"ปั่นทะลุฟ้า ฮา...ตะลุยเนิน" ภูเรือ - เชียงคาน - ภูเรือ ... 4 วัน 3 คืน

รายงาน/รูป "สรุปทริป" จากที่ได้ปั่นมา
ตอบกลับ
รูปประจำตัวสมาชิก
Tee-2012
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 386
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 21:20
team: หมูหมอบ
Bike: " เฟสสัน จักรยานยุคพัฒนา ควรค่าแก่การเลือกใช้ "
ตำแหน่ง: ตรงไหนก็ได้ ที่เป็นเมืองไทย

"ปั่นทะลุฟ้า ฮา...ตะลุยเนิน" ภูเรือ - เชียงคาน - ภูเรือ ... 4 วัน 3 คืน

โพสต์ โดย Tee-2012 »

รูปภาพ




แนะนำนักแสดงก่อนครับ ชื่อที่เห็นเป็นชื่อจริง ตัวจริงเป็นๆ ถึงแม้ว่าอาจจะดูขัดใจไปบ้าง นั่นเพราะว่า พวกเรา "เป็นลูกครึ่ง" ทุกคน :lol: :lol: :lol: :lol:

รูปภาพ

"ชาร์ล" พี่ใหญ่ ใจสะออน มีความเป็นผู้นำสูง (นำไปแต่เรื่องไร้สาระ :lol: :lol: :lol: ) อารมณ์ดีได้ทั้งวัน คุยได้ไม่มีหยุด เปิดช่องไม่ได้ มีเสียบตลอด กัดได้แม้แต่น้องๆ


รูปภาพ

"พอล" พี่รอง สุขุม นุ่มลึก น่าเกรงขาม ... นั่นคือที่คิดไว้เมื่อตอนพบกันครั้งแรก หลังจากนั้น..แทบจะไม่ต่างจากคนข้างบน เผลอๆ มากกว่าซะอีก ...Last Hill
คือข้อพิสูจน์


รูปภาพ

"พิช" ขาแรงประจำกลุ่ม ท่าไม่สวย แรงเป็นพอ อย่าเผลอ เพราะแค่กระพริบตา เค้าจะแซงคุณไปอย่างรวดเร็ว แล้วไปเป็นตะคริวอยู่ตรงแยกหน้า :lol: :lol: :lol: :lol:


รูปภาพ

"ที" คนเล่าเรื่อง น้องเล็กสุด หน้าตาดีสุด นิสัยดีสุด เป็นขวัญใจของสาวแก่ แม่ม่าย และทุกเพศทุกวัย :lol: :lol: :lol: เป็นคนเดียวในกลุ่ม ที่น่าจะมีสาระมากที่สุดแล้ว จริง จริ๊งงงงง...


รูปภาพ



"ไปปั่นที่เชียงคานกันมั๊ย"

ไม่น่าเชื่อ แค่ประโยคนี้ประโยคเดียวของพี่พอล เสือเจ้าถิ่นจากภูเรือจะกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของทริปสุดมันส์ สุดฮา มหาโหด ที่มีครบทุกรส ทั้งสนุก สุขสันต์ หัวเราะตะโกนคุยกันทีป่าแทบแตกเวลาพวกเราไหลลงเนินยาวๆ หรือเหนื่อยลิ้นห้อย น้ำลายเหนียวเวลาดันเนิน จนแม้แต่เสียงหายใจยังน่ารำคาญ และที่สำคัญ ทริปนี้ ทำให้ได้รู้ว่าพวกเรานี่ มีทุกอย่างจริงๆ ยกเว้น ......... สาระ



จุดเริ่มต้น

"ไปปั่นที่เชียงคานกันมั๊ย" พี่พอล พี่มีความอาวุโสเป็นที่สองในกลุ่ม แต่มีความน่าเคารพในความสุขุมเป็นที่หนึ่ง (ซึ่งต่อมา สถานการณ์หลายๆอย่างได้ทำให้ผมรู้ว่า .. ผมคิดผิดมหันต์) ได้เอ่ยปากชวนผมในวันนึงที่เราปั่นด้วยกันตามปกติ

"ไปครับพี่" ปากไวกว่าความคิด ผมตกปากรับคำทันทีตามประสาคนใจง่าย โดยทั้งๆที่ยังไม่รู้เลยว่าจะไปวันไหน เมื่อไหร่ ไปที่ไหนบ้าง และไปกี่วัน หลังจากนั้นพวกเราก็ได้คุย กำหนดวัน วางแผนการเดินทางต่างๆจนสรุปว่า

- เราจะออกเดินทางจากปทุมธานีเช้าวันที่ 16 พ.ย. 2556 ถึงภูเรือตอนเย็น ก็จะเข้าพักที่บ้านพักตากอากาศริมเขาสุดหรูของพี่พลเจ้าถิ่น
- แล้วเช้ามืดวันที่ 17 เราจะปั่นไปท่าลี่ และไปต่อที่เชียงคาน จะเข้าพักที่รีสอร์ตบ้านดินริมน้ำโขง พร้อมกับออกมาลอยกระทง เหล่สาวกันที่ถนนคนเดินเชียงคาน
- หลังจากนั้นพอเช้าวันที่ 18 เราจะปั่นผ่านเมืองเลย กลับภูเรือ โดยใช้เส้นทางใหม่ ถึงภูเรือช่วงเย็นๆ พักผ่อน นอนหลับ
- พอเช้าวันที่ 19 เราก็จะเดินทางกลับบ้าน


ออกเดินทาง

การเดินทางจากปทุมธานีโดยมีจุดหมายปลายทางที่อำเภอภูเรือ จังหวัดเลยนั้น พวกเราเลือกใช้เส้นทาง เพชรบูรณ์ - หล่มสัก - หล่มเก่า - ด่านซ้าย - ภูเรือ พี่พลเป็นผู้ขับตลอดเส้นทาง ตั้งแต่เริ่มออกเดินทางก็ไม่มีหยุดปากกันเลย ทั้งคุยเรื่องรถ เรื่องเที่ยว นินทาชาวบ้าน พอหมดเรื่องคุยก็หันมานินทาซึ่งๆหน้ากันเองซะเลย ซึ่งสำหรับพวกเราแล้วถือเป็นเรื่องธรรมดามาก ใครอยู่กลุ่มนี้แล้วไม่โดนกัดระยะเผาขน ถือว่าไม่ได้เข้ากลุ่มอย่างเต็มตัว :lol: :lol: :lol:

จุดแวะพักกลางทางที่คิดไว้คือ หาร้านไก่ย่างวิเชียรฯอร่อยๆ กินกันที่เพชรบูรณ์ เพราะถ้ามาถึงนี่แล้ว ยังอยากจะหาหมูย่างกินก็ต้องไปเมืองตรังนู่นแหล่ะครับ ยังไงๆก็ต้องไก่ย่างวิเชียรฯเท่านั้น พอใกล้ๆถึงก็สอดส่ายสายตามองหาร้านที่น่าสนใจ จนมาสะดุดตาที่ร้านนี้

รูปภาพ


ส่วนนี่ไม่ใช่สาเหตุที่เลือกนะครับ ไก่เค้าเลือกทางของเค้าเอง

รูปภาพ


อาหารรสดีครับ ราคาไม่แพงมาก แนะนำสำหรับท่านที่ต้องการตามรอยนะครับ ข้าวเหนียวที่นี่เค้าจะห่อมาในใบตอง หอมและนุ่มมาก ส่วนไก่ย่างเมนูประจำร้าน สั่งทั้งทีสั่งเป็นตัวมาเลยครับ อย่าเหมือนพวกผม สั่งมาลองก่อนครึ่งตัวพอนึกได้ว่าอร่อย ก็เลยสั่งอีกครึ่งตัว ไม่มีอะไรมากครับแค่อยากจะบอกว่า ราคามันต่างกันครับพี่

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ


ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง .....

