้อินเดียนแดง ซึ่งอังกฤษนำมาจากโรงพยาบาลที่มีคนป่วยโรคฝีดาษ (ทรพิษ)<br /><br />ในช่วงที่สเปนบุกอเมริกาใต้ชนพื้นเมืองไม่ว่าจะเป็นอินคา มายัน หรือเอสเทค ต่างก็ติดเชื้อหวัดและกามโรคจากทางสเปน ซึ่งก็อาจมีทั้งเจตนาและไม่เจตนาแพร่เชื้อโรค แต่ชนพื้นเมืองไม่มีภูมิต้านทานเลยเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก<br /><br />ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลายฝ่ายให้ความสนใจในเรื่องสงครามเชื้อโรค โดยฝ่ายพันธมิตรได้วิจัยและสร้างสปอร์โรคแอนแทรคและเชื้อโรคอีกบางชนิด แต่สงครามยุติก่อน อย่างไรก็ตามผลิตผลขององค์ความรู้ได้ถูกใช้ในการก่อการร้ายในระยะหลัง เช่น เชื้ออีโบลา<br /><br />ญี่ปุ่นเป็นผู้ที่ใช้สงครามเชื้อโรคอย่างจริงจังในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเครื่องบินกองทัพอากาศได้ทิ้งระเบิดที่บรรจุตัวหมัดนำเชื้อโรคไปทิ้งใส่กองทัพจีน ที่เมืองหนิงโบ<br /><br />นอกจากนี้ยังมีการปล่อยเชื้ออหิวาตกโรค และไทฟอยในบ่อน้ำของประชาชนจีน ซึ่งโรคนี้คร่าชีวิตคนไปกว่า 30,000 คน และยังแพร่ระบาดต่อมาอีกเป็นเวลานานหลังสงครามโลกครั้งที่ 2<br /><br />ด้วยเหตุที่มันมีร่องรอยของการทำสงครามเชื้อโรคในอดีตตลอดจนการนำเอาเชื้อโรคมาก่อการร้าย ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์และนักมโนทั้งหลายมองว่าโรคหวัด อู่ฮั่นเป็นการทำสงครามเชื้อโรคของฝ่ายสหรัฐฯ เพราะอู่ฮั่นเป็นศูนย์กลางคมนาคมทางราง และเป็นศูนย์กลางการวิจัยทางวิทยาศาสตร์อีกด้วย นอกจากนี้จังหวะเวลาตรุษจีนที่ประชาชนชาวจีนจะเดินทางกลับไปเยี่ยมพ่อแม่พี่น้องนับเป็นหลายล้านคน ก็เป็นการเอื้อต่อการแพร่ระบาด ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคติดต่อหลายท่านก็มองว่านี่เป็นอุบัติการโดยธรรมชาติที่เกิดจากปัจจัยที่เหมาะสมตลอดจนการพัฒนาของเชื้อโรค โดยเฉพาะไวรัสทำให้เกิดการระบาดขึ้น ซึ่งในอดีตก็เกิดมาแล้วอย่างหวัดฮ่องกง หวัดนก ซาร์ และเมอร์ และกลุ่มเหล่านี้ก็เป็นไวรัสตระกูลโคโรนาทั้งนั้น จึงไม่น่าจะเป็นการทำสงครามเชื้อโรคที่มีข้อห้ามอยู่หลายสนธิสัญญาและข้อจำกัดในการควบคุม ยิ่งมีการวิเคราะห์ว่าจีนจะเอาคืนก็ยิ่งทำให้คนวิตกกันใหญ่<br /><br />สำหรับคนไทยก็ไม่ควรจะตื่นกลัวกันมากนัก การใช้สติและป้องกันตนเองตามความเหมาะสม โดยเฉพาะการใช้หน้ากากและการหมั่นล้างมือ ไม่ควรไปในที่มีคนแออัด โรคนี้ร้ายแรงก็จริงแต่ยังมีทางรักษาไม่ตายเฉียบพลัน
สงครามเชื้อโรค เป็นไปได้หรือ CP nameสยามรัฐ Reporterสยามรัฐออนไลน์ Upload Date & Timeเผยแพร่ 31 มกราคม 2563 เวลา 0.10 น.Update Date & Timeแก้ไข 31 มกราคม 2563 เวลา 0.10 น.

ช่วงนี้นับเป็นช่วงเวลาที่สร้างความตื่นกลัวให้กับประชาชนในระดับหนึ่ง นั่นคือข่าวการแพร่ระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์โคโรนา ซึ่งเป็นตระกูลหนึ่งของไวรัส ที่มีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ

แต่เมื่อมันแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วจากคนสู่คน ก็ยิ่งสร้างความหวาดกลัว เพราะเชื้อโรคนี้ถ้าร่างกายไม่แข็งแรง มีอาการมากก็ทำให้เสียชีวิตได้ ด้วยปอดที่ทำหน้าที่สำคัญในระบบหายใจล้มเหลว

ส่วนจุดเริ่มต้นที่มีการพบการแพร่ระบาดของโรคนี้ คือที่เมืองอู่ฮั่น จนรัฐบาลจีนต้องสั่งปิดเมือง แต่ก็ยังพบการระบาดในเมืองใกล้เคียงอีก 2 เมือง ซึ่งทางการจีนก็ต้องสั่งปิดอีก 2 เมือง

จากนั้นก็มีข่าวแพร่ออกมาว่าต้นเหตุของโรคมาจากการบริโภค ซุบค้างคาว ซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมในอู่ฮั่น (ต้มสุกแล้วเชื้อโรคน่าจะตาย)

หลายประเทศสั่งตรวจเข้มนักท่องเที่ยวจากจีน โดยเฉพาะห้ามนักท่องเที่ยวที่มาจากอู่ฮั่น แต่ก็นั่นแหละจีนเขาปิดเมืองแล้วจึงไม่มีนักท่องเที่ยวจากเมืองอู่ฮั่น นอกจากที่เดินทางเข้ามาก่อนหน้านี้แล้ว ก็ต้องมีการติดตามตัวมากักกันตรวจรักษา

จากนั้นก็มีข่าวหลายเรื่องแพร่สะพัดต่างๆนานา ตั้งแต่การปกปิดข่าวของรัฐบาลไทย เพราะกลัวตื่นตระหนก และบางเรื่องก็อ้างว่าเพราะกลัวขาดรายได้จากนักท่องเที่ยวจีน หรือกลัวว่าคนไทยจะไปแสดงความรังเกียจต่อนักท่องเที่ยวจีน จนทำให้ไม่อยากมาไทย

อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงทางการจีนได้สั่งการควบคุมอย่างเข้มงวดในการเดินทางทั้งขาเข้าขาออก โดยเฉพาะในบริเวณที่ต้องสงสัย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคหวัดโคโรนา

อนึ่งยังมีข่าวมาจากญี่ปุ่นว่าพบผู้ติดเชื้อหวัดอู่ฮั่น 1 คนที่ไม่เคยไปเมืองอู่ฮั่นเลย ทำให้เกิดความเคลือบแคลงว่าแล้วแหล่งที่มาของโรคมันมาจากเมืองอู่ฮั่นแห่งเดียว หรือเมืองใกล้เคียงหรือไม่ และที่มาของโรคนั้นมาจากค้างคาวจริงหรือไม่ โดยเฉพาะตำรับอาหารซุบค้างคาวที่โจษจันกัน

ข่าวที่สร้างความฮือฮามากที่สุดก็คือข่าวว่าโรคระบาดอู่ฮั่นนี้มิได้เกิดโดยธรรมชาติ แต่เป็นเจตนาในการแพร่เชื้อโรคจากฝ่ายสหรัฐฯอเมริกา ซึ่งนั่นคือการทำสงครามเชื้อโรค ซึ่งก็เหมือนกับเรื่องนิยายหรือภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด แต่ถ้าจะพิจารณาดูจากอดีตสงครามเชื้อโรคก็เคยเกิดมาแล้ว แม้ในปัจจุบันจะมีการทำสนธิสัญญาห้ามการผลิตและการใช้เชื้อโรคเป็นอาวุธ แต่ก็ยังมีอีก 16 ประเทศที่มีหลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่ายังมีการวิจัย และการเก็บเชื้อโรคเอาไว้เพื่อทำสงคราม แม้จะมีข้ออ้างว่าเพื่อการวิจัยและเพื่อค้นคว้าหายารักษา ซึ่งใน 16 ประเทศนี้ก็มีสหรัฐฯ รัสเซีย ไต้หวัน และจีน รวมอยู่ด้วย

Biological weapon and bioterrorism มักจะรู้จักในชื่อเรียกรวมกันว่า Biological warefare หรือ สงครามเชื้อโรค ซึ่งเคยใช้มาแล้วในอดีต และที่มันโดนใจประชาชนจำนวนหนึ่ง ก็เพราะมีการกล่าวถึงเรื่องสงครามไฮบริด ที่หลายคนออกมาพูดโดยเฉพาะผบ.ทบ. นั่นคือรูปแบบของสงครามที่จะใช้ทุกวิถีทางในการต่อสู้ทำลายฝ่ายตรงข้าม ตั้งแต่สงครามการค้า สงครามข่าวสาร สงครามไซเบอร์ สงครามเคมี และสงครามเชื้อโรค นอกเหนือจากสงครามที่ใช้อาวุธ

สงครามเชื้อโรคอาจรวมถึงชีวภาพต่างๆและสิ่งที่สร้างพิษอันมีที่มาจากพืชและสัตว์ ทั้งนี้ตัวสำคัญ คือ ตัวจุลชีวภาพ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา ซึ่งสิ่งเหล่านี้นอกจากจะเป็นอันตรายต่อชีวิตมนุษย์แล้ว ก็อาจมีผลในการทำลายสัตว์หรือพืช อันเป็นการตัดกำลังของฝ่ายตรงข้ามอีกด้วย

อย่างไรก็ตามการทำสงครามเชื้อโรคนั้นควบคุมและหวังผลลำบาก เพราะเชื้อโรคเหล่านี้ต้องมีพาหะซึ่งก็คือสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ทั้งคนและสัตว์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีการเคลื่อนไหวและควบคุมได้ยาก โดยเฉพาะในยุคโลกไร้พรมแดน

ในสมัยก่อนการทำสงครามเชื้อโรคเป็นไปได้อย่างไม่สลับซับซ้อน และใช้เทคโนโลยีโลเทคก็ดำเนินการได้แล้ว ไม่เหมือนสงครามอิเลคโทนิค หรือนิวเคลียร์

ตัวอย่างที่เกิดขึ้นในยุคโบราณ ชาวอัสซีเรียนใช้วิธีวางยาพิษในบ่อน้ำของฝ่ายศัตรู ซึ่งพิษเหล่านั้นก็มาจากเชื้อราบางชนิด

ในปีค.ศ.1300 เศษ ทหารตาร์ตา(มองโกล) ซึ่งทำการปิดล้อมเมือง Crimean ของอาณาจักร Kaffa ล้มตายเป็นจำนวนมากจากการติดโรคระบาดที่เกิดจากศพที่ชาวเมืองทิ้งออกมานอกกำแพงโดยเจตนา

มีนักวิจัยบางคนเชื่อว่าการแพร่ระบาดของกาฬโรคในยุโรปที่คร่าชีวิตคนกว่า 25 ล้านคนนั้น เป็นส่วนหนึ่งของการทำสงครามเชื้อโรคโดยฝ่ายตรงข้าม

ในปี 1763 กองทัพอังกฤษพยายามใช้ไข้ทรพิษในการสังหารชาวพื้นเมืองอเมริกัน (อินเดียนแดง) ในการรบที่ Fort Pitt โดยการแจกผ้าห่มให้อินเดียนแดง ซึ่งอังกฤษนำมาจากโรงพยาบาลที่มีคนป่วยโรคฝีดาษ (ทรพิษ)

