????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
กฏการใช้บอร์ด
บอร์ดสำหรับ นักปั่นทัวร์ริ่ง นักปั่นระยะทางไกล พูดคุยเรื่องอุปกรณ์ เทคนิตการปั่น ที่พัก หรือการกินอยู่
บอร์ดสำหรับ นักปั่นทัวร์ริ่ง นักปั่นระยะทางไกล พูดคุยเรื่องอุปกรณ์ เทคนิตการปั่น ที่พัก หรือการกินอยู่
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพทุกท่าน วันนี้เป็นวันพระนะครับ ก็คงเหลืออีกเพียงศีลเดียวเท่านั้น ศีลต่อไปก็เป็นการออกพรรษาแล้ว ตลอดพรรษาในปีนี้ผมปวารณาตัวด้วยการสมาทานอุโบสถศีล ตลอดพรรษาและพยายามจะงดเสพข่าวสารการบ้านการเมืองต่าง ๆ เพื่อให้จิตใจเป็นปกติและเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้น แต่บอกตรง ๆ บางครั้งก็อดไม่ได้เช่นข่าวเมื่อ ๔ ต.ค.๖๒ ท่านผู้พิพากษายิงตัวตายคาบัลลังก์ศาล เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก ๆ บ้านเมืองเราถึงจุดนี้ยังจะเหลืออะไรให้ประชาชนได้พึ่งพิง คงจบกัน ข่าวต่าง ๆ ที่ผมพบเห็นและติดตาม ในเช้านี้ผมตื่นมาเพื่อหาข้อมูลนั้น ปรากฏว่าถูกลบหมดไม่เหลือ "แปลก"
คนจะตายเมื่อบันทึกสั่งการหรือระบายความในใจ นั่นคือเรื่องจริงเช่นตัวผมเองที่เล่าให้ฟัง เคยคิดจะจบชีวิตตัวเองแต่ผมเปลี่ยนความคิดใหม่ กลับไปมุ่งทำลายทำร้ายไอ้คนที่มันจะทำร้ายเราก่อนดีกว่าแล้วค่อย "จบชีวิตตัวเอง" ให้มันตายตกไปตาม ๆ กัน ในขณะเตรียมการและรอเวลาผมได้บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ หากเกิดเหตุการณ์จริง เรื่องเหล่านี้จะปรากฏสู่สายตาประชาชนและมีคุณนายที่ผมได้เล่ารายละเอียดให้ฟังเป็นพยาน แต่ผมโชคดีวาสนาบารมีจากการมุ่งหน้าบำเพ็ญบุญ ด้วยการเจริญสมาธิภาวนา สร้างกุศลผลบุญช่วงรอเวลา เวลามันเยียวยาตัวมันเอง ทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดี ผมเลยไม่ได้ "ดัง" อย่างที่คิด สรุปบันทึกที่ท่านผู้พิพากษาให้ไว้แต่ครั้งแรก สำหรับผมมีน้ำหนักพอครับผมเชื่อ "คนตายไม่โกหก" ติดตามกันต่อไปครับ
คนจะตายเมื่อบันทึกสั่งการหรือระบายความในใจ นั่นคือเรื่องจริงเช่นตัวผมเองที่เล่าให้ฟัง เคยคิดจะจบชีวิตตัวเองแต่ผมเปลี่ยนความคิดใหม่ กลับไปมุ่งทำลายทำร้ายไอ้คนที่มันจะทำร้ายเราก่อนดีกว่าแล้วค่อย "จบชีวิตตัวเอง" ให้มันตายตกไปตาม ๆ กัน ในขณะเตรียมการและรอเวลาผมได้บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ หากเกิดเหตุการณ์จริง เรื่องเหล่านี้จะปรากฏสู่สายตาประชาชนและมีคุณนายที่ผมได้เล่ารายละเอียดให้ฟังเป็นพยาน แต่ผมโชคดีวาสนาบารมีจากการมุ่งหน้าบำเพ็ญบุญ ด้วยการเจริญสมาธิภาวนา สร้างกุศลผลบุญช่วงรอเวลา เวลามันเยียวยาตัวมันเอง ทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดี ผมเลยไม่ได้ "ดัง" อย่างที่คิด สรุปบันทึกที่ท่านผู้พิพากษาให้ไว้แต่ครั้งแรก สำหรับผมมีน้ำหนักพอครับผมเชื่อ "คนตายไม่โกหก" ติดตามกันต่อไปครับ
- ไฟล์แนบ
-
- S__34996226.jpg (181.86 KiB) เข้าดูแล้ว 908 ครั้ง
-
- 96847.jpg (55.59 KiB) เข้าดูแล้ว 908 ครั้ง
-
- เมื่อสมัยผมเป็น ร.ต.ต.ผมมีโอกาสได้ไปอารักขาหลวงปู่ที่วัดดอยแม่ปั๋ง หลวงปู่จะเมตตาอบรมสั่งสอนผมเสมอ ๆ แต่ช่วงนั้นเป็นช่วงของการสนุกสนานบ้ายศ บ้าอำนาจ บ้าตำแหน่ง ติดอบายมุขทั้งหลายไม่ว่า สุรา นารี พาชี กีฬาบัตร ยาเสพติด คำสอนของหลวงปู่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา มีครั้งหนึ่งผมถูกหลวงปู่ตำหนิอย่างแรง เรื่องการดื่มสุรา ทำเอาผมต้องเลิกดื่มเกือบ ๕ ปี แต่หมามันนิยม "ขี้" ฉันใดตัวผมก็ฉันนั้นหันกลับมาดื่มอีก คราวนี้หนักกว่าเดิม เกือบบ้าแต่ความที่เรามีบุญเก่าและทุกครั้งที่เข้าพรรษา ผมจะพิจารณาตัวเองปวาราณาตัวเข้าพรรษาทุก ๆ ปี เป็นแบบนี้นับตั้งแต่ปี ๒๕๑๒ เป็นต้นมา
จวบปี ๒๕๓๒ จึงประกาศตนเองหันหลังให้สิ่งชั่วร้ายทั้งปวง อโหสิกรรมให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหมดทั้งสิ้น หันหน้าเข้าวัดปฏิบัติธรรมอย่างอุกฤต ช่วงกลางปี ผมก็ประสบปัญหาอย่างรุนแรง ถึงขั้นจะฆ่าตัวตายแต่เปลี่ยนความคิดดังที่เล่า ผมได้ไปกราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ท่านเมตตาและบอกผมว่า "นี่คือโจทย์ของธรรมะที่มาให้เราแก้ ถ้าผ่านได้จะเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้น" และช่วงที่รอเวลาเหตุการณ์พลิกผันจากร้ายก็กลายเป็นดี จึงมีผมมานั่งเล่าความหลังให้พี่ ๆ น้อง ๆ คนรุ่นหลังได้ฟังเพื่อเป็น Case study เป็นวิทยาทาน เอากุศลผลบุญ ขออำนาจบุญกุศลที่ได้บำเพ็ญมาได้โปรดให้ผู้ได้เห็นข้อความนี้ จงเป็นผู้มีดวงตาเห็นธรรมหันหน้ามาประพฤติปฏิบัติธรรม เพื่อความหลุดพ้นเข้าสู่ แดนอริยะทุกท่านทุกคนครับ "มีปัญหา ธรรมะแก้ได้" อย่าวู่วามกันนะครับ สำหรับผู้ปฏิบัติธรรมขอบอกนะครับว่า "เมื่อท่านเจริญในธรรมยิ่งขี้น โจทย์จะมีมาให้แก้ไปเรื่อย ๆ และโจทย์จะยากขึ้น ๆ ตามกรรมของแต่ละคน ๆ ที่ทำไว้ " ฉะนั้นอย่าท้อนะครับก้มหน้าก้มตาปฏิบัติต่อไป ๆ แล้วท่านจะเลื่อนชั้นไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดสุดยอดคือ "นิพพาน" ที่ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิด ให้ทุกข์ซ้ำซากอีก นี่.. หลวงปู่ สอน ... นะครับ....ไม่ใช่ผมบอกนะ. - 53791.jpg (35.9 KiB) เข้าดูแล้ว 908 ครั้ง
- เมื่อสมัยผมเป็น ร.ต.ต.ผมมีโอกาสได้ไปอารักขาหลวงปู่ที่วัดดอยแม่ปั๋ง หลวงปู่จะเมตตาอบรมสั่งสอนผมเสมอ ๆ แต่ช่วงนั้นเป็นช่วงของการสนุกสนานบ้ายศ บ้าอำนาจ บ้าตำแหน่ง ติดอบายมุขทั้งหลายไม่ว่า สุรา นารี พาชี กีฬาบัตร ยาเสพติด คำสอนของหลวงปู่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา มีครั้งหนึ่งผมถูกหลวงปู่ตำหนิอย่างแรง เรื่องการดื่มสุรา ทำเอาผมต้องเลิกดื่มเกือบ ๕ ปี แต่หมามันนิยม "ขี้" ฉันใดตัวผมก็ฉันนั้นหันกลับมาดื่มอีก คราวนี้หนักกว่าเดิม เกือบบ้าแต่ความที่เรามีบุญเก่าและทุกครั้งที่เข้าพรรษา ผมจะพิจารณาตัวเองปวาราณาตัวเข้าพรรษาทุก ๆ ปี เป็นแบบนี้นับตั้งแต่ปี ๒๕๑๒ เป็นต้นมา
-
- เราไปเที่ยวลำพูนกันต่อนะครับ เช้านี้จะพาไปยัง กู่ช้าง - กู่ม้า ครับ หลังจากที่เราไปหาซื้ออาหารที่ร้านเจ แล้วกินขนมจีนน้ำยาซะคนละจาน และซื้ออาหารสำเร็จกลับบ้านอีกสองสามอย่าง ก็ออกเดินทางไป กู่ช้าง - กู่ม้า ซึ่งเป็นทางผ่านที่จะกลับบ้านพอดีครับ ก็ถิอโอกาสแวะซะเลย สำหรับสถานที่นี้ ใครไปลำพูน บอกนะครับต้องไปให้ได้ คนที่เชื่อไสยศาสตร์ ทีนี่มีของดีให้เล่นให้ชมให้ลองครับ อย่าลืมนะไปกันครับ
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (140).JPG (284.58 KiB) เข้าดูแล้ว 908 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (141).JPG (285.09 KiB) เข้าดูแล้ว 908 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (142).JPG (348.48 KiB) เข้าดูแล้ว 908 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (143).JPG (353.4 KiB) เข้าดูแล้ว 908 ครั้ง
-
- โบราณสถานกู่ช้าง กู่ม้า ตามประวัติความเป็นมาของกู่ช้าง กล่าวกันว่า สถานที่แห่งนี้เป็นที่บรรจุซากของพระยาช้าง “ผู้กล่ำงาเขียว” ซึ่งเป็นช้างทรง คู่พระบารมีของพระเจ้ามหันตยศและพระเจ้าอนันตยศ พระราชโอรสแฝด ของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์องค์แรกของนครหริภุญไชย ตามประวัติกล่าวว่า เป็นช้างที่มีฤทธิเดชมาก กล่าวกันว่า เมื่อช้างเชือกนี้หันไปทางศัตรู จะทำให้ศัตรูอ่อนกำลังลงทันที เมื่อช้างเชือกนี้ลมลงจึงมีการสร้างสถูปขึ้นเพื่อบรรจุซากของช้าง โดยให้ซากของช้างหันหน้าขึ้นไปบนอากาศ ส่วนงาทั้งคู่ของช้างเชือกนี้ ถูกนำไปบรรจุไว้ในสถูปที่เป็นที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิของพระนางจามเทวีที่วัดจามเทวี คือ เจดีย์สุวรรณจังโกฎ
แต่ตามตำนานเล่าขานกันมาแต่โบราณกล่าวว่า เมื่อช้าง”ผู้กล่ำงาเขียว” ได้ล้มลง ครั้นจะนำซากช้างไปฝัง ถ้าหันหัวช้างและงาช้างไปทางทิศใดก็จะบังเกิดแต่ความแห้งแล้งและความหายนะ
นั่นเป็นเพราะความมีฤทธิ์เดชของช้าง “ผู้กล่ำงาเขียว” จึงได้ฝังซากช้างโดยหันหัวช้างและงาช้างชี้ขึ้นทางด้านบน ดังนั้นตามตำนานเล่าขานนี้ จึงบ่งบอกว่างาช้างทั้งคู่ไม่ได้อยู่ที่ สุวรรณจังโกฏ แต่ยังติดอยู่ที่ซากของช้าง ใน กู่ช้าง นั่นเอง…
กู่ช้างเป็นปูชนียสถานที่ประชาชนชาวลำพูนให้ความเคารพสักการะและเชื่อถือในความศักดิ์สิทธิ์เป็นอันมากถึงกับมีการสร้างศาลเจ้าพ่อกู่ช้างขึ้นใกล้กับองค์สถูป ต่อมาทางกรมศิลปกรได้มาบูรณะให้มีสภาพที่สมบูรณ์และได้ย้ายศาลเจ้าพ่อกู่ช้างออกไปห่างจากสถูปพอสมควร
นอกจากนี้ บริเวณใกล้เคียงยังมีสภูปอีกหนึ่งองค์ ชื่อว่า กู่ม้า เป็นสถูป ที่บริเวณองค์ของสถูปนั้นมีลักษณะเป็นทรงกระบอก ปลายมน เหนือองค์สถูปมีแท่นคล้ายบัลลังก์ของเจดีย์ทั่ว ๆ ไป (เครดิตจาก เทศบาลเมืองลำพูน) - ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (144).JPG (311.82 KiB) เข้าดูแล้ว 908 ครั้ง
- โบราณสถานกู่ช้าง กู่ม้า ตามประวัติความเป็นมาของกู่ช้าง กล่าวกันว่า สถานที่แห่งนี้เป็นที่บรรจุซากของพระยาช้าง “ผู้กล่ำงาเขียว” ซึ่งเป็นช้างทรง คู่พระบารมีของพระเจ้ามหันตยศและพระเจ้าอนันตยศ พระราชโอรสแฝด ของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์องค์แรกของนครหริภุญไชย ตามประวัติกล่าวว่า เป็นช้างที่มีฤทธิเดชมาก กล่าวกันว่า เมื่อช้างเชือกนี้หันไปทางศัตรู จะทำให้ศัตรูอ่อนกำลังลงทันที เมื่อช้างเชือกนี้ลมลงจึงมีการสร้างสถูปขึ้นเพื่อบรรจุซากของช้าง โดยให้ซากของช้างหันหน้าขึ้นไปบนอากาศ ส่วนงาทั้งคู่ของช้างเชือกนี้ ถูกนำไปบรรจุไว้ในสถูปที่เป็นที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิของพระนางจามเทวีที่วัดจามเทวี คือ เจดีย์สุวรรณจังโกฎ
-
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (145).JPG (252.68 KiB) เข้าดูแล้ว 908 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (146).JPG (337.81 KiB) เข้าดูแล้ว 908 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (147).JPG (352.22 KiB) เข้าดูแล้ว 908 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (148).JPG (323.37 KiB) เข้าดูแล้ว 908 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (149).JPG (210.47 KiB) เข้าดูแล้ว 908 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (150).JPG (315.92 KiB) เข้าดูแล้ว 908 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (151).JPG (263.29 KiB) เข้าดูแล้ว 908 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (152).JPG (271.22 KiB) เข้าดูแล้ว 908 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
ขอนับถือและชื่นชม คนที่เขียนข้อความข้างล่างนี้และขอขอบคุณคนที่ส่งต่อมาให้...
"หาตัวเอง...ให้พบ
คบตัวเอง...ให้ได้
ใช้ตัวเอง...ให้คุ้ม
คุมตัวเอง...ให้อยู่
รู้ตัวเอง...ให้จริง"
ชีวิตก็เหมือนดั่งเทียนถูกจุดขึ้นมาเพื่อรอวันดับ ชีวิตเราเกิดมาคนเดียวก็ไปคนเดียว อย่าคาดหวังอะไรจากใคร สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ตัวเราเอง อยู่ที่การดำเนินชีวิต เราไม่ต้องแก้ดวงแก้กรรมหรอกให้แก้เพียง"พฤติกรรม" ของเราก็พอ...
"เพชรดี...ให้ดูที่เหลี่ยม
ผ้าดี...ให้ดูที่ลาย
ดอกไม้ดี...ให้ดูที่สี
คนดี...ให้ดูที่การกระทำ"
พรุ่งนี้กับชาติหน้าไม่รู้ว่าอะไรจะมาก่อนกัน หมั่นเร่งสะสมบุญกุศลกันเถอะเพราะอย่างน้อยเวลาตายบุญจะได้ส่งให้ไปที่ดีดี...
"มนุษย์เราไม่ได้เกิดมาเพื่อหาความหมายของชีวิตแต่เราเกิดมา
เพื่อใช้ชีวิตให้มีความหมาย"
"บุญ"/"บาป"ใครก็จับใส่มือเราไม่ได้ มีแต่เราเท่านั้นที่เป็นผู้กระทำขึ้นมาเอง
สิ่งที่คนอื่นทำกับคุณ..คือ"กรรมของเขา"แต่สิ่งที่คุณเลือกตอบโต้เขา... คือ"กรรมของคุณ"
"อดทนให้ได้ดั่งก้อนหิน ติดดินให้ได้ดั่งต้นหญ้า เข้มแข็งให้ได้ดั่งเหล็กกล้า อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอดั่งธารา จะกี่คำพูดกี่คำนินทาก็แค่ลมปากที่ลอยผ่านมาแล้วลอยผ่านไป"
อรุณสวัสดิ์ครับท่านที่เคารพทุกท่าน ประทับใจข้อความข้างบนที่เพื่อน ๆ ส่งมาให้ทางไลน์ เห็นว่าเป็นข้อคิดคติเตือนใจที่สามารถนำไปใช้เพื่อทำให้ชีวิตดีขึ้น แต่อย่างว่านะครับ...คำพูดหรือสุภาษิตใด ๆ จะมีประโยชน์มากแค่ไหนอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลนั้น ๆ ที่จะมีบุญวาสนาบารมีพอที่จะนำคำเหล่านั้นไปปรับใช้ในชีวิตจริงแค่ไหนอย่างไร สำหรับทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกระทู้นี้ อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นผู้มีโชควาสนา ผมค่อนข้างเชื่อมั่นว่า "ท่านจะเก็บสิ่งเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ได้" และทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีลิขสิทธิ์ขอได้เผยแพร่ต่อ ๆ ไปให้เป็นบุญกุศล ขอทุกท่านจงเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปทุกท่านทุกคนเทอญ.
"หาตัวเอง...ให้พบ
คบตัวเอง...ให้ได้
ใช้ตัวเอง...ให้คุ้ม
คุมตัวเอง...ให้อยู่
รู้ตัวเอง...ให้จริง"
ชีวิตก็เหมือนดั่งเทียนถูกจุดขึ้นมาเพื่อรอวันดับ ชีวิตเราเกิดมาคนเดียวก็ไปคนเดียว อย่าคาดหวังอะไรจากใคร สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ตัวเราเอง อยู่ที่การดำเนินชีวิต เราไม่ต้องแก้ดวงแก้กรรมหรอกให้แก้เพียง"พฤติกรรม" ของเราก็พอ...
"เพชรดี...ให้ดูที่เหลี่ยม
ผ้าดี...ให้ดูที่ลาย
ดอกไม้ดี...ให้ดูที่สี
คนดี...ให้ดูที่การกระทำ"
พรุ่งนี้กับชาติหน้าไม่รู้ว่าอะไรจะมาก่อนกัน หมั่นเร่งสะสมบุญกุศลกันเถอะเพราะอย่างน้อยเวลาตายบุญจะได้ส่งให้ไปที่ดีดี...
"มนุษย์เราไม่ได้เกิดมาเพื่อหาความหมายของชีวิตแต่เราเกิดมา
เพื่อใช้ชีวิตให้มีความหมาย"
"บุญ"/"บาป"ใครก็จับใส่มือเราไม่ได้ มีแต่เราเท่านั้นที่เป็นผู้กระทำขึ้นมาเอง
สิ่งที่คนอื่นทำกับคุณ..คือ"กรรมของเขา"แต่สิ่งที่คุณเลือกตอบโต้เขา... คือ"กรรมของคุณ"
"อดทนให้ได้ดั่งก้อนหิน ติดดินให้ได้ดั่งต้นหญ้า เข้มแข็งให้ได้ดั่งเหล็กกล้า อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอดั่งธารา จะกี่คำพูดกี่คำนินทาก็แค่ลมปากที่ลอยผ่านมาแล้วลอยผ่านไป"
อรุณสวัสดิ์ครับท่านที่เคารพทุกท่าน ประทับใจข้อความข้างบนที่เพื่อน ๆ ส่งมาให้ทางไลน์ เห็นว่าเป็นข้อคิดคติเตือนใจที่สามารถนำไปใช้เพื่อทำให้ชีวิตดีขึ้น แต่อย่างว่านะครับ...คำพูดหรือสุภาษิตใด ๆ จะมีประโยชน์มากแค่ไหนอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลนั้น ๆ ที่จะมีบุญวาสนาบารมีพอที่จะนำคำเหล่านั้นไปปรับใช้ในชีวิตจริงแค่ไหนอย่างไร สำหรับทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกระทู้นี้ อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นผู้มีโชควาสนา ผมค่อนข้างเชื่อมั่นว่า "ท่านจะเก็บสิ่งเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ได้" และทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีลิขสิทธิ์ขอได้เผยแพร่ต่อ ๆ ไปให้เป็นบุญกุศล ขอทุกท่านจงเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปทุกท่านทุกคนเทอญ.