รูปภาพ


นี่คือผู้ต้องสงสัยครับ

รูปภาพ

รูปภาพ


หลังจากอิ่มท้องป่องกันเรียบร้อย พวกเราก็ออกเดินทางต่อทันที จุดหมายปลายทางหน้าคือเมืองเลย
.
.
.

พอเข้าเขตเมืองเลย จุดแวะที่พี่พอลเจ้าถิ่นจอดเพื่อให้พวกเราพัก และถ่ายรูปคือที่นี่ครับ

รูปภาพ

จุดชมวิวเมืองด่านซ้าย จุดนี้มีรูปปั้นผีตาโขนที่เป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัดเลย ตั้งอยู่สูงเด่นเป็นสง่า ถือเป็น Landmark สำคัญ ใครผ่านมาก็ต้องจอดแวะถ่ายรูปกันทุกคน พอลงจากรถได้ สัมผัสแรกที่รู้สึกคือ..หนาว..ครับ อากาศเย็นยะเยือกเลยทีเดียว ทำให้พวกเราที่ล้าๆกันมาจากการนั่งรถทางไกลก็เริ่มสดชื่นขึ้นทันที

รูปภาพ


หลังจากถ่ายรูปเป็นที่น่าพอใจ พี่พลก็พาเราไปต่อที่จุดน่าสนใจแห่งต่อไป ...

รูปภาพ


วัดโพนชัย และ พิพิธภัณฑ์ผีตาโขน อ.ด่านซ้าย ซึ่งข้างในได้รวบรวมเรื่องราว ประวัติความเป็นมาของความเชื่อในเรื่องของผีตาโขน รวมทั้งรายละเอียดทางพิธีกรรมของการละเล่นผีตาโขน ซึ่งเป็นความเชื่อโบราณที่อยู่คู่กับวัฒนธรรม และสังคมเมืองเลยมาช้านาน

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

ไหนๆก็มาถึงตรงนี้แล้ว ผมขอแทรกเกร็ดความรู้เรื่องผีตาโขนให้เพื่อนๆได้ทราบไว้เก็บเป็นสะเก็ดความรู้หน่อยนะครับ เดี๋ยวจะคิดว่าพวกเรา "มีสาระ" กันไม่เป็น ตามลิ๊งค์ไปเลยครับ
http://allknowledges.tripod.com/phitakhon.html

ในบริเวณวัดโพนชัยมีสถานที่สักการะที่ควรเคารพไหว้อยู่อีกแห่งครับ คือ วิหารพระเจ้าใหญ่

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามลิ๊งค์นี้เลยครับ
http://www.tumsrivichai.com/index.php?l ... 9&Ntype=42


หลังจากออกจากวัดโพนชัยด้วยความอิ่มเอมแล้ว ทั้งคณะเราก็มุ่งหน้าสู่ที่พักทันที โดยที่พักซึ่งเป็นบ้านส่วนตัวของพี่พลนั้น อยู่ห่างจากตัวอุทยานแห่งชาติภูเรือที่พวกเราหมายมั่นปั้นมือกันว่า "จะต้องพิชิตให้ได้ในทริปนี้" ไปเพียงไม่กี่กิโลเมตร


รูปภาพ

บ้านพี่เค้าอยู่บริเวณเชิงเขา เงียบสงบ อากาศดีมากๆครับ ตอนที่พวกเราไปถึงนั้นเวลาประมาณเกือบๆบ่ายโมง แต่อุณหภูมิก็ลดต่ำลงมาอยู่ที่ประมาณ 17-18 องศากันแล้ว คนอื่นๆบอกกำลังเย็นสบาย แต่สำหรับผมที่ไม่ชอบอากาศเย็นอยู่แล้ว บอกได้คำเดียวว่า หนาวววววววววววววว มว๊ากกกกกกก.. :cry: :cry:

หลังจากเก็บข้าวของเข้าบ้านเรียบร้อย พวกเราก็รีบช่วยกันยกจักรยานลงจากรถมาประกอบกันอย่างรวดเร็ว เพราะกะจะปั่นชิวๆ ไปชมบรรยากาศแถวๆที่พัก และถ้าแรงเหลือๆก็จะปั่นขึ้นภูเรือ :lol: :lol: :lol:

รูปภาพ


อากาศดีมากครับ แม้สำหรับผมจะหนาวไปหน่อย แต่ก็ทำให้การปั่นจักรยานในบรรยากาศอย่างนี้ ถือว่าเป็นรางวัลให้กับการเดินทางมาไกลได้เลยเหมือนกัน พวกเราต่างก็สูดอากาศที่ยากจะหาได้แถวๆบ้านกันเข้าเต็มปอด บอกได้เลยว่า "สดชื่นซู๊ด...ซู๊ด"


รูปภาพ

รูปภาพ

"ปันดาว" รีสอร์ต เห็นว่าสวยดีครับ พวกเราเลยแวะเข้าไปถ่ายรูปเฉยๆ


รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

"ลานคริสต์มาสภูเรือ" อยู่บริเวณทางขึ้นอุทยานแห่งชาติภูเรือ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนมาเที่ยว ถ่ายรูปเยอะครับ เพราะเค้าจะปลูกต้นคริสต์มาสจนเต็มพื้นที่ไปหมด สวยมากครับ


รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอภูเรือครับ เค้าจัดสถานที่ไว้ให้นักท่องเที่ยวแวะถ่ายรูป มีเทอร์โมมิเตอร์คอยบอกอุณหภูมิขณะนั้น ตกแต่งซุ้มเป็นบ้าน สวยมากๆครับ


หลังจากปั่นเล่นแถวๆนั้นได้ไม่นานความห้าวก็มาเยือน ผมกับพี่ชาร์ลก็ตกลงกันว่าจะไปลองปั่นขึ้นภูเรือกัน ท่ามกลางเสียงคัดค้านของอีกสองท่าน แต่ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว ไม่ได้ลอง ก็ถือว่าเสียเที่ยว ด้วยความดื้อพวกเราสองคนสุดท้ายพี่พอล กับพี่พิชก็ต้องยอมตามใจ ทางขึ้นภูเรือนั้น เลยจากลานคริสต์มาสไปอีกนิดเดียว แต่ทางก็ชันมาก ปั่นช้าๆ ไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ ระยะทางแค่ไม่เกิน 3 กิโล แต่พวกเราก็ปั่นกันหอบตัวโยนกันเลยทีเดียว ด้วยกลัวเสียหน้าเพราะความดื้อ ผมเลยทำเป็นเก่งปั่นขึ้นมาก่อน แล้วมาหยุดที่หน้าทางเข้าอุทยานแห่งชาติภูเรือ ในสภาพหูอื้อ ตาลาย หอบแฮ่กๆเพราะความเหนื่อย เจ้าหน้าที่เดินเข้ามาถามอะไรสักอย่าง ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่รู้เรื่องแล้วเพราะเหนื่อยแทบขาดใจ หันไปมองข้างหลัง พี่ๆอีกสามท่านกำลังปั่นตามมาไม่ห่างนัก ด้วยกลัวจะเสียหน้า ผมเลยต้องรีบเก๊กทำเป็นหายเหนื่อย แล้วค่อยหันไปคุยกับเจ้าหน้าที่บริเวณประตู ถึงได้รู้ว่าเค้าถามผมว่า "จะขึ้นไปกี่คน จักรยานกี่คัน" ผมเลยตอบไปว่า "ขอรอเพื่อนก่อนครับ" แต่ในใจน่ะคิดไว้ว่า อย่ามีใครเกิดกล้า บ้า ปั่นขึ้นนะ ผมจะแกล้งชักตาตั้งตรงนี้จริงๆ เพราะมองขึ้นไปทางข้างหน้าทั้งชัน ทั้งไกล เห็นแล้วขนคอตั้ง ลุกซู่กันเลยทีเดียว