ในช่วงที่สเปนบุกอเมริกาใต้ชนพื้นเมืองไม่ว่าจะเป็นอินคา มายัน หรือเอสเทค ต่างก็ติดเชื้อหวัดและกามโรคจากทางสเปน ซึ่งก็อาจมีทั้งเจตนาและไม่เจตนาแพร่เชื้อโรค แต่ชนพื้นเมืองไม่มีภูมิต้านทานเลยเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลายฝ่ายให้ความสนใจในเรื่องสงครามเชื้อโรค โดยฝ่ายพันธมิตรได้วิจัยและสร้างสปอร์โรคแอนแทรคและเชื้อโรคอีกบางชนิด แต่สงครามยุติก่อน อย่างไรก็ตามผลิตผลขององค์ความรู้ได้ถูกใช้ในการก่อการร้ายในระยะหลัง เช่น เชื้ออีโบลา

ญี่ปุ่นเป็นผู้ที่ใช้สงครามเชื้อโรคอย่างจริงจังในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเครื่องบินกองทัพอากาศได้ทิ้งระเบิดที่บรรจุตัวหมัดนำเชื้อโรคไปทิ้งใส่กองทัพจีน ที่เมืองหนิงโบ

นอกจากนี้ยังมีการปล่อยเชื้ออหิวาตกโรค และไทฟอยในบ่อน้ำของประชาชนจีน ซึ่งโรคนี้คร่าชีวิตคนไปกว่า 30,000 คน และยังแพร่ระบาดต่อมาอีกเป็นเวลานานหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

ด้วยเหตุที่มันมีร่องรอยของการทำสงครามเชื้อโรคในอดีตตลอดจนการนำเอาเชื้อโรคมาก่อการร้าย ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์และนักมโนทั้งหลายมองว่าโรคหวัด อู่ฮั่นเป็นการทำสงครามเชื้อโรคของฝ่ายสหรัฐฯ เพราะอู่ฮั่นเป็นศูนย์กลางคมนาคมทางราง และเป็นศูนย์กลางการวิจัยทางวิทยาศาสตร์อีกด้วย นอกจากนี้จังหวะเวลาตรุษจีนที่ประชาชนชาวจีนจะเดินทางกลับไปเยี่ยมพ่อแม่พี่น้องนับเป็นหลายล้านคน ก็เป็นการเอื้อต่อการแพร่ระบาด ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคติดต่อหลายท่านก็มองว่านี่เป็นอุบัติการโดยธรรมชาติที่เกิดจากปัจจัยที่เหมาะสมตลอดจนการพัฒนาของเชื้อโรค โดยเฉพาะไวรัสทำให้เกิดการระบาดขึ้น ซึ่งในอดีตก็เกิดมาแล้วอย่างหวัดฮ่องกง หวัดนก ซาร์ และเมอร์ และกลุ่มเหล่านี้ก็เป็นไวรัสตระกูลโคโรนาทั้งนั้น จึงไม่น่าจะเป็นการทำสงครามเชื้อโรคที่มีข้อห้ามอยู่หลายสนธิสัญญาและข้อจำกัดในการควบคุม ยิ่งมีการวิเคราะห์ว่าจีนจะเอาคืนก็ยิ่งทำให้คนวิตกกันใหญ่

สำหรับคนไทยก็ไม่ควรจะตื่นกลัวกันมากนัก การใช้สติและป้องกันตนเองตามความเหมาะสม โดยเฉพาะการใช้หน้ากากและการหมั่นล้างมือ ไม่ควรไปในที่มีคนแออัด โรคนี้ร้ายแรงก็จริงแต่ยังมีทางรักษาไม่ตายเฉียบพลัน
132426.jpg (116.13 KiB) เข้าดูแล้ว 685 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4364
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D ศิลปินแห่งชาติ คุณชมัยภร แสงกระจ่าง แต่งกลอนอาลัย คุณสุเทพ วงศ์กำแหง ประทับใจมากครับ

คารวาลัยสุเทพ วงศ์กำแหง

"เพียงคำเดียว"คือ "ตาย" ใช่ไหมคะ
ข่าวพี่ละโลกไปทำใจหาย
เสียงขยี้แพรในฟองเบียร์ สุดเสียดาย
น้ำตารินสักกี่สายจึงจะพอ

พี่"เย้ยฟ้าท้าดิน" มาเนิ่นนาน
คนหลายล้านร้องตามคอยจำต่อ
โอ้ "จงรัก" จงจำน้ำตาคลอ
"คืนนี้"หนอ "พี่คอยเจ้า" เราคอยครวญ

"เสน่หา" เสน่ห์หายไปเสียแล้ว
เสียงยังแจ้วกังวานใสเราไห้หวน
"รักคุณเข้าแล้ว" ฟังเมื่อใด ใคร่ทบทวน
ทุกเพลงล้วนจับหัวใจไม่เคยเลือน

โอ้ "บ้านเรา" แสนสุขใจจำได้เสมอ
น้ำตาเอ่อ"สวรรค์มืด" ชืดใจเฉือน
"ผู้ชนะสิบทิศ" ติดใจเตือน
หัวใจเหมือนท่วมน้ำตาด้วยอาลัย

โอ้สุเทพ วงศ์กำแหง แห่งคีตศิลป์
เหมือนนกบินจากลาสู่ฟ้าใส
แต่คนหลังครวญคร่ำระส่ำใน
ร้าวรานรัดหัวใจเกินจะทน

เหลือแต่เสียงกล่อมใจในโลกหล้า
ปลอบสังคมมายาทุกแห่งหน
แค่สิ้นร่างพี่ชายไม่สิ้นมนต์
เราทุกคนยังรักพี่ไม่มีคลาย

ขอพี่สู่สรวงสวรรค์อันลิบฟ้า
พบ "สวลี ผกาพันธ์" ผู้เฉิดฉาย
ชวนกันกล่อมเทพยดาบนฟ้าพราย
ดั่งดาวรายระยิบระยับจับฟ้าเทอญ

ชมัยภร แสงกระจ่าง 27 กุมภาพันธ์ 2563
:cry: :cry:

:) :) เพลงโปรดของผมครับ :) :)

:( :( สงสารตัวเองที่ความรู้เรื่องเทคโนโยยีมันน้อยมาก เพราะขณะนี้ในคอมพิวเตอร์มีการเปลี่ยนแปลงอะไรไม่รู้เยอะมาก ทำอะไรไม่ถูกเลยแต่ละครั้งที่เข้ามาทำงาน คอม ฯ จะบอกให้อัปโหลดไอ้นั่น ไอ้นี่ วุ่นวายไปหมด เวปป์ที่เคยใช้ประจำก็รวนต้องลงชื่อต่าง ๆ นา ๆ ยังไม่พอ อืดอีกต่างหาก จนรู้สึกได้ว่า "ท้อ" อยากจะเลิกใช้หรือเลิกยุ่งเกี่ยวกับสิ่งประดิษย์พวกนี้ ไม่แน่นะครับหากความอดทนสิ้นสุดเราคงต้องจากกัน ไม่ว่ากันนะครับ :lol: :lol:
ไฟล์แนบ
คนเราอยู่ในโลก แต่มักปฏิบัติไม่ถูกต้องต่อสิ่งทั้งหลายในโลก จึงดำเนินชีวิตไม่ถูกต้อง สิ่งที่เราเกี่ยวข้องต่าง ๆ นี่ มันก็อยู่ของมันไปตามปกติ ตามธรรมชาติ แต่เราปฏิบัติต่อมันไม่ถูก วางใจไม่ถูก แม้แต่มองก็ไม่ถูก เราจึงเกิดทุกข์<br /><br />สิ่งทั้งหลายที่มีอยู่ตามธรรมดามันก็เป็นไป ถ้าเรารู้ทัน ก็เห็นมันเป็นไปตามกฏธรรมชาติ แต่ถ้าเราไม่รู้เท่าทัน เรามองไม่เป็นก็เกิดทุกข์ทันที<br /><br />แม้แต่เหตุการณ์ความผันผวนปรวนแปรต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนเรา ที่เรียกกันว่า โชคบ้าง เคราะห์บ้าง ศัพท์พระเรียกว่า โลกธรรม ซึ่งเป็นตัวการสำคัญ ที่ทำให้คนดีใจเสียใจ เป็นสุขและเป็นทุกข์<br /><br />เวลามันเกิดขึ้น ถ้าเราปฏิบัติไม่ถูกต้อง ที่สุขเราก็แปลงให้เป็นทุกข์ ที่มันเป็นทุกข์อยู่แล้ว เราก็เพิ่มทุกข์แก่ตัวเราให้มากขึ้น แต่ถ้าเราปฏิบัติถูกต้อง ที่ทุกข์เราก็ผันแปลงให้เป็นสุข ที่มันเป็นสุขอยู่แล้ว เราก็เพิ่มให้เป็นสุขมากยิ่งขึ้น<br /><br />โลกธรรม คืออะไร โลกธรรมแปลว่า ธรรมประจำโลก ได้แก่<br /><br />สิ่งที่เกิดแก่มนุษย์ทั้งหลายตามธรรมดาของความเป็นอนิจจัง ก็คือ เรื่อง ลาภ เสื่อมลาภ ยศ เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข<br /><br />ถ้าโชค หรือโลกธรรมที่ดีมีมา เราก็สบาย เป็นสุข แล้วเราก็ใช้โชคนั้น เช่น ลาภ ยศ เป็นเครื่องมือเพิ่มสุขให้แผ่ขยายออกไป คือใช้มันทำความดี ช่วยเหลือเกื้อกูลเพื่อนมนุษย์ ทำให้ความสุขขยายจากตัวเรา แผ่กว้างออกไป สู่ผู้คนมากมายในโลก<br /><br />ถ้าเคราะห์ หรือโลกธรรมที่ร้ายผ่านเข้ามา ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ตัวเราจะได้ฝึกฝนพัฒนา มันก็กลายเป็นบททดสอบเป็นบทเรียน และเป็นเครื่องมือฝึกสติ ฝึกปัญญา ฝึกแก้ปัญหา เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เราพัฒนายิ่งขึ้นไป
คนเราอยู่ในโลก แต่มักปฏิบัติไม่ถูกต้องต่อสิ่งทั้งหลายในโลก จึงดำเนินชีวิตไม่ถูกต้อง สิ่งที่เราเกี่ยวข้องต่าง ๆ นี่ มันก็อยู่ของมันไปตามปกติ ตามธรรมชาติ แต่เราปฏิบัติต่อมันไม่ถูก วางใจไม่ถูก แม้แต่มองก็ไม่ถูก เราจึงเกิดทุกข์

สิ่งทั้งหลายที่มีอยู่ตามธรรมดามันก็เป็นไป ถ้าเรารู้ทัน ก็เห็นมันเป็นไปตามกฏธรรมชาติ แต่ถ้าเราไม่รู้เท่าทัน เรามองไม่เป็นก็เกิดทุกข์ทันที

แม้แต่เหตุการณ์ความผันผวนปรวนแปรต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนเรา ที่เรียกกันว่า โชคบ้าง เคราะห์บ้าง ศัพท์พระเรียกว่า โลกธรรม ซึ่งเป็นตัวการสำคัญ ที่ทำให้คนดีใจเสียใจ เป็นสุขและเป็นทุกข์

เวลามันเกิดขึ้น ถ้าเราปฏิบัติไม่ถูกต้อง ที่สุขเราก็แปลงให้เป็นทุกข์ ที่มันเป็นทุกข์อยู่แล้ว เราก็เพิ่มทุกข์แก่ตัวเราให้มากขึ้น แต่ถ้าเราปฏิบัติถูกต้อง ที่ทุกข์เราก็ผันแปลงให้เป็นสุข ที่มันเป็นสุขอยู่แล้ว เราก็เพิ่มให้เป็นสุขมากยิ่งขึ้น

โลกธรรม คืออะไร โลกธรรมแปลว่า ธรรมประจำโลก ได้แก่

สิ่งที่เกิดแก่มนุษย์ทั้งหลายตามธรรมดาของความเป็นอนิจจัง ก็คือ เรื่อง ลาภ เสื่อมลาภ ยศ เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข

ถ้าโชค หรือโลกธรรมที่ดีมีมา เราก็สบาย เป็นสุข แล้วเราก็ใช้โชคนั้น เช่น ลาภ ยศ เป็นเครื่องมือเพิ่มสุขให้แผ่ขยายออกไป คือใช้มันทำความดี ช่วยเหลือเกื้อกูลเพื่อนมนุษย์ ทำให้ความสุขขยายจากตัวเรา แผ่กว้างออกไป สู่ผู้คนมากมายในโลก

ถ้าเคราะห์ หรือโลกธรรมที่ร้ายผ่านเข้ามา ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ตัวเราจะได้ฝึกฝนพัฒนา มันก็กลายเป็นบททดสอบเป็นบทเรียน และเป็นเครื่องมือฝึกสติ ฝึกปัญญา ฝึกแก้ปัญหา เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เราพัฒนายิ่งขึ้นไป
S__51257355.jpg (140.26 KiB) เข้าดูแล้ว 642 ครั้ง
กล้องเดิมที่ผมเคยบรรยายให้ฟังว่า พาไปหกล้มหลุดมือที่เมืองลี่เจียงจนทำให้การใช้ติดขัด ดีบ้างเสียบ้าง หงุดหงิดแต่ก็อดทนใช้มาจนถึงเมื่อ ๑๕/๑/๖๓ เป็นวันคล้ายวันเกิดตามทะเบียนบ้านครบ ๗๐ ปี คุณนายนก็เลยชวนไปห้างเพื่อให้ผมหาซื้อกล้องที่ถูกใจแทนกล้องเดิมที่ชำรุด นัยว่าเป็นของขวัญวันเกิด ไปเดินห้างเซ็นทรัลเชียงรายก็ไปเจอกล้องตัวนี้ราคาที่ ๑๗,๐๐๐ บ.แต่เขาลดราคาเหลือ ๙,๐๐๐ บ.ถูกใจครับก็เลยตัดสินใจซื้อ และได้รับกล้องเมื่อ ๑๖/๑/๖๓ นำไปทดลองใช้ที่ดอยล้าน ตามภาพที่นำลงต่อจากนี้ครับ
กล้องเดิมที่ผมเคยบรรยายให้ฟังว่า พาไปหกล้มหลุดมือที่เมืองลี่เจียงจนทำให้การใช้ติดขัด ดีบ้างเสียบ้าง หงุดหงิดแต่ก็อดทนใช้มาจนถึงเมื่อ ๑๕/๑/๖๓ เป็นวันคล้ายวันเกิดตามทะเบียนบ้านครบ ๗๐ ปี คุณนายนก็เลยชวนไปห้างเพื่อให้ผมหาซื้อกล้องที่ถูกใจแทนกล้องเดิมที่ชำรุด นัยว่าเป็นของขวัญวันเกิด ไปเดินห้างเซ็นทรัลเชียงรายก็ไปเจอกล้องตัวนี้ราคาที่ ๑๗,๐๐๐ บ.แต่เขาลดราคาเหลือ ๙,๐๐๐ บ.ถูกใจครับก็เลยตัดสินใจซื้อ และได้รับกล้องเมื่อ ๑๖/๑/๖๓ นำไปทดลองใช้ที่ดอยล้าน ตามภาพที่นำลงต่อจากนี้ครับ
S__55328770.jpg (171.63 KiB) เข้าดูแล้ว 642 ครั้ง
DSC_0350.JPG
DSC_0350.JPG (331.84 KiB) เข้าดูแล้ว 642 ครั้ง
DSC_0352.JPG
DSC_0352.JPG (269.09 KiB) เข้าดูแล้ว 642 ครั้ง
DSC_0354.JPG
DSC_0354.JPG (236.61 KiB) เข้าดูแล้ว 642 ครั้ง
DSC_0355.JPG
DSC_0355.JPG (252.77 KiB) เข้าดูแล้ว 642 ครั้ง
DSC_0357.JPG
DSC_0357.JPG (176.1 KiB) เข้าดูแล้ว 642 ครั้ง
DSC_0359.JPG
DSC_0359.JPG (231.2 KiB) เข้าดูแล้ว 642 ครั้ง
DSC_0360.JPG
DSC_0360.JPG (182.09 KiB) เข้าดูแล้ว 642 ครั้ง
DSC_0361.JPG
DSC_0361.JPG (193.03 KiB) เข้าดูแล้ว 642 ครั้ง
DSC_0362.JPG
DSC_0362.JPG (272.97 KiB) เข้าดูแล้ว 642 ครั้ง
DSC_0365.JPG
DSC_0365.JPG (313.62 KiB) เข้าดูแล้ว 642 ครั้ง
DSC_0371.JPG
DSC_0371.JPG (472.38 KiB) เข้าดูแล้ว 642 ครั้ง
DSC_0376.JPG
DSC_0376.JPG (353.8 KiB) เข้าดูแล้ว 642 ครั้ง
DSC_0385.JPG
DSC_0385.JPG (460.27 KiB) เข้าดูแล้ว 642 ครั้ง
DSC_0390.JPG
DSC_0390.JPG (496.26 KiB) เข้าดูแล้ว 642 ครั้ง
DSC_0396.JPG
DSC_0396.JPG (457.24 KiB) เข้าดูแล้ว 642 ครั้ง
18/1/63 วันพักผ่อน งดปั่น เดินทางไปดื่มกาแฟ แสวงหาอาหารตา บนยอดดอย “ดอยช้าง”<br /><br />&quot;บ้านดอยช้าง&quot; ตั้งขึ้นตามลักษณะของภูเขาที่มีรูปร่างเหมือนช้างแม่ลูกสองเชือก หันหน้าไปทาง ทิศเหนือ (ตัวจังหวัดเชียงราย) สามารถมองเห็น ได้ชัดเจนที่บริเวณโรงเรียนบ้านดอยช้าง มี ผาหัวช้าง สูง 1,800 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นสถานที่ชมทิวทัศน์ที่สวยงาม อากาศเย็นสบายตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ย 18 องศาเซลเซียส ดอยช้างมีชื่อเสียงในเรื่องของเป็นแหล่งปลูกกาแฟที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย มาเที่ยวที่นี่ นักท่องเที่ยว จะได้ชมสวนกาแฟที่สุกอร่ามเต็มดอย อีกทั้งเพลินตากับศิลปะวิถีชาวบ้าน กาแฟที่ดีที่สุด และมีชื่อเสียงติดระดับโลกอยู่ที่บนดอยช้างครับ ที่ No Name แต่อร่อยสุด ทำธุรกิจแบบเงียบๆ คือ Dumear ขอเชิญชวนให้ไปลองชิมกันครับ<br /><br />ทัศนวิสัยวันนี้ ขมุกขมัวนิดหน่อย กับหมอกจริงผสมหมอกควันนิดๆ อากาศยังดี สดชื่น นักท่องเที่ยวพากันไปเก็บภาพสวยๆ เสียดาย ซากุระ โรยไปแล้ว แม้จะไม่ได้ออกกำลังกาย แต่กำลังใจที่เห็นธรรมชาติสวยงาม endorphins ก็ยังหลั่ง สังเกตุได้ว่า จิตใจสบาย มีความสุข ปลอดโปร่ง โล่งใจ ขอให้ทุกท่านทุกคน มีความสุขเช่นกันนะครับ  (แดง-สารภี) <br /><br />เป็นเรื่องที่นำเสนอทางไลน์ครับ ภาพทั้งหมดที่เห็นเป็นภาพที่ถ่ายจากกล้องที่ซื้อใหม่ เสียดายที่โปรแกรมบันทึกวันที่ลงบนภาพไม่มีครับ กล้องรุ่นใหม่จะไม่บันทึกแต่เราสามารถตรวจสอบในภาพได้ว่า ถ่ายเมื่อไหร่ เวลาใด ที่ไหน เสียดายครับคนรุ่นเก่าติดอยู่กับของเก่า ไม่ทันสมัยต้องปรับเปลี่ยนตัวเราเองอีกเยอะเลย (เหนื่อยครับ ๕๕๕)ยังใช้ไม่คล่องเป็นการทดสอบ ทดลองภาพจึงยังไม่สวย ไม่คม ต้องฝึกและปรับให้เคยชินก่อนคงไม่นานครับ
18/1/63 วันพักผ่อน งดปั่น เดินทางไปดื่มกาแฟ แสวงหาอาหารตา บนยอดดอย “ดอยช้าง”

"บ้านดอยช้าง" ตั้งขึ้นตามลักษณะของภูเขาที่มีรูปร่างเหมือนช้างแม่ลูกสองเชือก หันหน้าไปทาง ทิศเหนือ (ตัวจังหวัดเชียงราย) สามารถมองเห็น ได้ชัดเจนที่บริเวณโรงเรียนบ้านดอยช้าง มี ผาหัวช้าง สูง 1,800 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นสถานที่ชมทิวทัศน์ที่สวยงาม อากาศเย็นสบายตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ย 18 องศาเซลเซียส ดอยช้างมีชื่อเสียงในเรื่องของเป็นแหล่งปลูกกาแฟที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย มาเที่ยวที่นี่ นักท่องเที่ยว จะได้ชมสวนกาแฟที่สุกอร่ามเต็มดอย อีกทั้งเพลินตากับศิลปะวิถีชาวบ้าน กาแฟที่ดีที่สุด และมีชื่อเสียงติดระดับโลกอยู่ที่บนดอยช้างครับ ที่ No Name แต่อร่อยสุด ทำธุรกิจแบบเงียบๆ คือ Dumear ขอเชิญชวนให้ไปลองชิมกันครับ

ทัศนวิสัยวันนี้ ขมุกขมัวนิดหน่อย กับหมอกจริงผสมหมอกควันนิดๆ อากาศยังดี สดชื่น นักท่องเที่ยวพากันไปเก็บภาพสวยๆ เสียดาย ซากุระ โรยไปแล้ว แม้จะไม่ได้ออกกำลังกาย แต่กำลังใจที่เห็นธรรมชาติสวยงาม endorphins ก็ยังหลั่ง สังเกตุได้ว่า จิตใจสบาย มีความสุข ปลอดโปร่ง โล่งใจ ขอให้ทุกท่านทุกคน มีความสุขเช่นกันนะครับ (แดง-สารภี)

เป็นเรื่องที่นำเสนอทางไลน์ครับ ภาพทั้งหมดที่เห็นเป็นภาพที่ถ่ายจากกล้องที่ซื้อใหม่ เสียดายที่โปรแกรมบันทึกวันที่ลงบนภาพไม่มีครับ กล้องรุ่นใหม่จะไม่บันทึกแต่เราสามารถตรวจสอบในภาพได้ว่า ถ่ายเมื่อไหร่ เวลาใด ที่ไหน เสียดายครับคนรุ่นเก่าติดอยู่กับของเก่า ไม่ทันสมัยต้องปรับเปลี่ยนตัวเราเองอีกเยอะเลย (เหนื่อยครับ ๕๕๕)ยังใช้ไม่คล่องเป็นการทดสอบ ทดลองภาพจึงยังไม่สวย ไม่คม ต้องฝึกและปรับให้เคยชินก่อนคงไม่นานครับ
DSC_0401.JPG (396.6 KiB) เข้าดูแล้ว 642 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
ลุงเนตร
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 19852
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
Tel: 0898133936
team: อิสระ
Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
ติดต่อ:

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย ลุงเนตร »

"..สวัสดีครับ ท่านน้องแดงฯ เวบไซด์นี้ ปกติแล้วใช่ไหมครับ?../..สุขสันต์วันเกิด ครบ ๗๐ ปี และสุขตลอดไปด้วยนะครับ.." (ย้อนหลัง)
ไฟล์แนบ
IMG_20200205_134507209.jpg
IMG_20200205_134507209.jpg (458.63 KiB) เข้าดูแล้ว 629 ครั้ง
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4364
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