- ไฟล์แนบ
-
- 3307524.jpg (29.74 KiB) เข้าดูแล้ว 1058 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (155).JPG (243.97 KiB) เข้าดูแล้ว 1058 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (156).JPG (272.08 KiB) เข้าดูแล้ว 1058 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (157).JPG (242.75 KiB) เข้าดูแล้ว 1058 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (158).JPG (334.15 KiB) เข้าดูแล้ว 1058 ครั้ง
-
- เราสองคนเดินชมรอบเจดีย์กู่ช้าง - กู่ม้า จนอิ่มใจ ก็ชวนกันเดินทางกลับบ้าน ไม่ต้องย้อนกลับมุ่งหน้าขึ้นทิศเหนือออกทางด้านหน้าของกู่ช้างจะเป็นถนนรอง ผ่านไปทางสถานีรถไฟลำพูน เลี้ยวซ้ายแวะไปร้านจักรยานเมืองลำพูน ท่านใดที่ปั่นเข้าเมืองลำพูนมีปัญหาจักรยานและอะไหล่ต่าง ๆ เชิญที่ร้านนี้ได้ เจ้าของร้านเฮียแกจบ ป.โท ด้านวิศวการทางช่าง แกเก่งทาง Modify และแก้ไขปัญหาได้ดีมาก ๆ จำไว้ครับร้านนี้อยู่ตรงหน้าสถานีรถไฟเมืองลำพูนครับ
แวะสนทนาเยี่ยมเยียนสักพักก็ขอตัวกลับบ้าน ขากลับเราออกเส้นทางหลัก สายขี้เหล็ก - ต้นยาง ประมาณ ๑๖ กม.ก็ถึงบ้านครับ - ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (159).JPG (268.88 KiB) เข้าดูแล้ว 1058 ครั้ง
- เราสองคนเดินชมรอบเจดีย์กู่ช้าง - กู่ม้า จนอิ่มใจ ก็ชวนกันเดินทางกลับบ้าน ไม่ต้องย้อนกลับมุ่งหน้าขึ้นทิศเหนือออกทางด้านหน้าของกู่ช้างจะเป็นถนนรอง ผ่านไปทางสถานีรถไฟลำพูน เลี้ยวซ้ายแวะไปร้านจักรยานเมืองลำพูน ท่านใดที่ปั่นเข้าเมืองลำพูนมีปัญหาจักรยานและอะไหล่ต่าง ๆ เชิญที่ร้านนี้ได้ เจ้าของร้านเฮียแกจบ ป.โท ด้านวิศวการทางช่าง แกเก่งทาง Modify และแก้ไขปัญหาได้ดีมาก ๆ จำไว้ครับร้านนี้อยู่ตรงหน้าสถานีรถไฟเมืองลำพูนครับ
-
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (160).JPG (263.06 KiB) เข้าดูแล้ว 1058 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (161).JPG (218.15 KiB) เข้าดูแล้ว 1058 ครั้ง
-
- ดอกขี้เหล็กออกดอกให้ได้สอยมาต้มกิน มีชาวบ้านออกมาเก็บไปขายหลาย ๆ ราย ไม้ดอก - ไม้แดก เห็นผลเป็นรูปธรรม คิดถึงคำคนเก่าแก่ที่เล่าให้ฟังเข้าใจเปรียบเทียบ แต่เสียดายที่ปัจจุบัน ทั้งไม่ดอก ไม้แดก คนรุ่นใหม่จะไม่ค่อย Happy ที่จะอนุลักษณ์ไว้ซะแล้ว ต้นยางหลาย ๆ ต้นถูกแอบทำร้ายทำลาย ต้นขี้เหล็กหลาย ๆ ต้นก็ถูกแอบทำร้ายทำลาย เหมือนกัน โชคดีที่ พ่อหลวง ร.๙ ได้เอ่ยปากว่า ของเหล่านี้ไม่ควรทำลาย ก็เลยมีกลุ่มอนุลักษณ์รวมตัวกันเข้ามารักษาดูแล ยังพอได้อ่นใจต้นยางหากไม่มี ร.๙ เชื่อเถอะครับป่านนี้ถูกตัดเกลี้ยงไปแล้ว
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (162).JPG (699.54 KiB) เข้าดูแล้ว 1058 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (163).JPG (318.51 KiB) เข้าดูแล้ว 1058 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (165).JPG (311.86 KiB) เข้าดูแล้ว 1058 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (167).JPG (381.36 KiB) เข้าดูแล้ว 1058 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (170).JPG (362.27 KiB) เข้าดูแล้ว 1058 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (172).JPG (314.77 KiB) เข้าดูแล้ว 1058 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (174).JPG (325.79 KiB) เข้าดูแล้ว 1058 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (176).JPG (348.43 KiB) เข้าดูแล้ว 1058 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (177).JPG (366.95 KiB) เข้าดูแล้ว 1058 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (178).JPG (124.47 KiB) เข้าดูแล้ว 1058 ครั้ง
-
- นำท่านชมเมืองลำพูนวันแรกก็สิ้นสุด ยังมีต่อจะพาท่านไปที่ใดอีกบ้างติดตามกันไปเรื่อย ๆ นะครับ ที่เที่ยวเมืองลำพูนมีเยอะครับ ปกติแล้วหากไม่ไปที่ใดเรามักจะพากันปั่นไปเที่ยวเป็นการออกกำลังไปด้วย ไม่เคยเบื่อเลยไปแต่ละครั้งแม้ที่เก่าแต่ก็มีอะไรเปลี่ยนแปลงเสมอ ๆ สถานที่ไม่เปลี่ยนแต่คนเปลี่ยน เราได้สนทนาพูดคุยสอบถาม ได้ข้อคิดข้อสังเกตุดี ๆ มาทุกครั้งถือเป็นกำไรครับ
- ลำพูน ๑๖ ก.ย.๖๒ (179).JPG (385.65 KiB) เข้าดูแล้ว 1058 ครั้ง
-
- สรุปในวันที่ ๑๖/๙/๖๒ ผมได้พาท่านเที่ยวเมืองลำพูนได้ ๕ ที่ รวมระยะทางจากที่บ้านผม บ.ปากกองสารภี ไปกลับก็แค่ ๓๐ กว่า กม.แม้จะไปบ่อยครั้งแต่ทุกครั้งที่ไปไม่เคยผิดหวัง ลำพูนมีเสน่ห์เสมอ ๆ เสียดายที่ส่วนใหญ่แล้วหลาย ๆ ท่านขึ้นเหนือมักจะชอบพูดเสมอ ๆ ขึ้นเชียงใหม่ ลำพูนแทบไม่มีในหัวเลย ลำพูนเก่าแก่กว่าเชียงใหม่นะครับ ตั้ง ๑๓๐๐ กว่าปี เชียงใหม่ ๗๐๐ กว่าปี อย่าลืมครั้งต่อไปตั้งใจไปลำพูนตรง ๆ เลยนะครับ ที่พัก อาหารการกินทุกอย่างพร้อม สดวกสบายราคาไม่แพงไม่เหมือนเชียงใหม่ครับ
- S__38453272.jpg (162.56 KiB) เข้าดูแล้ว 1058 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
มีเรื่องเล่าว่า อาจารย์วิษณุเป็นครูที่มีลูกศิษย์มาก แต่มีศิษย์เด่นสองคน คือ ชัย กับ จิต เป็นผู้ชายทั้งคู่
ชัยมักรู้สึกน้อยใจที่อาจารย์วิษณุโปรดปรานจิตมากกว่า ส่วนอาจารย์รู้ว่าชัยคิดอย่างไรกับตน แต่ก็ไม่ได้พูดหรืออธิบายเหตุผลว่าทำไมจึงโปรดปรานจิตมากกว่า
วันหนึ่งอาจารย์เรียกลูกศิษย์ทั้งสองคนมาหา แล้วพาไปดูห้องเปล่าสองห้องที่อยู่ไม่ไกลกันนัก มอบเงินให้ลูกศิษย์คนละหนึ่งรูปี แล้วมอบหมายว่า พวกเธอทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้ห้องของเธอเต็ม อาจารย์จะมาดูผลงานของเธอค่ำนี้
เมื่อได้รับมอบหมาย ชัยก็รีบไปที่ตลาดทันที แต่เงินหนึ่งรูปีนั้นมีค่าน้อยมาก ซื้ออะไรก็ได้นิดหน่อย เขาคิดอยู่สักพัก ก็ไปหาคนเก็บขยะ ขอซื้อขยะทั้งกองด้วยเงินหนึ่งรูปี คนเก็บขยะยินดียกขยะให้หมด ชัยใช้เวลาหลายชั่วโมงในการขนขยะเข้าไปไว้ในห้องจนเต็ม เขาภูมิใจที่ทำงานที่อาจารย์มอบหมายเสร็จทันเวลา
ส่วนจิตเมื่อรับมอบหมายจากอาจารย์ เขาก็นั่งสมาธิพักใหญ่ จากนั้นก็ค่อย ๆ เดินไปที่ตลาด ใช้เงินหนึ่งรูปีซื้อไม้ขีดไฟ ธูป และประทีบ พอใกล้ค่ำก็จุดธูปและประทีป ไม่นานห้องก็สว่างและอบอวลด้วยกลิ่นหอม
เมื่อได้เวลาอาจารย์ก็มาตรวจผลงานของลูกศิษย์ โดยไปที่ห้องของชัยก่อน พอเปิดห้องอาจารย์ก็ผงะ เพราะว่ากลิ่นขยะเหม็นตลบอบอวลเต็มห้องเลย
จากนั้นก็เดินไปยังห้องของจิต พอเปิดประตูมาก็เห็นแสงสว่างสีนวลเต็มห้อง และมีกลิ่นหอมอบอวล อาจารย์ยิ้มให้กับบรรยากาศที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า ถึงตรงนี้ชัยก็รู้แล้วว่าอาจารย์ชอบห้องไหน และเข้าใจแล้วว่าทำไมอาจารย์จึงโปรดปรานจิตมากกว่าตน
ทั้งสองคนตอบโจทย์อาจารย์ได้ทั้งคู่ เพราะใช้เงินหนึ่งรูปีทำให้ห้องของตัวเองเต็ม แต่ห้องหนึ่งเต็มไปด้วยขยะ ส่วนอีกห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมและแสงสว่าง
นิทานเรื่องนี้ไม่ได้ชี้เพียงแค่ว่าใครฉลาดกว่าใครเท่านั้น แต่สะท้อนให้เห็นมุมมองหรือวิธีคิดของสองคนที่แตกต่างกัน ชัยคิดแต่ในเชิงวัตถุ มองในแง่ปริมาณ เมื่อได้รับโจทย์ว่าทำห้องให้เต็ม เขาก็คิดถึงแต่การหาวัตถุเยอะๆ มาเติมเต็มห้อง ซึ่งลงเอยด้วยการหาขยะมาใส่ ส่วนจิตไม่ได้คิดในเชิงวัตถุ เขามีความคิดที่ละเมียดละไมและประณีตกว่านั้น เขาให้ความสำคัญกับคุณภาพ เพราะฉะนั้นจึงทำให้ห้องนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นหอมและแสงสว่าง
ชัยและจิตเป็นตัวแทนของคนในโลกนี้ที่มีมุมมองต่างกัน ประเภทหนึ่งคิดในเชิงวัตถุ เวลามีปัญหา ก็นึกถึงวัตถุเป็นคำตอบ วัดความสำเร็จในแง่ปริมาณ อีกประเภทนึกถึงสิ่งที่มีคุณค่าในเชิงนามธรรม วัดความสำเร็จในแง่คุณภาพ
นิทานเรื่องนี้เต็มไปด้วยอุปมาอุปไมย ห้องนั้นเปรียบเสมือนชีวิตของคนเรา เงินหนึ่งรูปี ซึ่งน้อยนิดนั้นหมายถึงเวลาในชีวิตของคนเราซึ่งสั้นมาก การทำให้ห้องเต็ม หมายถึงการเติมเต็มชีวิตของเรา
เมื่อพูดถึงการเติมเต็ม คนจำนวนไม่น้อยจะนึกถึงการมีชีวิตที่พรั่งพร้อมด้วยวัตถุ เงินทอง ทรัพย์สมบัติ ยิ่งมีเวลาน้อยเท่าไรยิ่งต้องรีบหามาให้เยอะๆ ชีวิตจะได้ไม่ว่างเปล่า
แต่บางคนเห็นว่าชีวิตควรจะเติมเต็มด้วยสิ่งที่งดงาม มีคุณค่าและความหมาย นั่นคือ คุณธรรมและปัญญา กลิ่นหอมเป็นสัญลักษณ์ของคุณงามความดี ส่วนแสงสว่างเป็นสัญลักษณ์ของปัญญา สองอย่างนี้ต่างหากที่ทำให้ชีวิตงดงามและมีคุณค่าอย่างแท้จริง
ชีวิตของคนเราจะเติมเต็มและอิ่มเอมได้ ก็เพราะอุดมด้วยคุณธรรมและปัญญา แต่คนจำนวนมากไม่สามารถมองเห็นอย่างนั้นได้ จึงเลือกที่จะไปหาวัตถุมาเติมเต็มชีวิต แต่สุดท้ายสิ่งของเหล่านั้นบางครั้งก็ไม่ต่างจากขยะ นอกจากไม่น่าชื่นชมแล้วยังเป็นภาระ......... (เครดิต. พระไพศาล วิสาโล)
อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพทุกท่านครับ เช้าวันนี้เรามาเติมเต็มสติปัญญากับท่านพระอาจารย์ ไพศาล ฯ กันนะครับ ทุกวันนี้เราเสพขยะเข้าไปเต็มหัวอกหัวใจใช่ไหมครับ แต่ละเรื่องราวพิจารณาให้ดีไร้สาระสิ้นเชิง ที่กล้าพูดว่าไร้สาระ เพราะสิ่งที่เสพกันทุกวันนี้ หาใช่ทางพ้นทุกข์สักเรื่องไม่ ไปห้องไหนมุมไหน มีแต่เรื่องโลกีย์ ยิ่งเข้าไปใน Google เพื่อหาสาระความรู้ก็จะแฝงแนบไปด้วยโฆษณาอย่างบ้าเลือด ถ้าเราค้นไปในสื่อต่าง ๆ ประเภทสิ่งพิมพ์ที่หันมาเล่นโซเซียลเป็นหลัก เราจะพบเห็นโฆษณาประเภท Sex ซะเป็นส่วนใหญ่ อะไรจะขนาดนั้น ท่านต้องมีวิจารณญาณในการเสพอย่าให้ขยะมันไปสุมในหัวจิตหัวใจท่านก็แล้วกัน
เช้าวันนี้ผมจะพาท่านไปสำรวจลำน้ำปิงกับลุงป๊อก ที่มาชวนปั่นแต่เช้า น้ำปิงเป็นลำน้ำที่ไหลเรียบจาก ชม - ลพ ไปออก จ.ตาก ที่เขื่อนภูมิพล ไปดูว่าสถานการณ์น้ำปีนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง
ชัยมักรู้สึกน้อยใจที่อาจารย์วิษณุโปรดปรานจิตมากกว่า ส่วนอาจารย์รู้ว่าชัยคิดอย่างไรกับตน แต่ก็ไม่ได้พูดหรืออธิบายเหตุผลว่าทำไมจึงโปรดปรานจิตมากกว่า
วันหนึ่งอาจารย์เรียกลูกศิษย์ทั้งสองคนมาหา แล้วพาไปดูห้องเปล่าสองห้องที่อยู่ไม่ไกลกันนัก มอบเงินให้ลูกศิษย์คนละหนึ่งรูปี แล้วมอบหมายว่า พวกเธอทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้ห้องของเธอเต็ม อาจารย์จะมาดูผลงานของเธอค่ำนี้
เมื่อได้รับมอบหมาย ชัยก็รีบไปที่ตลาดทันที แต่เงินหนึ่งรูปีนั้นมีค่าน้อยมาก ซื้ออะไรก็ได้นิดหน่อย เขาคิดอยู่สักพัก ก็ไปหาคนเก็บขยะ ขอซื้อขยะทั้งกองด้วยเงินหนึ่งรูปี คนเก็บขยะยินดียกขยะให้หมด ชัยใช้เวลาหลายชั่วโมงในการขนขยะเข้าไปไว้ในห้องจนเต็ม เขาภูมิใจที่ทำงานที่อาจารย์มอบหมายเสร็จทันเวลา
ส่วนจิตเมื่อรับมอบหมายจากอาจารย์ เขาก็นั่งสมาธิพักใหญ่ จากนั้นก็ค่อย ๆ เดินไปที่ตลาด ใช้เงินหนึ่งรูปีซื้อไม้ขีดไฟ ธูป และประทีบ พอใกล้ค่ำก็จุดธูปและประทีป ไม่นานห้องก็สว่างและอบอวลด้วยกลิ่นหอม
เมื่อได้เวลาอาจารย์ก็มาตรวจผลงานของลูกศิษย์ โดยไปที่ห้องของชัยก่อน พอเปิดห้องอาจารย์ก็ผงะ เพราะว่ากลิ่นขยะเหม็นตลบอบอวลเต็มห้องเลย
จากนั้นก็เดินไปยังห้องของจิต พอเปิดประตูมาก็เห็นแสงสว่างสีนวลเต็มห้อง และมีกลิ่นหอมอบอวล อาจารย์ยิ้มให้กับบรรยากาศที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า ถึงตรงนี้ชัยก็รู้แล้วว่าอาจารย์ชอบห้องไหน และเข้าใจแล้วว่าทำไมอาจารย์จึงโปรดปรานจิตมากกว่าตน
ทั้งสองคนตอบโจทย์อาจารย์ได้ทั้งคู่ เพราะใช้เงินหนึ่งรูปีทำให้ห้องของตัวเองเต็ม แต่ห้องหนึ่งเต็มไปด้วยขยะ ส่วนอีกห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมและแสงสว่าง
นิทานเรื่องนี้ไม่ได้ชี้เพียงแค่ว่าใครฉลาดกว่าใครเท่านั้น แต่สะท้อนให้เห็นมุมมองหรือวิธีคิดของสองคนที่แตกต่างกัน ชัยคิดแต่ในเชิงวัตถุ มองในแง่ปริมาณ เมื่อได้รับโจทย์ว่าทำห้องให้เต็ม เขาก็คิดถึงแต่การหาวัตถุเยอะๆ มาเติมเต็มห้อง ซึ่งลงเอยด้วยการหาขยะมาใส่ ส่วนจิตไม่ได้คิดในเชิงวัตถุ เขามีความคิดที่ละเมียดละไมและประณีตกว่านั้น เขาให้ความสำคัญกับคุณภาพ เพราะฉะนั้นจึงทำให้ห้องนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นหอมและแสงสว่าง
ชัยและจิตเป็นตัวแทนของคนในโลกนี้ที่มีมุมมองต่างกัน ประเภทหนึ่งคิดในเชิงวัตถุ เวลามีปัญหา ก็นึกถึงวัตถุเป็นคำตอบ วัดความสำเร็จในแง่ปริมาณ อีกประเภทนึกถึงสิ่งที่มีคุณค่าในเชิงนามธรรม วัดความสำเร็จในแง่คุณภาพ
นิทานเรื่องนี้เต็มไปด้วยอุปมาอุปไมย ห้องนั้นเปรียบเสมือนชีวิตของคนเรา เงินหนึ่งรูปี ซึ่งน้อยนิดนั้นหมายถึงเวลาในชีวิตของคนเราซึ่งสั้นมาก การทำให้ห้องเต็ม หมายถึงการเติมเต็มชีวิตของเรา
เมื่อพูดถึงการเติมเต็ม คนจำนวนไม่น้อยจะนึกถึงการมีชีวิตที่พรั่งพร้อมด้วยวัตถุ เงินทอง ทรัพย์สมบัติ ยิ่งมีเวลาน้อยเท่าไรยิ่งต้องรีบหามาให้เยอะๆ ชีวิตจะได้ไม่ว่างเปล่า
แต่บางคนเห็นว่าชีวิตควรจะเติมเต็มด้วยสิ่งที่งดงาม มีคุณค่าและความหมาย นั่นคือ คุณธรรมและปัญญา กลิ่นหอมเป็นสัญลักษณ์ของคุณงามความดี ส่วนแสงสว่างเป็นสัญลักษณ์ของปัญญา สองอย่างนี้ต่างหากที่ทำให้ชีวิตงดงามและมีคุณค่าอย่างแท้จริง
ชีวิตของคนเราจะเติมเต็มและอิ่มเอมได้ ก็เพราะอุดมด้วยคุณธรรมและปัญญา แต่คนจำนวนมากไม่สามารถมองเห็นอย่างนั้นได้ จึงเลือกที่จะไปหาวัตถุมาเติมเต็มชีวิต แต่สุดท้ายสิ่งของเหล่านั้นบางครั้งก็ไม่ต่างจากขยะ นอกจากไม่น่าชื่นชมแล้วยังเป็นภาระ......... (เครดิต. พระไพศาล วิสาโล)
อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพทุกท่านครับ เช้าวันนี้เรามาเติมเต็มสติปัญญากับท่านพระอาจารย์ ไพศาล ฯ กันนะครับ ทุกวันนี้เราเสพขยะเข้าไปเต็มหัวอกหัวใจใช่ไหมครับ แต่ละเรื่องราวพิจารณาให้ดีไร้สาระสิ้นเชิง ที่กล้าพูดว่าไร้สาระ เพราะสิ่งที่เสพกันทุกวันนี้ หาใช่ทางพ้นทุกข์สักเรื่องไม่ ไปห้องไหนมุมไหน มีแต่เรื่องโลกีย์ ยิ่งเข้าไปใน Google เพื่อหาสาระความรู้ก็จะแฝงแนบไปด้วยโฆษณาอย่างบ้าเลือด ถ้าเราค้นไปในสื่อต่าง ๆ ประเภทสิ่งพิมพ์ที่หันมาเล่นโซเซียลเป็นหลัก เราจะพบเห็นโฆษณาประเภท Sex ซะเป็นส่วนใหญ่ อะไรจะขนาดนั้น ท่านต้องมีวิจารณญาณในการเสพอย่าให้ขยะมันไปสุมในหัวจิตหัวใจท่านก็แล้วกัน
เช้าวันนี้ผมจะพาท่านไปสำรวจลำน้ำปิงกับลุงป๊อก ที่มาชวนปั่นแต่เช้า น้ำปิงเป็นลำน้ำที่ไหลเรียบจาก ชม - ลพ ไปออก จ.ตาก ที่เขื่อนภูมิพล ไปดูว่าสถานการณ์น้ำปีนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง
- ไฟล์แนบ
-
- 3338753.jpg (22.69 KiB) เข้าดูแล้ว 1039 ครั้ง
-
- 3338760.jpg (46.1 KiB) เข้าดูแล้ว 1039 ครั้ง
-
- เช้าวันที่ ๑๘/๙/๖๒ เราสองคนเตรียมตัวออกปั่นเที่ยว จ.ลำพูนกันต่อเพราะยังมีอีกหลายที่ ๆ เรายังไม่ได้ไปเก็บภาพเพื่อนำมาเล่าสู่กันฟัง แต่บังเอิญลุงป๊อก โทร ฯ ชวนไปปั่นดูน้ำปิง โดยนัดหมายกันที่ รร.สามัคคีพิชญ์ ฯ ตรงสี่แยก อ.สารภี เลี้ยวซ้ายไปทางหมู่บ้านถวาย เราจึงเปลี่ยนเส้นทางออกไปเจอลุงป๊อกตามนัด ลุงป๊อกปกติแล้วก็จะปั่นด้วยกัน แต่ก่อนเรามีกัน ๕ คนที่ไปไหนมาไหนจะไปด้วยกันตลอด ปัจจุบันนี้เราเหลือกันเพียง ๓ คน เท่านั้น ลุงดมมาด่วนลาโลกไปจุติในภพภูมิใหม่แล้ว ส่วนอีกคนปั่นเร็ว แรง ก็แยกตัวไปตามสไตล์ของเขาซึ่งไม่ว่ากัน ทัวร์ริ่งจริง ๆ แล้วยากนักจะรวมตัวกันได้อย่างเหนียวแน่น ต่างจิตต่างใจ ต่างสามัญสำนึก ต่างความคิด จึงยากที่จะร่วมหัวจมท้ายด้วยกันได้ ยิ่ง ศีลไม่เสมอกัน จาคะไม่เสมอกัน ทิฎฐิไม่เสมอกัน อย่าไปด้วยกันเลยครับ จะไม่มีความสุข ทัวร์ริ่งแท้จริงแแล้ว ๒ - ๕ คนกำลังดีครับ (เมื่อลุงป๊อกแกโทรมา ฯ ชวน จึงยากที่จะปฏิเสธ).
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (1).JPG (272.73 KiB) เข้าดูแล้ว 1039 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (2).JPG (309.63 KiB) เข้าดูแล้ว 1039 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (3).JPG (362.77 KiB) เข้าดูแล้ว 1039 ครั้ง
-
- เจอกันตามนัดเราปั่นตรงไป ออกไปทางหมู่บ้านถวาย เพื่อไปข้ามสะพานแม่น้ำปิงที่บ้านน้ำโท้ง แล้วจะลัดเลาะเรียบปิงไปจนถึง อ.ป่าซาง แต่ปรากฏว่าสะพานเขากำลังรื้อเพื่อสร้างใหม่ เราจึงต้องหลบไปใช้สะพานชั่วคราวครับ ปั่นเลาะไปจนถึงเทศบาล ต.สบแม่ข่า สังเกตุลำน้ำปิงปีนี้ผิดสังเกตุมากครับ น้ำน้อยกว่าทุก ๆ ปี ปกติแล้วเดือนนี้น้ำต้องปริ่ม ๆ ตลิ่งครับ
ผ่าน อบต.แม่สบข่า เราแวะเยี่ยมพระที่สำนักสงฆ์พระเจ้าอมลิ้น ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่มากของ อ.หางดง แปลกไหมครับทำไมไม่เรียกวัด ทั้ง ๆ ที่เก่าแก่ ฯ ไว้เที่ยวเมืองเชียงใหม่เมื่อไร ผมจะนำภาพมาเล่าให้ฟังช่วงนี้เราเที่ยว ลำพูนอยู่นะครับ (ติดไว้ก่อนครับ) - ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (4).JPG (256.52 KiB) เข้าดูแล้ว 1039 ครั้ง
- เจอกันตามนัดเราปั่นตรงไป ออกไปทางหมู่บ้านถวาย เพื่อไปข้ามสะพานแม่น้ำปิงที่บ้านน้ำโท้ง แล้วจะลัดเลาะเรียบปิงไปจนถึง อ.ป่าซาง แต่ปรากฏว่าสะพานเขากำลังรื้อเพื่อสร้างใหม่ เราจึงต้องหลบไปใช้สะพานชั่วคราวครับ ปั่นเลาะไปจนถึงเทศบาล ต.สบแม่ข่า สังเกตุลำน้ำปิงปีนี้ผิดสังเกตุมากครับ น้ำน้อยกว่าทุก ๆ ปี ปกติแล้วเดือนนี้น้ำต้องปริ่ม ๆ ตลิ่งครับ
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (5).JPG (236.35 KiB) เข้าดูแล้ว 1039 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (6).JPG (317.11 KiB) เข้าดูแล้ว 1039 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (7).JPG (250.93 KiB) เข้าดูแล้ว 1039 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (8).JPG (365.94 KiB) เข้าดูแล้ว 1039 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (9).JPG (410.46 KiB) เข้าดูแล้ว 1039 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (10).JPG (375.25 KiB) เข้าดูแล้ว 1039 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (11).JPG (397.38 KiB) เข้าดูแล้ว 1039 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (12).JPG (294.63 KiB) เข้าดูแล้ว 1039 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (13).JPG (360.45 KiB) เข้าดูแล้ว 1039 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (14).JPG (325.09 KiB) เข้าดูแล้ว 1039 ครั้ง
-
- ข้อสังเกตุอีกอย่างหนึ่งคือชาวบ้านหันมาทำประมง คือเลี้ยงปลาในกระชังกันมากผิดสังเกตุ หรือเขาทำตามที่ท่านนายกเราพูดแนะนำ ? อีกไม่นานหากทางเทศบาลไม่ควบคุม ปัญหาใหญ่คือสารเคมี ที่นำมาใช้กับปลาจะกระจายแพร่สู่ลำน้ำปิง น้ำปิงจะมีปัญหาแน่ ๆ ยิ่งถ้าน้ำน้อยยิ่งจะเพิ่มปริมาณสารเคมี น่าเป็นห่วงครับ
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (15).JPG (303.34 KiB) เข้าดูแล้ว 1039 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- ลุงเนตร
- ขาประจำ
- โพสต์: 19852
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
- Tel: 0898133936
- team: อิสระ
- Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
- ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
- ติดต่อ:
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
"..สวัสดีครับ ท่านน้องแดง ขอบคุณมากที่นำสิ่งดี ๆ มาให้ไว้เป็นวิทยาทาน (กลับถึงบ้านบ่ายสอง ของวันที่ ๘ มีงานขาวดำ เรียบร้อยแล้วเมื่อเย็นวานนี้ วันนี้ ๑๐/๑๐ เดินทางไปอุบลฯ โดยรถไฟ ร่วมชุมนุมชาวทัวริ่ง จกย. ๓ วัน ๑๑-๑๓/๑๐).."
- ไฟล์แนบ
-
- 20190906_135614.jpg (239.07 KiB) เข้าดูแล้ว 1027 ครั้ง
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
อรุณสวัสดิ์ครับท่านพี่และท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ ท่านพี่กลับถึงบ้านแล้ว แต่...วันที่ ๑๐ ออกเดินทางอีก...สุดยอดจริง ๆ พี่อายุขนาดนี้ไม่ต่างอะไรกับวัยสะรุ่นเลย..นับถือ ๆ และนี่คือตัวอย่างที่สามารถจับต้องได้ การออกกำลังกายสม่ำเสมอสามารถทำให้ร่างกายและจิตใจเข้มแข็งอย่างแท้จริง อยากได้ต้องทำเอง ไม่มีขายลุงเนตร เขียน:"..สวัสดีครับ ท่านน้องแดง ขอบคุณมากที่นำสิ่งดี ๆ มาให้ไว้เป็นวิทยาทาน (กลับถึงบ้านบ่ายสอง ของวันที่ ๘ มีงานขาวดำ เรียบร้อยแล้วเมื่อเย็นวานนี้ วันนี้ ๑๐/๑๐ เดินทางไปอุบลฯ โดยรถไฟ ร่วมชุมนุมชาวทัวริ่ง จกย. ๓ วัน ๑๑-๑๓/๑๐).."