แต่พอขึ้นกันมาครบแล้วได้คุยๆกัน ก็สรุปว่าไม่ขึ้นจะดีกว่า เพราะมันชันมาก เกรงว่าจะหมดแรงแล้วพรุ่งนี้ จะปั่นทางไกลกันไม่ไหว ก็เลยกลับกันมาที่บ้านแล้วเอารถขึ้นไปกันบนภูเรือแทน

สรุป... ภารกิจขึ้นภูเรือครั้งนี้ไม่สำเร็จครับ งานนี้ต้องมีมาซ้ำ

รูปภาพ


อ้อ..สำหรับท่านที่มาเที่ยวชมอุทยานแห่งชาติภูเรือ เค้าเก็บค่าขึ้นด้วยนะครับ จักรยานคันละ 10 บาท รถยนต์คันละ 30 บาท ผู้ใหญ่คนละ 40 บาท ถ้าอายุเกิน 60 ปีไม่เสียค่าขึ้นครับ ท่านไหนที่หน้าแก่แต่อายุไม่ถึง ก็แกล้งๆอายุเกินบ้างก็ได้ครับ บางครั้งคำว่าแก่ ก็ช่วยทำให้ประหยัดตังค์ได้ อย่าเหมือนพวกผม เค้าถามมีอายุเกินหกสิบมั๊ย พวกท่านรีบปฏิเสธลั่นรถกันทันทีเลย

รูปภาพ

รถขึ้นได้แค่ตรงนี้ครับ หลังจากนั้นต้องเดินขึ้นครับ


รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

ลงมา พวกเราก็แวะซื้ออาหารเย็นเข้าไปกินกันเพื่อตุนแรงไว้ใช้วันพรุ่งนี้ กลับมาถึงบ้านลมแรงพอสมควร อุณหภูมิลงไปต่ำกว่า 15 องศาแล้ว หนาวมากๆ กินข้าวเย็นกันเสร็จ นั่งคุยกันได้พักนึง ก็อาบน้ำอาบท่า ยังดีที่ที่พักมีเครื่องทำน้ำอุ่นเลยพอไหว หลังจากก็เข้านอนกัน พรุ่งนี้ยังมีภาระกิจที่ต้องปั่นกันอีกยาวไกล แต่ก็ยังมีคนบางคนอุตส่าห์เติมแรงด้วยเครื่องดื่มมีฟองสีอำพันต่ออีกหน่อย :lol: :lol: :lol:

ผมเชื่อว่า ตอนนี้ในความคิดของพวกเราแต่ละคน ต่างก็วาดฝันไว้ต่างๆนาๆ ว่าจะปั่นขึ้นเนินอย่างนั้น ควงขาอย่างนี้ ใช้เกียร์นั้นเกียร์นี้ แวะถ่ายรูปตรงนั้น อากาศดีตลอดทาง ต้นไม้ใบหญ้าน่าชื่นชม รื่นรมย์ไปซะหมด โดยหารู้ไม่ว่าความเป็นจริงนับจากนี้มีเพียงหนึ่งเดียวคือ .......... โหดดดดดดดดดดดดดดด




Route Trip วันที่ 16 พฤศจิกายน 2556 ครับ (คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยายครับ แล้วคลิ๊กอีกทีเพื่อภาพที่ใหญ่ขึ้น)

รูปภาพ

สำหรับท่านที่ใช้ Endomondo ครับ (มีค่าความเร็ว และความชัน)
http://www.endomondo.com/workouts/269320767/9355995

สำหรับ Google Maps ครับ
https://www.google.co.th/maps/ms?msa=0& ... cb3e672da9



ติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ......
แก้ไขล่าสุดโดย Tee-2012 เมื่อ 14 ม.ค. 2014, 11:02, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
"ถ้าคิดจะคบเป็นเพื่อนกันนานๆ อย่าถามถึงราคาอะไหล่จักรยานต่อหน้า...เมีย"
ลุงหนุ่ม
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2013, 22:16

Re: "ปั่นทะลุฟ้า ฮา...ตะลุยเนิน" ภูเรือ - เชียงคาน - ภูเรือ ... 4 วัน 3 คืน

โพสต์ โดย ลุงหนุ่ม »

:ugeek: กำลังตามชม ต่อแบบประชิดคับ พรุ่งนี้ใช่ปะ :ugeek:
รูปประจำตัวสมาชิก
somchit_prom
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 501
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2011, 13:26
Tel: 0890597052
team: ไทรโยค
Bike: เสือภูเขา
ตำแหน่ง: ร.ร.บ้านวังใหญ่ ม.2 ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี

Re: "ปั่นทะลุฟ้า ฮา...ตะลุยเนิน" ภูเรือ - เชียงคาน - ภูเรือ ... 4 วัน 3 คืน

โพสต์ โดย somchit_prom »

นอกจาก..ฮา แล้ว....ยังทำสาระหล่นไว้เพียบเลย.....ขอติดตามเก็บตอนต่อไปครับ :D :D :D
popTC
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 200
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2013, 20:03
Bike: rit เขียวบิน
ตำแหน่ง: Bangkok
ติดต่อ:

Re: "ปั่นทะลุฟ้า ฮา...ตะลุยเนิน" ภูเรือ - เชียงคาน - ภูเรือ ... 4 วัน 3 คืน

โพสต์ โดย popTC »

รอติดตามอยู่ครับ

:D :D :D
ปั่นไปเลย
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 159
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2012, 16:36
Tel: 0898944745
team: 2 Legs @ Ride
Bike: Van Nicholus , Ridley
ตำแหน่ง: นนทบุรี - เลย
ติดต่อ:

Re: "ปั่นทะลุฟ้า ฮา...ตะลุยเนิน" ภูเรือ - เชียงคาน - ภูเรือ ... 4 วัน 3 คืน

โพสต์ โดย ปั่นไปเลย »

:P รอติดตามตอนต่อไปอยู่ครับ :P
The old bike never dies
รูปประจำตัวสมาชิก
sorpinya
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 841
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.ค. 2011, 14:28
team: ผีบ้า บ่พอปัว
Bike: orbea H30 jab 7700 MASI CX

Re: "ปั่นทะลุฟ้า ฮา...ตะลุยเนิน" ภูเรือ - เชียงคาน - ภูเรือ ... 4 วัน 3 คืน

โพสต์ โดย sorpinya »

ปั่นไปเลย เขียน::P รอติดตามตอนต่อไปอยู่ครับ :P
"Right here i'm waiting for you"