ลุงเนตร เขียน:"..สวัสดีครับ ท่านน้องแดงฯ เวบไซด์นี้ ปกติแล้วใช่ไหมครับ?../..สุขสันต์วันเกิด ครบ ๗๐ ปี และสุขตลอดไปด้วยนะครับ.." (ย้อนหลัง)
:( :x อรุณสวัสดิ์ครับท่านพี่และท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ ขอบพระคุณในคำอำนวยอวยพรวันเกิดครับ สำหรับเวปไซด์นี้ยังไม่ปกติ เนื่องจากต้องการจะเข้าใน Google เข้าไม่ได้ระบบจะบอกให้สมัครใหม่ ผมก็เกรงว่าถ้าเราสมัครใหม่ ก็จะเข้ากระทู้ของตัวเองไม่ได้ก็เลยทดลองไปเข้าใปใน Yahoo Safaree ปรากฏว่าเข้าได้ก็เลยใช้ของ Yahoo ครับ สำหรับในเช้าวันนี้มีเรื่องสำคัญจะมาบอก ครั้งแรกจะรอให้ใกล้ ๆ วันแล้วค่อยมาบอก แต่เกรงเหลือเกินว่าจะลืมก็เลยตัดสินใจเอาให้แล้ว ๆ ไปจะได้ไม่เสียใจ :lol: :lol:

:idea: :idea: เพิ่งรู้นะนี่ว่า พระพุทธศาสนาของเรา แผ่ไปกว้างไกลแล้ว (ประเมินจากการเข้าร่วมสังเกตุการณ์ในการประชุมเตรียมจัดงานวันวิสาขบูชาโลก เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 63 ที่ห้องประชุมชั้น 4 สำนักงานอธิการบดี มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หรือ มจร. ที่วังน้อย อยุธยา) ว่า

~ ในงานวันวิสาขบูชาโลก ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 1-3 พฤษภาคม 2563 นั้น จะมีชาวต่างประเทศที่นับถือศาสนาพุทธ จะเดินทางมาร่วมงานในฐานะผู้แทนชาวพุทธ ที่อยู่ในประเทศนั้นๆ หรือ อยู่ในเขตปกครองพิเศษนั้นๆ รวม 84 แห่ง รวมจำนวน 1,246 คน จะมาประชุมกันที่ หอประชุมใหญ่ มจร.วังน้อย อยุธยา ใน 2 วันแรก ในวันสุดท้าย วันที่ 3 พฤษภา 63 จะย้ายมาประชุมที่ศูนย์การประชุม UN ที่ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ และ จะมีการประกาศปฏิณญาสากลกรุงเทพฯ ในการตกลงที่จะจัดทำพระไตรปิฎก ฉบับภาษาอังกฤษ ที่แปลจากพระไตรปิฎกฉบับบาลีสยามรัฐในวันสุดท้ายของการประชุม โดยมีชาวต่างประเทศจากประเทศต่างๆ และเขตปกครองพิเศษมาร่วมงานในครั้งนี้ เป็นผู้แทนชาวพุทธ จาก
1. อาเจนตินา 2 คน
2. อัลมาเนีย 3 คน
3. ออสเตรีย 2 คน
4. ออสเตรเลีย 2 คน
5. บังคลาเทศ 22 คน
6. เบลารุส 5 คน
7. เบลเยี่ยม 5 คน
8. ภูฏาน 17 คน
9. โบลิเวีย 3 คน
10. บราซิล 6 คน
11. บัลกาเรีย 3 คน
12. กัมพูชา 52 คน
13. คานาดา 3 คน
14. จีน 88 คน
15. เขตปกครองพิเศษฮ่องกง 51 คน
16. เขตปกครองพิเศษไต้หวัน 16 คน
17. เขตปกครองพิเศษมาเก๊า 7 คน
18. ชิลี 4 คน
19. โคลัมเบีย 3 คน
20. คองโก 3 คน
21. คอสตาริก้า 4 คน
22. โครเอเทีย 4 คน
23. คิวบา 4 คน
24. สาธารณรัฐเช็ค 4 คน
25. เดนมาร์ค 3 คน
26. อียิปต์ 3 คน
27. อีคัวดอร์ 2 คน
28. เอลซาวาดอร์ 3 คน
29. อังกฤษ 10 คน
30. เอสโทเนีย 3 คน
31. เอธิโอเปีย 3 คน
32. ฟินแลนด์ 3 คน
33. ฝรั่งเศส 14 คน
34. เยอรมัน 3 คน
35. กาน่า 3 คน
36. กรีก 3 คน
37. กัวเตมาลา 3 คน
38. ฮังการี 5 คน
39. อินเดีย 37 คน
40. อินโดนีเซีย 36 คน
41. ไอร์แลนด์ 3 คน
42. อิสราเอล 3 คน
43. อิตาลี 3 คน
44. ญี่ปุ่น 257 คน
45. เคนย่า 5 คน
46. เกาหลีใต้ 27 คน
47. เกาหลีเหนือ 4 คน
48. ลาว 37 คน
49. ลัธเวีย 5 คน
50. ลิธัวเนีย 5 คน
51. มาเลเซีย 25 คน
52. เม็กซิโก 9 คน
53. มองโกเลีย 13 คน
54. เมียนม่าร์ 52 คน
55. เนปาล 18 คน
56. เนเธอร์แลนด์ 5 คน
57. นิวซีแลนด์ 5 คน
58. นอร์เวย์ 7 คน
59. ปารากัว 3 คน
60. เปรู 3 คน
61. ฟิลิปปินส์ 6 คน
62. โปแลนด์ 4 คน
63. โปตุกัล 3 คน
64. เปโต ริโก้ 3 คน
65. โรมาเนีย 3 คน
66. รัสเซีย 18 คน
67. สก้อตแลนด์ 5 คน
68. เซอร์เบีย 3 คน
69. สิงคโปร์ 35 คน
70. สโลวาเกีย 3 คน
71. สโลวีเนีย 3 คน
72. อัฟริกาใต้ 3 คน
73. สเปน 3 คน
74. สวีเดน 3 คน
75. สวิสเซอร์แลนด์ 3 คน
76. ศรีลังกา 61 คน
77. ตุรกี 3 คน
78. อาหรับเอมิเรต 3 คน
79. อูกานดา 3 คน
80. ยูเครน 3 คน
81. อุรุไกว 3 คน
82. สหรัฐอเมริกา 18 คน
83. เวเนซูเอล่า 3 คน
84. เวียตนาม 115 คน

~โครงการจัดทำพระไตรปิฎก ฉบับภาษาอังกฤษ เพื่อถวายพระราชกุศลและเฉลิมกระเกียรติ ในหลวง รัชกาลที่ 10 ที่ประกาศพระองค์เป็น พุทธศาสนูปถัมภก แปลเพื่อเผยแพร่ให้ถึงชาวต่างประเทศ เพื่อเป็นหลักในการดำเนินชีวิต โดยแปลจากพระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ เป็นต้นแบบ โดยมี คณะกรรมการอำนวยการจัดทำพระไตรปิฎกฉบับภาษาอังกฤษ ประกอบด้วย สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานอำนวยการจัดทำ กรรมการมหาเถรสมาคม เป็นกรรมการ และ พระพรหมบัณฑิต เป็นกรรมการและเลขานุการ

~ คณะกรรมการฝ่ายอุปถัมภ์ โครงการจัดทำพระไตรปิฎกฉบับภาษาอังกฤษ ประกอบด้วย นายก รมต. หรือ รองนายก รมต. ที่ได้รับมอบหมาย เป็นประธาน รมต. กระทรวงวัฒนธรรม เป็นรองประธาน คนที่ 1 รัฐมนตรีสำนักนายกฯ เป็นรองประธานฯ คนที่ 2 ปลัดกระทรวง 20 กระทรวง เป็น กรรมการ และ กรรมการอื่นๆ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา และ อธิบดีกรมการศาสนา เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม

~ ในปี 63-64 จะมีการเสนอแต่งตั้งคณะอนุกรรมการดำเนินงาน คณะบรรณาธิการ คณะอนุกรรมการแปล และ คณะทำงานฝ่ายต่างๆ เพื่อดำเนินการแปลพระไตรปิฎกฉบับบาลีสยามรัฐ เป็นภาษาอังกฤษต่อไป

~ โดยรัฐบาลให้งบฯเพื่อการแปลพระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ เป็นภาษาอังกฤษนี้ เป็นเงิน 80 ล้านบาท โดยกำหนดทำการเผยแพร่ พระไตรปิฎกฉบับภาษาอังกฤษ ได้ภายในปี 2564
:idea:

ไฟล์แนบ
เราได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพุทธศาสนาแล้วใช่ไหมครับว่า ชาวโลกปัจจุบันนี้ได้ให้ความสนใจมาก ถึงกับจะมาร่วมงานวันวิสาขบูชาซึ่งเป็นวันสำคัญของชาวพุทธ ยังไม่พอให้ชื่อซะยิ่งใหญ่ว่า &quot;วันวิสาขโลก&quot; เราชาวไทยพุทธก็อย่าน้อยหน้าต้องไม่ละเลยต้องรีบฝึกฝนตนเองให้ยิ่ง ๆ ขึ้นครับจะได้มีความสุขให้คนทั้งโลกเห็น จะยิ่งเป็นการเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้ขจรขจายยิ่ง ๆ ขึ้นครับ<br /><br />เมื่อเราอยู่ในโลกไป ถ้าเราฝึก เราก็สามารถเป็นสัตว์ที่ประเสริฐจริง ๆ เป็นมหาบุรุษก็ได้ เป็นนักประดิษย์ค้นคว้า เป็นนักการเมือง เป็นนายกรัฐมนตรี ตลอดจนเป็นพระพุทธเจ้าก็ยังได้<br /><br />เพราะฉะนั้น มนุษย์นี้จะได้แค่เห็น ก็อยู่ที่การฝึกตัวเอง<br /><br />ยิ่งฝึกตน คนก็ยิ่งประเสริฐ คนยิ่งประเสริฐ ก็ยิ่งสร้างสรรค์สิ่งที่ดีเลิศ<br /><br />การมีชีวิตคู่ครอง และมีครอบครัวนี้ เป็นชีวิตที่เรารับผิดชอบตัวเอง จึงเป็นเวลาส่วนสำคัญที่จะฝึกฝนพัฒนาชีวิตของตน<br /><br />จึงบอกว่า ต้องมองของเรื่องการแต่งงานนี้ ไม่ใช่แค่การมีชีวิตคู่ครอง แต่หมายถึงการมารวมกำลังกันทำการสร้างสรรค์<br /><br />เราอาจจะตั้งจุดหมายอะไรก็ตามที่ดีงามขึ้น แล้วก็มารวมกำลังกันทำสิ่งนั้น ใจของเราก็จะมองกว้าง และมองไกลออกไปแล้วเราจะไม่มัวถือสาเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่มีใจที่จะมาเพ่งจ้องตั้งแง่กัน<br /><br />พร้อมกันนั้น เราก็มีคุณธรรม คือความรักที่อยากให้กันและกันมีความสุข<br /><br />จากนั้นก็ขยายกว้างออกไป อยากให้คนอื่นเป็นสุข อยากให้เพื่อนมนุษย์ อยากให้คนทั้งโลกเป็นสุข เราทำได้กระทั่งเพื่อโลก เพื่อเพื่อนมนุษย์ทั้งหมด
เราได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพุทธศาสนาแล้วใช่ไหมครับว่า ชาวโลกปัจจุบันนี้ได้ให้ความสนใจมาก ถึงกับจะมาร่วมงานวันวิสาขบูชาซึ่งเป็นวันสำคัญของชาวพุทธ ยังไม่พอให้ชื่อซะยิ่งใหญ่ว่า "วันวิสาขโลก" เราชาวไทยพุทธก็อย่าน้อยหน้าต้องไม่ละเลยต้องรีบฝึกฝนตนเองให้ยิ่ง ๆ ขึ้นครับจะได้มีความสุขให้คนทั้งโลกเห็น จะยิ่งเป็นการเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้ขจรขจายยิ่ง ๆ ขึ้นครับ

เมื่อเราอยู่ในโลกไป ถ้าเราฝึก เราก็สามารถเป็นสัตว์ที่ประเสริฐจริง ๆ เป็นมหาบุรุษก็ได้ เป็นนักประดิษย์ค้นคว้า เป็นนักการเมือง เป็นนายกรัฐมนตรี ตลอดจนเป็นพระพุทธเจ้าก็ยังได้