ชุมนุมชาวทัวร์ริ่งน่าสนใจมาก ๆ เรียกว่าคนทัวร์ริ่งไม่ควรพลาด แต่ผมพลาด....๕๕๕ เรียกว่าไม่ใช่ของจริงนะครับท่านพี่ .....แต่ สำหรับท่านพี่เรียกว่า "ตัวจริงเสียงจริง" กลับมาเมตตาเข้ามาเล่ากิจกรรม แนวทาง วิธีการ ฯ เพื่อเผยแพร่ให้น้อง ๆ ได้รับทราบบ้างนะครับ ขอบพระคุณล่วงหน้าแล้วจะ ว.๐๐ (ภาษา สส.คือ "รอ" ครับ)
ในชีวิตผมยังไม่เคยล่องปิงสักครั้ง สมัยเป็นเด็กเราเคยกระโดดน้ำปิงที่ ขัวเหล็ก(สะพานนวรัฐเก่า) ลอยคอไปขึ้นฝั่งที่ท่ารถเมล์เขียว โรงแรมศรีประกาศ (ถูกรื้อไปแล้ว) ช่วงน้ำนองสนุกสนานมาก ๆ เคยคิดฝันเช่นกันน้ำปิงนี่มันไปถึงไหนนะ อยากจะลอยคอล่องไปให้สุด (นี่คิดแบบเด็ก) โตขึ้นมาก็ยังคิดทุกวันนี้ก็ยังฝันแต่ไม่ได้ทำ คงต้องหาโอกาสล่องปิงสักครั้งแน่นอน เรียกว่าเป็นฝันเดียวที่ยังไม่ได้ทำครับ "ฝันไกล..แต่...ไปไม่ถึง"
- ไฟล์แนบ
-
- 3309628.jpg (41.8 KiB) เข้าดูแล้ว 1011 ครั้ง
-
- ED300C17-A1BC-4C3D-9C29-9BECFC09F015.jpg (215.2 KiB) เข้าดูแล้ว 1011 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (16).JPG (321.57 KiB) เข้าดูแล้ว 1011 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (17).JPG (274.44 KiB) เข้าดูแล้ว 1011 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (18).JPG (373.96 KiB) เข้าดูแล้ว 1011 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (19).JPG (282.83 KiB) เข้าดูแล้ว 1011 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (20).JPG (249.61 KiB) เข้าดูแล้ว 1011 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (21).JPG (306.77 KiB) เข้าดูแล้ว 1011 ครั้ง
-
- สองฝั่งแม่น้ำที่เราเลาะแม่ปิงเป็นฝั่ง อ.หางดง ตรงข้ามก็จะเป็น จ.ลำพูน จำชื่อบ้านไม่ได้ครับ ประมาณ บ.ปากล่้อง นี่แหละครับ สองฝั่งทางฝั่งลำพูนจะมีร้านกาแฟ ร้านอาหาร เป็นช่วง ๆ เรียกว่าเอาบรรยากาศน่านั่งครับ
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (22).JPG (237.67 KiB) เข้าดูแล้ว 1011 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (23).JPG (204.82 KiB) เข้าดูแล้ว 1011 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (24).JPG (344.48 KiB) เข้าดูแล้ว 1011 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (25).JPG (207.83 KiB) เข้าดูแล้ว 1011 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (26).JPG (239.35 KiB) เข้าดูแล้ว 1011 ครั้ง
-
- เราปั่นกันจนมาถึงสะพานข้ามน้ำปิงสะพานสุดท้ายที่จะข้ามไปฝั่งลำพูนจะมีร้านกาแฟของชุมชน ซึ่งเป็นจุดนิยมชมชอบของบรรดานักปั่นและนักท่องเที่ยว ที่จะหาโอกาสมานั่งจิบกาแฟกันที่นี่ ร้านสะอาดสะอ้านน่านั่งมาก เราก็อดใจไม่ไหวต้องแวะอุดหนุนเป็นการพักขาไปด้วย ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า ปรากฏผมลืมที่จะเก็บภาพสำคัญ ๆ เช่นป้ายชื่อต่าง ๆ ทำให้ความจำเลอะเลือนไม่สามารถจำชื่อวัด บ้าน ฯ ได้ ต้องกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย ตรงนี้เป็นเขต อ.สันป่าตองครับ ข้ามสะพานก็จะเป็นลำพูน ปั่นไปอีกประมาณ ๖ - ๗ กม.ก็จะเป็น อ.ป่าซางครับ
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (27).JPG (235.5 KiB) เข้าดูแล้ว 1011 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
อรุณสวัสดิ์ครับท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ วันนี้เป็นวันออกพรรษาหวังว่าชาวพุทธเราจะพากันไปกระทำกิจ ในวันสำคัญของชาวพุทธกันนะครับ สำหรับผมปีนี้เป็นปีที่ภาคภูมิใจอีกปีหนึ่ง ที่ในพรรษานี้ได้ตั้งจิตอธิษฐาน บำเพ็ญอุโบสถศีลตลอดห้วงเวลา ๓ เดือน ครบบริบูรณ์แต่ก็เกือบล่มเนื่องจากต้องกินยาหลังอาหาร ๓ เวลา ผมตัดใจมื้อเย็นไม่กินซะดื้อ ๆ ตายก็คือตายรักษาความสัตย์ไว้ดีกว่า กุศลผลบุญใด ๆ อันพึงบังเกิดจากการที่สั่งสมไว้ในห้วงพรรษา ขอกุศลผลบุญนั้นจงบังเกิดแด่บรรดาท่านผู้มีเกียรติที่เคารพที่เป็นกำลังใจเข้ามาอ่าน มาศึกษาและมาเยี่ยมชมกระทู้นี้ จงทุกท่านทุกคนเทอญ
ทุกปีดังที่เคยเล่ามาว่า ในพรรษาตั้งแต่นานมาแล้วผมจะถือโอกาส ลด ละ เลิก อบายมุขลงทีละอย่างสองอย่าง เริ่มจากเที่ยงคืนของวันเข้าพรรษา ผมจะไม่แตะต้องสิ่งอบายทั้งหลาย ถ้านั่งดื่มเหล้าเที่ยงคืนก็จะหยุดทันทีกลับบ้าน รวมทั้งบุหรี่ด้วยพอออกพรรษาปุ๊บ เที่ยงคืนของวันออกพรรษาผมก็จะดื่มทันที เป็นอันรู้กันในหมู่เพื่อนฝูง ไอ้"เล้ง"เพื่อนซี้ผม จะนัดแนะและมารับไปฉลองวันออกพรรษาในเวลาเทียงคืนทุกครั้ง เมื่อปี ๒๕๓๒ ผมประกาศเลิกและหันหลังให้กับสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง (หันหน้าเข้าวัด) ไอ้เล้งมันไม่พอใจมาก ๆ มันซื้อ Chivas ขวดลิตรราคาหลักพัน ไปรับในวันออกพรรษาและบังคับให้ดื่ม ถ้าไม่ดื่มมันจะราดหัว ผมยอมครับให้มันราด มันทำจริง ๆ ด้วย ราดไปได้ครึ่งหนึ่งมันคิดได้ "เสียดายว่ะ" และจากปี ๒๕๓๒ ผมก็ถือเอามังสวิรัติคือเลิกทานเนื้อสัตว์ทุกชนิด ตลอดชีวิตด้วย ไอ้เล้งมันพูดว่า "เออ..เหล้าก็ไม่แดก เนื้อก็ไม่ฉัน มึงเตรียมตัวตายได้เร็ว ๆ นี้แหละ" ปรากฏว่าวันนี้เวลานี้ ไอ้เล้งเพื่อนยากของผมไปก่อนผมได้ ๑๐ กว่าปีแล้วครับ "เพื่อนเล้งเอาบุญน๊ะเอาเรื่องเพื่อนมาเล่าให้เยาวชนคนรุ่นหลังได้ฟังเป็นอุทาหรณ์เตือนใจ"
วันออกพรรษาที่ภาคอีสานมีกิจกรรมดังระดับโลก คือการไปเฝ้าชมบั้งไฟพญานาคที่จะโผล่ให้เห็นในลำน้ำโขง ซึ่งผมและคุณนายก็เคยปั่นไปนั่งชมมาแล้ว ได้เห็นเต็มตาปีแรกไปผิดหวังมาก ๆ ปีถัดมาไปอีกก่อนไปอธิษฐานจิตขอให้เห็นเต็ม ๆ สักครั้ง สมหวังครับพญานาคพุ่งให้เห็นเป็นร้อยครับที่ โพนพิสัย สำหรับเรื่องพญานาคมีตำนานเล่าขานให้ได้ฟังมานาน ไม่ใช่คนพุทธก็จะไม่เชื่อหรือคนพุทธเองบางคนก็หาว่า งมงาย ความจริงแล้ว "นาค" เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาของเรา หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดป่าอรัญญวิเวกท่านจะเมตตาเล่าให้พวกเราฟัง และท่านจะเตือนพวกเราเสมอ ๆ เที่ยวเขื่อนแม่กวงให้ระมัดระวัง เพราะที่เขื่อนแม่กวงนั้นก็มีพญานาคสถิตย์อยู่ด้วย
(อย่าลืมคลิกเข้าไปชม - ฟัง เป็นความรู้ครับ)
ทุกปีดังที่เคยเล่ามาว่า ในพรรษาตั้งแต่นานมาแล้วผมจะถือโอกาส ลด ละ เลิก อบายมุขลงทีละอย่างสองอย่าง เริ่มจากเที่ยงคืนของวันเข้าพรรษา ผมจะไม่แตะต้องสิ่งอบายทั้งหลาย ถ้านั่งดื่มเหล้าเที่ยงคืนก็จะหยุดทันทีกลับบ้าน รวมทั้งบุหรี่ด้วยพอออกพรรษาปุ๊บ เที่ยงคืนของวันออกพรรษาผมก็จะดื่มทันที เป็นอันรู้กันในหมู่เพื่อนฝูง ไอ้"เล้ง"เพื่อนซี้ผม จะนัดแนะและมารับไปฉลองวันออกพรรษาในเวลาเทียงคืนทุกครั้ง เมื่อปี ๒๕๓๒ ผมประกาศเลิกและหันหลังให้กับสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง (หันหน้าเข้าวัด) ไอ้เล้งมันไม่พอใจมาก ๆ มันซื้อ Chivas ขวดลิตรราคาหลักพัน ไปรับในวันออกพรรษาและบังคับให้ดื่ม ถ้าไม่ดื่มมันจะราดหัว ผมยอมครับให้มันราด มันทำจริง ๆ ด้วย ราดไปได้ครึ่งหนึ่งมันคิดได้ "เสียดายว่ะ" และจากปี ๒๕๓๒ ผมก็ถือเอามังสวิรัติคือเลิกทานเนื้อสัตว์ทุกชนิด ตลอดชีวิตด้วย ไอ้เล้งมันพูดว่า "เออ..เหล้าก็ไม่แดก เนื้อก็ไม่ฉัน มึงเตรียมตัวตายได้เร็ว ๆ นี้แหละ" ปรากฏว่าวันนี้เวลานี้ ไอ้เล้งเพื่อนยากของผมไปก่อนผมได้ ๑๐ กว่าปีแล้วครับ "เพื่อนเล้งเอาบุญน๊ะเอาเรื่องเพื่อนมาเล่าให้เยาวชนคนรุ่นหลังได้ฟังเป็นอุทาหรณ์เตือนใจ"
วันออกพรรษาที่ภาคอีสานมีกิจกรรมดังระดับโลก คือการไปเฝ้าชมบั้งไฟพญานาคที่จะโผล่ให้เห็นในลำน้ำโขง ซึ่งผมและคุณนายก็เคยปั่นไปนั่งชมมาแล้ว ได้เห็นเต็มตาปีแรกไปผิดหวังมาก ๆ ปีถัดมาไปอีกก่อนไปอธิษฐานจิตขอให้เห็นเต็ม ๆ สักครั้ง สมหวังครับพญานาคพุ่งให้เห็นเป็นร้อยครับที่ โพนพิสัย สำหรับเรื่องพญานาคมีตำนานเล่าขานให้ได้ฟังมานาน ไม่ใช่คนพุทธก็จะไม่เชื่อหรือคนพุทธเองบางคนก็หาว่า งมงาย ความจริงแล้ว "นาค" เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาของเรา หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดป่าอรัญญวิเวกท่านจะเมตตาเล่าให้พวกเราฟัง และท่านจะเตือนพวกเราเสมอ ๆ เที่ยวเขื่อนแม่กวงให้ระมัดระวัง เพราะที่เขื่อนแม่กวงนั้นก็มีพญานาคสถิตย์อยู่ด้วย
(อย่าลืมคลิกเข้าไปชม - ฟัง เป็นความรู้ครับ)
- ไฟล์แนบ
-
- 3355648.jpg (76.46 KiB) เข้าดูแล้ว 989 ครั้ง
-
- วันออกพรรษา คือวันสิ้นสุดระยะการจำพรรษา หรือออกจากการอยู่ประจำที่ในฤดูฝนซึ่งตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ วันออกพรรษานี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "วันมหาปวารณา" คำว่า "ปวารณา" แปลว่า "อนุญาต" หรือ "ยอมให้" คือ เป็นวันที่เปิดโอกาสให้พระภิกษุสงฆ์ด้วยกันว่ากล่าวตักเตือนกันได้ ในข้อที่ผิดพลั้งล่วงเกินระหว่างที่จำพรรษาอยู่ด้วยกัน
ในวันออกพรรษานี้กิจที่ชาวบ้านมักจะกระทำก็คือ การบำเพ็ญกุศล เช่น ทำบุญตักบาตร จัดดอกไม้ ธูป เทียน ไปบูชาพระที่วัด และฟังพระธรรมเทศนา ของที่ชาวพุทธนิยมนำไปใส่บาตรในวันนี้ก็คือ ข้าวต้ม มัดไต้ และข้าวต้มลูกโยน และการร่วมกุศลกรรมการ "ตักบาตรเทโว" คำว่า "เทโว" ย่อมาจาก"เทโวโรหน" แปลว่าการเสด็จจากเทวโลกการตักบาตรเทโว จึงเป็นการระลึกถึงวันที่ พระพุทธองค์เสด็จกลับจากการโปรด พระพุทธมารดาในเทวโลก
ประเพณีการทำบุญกุศลเนื่องในวันออกพรรษานี้ ทุกวัดในประเทศไทยก็มีพิธีเหมือนกันหมด จะผิดกันก็เพียงแต่สถานที่ที่สมมติว่าเป็นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เท่านั้น
กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันออกพรรษา
๑. ทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ
๒. ไปวัดเพื่อปฏิบัติธรรม ฟังพระธรรมเทศนา
๓. ร่วมกุศลธรรม "ตักบาตรเทโว"
๔. ปัดกวาดบ้านเรือนให้สะอาด ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือนและสถานที่ราชการและ ประดับธงชาติและธงธรรมจักรตามวัดและสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา
๕. ตามสถานที่ราชการ สถานที่ศึกษาและที่วัด ควรจัดให้มีนิทรรศการ การบรรยาย หรือ บรรยายธรรม เกี่ยวกับวันออกพรรษาฯลฯ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนและผู้สนใจทั่วไป
(เครดิตจาก เวปป์ธรรมะไทยดอทคอม) - 3353075.jpg (67.91 KiB) เข้าดูแล้ว 989 ครั้ง
- วันออกพรรษา คือวันสิ้นสุดระยะการจำพรรษา หรือออกจากการอยู่ประจำที่ในฤดูฝนซึ่งตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ วันออกพรรษานี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "วันมหาปวารณา" คำว่า "ปวารณา" แปลว่า "อนุญาต" หรือ "ยอมให้" คือ เป็นวันที่เปิดโอกาสให้พระภิกษุสงฆ์ด้วยกันว่ากล่าวตักเตือนกันได้ ในข้อที่ผิดพลั้งล่วงเกินระหว่างที่จำพรรษาอยู่ด้วยกัน
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (28).JPG (385.01 KiB) เข้าดูแล้ว 989 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (29).JPG (394.59 KiB) เข้าดูแล้ว 989 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (30).JPG (414.44 KiB) เข้าดูแล้ว 989 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (31).JPG (337.49 KiB) เข้าดูแล้ว 989 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (32).JPG (347.45 KiB) เข้าดูแล้ว 989 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (33).JPG (322.86 KiB) เข้าดูแล้ว 989 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (34).JPG (319.47 KiB) เข้าดูแล้ว 989 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (35).JPG (433.88 KiB) เข้าดูแล้ว 989 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (36).JPG (278.03 KiB) เข้าดูแล้ว 989 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (37).JPG (220.75 KiB) เข้าดูแล้ว 989 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (39).JPG (228.51 KiB) เข้าดูแล้ว 989 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (40).JPG (250.28 KiB) เข้าดูแล้ว 989 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (41).JPG (210.41 KiB) เข้าดูแล้ว 989 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (43).JPG (367.49 KiB) เข้าดูแล้ว 989 ครั้ง
-
- เรา ๓ คนอุดหนุนกาแฟ ขนมต่าง ๆ อร่อยพอทานได้ และพอสมควรแก่เวลา ก็อำลาจากเขต อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ข้ามสะพานแม่น้ำปิงจุดสุดท้าย ซึ่งอยู่ห่างจากวัดน่าจะสัก ๑๐๐ ม.ข้ามไปฝั่งลำพูนเขต อ.ป่าซาง ปั่นไปอีก ๖ กม.เราก็ไปถึงร้านจักรยานใหญ่ของ จ.ลำพูน เป็นตัวแทนจักรยานยี่ห้อต่าง ๆ มากมาย จักรยานมีเต็มร้าน ตั้งแต่หลักร้อยไปถึงหลักแสน นอกจากนี้ยังมีอะไหล่และช่างให้บริการจำนวนมากอีกด้วย แต่ก่อนเจ้าของร้านเราสัมผัสได้ปัจจุบันหาตัวยากครับ ๕๕ ที่ผมไปเพราะช่างประจำเขาทำงานที่ร้านนี้ และเปิดร้านที่บ้านเป็นงานอดิเรก ไปเพื่อไปหาซื้อขาตั้งซึ่งรถผมขาตั้งพิการตั้งแต่ไปแชงกีรามาแล้ว (ไม่ได้ครับ มีแต่ไม่เหมาะ อิอิ)
ออกจากร้านจักรยานเราย้อนกลับไปแวะเยี่ยมเพื่อนซึ่งเป็นลูกน้องเก่าลุงป๊อก (เป็น ตร.ด้วยกัน) เกษียณแล้วออกมาช่วยแม่บ้านทำน้ำพริกลาบและกระเทียมดองขาย ซึ่งเจ้านี้ก็โด่งดังใน จ.ลำพูนเช่นกัน แต่ปัจจุบันอายุจะ ๘๐ แล้วผ่องถ่ายกิจการให้ลูก ๆ ไป ทุกวันก็นั่งดูรถวิ่งผ่านหน้าบ้าน ไป - มา ๆ แกบอก "เบื่อจัง" อิจฉาพวกเราที่ยังมีแรงปั่นเที่ยว นี่ละครับชีวิตมันไม่มีอะไรเลยจริง ๆ พวกเราถ้าอยู่ถึง ๘๐ ก็คงไม่ต่างกับเพื่อนลุงป๊อก ดังนั้นช่วงมีแรงต้องรีบ ไป ๆ เพราะถึงอย่างไรเมื่อวันนั้นมาถึง คือวันที่ไปไหนไม่ได้ เราก็จะมีภาพต่าง ๆ ตลอดจนเรื่องราวที่เก็บไว้ มาเป็นเพื่อนคลายเหงาได้
บังเอิญใกล้เที่ยงก็เลยถือโอกาสใช้สถานที่เป็นที่กินข้าวมื้อเที่ยงกัน กินไปคุยกันไปสนุกสนานเรื่องราวเก่า ๆ ในอดีตถูกค้นมาพูดคุยกัน และนี่ก็คือกิจกรรมของคนชรา ๕๕๕ เสร็จจากอาหารก็ได้เวลาอำลา ครั้งแรกจะพุ่งเข้าตัวเมืองลำพูน แต่กิจกรรมวันนี้คือสำรวจลำน้ำปิง ขามาเราเรียบลำน้ำปิงฝั่ง จ.เชียงใหม่ ขากลับก็สมควรเรียบลำน้ำปิงฝั่งลำพูนจึงจะถูกต้อง
กลับถึงบ้านเกือบบ่ายสองโมง รวมระยะทางทั้งหมด ๖๐.๕๙ กม.เป็นเวลานามมากแล้วที่เราไม่ได้ปั่นแบบนี้ วันนี้กลับมาปั่นได้เห็นความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ มากมาย โลกคือความเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีวันหยุดนิ่ง เปรียบเหมือนชีวิตคนเราก็เช่นกัน "วันคืนล่วงไป ๆ เราได้ทำอะไรให้เป็นกุศลผลบุญเพื่อเป็นเสบียงไว้ในโลกหน้ากันบ้างหรือยัง" อย่าประมาทในชีวิตนะครับ ชีวิตนี้น้อยนัก (สั้น) ไม่เกิน ๑๐๐ ปี เราก็ต้องจากโลกนี้ไปแน่นอน ทรัพย์สินเงินทองพี่น้องพ่อแม่เพื่อนฝูง เขาไม่ได้ตามเราไปนะ เรามาก็มามือเปล่า ขากลับไปก็ต้องไปมือเปล่า แต่จะมีเพียง ดี - ชั่ว เท่านั้นที่จะติดตามตัวเราไป ดีก็ไปสุขคติภูมิ์ ชั่วก็ไปนรกภูมิ์ ขอให้วันออกพรรษาจงเป็นวันที่ทุกท่านทุกคนมีความสุข จากการสร้างกุศลผลบุญตามแนวทางของชาวพุทธจงทุุกท่านทุกคนเทอญ. - ลำพูน ๑๘ ก.ย.๖๒ (45).JPG (155.5 KiB) เข้าดูแล้ว 989 ครั้ง
- เรา ๓ คนอุดหนุนกาแฟ ขนมต่าง ๆ อร่อยพอทานได้ และพอสมควรแก่เวลา ก็อำลาจากเขต อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ข้ามสะพานแม่น้ำปิงจุดสุดท้าย ซึ่งอยู่ห่างจากวัดน่าจะสัก ๑๐๐ ม.ข้ามไปฝั่งลำพูนเขต อ.ป่าซาง ปั่นไปอีก ๖ กม.เราก็ไปถึงร้านจักรยานใหญ่ของ จ.ลำพูน เป็นตัวแทนจักรยานยี่ห้อต่าง ๆ มากมาย จักรยานมีเต็มร้าน ตั้งแต่หลักร้อยไปถึงหลักแสน นอกจากนี้ยังมีอะไหล่และช่างให้บริการจำนวนมากอีกด้วย แต่ก่อนเจ้าของร้านเราสัมผัสได้ปัจจุบันหาตัวยากครับ ๕๕ ที่ผมไปเพราะช่างประจำเขาทำงานที่ร้านนี้ และเปิดร้านที่บ้านเป็นงานอดิเรก ไปเพื่อไปหาซื้อขาตั้งซึ่งรถผมขาตั้งพิการตั้งแต่ไปแชงกีรามาแล้ว (ไม่ได้ครับ มีแต่ไม่เหมาะ อิอิ)
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพทุก ๆ ท่านครับ เมื่อวาน ๑๓/๑๐/๖๒ เป็นวันสำคัญอย่างยิ่งถึง ๓ วัน คือ ๑.วันออกพรรษา ๒.วันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพ่อ ร.๙ และ ๓.วันตำรวจ ผมตัดสินใจเลือกนำเสนอและเขียนเล่าเรื่องข้อ ๑.ก่อน ข้อ ๒,ข้อ ๓. เช้านี้ขอย้อนมาเขียนเล่าข้อ ๒.ต่อ ถ้าไม่ยาวเกินจะต่อด้วย ข้อ ๓. ถาม..ทำไมไม่เขียนรวมกันเลย ทำไม่ได้ครับเขียนสด ๆ เขียนแล้วก็โพสต์เลยโอกาสพลาดมีได้เยอะ และเรื่องมันจะยาวมาก ทุกวันนี้มีหลาย ๆ ท่านให้ข้อคิดว่ามันเหมือนน้ำท่วมทุ่ง ( ? ) ไม่สนใจครับ ใครไม่อยากอ่านก็ขอให้ผ่านไป เรื่องที่นำมาเสนอพิจารณาแล้วมันจะเกิดประโยชน์ กับสังคมมีคนอ่านเพียง ๑ คน แล้วเกิดมรรคเกิดผล ผมก็จะยินดีและเป็นมหากุศลของผมแล้วละครับ
เช้านี้มาต่อด้วยข้อ ๒ เรื่องของพ่อหลวงในดวงใจครับ ก่อนจะเล่าขอนำความรู้มาเผยแพร่ครับว่า ในโลกนี้มี สัจจะ คือความจริงอยู่ ๒ ประการได้แก่
๑. ความจริง มี ๒ คือ
ก. สมมติสัจจะ จริงโดยสมมติ เช่น คน พ่อค้า ปลา แมว โต๊ะ เก้าอี้
ข. ปรมัตถสัจจะ จริงโดยปรมัตถ์ เช่น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
๒. ความจริง คือ
- จริงใจ ได้แก่ ซื่อสัตย์
- จริงวาจา ได้แก่ พูดจริง และ
- จริงการ ได้แก่ ทำจริง
สมมติสัจจะ จริงโดยสมมติ คือ โดยความตกลงหมายรู้ร่วมกันของมนุษย์ เช่น นาย ก. นาย ข. ช้าง ม้า มด โต๊ะ หนังสือ พ่อ แม่ ลูก เพื่อน เป็นต้น ซึ่งเมื่อกล่าวตามสภาวะ หรือโดยปรมัตถ์แล้ว ก็เป็นเพียงสังขาร หรือนามรูป หรือขันธ์ ๕ เท่านั้น; ตรงข้ามกับ ปรมัตถสัจจะ
ปรมัตถสัจจะ จริงโดยปรมัตถ์ คือ ความจริงโดยความหมายสูงสุด เช่น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ตรงข้ามกับ สมมติสัจจะ จริงโดยสมมติ เช่น สัตว์ บุคคล ฉัน เธอ ม้า รถ นาย ก. นาย ข. เป็นต้น
เหตุการณ์บ้านเมืองของเราช่วงตั้งแต่ ๑๑/๑๐/๖๒ เป็นต้นมาดูมันร้อนแรงเกินเยียวยา อาจจะถึงขั้นเลือดตกยางออกซะแล้ว(ผมหวั่นใจครับ) เพราะเราใช้ สมมุติสัจจะกันจนเกินขอบเขต คือไม่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อจริง สร้างวาทะกรรมต่าง ๆ ผลักดันให้คนแบ่งแยกกันออกเป็น ๒ ฝ่ายอย่างชัดเจน สมมุติสัจจะนี่สำคัญมากสำหรับชาวโลก ส่วนผู้ใฝ่ธรรมและถึงธรรมเขาจะใช้ปรมัตถสัจจะเป็นหลัก ปัญหาจึงไม่มีเพราะทุกอย่างเป็นธรรมหมด
ขอนะครับขอเถิดอย่าแตกแยกกันเลยขอให้มาชมคลิปที่ผมนำมาเสนอข้างล่างนี้ ถ้าท่านรักอย่างบริสุทธิ์ใจและแท้จริง จงอย่าแบ่งแยกกันเราคือคนไทย แม้เห็นต่างสุดท้ายต้องอยู่กันได้ และใครก็ตามที่ศรีธนญชัย ผมขอสาปแช่งให้ตายไม่ดีและตายไว ๆ อย่าเป็นคนหนักแผ่นดินครับ
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ในโลกเบี้ยว ๆ ใบนี้มีอะไรอีกมากมายที่ไม่รู้ ใครที่คิดไม่ดีโกหกมดเท็จ ยุแยงตระแคงรั่วเห็นบ้านเมืองเป็นส่วนของตนเอง เอาแต่พรรคแต่พวกกินบ้านกินเมือง แม้พระองค์ท่านจะจากไปแล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในแผ่นดินยังปกป้องคุ้มครองอยู่ มันทั้งหลายเหล่านั้นจะต้องประสบกับชะตากรรมอันเลวร้ายอย่างแน่นอน (ตายไม่ดีแน่ ๆ โปรดรอชม)
เช้านี้มาต่อด้วยข้อ ๒ เรื่องของพ่อหลวงในดวงใจครับ ก่อนจะเล่าขอนำความรู้มาเผยแพร่ครับว่า ในโลกนี้มี สัจจะ คือความจริงอยู่ ๒ ประการได้แก่
๑. ความจริง มี ๒ คือ
ก. สมมติสัจจะ จริงโดยสมมติ เช่น คน พ่อค้า ปลา แมว โต๊ะ เก้าอี้
ข. ปรมัตถสัจจะ จริงโดยปรมัตถ์ เช่น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
๒. ความจริง คือ
- จริงใจ ได้แก่ ซื่อสัตย์
- จริงวาจา ได้แก่ พูดจริง และ
- จริงการ ได้แก่ ทำจริง
สมมติสัจจะ จริงโดยสมมติ คือ โดยความตกลงหมายรู้ร่วมกันของมนุษย์ เช่น นาย ก. นาย ข. ช้าง ม้า มด โต๊ะ หนังสือ พ่อ แม่ ลูก เพื่อน เป็นต้น ซึ่งเมื่อกล่าวตามสภาวะ หรือโดยปรมัตถ์แล้ว ก็เป็นเพียงสังขาร หรือนามรูป หรือขันธ์ ๕ เท่านั้น; ตรงข้ามกับ ปรมัตถสัจจะ
ปรมัตถสัจจะ จริงโดยปรมัตถ์ คือ ความจริงโดยความหมายสูงสุด เช่น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ตรงข้ามกับ สมมติสัจจะ จริงโดยสมมติ เช่น สัตว์ บุคคล ฉัน เธอ ม้า รถ นาย ก. นาย ข. เป็นต้น