[youtube]iLi_osYNsOU&autoplay=1[/youtube]
ลุงหนุ่ม
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2013, 22:16

Re: "ปั่นทะลุฟ้า ฮา...ตะลุยเนิน" ภูเรือ - เชียงคาน - ภูเรือ ... 4 วัน 3 คืน

โพสต์ โดย ลุงหนุ่ม »

:roll: ตอนต่อไปมาเมื่อไรคับ ใกล้ยัง?? :roll:
รูปประจำตัวสมาชิก
Tee-2012
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 386
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 21:20
team: หมูหมอบ
Bike: " เฟสสัน จักรยานยุคพัฒนา ควรค่าแก่การเลือกใช้ "
ตำแหน่ง: ตรงไหนก็ได้ ที่เป็นเมืองไทย

Re: "ปั่นทะลุฟ้า ฮา...ตะลุยเนิน" ภูเรือ - เชียงคาน - ภูเรือ ... 4 วัน 3 คืน

โพสต์ โดย Tee-2012 »

รูปภาพ

"ขออภัยมิตรรักแฟนเพลงทุกท่าน ที่ต้องให้รอนาน :cry: :cry: :cry: :cry:
เนื่องด้วยทั้งงานราษฎ์ งานหลวง งานบ้าน งานเรือน รุมเร้า และที่สำคัญ ความเกียจคร้านในตัวดันมากำเริบ ทำให้ที่ผ่านมาถูกกระตุ้น เขี่ยๆ สะกิดๆ และดุนๆ ดันๆ จากเบาไปหาหนักจากพี่ๆ :lol: :lol: :lol: :lol: เลยทำให้ต้องมานั่งปั่นตอน 2 ต่อด้วยความเต็มใจครับ :lol: :lol: :lol: :lol:
เชิญติดตามชมได้เลยครับ..."




17 พฤศจิกายน 2556
วันที่สองของการเดินทาง วันแรกของความโหด


"ตีห้า" คือเวลาที่พวกเรานัดกันไว้ว่าจะตื่น เพื่อเตรียมตัวสำหรับการปั่นในวันแรก แต่เอาเข้าจริง พี่พอลก็ตื่นมานั่งรับลมหนาวตั้งแต่ตีสาม พี่ชาร์ลก็พลิกตัวไปมาครึ่งหลับครึ่งตื่น พี่พิชก็เช่นเดียวกัน จากการประเมินด้วยความรู้ส่วนตัวของผมที่สะสมมา ทั้งสามท่านนั้นมิได้ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เลยตื่นเช้าแต่ประการใด แต่น่าจะเป็นเพราะวัยที่ร่วงโรย ล่วงเลยเข้าสู่ระดับ สว. แล้วต่างหาก เลยทำให้นอนน้อย นอนดึก ตื่นเช้าเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนผม..ตีสี่ครับ ตื่นตามเวลา เนื่องจากอายุยังน้อยเลยนอนได้เต็มที่ :lol: :lol:

อากาศยามเช้ามืดที่ภูเรือต้องบอกได้เลยว่านี่คือ "กำไรของชีวิตอย่างแท้จริง" เย็น แต่ไม่หนาวเท่ากลางคืน ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดาว กระจ่างชัดเหมือนลอยอยู่ใกล้ๆ เงียบและสงบ อากาศบริสุทธิ์ สดชื่นมากๆ เหมือนได้เพิ่มพลังชีวิตทุกครั้ง ที่ได้หายใจเข้าเต็มปอด

หลังจากอาบน้ำอาบท่า แต่งตัวกันเรียบร้อย พวกเราก็มาจัดแจงเตรียมความพร้อมทั้งคน และรถ ทริปนี้ พี่พอล กับพี่พิช ใช้กระเป๋าติดตะแกรงหลังเพื่อบรรทุกสัมภาระสำหรับไปนอนค้างคืนกันที่จุดหมายปลายทางคือเชียงคาน เมืองเลย แต่ผมกับพี่ชาร์ล ใช้เป้สะพายหลัง ซึ่งหลังจากทริปนี้ถึงทำให้รู้ว่า การเลือกใช้อุปกรณ์ให้เหมาะกับสภาพการณ์เป็นเรื่องสำคัญมากๆ

รูปภาพ

รูปภาพ



หลังจากรถพร้อม คนพร้อม ก็ตั้งกล้องถ่ายรูปกันก่อนออกเดินทางซะหน่อย

รูปภาพ



ยังมืดอยู่มาก มืดแบบที่พี่ชาร์ลบอกว่า มืดจนมองยังไม่เห็นลายมือ ซึ่งผมเองอยากจะเถียงใจจะขาดว่ามันจะไปเห็นได้ไงพี่ ก็ในเมื่อเราใส่ถุงมือกันทุกคน แต่ก็ได้แค่คิดเงียบๆในใจ ไม่กล้าพูดออกไป เพราะกลัวแกจะถอดรองเท้า แล้วให้ผมดูลาย......แทน :lol: :lol: :lol: :lol:

ออกจากซอยบ้านที่พักมาได้สักระยะ เราก็เลี้ยวขวาขึ้นถนนใหญ่มุ่งหน้าไปทางเมืองเลยกัน ตอนนี้ปั่นกันลำบากมากครับ เพราะทั้งมืด ทั้งเย็น แว่นก็เป็นฝ้าจากไอน้ำไปหมด ออกถนนใหญ่กันได้ไม่นานก็ถูกรับน้องด้วยเนินสั้นๆแต่ชันกันเลย
ที่เนินแรกนี้ พวกเราก็ได้รับคำแนะนำจากพี่ชาร์ลว่า เวลาไหลลงเนิน ให้เปลี่ยนจานหน้าเป็นจานใหญ่ไว้ เพื่อที่ถ้าเกิดอุบัติเหตุรถล้ม ฟันจานหน้าจะได้ไม่บาดน่อง อันนี้เป็นความรู้กึ่งเก่ากึ่งใหม่สำหรับผม เพราะเมื่อตอนหัดปั่นดันเนินใหม่ๆ ผมมีโอกาสได้ไปปั่นขึ้นเขาสั้นๆ ชันๆ ที่ระยอง ก็มีพี่ท่านนึงเคยแนะนำไว้แล้ว แต่ด้วยความที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสขึ้นเขาเท่าไหร่เลยหลงลืมไปตามกาลเวลา

และที่เนินแรกนี้เช่นเดียวกัน ตอนขึ้นไม่ค่อยเท่าไหร่พวกเราต่างคน ต่างก็ค่อยๆดันกันขึ้นไป แต่ตอนลง สำรับท่านอื่นผมไม่รู้แต่สำหรับผม ผมเสียวมากครับ ทางลงอาจจะไม่ชันมาก แต่ด้วยความมืดของเส้นทาง แว่นก็เป็นฝ้ามองอะไรไม่ชัด ถนนก็ลื่นเพราะน้ำค้าง ทำให้ต้องตื่นตัวในการควบคุมรถมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ เสียวแต่ก็ผ่านมาได้อย่างปลอดภัย

ยิ่งปั่นไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งมีความสุข เพราะถนนที่นี่เข้าขั้นดีมาก ไหล่ทางกว้าง และเรียบ ฟ้าก็เริ่มสว่างขึ้นเรื่อยๆ มองเห็นทางชัดเจน ประกอบกับอากาศที่ดีมาก เลยทำให้พวกเราไม่เหนื่อยมากนัก