เพราะฉะนั้น มนุษย์นี้จะได้แค่เห็น ก็อยู่ที่การฝึกตัวเอง

ยิ่งฝึกตน คนก็ยิ่งประเสริฐ คนยิ่งประเสริฐ ก็ยิ่งสร้างสรรค์สิ่งที่ดีเลิศ

การมีชีวิตคู่ครอง และมีครอบครัวนี้ เป็นชีวิตที่เรารับผิดชอบตัวเอง จึงเป็นเวลาส่วนสำคัญที่จะฝึกฝนพัฒนาชีวิตของตน

จึงบอกว่า ต้องมองของเรื่องการแต่งงานนี้ ไม่ใช่แค่การมีชีวิตคู่ครอง แต่หมายถึงการมารวมกำลังกันทำการสร้างสรรค์

เราอาจจะตั้งจุดหมายอะไรก็ตามที่ดีงามขึ้น แล้วก็มารวมกำลังกันทำสิ่งนั้น ใจของเราก็จะมองกว้าง และมองไกลออกไปแล้วเราจะไม่มัวถือสาเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่มีใจที่จะมาเพ่งจ้องตั้งแง่กัน

พร้อมกันนั้น เราก็มีคุณธรรม คือความรักที่อยากให้กันและกันมีความสุข

จากนั้นก็ขยายกว้างออกไป อยากให้คนอื่นเป็นสุข อยากให้เพื่อนมนุษย์ อยากให้คนทั้งโลกเป็นสุข เราทำได้กระทั่งเพื่อโลก เพื่อเพื่อนมนุษย์ทั้งหมด
S__51257356.jpg (163.07 KiB) เข้าดูแล้ว 590 ครั้ง
DSC_0420.JPG
DSC_0420.JPG (327.18 KiB) เข้าดูแล้ว 590 ครั้ง
DSC_0430.JPG
DSC_0430.JPG (369.31 KiB) เข้าดูแล้ว 590 ครั้ง
DSC_0436.JPG
DSC_0436.JPG (304.36 KiB) เข้าดูแล้ว 590 ครั้ง
DSC_0441.JPG
DSC_0441.JPG (282.71 KiB) เข้าดูแล้ว 590 ครั้ง
ปกติแล้วขับรถขึ้นไปบนดอยช้างถ้าไม่เจอวิกฤตหมอกควัน เราจะเห็นทิงทัศน์ของดอยไกลสุดสายตา สวยงามมากครับแต่มาหนนี้ทัศนวิสัยมองได้แค่ ๑ - ๒ กม.เท่านั้นความงามก็ลดลง เรียกว่าเสียดายมาก ๆ
ปกติแล้วขับรถขึ้นไปบนดอยช้างถ้าไม่เจอวิกฤตหมอกควัน เราจะเห็นทิงทัศน์ของดอยไกลสุดสายตา สวยงามมากครับแต่มาหนนี้ทัศนวิสัยมองได้แค่ ๑ - ๒ กม.เท่านั้นความงามก็ลดลง เรียกว่าเสียดายมาก ๆ
DSC_0447.JPG (274.02 KiB) เข้าดูแล้ว 590 ครั้ง
DSC_0461.JPG
DSC_0461.JPG (358.22 KiB) เข้าดูแล้ว 590 ครั้ง
DSC_0466.JPG
DSC_0466.JPG (350.96 KiB) เข้าดูแล้ว 590 ครั้ง
DSC_0471.JPG
DSC_0471.JPG (191.79 KiB) เข้าดูแล้ว 590 ครั้ง
DSC_0476.JPG
DSC_0476.JPG (351.29 KiB) เข้าดูแล้ว 590 ครั้ง
DSC_0482.JPG
DSC_0482.JPG (222.77 KiB) เข้าดูแล้ว 590 ครั้ง
DSC_0488.JPG
DSC_0488.JPG (381.96 KiB) เข้าดูแล้ว 590 ครั้ง
DSC_0491.JPG
DSC_0491.JPG (246.25 KiB) เข้าดูแล้ว 590 ครั้ง
DSC_0496.JPG
DSC_0496.JPG (195.89 KiB) เข้าดูแล้ว 590 ครั้ง
DSC_0506.JPG
DSC_0506.JPG (153.79 KiB) เข้าดูแล้ว 590 ครั้ง
ข้อมูลและข้อเท็จจริง –<br /><br />ข้อเท็จจริงประการหนึ่งคือ บริษัท ดอยช้าง คอฟฟี่ ออริจินอล จำกัด หรือกาแฟดอยช้าง ซึ่งเป็นผู้เริ่มต้นบุกเบิกและพยายามสร้างมาตรฐานและทำตลาดกาแฟจากต้นน้ำไปสู่ผู้บริโภค ซึ่งปลูกโดยเกษตรกรจากไม่กี่ร้อยไร่ตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา และพยายามรับซื้อผลกาแฟสุกในราคาสูงกว่าตลาดมาโดยตลอด โดยปกติจะสูงกว่าตลาดประมาณ 20-30%มาโดยตลอด และการันตีราคาที่ไม่น้อยกว่ากิโลกรัมละ 18 บาท (การประกันราคารับซื้อขั้นต่ำ) ในช่วงต้นฤดูจนถึงประมาณ 23-25 บาท ในบางปี และพวกเราต้องใช้ระยะเวลาต่อสู้มาหลายปีจากที่ไม่มีใครรู้จักจนกาแฟดอยช้างได้รับการยอมรับและมีชื่อในระดับสากล<br /><br />เมื่อกาแฟดอยช้างเริ่มมีชื่อเสียงและเกษตรกรสามารถสร้างรายได้ที่ดีกว่าการปลูกพืชชนิดอื่นๆ เกษตรกรส่วนใหญ่จึงหันมาปลูกกาแฟกันเป็นจำนวนมากจากไม่กี่ร้อยไร่ก็กลายเป็นเกือบ 3 หมื่นไร่ในระยะเวลาเพียง 10 กว่าปีเท่านั้น ในช่วงแรกๆ ผลกาแฟสุกส่วนใหญ่เกษตรกรก็ขายให้บริษัทฯ เนื่องจากผู้รับซื้อรายอื่นๆ บนดอยช้างที่จะสามารถช่วยซื้อจากเกษตรกรยังมีน้อยมาก ประกอบกับเป็นปริมาณที่ทางบริษัทฯ เองก็จะมีความสามารถในการรับซื้อและมีกำลังในการทำตลาดในแต่ละปี<br /><br />ทางบริษัทฯ เองแม้ว่าจะมีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งเป็นธุรกิจชุมชนแต่ก็มีข้อจำกัดในการลงทุนซึ่งการรับซื้อกาแฟซึ่งมีปริมาณเกินความต้องการนั้นต้องใช้ทุนจำนวนมากในแต่ละปี และจะเป็นภาระหากไม่สอดคล้องกับความสามารถในการจำหน่ายหรือความต้องการของตลาด ในช่วงเกือบสิบปีมานี้ทางบริษัทฯ ทำตลาดกาแฟโดยรวมหลายร้อยจนถึงหลักพันตันต่อปี แต่หากบางปีที่กาแฟมีปริมาณมาก ซึ่งบนดอยช้างจะมีอยู่หลายพันตันต่อปี บริษัทฯ ก็จำเป็นต้องหยุดรับซื้อเมื่อมีปริมาณเพียงพอในการใช้และจัดจำหน่าย<br /><br />แต่เนื่องจากบนดอยช้างมีผู้รับซื้อจริงๆ จำนวนน้อยรายมาก โดยตั้งแต่ประมาณปี 2551 เป็นต้นมา กาแฟบนดอยช้างเริ่มมีปริมาณมากกว่าความต้องการ และเกษตรกรบางส่วนก็ไม่ได้มีโรงงานแปรรูปเป็นกาแฟกะลา เกษตรกรส่วนหนึ่งซึ่งก็เป็นสมาชิกผู้จัดส่งผลกาแฟผลสุกให้ทางบริษัท ก็ได้ร้องขอและตกลงกันในการฝากทำ โดยทางบริษัทฯ จะแปรรูปให้และเก็บกาแฟกะลาไว้รวมถึงจะพยายามช่วยผลักดันการขายและทำตลาดให้ โดยมีข้อกำหนดว่าหากขายได้ก็จะชำระเป็นค่าผลกาแฟสุกในราคาเต็มเสมือนทางบริษัทฯ รับซื้อ และเกษตรกรทุกรายก็ร่วมเป็นสมาชิกซึ่งรู้จักและเข้าใจรวมถึงมีความร่วมมือต่อเนื่องกันอยู่แล้วโดยทางบริษัทฯ จะออกใบรับซื้อให้ไว้เป็นหลักฐานและยังรับปากว่าหากเกษตรกรรายใดต้องการใช้กาแฟหรือจะมารับกลับไปขายเองก็สามารถกระทำได้โดยต้องยินดีจ่ายต้นทุนจริงในการแปรรูปประมาณ 15 บาทต่อกาแฟกะลา 1 กิโลกรัมให้กับทางบริษัทฯ (ในขณะที่มีผู้ประกอบการบางรายรับจ้างแปรรูป 20-30บาทต่อกิโลกรัม)และในแต่ละปีการฝากผลกาแฟสุกเพื่อแปรรูปจากเกษตรกรไว้ที่บริษัทฯ ก็จะมีปริมาณในระดับหนึ่งซึ่งอาจดูไม่มากหากเทียบกับส่วนที่บริษัทฯ ซื้อเพื่อใช้ในแต่ละปี แต่ก็เป็นวิถีปฏิบัติที่เกิดขึ้นมาหลายปีหมุนเวียนกันไป และการรับฝากแปรรูปเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรก็ไม่ได้มีเฉพาะ บริษัท ดอยช้าง คอฟฟี่ ออรจินอล จำกัด เท่านั้น ยังมีบริษัทอื่นในพื้นที่มีความช่วยเหลือแบบเดียวกันอยู่บ้างเช่นกัน<br /><br />ทั้งนี้ในสถานการณ์ธุรกิจปกติที่มีการส่งออกเมล็ดกาแฟดิบได้ตามเป้ากระบวนการก็จะราบรื่นไปด้วยดี ระยะเวลาหมุนเวียนก็จะไม่เกิน 1-2 ปี เนื่องจากกาแฟดอยช้างจะมีการบ่มอย่างน้อย 6-8 เดือนก่อนจำหน่ายอยู่แล้ว และเกษตรกรก็มีความพึงพอใจเพราะไม่ต้องถูกกดราคาจากผู้ซื้อรายอื่นๆ<br /><br />แต่เนื่องจากตั้งแต่ประมาณช่วงปี 2560 เป็นต้นมา การส่งออกกาแฟดิบต่ำกว่าเป้าที่บริษัทฯ คาดการณ์ไว้ เพราะราคากาแฟในตลาดโลกตกต่ำซึ่งท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลได้จากกระทรวงพาณิชย์ ทำให้ทางบริษัทฯ หยุดการรับฝากกาแฟจากเกษตรกรในปีถัดมาคือปี 2561 และพยายามช่วยพลักดันจำหน่ายกาแฟที่รับฝากใว้ก่อนหน้าออกไป จากปริมาณที่ช่วยรับฝากไว้เกือบ 300 ตันกะลาและทยอยขายออกพร้อมชำระค่ากาแฟให้เกษตรกรในส่วนที่จำหน่ายได้ตามราคาที่ตกลงใว้ จนปัจจุบันเหลืออยู่ไม่ถึง 50 ตันกะลาเท่านั้น และจากประมาณการส่งออกที่รอคำสั่งซื้อมาก็น่าจะหมดภายในไม่เกินอีก 2-3 เดือนนับจากนี้<br /><br />วิธีปฏิบัติเช่นนี้บางท่านอาจพยายามตีความว่าเป็นการเอาเปรียบเกษตรกรทั้งที่เป็นความพยายามหาทางช่วยเหลือเกษตรเพื่อไม่ให้เกษตรกรต้องกลับไปถูกกดราคาและเจ็บปวดเหมือนเมื่อสิบกว่าปีก่อนอีกครั้ง… แต่ก็เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ 2 ปีที่ผ่านมาเราไม่สามารถรับฝากได้ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งให้เกษตรกรที่ยังไม่มีความสามารถแปรรูปได้เองมีความจำเป็นต้องขายผลกาแฟสุกให้กับพ่อค้ากาแฟจากภายนอก ซึ่งในบางช่วงราคาต่ำถึง13-14 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่ทางบริษัทฯ รับซื้อในราคาการันตีเฉลี่ยที่ 20 บาท หากแต่เป็นปริมาณเท่าที่จะสามารถรับซื้อได้เท่านั้น<br /><br />ในปีนี้ทางเกษตรกรบางส่วนจึงขอให้ทาง บริษัทฯ ช่วยรับฝากทำอีก ซึ่งบริษัทฯ เห็นปัญหาและเห็นใจเกษตรกรแต่ก็มีความจำเป็นต้องรับเฉพาะเกษตรกรที่เข้าใจสถานการณ์กาแฟไทยจริงๆ เท่านั้น ว่ากำลังถูกกระทบจากหลายๆ ปัจจัยในปัจจุบัน<br /><br />ท่านสามารถสละเวลาขึ้นมาพิสูจน์และมองเห็นภาพความเป็นจริงที่บนดอยช้างได้ตลอดเวลา และจะได้สัมผัสกับพวกเราว่าเรามีวิถีชีวิตเสมือนครอบครัวเดียวกันบนดอยช้าง ที่หาทางช่วยกันรักษาชื่อเสียงกาแฟดอยช้างซึ่งกว่าจะมาถึงวันนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆไม่ว่าจะเป็นการปกป้องการใช้กาแฟจากที่อื่นแล้วอ้างสวมว่าเป็นกาแฟดอยช้าง หรือจะเป็นความช่วยเหลือทางด้านอื่นๆในการพัฒนาผ่านมูลนิธิหรือสมาคมต่างๆ รวมทั้งรักษาวัฒนธรรมของพวกทั้งอาข่า ลีซู หรือพี่น้องชาติพันธุ์อื่นที่นี่<br /><br />และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้เสพข้อมูลข่าวสารต่างๆ จะสามารถมีโอกาสได้รับข้อมูลรอบด้านขึ้น ก่อนที่ใครก็ตามที่มีความตั้งใจที่จะทำเพื่อส่วนรวม เพื่อชื่อเสียง เกียรติภูมิของชาติพันธุ์ และคนปลูกกาแฟจะเสียกำลังใจไปเสียก่อน…สำหรับทุกคนทุกคนครับ…ไม่ใช่แค่คนดอยช้างและกาแฟดอยช้างเท่านั้น<br /><br />ขอบคุณครับ
ข้อมูลและข้อเท็จจริง –