เหตุการณ์บ้านเมืองของเราช่วงตั้งแต่ ๑๑/๑๐/๖๒ เป็นต้นมาดูมันร้อนแรงเกินเยียวยา อาจจะถึงขั้นเลือดตกยางออกซะแล้ว(ผมหวั่นใจครับ) เพราะเราใช้ สมมุติสัจจะกันจนเกินขอบเขต คือไม่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อจริง สร้างวาทะกรรมต่าง ๆ ผลักดันให้คนแบ่งแยกกันออกเป็น ๒ ฝ่ายอย่างชัดเจน สมมุติสัจจะนี่สำคัญมากสำหรับชาวโลก ส่วนผู้ใฝ่ธรรมและถึงธรรมเขาจะใช้ปรมัตถสัจจะเป็นหลัก ปัญหาจึงไม่มีเพราะทุกอย่างเป็นธรรมหมด
ขอนะครับขอเถิดอย่าแตกแยกกันเลยขอให้มาชมคลิปที่ผมนำมาเสนอข้างล่างนี้ ถ้าท่านรักอย่างบริสุทธิ์ใจและแท้จริง จงอย่าแบ่งแยกกันเราคือคนไทย แม้เห็นต่างสุดท้ายต้องอยู่กันได้ และใครก็ตามที่ศรีธนญชัย ผมขอสาปแช่งให้ตายไม่ดีและตายไว ๆ อย่าเป็นคนหนักแผ่นดินครับ
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ในโลกเบี้ยว ๆ ใบนี้มีอะไรอีกมากมายที่ไม่รู้ ใครที่คิดไม่ดีโกหกมดเท็จ ยุแยงตระแคงรั่วเห็นบ้านเมืองเป็นส่วนของตนเอง เอาแต่พรรคแต่พวกกินบ้านกินเมือง แม้พระองค์ท่านจะจากไปแล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในแผ่นดินยังปกป้องคุ้มครองอยู่ มันทั้งหลายเหล่านั้นจะต้องประสบกับชะตากรรมอันเลวร้ายอย่างแน่นอน (ตายไม่ดีแน่ ๆ โปรดรอชม)
- ไฟล์แนบ
-
- 3353075.jpg (99.64 KiB) เข้าดูแล้ว 931 ครั้ง
-
- คน ๒ กลุ่มที่เข้าใจสมมุติสัจจะไม่ตรงกัน ต่างยอมรับความจริงแต่ในฝ่ายของตนและปฏิเสธที่จะฟังจากอีกฝ่ายหนึ่ง เมื่อไม่ยอมกันต่างจะเอาจะชนะคะคานกัน สุดท้ายก็ต้องหันหน้าเข้าห้ำหั่นกันให้แพ้ชนะกันไปข้างหนึ่ง ความสงบมันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ประเทศเราเสียหายสูญเสียและเสียเวลาไปกับความขัดแย้งเหล่านี้มานับ ๑๐ ปี จงตั้งสติแล้วหันหน้ามาใช้ธรรมเพื่อมาตัดสินเรื่องจะได้จบ "ทางโลกจะไม่จบและไม่มีวันสงบถ้าโลกขาดธรรม"
- 3353077.jpg (89.76 KiB) เข้าดูแล้ว 931 ครั้ง
-
- ช่วงเข้าพรรษานี้เราสองคน (คุณลุง - คุณป้า) ถืออุโบสถศีลอย่างเคร่งครัด จึงไม่ออกไปปั่นที่ไหนคงอยู่แต่ เชียงราย - เชียงใหม่ เท่านั้น สำหรับการปั่นจักรยานก็เป็นเพียงออกกำลังกายช่วงเช้าพอได้ยิดเส้นยืดสาย ช่วงนี้ก็ถือโอกาสนำเที่ยวเมืองรองคือ เชียงรายกับลำพูน ซึ่งเชียงรายก็ได้นำเสนอไปแล้ว
เมื่อ ๔/๑๐/๖๒ ผมคนเดียวออกปั่นไปเก็บภาพในเมืองลำพูนเพื่อมาเล่าสู่กันฟัง เช้าวันนั้นออกทางหลังบ้านใช้เส้นทางเรียบรถไฟ เข้าเมืองลำพูนครับ เส้นทางนี้ จ.ลำพูน เขาทำดีมากครับทำเพื่อให้คนจักรยานมาใช้ออกกำลังระยะทางสิบกว่ากิโลผมใช้น้อง Trex ซึ่งไม่เคยได้พาไปไหนเลยจอดทิ้งไว้ แต่เมื่อใดที่ปั่นเดี่ยวผมจะใช้คันนี้เสมอ ๆ ( แต่โอกาสน้อยมาก ) ถ้ามันมีวิญญาณมันคงน้อยใจแย่ และเมื่อใดที่นำออกมาปั่นมันจะสร้างปัญหาทุกครั้ง เหมือนจะแสดงให้ทราบว่า "ฉันน้อยใจน๊ะ" - ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (1).JPG (282.94 KiB) เข้าดูแล้ว 931 ครั้ง
- ช่วงเข้าพรรษานี้เราสองคน (คุณลุง - คุณป้า) ถืออุโบสถศีลอย่างเคร่งครัด จึงไม่ออกไปปั่นที่ไหนคงอยู่แต่ เชียงราย - เชียงใหม่ เท่านั้น สำหรับการปั่นจักรยานก็เป็นเพียงออกกำลังกายช่วงเช้าพอได้ยิดเส้นยืดสาย ช่วงนี้ก็ถือโอกาสนำเที่ยวเมืองรองคือ เชียงรายกับลำพูน ซึ่งเชียงรายก็ได้นำเสนอไปแล้ว
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (2).JPG (293.54 KiB) เข้าดูแล้ว 931 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (3).JPG (330.22 KiB) เข้าดูแล้ว 931 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (4).JPG (303.27 KiB) เข้าดูแล้ว 931 ครั้ง
-
- สถานีป่าเส้าเป็นสถานีย่อยแรกของลำพุน ก่อนจะถึงสถานีใหญ่ ถ้านับจากเชียงใหม่นะครับ ห่างจากบ้านประมาณ ๕ - ๖ กม.ครับ
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (6).JPG (376.53 KiB) เข้าดูแล้ว 931 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (7).JPG (305.44 KiB) เข้าดูแล้ว 931 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (8).JPG (256.28 KiB) เข้าดูแล้ว 931 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (9).JPG (374.64 KiB) เข้าดูแล้ว 931 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (10).JPG (239.89 KiB) เข้าดูแล้ว 931 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (11).JPG (222.98 KiB) เข้าดูแล้ว 931 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (12).JPG (299.27 KiB) เข้าดูแล้ว 931 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (13).JPG (291.35 KiB) เข้าดูแล้ว 931 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (14).JPG (283.1 KiB) เข้าดูแล้ว 931 ครั้ง
-
- S__36102148.jpg (138.75 KiB) เข้าดูแล้ว 923 ครั้ง
-
- 2993.jpg (44.99 KiB) เข้าดูแล้ว 923 ครั้ง
-
- 916186.jpg (64.6 KiB) เข้าดูแล้ว 923 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพทุก ๆ ท่าน เช้านี้เรามาต่อข้อ ๓ คือตำรวจ กันนะครับในฐานะที่ผมเป็นตำรวจเก่า อยากจะบอกท่านผู้มีเกียรติว่า ทุกอาชีพหน้าที่การงานเขาต้องภูมิใจ รักและศรัทธาในหน่วยของเขาและทุก ๆ หน่วยงานก็ต้องมีอุดมการณ์ อุดมคติเป็นแนวทางในการทำงาน สำคัญที่สุดทุก ๆ หน่วยงานองค์กรมันมีทั้งคนดี - คนไม่ดีปะปนกันไป ปัจจุบันนี้ "ตำรวจ" ไม่ใช่ซะแล้ว มีการปั่นกระแสให้เกลียดชังทั้งจากตัวตำรวจเอง สื่อ ผู้บังคับบัญชา วันนี้อยากจะบอกว่าตำรวจแทบไม่มีที่จะยืน ถ้าท่านตามผมไปเรื่อย ๆ ผมจะบอกวิธีเอาชนะตำรวจให้ได้ "ตามไปนะครับ" ก่อนอื่่นมาทำความรู้จักกับตำรวจก่อนก็แล้วกัน
ใครก็ตามที่จะเข้ามามีอาชีพตำรวจต้องผ่านการฝึกฝนและท่องอุดมคติของตำรวจดังนี้
อุดมคติของตำรวจ
เคารพเอื้อเฟื้อต่อหน้าที่
กรุณาปราณีต่อประชาชน
อดทนต่อความเจ็บใจ
ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก
ไม่มักมากในลาภผล
มุ่งบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
ดำรงตนในยุติธรรม
กระทำการด้วยปัญญา
รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต
และตำรวจมีหลายกรมกองตามหน้าที่เช่น ตำรวจภูธร ตร.รถไฟ ตร.ทางหลวง ตร.วัง ฯ เป็นต้น สำหรับผมเป็นอดีตตำรวจตระเวนชายแดน หรือที่พ่อหลวง ร.๙ ทรงเรียกพวกเราว่า "ตำรวจป่า" ส่วนสมเด็จย่า (สมเด็จพระศรีนครินทรา ฯ ) เมตตาพวกเราเป็นอย่างมากท่านทรงเรียกพระองค์ท่านว่า "ย่า" และอนุญาตุให้พวกเราเรียกพระองค์ท่านว่า "ย่า" ตามพระองค์ท่านด้วย ใครก็ตามที่จะเข้ามาเป็นตำรวจป่า หรือ ตชด.ไม่ว่าชั้นยศใด ต้องผ่านการฝึกอย่างเข้มทั้งนั้น แต่ใครที่มาจากหน่วยอื่นก่อนจะเป็น ตชด.ท่านต้องมาฝึกใหม่เราเรียกว่ามา "ปรับพื้นฐาน" อย่างน้อย ๓ เดือนครับ และตำรวจป่านอกจากจะมีอุดมคติของตำรวจเป็นหลักแล้ว เรายังเพิ่มอุดมการณ์ของ ตชด.อีกว่า
อุดมการณ์ของตำรวจตระเวนชายแดน
๑. เทิดทูนและดำรงไว้ซึ่ง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเอกลักษณ์ของความเป็นไทยรักษาไว้ซึ่งระบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นองค์พระประมุข
๒. ความอยู่รอดของชาติและความผาสุขของประชาชนอยู่เหนือชีวิต และความเหนื่อยยากของตำรวจตระเวนชายแดน
๓. ตำรวจตระเวนชายแดนทุกนาย จะต้องมีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย ประหยัด ขยันหมั่นเพียร มีคุณธรรม รับใช้ประชาชนและมีความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างแท้จริง ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ ยุติธรรม สามารถพึ่งตนเองได้
ตชด.นั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อปฏิบัติการพิเศษทดแทนทหารที่ไม่สามารถนำกำลังประชิดติดชายแดนได้ เนื่องจากอนุสนธิสัญญาระหว่างประเทศ คุณพ่อผมท่านเป็นรุ่นแรกและรุ่นบุกเบิกที่มาประจำอยู่ค่ายดารารัศมีตั้งแต่ปี ๒๔๙๓ (โดยการเกณฑ์หรือรับจากพวกจบนักธรรมเข้ามาฝึก) ปีผมเกิดพอดี ส่วนผมเป็น ตชด.รุ่น ๒ ของค่ายดารารัศมี หมายถึงค่ายรับและฝึกเองเพื่อฝึกอาวุธพิเศษเข้าต่อต้านกับ ผกค.โดยคุณลักษณะของ ตชด.จึงพิเศษกว่าตำรวจหน่วยอื่นคือ
คุณลักษณะของตำรวจตระเวนชายแดน
๑. สามารถทำการรบได้อย่างทหาร
๒. สามารถป้องกันปราบปรามอาชญากรรมได้อย่างตำรวจ
๓. สามารถให้บริการแทนกระทรวง ทบวงกรมต่าง ๆ ได้อย่างพลเรือน
โดยภาพรวมแต่ก่อน ๆ มา ตำรวจเป็นที่พึ่งและศรัทธาจากประชาชนมาก แต่ปัจจุบันภาพดังกล่าวเลือนหายไปเกือบหมด จนทำให้ตัวตำรวจเองก็หมดศรัทธาในอาชีพของตนเอง ปีนี้เป็นวิกฤตที่สุดของตำรวจที่ไม่เคยปรากฏ ตำรวจฆ่าตัวตายมากขึ้น ยังไม่พอขอลาออกก่อนเกษียณก็เยอะนัยมาเกือยเป็นหลักพัน ขอให้คิดดูนะครับถ้าขาดตำรวจบ้านเมืองจะเป็นเช่นไร เอาทหารมาทำซิ เป็นไปได้ไหม ? เรามาฟังคลิปกันครับ
ใครก็ตามที่จะเข้ามามีอาชีพตำรวจต้องผ่านการฝึกฝนและท่องอุดมคติของตำรวจดังนี้
อุดมคติของตำรวจ
เคารพเอื้อเฟื้อต่อหน้าที่
กรุณาปราณีต่อประชาชน
อดทนต่อความเจ็บใจ
ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก
ไม่มักมากในลาภผล
มุ่งบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
ดำรงตนในยุติธรรม
กระทำการด้วยปัญญา
รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต
และตำรวจมีหลายกรมกองตามหน้าที่เช่น ตำรวจภูธร ตร.รถไฟ ตร.ทางหลวง ตร.วัง ฯ เป็นต้น สำหรับผมเป็นอดีตตำรวจตระเวนชายแดน หรือที่พ่อหลวง ร.๙ ทรงเรียกพวกเราว่า "ตำรวจป่า" ส่วนสมเด็จย่า (สมเด็จพระศรีนครินทรา ฯ ) เมตตาพวกเราเป็นอย่างมากท่านทรงเรียกพระองค์ท่านว่า "ย่า" และอนุญาตุให้พวกเราเรียกพระองค์ท่านว่า "ย่า" ตามพระองค์ท่านด้วย ใครก็ตามที่จะเข้ามาเป็นตำรวจป่า หรือ ตชด.ไม่ว่าชั้นยศใด ต้องผ่านการฝึกอย่างเข้มทั้งนั้น แต่ใครที่มาจากหน่วยอื่นก่อนจะเป็น ตชด.ท่านต้องมาฝึกใหม่เราเรียกว่ามา "ปรับพื้นฐาน" อย่างน้อย ๓ เดือนครับ และตำรวจป่านอกจากจะมีอุดมคติของตำรวจเป็นหลักแล้ว เรายังเพิ่มอุดมการณ์ของ ตชด.อีกว่า
อุดมการณ์ของตำรวจตระเวนชายแดน
๑. เทิดทูนและดำรงไว้ซึ่ง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเอกลักษณ์ของความเป็นไทยรักษาไว้ซึ่งระบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นองค์พระประมุข
๒. ความอยู่รอดของชาติและความผาสุขของประชาชนอยู่เหนือชีวิต และความเหนื่อยยากของตำรวจตระเวนชายแดน
๓. ตำรวจตระเวนชายแดนทุกนาย จะต้องมีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย ประหยัด ขยันหมั่นเพียร มีคุณธรรม รับใช้ประชาชนและมีความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างแท้จริง ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ ยุติธรรม สามารถพึ่งตนเองได้
ตชด.นั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อปฏิบัติการพิเศษทดแทนทหารที่ไม่สามารถนำกำลังประชิดติดชายแดนได้ เนื่องจากอนุสนธิสัญญาระหว่างประเทศ คุณพ่อผมท่านเป็นรุ่นแรกและรุ่นบุกเบิกที่มาประจำอยู่ค่ายดารารัศมีตั้งแต่ปี ๒๔๙๓ (โดยการเกณฑ์หรือรับจากพวกจบนักธรรมเข้ามาฝึก) ปีผมเกิดพอดี ส่วนผมเป็น ตชด.รุ่น ๒ ของค่ายดารารัศมี หมายถึงค่ายรับและฝึกเองเพื่อฝึกอาวุธพิเศษเข้าต่อต้านกับ ผกค.โดยคุณลักษณะของ ตชด.จึงพิเศษกว่าตำรวจหน่วยอื่นคือ
คุณลักษณะของตำรวจตระเวนชายแดน
๑. สามารถทำการรบได้อย่างทหาร
๒. สามารถป้องกันปราบปรามอาชญากรรมได้อย่างตำรวจ
๓. สามารถให้บริการแทนกระทรวง ทบวงกรมต่าง ๆ ได้อย่างพลเรือน
โดยภาพรวมแต่ก่อน ๆ มา ตำรวจเป็นที่พึ่งและศรัทธาจากประชาชนมาก แต่ปัจจุบันภาพดังกล่าวเลือนหายไปเกือบหมด จนทำให้ตัวตำรวจเองก็หมดศรัทธาในอาชีพของตนเอง ปีนี้เป็นวิกฤตที่สุดของตำรวจที่ไม่เคยปรากฏ ตำรวจฆ่าตัวตายมากขึ้น ยังไม่พอขอลาออกก่อนเกษียณก็เยอะนัยมาเกือยเป็นหลักพัน ขอให้คิดดูนะครับถ้าขาดตำรวจบ้านเมืองจะเป็นเช่นไร เอาทหารมาทำซิ เป็นไปได้ไหม ? เรามาฟังคลิปกันครับ
- ไฟล์แนบ
-
- S__33980419.jpg (182.24 KiB) เข้าดูแล้ว 910 ครั้ง
-
- หน้าแรก ข่าวเดลินิวส์ ข่าวทั่วไทย ได้ขึ้นสว.แต่ถูกจับเปลี่ยนสายงาน 'พ.ต.ต.'เครียดผูกคอ
สลดใจ "พ.ต.ต."คิดสั้นผูกคอเสียชีวิตใต้ต้นไม้ ภรรยาช็อกบอกเมื่อคืนยังคุยกันอยู่ เผยสามีบ่นเครียดอยากลาออก ได้ขึ้นตำแหน่งเป็นสารวัตรแต่กลับถูกเปลี่ยนสายงาน จันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2562 เวลา 15.38
เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ร.ต.อ.พีรเพชร นวคะวาส รอง สว(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุมีตำรวจผูกคอตายที่บ้านพักเลขที่ 82/4 ซอยศิริรักษ์ หมู่ 2 ชุมชนหนองหินตำบลหมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จึงรุดไปตรวจสอบสายตรวจ แพทย์ รพ.ศูนย์อุดรธานี และมูลนิธิอุดรส่งเสริมธรรม พบศพ พ.ต.ต.สุริยน จงรักษ์ อายุ 58 ปี ตำแหน่ง สว.ฝสสน.1 บก.สสน.บช.ตชด. สภาพใช้เชือกไนล่อนผูกคอตายกับต้นมะขาม สวมเสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน สวมรองเท้าแตะ ข้างศพมีเก้าอี้ไม้ล้มอยู่ ซึ่งลูกสาวได้นำมีดมาตัดเชือกก่อนนำร่างบิดาลงมา
สอบสวน นางจันทร์ จงรักษ์ อายุ 57 ปี ภรรยาผู้ตาย ให้การว่า สามีจบนักเรียนพลตำรวจ รุ่น 13 ที่มอดินแดน โดยสามีเป็นร้อยตำรวจเอกประจำอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่เมื่อปี 49 แต่บางครั้งลงไปทำงานภาคใต้บ้าง ล่าสุด ได้ย้ายมารับตำแหน่งใหม่ขึ้นเป็นสารวัตรที่กรุงเทพ เมื่อเดือน ก.พ.62 อยู่ฝ่ายจริยาธรรม วันหยุด หรือวันเสาร์อาทิตย์จะเดินทางกลับมาบ้านพักที่ จ.อุดรธานี เรื่องหลักคงเป็นเรื่องที่เคยบ่นว่าอยากลาออกเนื่องจากในเรื่องงานทำงานยากขึ้นและทำไม่ได้เต็มกำลัง รวมทั้งเรื่องรองที่เป็นเรื่องหนี้สินด้วยเพราะเงินเดือนติดลบอยู่ตลอดทุกเดือน บางครั้งมาเอาเงินกับครอบครัวไปใช้จ่ายเวลาเงินไม่พอใช้
"สามีไม่ได้เล่าเรื่องงานกับหนี้สินอะไรให้ฟังมากนักเพราะไม่อยากให้ทางครอบครัวไม่สบายใจไปด้วย เมื่อคืนนั่งดื่มเบียร์และเล่นประทัดกับหลานชาย เรายังพูดคุยกันตามปกติอยู่เลย เขาก็ไม่ได้พูดอะไรบ่งบอกว่าจะคิดสั้น กระทั่งเวลา 22.00 น.ได้พากันเข้านอน พอตอนเช้าตื่นขึ้นมาไม่เห็นเขาอยู่ในห้องนอนจึงได้เดินตามหารอบบ้าน และต้องตกใจสุดขีดเมื่อพบว่าผูกคอตายใต้ต้นมะขามหลังบ้านแล้ว พอตั้งสติก็รีบไปบอกลูกสาว"
ร.ต.อ.พีรเพชร เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำคาดว่าผู้ตายเกิดจากความเครียดในเรื่องงาน เพราะบ่นให้ภรรยาฟังว่าได้รับตำแหน่งใหม่เป็นสารวัตรก้จริงแต่กลับทำงานไม่ได้เลยเพราะยากขึ้นจากการเปลี่ยนสายงาน รวมถึงมีหนี้สินติดลบทุกเดือนด้วย เชื่อว่าคงหาทางออกไม่ได้ตัดสินใจคิดสั้นดังกล่าว แพทย์สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมา 3-5 ชม. ซึ่งญาติไม่ติดใจก็จะมอบร่างให้นำไปบำเพ็ญกุศลต่อไป.
นี่ถ้าอยู่ ตชด.รับรองไม่ได้ฆ่าตัวตายแน่นอนครับ "สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม" จริงๆ เลย ขอดวงวิญญาณน้องสู่สุขคติก็แล้วกัน กรรมใดที่พี่ล่วงเกินน้องก็ขออโหสิกรรมให้กันและกันนะ - S__36175875.jpg (352.56 KiB) เข้าดูแล้ว 910 ครั้ง
- หน้าแรก ข่าวเดลินิวส์ ข่าวทั่วไทย ได้ขึ้นสว.แต่ถูกจับเปลี่ยนสายงาน 'พ.ต.ต.'เครียดผูกคอ
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (15).JPG (309.42 KiB) เข้าดูแล้ว 910 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (16).JPG (281.65 KiB) เข้าดูแล้ว 910 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (17).JPG (299.89 KiB) เข้าดูแล้ว 910 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (18).JPG (227.93 KiB) เข้าดูแล้ว 910 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (19).JPG (349.85 KiB) เข้าดูแล้ว 910 ครั้ง
-
- ไม่ทราบท่านได้อ่านเรื่องราวของตำรวจแล้วรู้สึกอย่างไร ถ้าจะเมตตาบอกหน่อยจะได้ไหม ๕๕ เรามาเดินทางเที่ยวกันต่อนะครับ ผมปั่นจากบ้านปั่นแบบสบาย ๆ แต่ไอ้เจ้าน้องเท็กนี่เป็นเสือหมอบตามสไตล์มันพุ่งและเร็วครับ ไม่นานก็ผ่านสถานที่ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปมากอยู่ แต่เปลี่ยนมากคือวัดริมร่องสะหลีศรีบุญค้ำ (ชื่อยาวเนาะ) นี่ผมไม่ได้แวะมานับ กว่าปีได้แต่โอ้...ขยับขยายกว้างขวางขึ้น แต่ก่อนน่าจะปี ๒๕๕๙ ผมเห็นเป็นแค่สำนักสงฆ์ แต่ดี๋ยวนี้ขึ้นเป็น "วัด" แล้ว
เจ้าอาวาสท่านน่าจะไม่ธรรมดานะนี่ ? ผมยังไม่เคยพบและสนทนากับท่านเลยสักครั้ง คงต้องหาโอกาสเวลาเหมาะ ๆ ซะแล้ว มาถึงที่นี่เมื่อไหร่ไม่เคยเจอพระเลย โห้ ๆ - ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (20).JPG (261.91 KiB) เข้าดูแล้ว 910 ครั้ง
- ไม่ทราบท่านได้อ่านเรื่องราวของตำรวจแล้วรู้สึกอย่างไร ถ้าจะเมตตาบอกหน่อยจะได้ไหม ๕๕ เรามาเดินทางเที่ยวกันต่อนะครับ ผมปั่นจากบ้านปั่นแบบสบาย ๆ แต่ไอ้เจ้าน้องเท็กนี่เป็นเสือหมอบตามสไตล์มันพุ่งและเร็วครับ ไม่นานก็ผ่านสถานที่ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปมากอยู่ แต่เปลี่ยนมากคือวัดริมร่องสะหลีศรีบุญค้ำ (ชื่อยาวเนาะ) นี่ผมไม่ได้แวะมานับ กว่าปีได้แต่โอ้...ขยับขยายกว้างขวางขึ้น แต่ก่อนน่าจะปี ๒๕๕๙ ผมเห็นเป็นแค่สำนักสงฆ์ แต่ดี๋ยวนี้ขึ้นเป็น "วัด" แล้ว
-
- ถ้าท่านเดินทางมาจากทางใต้ขึ้นมาเชียงใหม่ ผ่านดอยขุนตานอีกซักประมาณ ๔๐ กม.ท่านจะถึงดอยติ และบริเวณนี้ซ้ายมือของท่าน ท่านจะพบรูปปั้นขนาดมหึมาของท่านครูบาศรีวิชัย ขวัญใจและเคารพบูชาของคนลำพูนตลอดถึงคนภาคเหนือทุกคน ประดิษฐานบนเนินเขาลูกย่อม ๆ ที่เรียกกันว่า "ดอยติ" ดอยลูกนี้บรรดานักปั่นทุกคนต้องมาผ่านที่นี่เสมอ ๆ เป็นที่สำหรับฝึกปั่นขึ้นเขาครับ ผมก็จะมาปั่นขึ้นเป็นประจำ ใหม่ ๆ ก็ไม่มีทางขึ้นได้ครับ ต้องทดลอง ๒ - ๓ ครั้งจึงจะขึ้นได้ รับรองได้หอบครับ
ครานี้ก็เช่นกันขึ้นไม่ได้ครับเพราะ ไอ่เจ้า Trex มันน้อยใจตามที่เล่าไว้ เกียร์ไม่สามารถปรับไปตำแหน่งเบาสุด ๆ ได้ ได้แต่เกียร์ ๖ - ๗ เท่านั้น เป็นอันไม่สามารถไปเก็บภาพข้างบนให้ท่านชมกันได้ ผมบอกแล้วนาน ๆ พามาเที่ยวที "มันคงน้อยใจ" เหมือนมีวิญญาณสิงนะครับเหลือเชื่อจริง ๆ - ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (21).JPG (383.98 KiB) เข้าดูแล้ว 910 ครั้ง
- ถ้าท่านเดินทางมาจากทางใต้ขึ้นมาเชียงใหม่ ผ่านดอยขุนตานอีกซักประมาณ ๔๐ กม.ท่านจะถึงดอยติ และบริเวณนี้ซ้ายมือของท่าน ท่านจะพบรูปปั้นขนาดมหึมาของท่านครูบาศรีวิชัย ขวัญใจและเคารพบูชาของคนลำพูนตลอดถึงคนภาคเหนือทุกคน ประดิษฐานบนเนินเขาลูกย่อม ๆ ที่เรียกกันว่า "ดอยติ" ดอยลูกนี้บรรดานักปั่นทุกคนต้องมาผ่านที่นี่เสมอ ๆ เป็นที่สำหรับฝึกปั่นขึ้นเขาครับ ผมก็จะมาปั่นขึ้นเป็นประจำ ใหม่ ๆ ก็ไม่มีทางขึ้นได้ครับ ต้องทดลอง ๒ - ๓ ครั้งจึงจะขึ้นได้ รับรองได้หอบครับ
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (22).JPG (211.98 KiB) เข้าดูแล้ว 910 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (23).JPG (256.17 KiB) เข้าดูแล้ว 910 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (24).JPG (389.53 KiB) เข้าดูแล้ว 910 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (25).JPG (435.31 KiB) เข้าดูแล้ว 910 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (26).JPG (807.94 KiB) เข้าดูแล้ว 910 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (27).JPG (284.41 KiB) เข้าดูแล้ว 910 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (28).JPG (256.73 KiB) เข้าดูแล้ว 910 ครั้ง
-
- S__34873410.jpg (136.17 KiB) เข้าดูแล้ว 910 ครั้ง
-
- S__34873412.jpg (132.56 KiB) เข้าดูแล้ว 910 ครั้ง
-
- S__4923550.jpg (143.23 KiB) เข้าดูแล้ว 910 ครั้ง
-
- จำภาพนี้ได้ติดตราตรึงใจ แต่กว่าจะค้นหาได้นับเวลาเป็นชั่วโมง ต้องใช้อธิษฐานจิตช่วยด้วยนะนี่ จึงจะได้ภาพนี้มา หากษัตริย์ที่ไหนในโลกทำแบบนี้บ้าง ไหมล่ะสุดยอดจริง ๆ แล้วจะไม่ให้รักได้อย่างไร ประเทศไทยกล้าพูดได้เลยไม่มีใครที่ไม่รักในหลวง ร.๙ พระองค์นี้ นอกจาก "ไอ้พวกเนรคุณ ไร้จิตสำนึก" และขอบอกใครที่คิดไม่ดีกับพระองค์ท่านสุดท้ายมีอันเป็นไป ล่าสุดต้องหนีกระเซอะกระเซิง อย่าให้เอ่ยชื่อเลยครับ...เสนียดปาก.
