nuynui เขียน:เวลาปั่นทัวร์ริ่งเป็นกลุ่ม มากกว่า 2 คนขึ้นไป เมื่อความเร็วในการเดินทางแต่ละคนไม่เท่ากัน ควรปฏิบัติ อย่างไร?..
หรือว่า ทั้งกลุ่ม ควรจะใช้ ความเร็วในการเดินทาง เท่ากันจะได้ ไปพร้อมๆ กัน แวะพักและหรือร่วมเดินทางร่วมกัน อย่างไหน เหมาะสมกว่ากันครับ?
ทริปปกติ เสาร์-อาทิตย์ ระยะทาง ไป-กลับ 150-300 กิโลเมตร..
ทริปยาว 4-5 วัน ระยะทาง ไป-กลับ ประมาณ 300-500 กิโลเมตร..
ทริปยาวมากกว่า 5 วัน ยังไม่เคยจัดไปครับ..
แนะให้คูณ nuynui นิดๆ เผื่อว่าตรงจริต แล้วปรับใช้ในกลุ่มนะครับผม
ปกติผมชอบทั้งปั่นเดี่ยวมันอิสระดี และ ชอบปั่นกลุ่มกับเพื่อนเพราะมันสนุก ไม่เหงา ฮาเป็นกลุ่ม ซึ่งมันต่างมีดีคนละแบบ
ตอบคำถามข้างบน ความเร็วต่ำสุดที่นักปั่นทัวริ่งเมืองไทยปั่น ทางราบนะ แค่เราวางเท้าลงบันได
สามารถความเร็วก็ได้ 15 กม/ชม ทุกคน ผมพนันได้เลย
หากปั่นต่อเนือง 10 ชม. ต่อวัน ก็ได้ระยะ 150 กม. เดินทางไปได้ทุกแห่ง หากปั่นเร็วกว่านีก็แค่ไปถึงที่พักก่อน เท่านั้น
หากมองแบบนี้ จะเห็นเลยว่า ความเร็ว ช้า เร็ว ก็ไม่ใช่ปัญหา การเดินทางกลุ่ม
แต่โดยธรรมชาติ คนปั่นทัวริ่งทุกคนต้องมีคุณสมบัติเหมือนกันคือ ความอึด ปั่นได้ยาวนานหลายชั่วโมงต่อวัน
ปั่นได้ไกลๆ ทะลุ 100 โลทางราบ ทุกคนอยู่แล้ว
แต่ รอบขาแต่ละคนต่างกัน
เป็นไปไม่ได้เลย ที่ปั่นยาวๆ แล้ว ความเร็วจะเท่ากันทุกคน นอกจากโดนหัวหน้าทริปสั่ง
หรือบังคับห้ามแตกแถว ซึ่งทั้งกลุ่ม จะหมดสนุกทันที่ที่เป็นเช่นนั้น กลุ่มผมบางคนสนุกกับการปั่นเร็ว
บางคนก็ปั่นช้ามาก แต่ก็ไปกันสนุกทุกคน ถึงที่หมายทุกคน หากปั่นด้วยกันนาน ๆ จะรู้ใจกันเอง
จะเป็นทีมเองโดยอัตโนมัติ จะรับกันได้หมด ไม่ว่าใครปั่นเร็ว หรือปั่นช้า นะครับ
ยกต้วอย่างหากกลุ่มไม่เล็ก ไม่ใหญ่ เช่นกลุ่มผมมี 8 คน ปั่นเร็ว 4 คน ปั่นค่อนข้างชิวๆ ช้าๆ 4 คน
ตอนออกตัวทุกคนจะแรงดี ปั่นเป็นกลุ่มเดียว แต่พอเริ่มล้า เริ่มเจอลม เจอฝน เจอแดด เจอเนิน ก็แยกกลุ่มอัตโนมัติ
แต่เราสามารถมองหาประโยชน์ร่วมกันจากคนปั่นความเร็วสูงกว่า และปั่นความเร็วช้ากว่า ดังนี้
1. ม้าเร็ว
ใครชอบความสูง สนุกกับการปั่นซิ่ง ให้อยู่ข้างหน้า หัวหน้ากลุ่มก็จะ มอบหน้าที่ให้เป็นกลุ่มม้าเร็ว
ให้คอยถ่ายภาพสวยหัวขบวน และมอบงานหาร้านอาหารในตอนเที่ยงให้กลุ่ม เพื่อนๆก็โทร บอกม้าเร็วสั่งอาหารรอเพื่อน
ประโยชน์คือ ไม่ต้องเสียเวลามาถึงร้านกินได้เลย หรือ ตอนเย็นกลุ่มม้าเร็วถึงก่อนก็มองหาที่พัก รีสอร์ท
หรือติดต่อที่กางเต็นท์ ไว้ให้เพื่อน บางทีไปต่างถิ่น ขอนอนโรงเรียนบ้าง หมู่บ้าน บ้าง กลุ่มนี้เป็นผู้ประสานงานที่พัก
ติดต่อครูเวร หรือ แจ้งผู้ใหญ่บ้าน พร้อมมองหาร้านที่กินมื้อเย็นไว้ให้เพื่อนกลุ่มหลังด้วย เป็นต้น
กลุ่มซิ่งนี้ จะต้องมีพวกสาริกาลิ้นทอง ปากดี เจรจาดี งานที่ต้องใช้ความเร็วต้น ให้กลุ่มนี้ดำเนินการ ฯลฯ
จะเห็นได้ว่า การปั่นเร็วกว่า จึงมิใช่การทิ้งเพื่อนที่ช้ากว่า เพราะเหตุจากประโยชน์ทัพหน้าม้าเร็ว ที่ได้กล่าวข้างต้น