ข้อเท็จจริงประการหนึ่งคือ บริษัท ดอยช้าง คอฟฟี่ ออริจินอล จำกัด หรือกาแฟดอยช้าง ซึ่งเป็นผู้เริ่มต้นบุกเบิกและพยายามสร้างมาตรฐานและทำตลาดกาแฟจากต้นน้ำไปสู่ผู้บริโภค ซึ่งปลูกโดยเกษตรกรจากไม่กี่ร้อยไร่ตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา และพยายามรับซื้อผลกาแฟสุกในราคาสูงกว่าตลาดมาโดยตลอด โดยปกติจะสูงกว่าตลาดประมาณ 20-30%มาโดยตลอด และการันตีราคาที่ไม่น้อยกว่ากิโลกรัมละ 18 บาท (การประกันราคารับซื้อขั้นต่ำ) ในช่วงต้นฤดูจนถึงประมาณ 23-25 บาท ในบางปี และพวกเราต้องใช้ระยะเวลาต่อสู้มาหลายปีจากที่ไม่มีใครรู้จักจนกาแฟดอยช้างได้รับการยอมรับและมีชื่อในระดับสากล

เมื่อกาแฟดอยช้างเริ่มมีชื่อเสียงและเกษตรกรสามารถสร้างรายได้ที่ดีกว่าการปลูกพืชชนิดอื่นๆ เกษตรกรส่วนใหญ่จึงหันมาปลูกกาแฟกันเป็นจำนวนมากจากไม่กี่ร้อยไร่ก็กลายเป็นเกือบ 3 หมื่นไร่ในระยะเวลาเพียง 10 กว่าปีเท่านั้น ในช่วงแรกๆ ผลกาแฟสุกส่วนใหญ่เกษตรกรก็ขายให้บริษัทฯ เนื่องจากผู้รับซื้อรายอื่นๆ บนดอยช้างที่จะสามารถช่วยซื้อจากเกษตรกรยังมีน้อยมาก ประกอบกับเป็นปริมาณที่ทางบริษัทฯ เองก็จะมีความสามารถในการรับซื้อและมีกำลังในการทำตลาดในแต่ละปี

ทางบริษัทฯ เองแม้ว่าจะมีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งเป็นธุรกิจชุมชนแต่ก็มีข้อจำกัดในการลงทุนซึ่งการรับซื้อกาแฟซึ่งมีปริมาณเกินความต้องการนั้นต้องใช้ทุนจำนวนมากในแต่ละปี และจะเป็นภาระหากไม่สอดคล้องกับความสามารถในการจำหน่ายหรือความต้องการของตลาด ในช่วงเกือบสิบปีมานี้ทางบริษัทฯ ทำตลาดกาแฟโดยรวมหลายร้อยจนถึงหลักพันตันต่อปี แต่หากบางปีที่กาแฟมีปริมาณมาก ซึ่งบนดอยช้างจะมีอยู่หลายพันตันต่อปี บริษัทฯ ก็จำเป็นต้องหยุดรับซื้อเมื่อมีปริมาณเพียงพอในการใช้และจัดจำหน่าย

แต่เนื่องจากบนดอยช้างมีผู้รับซื้อจริงๆ จำนวนน้อยรายมาก โดยตั้งแต่ประมาณปี 2551 เป็นต้นมา กาแฟบนดอยช้างเริ่มมีปริมาณมากกว่าความต้องการ และเกษตรกรบางส่วนก็ไม่ได้มีโรงงานแปรรูปเป็นกาแฟกะลา เกษตรกรส่วนหนึ่งซึ่งก็เป็นสมาชิกผู้จัดส่งผลกาแฟผลสุกให้ทางบริษัท ก็ได้ร้องขอและตกลงกันในการฝากทำ โดยทางบริษัทฯ จะแปรรูปให้และเก็บกาแฟกะลาไว้รวมถึงจะพยายามช่วยผลักดันการขายและทำตลาดให้ โดยมีข้อกำหนดว่าหากขายได้ก็จะชำระเป็นค่าผลกาแฟสุกในราคาเต็มเสมือนทางบริษัทฯ รับซื้อ และเกษตรกรทุกรายก็ร่วมเป็นสมาชิกซึ่งรู้จักและเข้าใจรวมถึงมีความร่วมมือต่อเนื่องกันอยู่แล้วโดยทางบริษัทฯ จะออกใบรับซื้อให้ไว้เป็นหลักฐานและยังรับปากว่าหากเกษตรกรรายใดต้องการใช้กาแฟหรือจะมารับกลับไปขายเองก็สามารถกระทำได้โดยต้องยินดีจ่ายต้นทุนจริงในการแปรรูปประมาณ 15 บาทต่อกาแฟกะลา 1 กิโลกรัมให้กับทางบริษัทฯ (ในขณะที่มีผู้ประกอบการบางรายรับจ้างแปรรูป 20-30บาทต่อกิโลกรัม)และในแต่ละปีการฝากผลกาแฟสุกเพื่อแปรรูปจากเกษตรกรไว้ที่บริษัทฯ ก็จะมีปริมาณในระดับหนึ่งซึ่งอาจดูไม่มากหากเทียบกับส่วนที่บริษัทฯ ซื้อเพื่อใช้ในแต่ละปี แต่ก็เป็นวิถีปฏิบัติที่เกิดขึ้นมาหลายปีหมุนเวียนกันไป และการรับฝากแปรรูปเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรก็ไม่ได้มีเฉพาะ บริษัท ดอยช้าง คอฟฟี่ ออรจินอล จำกัด เท่านั้น ยังมีบริษัทอื่นในพื้นที่มีความช่วยเหลือแบบเดียวกันอยู่บ้างเช่นกัน

ทั้งนี้ในสถานการณ์ธุรกิจปกติที่มีการส่งออกเมล็ดกาแฟดิบได้ตามเป้ากระบวนการก็จะราบรื่นไปด้วยดี ระยะเวลาหมุนเวียนก็จะไม่เกิน 1-2 ปี เนื่องจากกาแฟดอยช้างจะมีการบ่มอย่างน้อย 6-8 เดือนก่อนจำหน่ายอยู่แล้ว และเกษตรกรก็มีความพึงพอใจเพราะไม่ต้องถูกกดราคาจากผู้ซื้อรายอื่นๆ

แต่เนื่องจากตั้งแต่ประมาณช่วงปี 2560 เป็นต้นมา การส่งออกกาแฟดิบต่ำกว่าเป้าที่บริษัทฯ คาดการณ์ไว้ เพราะราคากาแฟในตลาดโลกตกต่ำซึ่งท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลได้จากกระทรวงพาณิชย์ ทำให้ทางบริษัทฯ หยุดการรับฝากกาแฟจากเกษตรกรในปีถัดมาคือปี 2561 และพยายามช่วยพลักดันจำหน่ายกาแฟที่รับฝากใว้ก่อนหน้าออกไป จากปริมาณที่ช่วยรับฝากไว้เกือบ 300 ตันกะลาและทยอยขายออกพร้อมชำระค่ากาแฟให้เกษตรกรในส่วนที่จำหน่ายได้ตามราคาที่ตกลงใว้ จนปัจจุบันเหลืออยู่ไม่ถึง 50 ตันกะลาเท่านั้น และจากประมาณการส่งออกที่รอคำสั่งซื้อมาก็น่าจะหมดภายในไม่เกินอีก 2-3 เดือนนับจากนี้

วิธีปฏิบัติเช่นนี้บางท่านอาจพยายามตีความว่าเป็นการเอาเปรียบเกษตรกรทั้งที่เป็นความพยายามหาทางช่วยเหลือเกษตรเพื่อไม่ให้เกษตรกรต้องกลับไปถูกกดราคาและเจ็บปวดเหมือนเมื่อสิบกว่าปีก่อนอีกครั้ง… แต่ก็เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ 2 ปีที่ผ่านมาเราไม่สามารถรับฝากได้ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งให้เกษตรกรที่ยังไม่มีความสามารถแปรรูปได้เองมีความจำเป็นต้องขายผลกาแฟสุกให้กับพ่อค้ากาแฟจากภายนอก ซึ่งในบางช่วงราคาต่ำถึง13-14 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่ทางบริษัทฯ รับซื้อในราคาการันตีเฉลี่ยที่ 20 บาท หากแต่เป็นปริมาณเท่าที่จะสามารถรับซื้อได้เท่านั้น

ในปีนี้ทางเกษตรกรบางส่วนจึงขอให้ทาง บริษัทฯ ช่วยรับฝากทำอีก ซึ่งบริษัทฯ เห็นปัญหาและเห็นใจเกษตรกรแต่ก็มีความจำเป็นต้องรับเฉพาะเกษตรกรที่เข้าใจสถานการณ์กาแฟไทยจริงๆ เท่านั้น ว่ากำลังถูกกระทบจากหลายๆ ปัจจัยในปัจจุบัน

ท่านสามารถสละเวลาขึ้นมาพิสูจน์และมองเห็นภาพความเป็นจริงที่บนดอยช้างได้ตลอดเวลา และจะได้สัมผัสกับพวกเราว่าเรามีวิถีชีวิตเสมือนครอบครัวเดียวกันบนดอยช้าง ที่หาทางช่วยกันรักษาชื่อเสียงกาแฟดอยช้างซึ่งกว่าจะมาถึงวันนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆไม่ว่าจะเป็นการปกป้องการใช้กาแฟจากที่อื่นแล้วอ้างสวมว่าเป็นกาแฟดอยช้าง หรือจะเป็นความช่วยเหลือทางด้านอื่นๆในการพัฒนาผ่านมูลนิธิหรือสมาคมต่างๆ รวมทั้งรักษาวัฒนธรรมของพวกทั้งอาข่า ลีซู หรือพี่น้องชาติพันธุ์อื่นที่นี่

และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้เสพข้อมูลข่าวสารต่างๆ จะสามารถมีโอกาสได้รับข้อมูลรอบด้านขึ้น ก่อนที่ใครก็ตามที่มีความตั้งใจที่จะทำเพื่อส่วนรวม เพื่อชื่อเสียง เกียรติภูมิของชาติพันธุ์ และคนปลูกกาแฟจะเสียกำลังใจไปเสียก่อน…สำหรับทุกคนทุกคนครับ…ไม่ใช่แค่คนดอยช้างและกาแฟดอยช้างเท่านั้น

ขอบคุณครับ
DSC_0526.JPG (211.92 KiB) เข้าดูแล้ว 590 ครั้ง
DSC_0532.JPG
DSC_0532.JPG (241.11 KiB) เข้าดูแล้ว 590 ครั้ง
DSC_0536.JPG
DSC_0536.JPG (351.56 KiB) เข้าดูแล้ว 590 ครั้ง
กาแฟดอยช้างมีชื่อเสียงในระดับโลกทีเดียว มีหลาย ๆ ยี่ห้อที่ผลิตที่ดอยช้าง ต่างก็แข่งขันกันทำมาหากิน ที่ผมไปชมครั้งนี้เป็นกาแฟอีกยี่ห้อหนึ่งที่ผลิตบนเทือกเขาดอยช้าง เขาให้ชื่อว่ากาแฟดูเมียร์ Dumere เป็นกาแฟที่ถูกกับรสนิยมของผม ผมบอกแล้วว่าดอยช้างมีหลายยี่ห้อ ที่ผมนำข้อควาของบริษัทดอยช้างที่เขาผลิตกาแฟและรับชื้อกาแฟ มาอธิบายความเป็นมาของการรับซื้อกาแฟให้ได้ทราบถึงความยากลำบากในการบริหารจัดการ ถ้าเราจะพูดอะไรมากเกินไปจะกลายเป็นว่าไม่รู้จริงแล้วมาพูด สรุปว่ากาแฟดอยช้างมีหลากหลายยี่ห้อ แต่ยี่ห้อที่ผมชื่นชอบกลายมาเป็น Dumere ก็ไม่ว่ากันนะครับความจริงแล้วเชื่อว่าถ้ามาจากดอยช้างจริง ๆ มันน่าจะอร่อยเหมือน ๆ กัน แต่ไม่ใช่ มันจะแตกต่างกันคนละนิดละหน่อย อยู่ที่การใส่ใจในขบวนการผลิตทุก ๆ ขั้นตอนครับ ทำยากมากนะกาแฟนี่
กาแฟดอยช้างมีชื่อเสียงในระดับโลกทีเดียว มีหลาย ๆ ยี่ห้อที่ผลิตที่ดอยช้าง ต่างก็แข่งขันกันทำมาหากิน ที่ผมไปชมครั้งนี้เป็นกาแฟอีกยี่ห้อหนึ่งที่ผลิตบนเทือกเขาดอยช้าง เขาให้ชื่อว่ากาแฟดูเมียร์ Dumere เป็นกาแฟที่ถูกกับรสนิยมของผม ผมบอกแล้วว่าดอยช้างมีหลายยี่ห้อ ที่ผมนำข้อควาของบริษัทดอยช้างที่เขาผลิตกาแฟและรับชื้อกาแฟ มาอธิบายความเป็นมาของการรับซื้อกาแฟให้ได้ทราบถึงความยากลำบากในการบริหารจัดการ ถ้าเราจะพูดอะไรมากเกินไปจะกลายเป็นว่าไม่รู้จริงแล้วมาพูด สรุปว่ากาแฟดอยช้างมีหลากหลายยี่ห้อ แต่ยี่ห้อที่ผมชื่นชอบกลายมาเป็น Dumere ก็ไม่ว่ากันนะครับความจริงแล้วเชื่อว่าถ้ามาจากดอยช้างจริง ๆ มันน่าจะอร่อยเหมือน ๆ กัน แต่ไม่ใช่ มันจะแตกต่างกันคนละนิดละหน่อย อยู่ที่การใส่ใจในขบวนการผลิตทุก ๆ ขั้นตอนครับ ทำยากมากนะกาแฟนี่
DSC_0541.JPG (316.8 KiB) เข้าดูแล้ว 590 ครั้ง
แก้ไขล่าสุดโดย Deang-sarapee เมื่อ 05 มี.ค. 2020, 04:14, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
ลุงเนตร
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 19852
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
Tel: 0898133936
team: อิสระ
Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
ติดต่อ:

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย ลุงเนตร »

"..ขอบคุณมากครับ..สำหรับสิ่งต่างๆที่ให้เป็นความรู้..
"
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4364
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

ลุงเนตร เขียน:"..ขอบคุณมากครับ..สำหรับสิ่งต่างๆที่ให้เป็นความรู้.."
:) :D สายัณห์สวัสดิ์ (สวัสดียามเย็นครับ) ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพและท่านพี่ที่รัก ท่านพี่ของผมทราบว่าออกเดินทางแสวงบุญอีกแล้ว ขอร่วมอนุโมทนาบุญที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ครับ ถ้าไม่มีอุปสรรคใด ๆ ผมจะอัปเดตสถานภาพการเดินทางของท่านพี่ลงในกระทู้ให้ครับ (ตอนนี้ทั้งมือถือและคอม ฯ กำลังถูกคุกคาม) ขอให้ท่านพี่เดินทางโดยสวัสดิ์ภาพและได้ปัจจัยบำรุง รพ.หลักล้านเหมือนเดิมนะครับ โชคดีครับท่านพี่ :) :D

:idea: :idea: มีเพื่อนทางไลน์ได้ส่งเรื่องที่น่าสนใจมาก ๆ และเป็นประสบการณ์ที่สมควรได้รับการเผยแพร่ ประกอบกับทางเวปป์อนุญาตุให้เผยแพร่ได้ พิจารณาแล้วเป็นประโยชน์กับท่านพุทธศาสนิกชนเป็นอันมาก ไม่รอช้าผมขอนำเสนอซะเลย แต่ก่อนจะไปอ่านประสบการณ์ตรงอยากจะให้ได้ฟังข้อคิดของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ประกอบก่อนดังนี้ครับ :

"ปัจจัตตัง ความรู้เฉพาะตน"

" .. " จิตนี้เมื่อเราฝึกหัดอบรมเต็มที่ ด้วยการเอาสติเข้าไปควบคุมให้อยู่ใน "พุทโธ" เป็นอันเดียวแล้ว จะไม่ส่งส่ายไปในที่ต่างๆ แล้วจะรวมเข้ามาเป็นหนึ่ง และคำบริกรรมนั้นก็จะหายไปโดยไม่รู้ตัว จะมีความสงบเยือกเย็นเป็นสุขหาอะไรเสมอเหมือนไม่ได้

ผู้ไม่เคยได้ประสบ เมื่อประสบเข้าแล้วจะบรรยายอย่างไรก็ไม่ถูก เพราะความสงบสุขชนิดนี้ ซึ่งไม่มีคนใดในโลกนี้ได้ประสบมาก่อน ถึงเคยได้ประสบมาแล้วก็มิใช่อย่างเดียวกัน

ฉะนั้น "จึงบรรยายไม่ถูก แต่อธิบายให้ตัวเองฟังได้" ถ้าจะอธิบายให้คนอื่นฟัง ก็จะต้องใช้อุปมาอุปมัยเปรียบเทียบจึงจะเข้าใจได้ ของพรรค์นี้มันเป็น "ปัจจัตตัง" ความรู้เฉพาะตน "

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
:idea: :idea:
ไฟล์แนบ
&quot;กรรมของหลวงพี่แกงไก่&quot;<br /><br /> พระวิสุทธิ์ ชินวโร หรือหลวงพี่แกงไก่ อดีตทันตแพทย์วิสุทธิ์ วิสุทธิชัยกิจ อาจารย์สอนเขียนบทภาพยนต์ และที่ปรึกษาบทภาพยนต์ ปริญญาตรี ทันตแพทยศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม)จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโท Master of Creative Media (Film and Television) RMIT University ประเทศออสเตรเลีย<br /><br />คุณหมอแกงไก่เป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จทางโลกคนหนึ่ง แต่เมื่อได้เป็นศิษย์พระอาจารย์คม อภิวโร ติดตามไปปฏิบัติธรรมจนค่อนข้างสนิทแล้ว พระอาจารย์คมเมตตาบอกกับคุณหมอแกงไก่ว่า<br /><br />“…เจ้าไก่เอ้ย รีบลาออกจากงาน รีบไปลาแฟนแล้วมาบวชซะ ชีวิตจะหักกลาง ไม่ตายโหงก็ต้องนอนเจ็บอยู่บนเตียงใครก็ช่วยไม่ได้ มันเป็นกรรมลูกเอ้ย รีบมาบำเพ็ญเอาบุญใหญ่หนีบาปที่เขากำลังไล่ตามอยู่ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม กรรมท่านไม่ได้ง้อให้ใครเชื่อ มาซะก่อนที่จะไกลสุดมือเอื้อม อะไรที่เราช่วยได้เราก็ช่วย เคยมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ ถ้ามาช้าเกินกำหนดเวลาใครหน้าไหนก็ช่วยไม่ทันโว้ย <br /><br />ไม่ใช่ตาย ๆ ไปแล้วก็จบ มันมีภพชาติหลังความตาย มีอบายภูมิเป็นที่ไป ตราบใดที่เรายังมีชีวิตเรายังมีสิทธิ์ปิดอบายภูมิเข้าถึงธรรมได้ ชีวิตเป็นของมีค่ามากนะ…” <br /><br /> ๑ ปีถัดมา <br />คุณหมอแกงไก่จัดการภาระรอบตัวเรียบร้อยจึงมาขอบวช พระอาจารย์คมไม่อนุญาตให้บวช ท่านขอให้เป็นผ้าขาวฝึกตนไปก่อน โดยให้เหตุผลว่า <br /><br />“ไก่เป็นคนเก่งทางโลกมาก อัตตาสูง ถอดเขี้ยวถอดเล็บเก็บหัวโขน ละอัตตาอยู่เป็นผ้าขี้ริ้ว ฝึกให้จิตเขายอมเป็นผ้าเช็ดเท้าไปก่อน ถึงเวลาจะบอกให้บวชเอง”<br /><br />อีก ๒ ปี ถัดมา <br />คุณหมอแกงไก่จึงได้อุปสมบท<br /><br />ทุกอย่างดูคล้ายจะปกติสุข จนย่างเข้าพรรษาที่ ๓ หลวงพี่แกงไก่ป่วยเป็นโรคประหลาด ได้รับทุกขเวทนาทางกายมาก จนต้องนั่งรถเข็น ตรวจหาสาเหตุอย่างไรก็ไม่พบ ทั้งโยมแม่และโยมน้องชายของหลวงพี่แกงไก่ที่ล้วนเป็นอาจารย์แพทย์หนักใจมาก <br /><br />หลวงพี่แกงไก่เล่าให้หมู่คณะฟังว่า<br /><br />“ผมจำได้ พระอาจารย์คมเคยเตือนผมว่า <br /><br />ให้เร่งภาวนาอย่าประมาท กรรมเป็นของมองไม่เห็น ลึกลับซับซ้อนและมีอำนาจมาก เวลาบาปเก่าติดตามมาส่งผล ผมจะรับแค่เพียงหนึ่งในสี่เพราะผลบุญกุศลที่ทำมาและบารมีครูบาอาจารย์ช่วยไว้ แม้จะลดไปสามส่วนแล้วแต่ถึงกระนั้นก็ต้องนอนเตียงผู้ป่วย นั่งรถเข็นเจ็บปวดทรมานจนอยากจะฆ่าตัวตายวันละหลายรอบ <br /><br />ตอนนั้นผมเเข็งแรงดี ผมไม่เชื่อเลย นึกว่าท่านหลอกหรือพูดเล่น จนวันนี้ผ่านมาหลายปีแล้ว ทุกอย่างปรากฏเป็นจริงตามที่ท่านว่าไว้ไม่ผิดเลยสักอย่างเดียว ขอหมู่เพื่อนอย่าประมาทเรื่องกรรม เรื่องจิตตานุภาพของครูบาอาจารย์ ทำเล่นได้เล่น ทำจริงได้จริง ทำดีได้ดีมาก ทำชั่วได้ชั่วมาก“<br /><br />………………………………………………<br /><br />คณะศิษย์วัดป่าธรรมคีรีได้กราบขออนุญาตหลวงพี่แกงไก่เผยแผ่ประวัติเป็นธรรมทานแล้ว หลวงพี่แกงไก่อนุญาตตามนั้น แม้หลวงพี่แกงไก่จะไม่ค่อยสะดวกในการเขียนเพราะทุกขเวทนามาก แต่ท่านก็ตั้งใจจะพยายามเขียนเรื่องราวของท่านเองให้คณะศิษย์พระอาจารย์คม อภิวโร และท่านผู้ติดตามทางเฟสบุ๊ค วัดป่าธรรมคีรี  ได้รับทราบเป็นธรรมทานเตือนสติต่อไป โปรดรอติดตามกันนะครับ<br /><br />พระอาจารย์คม อภิวโร เมตตาสอนว่า <br /><br />“อย่าคิดว่าชาตินี้ไม่เคยทำบาปแล้วจะสบาย<br />เราไม่รู้ว่าทำอะไรไว้บ้างในชาติก่อน<br /><br />ฟิตสติ ฟิตปัญญา อย่าประมาท<br />ฝึกจิตใจให้พร้อมยอมรับทุกสถานการณ์<br /><br />ขณะที่มีชีวิตอยู่ยังมีโอกาสเข้าถึงธรรม<br />ละชั่ว ทำดี ชำระจิตให้ขาวรอบเสมอ”<br /><br />…………………………………………………<br /><br />กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่านครับ<br /><br />Cr. วัดป่าธรรมคีรี
"กรรมของหลวงพี่แกงไก่"