- S__4923551.jpg (148.33 KiB) เข้าดูแล้ว 910 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
"..... มาตรฐานเครื่องตัดสิน กรรมดีกรรมชั่วอีกอย่างหนึ่งตามแง่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ กรรมใดทำแล้วทำให้กิเลสพอกพูนขึ้น กรรมนั้นเป็นกรรมชั่ว ส่วนกรรมใดทำแล้วเป็นไปเพื่อความขัดเกลากิเลสทำให้กิเลสเบาบางลง กรรมนั้นเป็นกรรมดี
กล่าวให้ชัดอีกหน่อยหนึ่งว่า ทำอย่างใด พูดอย่างใด และคิดอย่างใดทำให้โลภ โกรธ หลง เพิ่มพูนขึ้นในสันดาน หรือในจิต อันนั้นเป็นกรรมชั่ว ส่วนกรรมดีก็ตรงกันข้าม
มาตรฐานนี้ ค่อนข้างสูงหน่อย พ้นจากสำนึกของคนสามัญ กล่าวคือ คนทั่วไปไม่ค่อยนึกในแง่นี้ เมื่อเอาลักษณะตัดสินธรรมวินัย ๘ ประการ มาพิจารณาก็จะยิ่งเห็นชัดขึ้น ว่า มาตรฐานแห่งความดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นอยู่ที่การลด โลภ โกรธ หลง ยิ่งลดได้มากเท่าใด ยิ่งดีมากเท่านั้น ลดได้เกลี้ยงก็ดีถึงที่สุด..... "
( สัพพะทานัง ธรรมะทานังชินาติ ธรรมทานย่อมเหนือการให้ทานทั้งปวง)
อรุณสวัสดิ์ครับท่านที่เคารพ เช้าวันนี้เรามาต่อเกี่ยวกับวันตำรวจกันอีกสักนิดนึง
กล่าวให้ชัดอีกหน่อยหนึ่งว่า ทำอย่างใด พูดอย่างใด และคิดอย่างใดทำให้โลภ โกรธ หลง เพิ่มพูนขึ้นในสันดาน หรือในจิต อันนั้นเป็นกรรมชั่ว ส่วนกรรมดีก็ตรงกันข้าม
มาตรฐานนี้ ค่อนข้างสูงหน่อย พ้นจากสำนึกของคนสามัญ กล่าวคือ คนทั่วไปไม่ค่อยนึกในแง่นี้ เมื่อเอาลักษณะตัดสินธรรมวินัย ๘ ประการ มาพิจารณาก็จะยิ่งเห็นชัดขึ้น ว่า มาตรฐานแห่งความดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นอยู่ที่การลด โลภ โกรธ หลง ยิ่งลดได้มากเท่าใด ยิ่งดีมากเท่านั้น ลดได้เกลี้ยงก็ดีถึงที่สุด..... "
( สัพพะทานัง ธรรมะทานังชินาติ ธรรมทานย่อมเหนือการให้ทานทั้งปวง)
อรุณสวัสดิ์ครับท่านที่เคารพ เช้าวันนี้เรามาต่อเกี่ยวกับวันตำรวจกันอีกสักนิดนึง
- ไฟล์แนบ
-
- " วันตำรวจไทย " แต่เนื่องจากเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต ในปีถัดมาคือปี พ.ศ. 2560 จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงวันตำรวจเป็นวันที่ 17 ตุลาคมของทุกปี โดยยึดตามวันที่มีการเปลี่ยนแปลงจากกรมตำรวจเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2541
..วันตำรวจของไทย เดิมตรงกับวันที่ 13 ตุลาคมของทุกปี เนื่องจากวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2458 เป็นวันประกาศรวม "กรมพลตระเวน" กับ "กรมตำรวจภูธร" เป็นกรมเดียวกัน เรียกว่า "กรมตำรวจ" (ในภายหลังได้เปลี่ยนเป็น "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ") กรมตำรวจจึงถือเอาวันที่ 13 ตุลาคมของทุกปี เป็น "วันตำรวจ" โดยมีการประกอบพิธีในวันตำรวจอย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2492 ซึ่งขณะนั้น พล.ต.อ. หลวงชาติตระการโกศล เป็นอธิบดีกรมตำรวจ
ในปี พ.ศ. 2494 พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้นได้จัดให้มีพิธีเดินสวนสนาม และปฏิบัติต่อเนื่องมาจนถึง พ.ศ. 2500 หลังจากนั้นได้ระงับการจัดพิธีเดินสวนสนามที่เป็นการรวมหน่วยทุกหน่วยของตำรวจ ประกอบแต่พิธีทางศาสนาและกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์เพียงอย่างเดียว
ในวันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2495 ได้มีพิธีสวนสนามของเหล่าข้าราชการตำรวจต่อหน้าพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ลานพระราชวังดุสิต (พระบรมรูปทรงม้า) ในการนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานธงชัยประจำหน่วยตำรวจให้แก่หน่วยตำรวจต่างๆเป็นครั้งแรกจำนวน 6 ธง(สำนักราชเลขาธิการเรียกธงดังกล่าวว่า "ธงชัยเฉลิมพลประจำหน่วยตำรวจ")พร้อมพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ขบวนสวนสนามของตำรวจ
ในวันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2496 ได้มีพิธีสวนสนามของข้าราชการตำรวจและนักเรียนพลตำรวจของโรงเรียนพลตำรวจภูธรภาค 4 ต่อหน้าพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ณ ลานพระราชวังดุสิต (พระบรมรูปทรงม้า) ในการนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานธงชัยประจำหน่วยตำรวจให้แก่โรงเรียนพลตำรวจภูธรภาค 4(สำนักราชเลขาธิการเรียกธงดังกล่าวว่า "ธงชัยเฉลิมพลประจำกองโรงเรียนพลตำรวจภูธรภาค 4")พร้อมพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ขบวนสวนสนาม
ในวันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2497 ได้มีพิธีสวนสนามของข้าราชการตำรวจและนักเรียนพลตำรวจของโรงเรียนพลตำรวจภูธรภาค 1 ภาค 3 และภาค 8 ต่อหน้าพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ลานพระราชวังดุสิต (พระบรมรูปทรงม้า) ในการนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานธงชัยประจำหน่วยตำรวจให้แก่โรงเรียนพลตำรวจภูธรภาค 1 ภาค 3 และภาค 8 รวม 3 ธง(สำนักราชเลขาธิการเรียกธงดังกล่าวว่า "ธงชัยเฉลิมพลประจำกองโรงเรียนพลตำรวจภูธรภาค 1 ภาค 3 และภาค 8")พร้อมพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ขบวนสวนสนาม
ในส่วนของนักเรียนนายร้อยตำรวจ และนายตำรวจปกครองของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ได้กระทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยประจำหน่วยตำรวจ และสวนสนาม ภายในโรงเรียนนายร้อยตำรวจเนื่องในวันตำรวจเป็นประจำตลอดมาทุกปี จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2550 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้จัดให้มีพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของเหล่าข้าราชการตำรวจ เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ขึ้น ณ ราชมังคลากีฬาสถาน โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี และได้อัญเชิญธงชัยประจำหน่วยตำรวจซึ่งมีความสำคัญเช่นเดียวกับธงชัยเฉลิมพลของทหาร จำนวนทั้งสิ้น 13 ธง มากระทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณและสวนสนามในครั้งดังกล่าว
ในปี พ.ศ. 2551 ได้มีพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนาม เนื่องในวันตำรวจเฉพาะนักเรียนนายร้อยตำรวจและคณะนายตำรวจปกครองของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ณ ลานฝึกศรียานนท์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
ต่อมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้อนุมัติหลักการให้มีการจัดพิธีกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามเนื่องในวันตำรวจ ณ ลานฝึกศรียานนท์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ โดยการสนธิกำลังนักเรียนนายร้อยตำรวจร่วมกับข้าราชการตำรวจจากกองบัญชาการต่างๆ ในทุกๆปี ทั้งนี้โดยเชิญธงชัยประจำหน่วยตำรวจเข้าร่วมในพิธีจำนวน 6 ธง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
(ที่มา..wikipedia..https://th.wikipedia.org/wiki/) - S__17023467.jpg (154.21 KiB) เข้าดูแล้ว 894 ครั้ง
- " วันตำรวจไทย " แต่เนื่องจากเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต ในปีถัดมาคือปี พ.ศ. 2560 จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงวันตำรวจเป็นวันที่ 17 ตุลาคมของทุกปี โดยยึดตามวันที่มีการเปลี่ยนแปลงจากกรมตำรวจเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2541
-
- 939949.jpg (16.49 KiB) เข้าดูแล้ว 894 ครั้ง
-
- เมื่อวันที่ ๓ /๑๐ /๖๒ ผมต้องไป รพ.ตามนัดของแพทย์เพื่อตรวจสภาวะเส้นเลือดขอดและแข็งตัว และติดตามผลของการฉีดยารอบสะดือ ๗๔ เข็ม ปรากฏว่าหมอทำอัลตราซาวด์และตรวจอย่างละเอียดจะต้อง Admit ทำการผ่าตัดต่อ โดยนัดไปตรวจสภาพร่างกายก่อนผ่าตัดใน ๒๖ /๑๐ /๖๒ และเข้าห้อง "เชือด" ใน ๑๔ /๑ /๖๓ ในเวลาเดียวกันก่อนกลับก็เลยรีบจองห้องพิเศษไว้เลยเพราะต้องเข้าไปนอน รพ.ใน ๑๓ /๑ /๖๓ เตรียมความพร้อมก่อนเชือดครับ
ในขณะที่นั่งรอหมอผมเห็นนักโทษชาย ถูกพันธนาการด้วยโซ่ที่ข้อเท้า และที่คอหมอเจาะเพื่อหายใจ ? มือไวพอ ๆ กับความคิดผมแอบเก็บภาพไว้เผื่อจะได้ใช้ และก็ได้ใช้จริง ๆ เลย ได้ใช้จริง ๆ ในเช้านี้ไง ๕๕ ผมไม่ได้พูดคุยกับนักโทษคนนั้นก็เลยไม่ได้ขออนุญาตุ ถือเป็นการละเมิดสิทธิ์ แต่ผมพลางหน้าตาคงไม่รู้หรอกว่าเป็นใคร ก็ขอให้นักโทษคนนี้จงได้กุศลผลบุญจากการได้มาเป็น Case stydy ในเช้าวันนี้ ขอให้หลุดพ้นคดีและขอให้สุขภาพกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม และหากออกจากคุกเพราะพ้นคดีก็ขอให้กลับไปเป็นพลเมืองดี มีศีลครบบริบูรณ์เพื่อความสุขความเจริญของตัวและครอบครัวต่อไป
ย้อนหลังไปเมื่อประมาณ ๔๐ กว่าปีที่ผ่านมา ผมยศขณะนั้น ร.ต.ท. ประจำอยู่ฐานภูแดง คลุมพื้นที่อ.เชียงของทั้งหมด วันหนึ่งได้รับการ้องขอจากกรมสรรพสามิตขอสนธิกำลัง เพื่อตรวจจับการผลิตสุราเถื่อน งานนี้ผมเดินทางไปร่วมด้วย สรรพสามิตตลุยทำลายหม้อกลั่นน้ำเหล้าหมักเตรียมกลั่นได้เยอะมาก แต่จับได้รายหนึ่งน่าสงสารมาก ๆ เมื่อถูกจับแกน้ำตาไหลพราก สะอื้นเบา ๆ แปลกใจนึกนะ "ไอ้นี่เล่ห์พราว" แต่ผมก็ยังเฉย ๆ พาไปส่งที่โรงพัก มันร้องโฮเลยครับ ผมติดใจมึงร้องอะไรของมึง และตระหนักคิดว่า "น้ำตาลูกผู้ชายไม่ไหลง่าย ๆ " เมื่อได้ไปนั่งคุยด้วยถึงได้รู้ความจริงว่า มันยากจนจริง ๆ และที่จับมาได้แค่เหล้าเถื่อนขวดเดียว ผมตัดสินใจเข้าไปคุยร้อยเวรและเจรจาขอรายนี้รายเดียว ออกค่าปรับให้มันและพาไปส่งบ้าน พร้อมให้เงินที่เหลือในกระเป๋าตังผมจำไม่ได้เท่าไหร่แต่หลายร้อยครับ เพื่อให้มันไปซื้อสิ่งของที่คิดไว้ว่าขายเหล้าได้ขวดเดียว จะไปหาซื้อของกินให้ลูกให้เมีย พร้อมอบรมสั่งสอนให้หลีกเลี่ยงสิ่งผิด ๆ อย่าทำ
และสาเหตุนี้เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่เมื่อครั้งมีการถ่ายเทนายตำรวจจากชายแดนไปประจำภูธร ผมไม่สมัครใจไปคงขออยู่ ตชด.จวบจนได้ลาออกและมีชีวิตยืนยาวอยู่มาถึงทุกวันนี้ เพื่อนร่วมรุ่นนายร้อยผมออกไปอยู่ ตร.ภูธร กันเกือบหมด มีหลายคนที่ถูกวิบากกรรมเล่นงานไม่ได้บำเหน็ญบำนาญ บางรายฆ่าตัวตายก็มี...อนิจจา.
มีคำหนึ่งที่ติดปากชาวบ้าน "ฉ้อราษฏร์ บังหลวง" ขอแก้ข่าวครับ ตำรวจไม่ง้อกับคำ ๆ นี้ครับ แต่ตำรวจมีวิธีหากินและเป็นที่มาของการเกลียดชังตำรวจ อยากจับโจรคุณต้องเข้าไปรังโจรครับ นายแต่ละคนมีโจรอยู่ในมือคนละคนสองคนบางคนเป็นสิบ เรียกว่าเลี้ยงโจร เพื่อการข่าวครับ (อย่าคิดมาก) ด้วยสาเหตุนี้มีคดีที่ไหนจับได้แทบทั้งสิ้นครับถ้าเอาจริง ๆ แต่กอ่นแต่ไรมาก็เป็นไปตามธรรม อยู่ไปอยู่มาโลกมันแคบเข้า ๆ จิตใจคนก็แคบตามโลก การทำผิดเริ่มเยอะขึ้น ๆ คดีก็เพิ่มขึ้น ๆ ตามความเจริญของโลก ตำรวจต้องทำงานหนักขึ้น ๆ จากการทำงานที่หนักขึ้นดังกล่าวทำให้ตำรวจเริ่มเห็นช่องทางประกอบกับเงินเดือนน้อยสวัสดิการแทบไม่มีเลย ครอบครัวยากจนชักหน้าไม่ถึงหลัง จึงได้มีการรีดไถคนที่ถูกจับเพื่อแลกกับอิสระภาพ
วิธีที่คุณจะไม่ต้องถูกตำรวจจับและไม่ต้องถูกดำเนินคดีหรือถูกรีดไถ แถมบ้านเมืองยังเป็นระเบียบเรียบร้อย คุณ ๆ ต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฏหมายครับ แบบนี้เชื่อได้เลยครับ ตำรวจทำอะไรคุณไม่ได้เลย แต่คุณ ๆ ทั้งหลายทำผิดกฏหมายเสียเอง เมื่อตำรวจจับคุณก็ดิ้นเพื่ออิสระภาพของคุณ ถูกต้องไหม ? เห็นไหมครับแล้วมาด่าตำรวจ "เลี้ยงช้างไม่กินขี้ช้างยังไง ๆ อยู่นา..." และนี่ก็คือช่องทางของตำรวจ ทุกวันนี้จะปฏิรูปตำรวจแต่ไม่สามารถเข้าถึงปัญหาที่แท้จริง แก้ไม่ได้หรอกครับ
สรุป...อย่ากลัวตำรวจและไม่ต้องไปด่าตำรวจ ขอให้ทำตัวของตัวเองให้ถูกต้องตาม กม.แค่นี้ หรือพูดอีกนัยหนึ่งถ้าคุณเป็นคนมีศีล ๕ ประจำใจปฏิบัติตามศีล ๕ อย่างเคร่งครัด ไม่ต้องทำอะไรเลยครับ ตำรวจทำอะไรคุณไม่ได้เด็ดขาด เชื่อผมนะครับ. - S__36454402.jpg (225.18 KiB) เข้าดูแล้ว 894 ครั้ง
- เมื่อวันที่ ๓ /๑๐ /๖๒ ผมต้องไป รพ.ตามนัดของแพทย์เพื่อตรวจสภาวะเส้นเลือดขอดและแข็งตัว และติดตามผลของการฉีดยารอบสะดือ ๗๔ เข็ม ปรากฏว่าหมอทำอัลตราซาวด์และตรวจอย่างละเอียดจะต้อง Admit ทำการผ่าตัดต่อ โดยนัดไปตรวจสภาพร่างกายก่อนผ่าตัดใน ๒๖ /๑๐ /๖๒ และเข้าห้อง "เชือด" ใน ๑๔ /๑ /๖๓ ในเวลาเดียวกันก่อนกลับก็เลยรีบจองห้องพิเศษไว้เลยเพราะต้องเข้าไปนอน รพ.ใน ๑๓ /๑ /๖๓ เตรียมความพร้อมก่อนเชือดครับ
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (29).JPG (254.5 KiB) เข้าดูแล้ว 894 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (30).JPG (349.08 KiB) เข้าดูแล้ว 894 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (31).JPG (269.56 KiB) เข้าดูแล้ว 894 ครั้ง
-
- ออกจากอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยที่ดอยติ ผมก็พาน้องเทร็ก ปั่นย้อนกลับเข้าในเมืองเพื่อจะพาท่านไปชมและนมัสการกราบพระที่วัดพระยืนครับ ผ่านเข้าเส้นทางเรียบรถไฟฝั่งซ้าย เลี้ยวซ้ายทางแยกที่มีป้ายบอกว่าไปพระยืน ผ่านทุ่งนาเหลือไม่กี่ไร่แต่ก่อนบริเวณนี้เป็นท้องทุ่งนากว้างใหญ่ไพศาล ได้กลายมาเป็นหมู่บ้านร้านค้าเกือบหมดแล้ว นี่แหละที่เรียกว่าเจริญ(ความจริงแล้วมันเสื่อมมากกว่า)
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (32).JPG (260.14 KiB) เข้าดูแล้ว 894 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (33).JPG (272.42 KiB) เข้าดูแล้ว 894 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (34).JPG (406.5 KiB) เข้าดูแล้ว 894 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (35).JPG (318.28 KiB) เข้าดูแล้ว 894 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (36).JPG (305.66 KiB) เข้าดูแล้ว 894 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (37).JPG (379.79 KiB) เข้าดูแล้ว 894 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (38).JPG (345.71 KiB) เข้าดูแล้ว 894 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (39).JPG (291.06 KiB) เข้าดูแล้ว 894 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (40).JPG (283.57 KiB) เข้าดูแล้ว 894 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (41).JPG (245.83 KiB) เข้าดูแล้ว 894 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (42).JPG (300.8 KiB) เข้าดูแล้ว 894 ครั้ง
-
- 115165.jpg (79.2 KiB) เข้าดูแล้ว 894 ครั้ง
-
- 122671.jpg (32.43 KiB) เข้าดูแล้ว 894 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
ลักษณะตัดสินธรรมวินัย ๘
ลักษณะตัดสินธรรมวินัย ๘ ประการนี้ มีมาใน โคตมีสูตร อังคุตตรนิกาย เป็นถ้อยคำที่ตรัสแก่ พระเจ้าแม่น้านางโคตมี ซึ่งออกบวชเป็นภิกษุณี ถือกันว่า เป็นหลักสำคัญ มีข้อความที่น่าสนใจเป็นพิเศษอีกส่วนหนึ่งคือ เป็นหลักธรรมที่ทรงเลือกสรรมา ในลักษณะเป็นเครื่องตอบแทนคุณแก่บุคคลผู้ตั้งอยู่ในฐานะที่เป็นมารดา อีกส่วนหนึ่งด้วย เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นว่า การปฏิบัติอย่างใด จะเป็นไปถูกต้องตาม หลักแห่งการดับทุกข์ หรือไม่ ก็ควรใช้หลักเกณฑ์เหล่านี้ เป็นเครื่องตัดสินได้โดย เด็ดขาด ฉะนั้น จึงเป็นหลักที่แสดงถึง ใจความสำคัญแห่งพระพุทธศาสนา อยู่ใน ตัว หลักเหล่านั้น คือ
ถ้า ธรรม (การปฏิบัติ) เหล่าใด
๑. เป็นไปเพื่อความกำหนัดย้อมใจ
๒. เป็นไปเพื่อความประกอบทุกข์ (คือทำให้ลำบาก)
๓. เป็นไปเพื่อสะสมกองกิเลส
๔. เป็นไปเพื่อความอยากใหญ่ (คือไม่เป็นการมักน้อย)
๕. เป็นไปเพื่อความไม่สันโดษ
๖. เป็นไปเพื่อความคลุกคลี
๗. เป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน
๘. เป็นไปเพื่อความเลี้ยงยาก
พึงรู้ว่า ธรรมเหล่านั้น ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย ไม่ใช่ สัตถุศาสน์ (กล่าวคือคำสอนของพระศาสดา) แต่ถ้าเป็นไปตรงกันข้าม จึงจะเป็นธรรมเป็นวินัยเป็นสัตถุศาสน์ คือ
๑. เป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด
๒. เป็นไปเพื่อความไม่ประกอบทุกข์
๓. เป็นไปเพื่อไม่สะสมกองกิเลส
๔. เป็นไปเพื่อความอยากน้อย
๕. เป็นไปเพื่อความสันโดษ
๖. เป็นไปเพื่อความไม่คลุกคลี
๗. เป็นไปเพื่อความพากเพียร
๘. เป็นไปเพื่อความเลี้ยงง่าย
มีอธิบายว่า ความกำหนัดย้อมใจ ได้แก่ ความติดใจรัก ยิ่งขึ้นๆ ในสิ่งที่มาเกี่ยวข้องหรือแวดล้อม ถ้าการปฏิบัติ หรือ การกระทำ หรือ แม้แต่การพูดการคิดอย่างใด ทำให้ บุคคลผู้นั้นมีความติดใจรักในสิ่งใดๆ แล้ว ถือว่าเป็นการปฏิบัติผิด ตัวอย่างเช่น การดูหนังดูละคร เป็นต้น มันทำให้เกิดความยอ้มใจ อย่างที่กล่าวนี้ ด้วยอำนาจของ ราคะ เป็นต้น ซึ่งจะเทียบดูได้กับจิตใจของ บุคคลผู้ตั้งอยู่ในความสงบ หรือ แม้แต่อยู่ในที่สงัด จะเห็นได้ว่า เป็นการแตกต่างกันอย่างตรงกันข้าม พึงอาศัยตัวอย่างนี้เป็นเครื่องเทียบเคียง จับความหมายของคำๆ นี้ ให้ได้ ทั้งในทางรูป เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ ธรรมารมณ์ เป็นที่สุด ตัวอย่างแห่งธรรมารมณ์ เช่น การขอบคิดฝัน ถึงสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งราคะ ก็ย่อมทำจิตให้ถูกยอ้มด้วย ราคะมากขึ้นๆ เป็นต้น
คำว่า เป็นไปเพื่อความประกอบทุกข์ หมายถึงการทำตนเองให้ลำบากด้วยความไม่รู้เท่าถึงการณ์ ด้วยความเข้าใจผิดในกรณีที่ไม่ควรจะมีความลำบากหรือลำบากแต่น้อยก็ตาม เป็นสิ่งที่น่าพิศวงว่า คนเราไม่ชอบความลำบากด้วยกันทั้งนั้น แต่แล้วทำไมจึงไปทำสิ่งที่ตนจะลำบาก ทั้งนี้ ก็เพรา อำนาจของโมหะ คือ ความหลงเป็นส่วนใหญ่ จึงมีความเข้าใจผิดกลับตรงข้าม แม้ในกรณีที่เป็นเรื่องของการอยากดีอยากเด่นอยากมีชื่อเสียง เป็นต้น ก็มีมูลมาจากโมหะอยู่นั่นเอง กรณีที่เป็นการประชดผู้อื่น หรือ ถึงกับประชดตัวเองก็ตาม ย่อมสงเคราะห์เข้าในข้อนี้ ซึ่งมีมูลอันแท้จริงมาจากความหลงสำคัญผิดอย่างเดียวกัน นั่นเอง โดยส่วนใหญ่ ได้แก่ การปฏิบัติ ที่เรียกว่า อัตตภิลมถานุโยค คือ การทรมานตนอย่างงมงาย
คำว่า สะสมกองกิเลส หมายถึงการเพิ่มพูนโลภะ โทสะ โมหะ โดยรอบด้าน ผิดจากความกำหนัดย้อมใจ ตรงที่ข้อนี้ หมายถึงเป็นอุปกรณ์ หรือ เครื่องสนับสนุนการเกิดของกิเลสทั่วไปและให้ทวียิ่งขึ้นด้วย การสะสมสิ่งซึ่งเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงกิเลส อยู่เป็นประจำ ในกรณีของ คนธรรมดาสามัญ บางอย่างอาจจะ ไม่จัดเป็นการสะสมกองกิเลส แต่จัดเป็นการสะสมกิเลส อย่างยิ่ง สำหรับผู้ปฏิบัติ เพื่อความดับทุกข์ โดยตรง เช่น พวกบรรพชิต หรือในบางกรณี ก็จัดว่า เป็นการสะสมกองกิเลส ทั้ง คฤหัสถ์ และ บรรพชิต เช่น การมีเครื่องประดับ หรือ เครื่องใช้ชนิดที่ไม่มีความจำเป็น แก่การเป็นอยู่ แต่เป็นไป เพื่อความลุ่มหลง หรือ ความเห่อเหิมทะเยอทะยาน ประกวด ประขันกัน โดยส่วนเดียว เป็นต้น เป็นการขยาย ทางมาของกิเลส ให้กว้างขวาง ไม่มีที่สิ้นสุด