2. เทคแคร์
ใครชอบปั่นความเร็วต่ำ หรือ ปั่นได้ช้าธรรมชาติ ก็อยู่กลุ่มหลัง หรือ กลุ่มหน้า ที่แรงปลายแผ่ว
หรือรถพังต้องเสียเวลาซ่อม ก็จะหล่นมาอยู่กลุ่มนี้ด้วย กลุ่มนี้จำเป็นจะต้องมีเซียนอยู่หลายคน
ที่คอยช่วยๆกัน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าอยู่ในกลุ่ม ต้องมีช่างภาพเอาไว้ถ่ายภาพสวยๆของทริปจากด้านท้ายขบวน ส่วนหนึ่ง
แต่ที่สำคัญต้องมีจอมพลังไว้คอยเก็บตกคอยดันท้ายให้เพื่อนคนแรงน้อยคอยผลัดกันดันท้ายคันที่หมดก๊อก
, ต้องมีหมอเฉพาะกิจคอยให้ยาเพื่อนคอยพยาบาลคนพลาดท่าเป็นตะคริวหรือ บาดเจ็บรถล้ม ท้องเสีย ขี้แตก
,ต้องมีมือช่างคอยช่วยพวกยางแตกยางรั่ว ,ต้องมีพวกตาไว จมูกไว คอยหาอาหารสำรองหากลุ่มหน้าโทรมาบอก
ว่าร้านข้างหน้าไม่มีของขายนะ กลุ่มนี้ จะไนท์ทริปบ่อย ต้องมีไฟส่องสว่างชั้นเลิศ อีกทั้งต้องมีเชฟ ทำอาหารเมนูด่วน
คอยเสิร์ฟทีม ยามหมดแรงเข้าตาจน ฯลฯ
จะเห็นได้ว่า การปั่นช้ากว่า จึงมิใช่การสร้างภาระให้เพื่อนที่เร็วกว่า เพราะเหตุจากประโยชน์ที่ได้กล่าวมาข้างต้น ด้วยเช่นกัน
การปั่นทัวริ่งท่องเที่ยวเป็นกลุ่ม จำต้องมี สองกลุ่ม ที่มีคุณสมบัติตามสองข้อข้างต้น
แต่หาก ท่านปั่นเดี่ยว คุณสมบัติที่ดีของทั้งสองกลุ่มข้างต้น จะต้องรวมอยู่ในตัวท่านคนเดียว
การปั่นเที่ยว จึงจะราบรื่น อีกอย่างการปั่นกลุ่มสิ่งสำคัญระหว่างปั่น หากจัดการทริปได้ดีทุกคนควรจะต้องได้รับสนุก
ในแบบที่ไม่มีใครมาบังคับให้ต้องตนไม่ฝืนจริตตน และ เราเองก็ต้องไม่กดดันคนอื่นทางอ้อมหรือไม่บังคับคนอื่นด้วยเช่นกัน
หากปั่นเร็ว ก้สร้างประดยชน์ให้ทีม กากข้อดีของการปั่นเร็ว หากปั่นช้าต้องรู้ตัวว่าไม่ช้าจนเป็นภาระต่อเนื่อง
หากเราช้าต้องช้าแบบเก่า ต้องช้าแบบมีดี และ ช่วยเพื่อนได้ ในทางใดทางหนึ่ง
หากคบกันเป็นเพื่อนร่วมทาง ต้องมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เป็นทีม เป็นยูนิตี้ และ ต้องให้เกียรติทุกคนเท่าๆกัน
ให้อภัยกันยามพลาดพลั้งโดยเฉพาะวาจาอารมณ์ในยามเหนื่อย และ ดูแลกันปันน้ำใจ ยิ้มไว้ พูดกันดีดี
ไม่ว่าจะมือใหม่ มือเก่า ปั่นไม่นานก็กระดูกทันกันหมดครับ
การปรับตัวเข้าหากันที่สำคัญที่สุดการปั่นทริปกลุ่ม ไม่ใช่เรื่องปํญหาความเร็วนักปั่นไม่เท่ากัน
แต่สำคัญที่สุดจริงๆ คือต้องให้เกียรติหัวหน้าทริป หรือ คนจัดทริป ในการตัดสินใจเส้นทางหรือแก้ปัญหา
หากเป็นลูกทริป เมื่อตัดสินใจมาร่วมแสดงว่าก่อนมาเราเชื่อใจ ศรัทธา หัวหน้าทีม และเป็นผู้ตามที่ดีที่น่ารัก
เว้นแต่เขาจะขอประชุมความเห็น หากเรามีเส้นทางปั่นดีๆ เป็นผู้ชวนเป็นผู้กำหนดทางนั่นคือเป็นหัวหน้าทริป
เพื่อนก็ต้องให้เกียรติเรา หากวันที่เราไปขอเป้นลูกทริปเกาะเขาไป เราต้องให้เกียรติเพื่อน ไม่ว่าหัวหน้าทริป
จะอายุน้อยกว่าเราแค่ไหน ห่างอายุ 20-30 ปี ก็ตามหากเราไปทริปเขา เราคือลูกทริป
หากระหว่างทางมีหัวหน้าทริปงอกขึ้นมาหลายคน ทริปนั้นแตกแน่นอน