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ



หลังจากปั่นกันมาได้ประมาณ 13 กิโลเมตร ตอนนี้ฟ้าสว่างมากแล้ว เวลาก็น่าจะประมาณ 7:30 แดดกำลังดี ก็มาถึงทางแยก

รูปภาพ



พวกเราเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปทางอำเภอท่าลี่ ซึ่งเป็นจุดหมายที่เราตั้งใจไว้ว่าจะแวะทานข้าวเช้ากันที่นั่น พอเลี้ยวซ้ายมาได้ไม่นาน สิ่งที่เห็นตรงหน้า คือ"เนิน" ครับ เนินล้วนๆ พวกเราก็ปั่นขึ้นเนินกันไป คุยกันไป เสียงดังลั่นถนน ...เหมือนเดิมครับ แรกๆก็กัดคนไกลตัวก่อน แต่พอปั่นไปเรื่อยๆ คนไกลตัวทุกคนโดนกันถ้วนหน้าแล้ว พวกเราก็หันมานินทากันเอง

ในระหว่างพัก พี่พอลก็พูดให้ฟังว่า อีกไม่นาน ข้างหน้าจะมีเนินยาวๆ ชันๆอยู่เนินนึง บริเวณนั้นเค้าเรียกกันว่า "วังขาม" ทางที่เราจะปั่นขึ้นจะไม่ชันมาก แต่ทางลงจะชันมาก ให้ระวังไว้หน่อย พร้อมกับเล่าให้ฟังว่า เคยมีนักปั่นจักรยานท่านนึง เคยกล้าพิชิตเนินวังขามนี้โดยขึ้นจากทางฝั่งนู้น ปรากฎว่า ต้องหยุดพักถึงสามครั้ง น้ำที่เตรียมมาก็หมด สุดท้ายไม่สำเร็จ แรงหมด น้ำหมด จนต้องยอมโทรศัพท์ไปตามให้คนที่บ้านขับรถมารับกันเลยทีเดียว......

ผมเองตอนนั้นก็ได้แต่รับฟัง แต่นึกภาพไม่ออกหรอกครับว่าจะโหดแค่ไหน เพราะตอนที่คุยๆกันนั้น เราก็น่าจะปั่นขึ้นเนินกันมาแล้วไม่ต่ำกว่าสิบลูกได้ ก็ผ่านมาได้ตลอด เหนื่อยแต่ก็ยังไหว แต่พอพี่พอลเล่าจบ พร้อมกับชี้ให้ดูว่าเส้นทางข้างหน้าที่เราจะปั่นกันไปต่อ ซึ่งก็คือเนินนั้นน่ะแหล่ะ

พอเห็นเท่านั้นแหล่ะครับ ผมเข่าอ่อนเลยทีเดียว "พี่ครับ นั่นมันภูเขาแล้วพี่ ไม่ใช่เนินแล้วครับ"

**ขออภัยที่ไม่มีภาพประกอบนะครับ มีแต่ภาพที่ใกล้เคียง เส้นทางจะประมาณไต่ลัดเลาะขึ้นเขาที่ความสูงลักษณะนี้ครับ **

รูปภาพ



อารมณ์ประมาณปั่นขึ้นเนินไปสักระยะจะเจอทางเลี้ยว พอเลี้ยวไปก็จะเจอเนิน พอปั่นขึ้นเนินไปก็จะเจอทางเลี้ยว พอเลี้ยวไปก็จะเจอเนิน เป็นอย่างนี้อยู่เรื่อยๆจนถึงยอดเขานั่นแหล่ะครับ

รูปภาพ



พวกเราก็พยายามกัดฟันกันปั่นขึ้นครับ ช่วงแรกหลังจากที่ได้พักมาก็ยังมีแรง ก็ยังพอไหว แต่หลังจากนั้นนรกเริ่มมาเยือนครับ เพราะความรู้สึกมันเหมือนขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ไม่จบไม่สิ้นกันซะที ยิ่งเงยหน้ามองเส้นทาง ก็ยิ่งท้อ เพราะจะมองเห็นแต่เนิน เนิน เนิน และก็เนินอยู่ข้างหน้าไปเรื่อยๆ แรงก็เริ่มหมด ทางที่ดีที่สุดคือก้มหน้าก้มตาปั่นไป ผมหมายถึง "ก้มหน้า" และ "ก้มตา" ปั่นกันจริงๆนะครับ เพราะถ้ายิ่งเงยหน้ามองไปข้างหน้า ความรู้สึกที่ได้เห็นเนินยาวๆอยู่ข้างหน้า มันจะยิ่งบั่นทอนกำลังใจ การไม่มองมันซะแล้วมุ่งสมาธิไปที่การปั่น กับรักษารอบขาให้คงที่ น่าจะเป็นการดีที่สุด

ตอนนี้เกียร์ใคร มีเท่าไหร่ก็งัดกันมาใช้กันจนหมด ก่อนมาทริปนี้ พวกเราได้เปลี่ยนจานหน้าใบเล็กเป็น 21 ฟันเตรียมไว้ ซึ่งบอกได้เลยว่า มีประโยชน์ และช่วยได้มากๆครับสำหรับคนที่ปั่นรักษารอบขาเพื่อดันเนิน เพราะจาน 21 จะไม่หนักมาก ควงขาได้เรื่อยๆ ไม่เบา และหนักเกินไป

แต่หลังจากผ่านไปได้สักสามในสี่ของเส้นทาง หลังจากหยุดพักกันมาไม่ต่ำกว่าสามครั้ง เรี่ยวแรงก็เริ่มจะไม่ไหวแล้ว เนินข้างหน้าก็รู้สึกเหมือนจะไม่จบไม่สิ้นสักที ตอนนี้อาการเกียร์หมดที่ผมเคยได้ยินเค้าร่ำลือกันมา ก็เริ่มมาเยือนผมแล้ว ความรู้สึกที่อยากให้รถมีเฟืองหลังสัก 20 เฟือง จะได้กดไต่ขึ้นไปได้อีกมันเข้ามาวนเวียนอยู่ในหัว กดเกียร์จนถึงเฟืองใหญ่สุดแต่ขาหมดแรงปั่น จนเบลอถึงขนาดพยายามที่จะกดเกียร์ให้ขึ้นไปอีกนี่ ผมเป็นก็ครั้งนี้เลย

สัมภาระที่แบกอยู่บนหลังคือตัวถ่วงที่อยากจะปลดโยนทิ้งมันข้างทางซะเลย ถ้าไม่กลัวว่าคืนนี้จะไม่มีชุดใส่ ตอนนี้แหล่ะครับถึงได้เข้าใจว่า เหตุใดรถทัวริ่งทางไกลถึงเหมาะที่จะใช้กระเป๋าสัมภาระติดตะแกรง มากกว่าที่จะแบกเป้ไปไหนต่อไหน เพราะน้ำหนักที่เพิ่มให้รถ กับน้ำหนักที่เพิ่มให้คน ต่อให้น้ำหนักรวมเท่ากันแต่การออกแรงกระทำเพื่อให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้านั้น มันใช้แรงต่างกันเยอะ อีกทั้งการแบกเป้ที่มันจะหนักขึ้นเรื่อยๆตามระยะทางและความเหนื่อยของร่างกายนั้น มันสร้างความล้าและลดความคล่องตัวในการปั่นไปเยอะเลย