คำว่า ความอยากใหญ่ หมายถึง การอยากเกินมาตรฐานแห่งภาวะ หรือสถานะหรือกำลังสติปัญญาของตน เป็นต้น ส่วนความไม่สันโดษ ไม่ได้หมายถึง ความอยากใหญ่ เช่นนั้น แต่หมายถึง ความไม่รู้จักพอใจ ในสิ่งที่ได้มาแล้ว หรือมีอยู่แล้ว ซึ่งทำให้มีความรู้สึกเป็น คนยากจนอยู่เนืองนิจ เป็นทางให้เกิดความอยากใหญ่ หรือ กิเลสอย่างอื่นต่อไปได้ หรือในทางตรงกันข้ามทำให้เกิดการทำลายตัวเอง จนถึงกับฆ่าตัวตายก็ได้ โดยภาษาบาลี ความอยากใหญ่ เรียกว่ามหิจฺฉตา ความไม่สันโดษ เรียก อสันตุฎฐิ โดยพยัญชนะ หรือโดยนิตินัย เราอาจจะแยกได้ว่า เป็นคนละชั้น คนละตอน หรือคนละอย่าง แต่โดยพฤตินัย ย่อมเป็นไปด้วยกันจนถึงกับหลงไปได้ว่า เป็นสิ่งเดียวกัน
คำว่า ความคลุกคลี หมายถึง การระคนกันเป็นหมู่ เพื่อความเพลิดเพลินอย่างใดอย่างหนึ่ง จากการกระทำอันนั้น ความเพลิดเพลิน จากการคลุกคลีนี้ มีรสดึงดูดในทางธรรมารมณ์เป็นส่วนใหญ่ และก็มีความยั่วยวน ไม่แพ้อารมณ์ที่ได้รับทาง ตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย เพราะเหตุฉะนั้นเอง คนเราจึงติดใจรสของการที่ได้ระคนกันเป็นหมู่นี้ ทำให้จิตใจลุ่มหลงมีลักษณะเหมือนกับจมไม่ลง ทำให้ความคิด ความอ่าน ดำเนินไปอย่างผิวเผิน ไม่เป็นที่ตั้งแห่งการคิด อย่างแยบคาย หรือ ลึกซึ้ง แต่พึงทราบไว้ว่า การประชุมกันเพื่อศึกษาเล่าเรียน ปรึกษาหารือ กิจการงาน อันเป็นหน้าที่เป็นต้นนั้น ท่านไม่เรียกว่า การคลุกคลีกัน เป็นหมู่ในที่นี้แต่อีกทางหนึ่ง ท่านยังหมายกว้างไปถึงว่า การถูกกิเลสทั่วไป กลุ้มรุม ด้วยสัญญาอดีต ในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ที่เคยผ่านมาแล้ว แต่หนหลัง แม้นั่งคิดฝันอยู่คนเดียว ก็กลับสงเคราะห์ไว้ในคำว่า การคลุกคลีในหมู่ อย่างหนึ่งด้วยเหมือนกัน เพราะมีมูล มาจาก ความอาลัย ในการระคนด้วยหมู่
คำว่า ความเกียจคร้าน และคำว่า เลี้ยงยาก มีความหมายชัดเจนแล้ว การปฏิบัติทำความดับทุกข์ เป็นเรื่องใหญ่และยึดยาว จึงต้องอาศัย ความเพียร ความเลี้ยงง่าย จึงจะเป็นเหตุให้ไม่ต้องมีภาระ เรื่องอาหาร มากกว่าที่จำเป็น ซึ่งทำให้เสีย เวลา และเสียวัตถุมากไปเปล่าๆ โดยที่อาจจะนำไปใช้เป็นประโยชน์ อย่างอื่นได้
ลักษณะทั้ง ๘ นี้ แต่ละอย่างๆ เป็นปฏิปักษ์ต่อการปฏิบัติ เพื่อความดับทุกข์ โดยตรงก็มี เป็นเพียงอุปสรรคก็มี และเป็นการปฏิบัติผิดโดยตรงก็มี จึงถือว่าไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย ไม่ใช่สัตถุศาสน์ ต่อเมื่อปฏิบัติ ตรงกันข้าม จาก ๘ อย่างข้างต้น จึงจะเป็นไปเพื่อความดับทุกข์ หรือ เป็นธรรมเป็นวินัย เป็นสัตถุศาสน์ นี้นับว่าเป็น หมวดธรรมที่เป็นอุปกรณ์ แห่งการปฏิบัติ เพื่อความดับทุกข์ อย่างหนึ่งในฐานะที่เป็นหลักสำหรับยึดถือ หรือให้ดำเนินไปถูกทาง
(เครดิตจาก พุทธทาส ดอทคอม)
ตั้งใจจะหาเพลงพระราชนิพนธ์ที่ประทานให้กับ ตชด.จริง ๆ แต่บังเอิญมาเห็นคลิปที่บริษัทอีซูซุจัดทำขึ้น พิจารณาแล้วได้สาระที่บอกภารกิจของ ตชด.จึงขอนำมาเสนอแทนที่คิดไว้ ก็อย่าว่าผมโฆษณาหน่วยเลย ที่เห็นเป็นเพียงส่วนน้อยกับภารกิจที่ ตชด.ต้องประสบและฝ่าฟันครับ
ลักษณะตัดสินธรรมวินัย ๘ ประการนี้ มีมาใน โคตมีสูตร อังคุตตรนิกาย เป็นถ้อยคำที่ตรัสแก่ พระเจ้าแม่น้านางโคตมี ซึ่งออกบวชเป็นภิกษุณี ถือกันว่า เป็นหลักสำคัญ มีข้อความที่น่าสนใจเป็นพิเศษอีกส่วนหนึ่งคือ เป็นหลักธรรมที่ทรงเลือกสรรมา ในลักษณะเป็นเครื่องตอบแทนคุณแก่บุคคลผู้ตั้งอยู่ในฐานะที่เป็นมารดา อีกส่วนหนึ่งด้วย เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นว่า การปฏิบัติอย่างใด จะเป็นไปถูกต้องตาม หลักแห่งการดับทุกข์ หรือไม่ ก็ควรใช้หลักเกณฑ์เหล่านี้ เป็นเครื่องตัดสินได้โดย เด็ดขาด ฉะนั้น จึงเป็นหลักที่แสดงถึง ใจความสำคัญแห่งพระพุทธศาสนา อยู่ใน ตัว หลักเหล่านั้น คือ
ถ้า ธรรม (การปฏิบัติ) เหล่าใด
๑. เป็นไปเพื่อความกำหนัดย้อมใจ
๒. เป็นไปเพื่อความประกอบทุกข์ (คือทำให้ลำบาก)
๓. เป็นไปเพื่อสะสมกองกิเลส
๔. เป็นไปเพื่อความอยากใหญ่ (คือไม่เป็นการมักน้อย)
๕. เป็นไปเพื่อความไม่สันโดษ
๖. เป็นไปเพื่อความคลุกคลี
๗. เป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน
๘. เป็นไปเพื่อความเลี้ยงยาก
พึงรู้ว่า ธรรมเหล่านั้น ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย ไม่ใช่ สัตถุศาสน์ (กล่าวคือคำสอนของพระศาสดา) แต่ถ้าเป็นไปตรงกันข้าม จึงจะเป็นธรรมเป็นวินัยเป็นสัตถุศาสน์ คือ
๑. เป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด
๒. เป็นไปเพื่อความไม่ประกอบทุกข์
๓. เป็นไปเพื่อไม่สะสมกองกิเลส
๔. เป็นไปเพื่อความอยากน้อย
๕. เป็นไปเพื่อความสันโดษ
๖. เป็นไปเพื่อความไม่คลุกคลี
๗. เป็นไปเพื่อความพากเพียร
๘. เป็นไปเพื่อความเลี้ยงง่าย
มีอธิบายว่า ความกำหนัดย้อมใจ ได้แก่ ความติดใจรัก ยิ่งขึ้นๆ ในสิ่งที่มาเกี่ยวข้องหรือแวดล้อม ถ้าการปฏิบัติ หรือ การกระทำ หรือ แม้แต่การพูดการคิดอย่างใด ทำให้ บุคคลผู้นั้นมีความติดใจรักในสิ่งใดๆ แล้ว ถือว่าเป็นการปฏิบัติผิด ตัวอย่างเช่น การดูหนังดูละคร เป็นต้น มันทำให้เกิดความยอ้มใจ อย่างที่กล่าวนี้ ด้วยอำนาจของ ราคะ เป็นต้น ซึ่งจะเทียบดูได้กับจิตใจของ บุคคลผู้ตั้งอยู่ในความสงบ หรือ แม้แต่อยู่ในที่สงัด จะเห็นได้ว่า เป็นการแตกต่างกันอย่างตรงกันข้าม พึงอาศัยตัวอย่างนี้เป็นเครื่องเทียบเคียง จับความหมายของคำๆ นี้ ให้ได้ ทั้งในทางรูป เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ ธรรมารมณ์ เป็นที่สุด ตัวอย่างแห่งธรรมารมณ์ เช่น การขอบคิดฝัน ถึงสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งราคะ ก็ย่อมทำจิตให้ถูกยอ้มด้วย ราคะมากขึ้นๆ เป็นต้น
คำว่า เป็นไปเพื่อความประกอบทุกข์ หมายถึงการทำตนเองให้ลำบากด้วยความไม่รู้เท่าถึงการณ์ ด้วยความเข้าใจผิดในกรณีที่ไม่ควรจะมีความลำบากหรือลำบากแต่น้อยก็ตาม เป็นสิ่งที่น่าพิศวงว่า คนเราไม่ชอบความลำบากด้วยกันทั้งนั้น แต่แล้วทำไมจึงไปทำสิ่งที่ตนจะลำบาก ทั้งนี้ ก็เพรา อำนาจของโมหะ คือ ความหลงเป็นส่วนใหญ่ จึงมีความเข้าใจผิดกลับตรงข้าม แม้ในกรณีที่เป็นเรื่องของการอยากดีอยากเด่นอยากมีชื่อเสียง เป็นต้น ก็มีมูลมาจากโมหะอยู่นั่นเอง กรณีที่เป็นการประชดผู้อื่น หรือ ถึงกับประชดตัวเองก็ตาม ย่อมสงเคราะห์เข้าในข้อนี้ ซึ่งมีมูลอันแท้จริงมาจากความหลงสำคัญผิดอย่างเดียวกัน นั่นเอง โดยส่วนใหญ่ ได้แก่ การปฏิบัติ ที่เรียกว่า อัตตภิลมถานุโยค คือ การทรมานตนอย่างงมงาย
คำว่า สะสมกองกิเลส หมายถึงการเพิ่มพูนโลภะ โทสะ โมหะ โดยรอบด้าน ผิดจากความกำหนัดย้อมใจ ตรงที่ข้อนี้ หมายถึงเป็นอุปกรณ์ หรือ เครื่องสนับสนุนการเกิดของกิเลสทั่วไปและให้ทวียิ่งขึ้นด้วย การสะสมสิ่งซึ่งเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงกิเลส อยู่เป็นประจำ ในกรณีของ คนธรรมดาสามัญ บางอย่างอาจจะ ไม่จัดเป็นการสะสมกองกิเลส แต่จัดเป็นการสะสมกิเลส อย่างยิ่ง สำหรับผู้ปฏิบัติ เพื่อความดับทุกข์ โดยตรง เช่น พวกบรรพชิต หรือในบางกรณี ก็จัดว่า เป็นการสะสมกองกิเลส ทั้ง คฤหัสถ์ และ บรรพชิต เช่น การมีเครื่องประดับ หรือ เครื่องใช้ชนิดที่ไม่มีความจำเป็น แก่การเป็นอยู่ แต่เป็นไป เพื่อความลุ่มหลง หรือ ความเห่อเหิมทะเยอทะยาน ประกวด ประขันกัน โดยส่วนเดียว เป็นต้น เป็นการขยาย ทางมาของกิเลส ให้กว้างขวาง ไม่มีที่สิ้นสุด
คำว่า ความอยากใหญ่ หมายถึง การอยากเกินมาตรฐานแห่งภาวะ หรือสถานะหรือกำลังสติปัญญาของตน เป็นต้น ส่วนความไม่สันโดษ ไม่ได้หมายถึง ความอยากใหญ่ เช่นนั้น แต่หมายถึง ความไม่รู้จักพอใจ ในสิ่งที่ได้มาแล้ว หรือมีอยู่แล้ว ซึ่งทำให้มีความรู้สึกเป็น คนยากจนอยู่เนืองนิจ เป็นทางให้เกิดความอยากใหญ่ หรือ กิเลสอย่างอื่นต่อไปได้ หรือในทางตรงกันข้ามทำให้เกิดการทำลายตัวเอง จนถึงกับฆ่าตัวตายก็ได้ โดยภาษาบาลี ความอยากใหญ่ เรียกว่ามหิจฺฉตา ความไม่สันโดษ เรียก อสันตุฎฐิ โดยพยัญชนะ หรือโดยนิตินัย เราอาจจะแยกได้ว่า เป็นคนละชั้น คนละตอน หรือคนละอย่าง แต่โดยพฤตินัย ย่อมเป็นไปด้วยกันจนถึงกับหลงไปได้ว่า เป็นสิ่งเดียวกัน
คำว่า ความคลุกคลี หมายถึง การระคนกันเป็นหมู่ เพื่อความเพลิดเพลินอย่างใดอย่างหนึ่ง จากการกระทำอันนั้น ความเพลิดเพลิน จากการคลุกคลีนี้ มีรสดึงดูดในทางธรรมารมณ์เป็นส่วนใหญ่ และก็มีความยั่วยวน ไม่แพ้อารมณ์ที่ได้รับทาง ตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย เพราะเหตุฉะนั้นเอง คนเราจึงติดใจรสของการที่ได้ระคนกันเป็นหมู่นี้ ทำให้จิตใจลุ่มหลงมีลักษณะเหมือนกับจมไม่ลง ทำให้ความคิด ความอ่าน ดำเนินไปอย่างผิวเผิน ไม่เป็นที่ตั้งแห่งการคิด อย่างแยบคาย หรือ ลึกซึ้ง แต่พึงทราบไว้ว่า การประชุมกันเพื่อศึกษาเล่าเรียน ปรึกษาหารือ กิจการงาน อันเป็นหน้าที่เป็นต้นนั้น ท่านไม่เรียกว่า การคลุกคลีกัน เป็นหมู่ในที่นี้แต่อีกทางหนึ่ง ท่านยังหมายกว้างไปถึงว่า การถูกกิเลสทั่วไป กลุ้มรุม ด้วยสัญญาอดีต ในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ที่เคยผ่านมาแล้ว แต่หนหลัง แม้นั่งคิดฝันอยู่คนเดียว ก็กลับสงเคราะห์ไว้ในคำว่า การคลุกคลีในหมู่ อย่างหนึ่งด้วยเหมือนกัน เพราะมีมูล มาจาก ความอาลัย ในการระคนด้วยหมู่
คำว่า ความเกียจคร้าน และคำว่า เลี้ยงยาก มีความหมายชัดเจนแล้ว การปฏิบัติทำความดับทุกข์ เป็นเรื่องใหญ่และยึดยาว จึงต้องอาศัย ความเพียร ความเลี้ยงง่าย จึงจะเป็นเหตุให้ไม่ต้องมีภาระ เรื่องอาหาร มากกว่าที่จำเป็น ซึ่งทำให้เสีย เวลา และเสียวัตถุมากไปเปล่าๆ โดยที่อาจจะนำไปใช้เป็นประโยชน์ อย่างอื่นได้
ลักษณะทั้ง ๘ นี้ แต่ละอย่างๆ เป็นปฏิปักษ์ต่อการปฏิบัติ เพื่อความดับทุกข์ โดยตรงก็มี เป็นเพียงอุปสรรคก็มี และเป็นการปฏิบัติผิดโดยตรงก็มี จึงถือว่าไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย ไม่ใช่สัตถุศาสน์ ต่อเมื่อปฏิบัติ ตรงกันข้าม จาก ๘ อย่างข้างต้น จึงจะเป็นไปเพื่อความดับทุกข์ หรือ เป็นธรรมเป็นวินัย เป็นสัตถุศาสน์ นี้นับว่าเป็น หมวดธรรมที่เป็นอุปกรณ์ แห่งการปฏิบัติ เพื่อความดับทุกข์ อย่างหนึ่งในฐานะที่เป็นหลักสำหรับยึดถือ หรือให้ดำเนินไปถูกทาง
(เครดิตจาก พุทธทาส ดอทคอม)
ตั้งใจจะหาเพลงพระราชนิพนธ์ที่ประทานให้กับ ตชด.จริง ๆ แต่บังเอิญมาเห็นคลิปที่บริษัทอีซูซุจัดทำขึ้น พิจารณาแล้วได้สาระที่บอกภารกิจของ ตชด.จึงขอนำมาเสนอแทนที่คิดไว้ ก็อย่าว่าผมโฆษณาหน่วยเลย ที่เห็นเป็นเพียงส่วนน้อยกับภารกิจที่ ตชด.ต้องประสบและฝ่าฟันครับ
- ไฟล์แนบ
-
- 385123.jpg (52.92 KiB) เข้าดูแล้ว 848 ครั้ง
-
- 3372212.jpg (45.57 KiB) เข้าดูแล้ว 848 ครั้ง
-
- เมื่อวานที่ผมได้เล่าเรื่องที่ไป รพ.และเจอนักโทษที่ถูกตรีตรวนและเจาะคอเพราะคงป่วย มารักษาตัวซึ่งผมถือวิสาสะแอบเก็บภาพมาเล่าสู่กันฟัง บังเอิญเหลือเกินที่ตัวผมเองนั้น ก็มีโอกาสได้คิดพิจารณาด้วย ตกใจพอสมควรว่าจะเป็นเหตุบังเอิญอะไรจะขนาดนั้นคือว่า
ปกติแล้วมนุษย์เราจะมีวันเกิดเพียงแค่วันเดียว แต่ของผมไม่ใช่จะเล่าให้ฟังครับ วันเกิดครั้งแรกที่ตัวเองถือว่าจริงคือ ๒๖ ธ.ค.ซึ่งพบเป็นเอกสารที่พ่อบันทึกไว้ว่า "แดงเกิดเมื่อ ๒๖ ธ.ค.๒๔๙๓" ช่วงที่เกิดพ่อไม่ได้ไปแจ้งเกิด ปล่อยไว้จนเขาสำรวจสำมะโนครัว ก็จำไม่ได้เอกสารก็หาไม่เจอ (ที่ยืนยันเพราะมาหาเจอหลังจากอีกหลายปี) คนที่มาสำรวจก็เอาวันที่เขาสำรวจใส่ไปแทนคือ ๑๕ ม.ค.๒๔๙๓ นี่ถือเป็นเกิดครั้งที่ ๒ ผมไปอาศัยอยู่วัดตั้งแต่เด็กก็สอบถามพระอาจารย์เกี่ยวกับวันเกิด ท่านอาจารย์ก็เรียนทางโหราศาสตร์มาด้วย ก็ยืนยันว่านิสัยบุคลิกลักษณะของผม ๒๖ ธ.ค.ถูกต้อง
นานมาแล้วก่อนที่จะพบเส้นทางธรรม ก็เป็นประเภทชอบดวงพอสมควร วันหนึ่งจะไปสอบเป็นนายตำรวจก็ไปเดินเล่นที่สนามหลวง มีหมอดูนั่งอยู่ใต้ต้นมะขาม เรียกไปดูดวงให้ฟรี ๆ แกดูดวงโดยไม่ถามวันเกิด ตกฝากอะไรเลย แกมองหน้าผมแล้วบอกผมว่า "ไอ้หนูเอ็งไม่ต้องไปดูดวงที่ไหนนะเพราะไม่มีหมอดูคนใดสามารถดูดวงเอ็งได้ แต่กูฟันธงว่าอนาคตเอ็งต้องเป็นนายคนและชีวิตบั้นปลายจะสบายมีความสุข แค่นี้นะ"
เพื่อพิสูจน์คำพูดของหมอใต้ต้นมะขาม ผมก็เที่ยวหาดูดวงไปตามเวลาโอกาส จริง ๆ ครับไม่เชื่อสักหมอทำนายไปเรื่อยเปื่อย เพราะวันเกิดตกฟากของเราไม่มี แล้วที่มีก็ไม่ยืนยัน หลังจากที่ผมตัดใจหันหลังให้อบายมุขสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง หันหน้าสู่เส้นทางสายธรรมจนประกาศตนเลิกสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง และหันมาเป็นมนุษย์ไม่กินเนื้อสัตว์ทุกประเภท ตั้งแต่วันที่ ๑ / ๑ / ๒๕๓๒ ซึ่งวันนี้ผมถือเป็นวันเกิดทางธรรมของผมและนี่ก็เป็นอีกวันเกิดหนึ่ง เป็นหนที่ ๓ นี่จะครบ ๓๐ ปีพอดิบพอดีใน ๑ / ๑ / ๒๕๖๓
มาดูวันเกิด ๒๖ / ๑๒ / ๒๕๖๒ ต้องไป รพ.เพื่อเจาะเลือด ตรวจร่างกายอย่างละเอียดเพื่อรอการผ่าตัด ในวันที่ ๑๔ / ๑ / ๒๕๖๓ และวันที่ ๑๕ / ๑ / ๒๕๖๓ ผมก็จะอายุ ๗๐ ปีเต็ม อะไรจะกิดขึ้นครับ "อยู่ - ตาย" ไม่ทราบได้คิด ๆ ก็ขำ ๆ มีอะไรตลก ๆ ให้คิดเสมอ ๆ - S__36454402.jpg (225.18 KiB) เข้าดูแล้ว 848 ครั้ง
- เมื่อวานที่ผมได้เล่าเรื่องที่ไป รพ.และเจอนักโทษที่ถูกตรีตรวนและเจาะคอเพราะคงป่วย มารักษาตัวซึ่งผมถือวิสาสะแอบเก็บภาพมาเล่าสู่กันฟัง บังเอิญเหลือเกินที่ตัวผมเองนั้น ก็มีโอกาสได้คิดพิจารณาด้วย ตกใจพอสมควรว่าจะเป็นเหตุบังเอิญอะไรจะขนาดนั้นคือว่า
-
- เข้าไปทดลองเล่นดู ครั้งแรกเป็นของวัดพระปฐมเจดีย์ เขาว่าไว้ว่า "เซียมซีใบที่ ๑๒ วัดพระปฐมเจดีย์ ที่สิบสองคนหนึ่งเดินดำเนินหน้า คนหนึ่งว่าตามหลังมาทั้งสอง เปรียบเหมือนกับคนใบ้ในใจปอง พูดไม่คล่องแสนยากลำบากครัน ว่าจะมีคนชุบอุปถัมภ์ เหมือนถ้อยคำพาทีคนที่ฝัน เวลาตื่นหายใจร้อนใจครัน ให้ป่วนปั่นเปล่าไม่เข้าการ ถามหาคู่สู่สมภิรมย์พักตร์ ว่าร้ายนักจงแจ้งแถลงสาร ถามเป็นความว่าดีไม่มีปาน ถามถึงการเพื่อนรักประจักษ์ใจว่าคงจะได้สมอารมณ์นึก ที่ตื้นลึกจงแจ้งแถลงไข พบพี่น้องลุงน้าเพื่อนอาลัย ถามลาภไซร้ไม่สู้ดีเท่านี้ เอยฯ"
นี่ก็บังเอิญเหลือเกินเป็นเซียมซีทางไลน์ ก็เข้าไปเล่นดู ไม่ช่วยอะไรได้เลยอยากรู้ว่าเข้า รพ.แล้วรอด หรือ ดับ ๕๕๕. - S__36888578.jpg (234.6 KiB) เข้าดูแล้ว 848 ครั้ง
- เข้าไปทดลองเล่นดู ครั้งแรกเป็นของวัดพระปฐมเจดีย์ เขาว่าไว้ว่า "เซียมซีใบที่ ๑๒ วัดพระปฐมเจดีย์ ที่สิบสองคนหนึ่งเดินดำเนินหน้า คนหนึ่งว่าตามหลังมาทั้งสอง เปรียบเหมือนกับคนใบ้ในใจปอง พูดไม่คล่องแสนยากลำบากครัน ว่าจะมีคนชุบอุปถัมภ์ เหมือนถ้อยคำพาทีคนที่ฝัน เวลาตื่นหายใจร้อนใจครัน ให้ป่วนปั่นเปล่าไม่เข้าการ ถามหาคู่สู่สมภิรมย์พักตร์ ว่าร้ายนักจงแจ้งแถลงสาร ถามเป็นความว่าดีไม่มีปาน ถามถึงการเพื่อนรักประจักษ์ใจว่าคงจะได้สมอารมณ์นึก ที่ตื้นลึกจงแจ้งแถลงไข พบพี่น้องลุงน้าเพื่อนอาลัย ถามลาภไซร้ไม่สู้ดีเท่านี้ เอยฯ"
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (43).JPG (228.36 KiB) เข้าดูแล้ว 848 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (44).JPG (474.89 KiB) เข้าดูแล้ว 848 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (45).JPG (293.77 KiB) เข้าดูแล้ว 848 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (46).JPG (356.57 KiB) เข้าดูแล้ว 848 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (48).JPG (285.38 KiB) เข้าดูแล้ว 848 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (49).JPG (292.51 KiB) เข้าดูแล้ว 848 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (50).JPG (341.76 KiB) เข้าดูแล้ว 848 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (51).JPG (389.9 KiB) เข้าดูแล้ว 848 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (52).JPG (333.12 KiB) เข้าดูแล้ว 848 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (53).JPG (274.86 KiB) เข้าดูแล้ว 848 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (54).JPG (380.18 KiB) เข้าดูแล้ว 848 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (55).JPG (208.44 KiB) เข้าดูแล้ว 848 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (56).JPG (291.26 KiB) เข้าดูแล้ว 848 ครั้ง
-
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (57).JPG (215.87 KiB) เข้าดูแล้ว 848 ครั้ง
-
- เที่ยววัดพระยืนประมาณว่าจะขอเข้าไปกราบพระประธานสักหน่อย แต่ประตูยังไม่เปิดก็ได้แต่เดินชมรอบ ๆ วัด และยืนอยู่หน้าพระวิหารยกมือวันทากราบพระในใจข้างนอกก็ได้ คิดว่าสบายใจแล้วจึงเดินทางกลับบ้าน พอถึงบ้านเป็นจริงครับ น้อง Trex ผมก็ยางแบนอีกเช่นเคย คงถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนยากนอกแล้ว และต้องชำระสะสางทั้งเกียร์ด้วย ว่าง ๆ จะเข้าโรงซ่อมยกเครื่องครั้งใหญ่ครับ ขอบคุณหนนี้ที่ยังพากลับถึงบ้านไม่แบนกลางทาง สำหรับการสำรวจเมืองรองใน ๔ / ๑๐ / ๖๒ ก็จบไปอีกวันหนึ่ง ลำพูนยังคงมีที่เที่ยวอีกเยอะแยะครับ จะพยายามไปเที่ยวแล้วนำมาเล่าให้ฟัง แต่ถ้าได้ไปที่อื่นก็จะจบเมืองลำพูนไว้ก่อนจบจะปักหมุดไว้เป็นแนวทางให้ไม่ต้องห่วงครับ
- ลำพูน ๔ ต.ค.๖๒ (58).JPG (352.8 KiB) เข้าดูแล้ว 848 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
อรุณสวัสดิ์ครับท่านผู้มีเกียรติที่เคารพทุก ๆ ท่าน เช้านี้เรามาฟังคำตอบที่กินใจสุด ๆ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงตรัส ถาม - ตอบ กับพราห์มเราจะได้เห็นความลึกซึ้งใครลึกซึ้งมากกว่า
๑. อะไร คมที่สุด
พราหมณ์ตอบว่า มีดที่ลับหินดีแล้ว คมที่สุด
พระพุทธเจ้าตอบว่า. วาจาที่ใส่ร้ายผู้อื่น ทำร้ายหัวใจผู้อื่น คมที่สุด
๒. อะไร ไกลที่สุด
พราหมณ์ตอบว่า ดวงอาทิตย์ สุดขอบจักรวาล ไกลสุด
พระพุทธเจ้าตอบว่า. อดีดที่ผ่านมาตั้งหลายกัปหลายกัลป์ ยาวที่สุด
๓. อะไร ใหญ่ที่สุด
พราหมณ์ตอบว่า. ภูเขา โลก มหาสมุทร ใหญ่ที่สุด
พระพุทธเจ้าตอบว่า. ตัณหาความทยานอยาก ไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้ก่อภพก่อชาติ ใหญ่ที่สุด
๔.อะไร หนักที่สุด
พราหมณ์ตอบว่า. หิน เหล็ก แร่ ดิน น้ำ หนักที่สุด
พระพุทธเจ้าตอบว่า. คำสัญญาใดๆ ที่พูดง่ายแต่ทำยาก คำสัญญานั้นแล เป็นสิ่งที่หนักสุด
๕. อะไร เบาที่สุด