พระวิสุทธิ์ ชินวโร หรือหลวงพี่แกงไก่ อดีตทันตแพทย์วิสุทธิ์ วิสุทธิชัยกิจ อาจารย์สอนเขียนบทภาพยนต์ และที่ปรึกษาบทภาพยนต์ ปริญญาตรี ทันตแพทยศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม)จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโท Master of Creative Media (Film and Television) RMIT University ประเทศออสเตรเลีย

คุณหมอแกงไก่เป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จทางโลกคนหนึ่ง แต่เมื่อได้เป็นศิษย์พระอาจารย์คม อภิวโร ติดตามไปปฏิบัติธรรมจนค่อนข้างสนิทแล้ว พระอาจารย์คมเมตตาบอกกับคุณหมอแกงไก่ว่า

“…เจ้าไก่เอ้ย รีบลาออกจากงาน รีบไปลาแฟนแล้วมาบวชซะ ชีวิตจะหักกลาง ไม่ตายโหงก็ต้องนอนเจ็บอยู่บนเตียงใครก็ช่วยไม่ได้ มันเป็นกรรมลูกเอ้ย รีบมาบำเพ็ญเอาบุญใหญ่หนีบาปที่เขากำลังไล่ตามอยู่ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม กรรมท่านไม่ได้ง้อให้ใครเชื่อ มาซะก่อนที่จะไกลสุดมือเอื้อม อะไรที่เราช่วยได้เราก็ช่วย เคยมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ ถ้ามาช้าเกินกำหนดเวลาใครหน้าไหนก็ช่วยไม่ทันโว้ย

ไม่ใช่ตาย ๆ ไปแล้วก็จบ มันมีภพชาติหลังความตาย มีอบายภูมิเป็นที่ไป ตราบใดที่เรายังมีชีวิตเรายังมีสิทธิ์ปิดอบายภูมิเข้าถึงธรรมได้ ชีวิตเป็นของมีค่ามากนะ…”

๑ ปีถัดมา
คุณหมอแกงไก่จัดการภาระรอบตัวเรียบร้อยจึงมาขอบวช พระอาจารย์คมไม่อนุญาตให้บวช ท่านขอให้เป็นผ้าขาวฝึกตนไปก่อน โดยให้เหตุผลว่า

“ไก่เป็นคนเก่งทางโลกมาก อัตตาสูง ถอดเขี้ยวถอดเล็บเก็บหัวโขน ละอัตตาอยู่เป็นผ้าขี้ริ้ว ฝึกให้จิตเขายอมเป็นผ้าเช็ดเท้าไปก่อน ถึงเวลาจะบอกให้บวชเอง”

อีก ๒ ปี ถัดมา
คุณหมอแกงไก่จึงได้อุปสมบท

ทุกอย่างดูคล้ายจะปกติสุข จนย่างเข้าพรรษาที่ ๓ หลวงพี่แกงไก่ป่วยเป็นโรคประหลาด ได้รับทุกขเวทนาทางกายมาก จนต้องนั่งรถเข็น ตรวจหาสาเหตุอย่างไรก็ไม่พบ ทั้งโยมแม่และโยมน้องชายของหลวงพี่แกงไก่ที่ล้วนเป็นอาจารย์แพทย์หนักใจมาก

หลวงพี่แกงไก่เล่าให้หมู่คณะฟังว่า

“ผมจำได้ พระอาจารย์คมเคยเตือนผมว่า

ให้เร่งภาวนาอย่าประมาท กรรมเป็นของมองไม่เห็น ลึกลับซับซ้อนและมีอำนาจมาก เวลาบาปเก่าติดตามมาส่งผล ผมจะรับแค่เพียงหนึ่งในสี่เพราะผลบุญกุศลที่ทำมาและบารมีครูบาอาจารย์ช่วยไว้ แม้จะลดไปสามส่วนแล้วแต่ถึงกระนั้นก็ต้องนอนเตียงผู้ป่วย นั่งรถเข็นเจ็บปวดทรมานจนอยากจะฆ่าตัวตายวันละหลายรอบ

ตอนนั้นผมเเข็งแรงดี ผมไม่เชื่อเลย นึกว่าท่านหลอกหรือพูดเล่น จนวันนี้ผ่านมาหลายปีแล้ว ทุกอย่างปรากฏเป็นจริงตามที่ท่านว่าไว้ไม่ผิดเลยสักอย่างเดียว ขอหมู่เพื่อนอย่าประมาทเรื่องกรรม เรื่องจิตตานุภาพของครูบาอาจารย์ ทำเล่นได้เล่น ทำจริงได้จริง ทำดีได้ดีมาก ทำชั่วได้ชั่วมาก“

………………………………………………

คณะศิษย์วัดป่าธรรมคีรีได้กราบขออนุญาตหลวงพี่แกงไก่เผยแผ่ประวัติเป็นธรรมทานแล้ว หลวงพี่แกงไก่อนุญาตตามนั้น แม้หลวงพี่แกงไก่จะไม่ค่อยสะดวกในการเขียนเพราะทุกขเวทนามาก แต่ท่านก็ตั้งใจจะพยายามเขียนเรื่องราวของท่านเองให้คณะศิษย์พระอาจารย์คม อภิวโร และท่านผู้ติดตามทางเฟสบุ๊ค วัดป่าธรรมคีรี ได้รับทราบเป็นธรรมทานเตือนสติต่อไป โปรดรอติดตามกันนะครับ

พระอาจารย์คม อภิวโร เมตตาสอนว่า

“อย่าคิดว่าชาตินี้ไม่เคยทำบาปแล้วจะสบาย
เราไม่รู้ว่าทำอะไรไว้บ้างในชาติก่อน

ฟิตสติ ฟิตปัญญา อย่าประมาท
ฝึกจิตใจให้พร้อมยอมรับทุกสถานการณ์

ขณะที่มีชีวิตอยู่ยังมีโอกาสเข้าถึงธรรม
ละชั่ว ทำดี ชำระจิตให้ขาวรอบเสมอ”

…………………………………………………

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่านครับ

Cr. วัดป่าธรรมคีรี
497756.jpg (93.17 KiB) เข้าดูแล้ว 547 ครั้ง
DSC_0551.JPG
DSC_0551.JPG (293.27 KiB) เข้าดูแล้ว 547 ครั้ง
DSC_0561.JPG
DSC_0561.JPG (216.11 KiB) เข้าดูแล้ว 547 ครั้ง
DSC_0566.JPG
DSC_0566.JPG (195.08 KiB) เข้าดูแล้ว 547 ครั้ง
DSC_0571.JPG
DSC_0571.JPG (292.19 KiB) เข้าดูแล้ว 547 ครั้ง
DSC_0581.JPG
DSC_0581.JPG (221.77 KiB) เข้าดูแล้ว 547 ครั้ง
DSC_0586.JPG
DSC_0586.JPG (208.01 KiB) เข้าดูแล้ว 547 ครั้ง
DSC_0591.JPG
DSC_0591.JPG (192.79 KiB) เข้าดูแล้ว 547 ครั้ง
DSC_0596.JPG
DSC_0596.JPG (193.15 KiB) เข้าดูแล้ว 547 ครั้ง
เราอยู่สนทนากับทางร้านนานพอสมควร เนื่องจากเราเป็นลูกค้าของทางร้านมานานหลายปี จนรู้จักมักคุ้นกัน กาแฟยี้ห้อนี้ส่งไปวห้น้องเขยที่อเมริกาชอบใจมาก ๆ ปัจจุบันไม่ชิมยี่ห้อไหนแล้วละมาเมืองไทยทุกครั้งต้องนำกลับไปครั้งละ ๒ - ๓ กก.ก่อนอำลาจากเราก็อุดหนุนกาแฟเหมือนเดิม ๑ กก.ท่านใดขึ้นไปเที่ยวดอยช้างอย่าลืมแวะไปเที่ยวไปชิมนะครับ
เราอยู่สนทนากับทางร้านนานพอสมควร เนื่องจากเราเป็นลูกค้าของทางร้านมานานหลายปี จนรู้จักมักคุ้นกัน กาแฟยี้ห้อนี้ส่งไปวห้น้องเขยที่อเมริกาชอบใจมาก ๆ ปัจจุบันไม่ชิมยี่ห้อไหนแล้วละมาเมืองไทยทุกครั้งต้องนำกลับไปครั้งละ ๒ - ๓ กก.ก่อนอำลาจากเราก็อุดหนุนกาแฟเหมือนเดิม ๑ กก.ท่านใดขึ้นไปเที่ยวดอยช้างอย่าลืมแวะไปเที่ยวไปชิมนะครับ
S__55910402.jpg (74.25 KiB) เข้าดูแล้ว 547 ครั้ง
DSC_0603.JPG
DSC_0603.JPG (166.41 KiB) เข้าดูแล้ว 547 ครั้ง
DSC_0606.JPG
DSC_0606.JPG (352.28 KiB) เข้าดูแล้ว 547 ครั้ง
DSC_0612.JPG
DSC_0612.JPG (481.47 KiB) เข้าดูแล้ว 547 ครั้ง
DSC_0621.JPG
DSC_0621.JPG (248.29 KiB) เข้าดูแล้ว 547 ครั้ง
DSC_0626.JPG
DSC_0626.JPG (517.89 KiB) เข้าดูแล้ว 547 ครั้ง
DSC_0631.JPG
DSC_0631.JPG (523.26 KiB) เข้าดูแล้ว 547 ครั้ง
DSC_0637.JPG
DSC_0637.JPG (369.4 KiB) เข้าดูแล้ว 547 ครั้ง
DSC_0642.JPG
DSC_0642.JPG (497.32 KiB) เข้าดูแล้ว 547 ครั้ง
DSC_0646.JPG
DSC_0646.JPG (549.91 KiB) เข้าดูแล้ว 547 ครั้ง
DSC_0651.JPG
DSC_0651.JPG (539.37 KiB) เข้าดูแล้ว 547 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
ตอบกลับ

กลับไปยัง “ทัวร์ริ่ง (Touring)”