แต่ในที่สุด พวกเราก็ขึ้นมาถึงจุดสุดยอด เอ๊ย..จุดสูงสุดกันจนได้ ทางลงที่มองเห็นยาวๆ ไกลๆ อยู่ข้างหน้า เปรียบได้กับโบนัสงามๆประมาณ 8 เดือนกันเลยทีเดียว แต่ความน่ากลัวของทางลงไม่ใช่มีแค่ความชันเท่านั้น แต่สภาพเส้นทางที่เห็นก็น่ากลัวไม่แพ้กัน เพราะทางไม่ดีเลย มีซ่อม มีปะตลอดทาง และบางช่วงก็เป็นหลุมเป็นบ่ออีกต่างหาก

รูปภาพ



แต่ยังไงๆก็ต้องลงครับ ผมก็ปล่อยรถไหลลงมาเป็นคันแรก ตามด้วยพี่พิช พี่พอล และพี่ชาร์ล ยิ่งไหล ก็ยิ่งเร็ว เร็วจนน่ากลัว ใจอยากจะเหลือบมองไมล์เหมือนกันว่าความเร็วขนาดไหน แต่ก็ไม่กล้าละสายตาเลยครับ มันลงมาเร็วมากๆ ต้องค่อยชะลอความเร็วด้วยการเบรคเป็นระยะๆ ตอนนี้ใครถนัดเทคนิคการเบรคแบบไหน ก็ใช้แบบนั้นเลยครับ ตัวผมเองจะถนัดแบบเบรคข้างนึงก่อนแบบช้าๆเบาๆ แล้วค่อยๆผ่อน พร้อมๆกับเปลี่ยนเป็นเบรคอีกข้างแบบช้าๆเบาๆสลับกันอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ถ้าช่วงไหนทางไม่ดี ต้องการเบรคหนักๆ ถึงค่อยๆบีบเบรคพร้อมกัน เหตุผลที่ผมใช้วิธีนี้ ก็เพื่อป้องกันเบรคเฟด หรือที่เราเรียกกันว่า"เบรควืด" นั่นเอง ซึ่งอาการเบรควืดนี้ จะเกิดจากการที่ผ้าเบรคเสียดสีกับใบดิสก์จนร้อนมาก จนกระทั่งน้ำมันเบรคเดือด ทำให้สูญเสียความหนืด เลยไม่มีแรงพอที่จะไปกดผ้าเบรคให้ไปจับใบดิสก์ได้ และยังหลีกเลี่ยงอีกอาการนึงได้ด้วยก็คือ "ผ้าเบรคไหม้" ครับ เพราะถ้าเราบีบเบรคลึกๆ พร้อมๆกันเป็นระยะเวลานาน การเสียดสีที่ผ้าเบรคจะให้เกิดความร้อนสะสมสูงมากจนใบดิสก์ร้อนจัดได้ครับ

แต่ความรู้สึกที่ลมเย็นๆ ฉ่ำๆปะทะหน้าตอนลงเขายาวๆนี้ มันทำให้ลืมความเหนื่อยยากที่เราฝ่าฟันมาได้เลยครับ อย่างนี้นี่เอง ที่เราเรียกกันว่า "โบนัส สำหรับคนดันเนิน"

พอลงมาถึงทางราบข้างล่างได้ ผมหันไปมองข้างหลังก็เจอแต่พี่พิชขาแรงคนเดียวที่ตามมาติดๆ เราก็เลยหยุดพักกัน เพื่อรอพี่ๆอีกสองท่าน

รูปภาพ

รูปภาพ



แต่รออยู่สักระยะก็ยังไม่ลงมา ตอนนั้นก็เริ่มกังวลแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นหรือป่าว รถเป็นอะไร หรือถึงขั้นร้ายแรงแบบคนเป็นอะไรหรือป่าว ตอนนั้นผมก็เริ่มคิดแล้วหล่ะครับเพราะเราสองคนก็รอกันอยู่นานพอควร แต่อีกพักนึงผมก็เริ่มเห็นพี่สองท่านนั้น ค่อยๆไหลลงเนินมาลิบๆ ใจก็เลยรู้สึกดีขึ้น พอพี่พอล กับพี่ชาร์ลลงมาได้ ถึงได้รู้ว่า รถของพี่ทั้งสองท่านนั้น เบรคไหม้ทั้งคู่ จึงต้องหยุดพักกลางทางเป็นระยะๆ ก่อนที่จะลงมาเรื่อยๆ

รูปภาพ

รูปภาพ



หลังจากลงมาได้จนครบ ผมก็มองย้อนกลับไปทางที่เราลงมาเมื่อสักครู่

รูปภาพ

รูปภาพ



โอ้ แม่ เจ้า ชันมาก ชันอะไรขนาดนี้ ชันและยาวมากๆ แทบไม่มีจุดพักเลย ชันจนแม้แต่ตอนลงก็ยังน่ากลัว ไม่แปลกเลยที่นักปั่นท่านนึงที่พี่พอลเล่าให้ฟังว่าเค้าปั่นขึ้นทางนี้แล้วพิชิตไม่ได้ จนต้องเรียกรถมารับ เพราะเส้นทางอย่างนี้ มันเกินความสามารถของมนุษย์ทั่วๆไปแล้วหล่ะครับ แค่พี่ท่านนั้นกล้าปั่นขึ้นไป ก็สุดยอดมากๆแล้วครับ นับถือ นับถือ

*** Max Speed ของทริปนี้ ผมได้มากจากทางลงตรงนี้ครับ ***

รูปภาพ



หลังจากนั้นก็เป็นทางราบยาวๆ สลับเนินสั้นๆ ไปเรื่อยๆ อีกไม่นานนักเราก็เข้าสู่เขตอำเภอท่าลี่ ซึ่งเราก็แวะพักทานอาหารเช้ากันที่นี่ครับ อาหารก็สิ้นคิดง่ายๆ ครับ ผัดพริกแกงไก่ ไข่ดาว เกาเหลาอีกคนละชาม แค่นี้ก็สุดยอดแล้วครับ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ



หลังจากอิ่มกลิ้ง พุงกางกันแล้ว เราก็ออกเดินทางกันต่อทันทีเพราะหนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล และตอนนี้ก็เริ่มสายมากแล้ว เส้นทางที่เราปั่นกันต่อมุ่งหน้าไปทาง อบต.ปากตม เชียงคาน ผ่านโรงเรียนท่าดีหมี เพื่อที่จะไปแวะสักการะพระใหญ่ ที่วัดพระใหญ่ริมแม่น้ำเหือง เส้นทางก็ง่ายๆ ชิวๆ แต่แดดก็ร้อนขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน จนถึงตอนนี้เราก็ปั่นกันมาได้เกินครึ่งทางแล้ว เรี่ยวแรงจากอาหารเช้าที่กินกันตอนสายก็ร่อยหลอลงไป ผมเองบางครั้งปั่นขึ้นสะพานสั้นๆยังหมดแรงเลยครับ แต่ถึงจะเหนื่อยแค่ไหน พวกเราก็กำลังใจดี ปั่นไปคุยไปตลอดทางจนถึงโรงเรียนท่าดีหมี ที่เป็นจุดทางแยกเพื่อจะปั่นไปวัดพระใหญ่