พราหมณ์ตอบว่า. นุ่น สำลี ลม ใบไม้แห้ง
พระพุทธเจ้าตอบว่า. การปล่อยวาง การรู้เท่าทันว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป แบบนี้แล เบาที่สุด
๖. อะไร ใกล้เราที่สุด
พราหมณ์ตอบว่า. พ่อแม่ ญาติ ใกล้เราที่สุด
พระพุทธเจ้าตอบว่า. ความตายที่วิ่งตามเหมือนเงาตามตัวต่างหาก ที่ใกล้ตัวเราที่สุด
๗. อะไร ง่ายที่สุด
พราหมณ์ตอบว่า กิน นอน พูด หายใจ ง่ายที่สุด
พระพุทธเจ้าตอบว่า. การพูดธรรมะ แบ่งปันให้แสงสว่างแก่ผู้อื่น ง่ายที่สุด เป็นประโยชน์ต่อสังคมด้วย
พราหมณ์ได้ฟังคำตอบจากพระพุทธเจ้าแล้ว ไตร่ตรองพิจารณา โดยเหตุผลแล้ว จึงยอมมอบกายถวายตัวยอมสมาทานศีล เป็นพุทธมามะกะ และได้ดวงตาเห็นธรรมโดยทั่วกัน. พร้อมกล่าวสรรเสริญพระพุทธเจ้าว่า สัถถาเทวะมนุสสานัง พระองค์เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายโดยแท้จริง
พระพุทธองค์ตรัสว่า.. "บุคคลแม้ไม่มีทรัพย์สินเงินทองแต่ก็สามารถให้ทานกับผู้อื่นได้ด้วยสิ่งของ ๕ ประการ"
๑. ใบหน้าเป็นทาน : สามารถให้รอยยิ้มความสดใส
๒.วาจาเป็นทาน : พูดให้กำลังใจ ชื่นชมและปลอบประโลมผู้อื่นให้มาก
๓. จิตใจเป็นทาน : สามารถเปิดอกเปิดใจกับผู้อื่น ด้วยความนอบน้อมและจริงใจ
๔. ดวงตาเป็นทาน : ใช้แววตาแห่งความหวังดีความโอบอ้อมอารีย์ให้กับผู้อื่น
๕. กายเป็นทาน : สามารถใช้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
เห็นว่าเป็นประโยชน์ก็อย่าลืมที่จะส่งต่อไปยังเพื่อน ๆ ญาติพี่น้องให้ได้อ่านกันเพื่อประโยชฯและความสุขที่จะเกิด เป็นปัญญาบารมีและเป็นวิทยาทาน เสริมส่งให้บุญกุศลเพิ่มขึ้น ๆ นะครับ...สาธุ สาธุ สาธุ
เมื่อ ๑๘ / ๑๐ / ๖๒ อบจ.เชียงใหม่ ได้ทำการตกแต่งกิ่งต้นยางนา โดยสำรวจก่อนว่าต้นใดสมควรที่จะตกแต่งเพื่อให้สวยงาม และปลอดภัยต่อผู้สัญจร ไป - มา ผมคิดว่าหลาย ๆ ท่านคงจะไม่เคยเห็นว่าเขาดูแลรักษาต้นยางนาให้อยู่คู่กับเมืองเชียงใหม่อย่างไร ซึ่งนาน ๆ ทีจึงจะได้เห็น สำหรับต้นที่หน้าบ้านผมคือต้นยางที่ ๕๘ ไม่เคยต้องตกแต่งหรือทอนกิ่งเลย สอบถามคนควบคุมเขาบอกเป็นต้นที่สวยสมบูรณ์ดีอยู่
๑. อะไร คมที่สุด
พราหมณ์ตอบว่า มีดที่ลับหินดีแล้ว คมที่สุด
พระพุทธเจ้าตอบว่า. วาจาที่ใส่ร้ายผู้อื่น ทำร้ายหัวใจผู้อื่น คมที่สุด
๒. อะไร ไกลที่สุด
พราหมณ์ตอบว่า ดวงอาทิตย์ สุดขอบจักรวาล ไกลสุด
พระพุทธเจ้าตอบว่า. อดีดที่ผ่านมาตั้งหลายกัปหลายกัลป์ ยาวที่สุด
๓. อะไร ใหญ่ที่สุด
พราหมณ์ตอบว่า. ภูเขา โลก มหาสมุทร ใหญ่ที่สุด
พระพุทธเจ้าตอบว่า. ตัณหาความทยานอยาก ไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้ก่อภพก่อชาติ ใหญ่ที่สุด
๔.อะไร หนักที่สุด
พราหมณ์ตอบว่า. หิน เหล็ก แร่ ดิน น้ำ หนักที่สุด
พระพุทธเจ้าตอบว่า. คำสัญญาใดๆ ที่พูดง่ายแต่ทำยาก คำสัญญานั้นแล เป็นสิ่งที่หนักสุด
๕. อะไร เบาที่สุด
พราหมณ์ตอบว่า. นุ่น สำลี ลม ใบไม้แห้ง
พระพุทธเจ้าตอบว่า. การปล่อยวาง การรู้เท่าทันว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป แบบนี้แล เบาที่สุด
๖. อะไร ใกล้เราที่สุด
พราหมณ์ตอบว่า. พ่อแม่ ญาติ ใกล้เราที่สุด
พระพุทธเจ้าตอบว่า. ความตายที่วิ่งตามเหมือนเงาตามตัวต่างหาก ที่ใกล้ตัวเราที่สุด
๗. อะไร ง่ายที่สุด
พราหมณ์ตอบว่า กิน นอน พูด หายใจ ง่ายที่สุด
พระพุทธเจ้าตอบว่า. การพูดธรรมะ แบ่งปันให้แสงสว่างแก่ผู้อื่น ง่ายที่สุด เป็นประโยชน์ต่อสังคมด้วย
พราหมณ์ได้ฟังคำตอบจากพระพุทธเจ้าแล้ว ไตร่ตรองพิจารณา โดยเหตุผลแล้ว จึงยอมมอบกายถวายตัวยอมสมาทานศีล เป็นพุทธมามะกะ และได้ดวงตาเห็นธรรมโดยทั่วกัน. พร้อมกล่าวสรรเสริญพระพุทธเจ้าว่า สัถถาเทวะมนุสสานัง พระองค์เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายโดยแท้จริง
พระพุทธองค์ตรัสว่า.. "บุคคลแม้ไม่มีทรัพย์สินเงินทองแต่ก็สามารถให้ทานกับผู้อื่นได้ด้วยสิ่งของ ๕ ประการ"
๑. ใบหน้าเป็นทาน : สามารถให้รอยยิ้มความสดใส
๒.วาจาเป็นทาน : พูดให้กำลังใจ ชื่นชมและปลอบประโลมผู้อื่นให้มาก
๓. จิตใจเป็นทาน : สามารถเปิดอกเปิดใจกับผู้อื่น ด้วยความนอบน้อมและจริงใจ
๔. ดวงตาเป็นทาน : ใช้แววตาแห่งความหวังดีความโอบอ้อมอารีย์ให้กับผู้อื่น
๕. กายเป็นทาน : สามารถใช้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
เห็นว่าเป็นประโยชน์ก็อย่าลืมที่จะส่งต่อไปยังเพื่อน ๆ ญาติพี่น้องให้ได้อ่านกันเพื่อประโยชฯและความสุขที่จะเกิด เป็นปัญญาบารมีและเป็นวิทยาทาน เสริมส่งให้บุญกุศลเพิ่มขึ้น ๆ นะครับ...สาธุ สาธุ สาธุ
เมื่อ ๑๘ / ๑๐ / ๖๒ อบจ.เชียงใหม่ ได้ทำการตกแต่งกิ่งต้นยางนา โดยสำรวจก่อนว่าต้นใดสมควรที่จะตกแต่งเพื่อให้สวยงาม และปลอดภัยต่อผู้สัญจร ไป - มา ผมคิดว่าหลาย ๆ ท่านคงจะไม่เคยเห็นว่าเขาดูแลรักษาต้นยางนาให้อยู่คู่กับเมืองเชียงใหม่อย่างไร ซึ่งนาน ๆ ทีจึงจะได้เห็น สำหรับต้นที่หน้าบ้านผมคือต้นยางที่ ๕๘ ไม่เคยต้องตกแต่งหรือทอนกิ่งเลย สอบถามคนควบคุมเขาบอกเป็นต้นที่สวยสมบูรณ์ดีอยู่
- ไฟล์แนบ
-
- ต้นยางนา ถนนสารภี เชียงใหม่-ลำพูน ถนนสายประวัติศาสตร์ ประวัติถนนสายเชียงใหม่-ลำพูน (สายเก่า)
ประมาณปี พ.ศ. 1837 พญามังรายทรงสถาปนาเวียงกุมกามให้เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรล้านนา แต่เนื่องจากเวียงกุมกามเกิดปัญหาน้ำท่วมเป็นประจำ จึงย้ายมาอยู่ที่เวียงเชียงใหม่ ซึ่งทำเลที่ตั้งเหมาะสมกว่าในอดีตการคมนาคมระหว่างเชียงใหม่เวียงกุมกาม เวียงหริภุญไชยและอาณาจักรอื่นๆ จะใช้แม่น้ำปิงเป็นหลัก
ต่อมาเกิดน้ำท่วมใหญ่ แม่น้ำปิงเปลี่ยนร่องน้ำจากเดิมไหลผ่านด้านทิศตะวันออกของเวียงกุมกามมาเป็นด้านทิศตะวันตก ร่องน้ำเดิมถูกตะกอนทับถมจนตื้นเขิน เหลือเป็นเพียงร่องน้ำขนาดเล็ก ชาวบ้านเรียกร่องน้ำนี้ว่าปิงห่าง (สรัสวดี,2537) ต่อมามีการตั้งบ้านเรือนตามแนวปิงห่างมากขึ้นเกิดเป็นชุมชนหลายแห่ง ชุมชนแต่ละแห่งมีการติดต่อไปมาหาสู่เป็นประจำ จึงเกิดเป็นทางสัญจรระหว่างชุมชนและพัฒนาเรื่อยมาเป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญระหว่างเชียงใหม่กับลำพูน และมีการปรับปรุงและซ่อมแซมตลอดมา
สัญลักษณ์สำคัญเมื่อ ผ่านมาทางถนนสายเชียงใหม่-ลำพูน (ถนนสารภี) เส้นทางที่เก่าแก่ ดูร่มรื่นมีต้นยาง มีต้นยางที่ปลูกเรียงรายสองฟากถนนจากเชียงใหม่มุ่งหน้าสู่สารภีขนาดใหญ่ รวมระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร
ถนนสายประวัติศาสตร์ที่ว่ากันว่า เป็นถนนสายเดียวที่มีการปลูกต้นยางมากที่สุดในประเทศ นับจำนวน ณ วันที่ 5 มกราคม 2547 มีต้นยางขึ้นเรียงรายกว่าหนึ่งพันต้น ซึ่งต้นยางเหล่านี้ล้วนผ่านวันเวลาและเหตุการณ์ต่างๆ มามากมาย กระทั่งต้นยางได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของถนนสายนี้ไปแล้ว - ลำพูน ๑๙ ต.ค (1).JPG (379.54 KiB) เข้าดูแล้ว 826 ครั้ง
- ต้นยางนา ถนนสารภี เชียงใหม่-ลำพูน ถนนสายประวัติศาสตร์ ประวัติถนนสายเชียงใหม่-ลำพูน (สายเก่า)
-
- ในสมัยก่อนอำเภอสารภี ไม่ได้มีชื่อเรียกเหมือนปัจจุบัน ชื่อเดิมของอำเภอสารภี คือ “ยางเนิ้ง” ซึ่งน่าจะมีเหตุมาจากต้นยางที่มีลักษณะ “เนิ้ง” หรือ “โน้ม” เข้าหากัน กระทั่งปี พ.ศ. 2472 จึงได้เปลี่ยนชื่ออำเภอยางเนิ้ง มาเป็นอำเภอสารภี ตามชื่อของดอกไม้ที่มีแพร่หลายอยู่ในอำเภอนี้ ส่วนประวัติของการปลูกต้นยางบนถนนสายประวัติศาสตร์เชียงใหม่-สารภีนั้น เริ่มต้นเมื่อปี พ.ศ.2442 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอม เกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งสยามประเทศได้มีการจัดการปกครองส่วน ภูมิภาคจากเมืองประเทศราชมาเป็นรูปแบบการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล มีข้าหลวง จากรัฐบาลกรุงเทพ มาปกครอง เชียงใหม่ในเวลานั้นอยู่ในช่วงปลายสมัยเจ้าอินทวโรรส เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 8 รัฐบาลส่วนกลางก็ยกเลิกอำนาจการปกครองของเจ้าหลวง ให้ข้าหลวงประจำเมืองทำหน้าที่แทน แต่ยังคงดำรงตำแหน่ง “เจ้าหลวง” เอาไว้เป็นประมุขของเชียงใหม่
โดยสมัยนั้นเมืองเชียงใหม่อยู่ในความ ดูแลของ ข้าหลวงสิทธิ์ขาดมณฑลพายัพ ซึ่งผู้ที่ดำรงตำแหน่งนี้เป็นคนแรกคือ เจ้าพระยาสุรสีห์วิสิษฐ์ศักดิ์ (เชย กัลยาณมิตร) ท่านได้นำนโยบาย ที่เรียกว่า “น้ำต้อง กองต๋ำ” อันหมายถึงนโยบายในการพัฒนาคูคลองร่องน้ำ การตัดถนนหนทางและการปรับปรุงถนนหลวงเพื่อให้ความร่มรื่นแก่ชาวบ้านที่สัญจรไปมา จึงได้มีการกำหนดให้ทางหลวงแต่ละสายปลูกต้นไม้ไม่ซ้ำกันคือ
ถนนในตัวเมืองเชียงใหม่ ให้ปลูกต้นไม้เมืองหนาว ถนนรอบคูเมือง ให้ปลูกต้นสัก และต้นสน ถนนสายเชียงใหม่-ดอยสะเก็ด ให้ปลูกต้นประดู่ ถนนสายเชียงใหม่-หางดง ให้ปลูกต้นขี้เหล็ก ถนนสายเชียงใหม่-สารภี ให้ปลูกต้นยาง และเมื่อเข้าเขตลำพูนให้ปลูกต้นขี้เหล็ก
สำหรับการปลูกต้นยางสารภีนั้น เริ่มต้นปลูกอย่างจริงจัง เมื่อปี พ.ศ.2465 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6
ในการปลูกต้นยางสมัยนั้นจะเกณฑ์ชาวบ้านที่ยากจนไม่มีเงินเสียภาษีให้รัฐกับชาวบ้านที่ไม่อยากจะเป็นทหาร ให้มาปลูกต้นยางตั้งแต่บ้านหนองหอยจนมาถึงแดนเมือง โดยจะให้ชาวบ้านรับผิดชอบดูแลรดน้ำต้นยางคนละประมาณ 4-5 ต้น ถ้าหากพบว่าต้นยางที่ตนรับผิดชอบตายก็จะต้องนำต้นยางมาปลูกใหม่ - ลำพูน ๑๙ ต.ค (2).JPG (403.98 KiB) เข้าดูแล้ว 826 ครั้ง
- ในสมัยก่อนอำเภอสารภี ไม่ได้มีชื่อเรียกเหมือนปัจจุบัน ชื่อเดิมของอำเภอสารภี คือ “ยางเนิ้ง” ซึ่งน่าจะมีเหตุมาจากต้นยางที่มีลักษณะ “เนิ้ง” หรือ “โน้ม” เข้าหากัน กระทั่งปี พ.ศ. 2472 จึงได้เปลี่ยนชื่ออำเภอยางเนิ้ง มาเป็นอำเภอสารภี ตามชื่อของดอกไม้ที่มีแพร่หลายอยู่ในอำเภอนี้ ส่วนประวัติของการปลูกต้นยางบนถนนสายประวัติศาสตร์เชียงใหม่-สารภีนั้น เริ่มต้นเมื่อปี พ.ศ.2442 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอม เกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งสยามประเทศได้มีการจัดการปกครองส่วน ภูมิภาคจากเมืองประเทศราชมาเป็นรูปแบบการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล มีข้าหลวง จากรัฐบาลกรุงเทพ มาปกครอง เชียงใหม่ในเวลานั้นอยู่ในช่วงปลายสมัยเจ้าอินทวโรรส เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 8 รัฐบาลส่วนกลางก็ยกเลิกอำนาจการปกครองของเจ้าหลวง ให้ข้าหลวงประจำเมืองทำหน้าที่แทน แต่ยังคงดำรงตำแหน่ง “เจ้าหลวง” เอาไว้เป็นประมุขของเชียงใหม่
-
- ประมาณปี พ.ศ.2438 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่5 พระยาทรงสุรเดช (อั้น บุนนาค) ข้าหลวงใหญ่มณฑลลาวเฉียง ได้ปรับปรุงและขยายเส้นทางสายนี้ให้กว้างขึ้น จนเกวียนสามารถเดินได้ (หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.ศ. 114) และในปี พ.ศ. 2449 ( ร.ศ. 124) เจ้าพระยาสุรสีห์วิสิษฐ์ศักดิ์ (เชย กัลยาณมิตร) ข้าหลวงใหญ่มณฑลพายัพ ได้ปรับปรุงเส้นทางสายนี้อีกครั้งโดยให้ มิสเตอร์ โรเบิร์ต ข้าหลวงโยธาเป็นผู้ให้คำแนะนำซึ่งการปรับปรุงครั้งนี้ทำให้เส้นทางสายนี้สภาพดีขึ้นและมีความกว้างกว่า 3 วา เท่ากันตลอดทั้งเส้น (หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.ศ. 124) เป็นที่มาของถนนสายเชียงใหม่-ลำพูนสืบมาจนถึงปัจจุบันนี้ ถนนสายนี้เริ่มต้นที่เชิงสะพานนวรัฐ ตรงไปตำบลหนองหอย และเริ่มเลียบแนวปิงห่างที่วัดกู่ขาวไปจนถึงลำพูน
"ถ้าต้นยางนาปลูกตรงกับหน้าบ้านใด ก็ให้เจ้าของบ้านผู้นั้นเอาใจใส่ทำรั้วล้อมรอบ เพื่อกันวัวควายเข้ามาเหยียบย่ำ และให้หมั่นรดน้ำพรวนดินดายหญ้า" ปัจจุบันนี้มีหลาย ๆ คนอยากจะตัดทิ้งถือว่าเป็นอันตราย นี่หากไม่ได้ ร.๙ มาปรารถว่า "ต้นยางนี้อยู่คู่บ้านคู่เมืองมาเป็นร้อยปี เราควรอนุลักษณ์ไว้" แค่นี้ตั้งแต่นั้นมาก็คล้าย ๆ กับว่ามีข้อกฏหมายห้ามตัดทำลายต้นยางนี้ และได้เกิดมีกลุ่มรักต้นยางรวมตัวกันเป็นจิตอาสา ตรวจสอบดูแลปรนนิบัติต้นยาง อย่างจริงจังและได้มีการตกแต่งกิ่งให้ปลอดภัยยิ่งๆ ขึ้น - ลำพูน ๑๙ ต.ค (3).JPG (421.34 KiB) เข้าดูแล้ว 826 ครั้ง
- ประมาณปี พ.ศ.2438 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่5 พระยาทรงสุรเดช (อั้น บุนนาค) ข้าหลวงใหญ่มณฑลลาวเฉียง ได้ปรับปรุงและขยายเส้นทางสายนี้ให้กว้างขึ้น จนเกวียนสามารถเดินได้ (หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.ศ. 114) และในปี พ.ศ. 2449 ( ร.ศ. 124) เจ้าพระยาสุรสีห์วิสิษฐ์ศักดิ์ (เชย กัลยาณมิตร) ข้าหลวงใหญ่มณฑลพายัพ ได้ปรับปรุงเส้นทางสายนี้อีกครั้งโดยให้ มิสเตอร์ โรเบิร์ต ข้าหลวงโยธาเป็นผู้ให้คำแนะนำซึ่งการปรับปรุงครั้งนี้ทำให้เส้นทางสายนี้สภาพดีขึ้นและมีความกว้างกว่า 3 วา เท่ากันตลอดทั้งเส้น (หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.ศ. 124) เป็นที่มาของถนนสายเชียงใหม่-ลำพูนสืบมาจนถึงปัจจุบันนี้ ถนนสายนี้เริ่มต้นที่เชิงสะพานนวรัฐ ตรงไปตำบลหนองหอย และเริ่มเลียบแนวปิงห่างที่วัดกู่ขาวไปจนถึงลำพูน
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (4).JPG (449.27 KiB) เข้าดูแล้ว 826 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (5).JPG (333.35 KiB) เข้าดูแล้ว 826 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (6).JPG (354.09 KiB) เข้าดูแล้ว 826 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (7).JPG (347.18 KiB) เข้าดูแล้ว 826 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (8).JPG (386.46 KiB) เข้าดูแล้ว 826 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (9).JPG (355.74 KiB) เข้าดูแล้ว 826 ครั้ง
-
- ต้นที่ผมเก็บภาพมาให้ชมเป็นต้นที่อยู่ติดกับบ้านครับ สำหรับต้นที่หน้าบ้าน เขาว่าเป็นต้นที่สวยและสมบูรณ์ไม่มีกิ่งแห้ง ครั้งนี้ไม่ต้องตกแต่ง โอกาสต่อไปจะมีการสำรวจอีกก็อาจต้องตกแต่งกันต่อไป ครั้งนี้เขาสำรวจประมาณ ๑๐๐ กว่าต้น ซึ่งทำการตกแต่งมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว จะสิ้นสุดวันนี้ ครั้งต่อไปก็จะสำรวจเพิ่มเติมและทำการตกแต่งต่อไป เพื่อความปลอดภัยของผู้สัญจรและบ้านเรือนที่อยู่อาศัย
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (10).JPG (291.32 KiB) เข้าดูแล้ว 826 ครั้ง
-
- S__37175298.jpg (331.5 KiB) เข้าดูแล้ว 816 ครั้ง
-
- S__37208066.jpg (292.23 KiB) เข้าดูแล้ว 816 ครั้ง
-
- S__37208068.jpg (321.48 KiB) เข้าดูแล้ว 816 ครั้ง
-
- 60627.jpg (177.09 KiB) เข้าดูแล้ว 816 ครั้ง
-
- 60629.jpg (201.69 KiB) เข้าดูแล้ว 816 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
วันนี้เป็นวันปิยมหาราช (Chulalongkorn Day) ตรงกับวันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นที่รักใคร่อย่างล้นเหลือของพสกนิกรทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ พระองค์จึงได้รับการถวายพระราชสมัญญานามว่า “สมเด็จพระปิยมหาราช” ซึ่งมีความหมายว่า “พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน” ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ รัฐบาลจึงได้ประกาศให้วันที่ 23 ตุลาคม เป็น “วันปิยมหาราช”
อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพทุก ๆ ท่าน เมื่อ ๑๙ / ๑๐ / ๖๒ ลุงป๊อกพี่ใหญ่ของเรามีใจอยากปั่นไปเที่ยว พระธาตุอินแขวนจำรอง “พระธาตุอินทร์แขวน ลำพูน” แหล่งท่องเที่ยวที่เรียกได้ว่า Unseen เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนาอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองลำพูน จากบ้านผมไปก็ประมาณ ๓๐ กว่า กม.เป็นอะไรที่ถูกใจมาก ๆ กำลังจะหาสถานที่สำคัญ ๆ ในลำพูนที่พอจะไปได้ในห้วงเวลาสั้น ๆ คิดไม่ออก ลืมสนิทเลยกับพระธาตอินแขวน ผมไปมาหลายครั้งแล้วครับ และก็ห่างเหินกันไปนานพอสมควร คงจะเปลี่ยนแปลงไปมาก (ก็ไม่ปฏิเสธครับ) ลุงป๊อกแกมาตามนัด และไม่ให้เสียเวลามาถึงบ้านแกก็ไม่ยอมเข้าบ้านออกเดินทางกันเลย ก่อนจะถึงพระธาตุอินแขวนเราก็แวะหลายที่ตามไปนะครับจะค่อย ๆ เก็บรายละเอียดมาฝากครับ
อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพทุก ๆ ท่าน เมื่อ ๑๙ / ๑๐ / ๖๒ ลุงป๊อกพี่ใหญ่ของเรามีใจอยากปั่นไปเที่ยว พระธาตุอินแขวนจำรอง “พระธาตุอินทร์แขวน ลำพูน” แหล่งท่องเที่ยวที่เรียกได้ว่า Unseen เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนาอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองลำพูน จากบ้านผมไปก็ประมาณ ๓๐ กว่า กม.เป็นอะไรที่ถูกใจมาก ๆ กำลังจะหาสถานที่สำคัญ ๆ ในลำพูนที่พอจะไปได้ในห้วงเวลาสั้น ๆ คิดไม่ออก ลืมสนิทเลยกับพระธาตอินแขวน ผมไปมาหลายครั้งแล้วครับ และก็ห่างเหินกันไปนานพอสมควร คงจะเปลี่ยนแปลงไปมาก (ก็ไม่ปฏิเสธครับ) ลุงป๊อกแกมาตามนัด และไม่ให้เสียเวลามาถึงบ้านแกก็ไม่ยอมเข้าบ้านออกเดินทางกันเลย ก่อนจะถึงพระธาตุอินแขวนเราก็แวะหลายที่ตามไปนะครับจะค่อย ๆ เก็บรายละเอียดมาฝากครับ
- ไฟล์แนบ
-
- S__34824209.jpg (147.1 KiB) เข้าดูแล้ว 795 ครั้ง
-
- ลุงป๊อกแกออกจากบ้านที่ในเมืองเชียงใหม่ (บวกครกน้อย) เวลา ๐๗.๐๐ น.สั่งการไว้ว่าเมื่อมาถึงบ้านผมแล้วให้ออกเดินทางเลยไม่ต้องเสียเวลานั่งกินอะไรอีกแล้ว และกำชับไม่ให้เราเตรียมอะไรพี่แกจัดการทุกอย่างเรียบร้อย สองเราคุณนายกับผมก็รีบจัดแจงตั้งลำรอเมื่อแกมาถึงจะได้ออกเลย
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (11).JPG (347.05 KiB) เข้าดูแล้ว 795 ครั้ง
-
- ลุงป๊อกมาถึงหน้าบ้านเมื่อเวลา ๐๗.๕๕ น.จากบ้านแกมาถึงบ้านผมใช้เวลา ๕๕ นาที ระยะทาง ๑๗ กม.ถือว่าออกตัวแบบสบาย ๆ ไม่เร่งรีบประมาณ ๒๐ กม./ชม. ลุงป๊อกปีนี้ ๗๕ ย่าง ๗๖ สำหรับผมแล้วถือว่าไม่ธรรมดา ส่วนตัวผมอีก ๓ เดือนก็จะเต็ม ๗๐ ยังคิดนะว่าจะสามารถไปไหนมาไหนแบบลุงป๊อกหรือไม่ ? หรืออาจเสียชีวิตตามลุงดมไปอีกคน หลัง ๑๕ / ๑ / ๖๓ คงได้รู้กัน ( มีนัดเข้าห้องเชือดครับ )
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (13).JPG (317.63 KiB) เข้าดูแล้ว 795 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (14).JPG (299.84 KiB) เข้าดูแล้ว 795 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (16).JPG (373.39 KiB) เข้าดูแล้ว 795 ครั้ง
-
- แวะเยี่ยมเยียนน้าวร ซึ่งเป็นญาตุผู้ใหญ่ของคุณนาย ซึ่งปีนี้น้าเราก็ ๘๐ แล้วแกไปผ่าต้อกระจกกับมูลนิธิศุภนิมิตร ผ่าฟรีมีรถมารับด้วย ลุงป๊อกเหมือนจะมีอาการคล้ายเป็นต้อกระจกอยากได้รายละเอียดจึงพากันไปแวะเยี่ยมเพื่อสอบถามและเตรียมตัว ก็ได้รายละเอียดครบ ส่วนจะไปหรือไม่ลุงป๊อกต้องตัดสินใจคนเดียว ๕๕๕.