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ



ที่นี่พวกเราก็ได้พักกันยาวๆ เพราะรถพี่พิชมีปัญหาที่ตะแกรงหลังนิดหน่อย ไม่รู้ปั่นอีท่าไหน น็อตหลุดหายเฉย เลยต้องหาวิธีซ่อมกันอยู่พักใหญ่ หายเหนื่อยได้เยอะเลย

รูปภาพ

รูปภาพ



หลังจากซ่อมเสร็จเรียบร้อย เราก็มุ่งหน้าไปวัดพระใหญ่กันทันที พี่พอลบอกว่าวัดจะอยู่บนเขา ห๊ะ..เขาอีกแล้วรึ แล้วทำไมไม่บอกก่อนหล่ะพี่ เผื่อบางทีพวกเราอาจจะไม่อยากได้ความเป็นสิริมงคลก็ได้ พวกเราอาจจะอยากปั่นสบายๆมั่งน่ะพี่ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ มาถึงขนาดนี้แล้ว จะถอยก็เสียชื่อ ถึงแม้คนอื่นไม่รู้ แต่พวกเดียวกันเองรู้ แค่นี้ก็เอาไปนินทากันได้อีก 8 ปีแล้ว ยังไงๆก็ต้องกัดฟันลุยไป ทางปั่นไปเขาที่ตั้งของวัดพระใหญ่ต้องปั่นผ่านหมู่บ้านเล็กๆ และป่าละเมาะย่อมๆ อากาศที่ร้อนๆอยู่ ก็ค่อยๆเย็นลง นั่นเป็นสัญญาณให้รู้ว่ากำลังจะขึ้นเขาแล้วนะเออ

และแล้วเราก็มาถึงทางขึ้นเขาจนได้ โอ้ว แม่ เจ้า (อีกแล้ว) ชันมาก ชันสุดๆ แหงนมองคอตั้งกันเลย แต่ดีหน่อยที่ระยะทางไม่ยาวมาก เอาวุ๊ย! มาแล้วก็ต้องขึ้น พวกเราก็ค่อยๆไต่กันขึ้นไปช้าๆ แรกๆตรงตีนเขา ก็ยังพอปั่นกันได้ แต่พอขึ้นไปเรื่อยๆ ทางก็ชันมากขึ้นเรื่อยๆ ชันแบบที่ว่าถ้าปั่นกันตรงๆหน้ารถจะยกจนหงายหลังกันเลย พวกเราก็เลยปั่นซิกแซกขวางถนนไปมาเพื่อลดความชัน แต่เพิ่มระยะทางแทน แต่ก็ช่วยได้แค่นิดหน่อย เพราะการปั่นอย่างนี้ ถ้าปั่นคันเดียวก็พอไหว แต่ถ้าปั่นกันหลายๆคน หลายๆคัน ถ้าคุมจังหวะความเร็วกันไม่ดี รถจะเกี่ยวกันได้เพราะบางครั้งเราอาจจะปั่นช้ากว่าคันหลังในจังหวะที่ซิกแซก

แล้วก็จนได้ เป็นเพราะความประมาทของผมเอง ไม่ทันมองว่าพี่พอลกำลังหักเลี้ยวกลับเพื่อสลับฟันปลา รถผมเลยไปเกี่ยวกับรถพี่พอลจนล้มเบาๆลงไปทั้งคู่ ไม่เจ็บอะไร พี่พอลก็ลุกขึ้นมาคร่อมรถ และปั่นซิกแซกขึ้นเขาต่อไปได้ แต่ผมด้วยน้ำหนักของเป้ที่ถ่วงหลัง กับระยะทางที่ชันมากๆ แค่จะออกตัวปั่นก็ทำไม่ได้แล้ว เพราะหน้าจะลอยตลอดเวลา ลองพยายามอยู่ 2-3 ครั้ง ก็ไม่ได้ ตอนนั้นใจบอกให้เข็นแล้วหล่ะครับ แต่ใจมันห้าว ยังไงก็จะไม่ยอมเข็น เลยตัดสินใจไหลลงมาทางราบตีนเนิน แล้วปั่นขึ้นไปอีกครั้ง

พอปั่นขึ้นมาถึงจุดที่รถล้มเมื่อสักครู่นั้น แรงก็หมด หมดแบบว่าไม่เหลือเลย งัดทุกวิชาที่มีมาใช้ทั้งควงช้าๆเบาๆ โน้มตัวไปข้าง ก้มหน้าก้มตา ปั่นซิกแซกขวางถนนไปมา ก็ยังไม่รอด เลยจุดที่ล้มมาได้อีกหน่อย เห็นวัดอยู่ไกลๆ แรงก็หมด สุดท้ายก็ต้องลงเข็นจนได้ และเพราะการลงเข็นนี่เอง ที่ทำให้ผมได้รับบทเรียนสำคัญที่ผมสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะจำไปใช้กับภูเขาทุกลูกที่จะมีโอกาสได้ปั่นในชีวิตนี้ นั่นคือ "เข็น ... เร็วกว่าเยอะเลยวุ๊ย"

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ



ถึงวัดก็หมดครับ พังพาบกันเลย ยังดีที่บริเวณวัดมีชาวบ้านมาขายผลไม้ มีกล้วยอยู่ด้วย เลยจัดซะคนละสามสี่ลูก กินกันเป็นหวีๆ พร้อมกับชื่นชมบรรยากาศดีๆของแม่น้ำเหืองที่แบ่งกั้นชายแดนไทย-ลาว

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ



หลังจากพักหายเหนื่อยกันแล้ว ก็ไหว้สักการะขอพรให้เดินทางปลอดภัยกับพระใหญ่ท่าน แล้วพวกเราก็ลงจากเขามาเพื่อเดินทางต่อ โดยจุดหมายปลายทางครั้งนี้คือ...เชียงคาน

ลงมาเราก็ปั่นไปตามทางเรื่อยๆ เวลาบ่ายแก่ๆแบบนี้ แดดแรงมากๆ เลยต้องพักบ่อยหน่อย

รูปภาพ

รูปภาพ



เจอสวนมะขามชาวบ้าน พี่ชาร์ล ก็พาแวะเข้าไปทำธุระโดยมิได้นัดหมายกันทันที

รูปภาพ



จุดตรวจบ้านคกงิว จุดชมวิวไทย-ลาว ริมน้ำโขง

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ



ระหว่างทางก็ต้องผจญภัยไปกับทางราบที่ถนนแสนจะย่ำแย่อันเกิดจากการที่รถบรรทุกทราย วิ่งไปมาจนถนนพัง ระยะทางที่ปั่นเส้นนี้แค่ไม่กี่กิโล แต่ด้วยความขรุขระ ลุ่มๆดอนๆของถนนก็ทำให้พวกเราเสียเรี่ยวแรงกันไปพอสมควร

รูปภาพ



หลังจากหลุดทางแย่ๆแบบนั้นมาได้ ก็เข้าเขตอำเภอเชียงคาน พวกเราต่างก็ปั่นมุ่งหน้าสู่ที่พักสำหรับคืนนี้กันทันที

รูปภาพ



ที่พักสำหรับคืนนี้ครับ

รูปภาพ



"บ้านเฮือนดิน" เจ้าของเป็นคู่สามี-ภรรยาที่น่ารัก และใจดีมากๆ บ้านพักที่นี่ถูกสร้างโดยใช้ดินมาฉาบเป็นผนัง เลยทำให้ในช่วงหน้าร้อน บ้านพักจะเย็น และในช่วงหน้าหนาวอย่างที่พวกเราไปกันนั้น บ้านพักกลับไม่หนาวอย่างที่คิด บ้านพักทังหมดถูกออกแบบ และสร้างโดยผู้ที่เป็นเจ้าของเอง เก่งมากๆครับพี่

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ



ซึ่งที่นี่ พี่พอลได้นัดเสือเจ้าถิ่นท่านนึงไว้ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าแก่ ที่มีใจรักการปั่นจักรยานเช่นเดียวกัน

รูปภาพ



นั่นคือท่าน "ส.ภิญญา" เสือเจ้าถิ่นแห่งเมืองเลย ผู้สร้างตำนาน ปั่นเดี่ยวตะลุยเวียดนาม เขมร มาแล้ว และเสือท่านนี้เองที่กล้าปั่นขึ้นเขาทางลงที่วังขาม ที่พี่พอลพูดถึง.......สุดยอดครับพี่

http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 6&t=628900



หลังจากเก็บข้าวของ จับจองห้องหับ นั่งพักหายเหนื่อยกันสักพัก พี่ "ส.ภิญญา" ก็พาพวกเราปั่นเข้าเชียงคาน เพื่อไปหาข้าวเย็นกินกันที่แก่งคุดคู้

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ



ร้านนี้ครับ อาหารรสดี ราคาไม่แพง บริการเป็นกันเอง

รูปภาพ

รูปภาพ



ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล ความหิวที่เกิดจากร่างกายใช้พลังงานไปจนหมด กับบรรยากาศริมแก่งคุดคู้ที่สวยมากจนไม่น่าจะมีที่ไหนเทียบเคียง และการต้อนรับอย่างอบอุ่นของเสือเจ้าถิ่น ทำให้อาหารมื้อนั้น เป็นมื้อที่สมบูรณ์พร้อมที่สุดในทุกๆเรื่อง
หลังจากอิ่มหมี (ทำไมต้องอิ่มหมี ทำไมไม่อิ่มแมว อันนี้ใครทราบหลังไมค์มาบอกผมมั่งนะครับ) หลังจากที่อิ่มหมี พลีมันกันเรียบร้อย พวกเราก็มาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันที่ริมแก่ง และปั่นชมบรยากาศริมโขงกันไปเรื่อยๆจนถึงที่พัก

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ



ค่ำๆ ผมกับพี่พิช พี่พอล ก็ออกมาเดินเล่นชมนก ชมไม้ ชมสาวๆหนุ่มๆกันที่ถนนคนเดิน เชียงคานในคืนวันลอยกระทงกัน ส่วนพี่ชาร์ล อาสาเฝ้ารีสอร์ทโดยมีพี่เสือทั้งสองอยู่เป็นเพื่อน คือพี่เสือ "ส.ภิญญา" กับพี่เสือ "ลีโอ" อิอิ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

กลับมาถึงที่พัก ก็ได้นั่งคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์มันส์ๆ หนุกๆ ตอนออกทริป ของพี่ "ส. ภิญญา" ได้รู้ว่าพี่เค้าเคยเจออะไรแปลกๆเยอะมากๆ จากการปั่นออกทริปต่างแดน ทั้งสนุก ทั้งน่ากลัว และอันตราย พี่เค้าก็ผ่านมาหมด...

หลังจากนั้น ต่างคนต่างก็ง่วง ก็แยกย้ายเข้านอน ปล่อยให้พี่ชาร์ล กับพี่เสือทั้งสอง นั่งสนทนาชมบรรยากาศริมฝั่งโขงกัน

.
.
.
.
.

เป็นวันแรกที่โหดมาก แต่ก็สนุกมาก วันนี้ทำให้ผมรู้ว่าตัวผมเองสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปได้ โดยที่ตัวเองก็คาดไม่ถึง แต่ก็แลกมาด้วยร่างกายที่อ่อนล้า บอบช้ำ เพราะใช้งานหนักมากเกินไป

ความรู้สึกก่อนนนอนของวันนี้ กับเมื่อวาน เรียกได้ว่า คนละอารมณ์กันอย่างสุดขั้วกันเลย เมื่อวานยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง ความทะเยอทะยาน ที่จะไปให้ถึง แต่คืนนี้ ผมเองกลับเริ่มมีความคิดที่จะหยุด และยอมแพ้ ......






ติดตามตอนต่อไป ......
"ถ้าคิดจะคบเป็นเพื่อนกันนานๆ อย่าถามถึงราคาอะไหล่จักรยานต่อหน้า...เมีย"
รูปประจำตัวสมาชิก
น้านนท์
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 786
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2010, 22:03
team: ยังไม่กล้าเข้ากลุ่ม กลัวปั่นไม่ทันครับ "เกรงว่าจะไปเป็นภาระ"
Bike: WHEELLER PRO320 "ม่วง+ดำ" 18/12/2555 >>> ขี่วันแรก 19/12/2555
ตำแหน่ง: ถนน345 จ.ปทุมธานี

Re: "ปั่นทะลุฟ้า ฮา...ตะลุยเนิน" ภูเรือ - เชียงคาน - ภูเรือ ... 4 วัน 3 คืน

โพสต์ โดย น้านนท์ »

:mrgreen: :lol: :D แจ่มมากกกกกกครับ อยากไปอ่ะ
:oops: .. น้านนท์ .. Line id: cok.uz
:mrgreen: :lol: :lol: :lol: :mrgreen:
รูปประจำตัวสมาชิก
Max77777
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1606
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ต.ค. 2008, 15:37
Tel: 0816708322
team: เลยทีม
Bike: Bianchi...

Re: "ปั่นทะลุฟ้า ฮา...ตะลุยเนิน" ภูเรือ - เชียงคาน - ภูเรือ ... 4 วัน 3 คืน

โพสต์ โดย Max77777 »

:D กำลังสนุก
ปั่นไปเลย
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 159
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2012, 16:36
Tel: 0898944745
team: 2 Legs @ Ride
Bike: Van Nicholus , Ridley
ตำแหน่ง: นนทบุรี - เลย
ติดต่อ:

Re: "ปั่นทะลุฟ้า ฮา...ตะลุยเนิน" ภูเรือ - เชียงคาน - ภูเรือ ... 4 วัน 3 คืน

โพสต์ โดย ปั่นไปเลย »

น้านนท์ เขียน::mrgreen: :lol: :D แจ่มมากกกกกกครับ อยากไปอ่ะ
:lol: ทริปหน้าหลังจากไปพิชิตดอยอินทนนท์ กลุ่มเราจะไปลุย ภูเรือ-ด่านซ้าย-นาแห้ว-พักอุทยานภูสันทราย :lol:
The old bike never dies
ปั่นไปเลย
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 159
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2012, 16:36
Tel: 0898944745
team: 2 Legs @ Ride
Bike: Van Nicholus , Ridley
ตำแหน่ง: นนทบุรี - เลย
ติดต่อ:

Re: "ปั่นทะลุฟ้า ฮา...ตะลุยเนิน" ภูเรือ - เชียงคาน - ภูเรือ ... 4 วัน 3 คืน

โพสต์ โดย ปั่นไปเลย »

:lol: ภูเรืออากาศเริ่มเย็นอีกแล้ว น่าปั่นไปเชียงคาน :lol:
The old bike never dies
ตอบกลับ

กลับไปยัง “สรุปทริป / รายงานการปั่น”