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (17).JPG (346.86 KiB) เข้าดูแล้ว 795 ครั้ง
-
- บวชลูกแก้วแบบสมัยโบราณ ไม่เห็นภาพแบบนี้มานานแล้ว แต่ก่อนนั้นเด็ก ๆ จะอยู่กับวัดเป็นส่วนใหญ่ เพราะที่วัดมีขนมกิน ผมก็เป็นเด็กวัดเช่นกัน ช่วงปิดเทอมเพื่อนจะบวชเป็นสามเณร เวลาแห่นาคพ่อแม่ก็จะหาม้าให้ขี่ แห่ลูกแก้วเข้าวัด เป็นภาพที่ชินตาในสมัยเด็ก ๆ ปัจจุบันนี้หายไปนานแล้วไม่ค่อยได้เห็น เช้านี้ถือเป็นโชคดีที่ได้รำลึกความหลังที่ดีงามอีกครั้ง
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (20).JPG (231.09 KiB) เข้าดูแล้ว 795 ครั้ง
-
- ช่วงนี้เป็นช่วงกฐินหลาย ๆ บ้านจัดตั้งองค์กฐินเพื่อไปทอดยังวัดต่าง ๆ บางแห่งก็เป็นกฐินสามัคคี บางแห่งก็เป็นกฐินมีเจ้าภาพมาจองไว้ ที่เห็นนี้น่าจะเป็นต้นกฐินสามัคคี ไม่ทราบจะไปทอดวัดไหน ไม่ได้เข้าไปคุยด้วยเพียงแต่จอดเก็บภาพสวย ๆ ไว้
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (21).JPG (297.13 KiB) เข้าดูแล้ว 795 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (23).JPG (293.32 KiB) เข้าดูแล้ว 795 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (24).JPG (292.16 KiB) เข้าดูแล้ว 795 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (25).JPG (322.18 KiB) เข้าดูแล้ว 795 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (26).JPG (295.52 KiB) เข้าดูแล้ว 795 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (27).JPG (315.57 KiB) เข้าดูแล้ว 795 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (28).JPG (282.01 KiB) เข้าดูแล้ว 795 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (29).JPG (197.92 KiB) เข้าดูแล้ว 795 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (30).JPG (297.22 KiB) เข้าดูแล้ว 795 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (31).JPG (254.92 KiB) เข้าดูแล้ว 795 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (32).JPG (278.75 KiB) เข้าดูแล้ว 795 ครั้ง
-
- เมื่อครั้งที่ลุงป๊อกรับราชการเป็น ตร.ภูธร ( เดิมลุงป๊อกเป็นตำรวจพลร่ม รุ่น ๑๘๐ ย้ายมาอยู่ ตชด.ค่ายดารารัศมีแล้วย้ายไปอยู่ภูธร ) แกมักคุ้นกับท่านเจ้าอาวาสแห่งวัดสันป่ายางหลวง ซึ่งแต่ก่อนนั้นแกจะพาตำรวจมาปฏิบัติธรรม ที่วัดแห่งนี้เป็นประจำ ปัจจุบันวัดนี้โด่งดังมากเป็นวัดที่สวยติดอันดับ ๕ ของประเทศ ลุงป๊อกชวนว่า "ไหน ๆ ก็เป็นทางผ่าน" ขอแวะคุยสักหน่อย
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (33).JPG (266.25 KiB) เข้าดูแล้ว 795 ครั้ง
-
- นาน ๆ เจอกันคุยออกรสชาติ ผมนั่งฟังสักครู่ก็ขอตัวออกไปเก็บภาพสวย ๆ รอบวัดครับ ก็สมคำร่ำรือปัจจุบันมีพระ ๑๖ รูปเณรอีก ๔ รวม ๒๐ ถือว่ามากครับปกติวัดจะมีพระแค่รูปสองรูป เณรไม่มีเลย ได้สอบถามท่านเจ้าอาวาสช่วงสนทนา ว่า " การดูแลรักษาคงยาก " ท่านตอบว่า "สร้างง่ายเพราะมีเจ้าภาพ แต่การดูแลรักษาเป็นงานที่ยาก หากขาดศรัทธาและพระเณรแล้วก็ลำบาก เหมือนชกมวยการจะชิงแชมป์ง่ายกว่าการรักษาแชมป์ " ปัญหาไม่มีถ้าเป็นพระแท้ ๆ คือมีศีลที่งดงาม ศีลจะหอมทวนลมศรัทธาของคนก็จะเข้ามาเอง นี่คือบทสรุปของท่านเจ้าอาวาส ทุกวันนี้ทางวัดเป็นที่พึ่งทางใจของบรรดาศรัทธาญาติโยม มีชาวบ้านมาปฏิบัติธรรมไม่ว่างเว้น ท่านเจ้าอาวาสเองท่านลงสอนวิปัสสนาด้วยตัวท่านเอง ท่านเป็นแบบอย่างและเรียกศรัทธาให้ผู้คนเข้ามาชมวัดมาปฏิบัติธรรม การดูแลรักษาจึงไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อนุโมทนา..สาธุครับ
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (52).JPG (339.86 KiB) เข้าดูแล้ว 795 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
“ลืม” กับ “จำ” อะไรสำคัญกว่ากัน
เราเคยคิดว่าการมีความ “จำ” ดี เป็นสิ่งที่พิเศษ แต่เมื่อเราเข้าใจมันมากขึ้น “ลืม” ต่างหากที่เป็น สิ่งที่พิเศษอย่างแท้จริง! หากลืมไม่ได้ ชีวิตเราก็เหมือนกับอยู่ในโลกสีเทา
# ลืมความรุ่งเรืองในอดีตได้ นี่คือ การปล่อยวาง
# ลืมความล้มเหลวในอดีตได้ นี่คือ ความกล้าหาญ
# ลืมบาดแผลที่ใครๆฝากไว้ได้ นี่คือ การให้อภัย
# ลืมความผิดพลาดของคนอื่นในอดีตได้ นี่คือ ความเมตตา
# ลืมความไม่ใส่ใจที่มิตรสหายมีต่อเราได้ นี่คือ ความใจกว้าง
# ลืมความแค้นชิงชังที่ผู้อื่นมีต่อเราได้ นี่คือ ความกรุณา
# ลืมการทะเลาะเบาะแวงกับคนที่เรารักได้ นี่คือ การให้ความรักอันยิ่งใหญ่
“ลืม” ยากกว่า “จำ” มากมายหลายเท่านัก
* จำ คือ ฉลาด
* ลืม คือ ปัญญา
ชีวิตเหลืออีกไม่นาน ที่สำคัญอย่าลืมยิ้มให้กันไว้นะ
อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ เมื่อวานผมและคุณนายขับรถเข้าไปเยี่ยมคุณแม่ (๙๓) ในเมือง (บ้านผมอยู่ที่ประตูช้างเผือก อ.เมือง เชียงใหม่ มาเป็นเขยปากกองสารภี ๓๐ กว่าปีแล้วครับ) สิ่งที่ประทับใจและคิดไว้เสมอ ๆ ว่าจะกลับมาเล่าให้ fc.ฟัง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยได้กลับมาเขียนเล่า "ลืม" ครับ ๕๕๕ ครั้งนี้หัวเด็ดตีนขาดห้ามลืม วิธีที่จะไม่ให้ลืมคือ "จด" (บันทึก) คุณแม่ผมท่านเลือกจำครับ หลาย ๆ สิ่งที่ (ไร้สาระ) ท่านจะบอก "หึ..ลืมไปแล้ว" หลาย ๆ สิ่งที่เราประมาณว่าท่านลืมแน่ ๆ แต่ตรงข้าม "จำแม่นมาก" เช่นเรื่องสวดมนต์ ภาวนา และอีกเรื่องคือ "เงิน" ๕๕๕. พวกเราพี่ ๆ น้อง ๆ และหลาย ๆ คนสรุปว่าที่คุณแม่มีอายุยืนถึงวันนี้ ย่างเข้า ๙๔ ปี เพราะท่านใช้สูตรนี้ "ลืม กับ จำ" วัน ๆ หลาย ๆ วัน สังเกตุเราจะมีเรื่องไร้สาระเป็นขยะมากมาย เรื่องดี ๆ มีสาระไม่กี่เรื่อง ขอให้ทุกท่านพิจารณา จริง - เท็จ อย่างไรตัดสินใจเองนะครับ ถ้าจะให้ดี comment มาให้ทราบจะเป็นพระคุณยิ่ง
เราเคยคิดว่าการมีความ “จำ” ดี เป็นสิ่งที่พิเศษ แต่เมื่อเราเข้าใจมันมากขึ้น “ลืม” ต่างหากที่เป็น สิ่งที่พิเศษอย่างแท้จริง! หากลืมไม่ได้ ชีวิตเราก็เหมือนกับอยู่ในโลกสีเทา
# ลืมความรุ่งเรืองในอดีตได้ นี่คือ การปล่อยวาง
# ลืมความล้มเหลวในอดีตได้ นี่คือ ความกล้าหาญ
# ลืมบาดแผลที่ใครๆฝากไว้ได้ นี่คือ การให้อภัย
# ลืมความผิดพลาดของคนอื่นในอดีตได้ นี่คือ ความเมตตา
# ลืมความไม่ใส่ใจที่มิตรสหายมีต่อเราได้ นี่คือ ความใจกว้าง
# ลืมความแค้นชิงชังที่ผู้อื่นมีต่อเราได้ นี่คือ ความกรุณา
# ลืมการทะเลาะเบาะแวงกับคนที่เรารักได้ นี่คือ การให้ความรักอันยิ่งใหญ่
“ลืม” ยากกว่า “จำ” มากมายหลายเท่านัก
* จำ คือ ฉลาด
* ลืม คือ ปัญญา
ชีวิตเหลืออีกไม่นาน ที่สำคัญอย่าลืมยิ้มให้กันไว้นะ
อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ เมื่อวานผมและคุณนายขับรถเข้าไปเยี่ยมคุณแม่ (๙๓) ในเมือง (บ้านผมอยู่ที่ประตูช้างเผือก อ.เมือง เชียงใหม่ มาเป็นเขยปากกองสารภี ๓๐ กว่าปีแล้วครับ) สิ่งที่ประทับใจและคิดไว้เสมอ ๆ ว่าจะกลับมาเล่าให้ fc.ฟัง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยได้กลับมาเขียนเล่า "ลืม" ครับ ๕๕๕ ครั้งนี้หัวเด็ดตีนขาดห้ามลืม วิธีที่จะไม่ให้ลืมคือ "จด" (บันทึก) คุณแม่ผมท่านเลือกจำครับ หลาย ๆ สิ่งที่ (ไร้สาระ) ท่านจะบอก "หึ..ลืมไปแล้ว" หลาย ๆ สิ่งที่เราประมาณว่าท่านลืมแน่ ๆ แต่ตรงข้าม "จำแม่นมาก" เช่นเรื่องสวดมนต์ ภาวนา และอีกเรื่องคือ "เงิน" ๕๕๕. พวกเราพี่ ๆ น้อง ๆ และหลาย ๆ คนสรุปว่าที่คุณแม่มีอายุยืนถึงวันนี้ ย่างเข้า ๙๔ ปี เพราะท่านใช้สูตรนี้ "ลืม กับ จำ" วัน ๆ หลาย ๆ วัน สังเกตุเราจะมีเรื่องไร้สาระเป็นขยะมากมาย เรื่องดี ๆ มีสาระไม่กี่เรื่อง ขอให้ทุกท่านพิจารณา จริง - เท็จ อย่างไรตัดสินใจเองนะครับ ถ้าจะให้ดี comment มาให้ทราบจะเป็นพระคุณยิ่ง
- ไฟล์แนบ
-
- 3309629.jpg (19.94 KiB) เข้าดูแล้ว 778 ครั้ง
-
- ลุงป๊อก วันนี้ถือได้ว่าเป็น สว.เต็มตัว ท่านเจ้าอาวาสก็เช่นกันเพราะรุ่นราวคราวเดียวกัน เมื่อเจอกัน "อดีตต่าง ๆ " นำมาคุยมาเล่ามาทบทวน ฟังแล้วสนุกสนาน ได้สาระมีประโยชน์ แต่ลุงป๊อกแกบอกให้ผมรีบไปเก็บภาพที่อยากจะได้ ลุงแกจะนั่งคุยกับท่านและจะรอที่ตรงนี้ (ผมเคยบ่นเสมอ ๆ มาวัดนี้ไม่เคยได้ภาพสำคัญ ๆ ) ผมจึงขอตัวไปหาเก็บภาพไว้เพื่อนำกลับมาให้ท่านได้ชมกัน
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (53).JPG (274.23 KiB) เข้าดูแล้ว 778 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (54).JPG (278.81 KiB) เข้าดูแล้ว 778 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (55).JPG (282.74 KiB) เข้าดูแล้ว 778 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (56).JPG (388.54 KiB) เข้าดูแล้ว 778 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (57).JPG (269.92 KiB) เข้าดูแล้ว 778 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (58).JPG (342.9 KiB) เข้าดูแล้ว 778 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (59).JPG (334.6 KiB) เข้าดูแล้ว 778 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (60).JPG (344.72 KiB) เข้าดูแล้ว 778 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (61).JPG (341.21 KiB) เข้าดูแล้ว 778 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (62).JPG (357.21 KiB) เข้าดูแล้ว 778 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (63).JPG (209.16 KiB) เข้าดูแล้ว 778 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (64).JPG (324.04 KiB) เข้าดูแล้ว 778 ครั้ง
-
- พระสำคัญประจำวัดนี้คือ "พระเขียวโขง" ซึ่งเป็นหินสีเขียวจากแม่น้ำโขง อ.เชียงของ นำมาแกะสลักเป็นพระพุทธรูป ใช้เวลาแกะสลัก ๙ เดือน น่าขำมาก ๆ ผมเดินหารอบวัดอยู่ ณ ที่ใด ? จนอ่อนใจ เข้าไปถามพระที่กำลังทำงานอยู่ในวัด เชื่อไหมครับบางองค์ก็ตอบไม่ได้ ? ต้องถามท่านรองเจ้าอาวาส ท่านอธิบายให้ฟังและพาไปชี้ให้ได้ชม ซึ่งประดิษฐานอยู่ด้านบนพระประธานองค์ใหญ่ที่ผมเข้าไปกราบสักการะนั่นเอง "อยู่สูงองค์เล็ก สะดุดตาแต่ไม่สะดุดใจ" (โง่ ๕๕) ผมเชื่อหลาย ๆ คนที่ไปวัดนี้พลาดจุดนี้ทั้งนั้น เพราะสังเกตุไม่มีใครใส่ใจ แต่เมื่อเขาเห็นผมยืนชมและเก็บภาพเป็นนาน ก็เข้ามาสอบถามว่า ดูอะไรนานจัง พออธิบายให้ฟังเขาก็เป็นเหมือนผม คือแหงนชมและเก็บภาพนานเช่นกัน ๕๕๕.
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (65).JPG (287.93 KiB) เข้าดูแล้ว 778 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (66).JPG (289.83 KiB) เข้าดูแล้ว 778 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (67).JPG (325.83 KiB) เข้าดูแล้ว 778 ครั้ง
-
- ทำสมาธิแบบ อานาปานสติภาวนา “ลมหายใจแห่งปัจจุบันขณะ” อานาปานสติภาวนา คือวิธีพัฒนาสติ สมาธิ ปัญญา ด้วยการใช้ลมหายใจเป็นเครื่อง กำหนด หรืออีกนัยหนึ่งเป็นวิธีนำความจริงของธรรมชาติมาใคร่ครวญพิจารณาอยู่ทุกขณะของลมหายใจเข้าและลมหายใจออก
ตามพุทธประวัติ อานาปานสติเป็นวิธีที่พระพุทธเจ้าทรงใช้ตลอดพระชนมชีพ แม้แต่ในวันที่พระองค์ตรัสรู้ก็ทรงเจริญอานาปานสติเป็นเบื้องแรก
แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ผู้ก่อตั้งเสถียรธรรมสถานและอาจารย์ผู้สอนอานาปานสติ ยึดหลักการสอนตามพระไตรปิฎกโดยเน้นการผสานหลักการเจริญอานาปานสติภาวนาเข้ากับการดำเนินชีวิตประจำวัน
หลักสำคัญของการเจริญอานาปานสติคือ การใช้ “ลมหายใจ” เป็นเครื่องมือในการเจริญสติ นั่นคือ การหายใจเข้าและหายใจออกอย่างมีสติในทุกอิริยาบถ แม่ชีศันสนีย์ กล่าวถึงความสำคัญของอานาปานสติในชีวิตประจำวันไว้ว่า
“การเจริญอานาปานาสติต้องไม่ต้องแยกออกจากวิถีชีวิตตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้าไปจนหลับตาเวลานอน หากเราสามารถหายใจอย่างมีสติ ก็ถือว่าอยู่ในกระบวนการของอานาปานสติแล้ว และไม่ว่าจะเคลื่อนตัวยืน เดินนั่ง นอน ขอให้มีใจตั้งมั่น กายอยู่กับจิตจิตอยู่กับงาน หรือมีสิ่งใดมากระทบทางหูตา จมูก ลิ้น กาย หรืออารมณ์กระทบใจก็ขอให้ใจรู้ชัด มองโลกอย่างที่เป็นโดยไม่ต้องปฏิเสธ เพราะการปฏิบัติไม่ใช่เป็นการหนีแต่เป็นการอยู่กับโลกอย่างเข้าใจโลก
“อานาปานสติในวิถีชีวิตประจำวันคือรู้ลมหายใจ เฝ้าดูจิต พิจารณาการเกิดดับของสภาวธรรมนั้น ๆ”
สำหรับผู้ที่เริ่มต้นฝึกอานาปานสติภาวนาสามารถฝึกกำหนดรู้ลมหายใจได้ดังนี้
หายใจเข้า ก็รู้ว่าหายใจเข้า หายใจออก ก็รู้ว่าหายใจออก
หายใจเข้ายาว ก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว
หายใจออกยาว ก็รู้ว่าหายใจออกยาว
หายใจเข้าสั้น ก็รู้ว่าหายใจเข้าสั้น
หายใจออกสั้น ก็รู้ว่าหายใจออกสั้น
รู้ชัดทุกลมหายใจเข้าออก
หากมีลมหายใจอย่างมีสติ จะรู้ตัวว่าลมหายใจอ่อนโยนและกายเนื้อผ่อนคลาย ขณะที่กายเคลื่อนไหวใจยังตั้งมั่น เห็นสภาวธรรมที่เกิดขึ้น เห็นความจางคลาย(วิราคะ) ความดับ (นิโรธ)ความสลัดคืนความยึดมั่นถือมั่น (โวสสัคคะ) ในทุกลมหายใจ
หากมีช่วงเวลาที่หลุดจากการกำหนดรู้ลมหายใจก็ต้องให้อภัยตัวเองและตั้งใจกำหนดรู้ลมหายใจอีกครั้ง
ในการดูลมหายใจเข้า - ออกนั้นสามารถพิจารณาได้ทั้ง กาย (กายานุปัสสนาภาวนา) เห็นความไม่เที่ยงของกาย เวทนา (เวทนานุปัสสนาภาวนา) เห็นความไม่เที่ยงของเวทนา จิต (จิตตานุปัสสนาภาวนา) เห็นความไม่เที่ยงของจิต ธรรม(ธัมมานุปัสสนาภาวนา) เห็นความไม่เที่ยงของธรรม ซึ่งถือเป็น 4 หมวด (รวมทั้งหมด16 ขั้น) ของอานาปานสติภาวนา
แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต กล่าวถึงอานิสงส์ของอานาปานสติภาวนาว่า
“อานิสงส์ของการเจริญอานาปานสติคือการอยู่กับโลกอย่างเข้าใจ อยู่กับโลกอย่างเหนือโลก และอยู่กับโลกอย่างพ้นโลก คือพ้นจากทุกข์ แม้จะมีการได้การเสีย ได้ลาภเสื่อมลาภ ได้ยศเสื่อมยศ มีสรรเสริญมีนินทา มีสุขมีทุกข์ แต่ผู้ที่มีลมหายใจแห่งสติรู้ทันกายทันใจ จะทำใจเป็นอิสระจากทุกข์ได้และเป็นคนทันสมัย คือเป็นคนที่อยู่กับปัจจุบันขณะ รู้ทันกายรู้ทันใจ ไม่ประมาทในกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม แม้ต้องเผชิญความจริงของโลกอย่างไร ใจก็ไม่เป็นทุกข์
“หากทำอานาปานสติเจริญให้มาก ก็ทำให้สติปัฏฐาน 4 สมบูรณ์ โพชฌงค์ 7 ครบองค์ วิชชาและวิมุตติก็ปรากฏขึ้น”....เครดิตจาก Good Life Update . Com - 02-70.jpg (65.56 KiB) เข้าดูแล้ว 778 ครั้ง
- ทำสมาธิแบบ อานาปานสติภาวนา “ลมหายใจแห่งปัจจุบันขณะ” อานาปานสติภาวนา คือวิธีพัฒนาสติ สมาธิ ปัญญา ด้วยการใช้ลมหายใจเป็นเครื่อง กำหนด หรืออีกนัยหนึ่งเป็นวิธีนำความจริงของธรรมชาติมาใคร่ครวญพิจารณาอยู่ทุกขณะของลมหายใจเข้าและลมหายใจออก
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
อรุณสวัสดิ์ครับท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ เช้านี้ผมขอนำบทความที่ปรากฏในทางไลน์ มีเพื่อน ๆ เขาส่งมาให้ อ่านแล้วบันทึกเก็บไว้เพื่อมานำเสนอไว้เป็นข้อคิด เขาเล่าว่า
คนจีน เชื่อว่า
ภูเขามีความสูง น้ำมีความลึก ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกัน เหมือนคนแต่ละคนก็มีข้อดีของตัวเอง
ลมมีอิสระของลม เมฆมีความอ่อนโยนของเมฆ ไม่จำเป็นต้องเลียนแบบกัน
คนก็มีบุคคลิกของตัวเอง สิ่งที่เห็นว่าสนุกก็ไปตามหา สิ่งที่เห็นว่าคุ้มค่าก็ไปเฝ้ารอ สิ่งที่เห็นว่าเป็นความสุขก็ควรหวงแหนไว้ ปฏิบัติตามจิตได้...ก็ไม่เสียใจในชาตินี้....
ชีวิตคนมี 1 ทางเดินของตัวเอง แต่มีของมีค่าอยู่ 2 อย่าง สุขภาพกาย สุขภาพจิต
ชีวิตคนมี 4 ทุกข์ มองไม่ทะลุ สละไม่ลง แพ้ไม่เป็น ปล่อยวางไม่ได้
คนมีทรัพย์สมบัติอยู่ 6 สิ่ง ร่างกาย. ความรู้. ความฝัน. ทัศนคติ. ความเชื่อมั่น.. ความกล้าหาญ
เท็จจริงอย่างไรนำไปคิดนึกตรึกตรองดูกันนะครับ
คนจีน เชื่อว่า
ภูเขามีความสูง น้ำมีความลึก ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกัน เหมือนคนแต่ละคนก็มีข้อดีของตัวเอง
ลมมีอิสระของลม เมฆมีความอ่อนโยนของเมฆ ไม่จำเป็นต้องเลียนแบบกัน
คนก็มีบุคคลิกของตัวเอง สิ่งที่เห็นว่าสนุกก็ไปตามหา สิ่งที่เห็นว่าคุ้มค่าก็ไปเฝ้ารอ สิ่งที่เห็นว่าเป็นความสุขก็ควรหวงแหนไว้ ปฏิบัติตามจิตได้...ก็ไม่เสียใจในชาตินี้....
ชีวิตคนมี 1 ทางเดินของตัวเอง แต่มีของมีค่าอยู่ 2 อย่าง สุขภาพกาย สุขภาพจิต
ชีวิตคนมี 4 ทุกข์ มองไม่ทะลุ สละไม่ลง แพ้ไม่เป็น ปล่อยวางไม่ได้
คนมีทรัพย์สมบัติอยู่ 6 สิ่ง ร่างกาย. ความรู้. ความฝัน. ทัศนคติ. ความเชื่อมั่น.. ความกล้าหาญ
เท็จจริงอย่างไรนำไปคิดนึกตรึกตรองดูกันนะครับ
- ไฟล์แนบ
-
- เมื่อวาน 26/10/62 วัดสันป่าสักวรอุไรได้จัดการทอดกฐินสามัคคีประจำปี 62 เพื่อระดมทุนไปสร้าง รพ.ที่ จ.นครราชสีมา
คำอธิบายกฐิน เป็นศัพท์ในพระวินัยปิฎกเถรวาท เป็นชื่อเรียกผ้าไตรจีวรที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ภิกษุผู้อยู่จำพรรษาครบ 3 เดือนแล้ว สามารถรับมานุ่งห่มได้ โดยคำว่าการทอดกฐิน หรือการกรานกฐิน จัดเป็นสังฆกรรมประเภทหนึ่งตามพระวินัยบัญญัติเถรวาทที่มีกำหนดเวลา
กฐินมีกำหนดระยะเวลาถวาย จะถวายตลอดไปเหมือนผ้าชนิดอื่นมิได้ ระยะเวลานั้นมีเพียง 1 เดือน คือตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ไปจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 (วันเพ็ญเดือน 12) ระยะเวลานี้เรียกว่า กฐินกาล คือระยะเวลา ทอดกฐิน หรือ เทศกาลทอดกฐิน
งานเริ่มแต่เช้าเสร็จสิ้นเอาบ่ายแก่ๆ ญาติธรรมให้ความสนใจท่วมท้น โรงทานมีเป็นร้อยโรงทาน ที่สะดุดตาคือ อิสลามมาทุกปี มาทำโรตีโรงทาน อร่อยมาก คิวยาวเหยียด
เอาบุญกฐินมาฝากทุกท่านทุกคนครับ - S__37675012.jpg (118.11 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
- เมื่อวาน 26/10/62 วัดสันป่าสักวรอุไรได้จัดการทอดกฐินสามัคคีประจำปี 62 เพื่อระดมทุนไปสร้าง รพ.ที่ จ.นครราชสีมา
-
- หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม แห่งวัดป่าทรัพย์ทวีวังน้ำเขียวประธานในพิธีมาเป็นองคฺประธาน ลูกศิษย์ลูกหาจะเรียกท่านว่า "หลวงพ่อใหญ่" ท่านมีเมตตามาก ๆ วัดในสาขามีหลายสิบวัดทั่วประเทศ เมื่อถึงคราหน้ากฐินหลวงพ่อใหญ่จะไปทุก ๆ สาขา ไปโปรดญาติโยม ในภาพหลวงพ่อเมตตา "เคาะหัว" เดินเคาะทักทายไปรอบวัด ท่านมีความอดทนมากเลย
- S__37756930.jpg (247.39 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- กฐินปีนี้ทางวัดแพร่ธรรมาราม ซึ่งเป็นวัดดั้งเดิมของหลวงพ่อใหญ่ ได้จัดพิมพ์หนังสือ "แก่นแท้ของชีวิต" สำหรับมาแจกให้แก่ผู้มาร่วมงานกฐินสามัคคี คนละ ๑ เล่ม วัดแพร่ธรรมาราม จ.แพร่ จะเป็นวัดที่ใช้สำหรับอุปสมบทและเป็นที่ฝึกพระใหม่ ก่อนที่จะส่งไปประจำสาขา ต่าง ๆ วัดของหลวงพ่อใหญ่ส่วนใหญ่จะนิยมอาหารมังสวิรัติกันทั้งวัด คือทั้งพระทั้งญาติโยมไม่ทานเนื้อสัตว์กันเรียกว่าเป็น "มังสวิรัติ"
- S__37756932.jpg (279.01 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- โรงทานปีนี้ร้อยกว่าโรงทาน สนุกสนานกันมากเรียกว่า "บุญก็ได้ ไส้ก็เต็ม" กฐินของหลวงพ่อใหญ่ไม่มีเจ้าภาพ ทุกคนร่วมกันเป็นเจ้าภาพ มีน้อยให้น้อยมีมากให้มากตามตามแรงศรัทธา ยกผ้าจบเหนือเกล้า เมื่อพระกล่าวอนุโมทนา ปัจจัยก็จะใส่ในขันที่เตรียมไว้
- S__37756933.jpg (267.43 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- หนังสือที่พิมพ์แจกในงานกฐินโดยวัดแพร่ธรรมาราม
- S__37765122.jpg (116.88 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- S__37765124.jpg (193.64 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- อิสลามมาออกโรงทานเป็นประจำทุก ๆ ปี โรตีอร่อยมาก นุ่ม สะอาด คนเข้าแถวยาวอยากกินต้องอดทน ผมก็ไปเข้าแถวรอเพื่อร่วมอนุโมทนาบุญ อยู่กันแบบสันติแบบนี้โลกนี้น่าอยู่ครับ ไม่รู้จะไปแก่งแย่งอยากครองโลกไปทำไม เข่นฆ่ากันในสามจังหวัดภาคใต้ "มันคืออะไร"
- S__37765125.jpg (181.39 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (69).JPG (374.81 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (70).JPG (302.8 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (71).JPG (315.1 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (72).JPG (270.21 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (73).JPG (259.71 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (74).JPG (323.78 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (75).JPG (265.88 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- ที่วัดสันป่ายางหลวงมีกล่องเชิญชวนไถ่ชีวิตโค ๙ ตัว ในวันที่ ๑๕ / ๑ / ๖๓ ซึ่งผมยืนอ่านยืนมองเกิดเอ๊ะใจ แปลกจังผมจะเข้า รพ.ใน ๑๓ / ๑ / ๖๓ เพื่อเตรียมผ่าตัดใน ๑๔ / ๑ / ๖๓ นับว่าเป็นนิมิตหมายอันดีสำหรับผมที่จะต้องร่วมบริจาคไถ่ชีวิตโค ๙ ตัวร่วมกับหลวงพ่อ "ขอให้กุศลผลบุญในครั้งนี้ ให้การผ่าตัดสำเร็จไปด้วยดีไม่มีอันตรายใด ๆ จะได้มีชีวิตสร้างบุญกุศลเป็นบารมีอีกต่อไปนาน ๆ ๕๕ "
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (77).JPG (248.68 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (78).JPG (209.08 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (79).JPG (283.89 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (80).JPG (186.38 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (81).JPG (256.26 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- มีโรงทานน้ำดื่มหลากหลายชนิดผมเลือกน้ำมะพร้าว คุณนายก็เช่นกัน ส่วนลุงป๊อกขอเป็นน้ำใบบัวบก หวานเย็นชื่นใจ ขอให้เจริญ ๆ ร่ำรวย ๆ สุขใจเย็นสบายเหมือนน้ำที่นำมาบริจาคทานนะครับ
เราเตรียมออกจากวัดสันป่ายางหลวงเพื่อไปยังเป้าหมายต่อไป ซึ่งผมนึกขี้นได้อยู่ไม่ไกลกันคือวัด พระคงฤาษี ซึ่งแต่ก่อนเคยไปนั่งประชุมร่วมกันกับ ตร.ภูธร เป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งหนึ่งของคนเมืองลำพูนครับ อย่าลืมติดตาไปเที่ยวกับผมนะครับ - ลำพูน ๑๙ ต.ค (82).JPG (311.64 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
- มีโรงทานน้ำดื่มหลากหลายชนิดผมเลือกน้ำมะพร้าว คุณนายก็เช่นกัน ส่วนลุงป๊อกขอเป็นน้ำใบบัวบก หวานเย็นชื่นใจ ขอให้เจริญ ๆ ร่ำรวย ๆ สุขใจเย็นสบายเหมือนน้ำที่นำมาบริจาคทานนะครับ
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- ลุงเนตร
- ขาประจำ
- โพสต์: 19852
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
- Tel: 0898133936
- team: อิสระ
- Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
- ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
- ติดต่อ:
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
"..สาธุ.."
..ย้อนอ่าน ๒ โพสท์ มีแต่สิ่งดี ๆ ด้วยภาพและตัวอักษร..ที่เป็นประโยชน์..ขอบคุณมากครับ ที่สรรหามาให้ไว้เป็นวิทยาทาน..สาธุ..
..ย้อนอ่าน ๒ โพสท์ มีแต่สิ่งดี ๆ ด้วยภาพและตัวอักษร..ที่เป็นประโยชน์..ขอบคุณมากครับ ที่สรรหามาให้ไว้เป็นวิทยาทาน..สาธุ..
- ไฟล์แนบ
-
- ตัวอักษรที่โปสเตอร์ด้านหลัง "ปั่นล้อให้หมุน ปันบุญให้สังคม" มาเกี่ยวเนื่องตรงกันกับท่านทั้งสองที่ได้ไปทำบุญที่บู๊ทนั้น.
- ลำพูน ๑๙ ต.ค (79).JPG (100.1 KiB) เข้าดูแล้ว 757 ครั้ง
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*